ตอนที่ 3
ต่ำต้อย
ตฤณกลับมาถึงที่บ้านเขามองหน้าภรรยาไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตเขาในวันนี้อย่างไรดี เพราะตัวเขาเองก็ยังสับสนไปหมด
“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ตั้งแต่กลับมายังไม่ยอมพูดอะไรเลย”
ดุจดาวกำลังตักน้ำพริกกะปิใส่ถุงเตรียมออกไปขาย นั่งมองสามีมานานยังไม่เห็นเขาจะเอ่ยทักเธอสักคำ
ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้เดินมาล้างมือที่อ้างก่อนที่จะมาช่วยภรรยาหั่นชะอมชุบไข่
“วันนี้พ่อของพี่เขามาหาที่โรงงาน”
ดุจดาวฟังคำสามีถึงกลับพูดไม่ออก เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี
“ถ้าเขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งพี่คงสบายใจกว่านี้ แต่นี่เขารวยมีโรงสีของตัวเองและเป็นเพื่อนกับเจ้าของโรงงานที่พี่ทำอีก รวยขนาดนี้กลับทิ้งพี่กับแม่”
ดุจดาวลุกขึ้นไปหาสามี ด้วยความรู้สึกสงสารเขาคงลำบากมามากแล้วพอมารู้ว่าพ่อแท้ ๆ มีฐานะดีก็คงจะเสียความรู้สึก
“ดาวพี่ไม่ได้โกรธพ่อนะ แต่พี่ทำตัวไม่ถูก เฮ้อ! อย่าเพิ่งไปคิดถึงมันดีกว่า เตรียมไปขายของเดี๋ยวไม่เสร็จ” ชายหนุ่มตัดบท
3วันต่อมา
ตระการกลับมารับลูกชายและลูกสะใภ้ไปที่บ้านของเขาที่อยู่ห่างจากบ้านของทั้งคู่และรถก็ติดมาก
ภาพที่ดุจดาววาดฝันถึงบ้านหลังใหญ่ พอไปถึงมันกลับใหญ่มากกว่าที่เธอคิดเสียอีก แค่ที่จอดรถก็ใหญ่กว่าบ้านที่กำลังอยู่ตอนนี้เสียอีก
ชุลีเธออายุเกือบแปดสิบปีแล้วแต่ยังดูแข็งขัน ความสวยของเธอยังคงหลงเหลือบนใบหน้าที่เริ่มเหี่ยวย่น เธอรีบสาวเท้าเดินมาที่หน้าประตูบ้านที่ทำด้วยไม้สักทองบานใหญ่เพราะอยากเห็นหน้าหลานชายทายาทคนเดียวของตระกูลตอนนี้
“สวัสดีครับคุณย่า”
“สวัสดีดีค่ะคุณย่า”
หลานชายและหลานสะใภ้ยกมือไหว้สวัสดีอย่างนอบน้อม ถึงแม้ดุจดาวจะรู้สึกกลัวในท่าทีของชุลีที่ดูเหมือนเห็นเธอเป็นอากาศอยู่บ้างแต่หญิงสาวก็ฝืนหน้ายิ้ม
“เข้ามาในบ้านกันก่อนด้านนอกอากาศร้อน ย่าเปิดแอร์ไว้รอแล้วกลัวจะมาถึงแล้วร้อนกัน”
เสียงของคนเป็นย่ายังติดสำเนียงคนจีนเพราะต้นตระกูลของตระการเป็นชาวจีนที่อพยพมาจากแผ่นดินใหญ่
“ชื่อตฤณใช่ไหม แม่ของหลานถึงมันจะไร้การศึกษา บ้านนอกบ้านหน้า แต่มันก็ตั้งชื่อลูกชายได้ดูเพราะเหมือนกัน”
คำทักทายของคนเป็นย่าทำเอาทั้งตฤณและดุจดาวต่างมองหน้ากัน
“คุณแม่ครับ นี่ดุจดาวภรรยาของตฤณ”
หญิงสาวหันไปยกมือไหว้ผู้ใหญ่ของบ้านอีกหนึ่งครั้งด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายเมตตาเธอที่สุด
