แชร์

Chapter 9.คิดถึงวานวัน

            เยว่ซินดึงมีดสั้นที่พกติดตัวออกมาตัดเถาวัลย์ที่เกะกะทางเดินเบื้องหน้า ทว่าจิตใจกลับหวนคำนึงถึงวัยเด็กของตน บิดาเป็นบัณฑิตตกยาก  มารดามักพูดด้วยรอยยิ้มเสมอว่า ท่านพ่อเป็นพวกยอมหักไม่ยอมงอ ซื่อตรงจนเกินไป จึงต้องมาอยู่ชนบทเช่นนี้ หากแต่ในความทรงจำของนางนั้น บ้านก็คือกระท่อมหลังน้อยที่อยู่รวมกัน พ่อแม่และพี่ชายทั้งสอง พี่ใหญ่มักฮึดฮัดอยู่เสมอเมื่อพูดถึงเรื่องราวเหล่านี้  วัยเด็กของนางเติบโตในทุ่งกว้าง ขึ้นเขากับพี่รองที่ชอบล่าสัตว์กับพรานป่า หรือบางครั้งก็เข้าป่าหาสมุนไพร เป็นชีวิตที่เรียบง่ายสงบสุข ท่ามกลางเสียงพร่ำบ่นของบิดาให้นางหมั่นฝึกเขียนอักษรและอ่านตำรา แต่นางสมองทึบไม่เหมือนพี่ชายทั้งสองที่ชาญฉลาด แต่กระนั้นนางก็ได้ทักษะการทำอาหารจากมารดา แม้นางเป็นหญิงชาวบ้าน แต่สองข้างของมารดาดุจมีเวทมนตร์เสกทุกสิ่งรอบกายให้เป็นอาหารแสนโอชะ  หากท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่ นางคงได้สืบทอดวิชาความรู้นี้มามากกว่านี้

            ความเจ็บแปลบแล่นเข้าสู่หัวใจจนหญิงสาวต้องยกมือกดหน้าอกตัวเองไว้ ทุกคราวที่คิดถึง นางเจ็บหัวใจทุกครั้งไป เพียงพริบตา นางกลายเป็นเด็กกำพร้า เหลือเพียงคนเดียวที่รอดอยู่

‘หนีไป ไม่ต้องหันกลับมา’

          ‘ท่านแม่’

          ‘จำที่แม่สอนให้ดี ตามหาพี่ใหญ่ของเจ้า’

          ‘ไป! อย่าหันกลับมา’

มารดาใช้ร่างตนเองปกป้องนาง มือของมารดาปิดปากนางแน่น ไม่ให้ส่งเสียงร้อง จนกระทั้งมือนั้นอ่อนแรงและร่วงลงข้างตัวนาง  นางไม่มีเสียงร้องไห้ ได้แต่ลืมตาโพลงในความมืด ร่างของมารดาปกป้องนางจากทหารพ่ายทัพและยังปกป้องนางจากความหนาวเหน็บของค่ำคืน เหลือเพียงร่างอันเยียบเย็นและไร้ลมหายใจ 

            เด็กหญิงกัดริมฝีปากแน่น นางเจ็บแผ่นหลังมาก แต่บาดแผลที่สาหัสที่สุดคือหัวใจดวงน้อย ร่างเล็กค่อยๆ อาศัยความมืดหลบเร้นกายไม่ให้ผู้ใดพบเห็นแล้วจึงมุ่งหน้าก้าวเท้าออกไป

            ‘พี่ใหญ่ ท่านอยู่ที่ไหน’

            ‘เหตุใดท่านพ่อท่านแม่พี่รองไม่พาข้าไปด้วย’

            นางได้แต่พร่ำเพ้อซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กหญิงวัยเพียงสิบขวบค่อยๆ ลอบหนีออกมา และพบว่าหมู่บ้านที่เคยอาศัยอยู่จมอยู่ในทะเลเพลิง  เหตุการณ์ในครั้งนั้นไม่ใช่แค่ครอบครัวของนางที่สูญเสีย  อีกหลายครอบครัวก็เช่นกัน นางตัดสินใจออกจากหมู่บ้าน แต่แอบติดตามขบวนพ่อค้าเร่ เข้าเมืองหลวง แต่สภาพนางในเวลานั้นน่าเวทนานัก กว่าพ่อค้าเร่จะรู้ว่ามีเด็กน้อยแอบอยู่ในเกวียนบรรทุกสินค้า นางก็มีไข้ขึ้นสูง บาดแผลตามตัวเป็นหนอง พวกเขาคิดว่านางไม่รอดแน่แล้ว ทว่าขณะนั้นบังเอิญผ่านวัดแห่งหนึ่งจึงเข้าไปขอความช่วยเหลือ พวกเขาฝากฝังนางไว้ที่นั้น ในค่ำคืนที่นางทุรนทุรายจากบาดแผลบนร่างกาย นางคิดว่าตนเองจะได้พบพ่อแม่และพี่รองแล้ว แต่ไต้ซือรูปหนึ่งกลับยื้อชีวิตนางไว้ได้ 

            น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ก่อนเกิดเหตุร้ายในคืนนั้น ‘พี่ใหญ่’ ของนาง แอบหนีออกจากบ้าน พ่อกับพี่ใหญ่มีความคิดไม่ลงรอยกันมานาน  ส่วนพี่รองนั้นมักเอนเอียงไปทางบิดาเสียทุกเรื่อง ส่วนนางเอาแต่เล่นซุกซนไปวันๆ  พี่ใหญ่หนีออกจากบ้านไปก่อน เขาไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องราวเลวร้ายเช่นนี้ ไม่อย่างนั้น พี่ใหญ่ไม่มีวันทอดทิ้งนางแน่นอน

            ที่สำคัญ นางมีคำสั่งเสียสุดท้ายของบิดาส่งถึงพี่ใหญ่

นี่คงเป็นเหตุผลให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไปกระมัง?

