Share

ทาสแมวเต็มขั้น

Author: suniki
last update Last Updated: 2025-01-15 18:28:57

“อีอี~”

ใบหน้ากลมป้อมหันมองทางต้นเสียงจึงเห็นบุรุษร่างสูงใหญ่ กำลังฉีกยิ้มราวคนโง่งมวิ่งอ้าแขนตรงมาหานาง หงอี้มองเขาด้วยแววตาเบื่อหน่าย รอจนเขาวิ่งมาใกล้ตัวจึงกระโดดหลบวิธีวงแขนนั้นอย่างง่ายดาย เมินสีหน้าผิดหวังของคนชอบฉวยโอกาส ยืนส่ายพวงหางดมกลีบดอกกุหลาบสีชมพู ดูยโสไม่น้อย

“เหมี๊ยววว ม่าวว” อย่าคิดว่าเป็นสหายของชินอ๋องแล้วจะมากอดข้าตอนไหนก็ได้นะเจ้าคะ เป็นบุรุษมิควรใกล้ชิดสตรี

“เจ้าใจร้าย ข้าอุตส่าห์ได้ของเล่นมาใหม่ สั่งทำพิเศษเพื่อเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ”

หงอี้ยังคงเมินบุรุษร่างใหญ่แต่ขี้ใจน้อย ดวงตากลมมองตามผีเสื้อแสนสวยบินผ่านหน้าไป พอมันเกาะบนกลีบดอกไม้นางจึงยกเท้าหน้าหวังเขี่ยอย่างนึกสนุก

แมวขนยาวสีขาวท่ามกลางดอกไม้หลากสีเป็นภาพที่ทำคนมองใจละลาย สลัดความน้อยใจหลังถูกแมวเมินทิ้ง นั่งมองความน่ารักนั้นอย่างมีความสุข

เมื่อสามปีก่อนชีวิตของท่านกุนซือหนุ่มแม้จะสุนกสนานตามประสาแต่ก็เงียบเหงาไร้จุดหมาย จนกระทั่งการปรากฏตัวของเจ้าก้อนขนสีขาวในอ้อมแขนของไต้ชินอ๋อง โดยไม่รู้ตัว กงเจิ้งก็ถูกดวงตาสีเทากลมแป๋วคู่นั้นหว่านเสน่ห์ให้ตกหลุมความน่ารักจนถอนตัวไม่ขึ้น

ดูเนื้อตัวกลม ๆ และขนปุกปุยนั่นสิ ความนุ่มนิ่มยามกอดหงอี้เอาไว้ทำกงเจิ้งอยากกอดอยากฟัดให้หนำใจ แต่พอเขาเริ่มทำแบบนั้น หงอี้ก็จะร้องโวยวาย พอหลุดออกไปได้ก็ทำเหมือนเขาไร้ตัวตนและไม่ยอมให้เขาคลอเคลียอีก

กงเจิ้งรู้สึกสิ้นไร้เรี่ยวแรงนับพันหน อยากถูกแมวรัก แต่แมวกลับไม่รัก แม้ว่าจะเอาของกินหรือของเล่นมาหลอกล่อมากแค่ไหนก็ตาม

ไต้ชินอ๋องยืนมองสหายเพียงคนเดียวพ่วงตำแหน่งกุนซือของกองทัพ กำลังนั่งทำหน้าเศร้าหลังถูกแมวเมินด้วยความคิดอันว่างเปล่า เหลือบมองหงอี้จอมซุกซน แอบหนีเที่ยวมาถึงจวนตระกูลกง เบี่ยงปลายเท้าไปยังสวนดอกไม้

หงอี้นั่งทอดความสุขจากกลิ่นหอม พลันได้กลิ่นอันคุ้นเคยของเจ้านายจึงสะดุ้งตัวแข็งทื่อ ค่อย ๆ หันมอง ร่างสูงยืนเอาแขนไพล่หลังมองนางอย่างไร้อารมณ์

หูลู่หางตกคืออาการของแมวทำความผิดแล้วถูกจับได้

แง้ว เหมี๊ยว ซวน ข้าแค่เดินเล่นเพลินไปหน่อย รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้ว

ไต้ชินอ๋องโน้มกายลงมา ใช้นิ้วเขี่ยปลายจมูกเจ้าตัวกลมผู้กำลังส่งสายตาออดอ้อนมาให้ หวังว่าเขาจะใจอ่อนเหมือนทุกที “คงกำลังหาข้อแก้ตัวอยู่ละสิ หืม? พอข้าไม่อยู่แล้วซุกซนไม่เข้าเรื่อง”

...และใช่ เขายังคงใจอ่อนให้กับดวงตาสีเทากลมแป๋วอันแวววาวนั่นอีกตามเคย

“ในเมื่อจวนของเจ้ามันไร้สีสัน อีอีต้องชอบมาเล่นที่จวนของข้าอยู่แล้ว เรื่องนี้โทษอีอีได้ที่ไหน”

