แชร์

Chapter 14. คิดเห็นอย่างไร

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-07 00:05:50

“ทหารแคว้นฉินมีการเคลื่อนไหวแล้ว” หมอกู้เนี่ยนเจินสีหน้าวิตกกังวล  ไม่ใช่แค่ความน่าเกรงขามของทหารแคว้นฉินเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือแม่ทัพประจำชายแดนรวมทั้งเจ้าเมืองก็ไม่ได้มีความสามารถนัก  ในเมืองหลวงแย่งชิงอำนาจแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ชายแดนก็อ่อนแอ เห็นว่าศึกครั้งนี้จะพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้รบ

“ท่านหมอกู้คิดเห็นอย่างไรก็ว่ามาเถิดเจ้าค่ะ”

หมอกู้สูดลมหายใจลึกแล้วเอ่ย “เจ้าเป็นหญิงอยู่ที่นี่จะลำบาก หากมีหนทางอื่นก็ไปเถิด” 

“ไป...จะให้ข้าไปไหนเจ้าคะ” นางส่ายหน้าอย่างงุนงง “หากเกิดสงครามจริง ข้าจะไม่ไปไหนจะอยู่ช่วยท่านหมอกู้ที่นี่เจ้าค่ะ”

“สิ่งที่เจ้าเห็นเป็นเพียงการปะทะกันเล็กๆน้อยๆ ของทหารชายแดน หากเกิดสงครามขึ้นจริง เจ้าจะรับมือไม่ไหว!”

“เช่นนั้นข้ายิ่งต้องอยู่ที่นี่ หน้าที่ของหมอคือช่วยชีวิตคน ถ้าข้าหนีเอาตัวรอดแล้วจะกล้าเรียกตัวเองว่าหมอได้อย่างไร”

หมอกู้เห็นความตั้งใจของนางแล้วก็พยักหน้ารับ “ได้ เช่นนั้นเจ้าเตรียมตัวให้ดี หากมีอะไรเกิดขึ้น ข้าอาจจะช่วยเจ้าไม่ได้”

“ท่านหมอกู้โปรดวางใจ ข้าจะไม่ทำตัวเป็นภาระให้ผู้ใด และหากเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับข้า ข้าก็จะไม่โทษผู้อื่นเช่นกัน”

แววตาของนางเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ทำให้หมอหนุ่มอีกสองคนเห็นแล้วก็อึ้งไป นางเป็นหญิงยังไม่ยอมหนีไป พวกเขาเป็นชายหากจะหลบหนีไปก็อับอายไม่น้อย ช่างเถิด หากฟ้าลิขิตไว้แล้ว พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องเหล่านี้อยู่ดี

            “เจ้านี้มันดื้อรั้นอย่างที่หมอจูบ่นไว้จริงๆ” หมอกู้เนี่ยนเจินอดหัวเราะไม่ได้

            “ข้าไม่ได้ดื้อเสียหน่อย ท่านหมอกู้หาทางขับไล่ข้าเพราะไม่ต้องการให้ข้าศึกษาเรื่องพิษต่างๆ ใช่ไหมล่ะเจ้าคะ”

            นางแสร้งทำสีหน้าจริงๆ รู้ดีว่าหมอกู้ไม่ถือสากับท่าทางของนาง

            “คนใจอ่อนอย่างเจ้าศึกษาเรื่องพิษไม่ได้หรอก” กู้เนี่ยนเจินโคลงศีรษะไปมา เห็นนางเป็นเช่นนี้เขากลับเบาใจลง สองปีมานี้เขาก็เอ็นดูนางไม่น้อย คอยอบรมสั่งสอนวิชาแพทย์ให้นางได้ใช้ความรู้ไว้รักษาผู้คนและเลี้ยงชีพ

            “แต่อยู่ชายแดนมีอาการเจ็บป่วยแปลกประหลาดที่ข้าไม่เคยพานพบในตำราของเมืองหลวง บางชนิดอ่านในบันทึกของท่านก็รู้สึกแปลกพิกลอย่างพิษเจ็ดนิทรา ฟังชื่อไม่น่ากลัวแต่พิษร้ายถึงแก่ชีวิตได้ในเจ็ดราตรี”

            “หากเจ้าไม่ถอดใจไปเสียก่อน ข้าจะสอนให้”  ผู้พูดถึงเขาว่าเป็นหมอปากร้าย แต่ไม่รู้ทำไม เขาดุนางไปเท่าไรนางก็ยังยิ้มกลับมาเสมอ จนเขาใจอ่อนกับนาง ความรู้ที่สะสมไว้ก็ถ่ายทอดให้นางอย่างไม่รู้ตัว

            หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างกลบเกลื่อนความกังวลในใจ จริงอย่างที่หมอกู้เนี่ยนเจินพูดไว้ นางยังไม่เคยเจอสงครามจริงๆ จึงไม่รู้ถึงความน่ากลัวของมัน ที่ผ่านมาแค่ทหารสองแคว้นปะทะกันบาดเจ็บล้มตาย นางก็อกสั่นขวัญหายอยู่หลายวัน เหมือนจะชินแต่ยังไม่ชินเสียทีเดียว แต่จะให้นางทิ้งคนเจ็บไป นางทำไม่ได้อย่างแน่นอน.

