Home / โรแมนติก / พ่ายรักเชลยสาว / Chapter 18. เจ้ากำลังทวงบุญคุณกับข้า

Share

Chapter 18. เจ้ากำลังทวงบุญคุณกับข้า

last update Last Updated: 2024-12-11 01:27:45

            “เรื่องนั้นเพราะข้ามีฝีมือต่างหากละ!”  นางโต้เถียงอย่างลืมตัวว่าสถานการณ์ตอนนี้ตกเป็นรอง

            “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องรู้ว่า ข้าเดินลมปราณขับพิษเองมิใช่เพราะเจ้ารักษา”

            “แต่ถ้าไม่ใช่ข้ารักษาแผล เช็ดเนื้อตัวดูแลจนไข้ลด เจ้าจะรอดตายได้เองหรือไรกัน”  นางขึงตาใส่ อุตส่าอดตาหลับขับตานอนดูแลขนาดไหนกว่าจะรอดตายมาได้ “ซ้ำข้ายังเสียเงินสองตำลึงซื้อตัวท่านมาอีกด้วย!”

            “เจ้าเสียเงินสองตำลึงซื้อตัวข้า แต่ข้าเสียเงินเท่าไรคุ้มครองเจ้ามาสองปี” มุมปากยกยิ้มแต่ไปไม่ถึงดวงตา เพราะกระต่ายดิ้นรนสุดกำลัง เขากลัวนางจะเจ็บจึงปล่อยมือจากข้อมือของนาง หญิงสาวลนลานกระถดกายถอยหนีไปชิดหัวเตียง เพราะยันกายขึ้นนั่งเสื้อผ้าที่หลุดรุยจึงเลื่อนหล่น มือเรียวเล็กรีบคว้าผ้าห่มขึ้นคลุมร่างทันที

            “ท่านต้องการสิ่งใด”  คล้ายว่านางเคยถามเขามาแล้ว แต่ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน

            “ให้เจ้าอยู่ข้างกายข้า”

            นางส่ายหน้าไปมา เส้นผมยาวสลวยเคลียใบหน้าทำให้ชายหนุ่มยื่นมือไปเกลี่ยเส้นผมทัดใบหูให้อย่างอ่อนโยน

            “เจ้าปฏิเสธได้รึ” เขาหัวเราะในลำคอ “หากไม่เป็นผู้หญิงของข้า เจ้าคิดจะเป็นของใคร? ของเจ้าหมอจูลี่เฉี่ยวนั้นรึ”

            “ทำไมข้าต้องเป็นของใครเล่า” หญิงสาวขมวดคิ้ว นางไม่มีสิทธิ์เลือกบ้างหรือไร

            “ข้าต้องย้ำเจ้าให้เข้าใจอีกรึ?” เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ฐานะตอนนี้เจ้าเป็นเชลยของแคว้นฉิน หากเจ้าไม่ยินยอมเป็นผู้หญิงของข้า ก็ไม่พ้นต้องเป็นนางโลมในกระโจมดอกท้อบำเรอทหารชาย เจ้าก็ลองตรึกตรองดูเถิดว่า อยู่ใต้อาณัติข้าเพียงคนเดียวหรือทหารทั้งกองทัพ...”

            “ข้า...ข้าไม่...”  นางพูดไม่ออก เรื่องนี้นางย่อมรู้ดีเป็นที่สุด แต่เหตุที่นางยังไม่อพยพหลบหนีทั้งที่รู้ว่าภัยสงครามคืบคลานเข้ามาก็เพราะ...

            “ไม่?”

            “ข้า...ข้าไม่ใช่นางโลม...ข้าเป็นหมอหญิง”

            ดวงตาของเขามีประกายขบขัน  ปลายนิ้วเชยคางหญิงสาวขึ้น “เจ้าเองก็อุตส่าห์ทุ่มเทแรงกายและใจไปมาก จะเลิกเป็นหมอหญิงไปทำไมกัน”

            “ท่าน...ไม่ห้ามข้า...”  นางมองเขาอย่างฉงน

“เจ้าคิดว่าข้าห้ามเจ้ารักษาผู้คนรึ”

            หญิงสาวเม้มปากจนเรียบตึงไม่กล้าเอ่ยสิ่งที่คิดในใจ ครู่หนึ่งจึงเอ่ยปากเสียงแผ่วเบา

            “ข้า...ต้องติดตามท่าน...”

            “ถูกต้อง”

            มือที่จับผ้าห่มอยู่ขยำผ้าแน่นขึ้น หากนางไม่ซื้อตัวเขาในวันนั้น...เอ๊ะ! หรือที่เขาทำไปทั้งหมดนี้เพราะโกรธที่นางเคยเรียกเขาเป็น ‘สุนัข’ และยังต้องหาบน้ำ ผ่าฟืนคอยติดตามนางไปที่โรงหมอ ก็ตอนนั้นนางจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาคือไต๋อ๋อง ถ้ารู้...นางก็ไม่ช่วยผู้อื่นให้ตัวเองต้องลำบากเช่นนี้

            “จุดหมายของท่านคือ...”

            “เมืองหลวงของแคว้นสือเจ้า”  เขาย้ำ “เจ้าไม่อยากกลับไปพบหน้าบิดาหรือคนในสกุลฟู่หรือไร”

            “ข้าอยู่ที่นี่มีความสุขดี”  นางพึมพำเสียงเบา

            “ไม่เสียดายรึ เป็นถึงคุณหนูตระกูลฟู่”

            “ข้า...” ไม่อาจพูดได้ว่า ‘ไม่เสียดาย’ แต่สิ่งที่นางต้องการคือสินเดิมของมารดา สิ่งเหล่านั้นคือตัวแทนของมารดาที่ตายจาก นางต้องการเพียงสิ่งของของมารดากลับคืนเท่านั้น

            “แล้ว...แม่นมหวงกับจางลี่” 

            “ตามใจเจ้า กับพวกนางก็เหมือนคนในครอบครัวของเจ้าไม่ใช่รึ ถ้าพวกนางอยากติดตามไปก็ย่อมได้ หรือจะอยู่ที่นี่ก็จะให้พ่อบ้านดูแล”

