กงเจิ้งอยากพูดบางอย่างแต่สีหน้าของชินอ๋องสั่งเขาให้หุบปาก เมื่อรถม้าจอดหน้าจวนจึงลงจากรถม้าแต่โดยดี ภายในรถม้าเหลือเพียงหนึ่งคนหนึ่งแมว หงอี้ยังไม่รู้ตัวว่าการที่นางสยบเสือร้ายจนหงอเป็นเรื่องแปลกประหลาด จึงนั่งเลียขนเงียบ ๆ บนตักแกร่ง
ไต้ชินอ๋องหลุบตามองสัตว์เลี้ยงที่ไม่เคยตั้งใจเก็บมาเลี้ยงอย่างใช้ความคิด แคว้นหลี่ก่อตั้งมายาวนานนับพันปี เปลี่ยนราชวงศ์มานับสิบราชวงศ์ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนหรือสูญหาย นั่นก็คือตำนานเก่าแก่ในสมุดบันทึก ซึ่งตกทอดและถูกเก็บรักษาอย่างดีในห้องลับ มีเพียงคนในราชวงศ์ไม่กี่คนสามารถเข้าถึงมันได้
เขาไม่เคยอยากสนใจศึกษาอย่างถ่องแท้จนกระทั่งวันนี้ หงอี้เป็นแค่แมวแต่กลับทำให้เสือดำยอมสงบลงได้เพียงแค่ขู่ หงอี้ฉลาดกว่าแมวทั่วไปเขายอมรับ มันถึงขนาดเข้าใจท่าทีหรือภาษาคนได้ มีหลายครั้งหรือเหตุการณ์บางอย่างที่เขามิได้คิดไปเอง
เห็นทีต้องกลับไปลื้อค้นตำนานพวกนั้นมาอ่านสักครั้ง บางทีอาจมีคำตอบในข้อสงสัยของวันนี้ ส่วนเสือดำแต่มีลายพาดกลอนตัวนั้น...
หลี่ไต้ซวนก้มมองหงอี้ผู้นอนหมอบนิ่งบนตัก ตัดสินใจทดสอบบางอย่างอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “หงอี้”
เจ้าของชื่อผงกหัวมองคนเรียก ดวงตาสีเทากลมแป๋วคู่นั้น ดูไร้เดียงสาจนสามารถล่อลวงใครต่อใครให้มาเอ็นดูได้หลายคนโดยไม่รู้ตัวมาแล้ว
“ตอนอยู่ในห้อง เจ้าคุยกับพยัคฆ์ดำรู้เรื่องด้วยหรือ”
หงอี้ดูไม่แปลกใจนัก อีกทั้งนางยังอยากแบ่งปันความดีใจของตนเองที่สามารถพูดคุยกับสัตว์ตัวอื่นได้เสียที หลังจากโดดเดี่ยวในโลกของสัตว์มานาน จึงพยักหน้าเร็ว ๆ เป็นคำยืนยัน ส่งเสียงราวต้องการบอกเล่าแม้ว่าคนฟังจะไม่เข้าใจก็ตามที ไต้ชินอ๋องชินเสียแล้วที่เจ้าแมวขี้เซาเห็นแก่กินตัวนี้ของเขาเข้าใจภาษามนุษย์ กล่าวเพิ่มว่า
“อีกสองวันจะมีการประมูล เจ้านั่นจะเป็นรายการประมูลสุดท้าย วันพรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่นอีกครั้งเพื่อพูดคุย หากมันยอมทำตัวสงบเสงี่ยม ไม่ขู่คำรามจนผู้คนหวาดกลัว ข้าจะรับเลี้ยงมันไว้ในจวนอ๋อง คอยเป็นเพื่อนเล่นให้เจ้า ดีหรือไม่”
หากเป็นอย่างที่เขาคิด การประมูลพยัคฆ์ดำออกไปก็เหมือนเพิ่มกำลังสำคัญให้ผู้อื่น ยิ่งผู้อื่นที่ได้ไปคือศัตรูหรือมีความคิดหมายอยากเป็นศัตรูกับแคว้นหลี่ เขาเชื่อแน่ว่ามันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
ท่านคิดผิดแล้วเรื่องเพื่อนเล่น เจ้านั่นเป็นได้แค่ลูกน้องของข้าเท่านั้น