“เข้าข้างกันปานนี้ เอาไปเลี้ยงเองเลยดีหรือไม่”

ได้ยินวาจาประชดของไต้ชินอ๋อง กงเจิ้งตาวาว นอกจากไม่เกรงใจยังยิ้มรับอย่างหน้าชื่นตาบานกล่าวว่า “หากเจ้ากล้าให้ ข้าก็กล้ารับ”

นอกจากเขาจะกล้ารับแล้วยังพร้อมอ้าแขนรอ จะจัดเตรียมพื้นที่ ของกินของเล่นให้ดีกว่าจวนอ๋องเสียอีก อยู่ที่เจ้าหน้าปลาตายนี่จะยอมปล่อยอีอีมาให้เขาหรือเปล่าเถอะ

ไต้ชินอ๋องทำเสียงขึ้นจมูก ส่งสายตาให้สหายในทำนองว่า ฝันไปเถอะ

โน้มกายอุ้มหงอี้ผู้กำลังเดินวนคลอเคลียเขาไม่ห่างแนบอก กลิ่นหอมของจวี๋ฮวาทำให้จิตใจสั่นไหวของชินอ๋องสงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เป็นเช่นนี้ ในวัดร้างเมื่อสามปีก่อนแม้จะเป็นตัวน่าเกลียด กลิ่นหอมนี้ยังคงเด่นชัด กลิ่นที่ช่วยให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ไม่ว่าจะอาบน้ำกี่ครั้งยังคงไว้ซึ่งกลิ่นของจวี๋ฮวา กลายเป็นกลิ่นประจำตัวของหงอี้นับแต่นั้น

กงเจิ้งมือไม้สั่นเทาจนต้องรีบกุมเอาไว้ เหตุใดอีอีของเขาถึงชอบคลอเคลียเจ้าหน้าปลาตายแทบตลอดเวลา คนอยากอุ้มไม่ได้อุ้ม อิจฉาตาร้อนไปหมดแล้ว

เจ้านี่มีอะไรดีมากกว่าบุรุษผู้สดใสและมีแต่ความสนุกสนานอย่างเขาหรือ

ไต้ชินอ๋องยิ้มมุมปากเยาะเย้ยสหาย ส่งสายตาของผู้ชนะไปให้ จนกงเจิ้งแยกเขี้ยวจึงหัวเราะชอบใจกล่าวว่า “คืนนี้โรงประมูลซวี่หัวจะประกาศวันประมูลของ เจ้าสนใจไปดูของดีก่อนงานประมูลจะเริ่มหรือไม่”

“ถึงขนาดทำให้เจ้าเอ่ยปากว่าเป็นของดีได้ แปลว่าไม่ธรรมดา”

“ไม่ธรรมดาหรือไม่ ดูด้วยตาก็ตัดสินได้แล้ว”

“ตกลง ข้าไปรถม้าเจ้านะ”

กงเจิ้งไม่รอให้ชินอ๋องอนุญาตก็เดินตัวปลิวไปขึ้นรถม้าของจวนอ๋อง ซึ่งจอดรออยู่หน้าประตูจวน ปล่อยเจ้าของรถเดินตามหลังพลางกล่าวกับแมวขาวในอ้อมแขนว่า

“ข้าจะให้คนไปส่งเจ้ากลับจวน ใกล้ค่ำแล้วห้ามหนีไปเที่ยวเล่นที่ใดอีก หากพูดไม่ยอมฟัง งดของหวานเป็นเวลาสามวัน”

หงอี้แหงนหน้ามองเจ้านายผู้ใจดำ ส่งเสียงประท้วงแผ่วเบาเพื่อบอกว่านางจะเชื่อฟัง แต่เมื่อคิดว่าชินอ๋องกับกงเจิ้งจะไปโรงประมูล ความอยากรู้อยากเห็นพุ่งขึ้นสูงจนนางตะกายตัวหนีจากมือองครักษ์ พอมือหนาเอื้อมมาเพื่ออุ้ม หงอี้จึงอ้าปากงับจนอีกฝ่ายได้เลือด

“ดื้อ? ”

แง้ว! ม่าวววว อย่ามาจับตัวข้านะ ซวน ข้าไม่ดื้อ

ชินอ๋องมองแมวดื้อแผลงฤทธิ์จนคนของเขาได้เลือดเพราะหงอี้ทั้งกัดทั้งข่วน หากเขาไม่เกร็งข้อมือเอาไว้มันอาจร่วงไปกองบนพื้น

สุดท้ายจึงต้องกระเตงเจ้าก้อนขนสีขาวไปโรงประมูลอย่างช่วยไม่ได้ อาการงอแงถึงสงบลง

กงเจิ้งยิ้มเยาะกับสหายผู้ปากอย่างใจอย่าง บอกจะลงโทษบ้างละ หากพูดไม่ฟังจะทิ้งให้คนอื่นเอาไปเลี้ยงบ้างละ ขู่ว่าจะเอาไปปล่อยที่เดิมไม่เว้นแต่ละวัน

สามปี!