            สองสัปดาห์มานี้นางวุ่นวนไม่น้อย  ในค่ายทหารยังเป็นปกติดี ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแม่ทัพใหญ่ที่ไม่ค่อยสนใจการฝึกซ้อมอยู่แล้ว แต่ก็เพราะแบบนี้มิใช่หรือ? นางจึงสามารถติดตามท่านหมอกู้เรียนรู้วิชาแพทย์และรักษาผู้คนได้ หากแม่ทัพเป็นคนเคร่งครัดกฎระเบียบนางคงไม่ได้เดินเข้าออกค่ายทหารได้เช่นนี้

ฟู่เซียงเซียงไม่อาจละเลยได้ หลังจากทราบข่าวจากท่านหมอกู้ นางตัดสินใจเล่าเรื่องนี้ให้คนในเรือนรู้และเตรียมตัวรับมือ แม่นมหวงดูเป็นกังวลไม่น้อยแต่ก็ไม่คิดหนีไปที่อื่น นางอาสาจัดเตรียมเรื่องอาหารแห้ง ส่วนจางลี่เตรียมเรื่องสมุนไพรที่ต้องใช้ยามจำเป็น  บ่าวชราคอยดูแลบ้านช่องห้องหับให้เรียบร้อย  หญิงสาวสอบถามกับบ่าวชรา เผื่อจะพบเห็นสิ่งผิดปกติ แต่การสื่อสารทำได้อย่างยากลำบากเพราะอีกฝ่ายหูไม่ดีนัก นางถามซ้ำไปซ้ำมาก็ไม่ได้ความจนใจจนต้องเลิกถาม ป่านนี้นางยังไม่รู้ว่ากำไลหยกมันแพะชิ้นนั้นมาอยู่ในข้อมือนางได้อย่างไร แม้ไม่รู้ที่มาที่ไป แต่นางตัดใจจากกำไลหยกชิ้นนั้นไม่ได้อยู่ดี สุดท้ายก็สวมมันติดข้อมือตลอดเวลา

            นางเป็นหมอช่วยงานหมอกู้ในค่ายทหารแต่ก็ไม่ใช่หมอในสังกัดค่ายทหาร  อาศัยได้จดหมายฝากฝังให้อบรมสั่งสอน นางจึงทำงานแลกความรู้และรับรักษาผู้คน  ที่นี่แม้จะมีโรงหมอหลายแห่ง แต่ชาวบ้านยากจนไม่มีเงินรักษา นางจึงไม่กล้าเรียกเก็บเงินมากนัก บางคนนำผลไม้ หรือเนื้อสัตว์มาเป็นค่ารักษาให้นาง  แต่ที่พอจะทำให้นางมีรายได้ก็คือเครื่องประทินผิวที่นางทำให้จางลี่ไปขาย หากมีสงครามขึ้นจริง ใครจะมาสนใจเครื่องประทินผิว แค่คิดก็นึกเสียดายแปลงกุหลาบที่กว่าจะเพาะปลูกได้ขนาดนี้ใช้เวลานานนับปี

            ฟู่เซียงเซียงกับจางลี่ช่วยกันจัดเก็บห้องเพื่อจะรับคนมาอยู่เพิ่ม หญิงสาวอยู่ที่นี่มาสองปี ผู้คนเริ่มคุ้นหน้านางแล้ว และจดจำนางที่สวมชุดบุรุษถือล่วมยาอยู่เป็นประจำ  หลายวันก่อนนางเดินเข้าไปในตรอกทิศตะวันตก  บ้านหลังเล็กทรุดโทรมพอบังแดดบังลมได้เท่านั้น แต่ใต้หลังคาผุพังนั้นมีหลายชีวิตที่อาศัยอยู่   นางส่งเสียงเรียกเจ้าของบ้านไม่ดังนัก แต่เด็กๆ สี่ห้าคนที่อยู่ด้านในได้ยินก็รีบวิ่งออกมาล้อมหน้าล้อมหลังนางทันที

            “ท่านหมอฟู่!”

            “ท่านหมอฟู่มาแล้ว”

            “พวกเจ้าหลบไปก่อน ให้ข้าตรวจอาการท่านยายก่อน”  นางหัวเราะเสียงใสถูกเด็กๆจูงมือเข้าไปด้านใน หญิงชราอายุเจ็ดสิบปียันกายขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก เด็กที่ตัวโตรีบเข้าไปประคอง

            “ท่านยายไม่ต้องลุกนั่งก็ได้เจ้าค่ะ ข้าขอจับชีพจรท่านสักหน่อยเถิด” ฟู่เซียงเซียงยิ้มอ่อนโยนแล้วจับชีพจร นางยังคงยิ้มข่มความกังวลใจที่เกิดขึ้น ยังไม่ทันเอ่ยอะไรมือเหี่ยวย่นอีกข้างก็นยื่นมาตบหลังมือของหมอหญิงเบาๆ

            “ข้ารู้ตัวดี”  หญิงชราเอ่ยน้ำเสียงแหบแห้ง “เป็นห่วงก็แต่เด็กกำพร้าเหล่านี้ หากไม่ข้าแล้ว...”

            “ท่านยายต้องไม่เป็นอะไร”  เด็กๆ รีบพูดขึ้น พวกเขาเป็นเด็กกำพร้าที่ท่านยายเก็บมาเลี้ยงในบ้านหลังเดียวกัน

            “คนเราหนีความตายไม่พ้น” นางพูดด้วยปลงใจไว้นางแล้ว “แต่เด็กเหล่านี้...”

            ฟู่เซียงเซียงมองหน้าเด็กแต่ละคนแล้วลอบถอนใจ  ลำพังนางก็ลำบากไม่น้อย แต่ถ้าท่านยายเป็นอะไรไป เด็กเหล่านี้คงไม่พ้นขายตัวเป็นทาส นางทนเห็นเด็กเหล่านี้กลายเป็นทาสได้อย่างไรกัน

            “ท่านยายไม่ต้องห่วง ท่านต้องแข็งแรงแน่นอน”  นางยิ้มแล้วเป็นฝ่ายบีบมืออีกฝ่าย แม้ไม่เอ่ยถ้อยคำใด แต่แววตาให้คำสัญญาว่าจะดูแลเด็กๆ เหล่านี้แทนท่านยาย  นางเรียกเด็กชายตัวโตสุดมาอธิบายเรื่องต้มยาบำรุงให้ท่านยายและย้ำให้ไปเรียกนางที่ได้บ้านได้ทุกเวลา

            หญิงสาวบอกกับเด็กๆ เช่นนั้น แต่ไม่อาจวางใจได้ เมื่อกลับมาปรึกษากับแม่นมหวงกับจางลี่ จึงสรุปได้ว่าจะพาพวกเขามาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยกัน จนกว่าเรื่องสงครามจะสงบลงค่อยหาคิดหาหนทางกันอีกที นางกับจางลี่จึงช่วยกันเก็บของในห้องเล็กด้านหลัง ส่วนแม่นมเตรียมที่นอนและผ้าห่ม