หงอี้ไม่รู้ว่าความมั่นใจนี้เกิดจากอะไร แต่มันมาจากสัญชาตญาณในร่างกาย บอกว่านางอยู่สูงกว่าตาแก่ในกรงขังนั่นมากนัก จึงส่งเสียงในลำคอสองสามครั้งเป็นการเห็นด้วย พลางยืดตัวเชิดหน้าอย่างโอหัง ย่ำเท้าหน้าคล้ายต้องการนวดเหมือนต้องการบอกบางอย่างกับเขา
น่าเสียดาย ไต้ชินอ๋องอ่านท่าทางของแมวขี้เซาตัวนี้ไม่ออก นอกจากมองว่ามันกำลังทำตัวอวดเบ่ง
“นับจากนี้คงต้องรบกวนเจ้าคอยสั่งสอนให้มันสงบเสงี่ยมสักหน่อย”
เมื่อมีงานให้รับผิดชอบเจ้าตัวกลมนี่จะได้เลิกหนีเที่ยวเสียที เขาเบื่อสีหน้าเหนือชั้นของกงเจิ้งเต็มที เวลาเขาออกตามหาจนมาเจอหงอี้กลิ้งเล่นอยู่ในแปลงดอกไม้ของเจ้านั่น
รอสวนดอกไม้ที่เขาสั่งพ่อบ้านให้พาคนสวนมาปลูกเสร็จเรียบร้อย...ฮึ ๆ
รถม้าจอดสนิทบนลานเรือนด้านหน้า ไต้ชินอ๋องเดินลงจากรถม้ามุ่งกลับเรือนใหญ่เพื่อจัดการงานอีกเล็กน้อย ในอ้อมแขนแกร่งมีสัตว์เลี้ยงสีขาวขดตัวเป็นก้อนกลม ถือเป็นภาพชินตาของเหล่าบ่าวไพร่ในจวนอ๋องไปเสียแล้ว
คืนนั้นหงอี้เข้านอนพร้อมได้รับการปรนเปรอจากทาส เอ๊ย เจ้านาย ด้วยการแปลงขนจนหลับไปอย่างมีความสุข
ยามนี้ไต้ชินอ๋องกำลังยืนนิ่งอยู่ในห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้แคว้นหลี่ โดยเจ้าของห้องกำลังนั่งทรงงานมิได้ไยดีต่อการมีอยู่ของบุคคลที่สองหรือสาม หนึ่งเค่อผ่านไปเรียวนิ้วยังคงตวัดพู่กันอย่างคล่องแคล่ว ประทับตราลงบนฎีกาเล่มแล้วเล่มเล่า
หนึ่งชั่วยามผ่านไปจึงยอมเงยพระพักตร์ขึ้นมองน้องชายร่วมมารดา หลี่ไต้ซวนยืนนิ่งไม่ไหวติง ใบหน้าไร้อารมณ์ นัยน์ตาสีรัตติกาลว่างเปล่าไม่เห็นการกลั่นแกล้งของฮ่องเต้อยู่ในสายตา สุดท้ายคนนึกสนุกอยากแกล้งจึงยอมแพ้
“คำขอของเจ้า มีสิ่งใดมาแลก”
แค่อ้าปากก็เห็นถึงความคิดแท้จริง หลี่ไต้ซวนถอนหายใจเฮือก ไม่คิดเก็บอาการหรือกลัวเกรงต่ออำนาจของโอรสสวรรค์แม้แต่น้อย กล่าวถึงของแลกเปลี่ยนที่พี่ชายต้องการด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “มันทั้งขี้เซาแถมยังกินจุ อิ่มแล้วก็นอนทั้งวัน นับเป็นสิ่งคลายเหงาให้ฝ่าบาทตั้งแต่เมื่อใดพ่ะย่ะค่ะ”
“แค่รู้สึกถึงการมีอยู่ก็นับว่าคลายเหงาแล้ว เจ้าคงไม่รู้สินะว่าการที่เจิ้นต้องนั่งทำงานท่ามกลางกองฎีกาของขุนนางพวกนี้ทั้งวัน ไม่รู้ว่าวันไหนจะถูกฎีกาพวกนี้ล้มทับหัวมันน่าเบื่อแค่ไหน มีบุตรก็มีแต่โอรสหน้าเหม็น รู้จักแต่กวนโทโส ไร้ความนุ่มนิ่ม ด้วยเหตุนี้ดวงใจของเจิ้นจึงเริ่มห่อเหี่ยวราวต้นไม้ขาดน้ำ ต่อไปเจิ้นคงไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงบริหารแคว้นหลี่ พูดแล้วก็...”
