“อึก อ๊ะ อ๊า”
ถูกเคี่ยวกรำมาหลายชั่วยาม เสียงครางแสนหวานจึงเปลี่ยนเป็นแหบแห้ง หงอี้ถูกจับนอนตะแคงโดยมีร่างใหญ่ซ้อนประชิดด้านหลัง เรียวขาพาดบนแขนแกร่ง แอ่นอ้ารับการป้อนความเสียวจากท่อนกายใหญ่ที่ยังคงสอดเข้าออกอย่างพลิ้วไหว
น้ำหวานเจิ่งนองจนรู้สึกแฉะตรงหว่างขา เม็ดเสียวเต่งบวมสั่นริกจากการขยี้ของท้องนิ้วสาก ยิ่งเขาดันเนินชายเข้าลึกนางยิ่งกระสันจนตัวกระตุก แอ่นบั้นท้ายเข้าหาราวนางโลมแสนร่าน กระหายรสสวาทไม่รู้อิ่ม
“ขะ ข้า อ๊ะ ซวนจ๋า~ ช้าหน่อย อื้อ อ๊า”
ทรมานเหลือเกิน...
รัญจวนเหลือแสนกับราคะที่เขาปรนเปรอให้ไม่หยุดพัก
“บอกให้ช้าลงแต่เจ้ากลับแอ่นรับไม่น้อยหน้า”
“ฮึก อ๊า”
“น้ำหวานของเจ้า ไหลอาบข้าจนเปียกแฉะ แมวน้อยแสนร่าน” เนินชายของเขาที่มีขนหยาบแห้งและเปียกวนกันเช่นนี้มาหลายชั่วยาม ถึงจะฉีดน้ำคาวออกไป อีกสักพักลำกายใหญ่ก็กลับมาขยายพองคับโพรงอุ่นให้เขาสร้างความหฤหรรษ์กับนางอีกครั้ง
วาจาแสนลามกขับความร้อนจนใบหน้าร้อนผ่าว เขินอายเหลือเกินกับความจริงที่เขากล่าวออกมา แต่กลีบบุปผากลับขมิบรัว ราวกับว่ากำลังประจานความคิดแท้จริงของนางให้เขารับรู้ว่าชอบมากแค่ไหน
หลี่ไต้ซวนคำรามเมื่อนางทั้งดูดดึงและเกร็งสะท้าน หวงแหนของเขาจนจะหลุดติดออกไป เขาอ้าปากกัดหัวไหล่ขาวจนขึ้นรอยเขี้ยว ซุกไซ้ความหอมปนชื้นเหงื่อจากหลังคอขาวผ่อง บั้นท้ายแกร่งสะบัดกร้าวตามแรงปรารถนาพุ่งสูง
“ฮ๊า ซวน..ซวนจ๋า อิ๊ ข้าไม่ไหวแล้ว จะไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อ๊า”
ร่างอวบอัดเกร็จจนท้องน้อยหด งอตัวอ้าปากหอบเล็บเท้าจิกงองุ้ม ความร้อนในท้องมันพุ่งสูงเกินขีดจำกัดที่นางรับไหว เมื่อนิ้วร้ายของเขายังคงไม่หยุดบดเขี่ยเม็ดเสียวของนาง คราวนี้หงอี้เสร็จแรงถึงขั้นฉี่ราด น้ำหวานกระจายพุ่งเลอะเปียกเตียงกว้าง
โพรงอุ่นตอดรัดรีดเค้นจนชินอ๋องห้ามไม่ไหว พวยพุ่งน้ำเชื้อเหนียวข้นออกมา เมื่อรวมกับของเดิมมันจึงล้นออกมาข้างนอก
หงอี้หน้าแดง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายอ่อนแรงไม่รู้ตัวว่าหลับไปตอนไหน รู้แค่สบายตัวหลังถูกใช้งานหนักมา ส่วนวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงค่อยคิดกันอีกที
ตอนนี้ขอนอนก่อน
เช้าวันต่อมา...
ร่างอิ่มยังคงเปลือยเปล่า นอนซุกในผ้าห่มอย่างสบายใจ นานทีเดียวจึงขยับตัว เบ้หน้ากับความปวดหน่วงช่วงหว่างขา เมื่อยขบไปทั่วร่างจนต้องครางออกมาเมื่อขยับพลิกตัว เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ เปิดขึ้น กะพริบไล่ความมัว ปรับม่านตากับแสงจ้า
ทุกวันหลังตื่นนอนหงอี้จะยืดเหยียด บิดขี้เกียจโดยกายกลิ้งไปมาบนเตียงแสนนุ่มในเรือนของตนเองอยู่ครึ่งเค่อ แล้วสาวใช้ประจำตัวถึงจะเข้ามาจัดการเก็บกวาดที่นอน
ส่วนนางทำธุระส่วนตัวแล้วถึงออกมานั่งให้สาวใช้เช็ดตา สีฟัน แปลงขนแล้วเดินไปดื่มนมอุ่นในถาด อาจนอนเล่นหรือออกไปเดินในสวนจนสบายใจ ถึงกลับเข้าเรือนเพื่อไปกินข้าวกับชินอ๋อง
นั่นคือกิจวัตรประจำวันของนางในร่างแมว ใช่ นางเคยเป็นแมว
หญิงสาวกำลังนอนมองมือสองข้าง ไล่มายังแขนเรียวขาว ไหนจะสีของภาพที่มองเห็น มันไม่ใช่สีเทาอีกต่อไป สีสันในห้องนอนทำใจดวงน้อยเต้นรัว คาดหวังกับบางอย่าง
“อืม”
หงอี้นอนตัวแข็งทื่อ เบิกตากลมโตเมื่อเพิ่งจะสำนึกถึงสิ่งมีชีวิตหนึ่งกำลังนอนอยู่ข้าง ๆ แบบเนื้อแนบเนื้อ นางลมหายใจสะดุดเมื่อเสียงทุ้มของบุรุษดังขึ้นข้างหู ไหนจะแขนแกร่งตรงหน้าท้องกอดกระชับจนนางแนบชิดกว่าเดิม
แม่เจ้า...นางทำอะไรลงไป~
ไอ้ดีใจที่เปลี่ยนร่างได้มันก็ดีใจ แล้วทำไมตอนเปลี่ยนเป็นคนถึงเกิดเรื่องน่าอายขึ้นแบบนี้ด้วย ภาพของเมื่อวานจนกระทั่งสลบไสลแล่นเข้ามาเป็นฉาก ๆ
ดวงหน้าหมดจดร้อนแทบไหม้ รีบดึงผ้าห่มขึ้นปิดหน้าก็แทบตัวระเบิดเมื่อสายตาปะทะกับกล้ามท้องเรียงตัวสวย นางหลับตาปี๋ข่มความปวดร้าวพลิกตัวหันหลังให้เขา
ความร้อนผ่าวของกายเนื้อที่ขยับแนบชิดแผ่นหลังเปลือยของนาง หงอี้กัดผ้าห่มกรีดโดยไร้เสียง
ทีนี้จะมองหน้าเขายังไง คนที่นางตัวอ่อนระทวยใต้ร่างของเขา
ฮือ หลี่ไต้ซวน เขามันตัวร้ายสมชื่อ
กลับร่างแมวได้ไหมนะ พอเจอหน้าค่อยตีมึนว่าจำอะไรไม่ได้ หงอี้ขบคิดหาทางออกจนรู้สึกปวดหัว หวังให้เรี่ยวแรงรีบฟื้นกลับมาจะได้หลบออกไปก่อนเขาตื่นนอน
หลี่ไต้ซวนตื่นก่อนหงอี้นานแล้ว เขานอนจ้องหน้าคนตัวเล็กจนกระทั่งนางขยับตัวตื่น จึงแกล้งหลับตา ต่อจากนั้นเขาแทบหลุดขำกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปมา น่าเอ็นดูจนต้องแกล้งส่งเสียง ขยับแขนกอดกระชับให้แนบชิดกว่าเดิม
ถือเป็นการตื่นนอนที่ชวนให้อารมณ์ดีทั้งวัน กลิ่นของดอกจวี๋โชยเข้าจมูก จึงกดใบหน้าซุกหลังคอ สูดดมกลิ่นที่ชอบเข้าปอดเฮือกใหญ่
รับรู้ว่าร่างน้อยในอ้อมแขนเกร็งตัว หากเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง นางคงกลั้นหายใจอยู่เช่นนี้จนลืมหายใจ
“ตื่นนานหรือยัง” เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบข้างหู หงอี้อยากหายไปจากตรงนี้แทบตาย แต่สุดท้ายก็รวบรวมความกล้า ขยับตัวนอนหงายเพื่อมองหน้าเขาให้ชัด
โอ้ ขนาดเพิ่งตื่นนอน เมาขี้หูขี้ตา เขายังหล่อจนน้ำลายหก ตัวร้ายผู้นี้ชักจะใช้ใบหน้าหล่อร้ายคอยปั่นป่วนใจคนรอบตัว โดยเฉพาะสตรีให้คอยแต่จะลุ่มหลงเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น
นางเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ตอนเป็นแมวมันไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลยนะนอกจากชื่นชม ภูมิใจที่ได้เดินไปไหนมาไหนกับเขา ตอนนี้กลับร่างเดิม แถมเมื่อคืน...