เขาเห็นมันข่มขู่มาตลอดสามปี สุดท้ายเป็นยังไง ทำตามที่ลั่นวาจาไม่ได้สักข้อ พอมีคนมาทำท่าสนใจหงอี้ก็แยกเขี้ยวมองตาขวาง หวงจนออกนอกหน้า

ชิชะ กลายเป็นทาสแมวเต็มตัวยังไม่ยอมรับอีก เป็นทาสทั้งที่หน้าตายังเหมือนปลาตาย

เห็นแล้วหมั่นไส้!!

ในเวลาต่อมา สองคนหนึ่งแมวเดินเข้าประตูลับของโรงประมูล โดยมีผู้ดูแลออกมาต้อนรับอย่างนอบน้อม แขกคนสำคัญอย่างไต้ชินอ๋องและท่านกุนซือ ห้ามมองข้ามเด็ดขาด

หงอี้ถูกจับยัดในอกเสื้อของชินอ๋องโผล่ออกมาเพียงหัว จมูกสีชมพูขยับสูดกลิ่นฟุดฟิดใบหูสองข้างกระดิกไปมาชวนใจละลาย ดวงตากลมแป๋วสีเทากวาดมองรอบตัวอย่างตื่นเต้น

ย่อมต้องตื่นเต้น นางยังไม่เคยเข้ามาในสถานที่เช่นนี้มาก่อน รู้สึกได้ถึงคำว่าร่ำรวยได้ชัดสุด ๆ

หากจำไม่ผิดเมื่อคราวนางแอบหนีเที่ยวเล่นในตลาด ได้ยินคนพูดถึงหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือโรงประมูลซวี่หัวเป็นของฮ่องเต้ เปิดขึ้นเมื่อคราวเป็นองค์รัชทายาท พอครองบัลลังก์จึงส่งมอบให้จวิ้นอ๋องดูแล

ไต้ชินอ๋องก็เป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบ เขาจึงได้รับสิทธิมากมายรวมถึงการเข้าชมของร่วมประมูลก่อนล่วงหน้า

เมื่อเดินมาถึงส่วนลึกของโรงประมูล จัดเอาไว้ใต้ดินเพื่อป้องกันลูกค้าหรือผู้ไม่หวังดีลักลอบเข้ามาขโมยหรือวางกลลวงต่อของประมูลอันล้ำค่า ด้านหน้าของทุกคนคือประตูบานใหญ่ เสียงคำรามของตัวอะไรบางอย่างจากด้านในดังออกมาถึงด้านนอก หงอี้เกร็งตัวจนไต้ชินอ๋องรู้สึกได้

มิใช่ความกลัวแต่กำลังตื่นเต้น เฝ้ารอมากกว่า

กงเจิ้งเลิกคิ้วตั้งแต่ได้ยินเสียงคำรามแล้ว หากเขาเดามิผิดของดีที่ชินอ๋องว่าต้องเป็นตัวด้านในแน่ แค่เสือจำเป็นต้องมาดูด้วยตัวเอง?

ชินอ๋องคาดเดาความคิดของกงเจิ้งออกจึงกล่าวว่า “เสือที่มีจิตวิญญาณ”

“ฉลาดถึงขั้นเข้าใจภาษาคนหรือไม่”

คำตอบคือการพยักหน้าด้วยความมั่นใจ ประตูห้องเปิดออก เสียงคำรามและแรงกดข่มทำเอากุนซือหนุ่มสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ กลิ่นไอนั้นมีอานุภาพสามารถทำให้ขาสั่นเทาหรือทรุดลงไปกองบนพื้นอย่างหมดสภาพได้หากคนคนนั้นมีจิตใจอ่อนแอ โชคดีที่การใช้ชีวิตในสนามรบช่วยขัดเกลาจิตใจของเขาจนแข็งแกร่ง จึงไม่ถึงขั้นทรุดไปกองบนพื้นให้ขายหน้า

กงเจิ้งหายใจลำบากเล็กน้อย ทว่ากลิ่นจวี๋ฮวาจากหงอี้ช่วยให้ความหนักอึ้งในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว แตกต่างจากชินอ๋องที่ยังคงรู้สึกเฉย ๆ ต่ออำนาจกดข่มที่แผ่ออกมา เขายังรู้สึกว่ากลิ่นประจำตัวของหงอี้ดูจะเข้มข้นกว่าปกติ ความผิดปกติที่มองเห็นชัดนี้ส่งผลให้บางอย่างในใจร้องเตือน

แม้แต่คนเฝ้าหน้าประตูห้องที่ทำการเปิดประตูต้อนรับสองคนหนึ่งแมว ยังยืนได้แม้ตัวจะสั่นเทาก็ตามที แตกต่างจากครั้งก่อนหน้า พวกเขาแทบลงไปนอนดิ้นบนพื้น จนต้องยืนเฝ้าโดยเว้นระยะห่างออกมาพอสมควร

