ตอนที่ 4
ขอเวลา
ตระการส่งทั้งคู่ที่บ้านด้วยความรู้สึกที่เป็นห่วง แต่ด้วยที่ไม่ได้เลี้ยงลูกมาจึงไม่กล้าแม้แต่จะออกความคิดเห็นใด ๆ
บรรยากาศบ้านหลังเดิมที่เคยอบอุ่น มีความสุขถึงแม้จะต้องเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนแต่วันนี้บรรยากาศกลับดูเงียบ ต่างคนต่าง ไม่พูดจา ดุจดาวก็กลับไปที่มุมเดิมของเธอ เตรียมหมักหมูไว้ทอดขายพรุ่งนี้ ตฤณเองก็จะเข้าไปช่วยก็ไม่กล้าจึงเดินออกไป รดน้ำต้นไม้หน้าบ้านแทน
ดุจดาวเธอนั่งหั่นหมูไปก็คิดไปว่าเธอคิดถูกไหมที่จะไม่ยอมไปอยู่ที่บ้านย่าของสามี ใจหนึ่งเธอก็สงสารตฤณอีกใจก็ไม่อยากต้องไปอดทนกับคำพูดที่แสนดูถูกแบบนั้น
“พี่ ถ้าดาวไม่ไปพี่จะไปอยู่ที่บ้านพ่อพี่ไหม”
เสียงถามของภรรยาทำให้ชายหนุ่มที่รู้สึกอึดอัดมาตั้งนาน รีบเดินจากหน้าบ้านและไปนั่งข้าง ๆ ภรรยาทันที
มือหนาที่หยาบกร้านเพราะทำงานหนักมาตลอดจับมือเล็กที่หั่นหมูมาวางไว้ที่ขาของเขา
“ก่อนหน้านี้เราก็อยู่กันได้ ลำบากกว่านี้เราก็ผ่านมาแล้ว คงไม่มีที่ไหนมีความสุขถ้าที่นั่นไม่มีเมียพี่”
ดุจดาวส่งยิ้มพร้อมน้ำตาให้สามี เธอคิดว่าเขาจะเลือกที่จะไปอยู่บ้านหลังใหญ่ไปอยู่กับครอบครัวและทิ้งเธอไว้ข้างหลัง เสียอีก
“พี่พูดจริงใช่ไหม แต่นั่นพ่อกับย่าพี่นะ”
ดุจดาวถามทั้งที่เธอยินดีกับสิ่งที่ชายหนุ่มตัดสินใจแต่แค่อยากให้เขาได้คิดอีกครั้ง
“พี่ไม่ได้ไปอยู่กับท่านแต่ท่านก็ยังคงเป็นพ่อเป็นย่าของพี่ มีเวลาก็คงแวะไปหา พี่เลือกดาว ถ้าดาวไม่มีความสุขพี่ก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน”
ค่ำคืนนี้ต่างคนต่างหลับตาแต่ไม่มีใครที่หลับได้สนิทจริง ๆ ดุจดาวคิดตลอดว่าการที่เธอทนฟังคำดูถูกจากย่าสามีไม่ได้กำลังทำร้ายตฤณทางอ้อมไหม เพราะถ้าเขาได้ไปใช้ชีวิตที่นัน เขาคงจะมีความสุขแล้วไม่ต้องเหนื่อยเหมือนอยู่ที่นี่
“นอนไม่หลับเป็นอะไร ไม่มีอะไรให้ต้องคิด พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปขายของอีก”
ตฤณนอนกอดภรรยาตัวเขาเองที่นอนไม่หลับก็รับรู้ได้ว่าดุจดาวเองก็นอนไม่หลับ
“ดาวสับสนค่ะ ความจริงดาวก็ยังไม่ได้รู้จักย่าของพี่มากพอก็ด่วนตัดสินว่าท่านกับดาวคงอยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่ดาวก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนคำพูดแบบนั้นได้ไหม เราเคยอยู่กันแบบนี้เหมือนต้องไปอยู่กับคนอื่น มันคงไม่มีความเป็นส่วนตัวและคงไม่คุ้นชิน ดาวไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดีพี่”