“ไหว้สองรอบแล้ว สัมมาคารวะดี ว่าแต่ที่บ้านทำธุรกิจอะไร”
“หนูเป็นลูกกำพร้า พ่อกับแม่เสียหมดแล้ว ขายแกงอยู่หน้าโรงงานที่พี่ตฤณทำงานอยู่ค่ะ”
ดุจดาวเธอได้ยินคำถามที่เหมืนจะหวังได้คำตอบให้เธอเป็นลูกผู้ดีมีเงิน แต่ในเมื่อความจริงมันไม่ใช่และเธอก็ภูมิใจกับอาชีพของเธอเอามาก ๆ
“อาไรวะ! ทั้งพ่อทั้งลูกเลย มีเมียแต่ละทีไม่รู้จักเลือก คนพ่อก็เอาแม่ค้าขนม พอมาถึงลูกก็ได้แม่ค้าขายแกง แทนที่จะได้มาต่อยอดธุรกิจกัน ใช้ไม่ได้ทั้งพ่อทั้งลูกเลย”
บรรยากาศที่ตอนแรกดูทุกคนมีความสุขที่จะได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่ตอนนี้ชุลีทำลายทุกอย่างจนแทบจะหมดสิ้น
“คนเราชอบและรักไม่เหมือนกันค่ะ พี่ตฤณรักหนู เพราะรักที่จิตใจและหนูก็รักพี่เขาที่ใจเหมือนกัน แต่หนูเชื่อย่างหนึ่งถ้าพ่อแม่ของหนูยังอยู่คงไม่บอกว่าหนูไม่รู้จักเลือกเอายามมาเป็นสามีแน่ ๆ เพราะครอบครัวหนูเคารพศักดิ์ศรีของความเป็นคน ที่ทุกคนมีเท่ากันค่ะ”
ตระการไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรเพื่อให้เหตุการณ์ตรงหน้าดีขึ้น เขาจึงเรียกคนรับใช้ของที่บ้านให้ตั้งโต๊ะอาหารได้แล้ว เพื่อทุกคนจะได้เปลี่ยนบรรยากาศ
“ไปกินข้าวกันดีกว่าครับทุกคน”
ตระการเดินไปพยุงมารดาที่ถึงจะไม่ได้เดินไม่ไหว แต่ก็ชอบที่จะให้ลูกชายคอยเอาใจ
ตฤณจับมือดุจดาวแน่น เขาต้องการให้เธอรู้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาอยู่ข้างเธอและเลือกเธอเสมอ
“ไม่เป็นไรค่ะ ดาวไหว”
หญิงสาวไม่อยากให้สามีลำบากใจ เธอจึงพูดโกหกออกไปทั้งที่ความจริง เธอแทบอยากจะแหกปากเถียงกับย่าของสามีและกลับบ้านของเธอเสียตอนนี้
“แล้วจะย้ายมาอยู่กับย่าเมื่อไหร่ อายุก็มากขึ้นทุกวัน พ่อเราก็ไม่ค่อยจะคล่อง งานที่โรงสีก็ไม่มีคนช่วย ไหนจะตลาดใน ตัวอำเภออีกมีเรื่องวุ่นวายได้ทั้งวัน พวกแม่ค้าไม่รู้เอาอะไรมาฟ้องกันตลอด คนนั้นว่าคนนี้ ส่วนคนนี้ก็ว่าคนนั้น ย่าปวดหัวไปหมด”
ดุจดาวได้แต่นั่งฟังหญิงชราบ่นนู่นบ่นนี่ตลอดการกินข้าว เธอไม่มีความสุขเลยแต่ยังคงฝืนยิ้มเพราะไม่อยากทำให้สามีของเธอไม่สบายใจ
“ตฤณไปลาออกเลยนะวันนี้ไม่ต้องทำมันแล้วยาม ออกมาทำโรงสี ส่วนเมียเราก็ให้ไปเฝ้าตลาด มัวมาขายแกงคนอื่นเขาจะดูถูกเอาเป็นถึงสะใภ้ตระกูลใหญ่ไปนั่งเป็นแม่ค้าขายแกงอยู่ ไม่เอา ๆ แล้วข้าวของเครื่องใช้อะไรทิ้งได้ก็ทิ้ง มาซื้อใหม่เอา แล้วบ้านที่อยู่เช่าเขาหรือซื้อ”
ตฤณสะดุ้งเมื่อถูกตระการสะกิดให้ตอบคนเป็นย่า เพราะเขาแทบจะไม่ตั้งใจฟังเลยว่าย่าพูดอะไรบ้าง
“บ้านซื้อครับแต่ยังผ่อนไม่หมด”