กลางห้องมืด แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียว กรงขนาดใหญ่บรรจุร่างพยัคฆ์ร้ายตัวใหญ่สีขนดำสนิท หากไม่สังเกตให้ดีจะมองไม่เห็นลายพาดกลอนตลอดตัว

ผู้ดูแลไม่ได้มีจิตใจเข้มแข็งปานนั้น ถูกแรงกดดันจึงทำได้เพียงยืนรอหน้าประตูพร้อมคนของเขา แม้จะรู้สึกว่าวันนี้ความหนักอึ้งน้อยกว่าทุกครั้งก็ตาม มีเพียงชินอ๋องพ่วงหงอี้และกงเจิ้งเดินเข้าไปในห้องด้วยฝีเท้าแผ่วเบา

เสือดำแสนดุร้ายถูกขังอยู่ในกรง เมื่อเห็นมนุษย์ตัวจ้อยเดินเข้ามาใกล้ก็ยิ่งคำรามข่มขู่ หวังให้ความน่ากลัวของมันสร้างความหวาดหวั่นแก่ผู้บังอาจเยื่องกายเข้าใกล้ โดยไม่ใส่ใจความกดดันของมัน กรงขังทำจากเหล็กกล้าที่หาได้ยากถูกนำมาตีขึ้นรูปเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งน้อยกว่าตัวด้านในเพราะมีบางส่วนคดงอ หากใช้แรงกระแทกอีกไม่กี่ทีคงพังกรงเหล็กจนไม่เหลือซาก

เจ้ามนุษย์ตัวจ้อย ถือดีว่าตนเองเก่งกล้า ใช้กลลวงของตนเองจึงจับข้ามาขังในที่ชั้นต่ำ หากข้ามิถูกพวกเจ้าวางยาสลายพลัง กรงชั้นต่ำนี้หรือจะทานต่อพลังข้าได้

หงอี้ตาวาวเมื่อได้ยินเสียงของเสือดำในกรงขัง นางอาศัยการทำตัวเป็นของเหลวจนหลุดจากวงแขนของชินอ๋องมายืนบนพื้นได้อย่างมั่นคง ไม่รอให้ใครส่งเสียงปรามก็รีบเดินเข้าไปใกล้กรงเหล็กอย่างไม่กลัวตาย ด้วยขนาดของสัตว์สองชนิดมีความต่างกันมาก กงเจิ้งแทบหัวใจวายเมื่ออีอีเข้าไปอยู่ในระยะตะปบของพยัคฆ์ร้าย

“หงอี้ ถอยกลับมาหาข้า” ไต้ชินอ๋องสั่งหงอี้เสียงเครียด ดวงใจแกว่งไกวกับภาพตรงหน้า เขาไม่เคยพลาดขนาดนี้มาก่อน แค่แมวตัวเดียวกลับคว้าไว้ไม่ทัน เพียงการตบของอุ้งเท้าใหญ่แค่ครั้งเดียวร่างสีขาวเล็กจ้อยนั่นคงแหลกเหลวเป็นเศษเนื้อ

หงอี้ยังคงเมินคำสั่งของชินอ๋อง นางนั่งลงแหงนหน้าเพื่อพูดคุยกับเสือดำผู้เกรี้ยวกราด

นึกว่าเสียงใครบ่นเข้าหูมาแต่ไกล ที่แท้ก็เสือแก่เจ้าอารมณ์นี่เอง

เจ้าว่าผู้ใดแก่ อายุน้อยกว่าข้าไม่กี่สิบปี ช่างเอ่ยว่าข้าแก่ออกมาได้ไม่อายปาก

“ทำอะไรสักอย่างสิ” กงเจิ้งเอียงหน้ากระซิบเสียงเย็น ไม่ยอมละสายตาจากภาพอันหวาดเสียวตรงหน้า

ไต้ชินอ๋องขยับเท้าเข้าไปใกล้กรงเสืออีกนิด ขนาดของสัตว์ทั้งสองต่างกันจนเขาใจหาย วัดจากหัวไม่รวมหาง เสือตัวนี้มีความยาวมากกว่า6ฉื่อ (ประมาณ3เมตรกว่า) แค่ส่วนหัวก็เท่ากระทะใบใหญ่ในจวนอ๋อง ยังมีอุ้งเท้า

ดูมนุษย์ทั้งสองคนนั้นสิ ทำท่าทางพิลึก น่าเกลียดนัก

อย่ามาว่าซวนของข้านะ ท่านบอกมาว่าพลาดท่าถูกจับมาได้ยังไง แล้วทำไมข้าถึงคุยกับท่านรู้เรื่อง

นับแต่หลุดเข้ามาในโลกนี้ เวลาพบเจอสัตว์ไร้บ้านนางไม่เคยพูดกับพวกมันรู้เรื่อง นอกจากแม่แมวซึ่งก็มาจากนางไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ความแปลกแยกทำให้นางรู้สึกเศร้าจนกลายเป็นความเหงา ราวกับว่านางถูกทำให้โดดเดี่ยวในโลกใบนี้อีกครั้ง

พอเจอสัตว์ที่อาจเป็นพวกเดียวกันจึงตื่นเต้นและอยากหาคำตอบ จนไม่สังเกตถึงความกังวลของหลี่ไต้ซวนและกงเจิ้ง ที่เห็นนางอาจหาญเข้าใกล้ตัวอันตราย พอเสือดำเอ่ยขึ้นจึงหันกลับไปมอง

ใบหน้าของกงเจิ้งซีดเผือด แม้แต่คนไร้ความรู้สึกอย่างชินอ๋องยังขมวดคิ้วเคร่งเครียด อุ้งเท้าน้อยจึงตบลงบนพื้นส่งเสียงร้องบอกคนทั้งสองว่านางไม่เป็นอะไร ตาแก่นี่ไม่ทำอะไรนางหรอก พวงหางส่ายไปมาเชื่องช้าราวต้องการปลอบโยนคนทั้งสองให้คลายความกลัว

“อีอีกำลังบอกอะไร”

“บอกว่าจัดการได้”

นี่ก็อีกเรื่อง เขาคาดเดาไม่ถูกเลยว่าสหายอ่านภาษากายของแมวน้อยออกได้อย่างไร พอถามก็ส่งแววตาน่าหมั่นไส้มาให้เขาจนเลิกอยากรู้ไปแล้ว

ภาษากายของหงอี้ทำให้ชินอ๋องประหลาดใจ แต่เสือดำไม่อยากทิ้งลายความดุร้ายจึงพยายามดันหน้าออกจากลูกกรง คำรามเสียงกร้าวเพื่อข่มขู่ตามวิสัยผู้ที่เป็นเจ้าป่า ฟันแต่ละซี่ในปากมีขนาดเท่านิ้วโป้งของบุรุษลอยอยู่บนหัวของหงอี้ มันแหลมคมสีขาววาววับ น้ำลายสีใสยืดตามการอ้าปากคำรามดูน่าหวาดเสียวนัก

การถูกมนุษย์จับมาขังในกรงห่วย ๆ นี่ ทำให้มันเสียศักดิ์ศรี

ทว่าอุ้งมือน้อยกลับยกขึ้นมาตวัดตบลงบนปากของมันเต็มแรงอยู่หลายที พร้อมส่งเสียงขู่ฟ่อในทำนองให้หุบปาก เสือดำถอยกลับเข้าไปในกรงเมื่อถูกแววตาสีเทากลมโตคู่นั้นจับจ้องเขม็ง พลังวิญญาณเข้มข้นลอยเอื่อยรอบตัวร่างน้อย แม้ส่วนหนึ่งจะถูกอักขระโบราณตรึงไว้ก็ยังสามารถทำให้เลือดในกายของมันเกือบแข็งตัว

ตาจ้องตาไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายมันก็ยอมแพ้ ก่อนจะพ่นลมออกจากจมูกอย่างหงุดหงิด เมื่อถูกแมวตัวจ้อยกดข่มต่อหน้ามนุษย์

ศักดิ์ศรีของพยัคฆ์อันแสนภาคภูมิใจ ถูกเจ้าตัวเล็กนี่ใช้อุ้งมือปัดร่วงหล่นหายไปหมดแล้ว กะอีแค่ดวงตาสีเทาอ่อนเปลี่ยนเป็นสีเทาเข้มเกือบดำ เกิดเป็นอานุภาพอันแสนเข้มข้น ก็สยบความก้าวร้าวของมันลงได้อย่างง่ายดาย

*****

ปมมาอีกหนึ่ง เดี๋ยวจะตามมาเรื่อย ๆ ไม่ใช่ปมซับซ้อนอะไร เกี่ยวกับชาติกำเนิดและอะไรหลายอย่างของตัวน้องค่ะ 

Related chapters

  • ตัวร้ายผู้นั้นเก็บข้ามาเลี้ยง   คิดจับปลาสองมืองั้นรึ?