ตฤณดึงคนตัวเล็กเข้ามาชิดตัวเขากอดเธอไว้แน่นกว่าเดิม เพราะตอนนี้คนในอ้อมกอดดูเครียดกว่าที่เขาคิดไว้อีก
“นอนดีกว่า เอาเป็นว่าเรายังไม่ต้องให้คำตอบคุณพ่อ ให้เวลามันค่อย ๆ หมุนไปมันอาจจะมีทางออกที่ดีเอง คิดแค่วันนี้ก็พอ ไหนมาให้หอมแก้มหน่อยจะได้หลับฝันดี”
หญิงสาวพยายามข่มใจให้คิดตามคำที่สามีพูด จนในที่สุดเธอก็ปล่อยหัวใจให้หลับได้ลง
เช้านี้ดุจดาวทำกับข้าวไปขายน้อยกว่าปกติเพราะช่วงเย็นของเมื่อวานเธอไม่ค่อยสบายใจจึงไม่อยากทำมาก
รถสีดำคันหรูขับมาจอดหน้าร้าน หญิงชราที่หน้าตาคุ้นเคยเดินลงมาจากรถพร้อมกับยืนมองผู้คนที่มารุมซื้อแกงจากร้านของหลานสะใภ้
“สวัสดีค่ะคุณย่า”
ดุจดาวละจากลูกค้าหันมายกมือไหว้ทักทาย แต่ชุลีก็โบกมือให้เธอรู้ว่าให้ไปขายของให้เสร็จก่อน
ชุลีมองหาช่องว่างหน้าร้าน เธอเดินเข้าไปดูกับข้าวที่ตอนนี้เหลือไม่กี่อย่างแล้ว
“แกงเขียวหวานแล้วก็แกงส้มอย่างละสามถุงนะ”
ลูกค้าที่ยืนเลือกกับข้าวอยู่ต่างหันมาบอกให้ดุจดาวตักให้กับชุลีก่อน เพราะดูจากการแต่งตัวแล้วคงไม่ใช่คนธรรมดา
“ไม่ต้องทอน แล้วไม่ต้องให้ฟรีด้วยของซื้อของขาย เดี๋ยวฉันไปดูหลานชายฉันหน่อย ไปล่ะ”
ดุจดาวเก็บธนบัตรมูลค่าหนึ่งพันบาทใส่กระเป๋า เธอรู้สึกเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นความฝันอยู่ดี ๆ ย่าสามีที่แสนจะพูดจา ดูถูกกับมาซื้อแกงเธอถึงร้าน
ดุจดาวได้แต่เก็บความรู้สึกที่สับสนไว้เพราะกว่าจะได้เจอสามีอีกทีก็เที่ยงคืน เธอไม่อยากโทรศัพท์ไปรบกวนในเวลางาน
ดุจดาวหลับสนิททั้งที่ตั้งใจจะยังไม่นอนเพราะจะรอสามีกลับมาอยากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เขาฟังแต่ด้วยความเหนื่อยพอล้างหม้อและเตรียมของทำกับข้าวตอนเช้าเสร็จดุจดาวก็ หลับสนิทมารู้ตัวอีกทีก็โดนสามีมานอนกอดแล้ว
“ดาวหลับสนิทเลยกินข้าวไหมคะ มีแกงหมูหน่อไม้อยู่ใน ตู้กับข้าว เดี๋ยวดาวไปตักให้ค่ะ”
หญิงสาวทำท่าจะลุกแต่ถูกอีกฝ่ายดึงตัวมากอด เพราะตฤณซื้อข้าวเหนียวที่โรงงานกินไปแล้วเมื่อตอนสองทุ่ม เขาจึงอิ่มไม่อยากกินข้าวแล้ว
“ไม่กินพี่ไม่หิว วันนี้คุณย่าไปที่ร้านมาเหรอ”
ดุจดาวยังไม่ทันเริ่มเล่า สามีของเธอก็พูดขึ้นมาเสียก่อนเพราะย่าของเขาคงไปบอกว่ามาที่ร้านของเธอ