หลี่ไต้ชวนมองคนตัวเล็กขยับปากมุมมิบ สีหน้าใกล้ร้องไห้เต็มทนแล้วนึกเอ็นดู กดจมูกรังแกพวงแก้มนุ่มเต็มแรงจนหญิงสาวสะดุ้ง
“อ๊ะ”
“รู้สึกไม่สบายตัวตรงไหนบ้าง”
“มะ ไม่ ข้าสบายดีมากเจ้าค่ะ”
“งั้นหรือ”
หลี่ไต้ซวนไม่รุกเร้าเมื่อนางพยักหน้าจ้องเขาตาแป๋ว ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้น เสยผมยาวปรกหน้าไปด้านหลัง ผ้าห่มหล่นมากองบนตัก อวดมัดกล้ามของบุรุษจนหงอี้เผลอมองตาค้าง
“เช่นนั้นก็ลุกไปอาบน้ำ จะได้ออกไปกินข้าว” ผินหน้าพูดกับคนที่ยังนอนนิ่ง ทิ้งประโยคชวนใจสั่นแล้วลุกอวดบั้นท้ายเปลือย “จะได้มาพูดคุยเรื่อง ‘ของเรา’ ”
หนามาก! หนังหน้าของไต้ชินอ๋องหนามาก เขากล้าอวดบั้นท้ายแน่น ๆ โดยไม่คิดอายสายตาของนางเลย ถึงพวกเราจะทำ อ่า นั่นแหละ ก็ใช่เรื่องให้โอ้อวดร่างกายกลางวันแสก ๆ ที่ไหน
หงอี้เบะปากลอบด่าหลี่ไต้ซวนอยู่ในใจ แต่พวงแก้มทั้งสองข้างกลับแดงปลั่ง กัดผ้าห่มระบายความเขินอาย
ฮือ ตัวร้ายคนนี้หุ่นจะแซ่บทรมานจิตใจสาวน้อยอย่างนางไปถึงเมื่อไหร่
คร่ำครวญด้วยความอับอายก็มุดหน้าเข้ากองผ้าห่ม ตอนนี้นางยังไม่พร้อมพูดคุยหรือมองหน้าเขาได้เต็มตาสักนิด จะพูดว่าอะไรละ พูดว่า ข้าถูกวางยาทำให้สติเลือนราง ทำสิ่งใดโดยไม่รู้ตัว คนฉลาดแบบชินอ๋องคงเชื่ออยู่หรอก
หลี่ไต้ซวนเดินออกจากหลังฉากกั้น หรี่ตามองก้อนผ้าห่มบนเตียงกำลังขยับยุกยิก มือหนาที่ตั้งใจจับสายรัดเอวกลับปล่อยมันลง อวดแผงอกและหน้าท้องแน่น แววตานึกสนุกในขณะที่กระชากผ้าห่มจนร่างบางของใครบางคนปลิวเข้าสู่อ้อมอก
ความนุ่มของผิวกายยามฝ่ามือจับต้อง กลิ่นหอมเฉพาะตัวของคนในอ้อมแขนทำให้เขานึกถึงค่ำคืนแสนหวาน เจ้าสิ่งนุ่มหยุ่นซึ่งกลายมาเป็นของโปรด กำลังสัมผัสผิวเนื้อเย็นของเขาโดยไร้สิ่งกางกั้น
ก้มมองคนตัวเล็ก ใบหน้าเรียวงามชวนลุ่มหลง เส้นผมสีเงินดวงตาสีเทา ริมฝีปากอิ่มบวมเล็กน้อยแดงก่ำ มันเผยออ้าจากความตกใจ ช่างยั่วยวนให้เขาช่วงชิงความหวานในโพรงนุ่มอีกครั้ง
“อื้อ!”