            “พ่อบ้าน?”  นางเอียงคออย่างแปลกใจ

            “บ่าวชราที่อยู่บ้านเจ้าเป็นคนของข้า” เขายิ้ม “แต่เดิมเคยเป็นนักฆ่าฝีมือเยี่ยม แต่เพราะทำภารกิจให้ข้าจนบาดเจ็บสาหัสไม่อาจเป็นนักฆ่าได้อีก  เขาอยู่ว่างไม่มีอะไรทำจึงอาสามาดูแลเจ้าแทนข้าที่ติดพันจัดการคนที่ป้องร้ายข้าอยู่”

            “แม้แต่บ่าวในบ้านข้าก็เป็นคนของท่าน”  นางพึมพำออกมา หรือว่า  เรื่องบังเอิญที่นางเคยครุ่นคิดเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ล้วนเป็นคนของเขาทั้งหมด

            “ท่านโกรธแค้นข้าหรือ?”  นางเอ่ยถามออกมาจนได้

            ฉินตงหยางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

            “ที่ข้าใช้ร่างกายท่านฝึกฝนการรักษา และยัง...ยังเรียกท่านว่าสุนัข”

            คราวนี้เขาหัวเราะออกมา เป็นเสียงหัวเราะที่ชวนขนลุกมากกว่าขบขัน

            “นี่ก็อีกเรื่องที่ข้าต้องคิดบัญชีกับเจ้า”

            ฟู่เซียงเซียงร้องครางในอก หรือจริงๆเขาลืมไปแล้วแต่นางดันพูดขึ้นมา  นางคงไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วสินะ

            “ข้าจะให้บ่าวยกน้ำแกงสร่างเมามาและช่วยเจ้าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า” 

เห็นท่าทียอมจำนนของนางแล้ว เขาก็ได้คำตอบแม้นางไม่เอ่ยปากออกมา  

            “ข้าไม่สวมชุดนางรำแล้วนะ”

            ฉินตงหยางพยักหน้ารับ ชุดนางรำยั่วยวนเช่นนี้ ให้นางแต่งให้เขาดูเพียงลำพังก็พอ เขาไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนเห็นความงามอิ่มเอิบของนางทั้งสิ้น!

            หญิงสาวมองแปลงกุหลาบอย่างอาลัย  กว่าจะเพาะปลูกได้ขนาดนี้ทุมเทแรงกายและใจไปไม่น้อย มาบัดนี้ต้องจำใจพรากจากย่อมเสียดายเป็นธรรมดา

            “คุณหนู ท่านหมอกู้มาขอพบเจ้าค่ะ”    

จางลี่เข้ามาเรียกหญิงสาวที่ยืนมองแปลงกุหลาบอยู่นานแล้ว นางเข้าใจความลำบากใจของคุณหนูเป็นอย่างดี ทำไมนะ คนดีๆ อย่างคุณหนูจึงประสบพบเจอเรื่องร้าย ทั้งที่เป็นคนจิตใจดีช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ

            “ท่านหมอกู้มาหาข้ารึ”  ฟู่เซียงเซียงตื่นจากภวังค์จึงหมุนตัวเดินกลับมาด้านในเรือน นางเดินผ่านบ่าวชราที่ยังคงกวาดลานหน้าบ้านอย่างเช่นที่เป็นมา หญิงสาวอดไม่ได้จึงหยุดยืนแล้วมองบ่าวผู้นั้น

             ‘คนผู้นี้นะหรือเป็นนักฆ่าฝีมือยอดเยี่ยมมาก่อน’

 ฟู่เซียงเซียงขมวดคิ้วแต่ไม่กล้าเอ่ยถาม เรื่องที่ไต๋อ๋องกับอี้เฉินเป็นคนเดียวกัน นางไม่กล้าเล่าให้ใครฟังแม้แต่กับแม่นมหวงและจางลี่

            “มีอะไรหรือขอรับคุณหนู”

            “ยังปวดหัวเข่าอยู่หรือไม่”

            “เพราะการฝังเข็มของคุณหนู ทำให้บ่าวไม่ค่อยปวดเท่าเมื่อก่อนแล้วขอรับ”

            “บาดเจ็บเรื้อรังต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง แม้ข้าไม่อยู่แล้วก็อย่าลืมดูแลตัวเองให้ดี”

            “ทราบแล้วขอรับ คุณหนู”

            หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินเข้าไปด้านในจึงไม่ทันเห็นรอยยิ้มของบ่าวชรา เพียงหญิงสาวเดินลับสายตาเขาก็ยืดหลังเหยียดตรง อดคิดถึงผู้เป็นนายไม่ได้ นับว่าสวรรค์ยังเมตตาส่งสตรีจิตใจงดงามมาเคียงข้างบุรุษเช่นไต๋อ๋อง

            หมอกู้เนี่ยนเจินเห็นหญิงสาวเดินเข้ามาสีหน้าวิตกก็คลายลง แม้รู้ดีว่านางเป็นหญิง  แต่ปกติเห็นนางแต่งกายเป็นชายจนชินตา ยามนี้นางสวมชุดผ้าไหมแม้เรียบง่าย  แต่ขับเน้นความงามให้โดดเด่นก็อดประหลาดใจไม่ได้

            “ท่านหมอกู้”  ฟู่เซียงเซียงทักทายแล้วนั่งลง จางลี่รินน้ำชาให้ทั้งสองคนแล้วถอยหลังไปยืนรอรับใช้ไม่ไกลนัก “ชาดีบัวเจ้าคะ ข้าทำเอง”

            “เจ้าไม่เป็นอะไรแน่รึ” เขาเป็นคนตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม ได้ยินว่านางถูกไต๋อ๋องจับตัวไปก็เป็นกังวล อย่างไรเขาก็เป็นคนสอนวิชาแพทย์  ให้นางเข้าออกค่ายทหารมาสองปี ไม่ใช่ญาติก็คุ้นเคยจนเหมือนญาติ พอรู้ข่าวว่านางกลับมาที่เรือนจึงเร่งรีบมาดูด้วยตาตนเอง

            “ข้าสบายดีเจ้าค่ะ”  ใบหน้าอ่อนหวานยังคงประดับรอยยิ้มเช่นทุกครั้ง “ความจริงข้าเองก็จะไปพบท่านอยู่ อีกไม่กี่วันข้าจะเดินทางแล้วคิดว่าจะไปกล่าวลาท่านเสียหน่อย”  นางหันไปพยักหน้าให้จางลี่ บ่าวสาวค่อมกายเล็กน้อยแล้วถอยออกไป