ไต้ชินอ๋องยกมือห้ามก่อนพี่ชายจะร่ายยาวถึงความทุกข์ทรมานต่าง ๆ นานาให้เขาฟัง ซึ่งเขาฟังมันมามากเกินพอตลอดสามปีมานี้ ถึงขนาดจดจำได้ทุกคำ หากยังไม่ห้ามคงคร่ำครวญแล้วโยนงานมาให้เขาทำอีก เท่าที่รับมาก็มากเกินตำแหน่งชินอ๋องจนมีขุนนางบางกลุ่มไม่ใคร่พอใจ
ลำพังอำนาจทางการทหารสามในสี่ของแคว้นอยู่ภายใต้สังกัดของเขา ก็มีขุนนางหลายฝ่ายเพ่งเล็งด้วยเกรงว่าเขาจะก่อกบฏ แย่งบัลลังก์กับหลายชายตัวเอง
โง่เง่า ในใจของหลี่ไต้ซวนกร่นด่าขุนนางแก่ผมหงอกใกล้ลงโลงพวกนั้นทุกคราที่ประเด็นนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดในท้องพระโรง
แม้ว่าจะถูกฮ่องเต้และขั้วอำนาจฝ่ายของเขากล่าวแย้งจนฝ่ายเปิดเรื่องพ่ายแพ้ ก็ยังไม่วายโยนภาระมากมายมาให้เขาได้จัดการอยู่ร่ำไป หวังใช้งาน เผื่อสักวันเขาพลาดพลั้งจะได้ลงมือลดทอนอำนาจ
แน่ละ หากหลี่ไต้ซวนลุ่มหลงในอำนาจ หมายตาบัลลังก์มังกร ย่อมคว้ามาได้เพียงสั่งเคลื่อนพล แต่เขาไม่โง่ถึงขนาดพาตัวเองก้าวไปหยิบบ่วงหนาหนักมาคล้องคอ เพียงตำแหน่งชินอ๋องพ่วงด้วยแม่ทัพใหญ่ของแคว้น ก็นับว่าหนักหนาพอแล้ว
“หากเจ้าบอกว่าหงอี้กินจุ กินล้างกินผลาญ พื้นที่ในวังของเจิ้นออกจะกว้างขวาง ทรัพย์สินในพระคลังส่วนตัว ไหนจะมีสินเดิมของฮองเฮา เท่านี้คงพอเลี้ยงดูหงอี้ได้กระมัง อุทยานในวังล้วนกว้างขวาง แมวตัวเดียวจะวิ่งเล่นทั้งวันได้สักเท่าใดกันเชียว หงอี้อยากนอนทั้งวันทั้งคืนข้าย่อมตามใจ หากเจ้าไม่อยากเลี้ยงก็ยกให้เจิ้นเสีย”
หลี่ไต้ซานหรือจะมองน้องชายไม่ออก พอเป็นเรื่องของเจ้าเหมียวสีขาวอย่างหงอี้ ทำมาพูดดีสารพัด น่าเบื่อบ้างละ กินจุบ้างละ ซุกซนจนน่ารำคาญบ้าง สร้างความวุ่นวายภายในจวนจนความสงบในชีวิตหายไป พอเขาขอมาเลี้ยงเองเจ้าน้องชายกลับส่งสายตาจิกกัด แค่ขอมาเล่นด้วยวันเดียวยังยากแสนยาก
ดูอย่างตอนนี้ ถูกหยอดหน่อยทำมามองตาขวาง ไม่เคยคิดเกรงใจตำแหน่งฮ่องเต้ของเขา
“เจิ้นกล่าวผิดที่ใด ในเมื่อเจ้าเหมือนจะไม่เต็มใจเลี้ยง ก็ยกให้เจิ้นเลี้ยงจะได้พ้นความรำคาญเสียที เจ้าจะได้มีเวลาไปตามเกี้ยวคุณหนูตระกูลอ้าย”
ไต้ชินอ๋องทำหน้าขรึมหนัก มิรู้ว่าถูกสะกิดต่อมความหลงแมวแบบหน้ามึน หรือถูกพี่ชายล่วงรู้ความจริงว่าเผลอไปถูกใจคุณหนูตระกูลอ้าย ถึงขนาดสาวเจ้ามีวาสนาดอกท้อกับราชเลขาหนุ่ม ขุนนางคนสนิทของพี่ชาย ก็ยังไม่วายคิดแย่งชิง
“เห้อ อาซวนนะอาซวน สตรีทั่วแคว้นหลี่มีน้อยเกินไปหรืออย่างไร ไยต้องถูกใจสตรีมีเจ้าของ เหตุใดจึงไม่มองคุณหนูทั้งหลายบ้าง พวกนางคอยแต่จะส่งสายตาให้เจ้าทุกเวลาที่พบหน้า”