“ใช่ค่ะ มาซื้อกับข้าวไปสองอย่างแต่อย่างละหลายถุง ท่านไปหาพี่ว่าอย่างไรบ้างคะ”
หญิงสาวผลิกตัวเพื่อหันหน้ามาทางสามี เพราะคิดว่าสองย่าหลานคงต้องคุยอะไรกันแน่ ๆ
“ท่านไม่ได้พูดอะไรแค่บอกว่าร้านของดาวขายดีขนาดนั้นน่าจะเปิดให้เป็นเรื่องเป็นราวแล้วก็ถามพี่ว่าจะไปอยู่กับท่านเมื่อไหร่ พี่ก็ตอบไปว่ายังไม่ได้คิดเลย ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร”
ดุจดาวส่งยิ้มหวานให้สามีเพราะตอนนี้เธอก็เริ่มคิดว่าย่าของชายหนุ่มคงมีอีกหลายแง่มุมให้เธอได้รู้จักแต่เธอลองถามใจตัวเองตอนนี้เธอก็ยังคิดว่าอยากอยู่ที่บ้านหลังนี้มากกว่า
ตฤณลุกไปอาบน้ำแต่ก่อนที่เขาจะอาบก็ได้เตรียมตักน้ำพริกเผาผัดใส่ถุงไว้เพื่อขายในวันพรุ่งนี้เพื่อช่วยให้ดุจดาวไม่ต้องวุ่นเพราะเขาไม่ได้ออกไปช่วยกว่าจะตื่นก็สิบโมงกว่าเที่ยงก็ต้องไปเข้าเวรต่อ
ตอนที่ 1เคียงข้าง ตฤณชายหนุ่มจากต่างจังวันผันตัวเองเข้ามาทำงานในกรุงเทพเพราะมารดาจากไปอย่างกะทันหัน ทำให้เขาไม่อยากอยู่คนเดียว เขาเข้ามาสมัครงานเป็นฝ่ายรักษาความปลอดภัยหรือที่คนทั่วไปเรียกว่ายาม ดุจดาวแม่ค้าขายเข้าแกง เธอพบรักกับตฤณได้เพียงปีเดียวก็ตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน โดยไม่มีงานแต่งานไม่มีการจดทะเบียนสมรส เพราะเธอก็ไม่มีทั้งพ่อและแม่เหมือนกับชายหนุ่ม ทั้งสองคนเช่าห้องอยู่ด้วยกัน อีกฝ่ายก็ทำหน้าที่ยาม อีกฝ่ายก็ขายข้าวแกง จากตอนแรกที่ขายเฉพาะช่วงเช้าถึงบ่ายโมง ตอนนี้ดุจดาวก็ขายช่วงเย็นด้วยแต่ขายเป็นแบบแกงถุง ความจนที่ทำให้ทั้งคู่อยากหลุดพ้น ตฤณเองก็มักจะเข้าวเวรแทนเพื่อนถึงแม้จะได้เงินเพียงไม่กี่ร้อย แต่สำหรับเขาเมื่อมันรวมกันหลาย ๆ ครั้งมันก็กลายเป็นหลักพัน “วันนี้พี่ไปแล้วกลับเย็นอีกวันเลยนะ ชดมันจ้าง200 พี่หั่นหมูใส่ช่องแช่แข็งไว้ให้แล้ว ส่วนหมูทอดก็หมักแล้ว พี่ไปก่อนนะ” ตฤณจะช่วยแบ่งเบาภาระของภรรยาทุกครั้งที่พอมีเวลาเพราะเขารู้ว่าดุจดาวเหนื่อยแค่ไหน รายได้จากการเป็นยามและรับจ้างอยู่เวรเดือนหนึ่งก็หมื่นกว่าบาท แต่สำหร
