“จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา อีกไม่นานฉันต้องบินไปเรียนต่อแล้ว จะได้รีบจัดการให้เสร็จๆ ไป” เขาว่าก่อนจะปรายตามองใบหน้าอ่อนหวานที่บัดนี้ดูซีดผิดปกติ บางทีหล่อนอาจไม่สบาย แต่นั่นก็หาใช่เรื่องที่เขาต้องให้ความสนใจ ดีเสียอีกที่หล่อนตัดสินใจรับข้อเสนอ เขาจะได้เลิกรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นเสียที!
View Moreเพื่อนๆ ของเขาทยอยกลับไปกันหมดแล้ว หากแต่จานชามที่ต้องล้างกลับทำให้ม่านไหมต้องอยู่ต่อเพื่อจัดการกับพวกมันให้เรียบร้อย จนเมื่อทุกอย่างเสร็จหญิงสาวจึงลุกขึ้นเตรียมตัวกลับบ้าน “ใจคอเธอจะอ่อยผู้ชายทุกคนที่เจอเลยรึไงห๊ะ!” แต่คำถามที่จู่ๆ ก็มาพร้อมแรงกระชากทำให้เธอตกใจจนเกือบส่งเสียงร้อง โชคดีที่เธอหยุดตัวเองเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นคนทั้งบ้านคงได้แตกตื่น “คุณเดช! ไหมไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลยนะคะ” หญิงสาวพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง แต่เขาหรือจะเชื่อ “ฉันเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเท่านั้น ผู้หญิงอย่างเธอมันดีอะไรดีนักหนาวะ ใครต่อใครถึงได้พากันหลงรักนัก!” คำถามนั้นเหมือนกับว่าเขาตั้งใจจะถามตัวเองมากกว่า และหนนี้ไม่ถามเปล่า เขายังใช้สายตามองสำรวจคนตรงหน้าขึ้นลองไปพร้อมกัน ก็แค่หน้าตาน่ารัก ปากนิด จมูกหน่อย หุ่นสวย ขาเรียว ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหน ถ้าให้เทียบกับแฟนของเขายัยนี่ยังถือว่าธรรมดามาก แต่ก็ว่าไม่ได้หรอกบางทีหล่อนอาจมีดีกว่าที่ตาเห็นก็ได้ ใครจะรู้! “มะ...ไหมล้างจานเสร็จแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ” เห็นชัดว่าป่วยการจะอธิบาย ม่านไห
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครได้ทันคาดคิดส่งผลให้ชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยน เดือดร้อนผู้เป็นป้าที่ต้องประคับประคองร่างของหลานสาวที่น่าสงสาร เข้ามากอดปลอบ “ตัดอกตัดใจเสียเถอะลูกไหม พ่อแม่เราเขาไปดีแล้ว จากนี้ไปไหมก็อยู่กับป้าเสียที่นี่เถอะนะ ป้าจะดูแลไหมเอง” ม่านไหมวัยแปดขวบได้แต่พยักหน้ารับอยู่ในอกของผู้เป็นป้า ผู้ซึ่งเปรียบได้กับญาติคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ และแม้จะเป็นแค่เด็ก อย่างไรเสียก็ต้องพามาแนะนำให้เจ้านายได้รู้จักเสียหน่อย “นี่รึหลานสาวที่ว่า” คุณวิมลกล่าวขึ้นเมื่อหนึ่งในลูกจ้างจูงมือหลานสาวเข้ามาขอพบ เรื่องที่ได้รับรู้ทำให้รู้สึกเวทนาในโชคชะตาของเด็กคนนี้อยู่มากทีเดียว “ใช่ค่ะ รีบกราบคุณท่านเร็วๆ เข้าสิลูกไหม” เด็กน้อยทำตามคำสั่งของผู้เป็นป้าในทันทีและไม่ลืมที่จะก้มหน้านิ่งอย่างคนเจียมตัว “เอาล่ะๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรนักหรอกนะ ในเมื่อไม่มีที่ไปก็อยู่ช่วยป้าเธอที่นี่ก็แล้วกัน ไหนขยับเข้ามาใกล้ๆ ให้ฉันดูหน้าชัดๆ หน่อยสิ” หนนี้เด็กสาวมีท่าทีลังเลอยู่ครู่ จนเมื่อผู้เป็นป้าพยักหน้าให้นั่นเองถึงได้กลับขยับเข้า