            “ได้ยินว่าไต๋อ๋องเลือกให้เจ้าติดตามเขา”  กู้เนี่ยนเจินถอนหายใจหนักหน่วง เป็นหญิงงามก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป

            “เจ้าค่ะ”  นางยิ้มบางๆ แม้นางเอ่ยปากตอบตกลงก็จริง แต่ก็เพราะเขาเอาชีวิตผู้อื่นมาขู่บังคับนาง รวมทั้งชีวิตหมอในค่ายทหารด้วย เอาเถิด คงอยากแก้แค้นที่นางทำไว้เสียมากกว่า เช่นนั้นก็ไม่ควรให้ผู้อื่นต้องมาลำบากเพราะนางเลย

            “แล้วเจ้า...” กู้เนี่ยนเจินเองก็ไม่มีอำนาจต่อรองอันใด เป็นแค่หมอทหารธรรมดาผู้หนึ่งเท่านั้น เคยได้ยินว่านางเองก็เป็นถึงคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่ตกอับต้องมาอยู่ชายแดน นางจะเอาตัวรอดได้หรือไม่

Related chapters

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 1. สองตำลึง

    แนะนำตัวละครฟู่เซียงเซียง : บุตรสาวภรรยาเอกของเสนาบดีกรมพิธีการฟู่เจี้ยนกั๋ว อาศัยในแคว้นสือเจ้า สนใจวิชาแพทย์ปรารถนาจะเป็นหมอหญิงฟู่ซินอี๋ : บุตรสาวภรรยารองของเสนาบดีกรมพิธีการฟู่เจี้ยนกั๋ว มีศักดิ์เป็นน้องสาวฟู่เซียงเซียงแม่นมหวงเจียอี : แม่นมที่เลี้ยงดูฟู่เซียงเซียงตั้งแต่แบะเบาะ รักและเอ็นดูฟู่เซียงเซียงดุจลูกในไส้จางลี่ : สาวใช้ขาพิการ ที่ฟู่เซียงเซียงซื้อตัวมาอี้เฉิน : ทาสหนุ่มที่ฟู๋เซียงเซียงซื้อตัวมาฉินตงหยาง : ไต๋อ๋องแห่งแคว้นฉินชีอันฟาน : คนสนิทของไต๋อ๋อง ราวกับถูกสายตาคู่หนึ่งดึงดูดไว้ทำให้เด็กสาวที่แต่งกายด้วยชุดของเด็กชายที่ใหญ่เกินตัว ดวงตาเป็นประกายจ้องมองชายหนุ่มที่สภาพสะบักสะบอม เสื้อผ้าดูไม่ออกว่าสีเดิมเป็นสีอะไร ผมเผ้ารุงรังเกรอะกรังไม่น่ามอง ตามเนื้อตัวดูท่าจะมีแผลฟกช้ำห้อเลือดอยู่ไม่น้อย ริมฝีปากที่เม้มแน่นแต่เห็นได้ชัดว่าเขียวคล้ำ คงมีเพียงแววตาที่แข็งกร้าวที่บ่งบอกว่ายังมีชีวิต “สิบตำลึง...สิบตำลึงเท่านั้น” “สิบตำลึง!” เด็กสาวร้องเสียงหลงแต่ทำให้หลายคนหันมามอง นิ้วเรียวชี้ไปยังทาสหนุ่มที่ถูกกระชากให้ลุกขึ้นยืน แม้ร่าง

    Last Updated : 2024-12-02
  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 2. หมอหญิง

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กสาวรักษาคน แต่เป็นครั้งแรกที่นางซื้อคนมารักษา เงินสองตำลึงนั้นก็เพิ่งได้จากการรักษาฮูหยินท่านหนึ่ง เพราะเป็นสตรีจะพูดคุยกับหมอบุรุษก็รู้สึกขัดเขิน นางที่แอบลอบออกจากจวนติดตามหมอจูรักษาผู้คนจึงพอจะตรวจโรคพื้นฐานทั่วไปได้ แต่ถึงกระนั้น นางยังเจียมตัวไม่อาจเรียกตัวเองว่าหมอ “อดทนหน่อยนะ” นางเอ่ยแล้วใช้ปลายมีดกรีดเปิดปากแผล รับรู้ได้ถึงร่างกายที่เกร็งจนสั่นสะท้าน แผลตรงหัวไหล่เป็นมานานจนแผลอักเสบเป็นหนอง ทันทีที่ปากแผลเปิด หนองสีขาวขุ่นก็ไหลทะลักออกมา กลิ่นเน่าเหม็นคลุ้งจนแม่นมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก จากนั้นใช้แหนบคีบเอาหัวลูกศรที่ฝังอยู่ออกมา เสียงถอนหายใจโล่ง อกที่อุปสรรคแรกผ่านไป “ต้องเอาหนองออกให้หมด” นางอธิบายทั้งที่ไม่แน่ใจว่าทาสที่ซื้อตัวมาฟังอยู่หรือไม่ เด็กสาวล้างแผลด้วยน้ำผสมเกลือเจือจาง ซับแผลจนมั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดตกค้างอีกจึงหยิบยาผงโรยที่แผลแล้วใช้ผ้าปิดปากแผล “คุณหนูเก่งจังเลยเจ้าค่ะ” จางลี่อดชื่นชมไม่ได้ “ยังมีอีกแผลที่ต้องเย็บ” “ยะ..เย็บ..เย็บแผล?” คราวนี้จางลี่พูดไม่

    Last Updated : 2024-12-02
  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 3.ทาสหนุ่ม