ตอนที่ 2ชายแปลกหน้าที่เรียกว่าพ่อ ตฤณมาทำงานตามปกติและวันนี้เขาเดินตรวจรอบบริเวณโรงงานเพราะชอบมีคนแอบเอาขยะเหวี่ยงข้ามกำแพงมา เขาต้องคอยมาดูที่จุดนี้อยู่บ่อยและคอยขว้างถุงกลับไป “ตฤณ ผู้จัดการใหญ่ให้ตามไปพบที่ห้องของท่านด่วน” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลวิ่งมาตามเขาด้วยท่าทางที่รีบร้อนและดูตื่นเต้น จนคนถูกเรียกก็ตื่นเต้นไปด้วย “ผู้จัดการ มีอะไรหรือเปล่าครับถึงขนาดนายใหญ่เรียกแบบนี้ผมใจคอไม่ดีเลย” ระหว่างทางที่จะเดินไปยังส่วนในของฝ่ายบริหาร ชายหนุ่มก็พยายามถามคนมาตามเผื่อจะได้พอเดาได้บ้างว่าตัวเขาเองไปทำอะไรผิดไว้ “ผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเมื่อเช้ามีแขกมาหาท่านคุยกันอยู่เกือบชั่วโมง ก่อนที่ท่านจะออกมาสั่งให้ผมออกมาตาม ท่าทางท่านดูตื่นเต้นแต่ก็ไม่ได้ดูโมโหอะไรนะ รีบวิ่งไปเถอะเพราะท่านดูรีบร้อนมาก” ตฤณทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เขายังไม่เคยคุยกับนายใหญ่เลย เคยเห็นแค่ตอนประชุมไกล ๆ เท่านั้น รู้แต่ว่าท่านเป็นคนที่ดุแล้วก็เจ้าระเบียบมาก ทันทีตฤณมาถึงที่ห้องของนายใหญ่ เลขาหน้าห้องให้เขารออยู่ด้านนอก เพราะเธอต้องเข้าไปรา
ตอนที่ 3ต่ำต้อย ตฤณกลับมาถึงที่บ้านเขามองหน้าภรรยาไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตเขาในวันนี้อย่างไรดี เพราะตัวเขาเองก็ยังสับสนไปหมด “พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ตั้งแต่กลับมายังไม่ยอมพูดอะไรเลย” ดุจดาวกำลังตักน้ำพริกกะปิใส่ถุงเตรียมออกไปขาย นั่งมองสามีมานานยังไม่เห็นเขาจะเอ่ยทักเธอสักคำ ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้เดินมาล้างมือที่อ้างก่อนที่จะมาช่วยภรรยาหั่นชะอมชุบไข่ “วันนี้พ่อของพี่เขามาหาที่โรงงาน” ดุจดาวฟังคำสามีถึงกลับพูดไม่ออก เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี “ถ้าเขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งพี่คงสบายใจกว่านี้ แต่นี่เขารวยมีโรงสีของตัวเองและเป็นเพื่อนกับเจ้าของโรงงานที่พี่ทำอีก รวยขนาดนี้กลับทิ้งพี่กับแม่” ดุจดาวลุกขึ้นไปหาสามี ด้วยความรู้สึกสงสารเขาคงลำบากมามากแล้วพอมารู้ว่าพ่อแท้ ๆ มีฐานะดีก็คงจะเสียความรู้สึก “ดาวพี่ไม่ได้โกรธพ่อนะ แต่พี่ทำตัวไม่ถูก เฮ้อ! อย่าเพิ่งไปคิดถึงมันดีกว่า เตรียมไปขายของเดี๋ยวไม่เสร็จ” ชายหนุ่มตัดบท3วันต่อมา ตระการกลับมารับลูกชายและลูกสะใภ้ไปที่บ้านของเขาที่อยู่ห่างจาก