หงอี้ตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกกระชากตัวลอย ยังไม่ทันตั้งตัวหรือพูดสิ่งใด ชินอ๋องก็ประกบปากลงมาแล้ว ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อเกรียวลิ้นร้อนละเลียดชิมเรียวปากอิ่มของนางอย่างอ้อยอิ่ง พอนางโอนอ่อนจึงสอดเข้ามาสำรวจโพรงนุ่ม ตวัดเกี่ยวลิ้นเล็กในเชิงหยอกล้อ ละเมียดละไมตามไรฟันจนนางอ่อนระทวย
ลมหายใจอุ่นร้อนของทั้งสองรินรด เสียงเฉอะแฉะของน้ำลายดังคลอเสียงครางผะแผ่วของหญิงสาว หงอี้หูอื้อตาลาย ถูกรสจูบนุ่มนวลล่อลวง เรียวแขนยกขึ้นคล้องคอหนา ลืมสิ้นว่าตัวเองกำลังเปลือยเปล่า บดเบียดกายนุ่มเข้าหาจนชินอ๋องครางในลำคอ นางปลุกความกระหายของเขาขึ้นมาอีกครั้ง
มือหยาบสากลูบแผ่นหลังเปลือยแสนนิ่มมือ วกกลับมาที่เอวคอด ลากปลายนิ้วไปตามส่วนเว้าโค้งแสนยั่วใจชาย จนกระทั่งกอบกุมทรวงอกเต็มมือ ดวงตาหรี่ปรือของหงอี้เบิกกว้าง สติที่กระจัดกระจายถูกรวบรวมได้อีกครั้ง
ร่างบางดิ้น ครางอึกอักในลำคอ ประท้วงให้คนไม่รู้จักอิ่มปล่อยนางจากพันธนาการ
หมัดน้อยทุบไหล่หนาจนเจ็บมือ แต่ชินอ๋องกลับรู้สึกคล้ายถูกอุ้งมือแมวน้อยสะกิดเท่านั้น ช่วงชิงลมหายใจจนนางสิ้นท่า จึงถอนริมฝีปากออกมาอย่างพอใจ หงอี้หอบหายใจจนหน้าอกสะท้าน ปลายยอดไตชมพูเรื่อน่าลงลิ้น ปัดป่ายกับยอดอกของเขาไปมาตามแรงกระเพื่อม
ชินอ๋องต้องเบือนสายตาออกจากสิ่งล่อลวง หันมาจับผมเผ้ายุ่งเหยิงทัดใบหูเล็ก ก่อนที่จะลืมตนจับนางกลืนกินจนกว่าจะอิ่ม หงอี้เลือกหลับตา หลีกหนีแววตาร้อนแรงของชินอ๋อง ความวาบหวานจากช่วงล่างแล่นลิ่วไปทั่วท้องน้อย ขับเอาเมือกใสออกมาจนชื้นแฉะ ทำเอาใบหน้าของนางร้อนแทบไหม้
ยอมรับว่ารู้สึกดีกับรสจูบนี้จนกระทั่งคล้อยตาม เกือบไปแล้ว นางเกือบถูกปีศาจราคะจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูก
หากวันนี้ยังไม่ออกจากห้อง ต่อไปนางคงมองหน้าสาวใช้และคนอื่น ๆ ในจวนไม่ติด
อีกสิ่งที่ลืมคือร่างกายนี้ไร้เสื้อผ้า! หงอี้แทบอยากมุดพื้นเรือนหนีอาย ถึงจะแนบชิดจนเห็นทุกซอกทุกมุมของกันแล้วก็เถอะ รีบยกแขนขึ้นบังเนินอกแม้ว่าจะไม่ทันการแล้วก็ตาม
“ขะ ข้าอยากสวมเสื้อผ้าเจ้าค่ะ”
เสียงเบาหวิวดังจากปากของหญิงสาว ชินอ๋องได้ยินชัดเจนแต่กลับแสร้งไม่ได้ยิน ก้มหน้าจนปลายจมูกคลอเคลียกลุ่มผมหอมบางเบา เอ่ยถามอย่างนึกสนุก “ข้าไม่ได้ยิน เจ้าต้องการสิ่งใด”
“ข้าหนาวอยากสวมเสื้อผ้าแล้ว ท่านหลับตาก่อนได้หรือไม่”
“จำเป็นด้วยหรือ”
หงอี้เงยหน้าขึ้นทำให้ปลายจมูกของชินอ๋องชนหน้าผาก นางผงะจนเกือบหงาย หากไม่ได้แขนของชินอ๋องรัดเอวไว้คงล้มไปกองบนพื้น อาการปวดระบบไปทั่วร่างกายดูเหมือนจะดีขึ้น จนนางไม่รู้สึกขัดส่วนนั้นอีกแล้ว
มันเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ว่าจะบาดเจ็บแค่ไหนนางก็ฟื้นตัวได้เอง ขอแค่พักผ่อนเพียงพอ ส่วนทำไมแม่แมวถึงตายเพียงถูกรถม้าชน อันนี้นางไม่ทราบแม้จะคิดหาคำตอบหรือความเป็นไปได้มากเพียงใดก็พบแค่ทางตัน
กลับมาที่ปัจจุบันก่อน ตาอ๋องตัวร้ายจากทำหน้าตายกลับส่งรอยยิ้มยียวนให้นาง แถมแววตาที่ราบเรียบเสมอ กลับไหวระริกราวสนุกหนักหนาเมื่อเห็นนางทำตัวไม่ถูก หงอี้ทำปากยื่น ในเมื่อเอ่ยขอแล้วเขาทำไม่เข้าใจนางก็ดิ้นเพื่อหลุดจากอ้อมแขนนี้
“ท่านอ๋อง ปล่อยข้านะเจ้าคะ”
“ซวน”
หงอี้หยุดดิ้น ขมวดคิ้วมองหน้าคนออกคำสั่งด้วยแววตาโง่งม ชินอ๋องมันเขี้ยวเจ้าตัวขี้เซา จึงก้มหน้างับปลายจมูกเชิดรั้นจนนางหดหน้าถอยหนี
“เรียกข้าว่าซวน” แม้จะอยากยืนกอดเจ้าตัวนุ่มอีกหน่อย สุดท้ายก็ตัดใจยอมปล่อยนาง หันไปหยิบชุดคลุม ยื่นส่งให้ทั้งหันหลัง แต่เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นนั้นออกคำสั่งชัดเจนจนหงอี้ย่นจมูกใส่คนตัวโต รีบคว้าชุดคลุมมาสวม พอรัดสายรัดเอวแล้วถึงลอบถอนหายใจโล่งอก
ชินอ๋องรออยู่นานก็ยังไม่ได้ยินคำเรียกที่ต้องการ จึงเอี้ยวตัวเลิกคิ้วส่งสายตากดดันให้หญิงสาว
หงอี้เม้มปากเป็นเส้นตรง หลบสายตาสีรัตติกาลนั้นอย่างประหม่า ภาพความทรงจำของเมื่อวานและเมื่อคืนลอยมา ร่างกายสั่นพร่าจากความเสียว เสียงครวญครางเรียกชื่อเขาอย่างออดอ้อน นางสะบัดหน้าไล่ภาพสุดสยิวทิ้ง ยกมือเกาแก้มอย่างทำตัวไม่ถูก สูดลมหายใจลึกเรียกความกล้าเรียกชินอ๋องเสียงเบาจนคิ้วเข้มขมวดมุ่น
“ซวน”
“ดัง ๆ”
เอาวะ เป็นแมวเขามาสามปี ใกล้ชิดผูกพันจนเห็นนิสัยที่คนอื่นไม่เห็น เมื่อตัดสินใจจึงช้อนนัยน์ตากลมแป๋วที่มักทำตอนอยู่ในร่างแมว ยื่นมือดึงชายชุดของเขา “ซวน~ ข้าหิวข้าวแล้วเจ้าค่ะ”