หลังจากขับรถไปส่งหลานสาวสุดที่รักที่โรงเรียนแทนพี่ชายกิ่งกมลก็ไม่ลืมแวะมาที่วัด เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญที่เธอไม่เคยลืม ทุกปีของวันนี้เธอจะมาที่นี่เพื่อทำบุญให้ลูกที่จากไป อย่างน้อยมันก็ช่วยทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้น และก็เป็นแบบนั้นอยู่พักใหญ่ก่อนทุกอย่างจะหายไปเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนเข้า “พี่วัชร” จะเรียกว่าโชคร้ายก็คงได้เมื่อเขาเองก็เห็นเธอเช่นกัน “เดี๋ยวก่อนกิ่ง!” วินาทีที่หมุนตัวเตรียมจะเดินหนีเธอก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยเสียงที่มาพร้อมแรงฉุดเบาๆ ที่ต้นแขนของอดีตสามีตัวเอง “กิ่งมาทำบุญให้ลูกเหรอ” เห็นชัดว่าเขาเองก็คงมาที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวกัน นั่นจึงทำให้เธอตอบรับกลับไปอย่างไม่คิดปกปิด “ค่ะ” “พอจะมีเวลาไปหาที่เงียบๆ คุยกันหน่อยไหม พี่มีเรื่องอยากคุยกับกิ่ง”แม้ใจอยากปฏิเสธเขาแค่ไหน แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอยอมเดินตามแรงฉุดน้อยๆ นั่นมาถึงศาลาท่าน้ำข้างวัดเข้าจนได้ “กิ่งเป็นยังไงบ้าง” “กิ่งสบายดีค่ะ พี่วัชรล่ะคะ” “ก็เรื่อยๆ” เธอไม่ได้ถามต่อถึงคำว่า ‘เรื่อยๆ’ ของเขาว่าดีหรือไม่ด
วันแรกของการไปโรงเรียนในชั้นอนุบาลของเด็กหญิงธีรนาถค่อนข้างเป็นไปอย่างทุลักทุเลพอสมควรเมื่อผู้เป็นพ่อ อา และย่าพร้อมใจกันไม่ยอมให้ดวงใจของบ้านเข้าห้อง เดือดร้อนครูประจำชั้นที่ต้องเดินออกมาตามครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะสำเร็จ “หนูจำที่พ่อบอกได้ไหมคะผักบุ้ง ห้ามคุยหรือไปเล่นกับเด็กผู้ชายเด็ดขาด ถ้ามีใครแกล้งก็ให้รีบไปบอกคุณครูทันที และที่สำคัญ...ถ้าหนูคิดถึงพ่อ ก็บอกให้ครูโทรไปที่เบอร์นี้ พ่อจะรีบมารับ” “ค่ะคุณพ่อ” เด็กน้อยในชุดนักเรียนน่ารักตอบกลับผู้เป็นพ่อด้วยรอยยิ้มสดใส พร้อมกันนั้นยังหันไปหาผู้เป็นย่ากับอาที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อไม่ให้ทั้งสองน้อยใจ ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในห้องเรียนในที่สุด ภาพคนสี่คนที่เบียดเสียดกันอยู่ในเสาต้นเดียวกันเพื่อแอบดูเด็กน้อยนั้น ก่อให้เกิดรอยยิ้มจากใครต่อใครที่บังเอิญผ่านมาเห็น หลังจากไปส่งลูกที่โรงเรียนเสร็จ พ่อของลูกก็มีสภาพอย่างที่คิดไว้นั้นคือนั่งหงอยอยู่ที่บันไดบ้านราวกับจะรอการกลับมาของลูกสาวสุดที่รักอยู่ตรงนั้น เดือดร้อนม่านไหมที่ต้องเดินเข้าไปดูอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่อยากเห็น