            “เอาละ ข้าจะไปรีบท่านยายและเด็กๆก่อน ฝากแม่นมหวงเตรียมอาหารการกินไว้รอเด็กๆ ด้วย”

            แม่นมหวงหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วซับเหงื่อให้ฟู่เซียงเซียง “คุณหนูก็ดูแลตัวเองด้วย อย่าหักโหมเกินไปนัก”

            “รู้แล้วๆ”  นางหัวเราะเสียงใส ได้ยินบ่าวชราพูดเสียงดังว่ารถม้าที่จ้างวานไว้มารอแล้ว นางจึงรีบเดินเร็วๆไปหน้าบ้านทันที ทว่านางกลับเห็นผู้คนจับกลุ่มพูดคุยกันด้วยสีหน้าวิตกกังวล

            “หมอฟู่จะไปไหนหรือ?” ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง คนแถบนี้ป่วยไข้ไม่สบายก็ได้หมอหญิงผู้นี้รักษาให้

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 15. นี่มันเรื่องอะไรกัน

    “ไปตรอกทางทิศตะวันตก” นางตอบแล้วอดกวาดตามองไม่ได้ “มีเรื่องใดรึ” “หมอฟู่ไม่รู้หรือ? ตอนนี้ทหารแคว้นฉินเข้ามาในเมืองของเราแล้ว” “เป็นไปได้อย่างไร!” ดวงตากลมเบิกกว้าง “เจ้าเมืองเปิดประตูให้ก็เดินเข้ามากันอย่างกับมาเดินตลาด!” “เขาพูดกันว่าทั้งแม่ทัพและเจ้าเมืองรู้เห็นเป็นใจกับการเปิดประตูเมือง เห็นว่าเพื่อไม่ใช่ชาวบ้านเดือดร้อน เหอะ! ข้าว่าเพราะต้องการเลือกอยู่ฝ่ายแคว้นฉินเสียมากกว่า” “ทำอย่างไรได้ ฮ่องเต้ไม่สนพระทัยเรื่องชายแดนมานาน” “ชายแดนถูกยึดเช่นนี้ ทัพแคว้นฉินก็บุกไปเมืองหลวงโดยง่ายแล้ว” ฟู่เซียงเซียงยืนฟังแล้วเผลอกัดริมฝีปากครุ่นคิด ไม่รู้ท่านหมอกู้จะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ตอนนี้นางต้องรีบไปรับคนก่อน “อันตรายเช่นนี้ คุณหนูอย่าเพิ่งออกไปเลยขอรับ” บ่าวชราเอ่ยเตือน แต่ฟู่เซียงเซียงส่ายหน้าไปมา “ไม่ได้ ที่นั้นมีเด็กและคนแก่ ข้าต้องรีบไปพาพวกเขามา” นางพูดแล้วรีบขึ้นรถม้า สารถีสบตากับบ่าวชราเล็กน้อยแล้วบังคับม้าให้เดินไป บ่าวชราเดินหลบมาด้านหลังเรือนแล้วหยิบนกหวีดออก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 16.ปลดหน้ากากสิ

    หญิงสาวยืนตัวเกร็งอยู่กลางห้อง หลังจากบรรดาหญิงรับใช้หลายคนเข้ามาช่วยกันจับนางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและแปรงผม ในเวลานั้นนางพยายามขัดขืน แต่ทุกคนต่างขอร้องเพราะเกรงว่าหากทำให้ ‘ไต๋อ๋อง’ ไม่พอใจจะได้รับโทษทัณฑ์ นางจึงจำใจยอมให้หญิงรับใช้แต่งกายให้ใหม่ และเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็เหลือเพียงนางในห้องนี้คนเดียว ถูกชายที่เรียกตัวเองว่าอี้เฉินแบกขึ้นรถม้า ยังไม่ทันได้ซักถามอะไรก็ถูกเขาจี้สกัดจุดให้หมดสติ ฟื้นอีกครั้งก็อยู่ในห้องนี้กับบรรดาหญิงรับใช้ ปกติแต่งกายด้วยชุดบุรุษจนเคยชิน ยามนี้ถูกจับแต่งกายเป็นหญิง ซ้ำยังเป็นชุดนางรำเนื้อผ้าบางเบา ปกปิดก็เหมือนเปิดเผย ฟู่เซียงเซียงกัดริมฝีปากจนเจ็บเมื่อได้สติจึงเดินดูรอบๆ เผื่อหาทางหลบหนี ตอนเข้ามานางหมดสติจึงไม่รู้ว่าที่นี่ที่ใด แต่ดูจากหญิงรับใช้แล้วคงเป็นห้องๆ หนึ่งของจวนเจ้าเมืองแม้อยากรู้ความหมายในสิ่งที่เขาพูด แต่นางก็หวาดกลัวท่าทางคุกคามนั้น ทว่ายังไม่ทันหาทางออกให้กับตัวเองได้ บานประตูเปิดออกก็ขึ้นเสียก่อน นางยืนนิ่งอยู่กลางห้องประสานตากับบุรุษผู้สวมหน้ากากปิดครึ่งใบหน้า เมื่อพิจารณาดูนางจึงเข้าใจว่าเป็นหน้ากากใบหน้าของห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 17. เชลย 

