Home / โรแมนติก / บรรณาการเย้ารัก / Chapter 8.เรามาเจรจาตกลงกันด้วยดีเถอะนะ

Share

Chapter 8.เรามาเจรจาตกลงกันด้วยดีเถอะนะ

            เขาไม่ได้ตอบนาง เพียงแค่ส่งสัญญาณให้หันซูเข็นรถกลับเรือนของตน เยว่ซินไม่ได้ขวางทางอีกแต่เดินตามเขาไปด้วย

            “นี่ๆ แล้วอาหารที่ข้าเตรียมให้ทุกมื้อ ท่านชอบหรือไม่”  นางยังคงเดินตามเขา แม้อีกฝ่ายมีสีหน้าราบเรียบเช่นเดิม  “ข้านี่ก็ถามอะไรโง่ๆ ท่านกินหมดก็แสดงว่าถูกปากสินะ”

            หันซูกลอกตามองบน สตรีนางนี้ช่าง...ช่างมีความมั่นใจอย่างล้นเหลือ ที่สำรับอาหารของนายท่านหมดเกลี้ยงเพราะเขาต่างหาก  จะว่าไป นายท่านก็กินอาหารได้มากกว่าปกติ เอาเถอะ ถือว่าทำให้เขารอดพ้นเคราะห์กรรมเรื่องอาหารการกินของนายท่านไปได้

            “ข้ายังมีต้องเรื่องคุยใต้เท้าฉู่” นางก้าวตามไปด้วย แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงบ่าวชายเรียกจากด้านหลัง นางจึงจำใจหยุดเดินแล้วหมุนตัวหันกลับมา

            “มีเรื่องใดอีก” นางแยกเขี้ยวใส่ “ถ้าเรียกชื่อข้าอีก ข้าคิดสิบอีแปะ!”

            “เอ่อ..” บ่าวชายถึงกับสะอึกแล้วหดคอเหมือนเต่าในกระดอง “มะ...มีคนต้องการพบคุณหนูขอรับ เขาบอกว่าชื่ออาหยวนเป็นช่างตีเหล็ก”

            “ช่างตีเหล็ก...อ้อ... ข้าจะไปประเดี๋ยวนี้ล่ะ”   นางยิ้มแหยลืมไปว่าตัวเองนัดหมายกับช่างตีเหล็กเอาไว้ นางก้าวเท้าตามบ่าวรับใช้ได้สองสามก้าวก็นึกอะไรบางอย่างออก ล้วงมือในอกเสื้อหยิบตลับยาออกมา จังหวะหมุนตัวกลับส่งเสียงเรียกพร้อมปาตลับยาในมือออกไป 

            “หันซู!”

            ปฏิกิริยาของหันซูรวดเร็วตามที่เยว่ซินคิดไว้ไม่ผิด เขาหันกลับมายกมือขึ้นรับตลับยาไว้ได้ทัน หญิงสาวยกนิ้วโป้งให้แล้วตะโกนออกไป

            “นั้นเป็นยาสมานแผลสูตรลับที่ประเมินค่ามิได้  ทาบริเวณที่เป็นรอยแผลเป็นจะทำให้รอยแผลจางลง” นางเห็นแววตาลังเลของพ่อบ้านแล้วก็หัวเราะออกมา “ลองทดสอบดูก็ได้ มิใช่ยาพิษหรอก อ้อ! ใต้เท้าฉู่ ลานด้านหลังยังว่างอยู่ ข้าขออนุญาตทำคอกเลี้ยงไก่นะ”

            “เลี้ยงไก่?”

            “ตอนเย็นมีบะหมี่ไข่กับเกี๊ยวกุ้งด้วย ท่านอยากกินอะไรเพิ่มอีกไหม”

            “กุ้ง?”  หันซูประหลาดใจ นางซื้อกุ้งมาจากที่ใด

            “อืม กุ้งแม่น้ำ แล้วตอนเย็นข้าจะไปกินข้าวด้วย”  นางไม่รอให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบอะไร รีบเดินเร็วๆ ไปพบคนที่นัดหมายไว้

            “หันซู” ฉู่ห่าวหรานเอ่ยขึ้น

            “ขอรับ”  หันซูมัวแต่นึกถึงอาหารที่จะได้กินเย็นนี้ก็ทำให้สติหลุดไปชั่วขณะ

            “กลืนน้ำลายของเจ้าเสีย”

            “ขอรับ!”  หันซูรีบกลืนน้ำลายลงคอทันที 

            ฉู่ห่าวหรานกลอกตาแล้วระบายลมหายใจเบาๆ  “เจ้าตรวจสอบยาตลับนั้น”

            “ขอรับ”  เขาเปิดตลับยาขึ้นดมกลิ่นแต่ยังไม่กล้าแตะต้องเพราะเกรงจะมีพิษ

            “เจ้าคิดว่านางมีวรยุทธ์หรือไม่”

            “จะลองหาทางทดสอบนางดูขอรับ นายท่านคิดว่านาง...”

            “ข้าก็ไม่รู้ว่าเหอเยว่ซินตัวจริงเป็นเช่นไร หรือสิ่งที่เราได้ยินเป็นเพียงการปล่อยข่าวให้เชื่อว่านางเป็นเช่นนั้น”

ฉู่ห่าวหรานกล่าวไปตามที่คิด แต่ถ้อยคำที่นางเอ่ยกับเขานั้น ทุกถ้อยคำกรีดลึกที่หัวใจของเขา จนเผลอกำมือแน่น ทว่าความเจ็บปวดนั้นกลับทำให้เขาแค่นยิ้มออกมา

            นางคิดว่าจะเปลี่ยนอะไรได้หรือ?