มิใช่ว่าพระองค์กังวลว่าศึกรักครั้งนี้จะก่อปัญหาใหญ่โตจนขัดแย้งไปแทบทุกฝ่าย แต่ความสมานฉันท์ก็ยังดีกว่าความแตกแยกมิใช่หรือ
“แค่คนรัก ยังมิได้แต่งงาน จะเรียกว่ามีเจ้าของได้อย่างไร” หลี่ไต้ซวนแสยะยิ้มนึกสนุก ถือว่าการถูกใจสตรีสักคน แถมนางยังมีคนรักอยู่ก่อนแล้ว เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งสำหรับเขา
หากหงอี้มาเห็นใบหน้าของชินอ๋องในยามนี้ คงอุทานว่านี่มันออร่าของตัวร้ายชายชัด ๆ เลย ทั้งรอยยิ้มแสยะตรงมุมปาก ทั้งแววตาวาววับแตกต่างจากแววตาไร้อารมณ์ไม่สนใจสิ่งรอบตัวในยามปกติ
นับแต่เกิดจนเติบใหญ่ถึงเพียงนี้ ไต้ชินอ๋องไม่เคยรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเมื่อยามมองหน้าสตรีคนไหนเลยสักครั้ง ทว่าการพบกันโดยบังเอิญพร้อมรอยยิ้มแสนหวานของอ้ายเมิ่งเหยาในตลาดเมื่อไม่กี่วันก่อน กลับทำให้บุรุษผู้ด้านชาอย่างเขาอยากทำความรู้จักกับนางให้มากกว่าการพบหน้าโดยฉาบฉวย
แม้ว่าจะทราบภายหลังว่าคุณหนูอ้ายกำลังปลูกต้นรักกับราชเลขาหนุ่มเจียงจื้อหมิง แล้วอย่างไร ในเมื่อมาทำให้เขารู้สึกแม้จะเล็กน้อยก็ควรรับผิดชอบมิใช่หรือ คนรักกันแต่ยังไม่แต่งงานก็มีโอกาสเลิกราได้
เขามั่นใจว่าตนเองสามารถมอบทุกอย่างที่เจียงจื้อหมิงมีให้อ้ายเมิ่งหยา อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำขอเพียงนางยอมเปิดใจให้
หลี่ไต้ซานเห็นเช่นนี้แล้วทำได้เพียงถอนหายใจ ความรักไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ
“แล้วแต่เจ้าเถิดเรื่องความรักข้ามิอยากสอดมือเข้าไปยุ่ง พรุ่งนี้พาหงอี้มาแล้วข้าจะบอกจวิ้นอ๋องไว้ให้”
“ฝ่าบาทคิดเช่นนั้นดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ เพราะตอนที่ท่านตามขอความรักจากพี่สะใภ้ ข้าเองยังไม่คิดเข้าไปยุ่ง”
โอรสสวรรค์แยกเขี้ยวใส่น้องชาย ร้องเหอะอย่างหงุดหงิด คิดวิธีแก้ลำได้อย่างรวดเร็วด้วยการรีดไถเงินจากน้องชายตัวดี เอาให้หมดตัวเลยดีหรือไม่ “อย่างน้อยข้าก็ไม่คิดแย่งชิงสตรีของผู้ใด กล่าวถึงข้อแลกเปลี่ยนของเจ้ากับข้าจะตกลงกันได้ เจ้าคงไม่ลืมใช่หรือไม่ว่าจวิ้นอ๋องดูแลโรงประมูลซวี่หัว”
“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย โรงประมูลซวี่หัวจะไม่ขาดทุนเมื่อทำการค้ากับจวนชินอ๋อง”
“ดี ของหายาก มูลค่าย่อมสูงตามไปด้วย” ฮ่องเต้หนุ่มแย้มโอษฐ์เมื่อได้ตามที่ร้องขอ ก่อนยกพระหัตถ์โบกไล่น้องชายหน้าปลาตายไปให้พ้นหน้า ไม่วายตรัสสำทับเพราะกลัวอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นลืมว่า “พรุ่งนี้ก่อนยามเฉิน (07.00-08.59) ข้าต้องเห็นหงอี้ในห้องนี้”