    “หรือท่านอยากตอบแทนบุญคุณข้า?” ฟู่เซียงเซียงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก รู้สึกได้ว่ามือของเขาร้อนระอุจนแทบจะลวกนางได้แล้ว เขายื่นจอกสุราจ่อริมฝีปากของนาง คล้ายว่าถ้านางไม่ยอมดื่มเขาก็ไม่ยอมเลิกรา ทำให้นางจำใจจับรับจอกสุรามายกดื่มจนหมด ความร้อนวูบหนึ่งผ่านลำคอลงกระเพาะ แต่กระนั้นก็ทำให้ชีพจรเต้นแรงขึ้น “ท่านควรรู้ว่าข้าไม่ดื่มสุรา” นางผลักจอกสุราออก “เช่นนั้นเจ้าควรรู้ว่าฐานะของเจ้าตอนนี้คือเชลยของแคว้นฉิน” เขาเอ่ยดวงตาหรี่มองริมฝีปากที่ชุ่มด้วยหยาดสุรา อยากรู้ว่าสุราจากริมฝีปากนางจะรสชาติเดียวกับที่เขาดื่มหรือไม่ ดวงตาคู่งามฉายแววงุนงง “ข้า...” “เจ้าเป็นแค่เชลยทำตามคำสั่งของข้าเท่านั้น”นางผู้ไม่ชอบถูกบ่งการถึงกับขึงตาใส่ “ท่านไม่มีสิทธิ์!”“ข้าเป็นไต๋อ๋องไม่ใช่อี้เฉินของเจ้าอีกแล้ว” เขายิ้มชั่วร้ายจนหญิงสาวผงะถอยห่าง เขาโอบรัดร่างนางเข้ามาใกล้จนลมหายใจรดผิวแก้มที่แดงระเรื่อ“ถ้าข้าไม่ยินยอม...” “เซียงเซียง” เขาเรียกนางด้วยน้ำเสียงกวนโทสะ “เจ้าไม่ทำตามที่ข้าสั่งก็ย่อมทำได้ แต่เจ้าไม่เป็นห่วงเด็กกำพร้าเหล่านั้นหรือ? หรือแม้แต่ศพแม่เฒ่าผู้นั้น...” “ท่าน!” นางขึงตาใส่เขา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 18. เจ้ากำลังทวงบุญคุณกับข้า

    “เรื่องนั้นเพราะข้ามีฝีมือต่างหากละ!” นางโต้เถียงอย่างลืมตัวว่าสถานการณ์ตอนนี้ตกเป็นรอง “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องรู้ว่า ข้าเดินลมปราณขับพิษเองมิใช่เพราะเจ้ารักษา” “แต่ถ้าไม่ใช่ข้ารักษาแผล เช็ดเนื้อตัวดูแลจนไข้ลด เจ้าจะรอดตายได้เองหรือไรกัน” นางขึงตาใส่ อุตส่าอดตาหลับขับตานอนดูแลขนาดไหนกว่าจะรอดตายมาได้ “ซ้ำข้ายังเสียเงินสองตำลึงซื้อตัวท่านมาอีกด้วย!” “เจ้าเสียเงินสองตำลึงซื้อตัวข้า แต่ข้าเสียเงินเท่าไรคุ้มครองเจ้ามาสองปี” มุมปากยกยิ้มแต่ไปไม่ถึงดวงตา เพราะกระต่ายดิ้นรนสุดกำลัง เขากลัวนางจะเจ็บจึงปล่อยมือจากข้อมือของนาง หญิงสาวลนลานกระถดกายถอยหนีไปชิดหัวเตียง เพราะยันกายขึ้นนั่งเสื้อผ้าที่หลุดรุยจึงเลื่อนหล่น มือเรียวเล็กรีบคว้าผ้าห่มขึ้นคลุมร่างทันที “ท่านต้องการสิ่งใด” คล้ายว่านางเคยถามเขามาแล้ว แต่ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน “ให้เจ้าอยู่ข้างกายข้า” นางส่ายหน้าไปมา เส้นผมยาวสลวยเคลียใบหน้าทำให้ชายหนุ่มยื่นมือไปเกลี่ยเส้นผมทัดใบหูให้อย่างอ่อนโยน “เจ้าปฏิเสธได้รึ” เขาหัวเราะในลำคอ “หากไม่เป็นผู้หญิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 19.  นี้มันเหตุผลอะไรกัน

    “ข้าไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ” คราวนี้นางหัวเราะออกมา เป็นจังหวะเดียวกับที่จางลี่กลับเข้ามาพร้อมของกล่องหนึ่ง นางรับไว้แล้วส่งให้หมอกู้เนี่ยนเจิน “สองปีมานี่ท่านอบรมสั่งสอนจนข้ามีความรู้รักษาผู้อื่นได้ วันนี้ต้องจากลา ข้ามีของเล็กน้อยมอบให้ท่าน เป็นใบชาและสมุนไพร หวังว่าท่านจะรับของเล็กน้อยนี้ไว้” กู้เนี่ยนเจินยื่นมือมารับไว้แล้วเอ่ย “เป็นข้าที่ควรมอบอะไรให้เจ้าบ้าง ข้ารีบร้อนมาพบเจ้าไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย” “แค่วิชาความรู้ที่ท่านสั่งสอนข้านั้นก็นับว่ามีค่าจนข้ามิอาจตอบแทนบุญคุณท่านได้แล้ว” แม้ใบหน้าจะแย้มยิ้มแต่ดวงตายังฉายแววเศร้าหมอง “เป็นข้าที่ยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณท่าน ก็ต้องจากกันเสียแล้ว” “ช่างเถิด แค่เจ้าดูแลตัวเองให้ดีและใช้วิชาความรู้ที่ข้าสอนช่วยผู้อื่นก็เท่ากับตอบแทนคุณของข้าแล้ว” “ข้าจะจำใส่ใจไว้เจ้าค่ะ” พูดคุยอยู่ครู่หนึ่งแม่นมหวงก็เดินหน้าซีดเข้ามา ยังไม่ทันรายงานฟู่เซียงเซียง ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สวมหน้ากากปิดครึ่งใบหน้าก็เดินเข้ามาด้านในราวกับเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง “ไต๋อ๋อง” ฟู่เซียงเซียงมองอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 20.  ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าคิดถึงเรื่องอื่น