ตอนที่ 4ขอเวลา ตระการส่งทั้งคู่ที่บ้านด้วยความรู้สึกที่เป็นห่วง แต่ด้วยที่ไม่ได้เลี้ยงลูกมาจึงไม่กล้าแม้แต่จะออกความคิดเห็นใด ๆ บรรยากาศบ้านหลังเดิมที่เคยอบอุ่น มีความสุขถึงแม้จะต้องเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนแต่วันนี้บรรยากาศกลับดูเงียบ ต่างคนต่าง ไม่พูดจา ดุจดาวก็กลับไปที่มุมเดิมของเธอ เตรียมหมักหมูไว้ทอดขายพรุ่งนี้ ตฤณเองก็จะเข้าไปช่วยก็ไม่กล้าจึงเดินออกไป รดน้ำต้นไม้หน้าบ้านแทน ดุจดาวเธอนั่งหั่นหมูไปก็คิดไปว่าเธอคิดถูกไหมที่จะไม่ยอมไปอยู่ที่บ้านย่าของสามี ใจหนึ่งเธอก็สงสารตฤณอีกใจก็ไม่อยากต้องไปอดทนกับคำพูดที่แสนดูถูกแบบนั้น “พี่ ถ้าดาวไม่ไปพี่จะไปอยู่ที่บ้านพ่อพี่ไหม” เสียงถามของภรรยาทำให้ชายหนุ่มที่รู้สึกอึดอัดมาตั้งนาน รีบเดินจากหน้าบ้านและไปนั่งข้าง ๆ ภรรยาทันที มือหนาที่หยาบกร้านเพราะทำงานหนักมาตลอดจับมือเล็กที่หั่นหมูมาวางไว้ที่ขาของเขา “ก่อนหน้านี้เราก็อยู่กันได้ ลำบากกว่านี้เราก็ผ่านมาแล้ว คงไม่มีที่ไหนมีความสุขถ้าที่นั่นไม่มีเมียพี่” ดุจดาวส่งยิ้มพร้อมน้ำตาให้สามี เธอคิดว่าเขาจะเลือก
ตอนที่ 3ต่ำต้อย ตฤณกลับมาถึงที่บ้านเขามองหน้าภรรยาไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตเขาในวันนี้อย่างไรดี เพราะตัวเขาเองก็ยังสับสนไปหมด “พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ตั้งแต่กลับมายังไม่ยอมพูดอะไรเลย” ดุจดาวกำลังตักน้ำพริกกะปิใส่ถุงเตรียมออกไปขาย นั่งมองสามีมานานยังไม่เห็นเขาจะเอ่ยทักเธอสักคำ ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้เดินมาล้างมือที่อ้างก่อนที่จะมาช่วยภรรยาหั่นชะอมชุบไข่ “วันนี้พ่อของพี่เขามาหาที่โรงงาน” ดุจดาวฟังคำสามีถึงกลับพูดไม่ออก เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี “ถ้าเขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งพี่คงสบายใจกว่านี้ แต่นี่เขารวยมีโรงสีของตัวเองและเป็นเพื่อนกับเจ้าของโรงงานที่พี่ทำอีก รวยขนาดนี้กลับทิ้งพี่กับแม่” ดุจดาวลุกขึ้นไปหาสามี ด้วยความรู้สึกสงสารเขาคงลำบากมามากแล้วพอมารู้ว่าพ่อแท้ ๆ มีฐานะดีก็คงจะเสียความรู้สึก “ดาวพี่ไม่ได้โกรธพ่อนะ แต่พี่ทำตัวไม่ถูก เฮ้อ! อย่าเพิ่งไปคิดถึงมันดีกว่า เตรียมไปขายของเดี๋ยวไม่เสร็จ” ชายหนุ่มตัดบท3วันต่อมา ตระการกลับมารับลูกชายและลูกสะใภ้ไปที่บ้านของเขาที่อยู่ห่างจาก