ชินอ๋องถูกบางอย่างเล่นงานโดยไม่ทันตั้งตัวถึงขั้นเซถอยหลัง ยกมือปิดปากมองหงอี้ด้วยดวงตาเบิกกว้าง คอแดงหูร้อน
เห็นท่าทางของเขาแปลกไป จากเว้นระยะก็ขยับเข้าใกล้อีกหน่อย ปากน้อย ๆ ขยับส่งเสียงอ่อนหวาน กะพริบตาขึ้นลงอย่างมีจริต
“วันนี้ยังไม่ได้ดื่มนมอุ่นเลยเจ้าค่ะ ซวนจะกินข้าวกับข้าไหม”
“....” หลี่ไต้ซวนสติหลุดลอยไปแล้ว
หงอี้ลอบยิ้มอยู่ในใจ เธอมันก็คนแน่คนหนึ่งนะ โลกเดิมอะไรต่อมิอะไรมันเจริญล้ำหน้าไปมาก แค่ไอ้ท่าทางอ่อนหวาน ส่งสายตาอ้อนแสดงออกว่าไร้เดียงสาหน่อย ถึงจะเฉยชากับรอบข้างมากแค่ไหน สุดท้ายก็แพ้พ่ายอยู่ดี
....บอกได้เลยว่า ตอนนี้ ไต้ชินอ๋องตัวร้ายกำลังโดนนางตกละ
***
บอกเลยว่า จะร่างคนร่างแมว อ๋องมันก็แพ้ลูกอ้อนน้องอยู่ดี~~~~
ตอนก่อนหน้าทำตัวด้านเปลือยก้นให้ลูกสาวดู ตอนนี้โดนเอาคืนไปแทบไม่เป็น
แม้เมื่อวานชินอ๋องจะกลับมาพร้อมสตรีและยังดื่มน้ำผึ้งยามค่ำคืน จนกระทั่งล่วงเข้าวันใหม่ แต่พ่อบ้านรวมถึงคนสนิทไม่ได้เอ่ยปากถาม พวกเขาเพียงลอบส่งสายตาเพื่อพูดคุยกันว่าสตรีนางนั้นหายไปที่ใดแล้ว ในเมื่อท่านอ๋องกำลังเดินอุ้มหงอี้ที่หายตัวไปออกมาจากห้องสาวใช้ผู้เข้าไปปรนนิบัติถูกพ่อบ้านสอบซัก ได้ความว่าไร้เงาของสตรีที่ท่านอ๋องอุ้มเข้าห้องน่าแปลกเกินไป รวมถึงน่าเหลือเชื่อ คนทั้งคนจะหายไปโดยไม่มีผู้ใดพบเห็นเลยหรือการหายตัวไปของหงอี้ไม่ใช่เรื่องน่าสงสัย แมวตัวนี้ชอบเที่ยวเล่น ซุกซนตลอดเวลา หายตัวไปก็กลับมาเองได้ พวกเขาทั้งหมดเคยชินเสียแล้ว เมื่อคืนถึงถึงก็เพียงนึกห่วงเท่านั้น เช้านี้พบอยู่กับท่านอ๋อง เป็นอันว่าหายห่วงหงอี้กลับมาอยู่ในร่างแมวเพียงแค่คิดเท่านั้น นางยังนึกแปลกใจ ก่อนหน้านั้นเคยลองแล้วผลปรากฏว่าว่างเปล่า นางยังคงเป็นแมวสีขาวขนปุย แล้วเหตุใดจึงเกิดขึ้นมันได้รับการกระตุ้น?แล้วอะไรคือตัวกระตุ้น หงอี้ปวดหัวไปหมด ยิ่งคิดยิ่งใช้สมองมาก ความหิวยิ่งถาโถม เสียงท้องเจ้ากรรมดังเข้าหูชินอ๋อง จนเขาก้มมองเจ้าก้อนขนในอ้อมอกอย่างนึกสงสาร รีบหันไปสั่งสาวใช้จัดโต๊ะอาหาร จับนางเข้าประจำที่นมอ
เมื่อมาถึงห้องทรงพระอักษร หงอี้ที่ยังไม่อยากเสวนากับชินอ๋องรีบดิ้นออกจากอ้อมแขนของเขา เดินนวยนาดไปหาบุรุษผู้ทรงอำนาจที่สุดในแคว้น แต่กลับแย้มสรวลเมื่อเห็นก้อนสีขาวเดินส่ายพวงหางเข้ามาคลอเคลียชายฉลองพระองค์หลี่ไต้ซานแย้มโอษฐ์ โน้มพระวรกายลงช้อนอุ้มหงอี้แล้วตรัสอย่างรู้ทันว่า “หงุดหงิดเจ้าหน้าตายอยู่ละสิ จึงเดินมาคลอเคลียข้าเช่นนี้”หากในเวลาปกติ การเดินมาออดอ้อนเช่นนี้มีแทบนับครั้งได้ ไม่หงุดหงิดน้องชายของเขาก็อยากได้บางอย่าง ครานี้พระองค์ทรงคาดเคาว่าเหตุผลข้อแรก แม้ชินอ๋องจะไม่แสดงออกทางสีหน้าแต่แววตาละห้อยที่มองตามหลังเจ้าตัวกลมก็ชัดเจนดีหงอี้วางคางบนไหล่หนาของฮ่องเต้ เมินเฉยคำถามเท่าทันนั้น ในคราแรกนางตื่นตัวอยู่บ้างเมื่อได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ บุคคลผู้ทรงอำนาจเหนือผู้ใดในแคว้นนี้ บารมีของเขาเรืองรองจนนางแสดงความนอบน้อมออกมาโดยธรรมชาติ จึงออกอาการเกร็งเมื่อถูกโอบอุ้มเมื่อนานวันเข้าความสนิทสนมเริ่มมากขึ้นความรู้สึกหวั่นเกรงหายไป กล้าอ้อนกล้าซุกมากขึ้น ยิ่งหลี่ไต้ซานปล่อยให้นางทำตามใจ โดยไร้ซึ่งโทสะแถมยังมีความสุขทุกคราเมื่อนางมาอยู่ใกล้ หงอี้จึงยิ่งได้ใจการถูกเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีจาก
คนเราเมื่อตายแล้วไปไหน เป็นคนถามยอดฮิตที่คนเป็นยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเมื่อ ตาย แล้ว วิญญาณจะไปที่ไหนต่อส่วน กมลเนตร สาวไทยวัย 28 ปี พบว่าเมื่อตัวเธอตายวิญญาณไม่ได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก แต่กลับมาอยู่ในร่างของแมวจรผู้อดอยาก ผิดยุคผิดสมัยฟังไม่ผิด เธอตื่นขึ้นมาในร่างแมวจรจัด หลังเรือล่มในทะเลจากการเที่ยวในวันหยุดยาว ยอมรับว่าความรู้สึกของการเดินสี่ขา ความรู้สึกของการเป็นสัตว์ที่ไร้เจ้าของ ไม่ทำให้เธอรู้สึกแย่มากกว่าการพบว่ายุคที่อยู่ไม่ใช่ยุคปัจจุบันในเมื่อตอนเป็นคนเธอก็กำพร้าพ่อแม่ เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้า พอเรียนจบมัธยมปลายก็ออกมาอยู่หอพัก ทำงานหนักจนสายตัวแทบขาดหาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบ ทุกคืนเมื่อกลับถึงห้องพักความโดดเดี่ยวกัดกินหัวใจจนรู้สึกชาชิน แม้จะมีคุณแม่ในบ้านเด็กกำพร้าและเพื่อนจากในนั้นคอยถามข่าวคราวแต่ทุกคนต่างก็ต้องดิ้นรนในแบบของตัวเอง นอกจากถามไถ่ทุกข์สุข ก็ไม่สามารถช่วยเหลือ หยิบยื่นโอกาสอะไรให้ในช่วงแรกนอกจากตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ในร่างแมวน้อยไร้เรี่ยวแรง กมลเนตรก็หม่นหมองอยู่สักพักแล้วทำใจได้อย่างรวดเร็วตามประสาคนที่ปรับตัวตามสถานการณ์ได้ทุกเวลา ถึงจะมีช