    กงเจิ้งอยากพูดบางอย่างแต่สีหน้าของชินอ๋องสั่งเขาให้หุบปาก เมื่อรถม้าจอดหน้าจวนจึงลงจากรถม้าแต่โดยดี ภายในรถม้าเหลือเพียงหนึ่งคนหนึ่งแมว หงอี้ยังไม่รู้ตัวว่าการที่นางสยบเสือร้ายจนหงอเป็นเรื่องแปลกประหลาด จึงนั่งเลียขนเงียบ ๆ บนตักแกร่งไต้ชินอ๋องหลุบตามองสัตว์เลี้ยงที่ไม่เคยตั้งใจเก็บมาเลี้ยงอย่างใช้ความคิด แคว้นหลี่ก่อตั้งมายาวนานนับพันปี เปลี่ยนราชวงศ์มานับสิบราชวงศ์ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนหรือสูญหาย นั่นก็คือตำนานเก่าแก่ในสมุดบันทึก ซึ่งตกทอดและถูกเก็บรักษาอย่างดีในห้องลับ มีเพียงคนในราชวงศ์ไม่กี่คนสามารถเข้าถึงมันได้เขาไม่เคยอยากสนใจศึกษาอย่างถ่องแท้จนกระทั่งวันนี้ หงอี้เป็นแค่แมวแต่กลับทำให้เสือดำยอมสงบลงได้เพียงแค่ขู่ หงอี้ฉลาดกว่าแมวทั่วไปเขายอมรับ มันถึงขนาดเข้าใจท่าทีหรือภาษาคนได้ มีหลายครั้งหรือเหตุการณ์บางอย่างที่เขามิได้คิดไปเองเห็นทีต้องกลับไปลื้อค้นตำนานพวกนั้นมาอ่านสักครั้ง บางทีอาจมีคำตอบในข้อสงสัยของวันนี้ ส่วนเสือดำแต่มีลายพาดกลอนตัวนั้น...หลี่ไต้ซวนก้มมองหงอี้ผู้นอนหมอบนิ่งบนตัก ตัดสินใจทดสอบบางอย่างอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “หงอี้”เจ้าของชื่อผงกหัวมองคนเรียก

    Last Updated : 2025-01-20
  • ตัวร้ายผู้นั้นเก็บข้ามาเลี้ยง   บทนำ

    คนเราเมื่อตายแล้วไปไหน เป็นคนถามยอดฮิตที่คนเป็นยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเมื่อ ตาย แล้ว วิญญาณจะไปที่ไหนต่อส่วน กมลเนตร สาวไทยวัย 28 ปี พบว่าเมื่อตัวเธอตายวิญญาณไม่ได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก แต่กลับมาอยู่ในร่างของแมวจรผู้อดอยาก ผิดยุคผิดสมัยฟังไม่ผิด เธอตื่นขึ้นมาในร่างแมวจรจัด หลังเรือล่มในทะเลจากการเที่ยวในวันหยุดยาว ยอมรับว่าความรู้สึกของการเดินสี่ขา ความรู้สึกของการเป็นสัตว์ที่ไร้เจ้าของ ไม่ทำให้เธอรู้สึกแย่มากกว่าการพบว่ายุคที่อยู่ไม่ใช่ยุคปัจจุบันในเมื่อตอนเป็นคนเธอก็กำพร้าพ่อแม่ เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้า พอเรียนจบมัธยมปลายก็ออกมาอยู่หอพัก ทำงานหนักจนสายตัวแทบขาดหาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบ ทุกคืนเมื่อกลับถึงห้องพักความโดดเดี่ยวกัดกินหัวใจจนรู้สึกชาชิน แม้จะมีคุณแม่ในบ้านเด็กกำพร้าและเพื่อนจากในนั้นคอยถามข่าวคราวแต่ทุกคนต่างก็ต้องดิ้นรนในแบบของตัวเอง นอกจากถามไถ่ทุกข์สุข ก็ไม่สามารถช่วยเหลือ หยิบยื่นโอกาสอะไรให้ในช่วงแรกนอกจากตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ในร่างแมวน้อยไร้เรี่ยวแรง กมลเนตรก็หม่นหมองอยู่สักพักแล้วทำใจได้อย่างรวดเร็วตามประสาคนที่ปรับตัวตามสถานการณ์ได้ทุกเวลา ถึงจะมีช

    Last Updated : 2025-01-13
  • ตัวร้ายผู้นั้นเก็บข้ามาเลี้ยง   หงอี้น้อย

    นับเป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้วในร่างแมวและโลกใบใหม่ หลังจากค่ำคืนในวัดร้างชีวิตแมวจรของกมลเนตรพลิกผันกลายเป็นแมวของท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ ร่ำรวยเงินทอง มากอำนาจบารมี แถมยังถูกตั้งชื่อว่า หงอี้ภายในจวนหลังใหญ่ อาณาเขตกว้างขวางเหมาะแก่การวิ่งเล่น น่าเสียดายที่เจ้าของจวนเกลียดดอกไม้เข้าเส้นสวนภายในนี้จึงมีแค่ต้นไม้ หญ้าและไม้พุ่มสีเขียวซึ่งถูกตัดแต่งอย่างดีเท่านั้น เมื่อหาความสวยงามจากด้านหน้าไม่พบ หงอี้ จึงมักไปขลุกตัวอยู่บริเวณท้ายจวนกับสาวใช้ทั้งหลาย สถานที่ตรงนี้เป็นเหมือนจุดพักผ่อนสำหรับสาวใช้ เมื่อเสร็จจากงานในหน้าที่รับผิดชอบ พวกนางมักจะปลูกผัก ปลูกดอกไม้หงอี้ชอบกลิ่นหอมของดอกไม้มาก จึงมักมานอนกลิ้งตัว บางขณะก็มักจะสูดดมไปตามกลีบดอกด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม หญ้านุ่ม ๆ นั้นดีอยู่หรอกแต่จะสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกถ้าได้ดอกไม้หลากสีสันประดับตกแต่งด้วยพูดถึงความเปลี่ยนแปลงเห็นจะมากทีเดียว เมื่อสถานะเปลี่ยนจากแมวจรเป็นแมวเลี้ยง ร่างกายผอมโซราวกับไร้เรี่ยวแรงเปลี่ยนเป็นอวบอ้วน เต็มไม้เต็มมือ ขนสีขาวที่เคยเปื้อนกระดำกระด่าง ยังมีขนหลุดเป็นกระจุกจนมองเห็นหนัง สาเหตุเกิดจากไปตบตีกับเจ้าถิ่นจนบาดเจ็บไปต