    สายลมพัดผ่านพาแสงเทียนวูบไหว ฟู่เซียงเซียงเงยหน้าขึ้นจากการคัดลอกตำราแล้วกวาดตามองไปรอบๆ เสียงแมลงกลางคืนเงียบไปตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ นางนั่งทำงานเพลินจนลืมเวลาอีกแล้ว ในเรือนหลังนี้มีเพียงนาง แม่นมหวงเจียอีและจางลี่ ส่วนบุรุษอีกคนที่ยังหลับใหลนั้น นางไม่อยากนับรวมไปด้วย ร่างบอบบางลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยล้าแล้วหันมาเก็บสมุดบนโต๊ะให้เรียบร้อย เพราะทำงานเพลินจนดึกดื่นนางจึงไม่ให้แม่นมหวงกับจางลี่อยู่รอปรนนิบัติ สำหรับนางแล้ว ทั้งสองเป็นเสมือนญาติที่เหลืออยู่ ความตายของมารดาพรากความสุขที่เคยมีไปหมดสิ้น ในวัยเพียงสิบขวบ นางเพียรทำทุกวิถีทางให้บิดาหันกลับมาใส่ใจนางเช่นเวลาที่มารดายังอยู่ แต่ไม่คิดเลยว่า หลังมารดาตายจากครึ่งปี บิดาก็ยกภรรยารองมาเป็นภรรยาเอก รวดเร็วเสียจนนางไม่คาดคิด ในคราวที่มารดายังอยู่ คนเหล่านั้นล้วนเอาใจใส่นาง ให้ความเคารพยำเกรง แต่เมื่อสิ้นมารดา นางกลายเป็นเพียงก้อนหินไร้ค่าที่บิดาเมตตาเก็บไว้ท้ายจวน เสื้อผ้าอาภรณ์ อาหารการกิน ทุกสิ่งทุกอย่างถูกส่งมาอย่างจำกัด รวมทั้งบ่าวรับใช้ข้างกายก็ไม่มี ยังดีที่บิดาส่งแม่นมหวงมาอยู่เ

    Last Updated : 2024-12-02
  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 4.ข้าแค่ซื้อสุนัขมาเลี้ยง

    เสียงการเคลื่อนไหวในครัวทำให้รู้ว่าคนในเรือนตื่นนอนกันแล้ว หากไม่ใช่เพราะบาดเจ็บหนักเขาคงลุกขึ้นมาฝึกเพลงยุทธ์เช่นที่เคยทำมา ทว่าการตื่นมาท่ามกลางเสียงพูดคุยหยอกล้อและกลิ่นอาหารหอมกรุ่น เป็นความรู้สึกแปลกใหม่สำหรับคนที่ใช้ชีวิตท่ามกลางความเป็นและความตายมานานนับสิบปีเช่นเขา “โจ๊กปลา” ฟู่เซียงเซียงเอ่ยกับแม่นมหวงที่รับหน้าที่ดูแลอาหารการกินในเรือน แต่เดิมนั้นต้องรอโรงครัวส่งอาหารมาให้ แต่ละมื้อที่ได้มานอกจากอาหารเย็นชืดบางครั้งยังเน่าบูดอีกด้วย หลังจากนางเก็บเงินได้เล็กน้อยก็ให้ช่างมาซ่อมแซมห้องครัวเล็ก แม่นมหวงลงมือทำอาหารด้วยตนเอง ทั้งสามชีวิตจึงได้กินอาหารอร่อยและอุ่นท้อง “คนเพิ่งฟื้นร่างกายกินโจ๊กปลาดีที่สุด โรยขิงเยอะๆ ด้วยจะยิ่งช่วยบำรุงร่างกาย” เพราะแม่นมหวงไม่ยอมให้ฟู่เซียงเซียงทำอาหารด้วยตนเอง นางจึงได้แต่ยืนใกล้ๆ คอยบอกว่าต้องการสิ่งใด “ทาสผู้นั้นฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ”จางลี่ถามพลางมองเลยไปยังด้านใน เขาหลับไปตั้งหลายวัน คุณหนูต้องคอยดูแลด้วยตนเอง ถ้าตื่นฟื้นแล้วก็ดี คุณหนูของนางจะได้ไม่ต้องลำบาก พูดถึงชายหนุ่มแล้ว ฟู่เซียงเซีย

    Last Updated : 2024-12-02
  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 5. ของที่ระลึก

    แม่นมหวงและจางลี่ลอบมองไปยังทาสหนุ่ม ทว่าเขายังมีสีหน้าเรียบนิ่งราวกับฟังถ้อยคำเหล่านั้นไม่เข้าใจ “ว่าแต่คุณหนูรองสกุลฟู่มาเรือนท้ายจวนด้วยธุระอันใดรึ?” “ข้าก็ไม่ได้อยากย่างเท้ามาที่สกปรกเช่นนี้” นางปรายตามองไปยังเล้าไก่ที่ส่งเสียงน่ารำคาญ “ท่านแม่ให้นำเสื้อผ้าเครื่องประดับมาให้ ท่านพ่อกำชับให้คุณหนูใหญ่ไปต้อนรับแขกของท่านพ่อ” “แขกของท่านพ่อนี่ใครกัน” “ท่านพ่อสั่งให้ข้าพูดมาแค่นี้” “แล้วเจ้าไม่รู้หรือไรว่าใคร” ฟู่ซินอี๋เม้มปากเน้นแล้วสะบัดหน้าไปทางอื่น นางหันไปสั่งให้บ่าวรับใช้เสื้อผ้าเครื่องประดับให้ฟู่เซียงเซียง จางลี่รีบเข้ามารับแทนคุณหนูที่ยังนั่งกินมื้อเช้าไม่สนใจเรื่องที่ได้ยินนัก “ข้าเสร็จธุระแล้ว ไปล่ะ” ฟู่ซินอี้ปรายตามองทางชายหนุ่มอีกครั้งแล้วรีบหมุนตัวเดินเร็วๆ ราวกับหนีอะไรสักอย่าง “ชุดนี้สวยจังเลย” จางลี่ทำตาโต นานทีปีหนจะเห็นทางเรือนใหญ่ส่งเสื้อผ้าอาภรณ์ดีๆมาให้สักชุดสองชุด ฟู่เซียงเซียงปรายตามองเล็กน้อย เห็นทีว่า ‘แขก’ของท่านพ่อจะเป็นคนสำคัญจริงๆ ถึง

    Last Updated : 2024-12-02
  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 6. ดูอย่างไรก็รู้ว่าเป็นสตรี