    มุมปากบุรุษผู้สวมหน้ากากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เขาหันกลับแล้วพยักหน้าให้ชีอันฟานรับช่วงต่อ ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางลอบถอนหายใจเบาๆ แล้วผงกศีรษะให้หญิงสาวบนรถม้าที่ผลุบหายไปหลังม่านหน้าต่างแล้ว มือเรียวเก็บตำราที่แพทย์ที่อ่านค้างไว้แล้วขยับตัวเข้าไปด้านใน รถม้าของไต๋อ๋องกว้างขวางทั้งสบายและอบอุ่น ไม่เหมือนรถม้าที่นางเคยนั่งเมื่อเดินทางออกจากเมืองหลวง ส่วนด้านแม่นมหวงและจางลี่นั้น ไต๋อ๋องให้แยกเดินทางไปต่างหาก นางไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแยกนางกับคนของนาง แต่นางไม่มีสิทธิ์โต้แย้งสิ่งใดได้ เขาให้นางเดินทางพร้อมเขา นางก็ต้องทำ “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมเป็นเช่นกัน” ฉินตงหยางถอดหน้ากากออกแล้วจับปลายคางมนให้หันมาสบตา “รู้หรือไม่ว่าคนพวกนั้นเป็นใคร” “ข้าไม่รู้” นางตอบไปตามตรง “นอกจากวิชาแพทย์แล้ว ข้าก็โง่เขลาไม่รู้เรื่องใดเลย” ชายหนุ่มหัวเราะแล้วปล่อยมือ เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกโยนไปด้านหลังแล้วตามด้วยรองเท้าแล้วขึ้นไปบนพรมขนสัตว์หนานุ่มที่ร่างเล็กกระถดกายเข้าไปด้านใน ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อยแล้วจ้องนางอย่างแปลกใจ “นี่ไม่ใช่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 21.  กลับถึงเมืองหลวง

    ฟู่ซินอี๋กวาดข้าวของบนโต๊ะลงพื้นด้วยความโมโห สาวใช้ต่างพากันก้มไม่แสดงความรู้สึกใด จางจิ้งโบกมือไล่สาวใช้ผู้อื่นออกไป จางจิ้งเป็นสาวใช้คนสนิทของฟู่ซินอี๋และติดตามนางมาอยู่ที่สกุลหลี่บัดนี้ฟู่ซินอี๋ได้เป็นฮูหยินของเสนาบดีกรมคลัง ภายนอกผู้คนล้วนอิจฉาที่นางมีวาสนาได้แต่งเข้าสกุลหลี่ แต่ความจริงฟู่ซินอี๋กล่ำกลืนฝืนทนตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาในสกุลหลี่ สามีของนางหลี่ป๋อเหวินมีสตรีในดวงใจอยู่ก่อนแล้ว หลังจากแต่งนางเข้ามาไม่นานก็รับภรรยารอง และอนุอีกสามคน แต่ละวันนางต้องพยายามทำดีเพื่อเอาใจแม่สามีและต้องเอาชนะใจสามีที่มองนางด้วยหางตา แม้นางเป็นภรรยาเอกแต่การกระทำของเขาเหมือนนางเป็นเพียงอนุเท่านั้น “ฮูหยินโปรดสงบใจไว้ก่อนเจ้าค่ะ” “สงบใจ! ข้าจะสงบใจลงได้อย่างไร! เซียงเซียงกลับมาแล้ว ซ้ำยังได้เป็นคนโปรดของไต๋อ๋อง!” จางจิ้งที่นำข่าวจากที่บ้านมารายงานรีบเข้าไปลูบไหล่นายหญิงที่นั่งกำมือแน่นด้วยความเจ็บใจ “นั้นเป็นเพียงข่าวลือที่ผู้คนพูดกัน คนโปรดอะไรกันเป็นแค่นางบำเรอเสียกระมังเจ้าคะ” “เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ?” ฟู่ซินอี๋เริ่มใจเย็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 22.  คุ้มครองหรือคุมตัวข้ากันแน่

    ฟู่เซียงเซียงนั่งเขียนสิ่งที่ตนเองต้องทำ ลำดับขั้นตอนอย่างเป็นระเบียบ นางเขียนอย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลา รอบตัวมืดสนิทได้ยินเพียงเสียงแมลงกลางคืน นางเก็บพู่กันและเช็ดมือแล้วจึงเดินมานั่งที่เตียง มือจับที่กำไลหยกมันแพะที่สวมอยู่ ‘ข้านอนไม่หลับ’ น้ำเสียงเอาแต่ใจของฉินตงหยางดังแว่วในหู ฟู่เซียงเซียงยิ้มขำกับท่าทางเหมือนเด็กในบางคราวของเขา แล้วรอยยิ้มก็จางไป ในวังหลวงมีหญิงงามมากมาย ไม่มีนางเขาก็มีหญิงอื่นให้ตระกองกอดทั้งซ้ายขวา หญิงสาวส่ายหน้าไปมา ดับเทียนในห้องแล้วปีนขึ้นเตียงมือเรียวยกขึ้นแตะหน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจเหตุใดรู้สึกเจ็บแปลบพิกล หรือนางจะป่วยไข้เข้าให้แล้ว.หมอจูซีห่าวทั้งประหลาดใจและดีใจที่เห็นฟู่เซียงเซียงมาเยี่ยมเยือนถึงโรงหมอ นางยังคงแต่งกายด้วยชุดบุรุษแต่อย่างไรก็ยังเห็นได้ชัดว่าเป็นหญิงงาม “ไม่พบกันสองปี เหตุใดยังดูซุกซนเป็นเด็กน้อยอยู่เล่า” “อาจารย์ ท่านล้อข้าเล่นอีกแล้ว” ฟู่เซียงเซียงหัวเราะเสียงใสแล้วรอยยิ้มก็กว้างยิ่งขึ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังห้องเก็บยา “พี่ลี่เฉี่ยว”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22

บทล่าสุด

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 32.ผ่านพ้นเคราะห์กรรม จบ.