“เหลือเท่าไหร่ เดี๋ยววันนี้ย่าให้ไป จ่ายเขาให้หมดและปล่อยให้เช่า เห็นว่าอยู่หน้าโรงงาน ถ้ามีหลังไหนเขาขายอีกก็มาเอาเงินไปซื้อมีคนเช่าอยู่แล้วทำเลแบบนั้น คิดให้มันเยอะ ๆ เป็นถึงหลานเจ้าของโรงสี อย่าเอาสมองยามมาคิดมันจะไม่รวยเอา”
ตลอดเวลาบนโต๊ะอาหารจนถึงที่ทุกคนเดินมาหน้าบ้านเพื่อขึ้นรถกลับ หญิงชรายังคงพูดไม่หยุดและเป็นคำพูดที่ดูถูกคนได้ตลอดเวลา ดุจดาวฟังแล้วรู้สึกสงสารพ่อของชายหนุ่มที่ทนมาได้อย่างไรกันตั้งหลายปี เธอแค่นั่งฟังไม่กี่ชั่วโมงยังแทบจะทนไม่ไหว
“ย่าเขาก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ความจริงย่าเขาเป็นคนที่เมตตาคนนะ ตอนที่พ่อกลับมาบอกกับเขาว่าพ่อมีตฤณแล้วเขาก็จะยอมล้มเลิกงานแต่งงานที่เขาเตรียมผู้หญิงไว้ให้ แต่นิตยาก็ดันเข้าใจพ่อผิดพาลูกหนีไป พ่อเลยต้องแต่งงานและภรรยาใหม่พ่อมีลูกไม่ได้และที่สำคัญเขาก็ลูกคุณหนู วัน ๆ ก็ไม่ทำอะไรสุดท้ายก็เจอคุณย่าพูดแบบนี้ทุกวันเขาก็เลิกกับพ่อไป ”
ตระการหันมามองหน้าลูกสะใภ้ที่เอาแต่เงียบ เพราะเขารู้ว่าวันนี้มารดาของเขาพูดจาดูถูกดุจดาวเป็นอย่างมาก
“มาอยู่บ้านนี้ด้วยกันะลูก”
“ขอบคุณ คุณพ่อมากนะคะ แต่ดุจดาวขออยู่อย่างสบายใจที่บ้านที่เป็นน้ำพักน้ำแรงตัวเองดีกว่า การเป็นเมียยามชีวิต มีความสุขกับการเป็นเมียของทายาทคนเดียวของเจ้าของโรงสีแน่นอนค่ะ ให้พี่ตฤณเขามาอยู่คนเดียวดีกว่า อย่างไร เขาก็ย่าหลานกัน ดาวขออยู่ที่สบายใจดีกว่าค่ะ ”
ทั้งตระการและตฤณต่างเงียบเพราะรู้ว่าเวลานี้คงไม่มีคำพูดไหนมาเปลี่ยนใจดุจดาวได้แน่นอน แต่ที่คนเป็นพ่อเป็นห่วงคือ ลูกชายที่คงต้องเลือกระหว่างพ่อ ย่าและเมียที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ไม่ว่าจะลือกทางไหนก็คงมีคนต้องเจ็บเหมือนประวัติศาสตร์จะกลับมาซ้ำรอยอีกครั้ง
ตอนที่ 4ขอเวลา ตระการส่งทั้งคู่ที่บ้านด้วยความรู้สึกที่เป็นห่วง แต่ด้วยที่ไม่ได้เลี้ยงลูกมาจึงไม่กล้าแม้แต่จะออกความคิดเห็นใด ๆ บรรยากาศบ้านหลังเดิมที่เคยอบอุ่น มีความสุขถึงแม้จะต้องเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนแต่วันนี้บรรยากาศกลับดูเงียบ ต่างคนต่าง ไม่พูดจา ดุจดาวก็กลับไปที่มุมเดิมของเธอ เตรียมหมักหมูไว้ทอดขายพรุ่งนี้ ตฤณเองก็จะเข้าไปช่วยก็ไม่กล้าจึงเดินออกไป รดน้ำต้นไม้หน้าบ้านแทน ดุจดาวเธอนั่งหั่นหมูไปก็คิดไปว่าเธอคิดถูกไหมที่จะไม่ยอมไปอยู่ที่บ้านย่าของสามี ใจหนึ่งเธอก็สงสารตฤณอีกใจก็ไม่อยากต้องไปอดทนกับคำพูดที่แสนดูถูกแบบนั้น “พี่ ถ้าดาวไม่ไปพี่จะไปอยู่ที่บ้านพ่อพี่ไหม” เสียงถามของภรรยาทำให้ชายหนุ่มที่รู้สึกอึดอัดมาตั้งนาน รีบเดินจากหน้าบ้านและไปนั่งข้าง ๆ ภรรยาทันที มือหนาที่หยาบกร้านเพราะทำงานหนักมาตลอดจับมือเล็กที่หั่นหมูมาวางไว้ที่ขาของเขา “ก่อนหน้านี้เราก็อยู่กันได้ ลำบากกว่านี้เราก็ผ่านมาแล้ว คงไม่มีที่ไหนมีความสุขถ้าที่นั่นไม่มีเมียพี่” ดุจดาวส่งยิ้มพร้อมน้ำตาให้สามี เธอคิดว่าเขาจะเลือก
ตอนที่ 1เคียงข้าง ตฤณชายหนุ่มจากต่างจังวันผันตัวเองเข้ามาทำงานในกรุงเทพเพราะมารดาจากไปอย่างกะทันหัน ทำให้เขาไม่อยากอยู่คนเดียว เขาเข้ามาสมัครงานเป็นฝ่ายรักษาความปลอดภัยหรือที่คนทั่วไปเรียกว่ายาม ดุจดาวแม่ค้าขายเข้าแกง เธอพบรักกับตฤณได้เพียงปีเดียวก็ตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน โดยไม่มีงานแต่งานไม่มีการจดทะเบียนสมรส เพราะเธอก็ไม่มีทั้งพ่อและแม่เหมือนกับชายหนุ่ม ทั้งสองคนเช่าห้องอยู่ด้วยกัน อีกฝ่ายก็ทำหน้าที่ยาม อีกฝ่ายก็ขายข้าวแกง จากตอนแรกที่ขายเฉพาะช่วงเช้าถึงบ่ายโมง ตอนนี้ดุจดาวก็ขายช่วงเย็นด้วยแต่ขายเป็นแบบแกงถุง ความจนที่ทำให้ทั้งคู่อยากหลุดพ้น ตฤณเองก็มักจะเข้าวเวรแทนเพื่อนถึงแม้จะได้เงินเพียงไม่กี่ร้อย แต่สำหรับเขาเมื่อมันรวมกันหลาย ๆ ครั้งมันก็กลายเป็นหลักพัน “วันนี้พี่ไปแล้วกลับเย็นอีกวันเลยนะ ชดมันจ้าง200 พี่หั่นหมูใส่ช่องแช่แข็งไว้ให้แล้ว ส่วนหมูทอดก็หมักแล้ว พี่ไปก่อนนะ” ตฤณจะช่วยแบ่งเบาภาระของภรรยาทุกครั้งที่พอมีเวลาเพราะเขารู้ว่าดุจดาวเหนื่อยแค่ไหน รายได้จากการเป็นยามและรับจ้างอยู่เวรเดือนหนึ่งก็หมื่นกว่าบาท แต่สำหร
ตอนที่ 2ชายแปลกหน้าที่เรียกว่าพ่อ ตฤณมาทำงานตามปกติและวันนี้เขาเดินตรวจรอบบริเวณโรงงานเพราะชอบมีคนแอบเอาขยะเหวี่ยงข้ามกำแพงมา เขาต้องคอยมาดูที่จุดนี้อยู่บ่อยและคอยขว้างถุงกลับไป “ตฤณ ผู้จัดการใหญ่ให้ตามไปพบที่ห้องของท่านด่วน” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลวิ่งมาตามเขาด้วยท่าทางที่รีบร้อนและดูตื่นเต้น จนคนถูกเรียกก็ตื่นเต้นไปด้วย “ผู้จัดการ มีอะไรหรือเปล่าครับถึงขนาดนายใหญ่เรียกแบบนี้ผมใจคอไม่ดีเลย” ระหว่างทางที่จะเดินไปยังส่วนในของฝ่ายบริหาร ชายหนุ่มก็พยายามถามคนมาตามเผื่อจะได้พอเดาได้บ้างว่าตัวเขาเองไปทำอะไรผิดไว้ “ผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเมื่อเช้ามีแขกมาหาท่านคุยกันอยู่เกือบชั่วโมง ก่อนที่ท่านจะออกมาสั่งให้ผมออกมาตาม ท่าทางท่านดูตื่นเต้นแต่ก็ไม่ได้ดูโมโหอะไรนะ รีบวิ่งไปเถอะเพราะท่านดูรีบร้อนมาก” ตฤณทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เขายังไม่เคยคุยกับนายใหญ่เลย เคยเห็นแค่ตอนประชุมไกล ๆ เท่านั้น รู้แต่ว่าท่านเป็นคนที่ดุแล้วก็เจ้าระเบียบมาก ทันทีตฤณมาถึงที่ห้องของนายใหญ่ เลขาหน้าห้องให้เขารออยู่ด้านนอก เพราะเธอต้องเข้าไปรา