    ‘ข้าควรดีใจหรือไม่ที่มีค่าตัวถึงสองตำลึง’ แต่ปลายนิ้วที่ป้ายเนื้อยามาทาแผลให้เขานั้น ทำให้ชายหนุ่มยอมทำตัวโง่งมเพื่อให้นางทำทายาด้วยรอยยิ้มภูมิใจในความเก่งกาจของตน นางอายุเท่าไหร่กันนะ ปีหน้าจะปักปิ่นใช่ไหม เช่นนั้นนางก็อายุสิบสี่สินะ นางเป็นบุตรสาวเสนาบดีฟู่ แต่เหตุใดความเป็นอยู่แร้นแค้นเช่นนี้กัน เขาที่ไม่เคยสนใจเรื่องผู้อื่นกลับรู้สึกสนใจในตัวเด็กสาวผู้นี้นัก “คุณหนู!” จางลี่ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นฟู่เซียงเซียงก้มๆ เงยๆ ทายาให้อี้เฉิน นางรีบวางห่อผ้าที่ใส่กระดาษและหมึกวางบนโต๊ะแล้วแย่งตลับยามาถือเสียเอง “เจ้ากลับมาแล้ว วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง” ฟู่เซียงเซียงยิ้มขบขันเพราะรู้ว่าจางลี่เป็นห่วงเรื่องใด “คุณหนูไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวบุรุษนะเจ้าคะ” จางลี่กระทืบเท้าเร่า ๆ ทำไมคุณหนูของนางช่างทำเรื่องไม่คาดคิดเช่นนี้นะ “แต่เขาเป็นคนเจ็บของข้านะ” หากนางใส่ใจเรื่องเหล่านี้คงไม่เลือกศึกษาวิชาแพทย์หรอก “เจ้าดูสิ บาดแผลของเขาดีขึ้นมากแล้ว อย่างนี้ท่านหมอจูจะต้องรับข้าเป็นศิษย์อย่างแน่นอน” “คุณหนูจะเป็นหมอจริงๆหร

    Last Updated : 2024-12-03
  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 7. เจ้าเป็นคนของข้า

    “คนผู้นี้พูดไม่ได้” ท่านหมอจูเอ่ยกับลูกศิษย์ และอธิบายกับทาสหนุ่ม “นางมักซุ่มซ่ามอยู่เสมอ หากคราวหน้านางหกล้ม เจ้าก็ประคองไหล่นางไว้ ไม่ใช่กอดเอวนางเช่นนั้น” ทาสหนุ่มนิ่งงันไป เขาคิดแค่ต้องการช่วยไม่ให้นางหน้าคว่ำกระแทกพื้น หมอจูซีห่าวเข้าใจว่าทาสผู้นี้คงไม่มีความรู้จึงตั้งใจอบรมสั่งสอน แม้ฟู่เซียงเซียงแต่กายเป็นชายแต่อย่างไรนางก็เป็นหญิง จะทำสิ่งใดก็ต้องระวังให้มาก แต่นางไม่เหมือนสตรีทั่วไป ไม่เช่นนั้นคงไม่สนใจเรียนการรักษาคนเช่นนี้ ฟู่เซียงเซียงชงน้ำชาแล้วยกเข้ามาในห้องโถง โดยมีศิษย์ที่หมอจูซีห่าวรับไว้อีกสามคนอยู่ด้วย หนึ่งในนั้นคือจูลี่เฉียว หลานชายของเขาเอง เด็กสาวคุกเข่ายกน้ำชา ดวงตางามเป็นประกายงดงามเฝ้ามองมือหยาบกร้านยกถ้วยชาขึ้นดื่มจนหมด แล้วจึงหยิบชุดเข็มเงินส่งให้ฟู่เซียงเซียง “จงเรียนรู้และรักษาผู้คนด้วยความซื่อสัตย์จากใจ” “ศิษย์ทราบแล้วเจ้าค่ะ” นางรับคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หมอจูซีห่าวพยักหน้าพอใจ เห็นที่ว่าต้องเหนื่อยกับสอนเจ้าวัวดื้อตัวนี้สักหน่อย แต่เขาเชื่อว่านางจะเป็นหมอหญิงที่ดีได้ “เจ้าคงศึกษา

    Last Updated : 2024-12-03
  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 8. ไม่สนใจ

    ‘เข้าใจอะไรกัน พูดเองเออเองเอาทั้งนั้น’ร่างเล็กหมุนตัวกลับ ก้าวเดินได้เพียงสองก้าวก็ถูกเสียงหนึ่งเรียกไว้ ฟู่เซียงเซียงหันไปมองเจ้าของมือขาวผ่องกวักมือเรียกจากตรอกด้านข้าง นางจำหญิงสาวผู้นั้นได้เป็นอย่างดีจึงเดินตรงไปหาพร้อมรอยยิ้ม“พี่เหมยลี่” เด็กสาวที่อยู่ในชุดเด็กหนุ่มเอ่ยทัก “ท่านมาซื้อของที่ตลาดหรือ?”“ข้ามาดักพบเจ้าต่างหากล่ะ” หญิงสาวทำตาดุใส่ ทว่าเมื่อเห็นว่าด้านหลังฟู่เซียงเซียงมีบุรุษสวมชุดดำท่าทางน่ากลัวยืนอยู่ นางก็พูดไม่ออก ฟู่เซียงเซียงเข้าใจในทันที นางกุมมือเหมยลี่แล้วพูดปนหัวเราะ “เขามากับข้า ว่าแต่พี่เหมยลี่มีเรื่องอันใดรึ” เหมยลี่ลอบมองชายในชุดดำอีกครั้งแล้วยกพัดขึ้นป้องปากกระซิบ “พี่น้องไม่ค่อยสบาย เจ้าช่วยไปดูอาการสักหน่อยเถิด” “ท่านหมอจูห้ามไม่ให้ข้าออกตรวจคนไข้เพียงลำพัง” ฟู่เซียง เซียงรีบพูดขึ้น แต่อีกฝ่ายดูไม่สนใจนัก “เจ้าก็รู้ว่าถ้าพวกเราไปหาท่านหมอที่โรงหมอหรือเชิญท่านหมอไปตรวจ หากมีคนรู้เข้าจะคิดว่าเจ็บป่วยหนักนะสิ” “แล้วที่มาเรียกข้าก็ไม่ใช่เพราะเจ็บป่วยหรอกหรือ?” นางเอียงคอถามอย่างสงสัย เหมยลี่กระทืบเท้า

    Last Updated : 2024-12-03

Latest chapter

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 18. เจ้ากำลังทวงบุญคุณกับข้า