ปวีณ์นุชไม่ได้ยอมแพ้ต่อสิ่งที่ได้รู้ เธอแค่กลับไปตั้งหลักก่อนจะกลับมาหาอดีตคนรักอีกครั้งพร้อมกับความมั่นใจว่าเขายังรักกันอยู่ และที่เขาต้องรับผิดชอบสองแม่ลูกนั่นเพราะว่าเขาไม่มีทางเลือก“นุชยังรักเดชนะคะ! แล้วนุชก็ไม่เชื่อด้วยว่าคุณจะหมดรักนุชแล้วจริงๆ” เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปเอาความมั่นอกมั่นใจแบบนี้มาจากไหน และก็ไม่ได้สนใจจะถามเพราะไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญอะไร“ผมก็ไม่ได้ขอให้คุณมาเชื่อ คุณอยากจะเชื่อแบบไหนก็ตามใจคุณ แต่จะให้ผมกลับไปรักผู้หญิงที่ทิ้งผมไปเอาฝรั่งผมไม่ทำ!” เป็นอีกครั้งที่ธีรเดชเลือกที่จะตอบตรงๆ ยอมรับว่าเขารำคาญและอยากที่จะจบเรื่องบ้าๆ นี่ให้ไวที่สุดก่อนที่ปัญหาใหญ่จะตามมา“เดช!”“อันที่จริงผมนึกไม่ออกเลยว่าหลงรักอะไรในตัวคุณมาตั้งหลายปี! ขอบคุณนะครับที่ทิ้งกันไป เพราะมันทำให้ผมได้เจอกับผู้หญิงที่ผมรักจริงๆ เสียที!” ต่อให้ม่านไหมจะมีแค่ตัว เขาก็ยังรู้สึกรักเธออยู่ดี อดีตที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่าไม่ควรมองคนแต่ภายนอก เพราะบางคนก็ไม่ได้น่ารักเหมือนกับหน้าตาเสมอไป“นังไหมน่ะเหรอคะ! มันมีดีกว่านุชตรงไหน นุชสวยกว่า รวยกว่า ดีกว่าทุกด้าน!” หากเทียบกันอย่างที่เธอว่าก็คงเป็นตามน
ตกเย็น“มะ...เมื่อกี้เธอว่าไงนะ ขออีกที ชัดๆ”“ไหมว่าไหมจะยกผักบุ้งของคุณเดช แล้วไปจากที่นี่ค่ะ” ม่านไหมเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยคำพูดเดิมๆ ก่อนจะลอบมองท่าทีของอีกคนไปด้วย เธอทำทุกอย่างตามแผลการที่กิ่งกมลวางไว้ไม่ให้ขาดตอน“วันนี้ไปล้มหัวกระแทกที่ไหนมารึเปล่า!” เขาถามก่อนจะเดินตรงเข้ามาสำรวจร่างกายกันด้วยการจับเธอพลิกไปมาราวกับจะหาร่องรอยจากบาดแผล แต่ยิ่งไม่พบก็ยิ่งหงุดหงิดกับความคิดอีกฝ่าย“ไหมสติดีทุกอย่างค่ะ”“คนสติดีที่ไหนจะมีความคิดทิ้งลูกทิ้งผัว! เป็นอะไรของเธอ!”“คุณเดชไม่ดีใจเหรอคะที่จะได้อยู่กับลูกอย่างที่ต้องการ แถมยังจะไม่ต้องมีไหมเป็นตัวถ่วงในชีวิตด้วย” บทที่ท่องจำมาตลอดทั้งวันถูกเอ่ยกลับออกไป ก่อนที่ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง“ฉันเคยพูดเหรอว่าเธอเป็นตัวถ่วง!”“กะ...ก็ไม่เคย”“แล้วเธอไปเอาความคิดบ้าๆ แบบนี้มาจากไหน!” ไม่มีทางที่จู่ๆ จะเกิดความคิดแบบนี้ขึ้นมาเองได้ ต้องมีใครพูดอะไรสักอย่างแน่“ก็แล้วจะให้ไหมอยู่ในฐานะอะไรคะ” ในเมื่อเป็นเขาเองที่ไม่ให้ความชัดเจนกับเธอเลยสักอย่าง แล้วจะให้เธอเชื่อมั่นอะไรได้ความจริงแล้ว..มันไม่ใช่ความผิดของเธอด้วยซ้ำที่จะรู้ส