ตอนที่ 4ขอเวลา ตระการส่งทั้งคู่ที่บ้านด้วยความรู้สึกที่เป็นห่วง แต่ด้วยที่ไม่ได้เลี้ยงลูกมาจึงไม่กล้าแม้แต่จะออกความคิดเห็นใด ๆ บรรยากาศบ้านหลังเดิมที่เคยอบอุ่น มีความสุขถึงแม้จะต้องเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนแต่วันนี้บรรยากาศกลับดูเงียบ ต่างคนต่าง ไม่พูดจา ดุจดาวก็กลับไปที่มุมเดิมของเธอ เตรียมหมักหมูไว้ทอดขายพรุ่งนี้ ตฤณเองก็จะเข้าไปช่วยก็ไม่กล้าจึงเดินออกไป รดน้ำต้นไม้หน้าบ้านแทน ดุจดาวเธอนั่งหั่นหมูไปก็คิดไปว่าเธอคิดถูกไหมที่จะไม่ยอมไปอยู่ที่บ้านย่าของสามี ใจหนึ่งเธอก็สงสารตฤณอีกใจก็ไม่อยากต้องไปอดทนกับคำพูดที่แสนดูถูกแบบนั้น “พี่ ถ้าดาวไม่ไปพี่จะไปอยู่ที่บ้านพ่อพี่ไหม” เสียงถามของภรรยาทำให้ชายหนุ่มที่รู้สึกอึดอัดมาตั้งนาน รีบเดินจากหน้าบ้านและไปนั่งข้าง ๆ ภรรยาทันที มือหนาที่หยาบกร้านเพราะทำงานหนักมาตลอดจับมือเล็กที่หั่นหมูมาวางไว้ที่ขาของเขา “ก่อนหน้านี้เราก็อยู่กันได้ ลำบากกว่านี้เราก็ผ่านมาแล้ว คงไม่มีที่ไหนมีความสุขถ้าที่นั่นไม่มีเมียพี่” ดุจดาวส่งยิ้มพร้อมน้ำตาให้สามี เธอคิดว่าเขาจะเลือก
ตอนที่ 3ต่ำต้อย ตฤณกลับมาถึงที่บ้านเขามองหน้าภรรยาไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตเขาในวันนี้อย่างไรดี เพราะตัวเขาเองก็ยังสับสนไปหมด “พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ตั้งแต่กลับมายังไม่ยอมพูดอะไรเลย” ดุจดาวกำลังตักน้ำพริกกะปิใส่ถุงเตรียมออกไปขาย นั่งมองสามีมานานยังไม่เห็นเขาจะเอ่ยทักเธอสักคำ ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้เดินมาล้างมือที่อ้างก่อนที่จะมาช่วยภรรยาหั่นชะอมชุบไข่ “วันนี้พ่อของพี่เขามาหาที่โรงงาน” ดุจดาวฟังคำสามีถึงกลับพูดไม่ออก เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี “ถ้าเขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งพี่คงสบายใจกว่านี้ แต่นี่เขารวยมีโรงสีของตัวเองและเป็นเพื่อนกับเจ้าของโรงงานที่พี่ทำอีก รวยขนาดนี้กลับทิ้งพี่กับแม่” ดุจดาวลุกขึ้นไปหาสามี ด้วยความรู้สึกสงสารเขาคงลำบากมามากแล้วพอมารู้ว่าพ่อแท้ ๆ มีฐานะดีก็คงจะเสียความรู้สึก “ดาวพี่ไม่ได้โกรธพ่อนะ แต่พี่ทำตัวไม่ถูก เฮ้อ! อย่าเพิ่งไปคิดถึงมันดีกว่า เตรียมไปขายของเดี๋ยวไม่เสร็จ” ชายหนุ่มตัดบท3วันต่อมา ตระการกลับมารับลูกชายและลูกสะใภ้ไปที่บ้านของเขาที่อยู่ห่างจาก