นับเป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้วในร่างแมวและโลกใบใหม่ หลังจากค่ำคืนในวัดร้างชีวิตแมวจรของกมลเนตรพลิกผันกลายเป็นแมวของท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ ร่ำรวยเงินทอง มากอำนาจบารมี แถมยังถูกตั้งชื่อว่า หงอี้ภายในจวนหลังใหญ่ อาณาเขตกว้างขวางเหมาะแก่การวิ่งเล่น น่าเสียดายที่เจ้าของจวนเกลียดดอกไม้เข้าเส้นสวนภายในนี้จึงมีแค่ต้นไม้ หญ้าและไม้พุ่มสีเขียวซึ่งถูกตัดแต่งอย่างดีเท่านั้น เมื่อหาความสวยงามจากด้านหน้าไม่พบ หงอี้ จึงมักไปขลุกตัวอยู่บริเวณท้ายจวนกับสาวใช้ทั้งหลาย สถานที่ตรงนี้เป็นเหมือนจุดพักผ่อนสำหรับสาวใช้ เมื่อเสร็จจากงานในหน้าที่รับผิดชอบ พวกนางมักจะปลูกผัก ปลูกดอกไม้หงอี้ชอบกลิ่นหอมของดอกไม้มาก จึงมักมานอนกลิ้งตัว บางขณะก็มักจะสูดดมไปตามกลีบดอกด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม หญ้านุ่ม ๆ นั้นดีอยู่หรอกแต่จะสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกถ้าได้ดอกไม้หลากสีสันประดับตกแต่งด้วยพูดถึงความเปลี่ยนแปลงเห็นจะมากทีเดียว เมื่อสถานะเปลี่ยนจากแมวจรเป็นแมวเลี้ยง ร่างกายผอมโซราวกับไร้เรี่ยวแรงเปลี่ยนเป็นอวบอ้วน เต็มไม้เต็มมือ ขนสีขาวที่เคยเปื้อนกระดำกระด่าง ยังมีขนหลุดเป็นกระจุกจนมองเห็นหนัง สาเหตุเกิดจากไปตบตีกับเจ้าถิ่นจนบาดเจ็บไปต
“อีอี~”ใบหน้ากลมป้อมหันมองทางต้นเสียงจึงเห็นบุรุษร่างสูงใหญ่ กำลังฉีกยิ้มราวคนโง่งมวิ่งอ้าแขนตรงมาหานาง หงอี้มองเขาด้วยแววตาเบื่อหน่าย รอจนเขาวิ่งมาใกล้ตัวจึงกระโดดหลบวิธีวงแขนนั้นอย่างง่ายดาย เมินสีหน้าผิดหวังของคนชอบฉวยโอกาส ยืนส่ายพวงหางดมกลีบดอกกุหลาบสีชมพู ดูยโสไม่น้อย“เหมี๊ยววว ม่าวว” อย่าคิดว่าเป็นสหายของชินอ๋องแล้วจะมากอดข้าตอนไหนก็ได้นะเจ้าคะ เป็นบุรุษมิควรใกล้ชิดสตรี“เจ้าใจร้าย ข้าอุตส่าห์ได้ของเล่นมาใหม่ สั่งทำพิเศษเพื่อเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ”หงอี้ยังคงเมินบุรุษร่างใหญ่แต่ขี้ใจน้อย ดวงตากลมมองตามผีเสื้อแสนสวยบินผ่านหน้าไป พอมันเกาะบนกลีบดอกไม้นางจึงยกเท้าหน้าหวังเขี่ยอย่างนึกสนุกแมวขนยาวสีขาวท่ามกลางดอกไม้หลากสีเป็นภาพที่ทำคนมองใจละลาย สลัดความน้อยใจหลังถูกแมวเมินทิ้ง นั่งมองความน่ารักนั้นอย่างมีความสุขเมื่อสามปีก่อนชีวิตของท่านกุนซือหนุ่มแม้จะสุนกสนานตามประสาแต่ก็เงียบเหงาไร้จุดหมาย จนกระทั่งการปรากฏตัวของเจ้าก้อนขนสีขาวในอ้อมแขนของไต้ชินอ๋อง โดยไม่รู้ตัว กงเจิ้งก็ถูกดวงตาสีเทากลมแป๋วคู่นั้นหว่านเสน่ห์ให้ตกหลุมความน่ารักจนถอนตัวไม่ขึ้นดูเนื้อตัวกลม ๆ และขนปุกปุยนั่นสิ คว
กงเจิ้งอยากพูดบางอย่างแต่สีหน้าของชินอ๋องสั่งเขาให้หุบปาก เมื่อรถม้าจอดหน้าจวนจึงลงจากรถม้าแต่โดยดี ภายในรถม้าเหลือเพียงหนึ่งคนหนึ่งแมว หงอี้ยังไม่รู้ตัวว่าการที่นางสยบเสือร้ายจนหงอเป็นเรื่องแปลกประหลาด จึงนั่งเลียขนเงียบ ๆ บนตักแกร่งไต้ชินอ๋องหลุบตามองสัตว์เลี้ยงที่ไม่เคยตั้งใจเก็บมาเลี้ยงอย่างใช้ความคิด แคว้นหลี่ก่อตั้งมายาวนานนับพันปี เปลี่ยนราชวงศ์มานับสิบราชวงศ์ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนหรือสูญหาย นั่นก็คือตำนานเก่าแก่ในสมุดบันทึก ซึ่งตกทอดและถูกเก็บรักษาอย่างดีในห้องลับ มีเพียงคนในราชวงศ์ไม่กี่คนสามารถเข้าถึงมันได้เขาไม่เคยอยากสนใจศึกษาอย่างถ่องแท้จนกระทั่งวันนี้ หงอี้เป็นแค่แมวแต่กลับทำให้เสือดำยอมสงบลงได้เพียงแค่ขู่ หงอี้ฉลาดกว่าแมวทั่วไปเขายอมรับ มันถึงขนาดเข้าใจท่าทีหรือภาษาคนได้ มีหลายครั้งหรือเหตุการณ์บางอย่างที่เขามิได้คิดไปเองเห็นทีต้องกลับไปลื้อค้นตำนานพวกนั้นมาอ่านสักครั้ง บางทีอาจมีคำตอบในข้อสงสัยของวันนี้ ส่วนเสือดำแต่มีลายพาดกลอนตัวนั้น...หลี่ไต้ซวนก้มมองหงอี้ผู้นอนหมอบนิ่งบนตัก ตัดสินใจทดสอบบางอย่างอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “หงอี้”เจ้าของชื่อผงกหัวมองคนเรียก