            ด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวงผลักดันให้นางใช้ชีวิตเร่ร่อนเพื่อตามหาพี่ใหญ่ เมื่อชีวิตไม่ต่างจากขอทาน ถูกความหิวโหยโบยตีจนทนไม่ไหว นางลักเล็กขโมยน้อยเพื่อประทังชีวิต

            เยว่ซินระบายลมหายใจเบาๆ ดวงตาเหลือบเห็นต้นโสมคน แรกทีเดียวไม่มั่นใจนัก แต่เมื่อทรุดตัวลงนั่ง พิจารณาดูลักษณะใบและลำต้นแล้วจึงค่อยๆ ลงมือขุด  เป็นภูเขาที่อุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริง ได้โสมคนต้นนี้กลับไปนางจะนำไปปรุงเป็นอาหารให้ชายผู้นั้น

            เพียงคิดถึงเขา นางก็ทำหน้าตึงขึ้นมา เหตุใดต้องมาเสียเวลาดูแลชายใบหน้าน้ำแข็งเช่นนั้นด้วยนะ หรือเพราะเขามีท่าทางคล้ายบิดาของนาง คนจำพวก ‘ยอมหักไม่ยอมงอ ซื่อตรงเกินไป’ อย่างที่มารดาเคยพูดไว้บ่อยๆ ที่จริงนางก็ทำอาหารได้แค่อาหารชาวบ้าน แต่เขาเป็นถึงราชครู ยอมกินอาหารฝีมือนางก็นับได้ว่าไม่ใช่คนหัวแข็งยากเกินเยี่ยวยา  จากที่เคยได้ยินเรื่องของฉู่ห่าวหรานมาบ้างนับได้ว่าตรงจากที่ร่ำลือกัน แต่เรื่องที่นางไม่รู้ คือเหตุใดจนป่านนี้เขายังไม่มีภรรยา ไม่มีแม้กระทั้งอนุหรือสาวใช้ข้างห้อง  มีแค่ ‘หันซู’ คนสนิทเพียงคนเดียว  หันซูมีวรยุทธ์แม้ไม่สูงส่งแต่ปกป้องผู้เป็นนายได้แน่นอน

หรือว่าคนทั้งสองรักใคร่กันจริงๆ

            อืม

            ก็น่าจะเป็นไปได้นะ

            ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง การที่นางสลับตัวกับ ‘เหอเยว่ซิน’ ก็นับว่าเป็นเรื่องดีแล้ว ต่อให้ ‘เหอเยว่ซิน’ ไม่มีคนรัก นางไม่ควรมาใช้ชีวิตจมปลักกับคนที่ไม่อาจรักนางได้ 

            เรื่องเช่นนี้ นางเข้าใจและไม่คิดจะเข้าไปขัดขวางแต่อย่างใด

             “โอ๊ะ!”  นางร้องอย่างตื่นตกใจ ไม่คิดว่าโสมคนที่ขุดได้จะหัวใหญ่ขนาดนี้  ใหญ่ขนาดนี้เอาไปขายได้หลายตำลึงแน่ๆ แต่...นางตั้งใจหาโสมคนไปบำรุงฉู่ห่าวหรานนี่นะ

            เจ้าตัวหิวเงินในท้องโต้เถียงกันไปมา นางได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ นางต้องบำรุงชายผู้นั้นให้แข็งแรง นางเพียงมีหน้าที่ที่ต้องทำ ตามที่รับปาก ‘พ่อบุญธรรม’ ไว้

            อา... นางจะเถลไถลมิได้แล้ว มิเช่นนั้นหาก ‘แม่บุญธรรม’ ส่งคนมาตามหานาง ความสงบสุขของที่นี้ก็คงหายไปหมดสิ้น.

          หันซูมองอาหารตรงหน้าของตนแล้วเงยหน้ามองใบหน้าของหญิงสาวที่ยกอาหารมาบริการด้วยตนเอง นางยิ้มกว้างและคะยั้นคะยอให้เขากินอาหารที่นางทำ

            “กินเยอะๆ สิท่านพ่อบ้าน” เยว่ซินคะยั้นคะยอ “หมั่นโถนี่กินตอนร้อนๆอร่อยนะ”

            “แม่นางเยว่ซินมีอะไรต้องการใช้ข้าน้อยหรือขอรับ”

            “ใช้อะไรกัน พ่อบ้านก็พูดเกินไป” นางหัวเราะคิกคัก “หมั่นโถวสี่ห้าลูกจะเอามาหลอกล่อพ่อบ้านได้อย่างไรกัน”

            หันซูกระตุกยิ้ม  หากนางพูดจามีหางเสียงสักนิด ไม่ชอบทำหน้าเจ้าเล่ห์อีกสักหน่อย หรือแม้แต่ยกยอว่าตัวเองเลิศเลอเพียงใด ก็นับได้ว่านางเป็นสตรีที่น่าคบหาไม่น้อย มือใหญ่เอื้อมมือไปหยิบหมั่นโถว แต่เยว่ซินหยิบตัดหน้าไปก่อน นางอ้าปากคำโตกัดหมั่นโถวเนื้อนุ่มขาวเนียน หันซูได้แต่ทำตาปริบๆ

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status