    “เรื่องนั้นเพราะข้ามีฝีมือต่างหากละ!” นางโต้เถียงอย่างลืมตัวว่าสถานการณ์ตอนนี้ตกเป็นรอง “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องรู้ว่า ข้าเดินลมปราณขับพิษเองมิใช่เพราะเจ้ารักษา” “แต่ถ้าไม่ใช่ข้ารักษาแผล เช็ดเนื้อตัวดูแลจนไข้ลด เจ้าจะรอดตายได้เองหรือไรกัน” นางขึงตาใส่ อุตส่าอดตาหลับขับตานอนดูแลขนาดไหนกว่าจะรอดตายมาได้ “ซ้ำข้ายังเสียเงินสองตำลึงซื้อตัวท่านมาอีกด้วย!” “เจ้าเสียเงินสองตำลึงซื้อตัวข้า แต่ข้าเสียเงินเท่าไรคุ้มครองเจ้ามาสองปี” มุมปากยกยิ้มแต่ไปไม่ถึงดวงตา เพราะกระต่ายดิ้นรนสุดกำลัง เขากลัวนางจะเจ็บจึงปล่อยมือจากข้อมือของนาง หญิงสาวลนลานกระถดกายถอยหนีไปชิดหัวเตียง เพราะยันกายขึ้นนั่งเสื้อผ้าที่หลุดรุยจึงเลื่อนหล่น มือเรียวเล็กรีบคว้าผ้าห่มขึ้นคลุมร่างทันที “ท่านต้องการสิ่งใด” คล้ายว่านางเคยถามเขามาแล้ว แต่ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน “ให้เจ้าอยู่ข้างกายข้า” นางส่ายหน้าไปมา เส้นผมยาวสลวยเคลียใบหน้าทำให้ชายหนุ่มยื่นมือไปเกลี่ยเส้นผมทัดใบหูให้อย่างอ่อนโยน “เจ้าปฏิเสธได้รึ” เขาหัวเราะในลำคอ “หากไม่เป็นผู้หญิ

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 17. เชลย 

    “หรือท่านอยากตอบแทนบุญคุณข้า?” ฟู่เซียงเซียงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก รู้สึกได้ว่ามือของเขาร้อนระอุจนแทบจะลวกนางได้แล้ว เขายื่นจอกสุราจ่อริมฝีปากของนาง คล้ายว่าถ้านางไม่ยอมดื่มเขาก็ไม่ยอมเลิกรา ทำให้นางจำใจจับรับจอกสุรามายกดื่มจนหมด ความร้อนวูบหนึ่งผ่านลำคอลงกระเพาะ แต่กระนั้นก็ทำให้ชีพจรเต้นแรงขึ้น “ท่านควรรู้ว่าข้าไม่ดื่มสุรา” นางผลักจอกสุราออก “เช่นนั้นเจ้าควรรู้ว่าฐานะของเจ้าตอนนี้คือเชลยของแคว้นฉิน” เขาเอ่ยดวงตาหรี่มองริมฝีปากที่ชุ่มด้วยหยาดสุรา อยากรู้ว่าสุราจากริมฝีปากนางจะรสชาติเดียวกับที่เขาดื่มหรือไม่ ดวงตาคู่งามฉายแววงุนงง “ข้า...” “เจ้าเป็นแค่เชลยทำตามคำสั่งของข้าเท่านั้น”นางผู้ไม่ชอบถูกบ่งการถึงกับขึงตาใส่ “ท่านไม่มีสิทธิ์!”“ข้าเป็นไต๋อ๋องไม่ใช่อี้เฉินของเจ้าอีกแล้ว” เขายิ้มชั่วร้ายจนหญิงสาวผงะถอยห่าง เขาโอบรัดร่างนางเข้ามาใกล้จนลมหายใจรดผิวแก้มที่แดงระเรื่อ“ถ้าข้าไม่ยินยอม...” “เซียงเซียง” เขาเรียกนางด้วยน้ำเสียงกวนโทสะ “เจ้าไม่ทำตามที่ข้าสั่งก็ย่อมทำได้ แต่เจ้าไม่เป็นห่วงเด็กกำพร้าเหล่านั้นหรือ? หรือแม้แต่ศพแม่เฒ่าผู้นั้น...” “ท่าน!” นางขึงตาใส่เขา

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 16.ปลดหน้ากากสิ

    หญิงสาวยืนตัวเกร็งอยู่กลางห้อง หลังจากบรรดาหญิงรับใช้หลายคนเข้ามาช่วยกันจับนางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและแปรงผม ในเวลานั้นนางพยายามขัดขืน แต่ทุกคนต่างขอร้องเพราะเกรงว่าหากทำให้ ‘ไต๋อ๋อง’ ไม่พอใจจะได้รับโทษทัณฑ์ นางจึงจำใจยอมให้หญิงรับใช้แต่งกายให้ใหม่ และเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็เหลือเพียงนางในห้องนี้คนเดียว ถูกชายที่เรียกตัวเองว่าอี้เฉินแบกขึ้นรถม้า ยังไม่ทันได้ซักถามอะไรก็ถูกเขาจี้สกัดจุดให้หมดสติ ฟื้นอีกครั้งก็อยู่ในห้องนี้กับบรรดาหญิงรับใช้ ปกติแต่งกายด้วยชุดบุรุษจนเคยชิน ยามนี้ถูกจับแต่งกายเป็นหญิง ซ้ำยังเป็นชุดนางรำเนื้อผ้าบางเบา ปกปิดก็เหมือนเปิดเผย ฟู่เซียงเซียงกัดริมฝีปากจนเจ็บเมื่อได้สติจึงเดินดูรอบๆ เผื่อหาทางหลบหนี ตอนเข้ามานางหมดสติจึงไม่รู้ว่าที่นี่ที่ใด แต่ดูจากหญิงรับใช้แล้วคงเป็นห้องๆ หนึ่งของจวนเจ้าเมืองแม้อยากรู้ความหมายในสิ่งที่เขาพูด แต่นางก็หวาดกลัวท่าทางคุกคามนั้น ทว่ายังไม่ทันหาทางออกให้กับตัวเองได้ บานประตูเปิดออกก็ขึ้นเสียก่อน นางยืนนิ่งอยู่กลางห้องประสานตากับบุรุษผู้สวมหน้ากากปิดครึ่งใบหน้า เมื่อพิจารณาดูนางจึงเข้าใจว่าเป็นหน้ากากใบหน้าของห