    Last Updated : 2025-01-13

Latest chapter

  • ตัวร้ายผู้นั้นเก็บข้ามาเลี้ยง   คิดจับปลาสองมืองั้นรึ?

    กงเจิ้งอยากพูดบางอย่างแต่สีหน้าของชินอ๋องสั่งเขาให้หุบปาก เมื่อรถม้าจอดหน้าจวนจึงลงจากรถม้าแต่โดยดี ภายในรถม้าเหลือเพียงหนึ่งคนหนึ่งแมว หงอี้ยังไม่รู้ตัวว่าการที่นางสยบเสือร้ายจนหงอเป็นเรื่องแปลกประหลาด จึงนั่งเลียขนเงียบ ๆ บนตักแกร่งไต้ชินอ๋องหลุบตามองสัตว์เลี้ยงที่ไม่เคยตั้งใจเก็บมาเลี้ยงอย่างใช้ความคิด แคว้นหลี่ก่อตั้งมายาวนานนับพันปี เปลี่ยนราชวงศ์มานับสิบราชวงศ์ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนหรือสูญหาย นั่นก็คือตำนานเก่าแก่ในสมุดบันทึก ซึ่งตกทอดและถูกเก็บรักษาอย่างดีในห้องลับ มีเพียงคนในราชวงศ์ไม่กี่คนสามารถเข้าถึงมันได้เขาไม่เคยอยากสนใจศึกษาอย่างถ่องแท้จนกระทั่งวันนี้ หงอี้เป็นแค่แมวแต่กลับทำให้เสือดำยอมสงบลงได้เพียงแค่ขู่ หงอี้ฉลาดกว่าแมวทั่วไปเขายอมรับ มันถึงขนาดเข้าใจท่าทีหรือภาษาคนได้ มีหลายครั้งหรือเหตุการณ์บางอย่างที่เขามิได้คิดไปเองเห็นทีต้องกลับไปลื้อค้นตำนานพวกนั้นมาอ่านสักครั้ง บางทีอาจมีคำตอบในข้อสงสัยของวันนี้ ส่วนเสือดำแต่มีลายพาดกลอนตัวนั้น...หลี่ไต้ซวนก้มมองหงอี้ผู้นอนหมอบนิ่งบนตัก ตัดสินใจทดสอบบางอย่างอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “หงอี้”เจ้าของชื่อผงกหัวมองคนเรียก

  • ตัวร้ายผู้นั้นเก็บข้ามาเลี้ยง   ทาสแมวเต็มขั้น

    “อีอี~”ใบหน้ากลมป้อมหันมองทางต้นเสียงจึงเห็นบุรุษร่างสูงใหญ่ กำลังฉีกยิ้มราวคนโง่งมวิ่งอ้าแขนตรงมาหานาง หงอี้มองเขาด้วยแววตาเบื่อหน่าย รอจนเขาวิ่งมาใกล้ตัวจึงกระโดดหลบวิธีวงแขนนั้นอย่างง่ายดาย เมินสีหน้าผิดหวังของคนชอบฉวยโอกาส ยืนส่ายพวงหางดมกลีบดอกกุหลาบสีชมพู ดูยโสไม่น้อย“เหมี๊ยววว ม่าวว” อย่าคิดว่าเป็นสหายของชินอ๋องแล้วจะมากอดข้าตอนไหนก็ได้นะเจ้าคะ เป็นบุรุษมิควรใกล้ชิดสตรี“เจ้าใจร้าย ข้าอุตส่าห์ได้ของเล่นมาใหม่ สั่งทำพิเศษเพื่อเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ”หงอี้ยังคงเมินบุรุษร่างใหญ่แต่ขี้ใจน้อย ดวงตากลมมองตามผีเสื้อแสนสวยบินผ่านหน้าไป พอมันเกาะบนกลีบดอกไม้นางจึงยกเท้าหน้าหวังเขี่ยอย่างนึกสนุกแมวขนยาวสีขาวท่ามกลางดอกไม้หลากสีเป็นภาพที่ทำคนมองใจละลาย สลัดความน้อยใจหลังถูกแมวเมินทิ้ง นั่งมองความน่ารักนั้นอย่างมีความสุขเมื่อสามปีก่อนชีวิตของท่านกุนซือหนุ่มแม้จะสุนกสนานตามประสาแต่ก็เงียบเหงาไร้จุดหมาย จนกระทั่งการปรากฏตัวของเจ้าก้อนขนสีขาวในอ้อมแขนของไต้ชินอ๋อง โดยไม่รู้ตัว กงเจิ้งก็ถูกดวงตาสีเทากลมแป๋วคู่นั้นหว่านเสน่ห์ให้ตกหลุมความน่ารักจนถอนตัวไม่ขึ้นดูเนื้อตัวกลม ๆ และขนปุกปุยนั่นสิ คว