การมาเยือนของอดีตคนรักไม่ได้ทำให้พ่อของลูกมีท่าทีเปลี่ยนไปจากเคยเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเธอเองที่กำลังรู้สึกแปลกๆ“ไม่รับเหรอคะ อาจมีเรื่องด่วนก็ได้” ม่านไหมเอ่ยขึ้นก่อนจะลอบมองท่าทีพ่อของลูกไปพร้อมกัน ว่าเขาจะมีท่าทีอย่างไรต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นหรือไม่ มันช่วยไม่ได้ที่เรื่องในวันนี้จะทำให้เธอรู้สึกหวั่นใจอย่างแปลกๆ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอยังไม่แน่ชัดถึงแม้เขาจะยอมจดทะเบียนด้วย แต่ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอจะได้ยินคำว่า‘รัก’ จากปากเขา มันจึงไม่ใช่เรื่องผิดถ้าเขาคิดอยากจะกลับไปหาคนรักเก่า ผู้หญิงที่เขาเคยรักจนถึงขั้นอยากแต่งงานด้วย แม้สิ่งนั้นจะทำให้เธอใจสลาย แต่ถ้าคนจะไปอย่างไรก็ต้องไปอยู่ดี ถ้าสุดท้ายแล้วเรื่องต้องจบลงแบบนั้นเธอก็ต้องรับให้ได้ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งเธอกับลูกไป ไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าเรื่องแบบนั้นมันจะไม่เกิดขึ้นอีก สิ่งที่เธอพอจะทำได้ตอนนี้คือทำใจ“รับให้หน่อยสิ”“คะ!”“รับให้หน่อย บอกว่าฉันเข้าส้วมอยู่ก็ได้” เมื่อเขายืนยันมาแบบนั้นเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกดรับสาย ด้วยกลัวว่าเสียงเรียกเข้าที่ดังไม่หยุดนี้ อาจทำให้ลูกสาวของเธอสะดุ้งตื่นขึ้น‘เ
“ทีคุณเดชยังไปยิ้มให้คนอื่นได้เลย...” คงมีแต่เธอกระมังที่เขาไม่ค่อยจะยิ้มให้ ตอนนั้นเธอคิดได้แค่ว่าเขาคงเกลียดขี้หน้ากันมากเสียจนไม่อยากทำดีด้วย แต่ตอนนี้อาจต้องคิดทบทวนเสียใหม่“กะ...ก็ตอนนั้นมัน... ช่างเถอะ! เอาเป็นว่าฉันไม่ชอบก็คือไม่ชอบก็แล้วกัน ที่แล้วมาก็ปล่อยให้มันผ่านไป แต่หลังจากนี้เธอห้ามมองใครอีก ส่วนฉันเอง...ก็จะมองแค่เธอคนเดียว ตกลงไหม” แม้จะฟังดูเหมือนตัวเองเสียเปรียบอยู่บ้าง แต่ม่านไหมก็ยอมพยักหน้าให้ก็อย่างที่เขาว่า อดีตมันผ่านไปแล้ว ไม่มีใครย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก ถ้าเขาบอกว่าต่อจากนี้จะมองแค่เธอ เธอก็จะเชื่อเชื่ออย่างไม่ลังเล...เป็นอีกวันที่ธีรเดชแอบเกงานกลับบ้านแต่หัววันเพราะมีนัดพาลูกกับเมียออกไปทานข้าวนอกบ้าน ทว่าภาพคุ้นตาของใครบางคนที่กำลังยืนอยู่บริเวณหน้าบ้าน กลับทำให้ทุกอย่างชะงักไปหมด“นุช!” ภาพของอดีตคนรักที่กำลังยืนส่งยิ้มมาให้สร้างความตกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าชีวิตนี้เขาและเธอจะได้กลับมาเจอกันอีกเพราะความสัมพันธ์ที่จบไม่สวย ทำให้เขาคิดเสมอว่าวันที่ถูกอีกฝ่ายบอกเลิกนั้นมันจะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะเจอหน้าผู้หญิงคนนี้ ไม่นึกเลยจะเป็นเธอเสียเอง