    “นั้นสิ ใครจะรักข้ากันเล่า” “เซียงเซียง” เขาเรียกนางอย่างอ่อนใจ “ท่านไม่ได้หลับเลยสินะ มานอนตรงนี้สิ หลับสักประเดี๋ยวดีไหม” นางตบที่ตักหมายให้เขานอนหนุนตักนางเหมือนที่นางเคยนอนหนุนตักมารดา “ข้าไม่กล้าหลับ” “ข้านอนมาพอแล้ว ต่อไปนี้ข้าจะดูแลท่านเอง” “สัญญา?” “ได้ข้าสัญญา” นางหัวเราะแต่เสียงยังแหบอยู่ สายตามองเลยไปยังดอกไม้ในแจกันที่มุมห้อง แสงแดดที่ผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง นางรู้ว่าภาพเหล่านี้จะไม่จางหายไปเช่นในฝันที่ผ่านมา ชายหนุ่มค่อยๆ เอนกายลงนอนบนตักของนาง เงยหน้ามองใบหน้าของคนรักแล้วค่อยๆ หลับตาอย่างอ่อนล้า “อี้เฉิน” “อืม...” “ตอนที่ข้าหลับ ข้าฝันถึงท่าน แต่มันน่ากลัวมาก ในฝันข้าไม่ตื่นและท่านกลายเป็นปีศาจในร่างมนุษย์เข่นฆ่าผู้คนจนแผ่นดินชโลมด้วยโลหิต...อี้เฉิน ท่านบอกข้าได้หรือไม่มันก็แค่ฝันร้าย” ฉินตงหยางลืมตาขึ้นมองเป็นจังหวะเดียวกับที่นางก้มมองเขาเช่นกัน พลางตัดสินใจว่าบางเรื่องอย่าให้นางรู้เลยดีกว่า ช่วงที่นางหลับ เขาก็แทบกลายเป็นปีศาจจริงๆ สั่งส

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 31. รักษานาง!

    แม้เจนจัดในสนามรบ แต่เมื่อเห็นคนรักบาดเจ็บ เขากลับเจ็บปวดทุกข์ทรมานยิ่งกว่า...คนรัก...สวรรค์นี่เขารักนางแล้วจริงๆใช่ไหม? ไม่ใช่เพียงความรู้สึกอยากยึดครองนางไว้เพียงผู้เดียว แต่ทุกข์และสุขไปพร้อมกับนาง “ร่างกายของนางจะค่อยๆ เย็นลงไปเรื่อยๆ ไต๋อ๋องเป็นผู้มีวรยุทธ์แข็งแกร่ง ระหว่างนี้ท่านต้องทำให้ร่างกายนางอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา”“ทำอย่างไร” เขาถามอย่างงุนงงไม่สนใจที่จูลี่เฉี่ยวไม่ได้เรียกฟู่เซียงเซียงว่าพระชายา“กระหม่อมจะใช้สมุนไพรขับไอเย็นให้นาง เอ่อ...ไต๋อ๋องถ่ายลมปราณกระตุ้นให้เลือดลมไหวเวียนเป็นปกติ จะช่วยประคองชีพจรของนางได้อีกทาง”“ได้” เขาค่อยรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยเพราะตัวเองช่วยนางได้บ้าง เขายื่นมือไปลูบไล้ใบหน้าที่หลับใหลแล้วพึมพำเบาๆในลำคอ“ห้ามลืมสัญญาของเรานะ เซียงเซียง”….. “เด็กขี้เซาตื่นได้แล้ว” “ลูกอยากนอนอย่างนี้ทุกวันทุกคืน นอนหนุนตักท่านแม่แล้วลูกไม่ฝันร้าย” “เจ้าฝันอะไร เล่นซุกซนจนเก็บไปฝันอีกละสิ” “ลูกไม่ได้ซุกซนนะ” หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่งจ้องใบหน้าของมารดา “ต้องเรียกสนใจใฝ่รู้ต่างหาก” มารดาหัวเราะเสียงใส

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 30. พิษเจ็ดนิทรา

    “เหนื่อยรึ ให้ข้าอุ้มไหม” “ไม่ต้อง” นางเงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงใส “ข้าดีใจที่ท่านกลับมาเยี่ยมบ้านกับข้า” “ท่านพี่” ฉินตงหยางแก้คำพูดของนางให้ “ท่านพี่” น้ำเสียงเจือเขินอายทำให้คนฟังคันหัวใจยุบยิบจนอยากจะจูบนางเสียตรงนั้น ทว่าเพียงแค่โน้มหน้าลง คนตัวเล็กก็รู้ทันรีบยกมือขึ้นปิดปากเขาไว้ก่อน “ที่นี่...ไม่ได้...” “ทำไมเล่า ข้าไม่ได้ให้ผู้ใดติดตามมาเสียหน่อย”“รวมถึงองครักษ์เงาด้วยรึ” นางแลบลิ้นใส่คนเจ้าเล่ห์ที่ชอบยั่วเย้าให้ครวญคราง ยิ่งนางพยายามกลั้นเสียงร้องเท่าไร เขายิ่งกลั่นแกล้งหนักมือขึ้นเท่านั้น ฉินตงหยางยิ้มกริ่ม นึกถึงเรื่องที่ชีอันฟานพูดคุยกับเขา เสียงไต๋อ๋องกับพระชายาที่ดังออกมานอกห้องหอนั้นทำเอาบรรดาองครักษ์หน้าหนาถึงหน้าแดงตัวเกร็ง ราวกับถูกทดสอบความอดกลั้นกันเลยทีเดียว “อีกไม่นานเราจะเดินทางกลับแคว้นฉินกันแล้ว เจ้ายังมีอะไรที่ต้องสะสางที่นี่อีกหรือไม่” “ฟังดูเหมือนข้าเป็นคนมีชอบสร้างปัญหา” นางขมวดคิ้ว “แค่อยากล่ำลาพี่ลี่เฉี่ยวกับท่านหมอจู” เดิมทีฟู่เซียงเซียงคิดว่าเขาคงไม่พอใ