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 15. นี่มันเรื่องอะไรกัน

    “ไปตรอกทางทิศตะวันตก” นางตอบแล้วอดกวาดตามองไม่ได้ “มีเรื่องใดรึ” “หมอฟู่ไม่รู้หรือ? ตอนนี้ทหารแคว้นฉินเข้ามาในเมืองของเราแล้ว” “เป็นไปได้อย่างไร!” ดวงตากลมเบิกกว้าง “เจ้าเมืองเปิดประตูให้ก็เดินเข้ามากันอย่างกับมาเดินตลาด!” “เขาพูดกันว่าทั้งแม่ทัพและเจ้าเมืองรู้เห็นเป็นใจกับการเปิดประตูเมือง เห็นว่าเพื่อไม่ใช่ชาวบ้านเดือดร้อน เหอะ! ข้าว่าเพราะต้องการเลือกอยู่ฝ่ายแคว้นฉินเสียมากกว่า” “ทำอย่างไรได้ ฮ่องเต้ไม่สนพระทัยเรื่องชายแดนมานาน” “ชายแดนถูกยึดเช่นนี้ ทัพแคว้นฉินก็บุกไปเมืองหลวงโดยง่ายแล้ว” ฟู่เซียงเซียงยืนฟังแล้วเผลอกัดริมฝีปากครุ่นคิด ไม่รู้ท่านหมอกู้จะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ตอนนี้นางต้องรีบไปรับคนก่อน “อันตรายเช่นนี้ คุณหนูอย่าเพิ่งออกไปเลยขอรับ” บ่าวชราเอ่ยเตือน แต่ฟู่เซียงเซียงส่ายหน้าไปมา “ไม่ได้ ที่นั้นมีเด็กและคนแก่ ข้าต้องรีบไปพาพวกเขามา” นางพูดแล้วรีบขึ้นรถม้า สารถีสบตากับบ่าวชราเล็กน้อยแล้วบังคับม้าให้เดินไป บ่าวชราเดินหลบมาด้านหลังเรือนแล้วหยิบนกหวีดออก

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 14. คิดเห็นอย่างไร

    “ทหารแคว้นฉินมีการเคลื่อนไหวแล้ว” หมอกู้เนี่ยนเจินสีหน้าวิตกกังวล ไม่ใช่แค่ความน่าเกรงขามของทหารแคว้นฉินเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือแม่ทัพประจำชายแดนรวมทั้งเจ้าเมืองก็ไม่ได้มีความสามารถนัก ในเมืองหลวงแย่งชิงอำนาจแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ชายแดนก็อ่อนแอ เห็นว่าศึกครั้งนี้จะพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้รบ“ท่านหมอกู้คิดเห็นอย่างไรก็ว่ามาเถิดเจ้าค่ะ”หมอกู้สูดลมหายใจลึกแล้วเอ่ย “เจ้าเป็นหญิงอยู่ที่นี่จะลำบาก หากมีหนทางอื่นก็ไปเถิด” “ไป...จะให้ข้าไปไหนเจ้าคะ” นางส่ายหน้าอย่างงุนงง “หากเกิดสงครามจริง ข้าจะไม่ไปไหนจะอยู่ช่วยท่านหมอกู้ที่นี่เจ้าค่ะ”“สิ่งที่เจ้าเห็นเป็นเพียงการปะทะกันเล็กๆน้อยๆ ของทหารชายแดน หากเกิดสงครามขึ้นจริง เจ้าจะรับมือไม่ไหว!”“เช่นนั้นข้ายิ่งต้องอยู่ที่นี่ หน้าที่ของหมอคือช่วยชีวิตคน ถ้าข้าหนีเอาตัวรอดแล้วจะกล้าเรียกตัวเองว่าหมอได้อย่างไร”หมอกู้เห็นความตั้งใจของนางแล้วก็พยักหน้ารับ “ได้ เช่นนั้นเจ้าเตรียมตัวให้ดี หากมีอะไรเกิดขึ้น ข้าอาจจะช่วยเจ้าไม่ได้”“ท่านหมอกู้โปรดวางใจ ข้าจะไม่ทำตัวเป็นภาระให้ผู้ใด และหากเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับข้า ข้าก็จะไม่โทษผู้อื่นเช่นกัน”แววตาของนางเปี่ยม

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 13. ผู้หญิงของเขา

    บ่าวชราที่เคยทำตัวงกๆเงิ่นๆ มาบัดนี้ค่อมเอวคารวะบุรุษในชุดดำที่สวมหน้ากากปิดบังครึ่งใบหน้า ชายหนุ่มเพียงพยักหน้ารับแล้วกวาดตามองไปทั่วเรือนหลังน้อย ที่เวลานี้ซ่อมแซมไปได้หลายส่วนแล้ว หากไม่เกรงว่าเจ้าของบ้านจะแตกตื่น เขาคงจัดการสั่งรื้อถอนแล้วสร้างใหม่ไปนานแล้ว ไม่ต้องเปลืองสมองหาวิธีทำให้นางที่ละนิดละหน่อยเช่นนี้ “นางเป็นอย่างไรบ้าง” “คุณหนูฟู่สุขสบายดีขอรับ” “ลำบากเจ้าแล้ว” “คุณหนูฟู่มีจิตใจเมตตา กับบ่าวไพร่ก็ใส่ใจดูแลอย่างดี จะว่าไปแล้วงานนี้นับว่าเป็นงานสบายที่สุดที่นายท่านมอบหมายให้พวกเราทำขอรับ” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอย่างยากที่จะได้เห็นนัก ‘ผู้หญิงของเขา’ ก็ต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว บุรุษหนุ่มยกมือเป็นสัญญาณ เหล่าคนในชุดดำรวมทั้งบ่าวชราพลันหายวับไปราวกับไร้ตัวตน เขาหมุนตัวก้าวเท้าเข้ามาในเรือน ตรงไปยังห้องนอนของหญิงสาว ปลดหน้ากากที่ปิดบังครึ่งใบหน้าออกแล้ววางบนโต๊ะ แม้อยู่ในความมืดแต่เขาจดจำทุกตำแหน่งในห้องของนางได้อย่างแม่นยำ มือแกร่งยื่นไปปัดม่านมุ้งออกแล้วนั่งลงริมเตียง มองใบหน้าหลับใหลด้วยดวงตาอ่อนโยน เป