“หนูอยากให้พ่อไปส่งเข้านอนไหมคะ” เด็กน้อยพยักหน้าในอกของผู้เป็นพ่อ ก่อนที่ทั้งคู่จะอุ้มกันหายเข้าไปในห้องนอนในนาทีต่อมาท่ามกลางบรรดาเพื่อนๆ ที่ได้แต่มองภาพนั้นด้วยความตกใจ“กับเพื่อนคุยเสียงดุอย่างกับหมา กับลูกนี่เล่นเสียงสอง! ว่าแต่มันไปแอบมีลูกน่ารักๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!” นั่นคงเป็นเพียงคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบจนกว่าไอ้ตัวดีจะกลับมาให้ซักฟอกซึ่งกว่ามันจะกลับมาพวกเขาก็เมากันอย่างหมดท่าเสียงร้องเพลงที่ดังมาให้ได้ยินเป็นระยะสร้างรอยยิ้มขบขันแก่คนที่กำลังเตรียมของว่างให้หนุ่มๆ อยู่ในครัวไม่น้อย เหมือนเธอได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลาเดิมๆ อีกครั้งก็ไม่ผิด ออกจะต่างไปจากเดิมอยู่นิด ก็ตรงที่ว่าครั้งนี้เธออาสาทำให้พวกเขาด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ถูกปลุกให้ต้องปั่นจักรยานมาทำให้ดึกๆ เหมือนที่ผ่านมา“คุณไหมจริงๆ ด้วย ไม่ได้เจอกันนานสบายดีนะครับ” เสียงทักทายที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้หญิงสาวต้องหันไปมองก่อนจะส่งยิ้มให้เมื่อพบว่าไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน แต่เป็น สมปอง หนึ่งในเพื่อนสนิทของพ่อของลูก ที่ตอนนี้รับอาสาพายายตัวแสบไปเข้านอนแทนเธอ“ไหมสบายดีค่ะ คุณปองละคะ”“ก็เรื่อยๆครับ”สมปองลอบมองหญ
แรงขยับโยกที่รุนแรงราวกับพายุลูกใหญ่ที่โหมกระหน่ำส่งผลให้ร่างบอบบางของเด็กสาวที่เพิ่งจะอายุครบยี่สิบไม่ได้เพียงไม่กี่วันสั่นไหวท่ามกลางเสียงครางกระเส่าที่ไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นของใคร สิ่งเดียวที่รู้คือจุดหมายปลายทางของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้นั้น คือความสุขสมที่ ‘เขา’ จะไม่มีวันลืม...“อ่าส์! แน่นชิบ! อ้าขาหน่อย!” เสียงเข้มกระซิบบอกก่อนจะเพิ่มแรงขยับโยกเมื่อเริ่มรู้สึกว่าคนใต้ร่างใกล้จะถึงฝั่งฝันเต็มที ในขณะที่เขายังไม่อยากสุขสมง่ายๆ ในตอนนี้ ไม่นานร่างเล็กก็กระตุกเกร็งไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นแข่งกับสายฝนด้านนอกเขาปล่อยให้หล่อนชิงตัดหน้าไปก่อนได้ไม่นานก็กระตุกเกร็งตามไปติดๆ พร้อมกับปลดปล่อยสายธารให้ไหลทะลักเข้าสู่ร่างกายที่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเองเมื่อครู่นี้ ว่ามันทั้งสดและสะอาดมากเพียงใดซ้ำยังไร้ซึ่งการป้องกันอย่างที่ควรเป็น มันเป็นเช้าที่เรียกว่าวันโลกาวินาศก็ไม่ผิด เมื่อจู่ๆ ‘เขา’ ต้องตื่นมาพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในกระท่อมท้ายไร่โดยที่ข้างกายมีร่างบอบบางของหลานสาวคนงานในไร่ นอนสะอื้นอยู่ข้างๆ กาย “ม่านไหม!” เขาจดจำหล่อนได้ทันทีที่เห็น แน่น...
Comments