หงอี้มองตามแผ่นหลังกว้างของชินอ๋องจนลับสายตา พอถูกนำมาวางบนเบาะนอนซึ่งกงกงคนสนิทของฮ่องเต้จัดวางบนโต๊ะทรงงาน พร้อมถ้วยใส่นมอุ่น ๆ ความสนใจของนางจึงกลับมาจดจ่อกับของกินแทนโอรสสวรรค์ยิ้มปลาบปลื้ม รู้สึกมีแรงทำงานเพิ่มขึ้นหลังได้กลิ่นประจำตัวของจอมขี้เซา รอให้พระองค์จัดการงานบนโต๊ะแล้วเสร็จ ค่อยพาหงอี้ไปเสวยสำรับเช้าที่ตำหนักของฮองเฮาด้วยผลตรวจร่างกายรอบล่าสุด ทำให้พระองค์มีความหวังที่จะผลิตองค์หญิงตัวน้อยหน้าตาเหมือนฮองเฮาออกมาวิ่งเล่นไปทั่วพระราชวัง ส่งเสียงเรียกพระองค์ว่าเสด็จพ่อเจ้าคะ เสด็จพ่อเจ้าขาองค์หญิงน้อยเนื้อตัวนุ่มนิ่มหอมน้ำนม สวมชุดปักลวดลายสวยงาม ทำผมเป็นก้อนซาลาเปา ฉีกยิ้มหวานจนแก้มขึ้นก้อนกลมส่งมาให้...เพียงแค่คิดก็มีความสุขแล้ว“สำหรับเรื่องที่ข้าปรารถนาในตอนนี้ เจ้าคือความหวังเดียว หงอี้”เจ้าก้อนขนแสนนุ่มนิ่มเลียปากหลังดื่มนมอุ่นจนหมดถ้วย มองบุรุษผู้อยู่เหนือคนทั้งใต้หล้าด้วยดวงตากลมแป๋ว แสนใสซื่อ ไม่อาจเข้าใจว่านางเป็นความหวังในเรื่องใดหากนั่นทำให้คนมีความหวัง แม้จะเล็กน้อย ถือว่านางมีความสำคัญ หรือเปล่านะหงอี้โคลงศีรษะ ท้องอิ่มเล็กน้อยทำให้นางขี้เกียจก็ไม่อยากนอ
เมื่อเห็นสีหน้าของชินอ๋องกลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง อ้ายเมิ่งเหยาจึงลอบถอนหายใจโดยระวังไม่ให้บุรุษตัวโตจับได้นางเหลือบมองคนสนิทที่ยืนตัวแข็งทื่อจากการถูกแรงกดดันรอบตัวของชินอ๋องไปนาน แล้วออกเดินนำ จึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มชอบใจตรงมุมปากหยักของคนตัวโตด้านหลังทิ้งความรู้สึกหงุดหงิดบางอย่าง ก้าวตามแผ่นหลังของสตรีที่เขาเกิดสนใจขึ้นมากะทันหัน ลึกลงไปในแววตากร้าวกระด้าง เกิดแววไม่ยินยอมต่อบางสิ่ง ทว่ากลับไร้หนทางต่อต้าน ทำได้เพียงโอนเอนตามแรงฉุดดึงที่มองไม่เห็นเพื่อหาคำตอบเย็นวันนั้น พอออกจากพระราชวัง ซึ่งกว่าจะหลุด ต้องนั่งมองการยื้อยุดของสองพี่น้องอยู่นานสองนาน ด้วยฮ่องเต้คิดหาข้ออ้างดึงตัวนางไว้ข้างกายอีกหนึ่งคืน ชินอ๋องไม่ยอมอ่อนข้ออาศัยช่วงทีเผลอคว้าตัวนางแล้วเดินตัวปลิวออกจากห้องทรงพระอักษรพอกินข้าวเย็นอิ่ม หงอี้ได้รับการไหว้วานจากชินอ๋องให้ติดตามไปยังโรงประมูลซวี่หัวอีกครั้ง เบื้องหน้าของนางยังคงเป็นกรงขังขนาดใหญ่ ภายในนั้นเป็นเสือดำลายพาดกลอนตัวใหญ่ผู้หงุดหงิดง่าย นอนหมดแรงหลังถูกวางยาสลายกำลังซึ่งเป็นตัวยาหายาก แทบสูญหายจากแผ่นดิน ต้องใช้ทั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์ออกค้นหา เมื่อได้มาแล้วย
เมื่อมาถึงห้องทรงพระอักษร หงอี้ที่ยังไม่อยากเสวนากับชินอ๋องรีบดิ้นออกจากอ้อมแขนของเขา เดินนวยนาดไปหาบุรุษผู้ทรงอำนาจที่สุดในแคว้น แต่กลับแย้มสรวลเมื่อเห็นก้อนสีขาวเดินส่ายพวงหางเข้ามาคลอเคลียชายฉลองพระองค์หลี่ไต้ซานแย้มโอษฐ์ โน้มพระวรกายลงช้อนอุ้มหงอี้แล้วตรัสอย่างรู้ทันว่า “หงุดหงิดเจ้าหน้าตายอยู่ละสิ จึงเดินมาคลอเคลียข้าเช่นนี้”หากในเวลาปกติ การเดินมาออดอ้อนเช่นนี้มีแทบนับครั้งได้ ไม่หงุดหงิดน้องชายของเขาก็อยากได้บางอย่าง ครานี้พระองค์ทรงคาดเคาว่าเหตุผลข้อแรก แม้ชินอ๋องจะไม่แสดงออกทางสีหน้าแต่แววตาละห้อยที่มองตามหลังเจ้าตัวกลมก็ชัดเจนดีหงอี้วางคางบนไหล่หนาของฮ่องเต้ เมินเฉยคำถามเท่าทันนั้น ในคราแรกนางตื่นตัวอยู่บ้างเมื่อได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ บุคคลผู้ทรงอำนาจเหนือผู้ใดในแคว้นนี้ บารมีของเขาเรืองรองจนนางแสดงความนอบน้อมออกมาโดยธรรมชาติ จึงออกอาการเกร็งเมื่อถูกโอบอุ้มเมื่อนานวันเข้าความสนิทสนมเริ่มมากขึ้นความรู้สึกหวั่นเกรงหายไป กล้าอ้อนกล้าซุกมากขึ้น ยิ่งหลี่ไต้ซานปล่อยให้นางทำตามใจ โดยไร้ซึ่งโทสะแถมยังมีความสุขทุกคราเมื่อนางมาอยู่ใกล้ หงอี้จึงยิ่งได้ใจการถูกเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีจาก
แม้เมื่อวานชินอ๋องจะกลับมาพร้อมสตรีและยังดื่มน้ำผึ้งยามค่ำคืน จนกระทั่งล่วงเข้าวันใหม่ แต่พ่อบ้านรวมถึงคนสนิทไม่ได้เอ่ยปากถาม พวกเขาเพียงลอบส่งสายตาเพื่อพูดคุยกันว่าสตรีนางนั้นหายไปที่ใดแล้ว ในเมื่อท่านอ๋องกำลังเดินอุ้มหงอี้ที่หายตัวไปออกมาจากห้องสาวใช้ผู้เข้าไปปรนนิบัติถูกพ่อบ้านสอบซัก ได้ความว่าไร้เงาของสตรีที่ท่านอ๋องอุ้มเข้าห้องน่าแปลกเกินไป รวมถึงน่าเหลือเชื่อ คนทั้งคนจะหายไปโดยไม่มีผู้ใดพบเห็นเลยหรือการหายตัวไปของหงอี้ไม่ใช่เรื่องน่าสงสัย แมวตัวนี้ชอบเที่ยวเล่น ซุกซนตลอดเวลา หายตัวไปก็กลับมาเองได้ พวกเขาทั้งหมดเคยชินเสียแล้ว เมื่อคืนถึงถึงก็เพียงนึกห่วงเท่านั้น เช้านี้พบอยู่กับท่านอ๋อง เป็นอันว่าหายห่วงหงอี้กลับมาอยู่ในร่างแมวเพียงแค่คิดเท่านั้น นางยังนึกแปลกใจ ก่อนหน้านั้นเคยลองแล้วผลปรากฏว่าว่างเปล่า นางยังคงเป็นแมวสีขาวขนปุย แล้วเหตุใดจึงเกิดขึ้นมันได้รับการกระตุ้น?แล้วอะไรคือตัวกระตุ้น หงอี้ปวดหัวไปหมด ยิ่งคิดยิ่งใช้สมองมาก ความหิวยิ่งถาโถม เสียงท้องเจ้ากรรมดังเข้าหูชินอ๋อง จนเขาก้มมองเจ้าก้อนขนในอ้อมอกอย่างนึกสงสาร รีบหันไปสั่งสาวใช้จัดโต๊ะอาหาร จับนางเข้าประจำที่นมอ