ตอนที่ 2ชายแปลกหน้าที่เรียกว่าพ่อ ตฤณมาทำงานตามปกติและวันนี้เขาเดินตรวจรอบบริเวณโรงงานเพราะชอบมีคนแอบเอาขยะเหวี่ยงข้ามกำแพงมา เขาต้องคอยมาดูที่จุดนี้อยู่บ่อยและคอยขว้างถุงกลับไป “ตฤณ ผู้จัดการใหญ่ให้ตามไปพบที่ห้องของท่านด่วน” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลวิ่งมาตามเขาด้วยท่าทางที่รีบร้อนและดูตื่นเต้น จนคนถูกเรียกก็ตื่นเต้นไปด้วย “ผู้จัดการ มีอะไรหรือเปล่าครับถึงขนาดนายใหญ่เรียกแบบนี้ผมใจคอไม่ดีเลย” ระหว่างทางที่จะเดินไปยังส่วนในของฝ่ายบริหาร ชายหนุ่มก็พยายามถามคนมาตามเผื่อจะได้พอเดาได้บ้างว่าตัวเขาเองไปทำอะไรผิดไว้ “ผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเมื่อเช้ามีแขกมาหาท่านคุยกันอยู่เกือบชั่วโมง ก่อนที่ท่านจะออกมาสั่งให้ผมออกมาตาม ท่าทางท่านดูตื่นเต้นแต่ก็ไม่ได้ดูโมโหอะไรนะ รีบวิ่งไปเถอะเพราะท่านดูรีบร้อนมาก” ตฤณทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เขายังไม่เคยคุยกับนายใหญ่เลย เคยเห็นแค่ตอนประชุมไกล ๆ เท่านั้น รู้แต่ว่าท่านเป็นคนที่ดุแล้วก็เจ้าระเบียบมาก ทันทีตฤณมาถึงที่ห้องของนายใหญ่ เลขาหน้าห้องให้เขารออยู่ด้านนอก เพราะเธอต้องเข้าไปรา
ตอนที่ 1เคียงข้าง ตฤณชายหนุ่มจากต่างจังวันผันตัวเองเข้ามาทำงานในกรุงเทพเพราะมารดาจากไปอย่างกะทันหัน ทำให้เขาไม่อยากอยู่คนเดียว เขาเข้ามาสมัครงานเป็นฝ่ายรักษาความปลอดภัยหรือที่คนทั่วไปเรียกว่ายาม ดุจดาวแม่ค้าขายเข้าแกง เธอพบรักกับตฤณได้เพียงปีเดียวก็ตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน โดยไม่มีงานแต่งานไม่มีการจดทะเบียนสมรส เพราะเธอก็ไม่มีทั้งพ่อและแม่เหมือนกับชายหนุ่ม ทั้งสองคนเช่าห้องอยู่ด้วยกัน อีกฝ่ายก็ทำหน้าที่ยาม อีกฝ่ายก็ขายข้าวแกง จากตอนแรกที่ขายเฉพาะช่วงเช้าถึงบ่ายโมง ตอนนี้ดุจดาวก็ขายช่วงเย็นด้วยแต่ขายเป็นแบบแกงถุง ความจนที่ทำให้ทั้งคู่อยากหลุดพ้น ตฤณเองก็มักจะเข้าวเวรแทนเพื่อนถึงแม้จะได้เงินเพียงไม่กี่ร้อย แต่สำหรับเขาเมื่อมันรวมกันหลาย ๆ ครั้งมันก็กลายเป็นหลักพัน “วันนี้พี่ไปแล้วกลับเย็นอีกวันเลยนะ ชดมันจ้าง200 พี่หั่นหมูใส่ช่องแช่แข็งไว้ให้แล้ว ส่วนหมูทอดก็หมักแล้ว พี่ไปก่อนนะ” ตฤณจะช่วยแบ่งเบาภาระของภรรยาทุกครั้งที่พอมีเวลาเพราะเขารู้ว่าดุจดาวเหนื่อยแค่ไหน รายได้จากการเป็นยามและรับจ้างอยู่เวรเดือนหนึ่งก็หมื่นกว่าบาท แต่สำหร