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 29. เข้าหอ

    “ระหว่างรอข้า เจ้ากินอะไรหรือยัง” เขาถามพลางค่อยๆ ถอดเครื่องประดับออกจากศีรษะนาง “ตัวข้ามีแต่กลิ่นสุรา ประเดี๋ยวข้าไปอาบน้ำสักครู่ เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันก็พักผ่อนเสียหน่อย” “ท่านเคยได้ยินประโยคที่ว่าคืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่งหรือไม่” ฟู่เซียงเซียงกระเง้ากระงอด หารู้ไม่ว่าถูกปลดสายรัดเอวและถอดชุดบนตัวนางออกที่ละชิ้นแล้ว “น้องหญิงใจร้อนยิ่งนัก” เขาหัวเราะอารมณ์ดี อาจเพราะสุราที่ดื่มหรือเพราะความงามเย้ายวนเบื้องหน้า อาภรณ์หนาหนักถูกถอดออกไปเหลือเพียงเอี๊ยมสีแดงสดขับเน้นผิวกายขาวผุดผ่องราวหิมะแรกของเหมันต์ แม้รู้สึกประหม่าแต่ก็ยื่นมือไปช่วยปลดกระดุมชุดเจ้าบ่าวออก ปลายนิ้วแตะต้องผิวกายของชายหนุ่ม แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางสัมผัสตัวเขา แต่ทุกครั้งที่เห็นรอยแผลเป็นบนร่างกายนี้ ก็อดปวดใจไม่ได้ ชายผู้นี้ต้องแบกรับเรื่องหนักหนาไว้มากมายเพียงใด “ไม่เจ็บแล้ว” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว รับรู้ได้ว่านางห่วงใยเขามากเพียงใด เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับจากผู้ใดมาก่อน เขาจับมือเล็กที่ทาบอยู่บนรอยแผลบนแผ่นอก “ต่อไปนี้ข้าไม่อนุญาตให้ท่านบาดเ

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 28. วิวาห์

    “อะ...อะไรกัน...พวกเจ้าอย่ามาขู่ให้ข้ากลัวนะ!” แน่ล่ะ นางย่อมได้ยินเรื่องพวกนี้มาก่อน เมื่อถูกสะกิดก็อดคิดไม่ได้ “วิธีทรมานคนเป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่งของไต๋อ๋อง หากฮูหยินต้องการพลีกายสร้างความบันเทิงให้ไต๋อ๋อง ข้าเองคงไม่อาจขัดขวางความปรารถนาของฮูหยินได้” ชีอันฟานพูดด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม “ไต๋อ๋องเพิ่งได้มีดปีกจักจั่นมา ยังไม่ได้ทดลองกับผู้ใด มิทราบว่าฮูหยินจะยอมเป็นของเล่นให้ไต๋อ๋องได้ทดลองใช้มีดแร่ผิวหนังออกที่ละชั้นหรือไม่” “พวกเจ้าบ้าไปแล้ว!” ฟู่ซินอี๋กลัวจนตัวสั่น นึกถึงคำเตือนของบิดาที่ไม่ให้ยุ่งกับฟู่เซียงเซียง หรือว่าไต๋อ๋องจะเป็นพวกวิปริต “คนที่บ้าน่าจะเป็นฮูหยินเสียมากกว่า ท่านควรรู้ว่าตนเองอยู่ตำแหน่งใด อะไรควรทำไม่ควรทำ สตรีที่ยอมทิ้งสามีเพื่อมาเกาะบุรุษอื่นหวังได้ฐานะตำแหน่งสูงส่งควรเรียกหญิงบ้าได้หรือไม่ คนสติดีที่ไหนจะทำเรื่องอัปยศเสื่อมเสียวงศ์ตระกูลเช่นนี้” ชีอันฟานถึงกับต้องหันมามองสาวใช้ของฟู่เซียงเซียงเต็มตา เขารู้ว่าขาขวาของจางลี่พิการลีบเล็ก หากไม่สังเกตจะไม่รู้ว่าเวลาเดินนั้น นางเดินกะโผลกกะเผลก ใบหน้

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 27. ข้าไม่เคยเช็ดน้ำตาให้ใครมาก่อน

    “เจ้าไม่ทำหรอก” เขาหัวเราะอารมณ์ดี “เจ้าไม่มีวันใช้วิชาแพทย์ทำร้ายใคร ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ได้อยู่ตรงหน้าเจ้าเช่นนี้” เห็นนางนิ่งงันไปเขาก็ยิ้มขบขัน “เจ้าเป็นคนเดียวที่ข้าต้องการให้อยู่ข้างกาย ไม่ว่าเจ้าจะยินยอมหรือไม่ ข้าก็ต้องหาทุกวิถีทางเพื่อให้เจ้าอยู่กับข้า และวิธีที่ดีที่สุดคือแต่งงาน ส่วนตำแหน่งชายาอะไรนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้ารับรองได้ว่าจะมีเจ้าเพียงหนึ่งเดียวไม่มีหญิงใดอีก” “ท่านแน่ใจหรือ?” นางถามอย่างไม่เชื่อนัก “แค่เจ้าคนเดียวข้าจะเหลือตาไว้มองใครได้อีก ซุกซนถึงเพียงนี้ ก่อเรื่องได้แทบทุกวัน หากข้าไม่ส่งคนคอยคุ้มครองเจ้า คิดหรือว่าเจ้าจะอยู่สุขสบายถึงเพียงนี้” “ข้าไม่ได้เป็นคนเช่นนั้นเสียหน่อย” นางลืมตัวหัวเราะออกมาแล้วก็เจ็บแก้มทำให้ต้องยกมือขึ้นกุมไว้ “อดทนอีกนิดนะเซียงเซียง ข้าต้องการให้เจ้าแต่งออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ไม่ถูกใครครหา แต่งงานแล้วเดินทางกลับแคว้นฉิน ที่นั้นจะเป็นบ้านของเรา เจ้าอยากเพาะปลูกกุหลาบ ขายเครื่องประทินผิวหรือทำโรงหมอรักษาคนก็ตามใจเจ้า” “ข้าไม่เคยคิดว่าท่านจะแต่งข้าเ