“อึก อ๊ะ อ๊า”ถูกเคี่ยวกรำมาหลายชั่วยาม เสียงครางแสนหวานจึงเปลี่ยนเป็นแหบแห้ง หงอี้ถูกจับนอนตะแคงโดยมีร่างใหญ่ซ้อนประชิดด้านหลัง เรียวขาพาดบนแขนแกร่ง แอ่นอ้ารับการป้อนความเสียวจากท่อนกายใหญ่ที่ยังคงสอดเข้าออกอย่างพลิ้วไหวน้ำหวานเจิ่งนองจนรู้สึกแฉะตรงหว่างขา เม็ดเสียวเต่งบวมสั่นริกจากการขยี้ของท้องนิ้วสาก ยิ่งเขาดันเนินชายเข้าลึกนางยิ่งกระสันจนตัวกระตุก แอ่นบั้นท้ายเข้าหาราวนางโลมแสนร่าน กระหายรสสวาทไม่รู้อิ่ม“ขะ ข้า อ๊ะ ซวนจ๋า~ ช้าหน่อย อื้อ อ๊า”ทรมานเหลือเกิน...รัญจวนเหลือแสนกับราคะที่เขาปรนเปรอให้ไม่หยุดพัก“บอกให้ช้าลงแต่เจ้ากลับแอ่นรับไม่น้อยหน้า”“ฮึก อ๊า”“น้ำหวานของเจ้า ไหลอาบข้าจนเปียกแฉะ แมวน้อยแสนร่าน” เนินชายของเขาที่มีขนหยาบแห้งและเปียกวนกันเช่นนี้มาหลายชั่วยาม ถึงจะฉีดน้ำคาวออกไป อีกสักพักลำกายใหญ่ก็กลับมาขยายพองคับโพรงอุ่นให้เขาสร้างความหฤหรรษ์กับนางอีกครั้งวาจาแสนลามกขับความร้อนจนใบหน้าร้อนผ่าว เขินอายเหลือเกินกับความจริงที่เขากล่าวออกมา แต่กลีบบุปผากลับขมิบรัว ราวกับว่ากำลังประจานความคิดแท้จริงของนางให้เขารับรู้ว่าชอบมากแค่ไหนหลี่ไต้ซวนคำรามเมื่อนางทั้งดูดดึงและเ
หงอี้ร้อนวูบวาบตรงจุดประสานเชื่อม ความกระสั่นซ่านไต่ระดับ รู้สึกถึงเขามากกว่าทุกสิ่ง รอบกายราวถูกหยุดเวลาเอาไว้มีเพียงนางและเขาที่หลงระเริงในห้วงราคะ เอวคอดยกตามติดทุกการถอดถอน คล้ายกับว่าไม่ต้องการให้เขาหนีห่าง ร้อนผ่าวจนใบหน้าแทบไหม้เมื่อสบตาหยอกล้อของเขามันเร็วขึ้น เร็วขึ้นจนร่างเคลื่อนคลอนทรวงอิ่มไหวยวบยาบตามจังหวะขึ้นลง จนต้องประคองไว้ในอุ้งมือ นวดเคล้นเนื้อล้นผ่านง่ามนิ้ว แทรกท่อนกายผ่านความอ่อนนุ่ม ให้เนื้อของเขาและนางเสียดสีกันครั้งแล้วครั้งเล่าความคับแน่น เจ็บตึงในร่องแคบเลือนหายไป เหลือเพียงความซ่านกระสันยามความใหญ่โตแทรกผ่าน ขาเรียวอ้ากว้างยิ่งกว่าเดิมนั่นทำให้เขาเข้าถึงทุกอณูการรับรู้ จ้วงทะยานตามความอยากจนกลีบอ่อนยู่เข้ายู่ออก จนหงอี้หนีออกจากความเสียวซ่านไม่พ้นมันมากขึ้น...เสียวขึ้น...ไต่ระดับความเสียวจนแทบขาดใจน้ำเมือกลื่นของนางหลั่งริน ทำให้เขาเร่งเร้าจ้วงแทงราวไม่รู้จักเต็มอิ่ม หลี่ไต้ซวนจุมพิตหน้าผากมลชื้นเหงื่อ ตามด้วยดวงตาทั้งสองข้าง พวงแก้มนุ่ม ปลายจมูกเล็กโด่งรั้นก่อนจะหยัดนั่งตรงมองส่วนประสาน เอวหนาลดความเร็วลง กระทั้นแกนกายเคลือบน้ำหวานสีใสและเลือดสีแด
ไต้ชินอ๋องแทบทะยานมาที่เรือนนอน ตอนเปิดประตูใช้เท้า ตอนปิดก็ยังใช้เท้ากระแทกปิดเสียงดังปัง ร่างบางในห่อผ้าอยู่ไม่สุข มือน้อยเลื้อยออกมาสอดเข้าสาบชุดลูบไล้ผิวเนื้อของเขา สัมผัสราวถูกขนนกปัดผ่าน สร้างความวาบหวามจนต้องข่มเสียงครางแสนพอใจแม้ความคิดจะอยากจับนางทุ่มลงบนเตียง ตามด้วยคร่อมทับทรมานให้สาสมกับความต้องการในอก แต่เขาสนใจอย่างอื่นมากกว่า จึงต้องสะกดความร้อนรุ่มวางหญิงสาวผู้อ้างตัวว่าคือหงอี้ แมวขี้เซาที่เขาเลี้ยงไว้ข้างกายตลอดสามปีเมื่อเป็นอิสระ หงอี้ใช้มือปัดผ้าคลุมออกอย่างนึกรำคาญ นางร้อนแทบตายแล้วแต่ชินอ๋องยังใช้มันห่อตัว ไยต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยนางก็แค่แมวตัวหนึ่งอุ้มไว้ในอกอย่างเปิดเผย มีสิ่งใดน่าอายกันนัยน์ตาสีเทากลม แวววาวจากแรงปรารถนา มองใบหน้าแดงก่ำของพ่อตัวร้ายหยาดเยิ้ม ยังคงไม่เข้าใจอยู่เหมือนเดิมนางแค่แอบดื่มสุราเองมิใช่หรือ ความร้อนในร่างกายโดยเฉพาะส่วนนั้นมาจากไหนหงอี้สับสนแต่ร่างกายไม่รักดีกลับเอนกายลงบนเตียงเย็นชืด บิดเร่าอย่างชอบใจ ชินอ๋องหายใจหอบกับภาพยั่วราคะของสตรีบนเตียง ผ้าปูสีดำตัดกับผิวกายนวลลออ เส้นผมสีเทาออกเงินกระจายไปทั่วหมอนใบใหญ่“อื้อ...เย็นจัง”บ