ตอนที่ 2ชายแปลกหน้าที่เรียกว่าพ่อ ตฤณมาทำงานตามปกติและวันนี้เขาเดินตรวจรอบบริเวณโรงงานเพราะชอบมีคนแอบเอาขยะเหวี่ยงข้ามกำแพงมา เขาต้องคอยมาดูที่จุดนี้อยู่บ่อยและคอยขว้างถุงกลับไป “ตฤณ ผู้จัดการใหญ่ให้ตามไปพบที่ห้องของท่านด่วน” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลวิ่งมาตามเขาด้วยท่าทางที่รีบร้อนและดูตื่นเต้น จนคนถูกเรียกก็ตื่นเต้นไปด้วย “ผู้จัดการ มีอะไรหรือเปล่าครับถึงขนาดนายใหญ่เรียกแบบนี้ผมใจคอไม่ดีเลย” ระหว่างทางที่จะเดินไปยังส่วนในของฝ่ายบริหาร ชายหนุ่มก็พยายามถามคนมาตามเผื่อจะได้พอเดาได้บ้างว่าตัวเขาเองไปทำอะไรผิดไว้ “ผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเมื่อเช้ามีแขกมาหาท่านคุยกันอยู่เกือบชั่วโมง ก่อนที่ท่านจะออกมาสั่งให้ผมออกมาตาม ท่าทางท่านดูตื่นเต้นแต่ก็ไม่ได้ดูโมโหอะไรนะ รีบวิ่งไปเถอะเพราะท่านดูรีบร้อนมาก” ตฤณทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เขายังไม่เคยคุยกับนายใหญ่เลย เคยเห็นแค่ตอนประชุมไกล ๆ เท่านั้น รู้แต่ว่าท่านเป็นคนที่ดุแล้วก็เจ้าระเบียบมาก ทันทีตฤณมาถึงที่ห้องของนายใหญ่ เลขาหน้าห้องให้เขารออยู่ด้านนอก เพราะเธอต้องเข้าไปรา
ตอนที่ 1เคียงข้าง ตฤณชายหนุ่มจากต่างจังวันผันตัวเองเข้ามาทำงานในกรุงเทพเพราะมารดาจากไปอย่างกะทันหัน ทำให้เขาไม่อยากอยู่คนเดียว เขาเข้ามาสมัครงานเป็นฝ่ายรักษาความปลอดภัยหรือที่คนทั่วไปเรียกว่ายาม ดุจดาวแม่ค้าขายเข้าแกง เธอพบรักกับตฤณได้เพียงปีเดียวก็ตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน โดยไม่มีงานแต่งานไม่มีการจดทะเบียนสมรส เพราะเธอก็ไม่มีทั้งพ่อและแม่เหมือนกับชายหนุ่ม ทั้งสองคนเช่าห้องอยู่ด้วยกัน อีกฝ่ายก็ทำหน้าที่ยาม อีกฝ่ายก็ขายข้าวแกง จากตอนแรกที่ขายเฉพาะช่วงเช้าถึงบ่ายโมง ตอนนี้ดุจดาวก็ขายช่วงเย็นด้วยแต่ขายเป็นแบบแกงถุง ความจนที่ทำให้ทั้งคู่อยากหลุดพ้น ตฤณเองก็มักจะเข้าวเวรแทนเพื่อนถึงแม้จะได้เงินเพียงไม่กี่ร้อย แต่สำหรับเขาเมื่อมันรวมกันหลาย ๆ ครั้งมันก็กลายเป็นหลักพัน “วันนี้พี่ไปแล้วกลับเย็นอีกวันเลยนะ ชดมันจ้าง200 พี่หั่นหมูใส่ช่องแช่แข็งไว้ให้แล้ว ส่วนหมูทอดก็หมักแล้ว พี่ไปก่อนนะ” ตฤณจะช่วยแบ่งเบาภาระของภรรยาทุกครั้งที่พอมีเวลาเพราะเขารู้ว่าดุจดาวเหนื่อยแค่ไหน รายได้จากการเป็นยามและรับจ้างอยู่เวรเดือนหนึ่งก็หมื่นกว่าบาท แต่สำหร