เมื่อบิดาหายสาบสูญไปเป็นสิบปีไม่มีข่าวคราว บุตรสาวอย่างธีราจึงเดินทางมายังคีรีมันเพื่อตามหาบิดา ดอกเตอร์ธีระ ซึ่งหลงใหลในตำนานแดนอารยะ กันเดน อย่างมาก กันเดนที่ตำนานเล่าลือว่าเต็มไปด้วยเพชรนิลจินดา กันเดนที่ผู้ไปถึงจะเป็นอมตะ ธีราไม่รู้ว่าพ่อของเธออยู่ที่กันเดนหรือเปล่า แต่เธอก็จะไปตามหาพ่อที่กันเดน แต่ก่อนจะไปตามหาพ่อที่กันเดน เธอต้องเดินทางไปยังคีรีมันที่อยู่บนเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหลังคาโลกเสียก่อน ที่คีรีมัน เธอเกือบถูกพรานนำทางโกงเงิน หากไม่ได้พระสงฆ์แห่งวัดกัมโปรูปหนึ่งช่วยไว้ พระสงฆ์รูปนี้คือพระจามิล พระจามิลเข้าใจดีว่าการไปกันเดนนั้นยากลำบากมาก ก็ก็ยังตกลงยินยอมเป็นผู้นำทางให้แก่ธีรา คณะเดินทางที่มีทั้งเด็กอย่างเณรคัง ผู้หญิงอย่างธีรา ตัวถ่วงและตัวป่วนอย่างวิษณุ ก็ดั้นด้นฟันฝ่าเขาสูงชันหุบเหวลึกอย่างทุลักทุเล... มาเอาใจช่วยกันนะคะ ว่าทุกคนจะไปถึงกันเดนกันมั้ย...
view moreธีราหน้าซีดเผือด หันมาสบตาจามิลอย่างกังวล แต่พระหนุ่มยังคงวางตัวนิ่งเฉยไม่แสดงทีท่ากระวนกระวายใจแต่อย่างไร “ขอบคุณที่เตือน แต่พวกเราตั้งใจจะไปกันเดนให้ได้” จามิลพูดกับพญานาคราช “หนทางไม่ใช่ไปได้โดยง่าย” พญานาคราชเอ่ย ธีราลอบถอนหายใจ เมื่อครู่เธอเข้าใจผิดคิดว่าพญานาคราชจะทำร้ายเธอและคณะ แท้จริงเขาเพียงไม่เห็นด้วยกับการเดินทางไปยังกันเดนของเธอและคณะเท่านั้น “ผมทราบครับ แต่พวกเราไม่ล้มเลิกความตั้งใจแน่” จามิลพูดน้ำเสียงหนักแน่น “และผมต้องขอโทษแทนทุกคนด้วยที่มารบกวนการบำเพ็ญเพียรของท่านในถ้ำนั้น” “ช่างเถอะ เรากำลังออกจากฌานพอดี” พญานาคราชตอบอย่างไม่ถือสาหาความ “แล้วคนที่มาพร้อมพวกเราละคะ?” ธีราเอ่ยถาม “เจ้าอยากพบคนพวกนั้นไหม?” พญานาคราชหันมาถามหญิงสาว “อยากค่ะ” หญิงสาวรับคำ “ก็ได้ เราจะให้นำคนพวกนั้นมาพบเจ้าเดี๋ยวนี้” พญานาคราชพูดพลางหันไปออกคำสั่งชายประหลาด “ยะมะ เจ้าไปนำพวกนั้นมา” “พ่ะย่ะค่ะ” ยะมะน้อมคำนับรับคำแล้วเดินผละจากไปอย่างว่องไว หลังจากยะมะออกไปแล้ว ธีราก็พนมม
“ท่านต้องการอะไร?” จามิลเบี่ยงตัวเข้าขวางเบื้องหน้าธีราพลางเอ่ยถามชายประหลาดผู้นั้น ชายผู้นั้นไม่ตอบเพียงเดินวนและมองชายหนุ่มหญิงสาวอย่างพินิจพิจารณาหนึ่งรอบแล้วออกคำสั่ง “ตามข้ามา” ก่อนจะเดินลงน้ำผลุบหายไปต่อหน้าต่อตา จามิลจะก้าวตาม ธีรารีบรั้งแขนของเขาไว้ “นั่นคนหรืออะไรคะ?” พระหนุ่มจึงชะงักฝีเท้าหันกลับมาตอบ “คงจะเป็นชนเผ่านาคา” “คุณจะตามเขาไปจริงๆ เหรอคะ?” หญิงสาวถามเพื่อความแน่ใจ จามิลค้อมศีรษะเล็กน้อยพลางเอ่ย “พวกเราอยู่ในถิ่นของเขา อะไรที่ดูไม่น่ามีพิษมีภัยก็ควรทำตามที่เขาสั่งไปก่อน” ทั้งสองหยุดสนทนาเมื่อเห็นชายประหลาดผู้นั้นโผล่เหนือน้ำพลางพูดเร่งรัด “อย่าชักช้า ตามข้ามาเดี๋ยวนี้” แล้วผลุบกลับลงไปใหม่ จามิลจูงมือธีราพลางว่า “พวกเราไปกันเถอะ ผมอยู่ทั้งคน ไม่ต้องกลัว” เขาเอ่ยเน้นท้ายประโยคเพราะสัมผัสรับรู้ว่ามือของหญิงสาวสั่นระริก ธีราเดินตามพระหนุ่มลงน้ำ พอดำลงไปจึงรู้ว่าใต้น้ำมีอุโมงค์ที่ผนังส่องแสงสว่างระยิบระยับ อุโมงค์ทอดตัวไม่ยาวนัก เพียงอึดใจก็โผล่มาที่คูหาถ้ำแห่งหนึ่ง ชายปร
คูหาถ้ำตรงหน้าไม่ได้มืดมิดเพราะมีแสงสว่างส่องเล็ดลอดจากเพดานถ้ำลงมา แสงสว่างส่องกระทบผนังถ้ำจนดูเหมือนครอบด้วยแก้วใสอีกชั้นหนึ่ง เกิดการหักเหและสะท้อนไปมาของแสงมากมายนับพันนับหมื่นลำแสง ทั้งถ้ำสว่างไสว ส่วนพื้นถ้ำเป็นน้ำ แต่เป็นน้ำที่แข็งตัวราวกระจกใส สิ่งที่ทำให้ทุกคนยืนตะลึงจนตัวแข็งทื่อก็คือบนพื้นน้ำราวกระจกใสปรากฏงูยักษ์ตัวหนึ่ง เกล็ดเขียวราวมรกต ดวงตาสีแดงดังทับทิม มีหงอน เคราครีบหลัง และครีบหางสีแดงสดใส “นาค” จามิลกระซิบบอกธีราเสียงแผ่ว ไม่ทันที่หญิงสาวจะคิดอ่านทำอะไร วิษณุกลับสาดกระสุนปืนใส่งูยักษ์หรือนาคตัวนั้นชนิดไม่ยั้ง ปัง! ปัง! ปัง! งูยักษ์แผ่พังพานมหึมาเหมือนโกรธ แม้ลูกกระสุนจะไม่ระคายผิวมันปลาบก็ตามที ก่อนจะหุบพังพานพุ่งตัวขึ้นสู่เบื้องบนอากาศแล้ววกกลับ หมุนควงสว่านพุ่งสู่พื้นน้ำ ตูมมมมม! พื้นน้ำแตกกระจาย น้ำใสราวกระจกเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำธรรมดา พร้อมกันนั้นที่เห็นเหมือนแก้วใสครอบผนังถ้ำก็แปรเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำไหลลงมาอย่างเร็วและแรง กระแสน้ำพัดพาทุกคนไหลลงไปรวมกันยังพื้นน้ำกลางถ้ำ ที่ขณะนี้กลายเป
“แย่แล้ว!” ธีราอุทานลั่นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เธอมัวแต่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงทิ้งกระติกน้ำที่ไม่ได้หมุนเกลียวปิดฝาให้สนิทไว้กับพื้น หญิงสาวกราดไฟฉายเพื่อมองหากระติกน้ำก็เห็นล้มกลิ้งอยู่กับพื้น ฝาเผยอเปิด น้ำนองพื้น เธอรีบคว้ากระติกน้ำขึ้น น้ำหนักเบามือทำให้รู้ว่าน้ำหกหมด ธีราหันไปสบตาจามิลด้วยสายตาขอลุแก่โทษ เธอน่าจะถนอมน้ำดื่มที่เขามีน้ำใจหยิบยื่นให้ให้ดีกว่านี้ พระหนุ่มยิ้มเล็กน้อยเป็นนัยว่าไม่เป็นไร ก่อนหันไปคว้าสัมภาระขึ้นหลังและโบกมือให้สัญญาณเดินทางต่อ ธีรารีบหยิบสัมภาระส่วนตัวขึ้นแบกแล้วเดินตามเงียบๆ “อุ๊ย!” รินเซนอุทานเบาๆ หล่อนลืมตัวใช้มือข้างที่บาดเจ็บคว้าสัมภาระ “ผมช่วย” ต้าขันอาสา ชิงคว้าสัมภาระของรินเซนขึ้นหลังรวมกับสัมภาระที่ตัวเองแบกอยู่จนดูพะรุงพะรังน่าขัน รินเซนค้อนควักก่อนเร่งฝีเท้าตามติดธีรา ต้าเดินตามรินเซน ตามติดด้วยหลิง วิษณุ และหลง “ซวยฉิบ เดินทางโดยไม่มีแผนที่ อีกกี่ชาติจะไปถึงกันเดนวะ” วิษณุบ่นกระปอดกระแปดไม่เลิกรา หลิงรีบดึงแขนเสื้อวิษณุเพื่อให้เขาเดินช้าลง พอทอดระยะห
หลิงมีฝีมือในการต่อสู้เหนือกว่าวิษณุมาก ทำให้จามิลไม่อาจสยบหล่อนได้ในเวลาอันรวดเร็ว วิษณุคิดอยากเข้าไปช่วยหลิงกลุ้มรุมกินโต๊ะพระหนุ่ม แต่การต่อสู้ของทั้งสองรวดเร็วเสียจนเขาดูไม่ทันจึงไม่มีจังหวะเข้าไปร่วมวง ส่วนต้ารีบปลดสัมภาระลงจากหลังค้นหายาใส่แผลและผ้าพันแผลอย่างรีบเร่ง พอหาเจอก็รีบห้ามเลือดให้รินเซนทันที “เจ็บมากไหมครับ?” ต้าถามเบาๆ อย่างห่วงใย ทว่ารินเซนไม่สนใจฟัง มัวแต่ใจจดใจจ่อกับการต่อสู้ระหว่างจามิลกับหลิง แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกร้องลั่น “โอ๊ะ! โหย” เพราะเจ็บแสบบริเวณบาดแผลจึงหันมามอง เห็นต้าใช้สำลีชุ่มแอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดบริเวณบาดแผล หล่อนสะบัดมือพลางค้อนควัก “อดทนหน่อยนะครับ แผลจะได้หายเร็วๆ” ต้าพูดปลอบ ยังคงกุมข้อมืออีกฝ่ายแน่นไม่ยอมปล่อย ขณะรินเซนยังคิดไม่ออกว่าจะตอบอย่างไรดี หางตาก็เห็นการต่อสู้เปลี่ยนไป หลิงพลาดท่าถูกจามิลกางมือขวาขยุ้มบนไหล่ขวาและกดลงจนหล่อนต้องคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพราะต้านแรงไม่ไหว วิษณุชักปืนสั้นหวังจะช่วยคู่ขาสาวอีกแรง แต่ธีราที่จับตามองเขาตลอดเวลาชักปืนสั้นยิงลงพื้นสกัด
แผนที่แผ่นนั้นวางหราบนพื้นต่อหน้าทุกคน ไฟฉายสามดวงส่องตรงลงบนแผนที่ก็เห็นเส้นทางคดเคี้ยวและตัวอักษรยึกยือซึ่งเป็นภาษาคีรีมัน พิจารณาแผนที่ครู่หนึ่ง หลิง รินเซน หลง และต้า ต่างมีสีหน้าผิดหวัง “หมายความว่ายังไง?” หลิงเอ่ยถามจามิล “มีอะไรผิดปกติรึหลิง?” วิษณุถาม “แผนที่นี้ชี้เส้นทางมาแค่ถ้ำที่มีอุโมงค์ทางแยกห้าแพร่งเท่านั้น ต่อจากนั้นก็ไม่มีเส้นทางแสดงไว้เลย” หลิงตอบเสียงสั่น วิษณุกระชากคอเสื้อจามิลพลางตะคอกถาม “มึงเอาแผนที่ปลอมมาหลอกกูเหรอ?” พระหนุ่มกำข้อมือวิษณุแล้วออกแรงบีบ พลันมือวิษณุก็อ่อนแรง“ผมไม่ได้หลอกคุณหรือหลอกใคร” จามิลตอบเสียงเข้ม พลางคลายมือจากข้อมือของวิษณุ ญาติผู้พี่ของธีราไม่กล้าหุนหันพลันแล่นอีก และพยายามระงับโทสะ “ตกลงมันยังไงกันแน่ แล้วแผนที่ที่คุณอาธีระส่งมาให้น้องธีราล่ะ?” “ไม่มีแผนที่ที่ว่านั่น” ธีราตอบเสียงเบา รู้สึกผิดหวังไม่น้อยไปกว่าคนอื่น “หมายความว่าไงที่ว่าไม่มีแผนที่ที่ว่า?” วิษณุกับหลิงถามแทบจะพร้อมกัน “ฉันได้รับจดหมายจากคุณพ่อก็จริง แต่ท่านไม่ได้ส่งแผนที่มาให้ ท่านเ
สิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นสิ่งที่ธีราคาดไม่ถึงมาก่อน ลำธารลาวาเดือดปุดๆ ไหลขวางอยู่ในร่องเหวลึกตรงหน้า ควันและกลิ่นกำมะถันฉุนคละคลุ้ง บางครั้งบางคราวก็ปะทุเปลวไฟขึ้นเป็นระยะๆ แสงสว่างจากลาวาและเปลวไฟส่องให้เห็นผนังหินตะปุ่มตะป่ำทั้งสองฟากของหุบเหวลาวา ทุกคนในคณะเดินทางยกเว้นจามิลต่างสำลักควัน ส่งเสียงไอค็อกแค็กน้ำหูน้ำตาเล็ดเพราะแสบเคืองตา “โว้ย! แสบจมูกแสบตาเป็นบ้า นี่คุณ รีบๆ หาทางพาพวกเราออกไปให้พ้นจากนรกตรงนี้เร็วๆ เข้า” วิษณุส่งเสียงโวยวาย แม้ธีราจะไม่ชอบใจคำพูดของญาติผู้พี่นัก แต่จุดประสงค์ของเธอก็เป็นทำนองเดียวกัน จึงไม่ออกปากว่ากล่าวแต่อย่างไร ด้วยไม่อยากสูดควันและกลิ่นฉุนกึกเข้าปอดโดยไม่จำเป็น “พวกเราเดินเลียบไปทางขวามือ ตรงนั้นดูเหมือนจะมีทางข้าม” พระหนุ่มบอกเสียงเรียบแล้วเดินนำไป ธีราเดินตามไปติดๆ ตามด้วยวิษณุ หลิง รินเซน และคณะลูกหาบ ทางข้ามที่จามิลว่ามีลักษณะเป็นแท่งหินล้มพาดหน้าผาทั้งสองฟาก พระหนุ่มเอื้อมมือมากุมมือธีราแล้วออกแรงดึงเธอให้ไต่แท่งหินตามเขาไป แค่เห็นระดับความสูงของแท่งหินหญิงสาวมืออ่อนเท้าอ่อ
จามิลส่องไฟฉายในมือกราดไปทั่วเพื่อมองหาเณรน้อย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยสีหน้าร้อนใจ “จริงด้วย เณรคังหายไป ผมก็มัวแต่ยุ่งๆ เรื่องลูกหาบจนลืมนึกถึง” “แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?” ธีราถามอย่างกังวลใจไม่น้อย “ขอผมเดินสำรวจดูหน่อยว่าเณรน่าจะเดินหลงไปเส้นทางไหน” จามิลเอ่ยหลังจากนิ่งคิดครู่หนึ่ง “อ้อ นี่จะตามหาเณรหรือ? ทีลูกหาบมึง…เอ๊ย…คุณจามิลไม่เห็นสนใจจะตามหาบ้างเลย” วิษณุพูดประชด “พอทีเถอะน่าพี่ณุ” ธีราพูดปราม “ฉันเห็นด้วยกับคุณจามิล เณรคังยังเด็กอยู่ ยังไงพวกเราก็สมควรต้องตามหา” จามิลมองหญิงสาวอย่างนึกขอบคุณ แต่ไม่เอ่ยอะไร เขาเดินสำรวจเส้นทางแยกห้าแพร่งนั้นอย่างละเอียดก็เห็นปากทางแยกแห่งหนึ่ง ที่แง่งหินมีเศษผ้าจีวรติดอยู่ พระหนุ่มก้มลงหยิบเศษผ้าจีวรจากแง่งหิน ในขณะที่ธีราและรินเซนเดินเข้ามาสมทบ “คังคงวิ่งหนีเตลิดไปทางนี้” พระหนุ่มพูดพลางชูสิ่งของในมือให้สองสาวดู “งั้นเราออกตามหาเณรคังก่อนแล้วค่อยย้อนกลับมาค้นหากันเดน” ธีราเสนอแนะ “คงต้องเป็นอย่างนั้น” จามิลรับคำ ทว่าลูกห