  • ตัวร้ายผู้นั้นเก็บข้ามาเลี้ยง   หงอี้น้อย

    นับเป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้วในร่างแมวและโลกใบใหม่ หลังจากค่ำคืนในวัดร้างชีวิตแมวจรของกมลเนตรพลิกผันกลายเป็นแมวของท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ ร่ำรวยเงินทอง มากอำนาจบารมี แถมยังถูกตั้งชื่อว่า หงอี้ภายในจวนหลังใหญ่ อาณาเขตกว้างขวางเหมาะแก่การวิ่งเล่น น่าเสียดายที่เจ้าของจวนเกลียดดอกไม้เข้าเส้นสวนภายในนี้จึงมีแค่ต้นไม้ หญ้าและไม้พุ่มสีเขียวซึ่งถูกตัดแต่งอย่างดีเท่านั้น เมื่อหาความสวยงามจากด้านหน้าไม่พบ หงอี้ จึงมักไปขลุกตัวอยู่บริเวณท้ายจวนกับสาวใช้ทั้งหลาย สถานที่ตรงนี้เป็นเหมือนจุดพักผ่อนสำหรับสาวใช้ เมื่อเสร็จจากงานในหน้าที่รับผิดชอบ พวกนางมักจะปลูกผัก ปลูกดอกไม้หงอี้ชอบกลิ่นหอมของดอกไม้มาก จึงมักมานอนกลิ้งตัว บางขณะก็มักจะสูดดมไปตามกลีบดอกด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม หญ้านุ่ม ๆ นั้นดีอยู่หรอกแต่จะสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกถ้าได้ดอกไม้หลากสีสันประดับตกแต่งด้วยพูดถึงความเปลี่ยนแปลงเห็นจะมากทีเดียว เมื่อสถานะเปลี่ยนจากแมวจรเป็นแมวเลี้ยง ร่างกายผอมโซราวกับไร้เรี่ยวแรงเปลี่ยนเป็นอวบอ้วน เต็มไม้เต็มมือ ขนสีขาวที่เคยเปื้อนกระดำกระด่าง ยังมีขนหลุดเป็นกระจุกจนมองเห็นหนัง สาเหตุเกิดจากไปตบตีกับเจ้าถิ่นจนบาดเจ็บไปต

  • ตัวร้ายผู้นั้นเก็บข้ามาเลี้ยง   บทนำ

    คนเราเมื่อตายแล้วไปไหน เป็นคนถามยอดฮิตที่คนเป็นยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเมื่อ ตาย แล้ว วิญญาณจะไปที่ไหนต่อส่วน กมลเนตร สาวไทยวัย 28 ปี พบว่าเมื่อตัวเธอตายวิญญาณไม่ได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก แต่กลับมาอยู่ในร่างของแมวจรผู้อดอยาก ผิดยุคผิดสมัยฟังไม่ผิด เธอตื่นขึ้นมาในร่างแมวจรจัด หลังเรือล่มในทะเลจากการเที่ยวในวันหยุดยาว ยอมรับว่าความรู้สึกของการเดินสี่ขา ความรู้สึกของการเป็นสัตว์ที่ไร้เจ้าของ ไม่ทำให้เธอรู้สึกแย่มากกว่าการพบว่ายุคที่อยู่ไม่ใช่ยุคปัจจุบันในเมื่อตอนเป็นคนเธอก็กำพร้าพ่อแม่ เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้า พอเรียนจบมัธยมปลายก็ออกมาอยู่หอพัก ทำงานหนักจนสายตัวแทบขาดหาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบ ทุกคืนเมื่อกลับถึงห้องพักความโดดเดี่ยวกัดกินหัวใจจนรู้สึกชาชิน แม้จะมีคุณแม่ในบ้านเด็กกำพร้าและเพื่อนจากในนั้นคอยถามข่าวคราวแต่ทุกคนต่างก็ต้องดิ้นรนในแบบของตัวเอง นอกจากถามไถ่ทุกข์สุข ก็ไม่สามารถช่วยเหลือ หยิบยื่นโอกาสอะไรให้ในช่วงแรกนอกจากตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ในร่างแมวน้อยไร้เรี่ยวแรง กมลเนตรก็หม่นหมองอยู่สักพักแล้วทำใจได้อย่างรวดเร็วตามประสาคนที่ปรับตัวตามสถานการณ์ได้ทุกเวลา ถึงจะมีช

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status