อุดมการณ์เหล่านั้นมันเป็นเพียงภาพเพ้อฝันในวันวาน

            เอาเถอะ เขาจะลองเล่นสนุกกับนางดูสักหน่อย หรือเป็นเพราะฮ่องเต้ยังคงเคลือบแคลนในตัวเขาอยู่  เขาวางมือลงบนหน้าขาของตัวเอง  ต้องสูญเสียเท่าไหร่ จึงจะยืนยันได้ว่าเขาคือผู้บริสุทธิ์!

            หญิงสาวหยิบหน้าไม้ขึ้นมาดู โยนใส่มือขวาสลับใส่มือซ้าย และลองสะบัดไปมาทดสอบว่าเหมาะกับมือของตนหรือไม่

            “ไม่ทราบว่าถูกใจแม่นางหรือไม่”

            “อืม” นางพยักหน้ารับแล้วหยิบลูกศรขึ้นดู หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย หากจะทำได้ดีกว่านี้คงต้องใช้เงินซื้อวัสดุที่ดีมากกว่านี้ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาของนาง “ตะขอที่สั่งไว้ล่ะ”

            “ข้าทำตัวอย่างมาให้แม่นางดูก่อน ถ้าไม่แก้ไขอะไรจะทำมาให้เพิ่มขอรับ”

            มือเรียวเล็กยื่นไปรับตะขอเหล็ก มันเหมือนเบ็ดตกปลาแต่มีขนาดใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่า  มุมปากของหญิงสาวยกยิ้มอย่างพอใจ

            “ฝีมือท่านอาหยวนไม่เลวเลยจริงๆ” นางกล่าวจากใจจริงแล้วหยิบถุงเงินส่งให้ “ช่วยหาหินลับมีดให้ข้าสักอันสิ”

            “เอ่อ...ได้ ได้ขอรับ”

            ช่างตีเหล็กรับปาก  แม้จะประหลาดใจกับสตรีร่างเล็กและแปลกหน้าผู้นี้ ทว่าเมื่อได้เห็นฝีมือขับไล่หมาป่าของนางแล้ว ต้องยอมรับว่านางไม่ใช้สตรีธรรมดา การที่นางถามหา ‘หน้าไม้’ ‘ตะขอเหล็ก’ หรือแม้แต่ ‘หินลับมีด’ ก็ไม่นับว่าแปลกอันใด 

            “ท่านอาหยวนฝีมือดีขนาดนี้ เหตุใดหลบซ่อนตัวเองในหมู่บ้านเล็กๆ เช่นนี้เล่า” นางถามคล้ายหยั่งเชิงคล้ายชวนคุยอย่างไม่ต้องการคำตอบจริงจังนัก ทว่าคนถูกถามชะงักไปเล็กน้อย รอยยิ้มภายใต้หนวดเครารุงรังบนใบหน้าจางหายไปในทันที  แม้ไม่มีผู้ใดมองเห็น แต่เยว่ซินสัมผัสได้ นางยังคงระบายยิ้มแล้วเอ่ยต่อ  “ถ้าคนดีมีฝีมืออาศัยอยู่แต่ในเมืองหลวงกันเสียหมด คนในหมู่บ้านชนบทก็คงยากไร้ช่างฝีมือดี อันที่จริงต้องขอบคุณท่านอาที่เสียสละตนเองถึงเพียงนี้”

            “แม่นางเยว่ซินกล่าวเกินไปแล้ว” เขาพูดพลางยกมือขึ้นเกาท้ายทอย “หากมีเรื่องใดโปรดเรียกใช้งานข้าได้ทุกเวลา”

            “เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว ท่านทำตะขอเพิ่มให้ข้าอีกห้าอันนะ”

            “ได้ๆ เสร็จแล้วข้าจะเอามาให้พร้อมหินลับมีด”

            “รบกวนท่านอาแล้ว”

            เยว่ซินเดินไปส่งช่างตีเหล็กที่หน้าคฤหาสน์ อันที่จริง นางไม่ได้ตั้งใจเดินไปส่ง แต่เดินไปดูบริเวณหน้าคฤหาสน์ต่างหาก ตามจริงนางควรนั่งคุยเจรจากับเขาเสียที แต่มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด  นางยกมือขึ้นนับนิ้วว่าใช้เวลาหมดไปกี่วันแล้ว  ป่านนี้ ‘เหอเยว่ซิน’ คงเดินทางไปถึงจุดหมายใช้ชีวิตกับคนรักของนางแล้ว 

            คิดถึงตอนนี้นางก็เผลอยิ้มออกมา

            อันที่จริง ราชครูผู้นี้ก็ดูมิใช่คนเลวร้ายสักเท่าไร และดูไม่ใช่คนโง่อะไรนัก เหตุใดไม่สงสัยในตัวนาง แม้นางมีรูปโฉมงดงามไม่น้อย แต่เขาน่าจะพบพิรุธในตัวนาง เยว่ซินยกมือขึ้นม้วนปลายผมของตนเองเล่นพลางเดินขึ้นไปบนเขา  นางชอบภูเขาลูกนี้มาก อุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก เสมือนครัวขนาดใหญ่ ธารน้ำตกที่ไหลจากภูเขาหล่อเลี้ยงคนเบื้องล่าง  หากทำการเพาะปลูกดีๆ หาวิธีผันน้ำไปใช้ย่อมสร้างประโยชน์ได้มากมาย  คนในหมู่บ้านมีราวสามร้อยคนเท่านั้น หากจะนำของป่าไปขาย ต้องคำนวนเวลาในการในเดินทางให้ดี ออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ เที่ยงวันคงไปถึง  แต่ในเมืองคึกคักมาก นางจำได้ว่าตอนที่เดินทางผ่านมานั้นเห็นผู้คนมาซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันมาก

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status