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 12. บุรุษผู้สวมหน้ากาก

    มีแต่การแต่งงานเท่านั้นหรือ? ที่จะทำให้นางหนีจากปัญหานี้ได้ “คุณหนู” แม่นมหวงเข้ามาตาม “มีเรื่องกังวลใจรึเจ้าคะ” “ข้าพบพี่ลี่เฉี่ยวแล้ว” นางพูดเสียงเบาแล้วเค้นหัวเราะออกมา “ผู้อื่นชื่นชมว่าข้าเป็นหมอที่เก่งกาจไม่น้อยไปกว่าผู้ใด แต่ปัญหาของตัวเองกลับแก้ไขเองไม่ได้” “คุณหนูไม่ชอบลี่เฉี่ยวหรือเจ้าคะ” อยู่กันมาขนาดนี้แล้ว นางก็รักคุณหนูเหมือนเป็นลูกสาวของตนคนหนึ่ง “แต่ถ้าคุณหนูยังเป็นคนของสกุลฟู่อยู่ หากที่บ้านเกิดเรื่อง คุณหนูก็ต้อง...” นางไม่กล้าพูดถึงเรื่องนั้นเลย นางเป็นเพียงคนรับใช้ก็ถูกขายเป็นทาส แต่คุณหนูเป็นบุตรสาวสายตรง เกรงว่าจะถูกส่งตัวไปเป็นหญิงนางโลม “ไม่ใช่ไม่ชอบ...แต่ข้าเห็นเขาเป็นพี่ชายมาตลอด” นางถอนหายใจแรงๆ แต่ก็ยังไม่หายกลุ้มใจ “แต่เท่าที่เห็น เขาจริงใจกับคุณหนูมากนะเจ้าคะ สองปีนี้เขาช่วยเหลือคุณหนูมาตลอด หรือจะพูดให้ถูกก่อนหน้านี้ก็ช่วยคุณหนูเสมอ” ฟู่เซียงเซียงมองแม่นมแล้วทำท่ากระเง้ากระงอด “แม่นมไม่รักข้าแล้วรึถึงผลักไสข้าให้ผู้อื่นเช่นนี้ หรือเขาจ่ายเงินให้ท่านมาพูดเอาใจข้า”

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 11. สองปีต่อมา ...

    “ข้า...” เรื่องในบ้านของนางคนนอกย่อมไม่รู้ หากไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆ จูลี่เฉี่ยวคงไม่เดินทางมาพบนางด้วยตนเอง นางซาบซึ้งในความหวังดีของเขา แต่เรื่องแต่งงานนั้น...นางไม่สามารถทำได้จริงๆ นางเองปรารถนาจะแต่งงานใช้ชีวิตกับคนที่ตนรัก สำหรับจูลี่เฉี่ยวแล้ว มีเพียงความเคารพนับถืออย่างพี่ชาย-น้องสาว “ช่างเถอะ” ถึงนางจะแต่งกายเป็นชายแต่อย่างไรนางก็เป็นหญิง คงเขินอายอยู่บ้าง แม้เวลานางรักษาคนจะไม่เคยเห็นสีหน้าเขินอายแต่อย่างใด “วันนี้ไม่มีอะไรก็กลับบ้านไปเสีย” “แต่...” นี่เพิ่งครึ่งวันจะให้นางกลับแล้ว ผู้อื่นจะคิดว่านางเป็นคนอย่างไรกัน “ข้าให้เจ้าไปก็ไป” หมอกู้โบกมือไปมาคล้ายรำคาญ “เจ้าค่ะ” ฟู่เซียงเซียงรับคำอย่างขัดไม่ได้ นางพับผ้าสำหรับทำแผลเรียบร้อยแล้วจึงลุกขึ้น หยิบล่วมยาแล้วเดินออกมาอย่างเงียบๆ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ บิดาแทบไม่สนใจความเป็นอยู่ของนางเลย ซึ่งนางก็คาดไว้อยู่แล้ว รวมทั้งเรื่องที่นางระแคะระคายมาก่อนหน้านี้คือการที่บิดาแอบร่วมมือกับองค์ชายสามเพื่อขึ้นนั่งบัลลังก์มังกร เรื่องชิงอำนาจในวังหลวงก็เรื่องหนึ่ง

  • พ่ายรักเชลยสาว   Chapter 10. ทำปากเก่งให้ตลอดเถอะ

    พูดจบร่างเล็กในชุดสีแดงสดก็หมุนตัวเดินเร็วๆ จากไปพร้อมกับสาวใช้ที่ติดตามมาด้วย ฟู่เซียงเซียงโคลงศีรษะไปมา สองมือปลดผ้ากันเปื้อนแล้วเดินไปล้างมือ“คุณหนู” แม่นมหวงอดเป็นกังวลไม่ได้ นายท่านเรียกพบแต่ละครั้งมีแต่เรื่องให้คุณหนูของนางต้องลำบากใจ“จางลี่ช่วยงานแม่นมที่นี่ไม่ต้องตามข้าไปหรอก” นางแย้มยิ้ม “ข้าไปประเดี๋ยวเดียวก็มาแล้ว”ฟู่เซียงเซียงก้าวเดินด้วยฝีเท้ามั่นคง บ่าวไพร่ไม่เคยให้ความเคารพ แต่นั้นยิ่งทำให้นางต้องเชิดใบหน้าขึ้น ไม่เอาแต่เดินก้มหน้าเหมือนหนูกลัวแมว เด็กสาวในเสื้อผ้าเนื้อหยาบเดินมาถึงห้องโถงใหญ่ของเรือน บิดานั่งดื่มชาโดยมีจือรั่ว-มารดาของฟู่ซินอี๋ปรนนิบัติอยู่ใกล้ๆ ในห้องไม่มีเงาร่างของลูกสาวคนโปรด แต่นางรู้ว่าคงแอบฟังอยู่ไม่ไกลนัก“คารวะท่านพ่อ”“นี่เจ้าแต่งตัวอะไรกัน” บิดาส่ายหน้าระอาใจ “ข้าให้เจ้าอยู่ในเรือนสบายๆ ก็มิใช่ว่าจะแต่งกายอย่างไรก็ได้”“อยู่ในจวนสบายๆ” ฟู่เซียงเซียงถึงกับทวนประโยคที่ได้ยิน นางอ้าปากจะโต้เถียงแต่บิดาโบกมือห้ามไว้ก่อน“ข้าอยากให้เจ้าไปพบ...”“ข้าไม่พบใครทั้งนั้น!” นางชิงพูดขึ้นก่อน“ไร้มารยาท” เด็กสาวสูดลมหายใจลึก มือกำแน่นข่มโทสะที่มีแล

DMCA.com Protection Status