ลูกกระสุนพุ่งเข้าใส่อกจามิล แต่แทนที่จะทะลุทะลวงเนื้อผ้าหรือเนื้อคน กลับกระดอนกลับเพราะปะทะเกราะพลังปราณ เปรี๊ยะ! ลูกกระสุนกระดอนไปถูกเพดานถ้ำ ฝุ่นหินร่วงพรูลงมาบริเวณที่ลูกกระสุนฝังตัวและระเบิดออก ทุกคนยกเว้นพระหนุ่มล้วนอยู่ในอาการตกตะลึง ทั่วทั้งถ้ำเงียบกริบ “ปืนของคุณทำอะไรผมไม่ได้หรอก” จามิลเอ่ยทำลายความเงียบ “กูไม่เชื่อ!” วิษณุที่หายตะลึง ตะโกนก้องพร้อมกับเหนี่ยวไกอีกสองนัดซ้อน ปัง! ปัง! “อย่า!” ธีราที่เพิ่งได้สติรีบร้องห้าม กระสุนทั้งสองนัดไม่ต่างอะไรจากนัดแรก กระดอนขึ้นเจาะเพดานถ้ำอีกครั้ง วิษณุอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนร้องคราง “ไม่น่าเชื่อ” “หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่ณุ” ธีราตวาดลั่น ทันใด… “ฮิๆๆๆ ซุบซิบๆๆ” เหมือนเสียงผู้หญิงหัวเราะแหลมเย็น ตามด้วยเสียงคนกระซิบกระซาบดังก้อง “หลงแหละทุกคน หยิบไฟฉายออกมาใช้ เดี๋ยวลมจะมาอีกระลอก” จามิลสั่งเป็นภาษาคีรีมันก่อนจะหันมาพูดกับธีราเป็นภาษาไทย “พวกเราต้องใช้ไฟฉายแทนคบไฟแล้วละครับ เพราะกระแสลมจะพัดคบไฟดับ” ธีรารีบปล
“กันเดน” ภิกษุชราผู้มีคิ้วเคราขาวโพลน ร่างซูบผอม ครองจีวรสีแดง เอ่ยเสียงเบาด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนเหลือบสายตาแจ่มใสที่ดูขัดกับวัยมองหญิงสาวตรงหน้า หญิงสาวผู้มาจากดินแดนอื่น หญิงสาวผู้มีดวงหน้างดงามราวพระโพธิสัตว์ ห่อหุ้มเรือนร่างงามไว้ภายใต้เสื้อขนสัตว์ราคาแพง นั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะกลมที่พื้นตรงหน้า เธอสบตาภิกษุชราแน่วนิ่ง ท่านยิ้มน้อยๆ อย่างเมตตาการุณย์แล้วกล่าวต่อ “กันเดนเป็นเพียงดินแดนในตำนาน เล่าขานสืบต่อๆ กันมาว่า คนที่ไปถึงจะไม่ได้กลับ ส่วนคนที่กลับมาได้ก็คือคนที่ไปไม่ถึง” “ท่านจะบอกดิฉันว่ามันไม่มีอยู่จริงหรือคะ?” หญิงสาวถาม เรียวคิ้วงามเลิกขึ้นเล็กน้อย “จริงหรือเท็จอาตมาตอบไม่ได้ แต่สิ่งที่อาตมารู้ก็คือนานนับพันปีแล้วที่มีคนออกค้นหาดินแดนแห่งนี้ ทว่าส่วนใหญ่ไปแล้วไม่มีใครกลับมา” ภิกษุชราเอ่ยช้าๆ “ส่วนใหญ่ไม่กลับมา ก็หมายความว่ามีส่วนน้อยที่ได้กลับมา” หญิงสาวถาม พยายามจับช่องโหว่ในคำพูดของท่าน ท่านยิ้มพลางเอ่ย “ส่วนน้อยที่กลับมามักจะเป็นซากศพ นอกจาก…” อาการอ้ำอึ้งยิ่งเรียกความสนใจของหญิงสาวมากขึ้น...
Mga Comments