บรรยากาศแสนหนักอึ้งบนโต๊ะของชินอ๋องหมดไป หงอี้จึงมีความคิดอยากลองชิมสุรา ว่าก็ว่าเถอะ นางเมื่อครั้งยังเป็นกมลเนตรชื่นชอบการเติมแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดมาก ยี่ห้อไหนคนว่าดี ผสมแบบไหนคนว่าเด็ด เป็นต้องขอลองเสมอพออยู่ในร่างแมวความชอบจึงถูกงดเว้นไป หงอี้อาศัยจังหวะที่สองหนุ่มเผลอยื่นอุ้งเท้าหน้าจุ่มลงในจอกสุรา ยกขึ้นใช้ลิ้นแตะ ๆ เพื่อทดลองรสชาติ ลิ้นน้อย ๆ สีแดงเลียอุ้งเท้าหน้าชวนให้คนมองรู้สึกจั๊กจี้อู้ววว รสชาติใช้ได้เลย ฤทธิ์ไม่แรงเท่าไหร่ ถือว่าพอแก้ขัดอาการเปรี้ยวปากได้หลังจากนั้นความสนใจทั้งหมดของนางจึงอยู่ที่จอกสุราตรงหน้า ลิ้มรสชาติแสนคิดถึงอย่างสุขใจ ดวงตากลมหลับพริ้มอย่างมีความสุข ความเร็วของการจุ่มอุ้งเท้าก็เพิ่มขึ้น เผลออีกทีสุราเต็มจอกก็เหลือเพียงครึ่งหนึ่งตายละ ซวนจะรู้ไหมทำไงดี ๆความกังวลส่งผลให้นางไม่ได้นอนเฉยอีกต่อไป ลุกขึ้นกลอกตามองไปมาอย่างใช้ความคิด ก่อนจะ..“หงอี้ ซุกซนอีกแล้วหรือ” ไต้ชินอ๋องบ่นไม่จริงจังนักออกมา เมื่อพบว่าจอกสุราของตนเองหกคว่ำ เมื่อมองดูตัวการกำลังส่งเสียงอย่างรู้สึกผิด จึงเรียกสาวใช้แถวนั้นมาเก็บกวาด สาวใช้รีบเช็ดสุราและเปลี่ยนจอกใหม่พร้อมเติมสุรา
สามวันต่อมา จวนตระกูลเจียงจัดงานครบรอบวันเกิดให้แก่ราชเลขาเจียง ผู้เป็นแรงสำคัญนำพาให้ตระกูลเจียงกลับมาผงาด จนยืนอย่างมั่นคงท่ามกลางตระกูลขุนนางชั้นสูงในเมืองหลวงได้อีกครั้งหลังจากตระกูลเจียงตกต่ำมานับสิบแปดปี ด้วยการตัดสินใจทำการค้ากับขุนนางนิสัยชั่วร้าย หลอกลวงได้แม้กระทั่งราชสำนัก แม้จะพิสูจน์หลักฐานพบเพียงตระกูลเจียงไม่รู้เห็น แต่ความร่ำรวยของพวกเขาปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากเงินของราษฎรบทลงโทษของพวกเขาตระกูลเจียง คือ ยึดทรัพย์สินเข้าคลังหลวง เพื่อชดเชยความเสียหายจากการค้า จากตระกูลคหบดีผู้ร่ำรวย ดิ่งสู่จุดต่ำสุด เคยอาศัยในจวนหลังใหญ่ สาวใช้บ่าวไพร่นับร้อยชีวิตคอยทำงาน ชีวิตสุขสบายหายไปพวกเขาต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดย้ายออกจากจวนเดิม สาวใช้บ่าวไพร่ต่างถูกขายเพื่อลดรายจ่าย บุตรหลานตระกูลเจียงราวตกสวรรค์ พวกเขาไม่มีทางฟื้นคืนได้อีกแล้ว แม้แต่สหายที่เคยคบหายังหนีหน้า เลิกคบหาพวกเขาสอนให้เห็นถึงจิตใจแท้จริงของคนเมื่อหกปีก่อนเจียงจื้อหมิงสอบได้จอหงวน เขาเริ่มทำงานเป็นขุนนางขั้นเล็ก ๆ ไต่เต้าด้วยความสามารถจนกระทั่งวันนี้ กลายเป็นราชเลขาคนสำคัญที่ฝ่าบาทไว้วางพระทัยและว่าที่ผู้นำตระกูลเจียงคนต่
เมื่อเห็นสีหน้าของชินอ๋องกลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง อ้ายเมิ่งเหยาจึงลอบถอนหายใจโดยระวังไม่ให้บุรุษตัวโตจับได้นางเหลือบมองคนสนิทที่ยืนตัวแข็งทื่อจากการถูกแรงกดดันรอบตัวของชินอ๋องไปนาน แล้วออกเดินนำ จึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มชอบใจตรงมุมปากหยักของคนตัวโตด้านหลังทิ้งความรู้สึกหงุดหงิดบางอย่าง ก้าวตามแผ่นหลังของสตรีที่เขาเกิดสนใจขึ้นมากะทันหัน ลึกลงไปในแววตากร้าวกระด้าง เกิดแววไม่ยินยอมต่อบางสิ่ง ทว่ากลับไร้หนทางต่อต้าน ทำได้เพียงโอนเอนตามแรงฉุดดึงที่มองไม่เห็นเพื่อหาคำตอบเย็นวันนั้น พอออกจากพระราชวัง ซึ่งกว่าจะหลุด ต้องนั่งมองการยื้อยุดของสองพี่น้องอยู่นานสองนาน ด้วยฮ่องเต้คิดหาข้ออ้างดึงตัวนางไว้ข้างกายอีกหนึ่งคืน ชินอ๋องไม่ยอมอ่อนข้ออาศัยช่วงทีเผลอคว้าตัวนางแล้วเดินตัวปลิวออกจากห้องทรงพระอักษรพอกินข้าวเย็นอิ่ม หงอี้ได้รับการไหว้วานจากชินอ๋องให้ติดตามไปยังโรงประมูลซวี่หัวอีกครั้ง เบื้องหน้าของนางยังคงเป็นกรงขังขนาดใหญ่ ภายในนั้นเป็นเสือดำลายพาดกลอนตัวใหญ่ผู้หงุดหงิดง่าย นอนหมดแรงหลังถูกวางยาสลายกำลังซึ่งเป็นตัวยาหายาก แทบสูญหายจากแผ่นดิน ต้องใช้ทั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์ออกค้นหา เมื่อได้มาแล้วย
หงอี้มองตามแผ่นหลังกว้างของชินอ๋องจนลับสายตา พอถูกนำมาวางบนเบาะนอนซึ่งกงกงคนสนิทของฮ่องเต้จัดวางบนโต๊ะทรงงาน พร้อมถ้วยใส่นมอุ่น ๆ ความสนใจของนางจึงกลับมาจดจ่อกับของกินแทนโอรสสวรรค์ยิ้มปลาบปลื้ม รู้สึกมีแรงทำงานเพิ่มขึ้นหลังได้กลิ่นประจำตัวของจอมขี้เซา รอให้พระองค์จัดการงานบนโต๊ะแล้วเสร็จ ค่อยพาหงอี้ไปเสวยสำรับเช้าที่ตำหนักของฮองเฮาด้วยผลตรวจร่างกายรอบล่าสุด ทำให้พระองค์มีความหวังที่จะผลิตองค์หญิงตัวน้อยหน้าตาเหมือนฮองเฮาออกมาวิ่งเล่นไปทั่วพระราชวัง ส่งเสียงเรียกพระองค์ว่าเสด็จพ่อเจ้าคะ เสด็จพ่อเจ้าขาองค์หญิงน้อยเนื้อตัวนุ่มนิ่มหอมน้ำนม สวมชุดปักลวดลายสวยงาม ทำผมเป็นก้อนซาลาเปา ฉีกยิ้มหวานจนแก้มขึ้นก้อนกลมส่งมาให้...เพียงแค่คิดก็มีความสุขแล้ว“สำหรับเรื่องที่ข้าปรารถนาในตอนนี้ เจ้าคือความหวังเดียว หงอี้”เจ้าก้อนขนแสนนุ่มนิ่มเลียปากหลังดื่มนมอุ่นจนหมดถ้วย มองบุรุษผู้อยู่เหนือคนทั้งใต้หล้าด้วยดวงตากลมแป๋ว แสนใสซื่อ ไม่อาจเข้าใจว่านางเป็นความหวังในเรื่องใดหากนั่นทำให้คนมีความหวัง แม้จะเล็กน้อย ถือว่านางมีความสำคัญ หรือเปล่านะหงอี้โคลงศีรษะ ท้องอิ่มเล็กน้อยทำให้นางขี้เกียจก็ไม่อยากนอ