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 26. โอบกอด

    “ข้าจะคิดเสียว่านี่เป็นคำตอบของท่าน” เขาโอบกอดหญิงสาวแน่นขึ้น “อีกเพียงสามวัน สามวันเท่านั้น ระหว่างนี้ท่านช่วยทำตัวเป็นว่าที่บิดาที่ดี ส่งบุตรสาวออกเรือนด้วยรอยยิ้ม ระหว่างนี้ข้าจะให้องครักษ์คอยดูแลความปลอดภัยของเซียงเซียง หวังว่าท่านจะไม่ทำอะไรให้เลวร้ายไปกว่านี้” ฉินตงหยางช้อนร่างบอบบางเดินออกมาทันทีไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะพูดสิ่งใด น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้พร่างพรูเปื้อนแก้มที่มีรอยช้ำ เขาอุ้มคนตัวเล็กพาเดินผ่านสายตาของบ่าวไพร่ รวมทั้งฟู่ซินอี๋ที่ได้ยินข่าวก็รีบกลับมาบ้านบิดาทันที แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปพบบิดาก็เจอทหารกลุ่มหนึ่งขวางไว้ก่อน นั้นนะหรือไต๋อ๋องผู้โหดเหี้ยม...ฟู่ซินอี๋มองตาลอยราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง ครั้งก่อนได้เห็นไกลๆ ก็พอรู้ว่าองอาจสง่างามแต่เมื่อเห็นใกล้ๆ จึงรู้ว่าหล่อเหลาบาดใจเช่นนี้ กว่านางจะได้สติก็ไม่เห็นแผ่นหลังของไต๋อ๋องแล้ว นางรีบเดินเร็วๆ จนกลายจะเป็นวิ่งไปหาบิดาที่มารดาพยุงให้นั่งที่เก้าอี้ “ท่านพ่อ! นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะ! เซียงเซียงได้เป็นพระชายาจริงๆ รึ” ฟู่เจี้ยนกั๋วที่ยังขวัญเสียอยู่ได้แต

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 25.  ความสุขของนางข้ารับผิดชอบเอง

    แม่นมหวงและจางลี่เดินตามหลังฟู่เซียงเซียงเข้ามาพบนายท่านที่ห้องโถง ฟู่เซียงเซียงขมวดคิ้วงุนงง ในขณะที่แม่นมหวงและจางลี่อ้าปากค้างกับข้าวของตรงหน้า “ท่านพ่อ นี่เรื่องอะไรเจ้าคะ” ฟู่เซียงเซียงถามบิดาที่นั่งดื่มชากับมารดาเลี้ยงที่ฉีกยิ้มให้นาง ฟู่เจี้ยนกั๋วลอบถอนใจก่อนเอ่ย “คนของไต๋อ๋องส่งมาวัดตัวตัดชุดเจ้าสาวให้เจ้า” “ชุดเจ้าสาว?” นางหันไปมองหญิงสาวสามคนที่ยืนรออย่างนอบน้อม “ของใครเจ้าคะ” “ของเจ้านั้นแหละ” ฟู่เจี้ยนกั๋วสีหน้าไม่อยากเอ่ยถึงเท่าใดนัก “ของข้า?” นางยังคงงุนงงอยู่ “ข้าแต่งกับใครเจ้าคะ” “ก็ไต๋อ๋องนะสิ” คราวนี้มารดาเลี้ยงอดไม่ไหวพูดแทนจนได้ “แต่งงานกับไต๋อ๋อง” นางยังคงงุนงงอยู่ “ต้องเรียกว่าอภิเษก” ฟู่เจี้ยนกั๋วพูดแก้ให้ “เจ้าไปวัดตัวเสียก่อนค่อยมาคุยกัน อีกสามวันจะเข้าพิธีแล้วประเดี๋ยวจะไม่ทันการ” แม่นมหวงเห็นฟู่เซียงเซียงยังยืนนิ่งอยู่จึงเป็นฝ่ายจูงมือไปเพื่อวัดตัวสำหรับตัดชุดเจ้าสาว จางลี่ดูจะตื่นเต้นมากกว่าใคร แพรพรรณงดงามรวมทั้งเครื่องประดับมากมาย ยังมีข้าวของม

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 24.  ข้าไม่มีสิทธิ์รอท่านรึ?

    ฟู่เซียงเซียงชิมขนมและน้ำชาอย่างเพลิดเพลิน ไม่ได้สนใจเสียงซุบซินนินทา นางไม่ได้อยากมาแต่ชีอันฟานมาส่งเทียบเชิญด้วยตนเอง ซ้ำยังเตรียมเสื้อผ้าเครื่องประดับมาให้พร้อมสรรพ วันเดินทางยังจัดเตรียมรถม้าและองครักษ์มารอรับราวกับว่า ถ้านางหาทางบิดพลิ้วไม่มาคนเหล่านี้ต้องได้รับโทษเป็นแน่ นางทนเห็นผู้อื่นเดือดร้อนเพราะไม่ได้ จึงจำใจมาร่วมงานนี้ด้วย “ไม่คิดว่าจะได้พบพี่สาวที่นี่” ฟู่ซินอี๋เข้ามาทักทายพร้อมจับมือด้วยท่าทางดีใจ “ไม่เจอกันสองปี พี่สาวสบายดีหรือไม่ ข้าออกเรือนแล้วไม่สะดวกไปเยี่ยมเยือนพี่สาวเลย”ฟู่เซียงเซียงคลี่ยิ้มอ่อนโยนเล่นบทพี่สาว-น้องสาวรักใคร่กลมเกลียว“ก็อย่างที่เจ้าเห็นนั้นแหละ”หางตาฟู่ซินอี๋กระตุ้น นี่กำลังบอกว่าสบายดีมากอย่างนั้นหรือ? อาภรณ์ที่งดงามกว่านางยิ่งนัก ไม่มีทางที่มารดาของนางตระเตรียมของดีเช่นนี้ให้เป็นแน่ “ได้ยินว่าพี่สาวได้รับความลำบากมา ข้าเป็นน้องไม่สามารถช่วยได้ ข้าทุกข์ใจยิ่งนัก”“เจ้าแต่งงานแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาทุกข์ใจเรื่องในสกุลฟู่อีก” ฟู่เซียงเซียงจิบน้ำชาแล้วแอบชื่นชมในใจ ไม่ได้จิบน้ำชาเลิศรสนานแล้วกระมัง ได้ดื่มแต่ใบชาราคาถูกมานาน แต่จะว่า

DMCA.com Protection Status