โอรสสวรรค์หมุนเรือนกายกลับไปทรงงานอีกครา หลายเพลาแล้วที่พระองค์ไม่ได้พบเจ้าตัวนุ่มนิ่มแสนขี้เซา บอกไม่ถูกเช่นเดียวกันว่าเหตุใดการมีอยู่ของหงอี้จึงทำให้พระองค์รู้สึกปลอดโปร่ง ร่างกายกระฉับกระเฉง
ยังมีสิ่งเหลือเชื่ออีกเรื่อง ซึ่งยังไม่เปิดเผยต่อผู้ใด หมอหลวงประจำตัวของฮองเฮาตรวจสุขภาพของนาง พบว่าสุขภาพหลังคลอดองค์ชายสามแต่เดิมย่ำแย่ ต้องดื่มยาสมุนไพรประคองอาการมาตลอดแปดปี กลับดีขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ
นั่นจุดประกายความหวังของฮ่องเต้และฮองเฮา ทำให้ทั้งสองพระองค์ตระหนักถึงบางอย่างและย้อนกลับมามองถึงตัวแปรสำคัญให้ละเอียด มันเริ่มตั้งแต่มีหงอี้เข้ามา อาการอ่อนล้า เคร่งเครียดหมดไปเมื่อสูดกลิ่นประจำตัวของหงอี้ แม้แต่ใบหน้าซีดเซียวของฮองเฮายังดีขึ้นเมื่อหงอี้เข้ามาคลอเคลียข้างกาย
เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าความคิดของพระองค์ถูกต้อง หงอี้จึงต้องมาอยู่ที่นี่ ไม่คิดว่าตอนกำลังคิดหาข้ออ้างเพื่อยืมตัวแมวของน้องชาย ตัวการกลับเดินเข้ามาพบพระองค์ด้วยตัวเอง
สุดท้ายหงอี้ผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็ถูกอุ้มออกจากที่นอนท่ามกลางฝันดี แล้วถูกนำมาวางจุ่มปุ๊กทั้งเมาขี้ตาตรงหน้าบุรุษผู้มีใบหน้าคล้ายกับชินอ๋องถึงแปดส่วน ความง่วงไม่เคยปรานีใคร แม้จะนั่งอยู่เบื้องหน้าเอกบุรุษผู้ยืนอยู่เหนือคนใต้หล้า นางก็ยังอ้าปากหาวจนน้ำตาคลอ
หลี่ไต้ซานยิ้มจนดวงตาเล็กหยี กดจมูกลงระหว่างหูสองข้าง สูดดมกลิ่นจวี๋ฮวาที่ชื่นชอบแล้วถอนใบหน้าออก มองดูแมวขี้เซาที่ยังคงไม่ตื่นดี หลงลืมตัวตนของน้องชายอย่างไต้ชินอ๋องอีกครั้ง
คนถูกลืมรู้สึกหมั่นไส้การแสดงความรักของพี่ชายกับแมวของเขาเต็มทน ก่อเกิดความหวงจนนึกขุ่นมัว กำลังจะคว้าเจ้าก้อนขนออกมาเพื่อกลั่นแกล้ง แต่โอรสสวรรค์ดูจะไวกว่า รีบยกหงอี้ผู้นั่งหลับท่ามกลางสงครามแย่งชิงของสองพี่น้องขึ้นมากอด
ถลึงเนตรประกายลึกล้ำมองน้องชายที่กลั่นแกล้งผู้อื่นด้วยใบหน้าปลาตาย มีเพียงแววตาเท่านั้นกำลังสั่นไหว บ่งบอกว่าเจ้าตัวมีความสุขแค่ไหนที่ได้แกล้งเขาจนเสียอาการ
“กลับไปได้แล้ว ส่วนเรื่องที่ตกลงไว้ข้าจะจัดการให้เอง” รีบออกปากไล่โดยไม่มองหน้าเพราะเหม็นขี้หน้าของมันเต็มทน ไอ้หน้าตาไร้อารมณ์นั่นไม่รู้ได้ใครมา เอาสายพระเนตรมามองเจ้าขี้เซาตัวนี้ยังดีกว่าอีก
พระหัตถ์ทั้งสองข้างเกาคางนุ่มจนได้ยินเสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจ ดวงตากลมแป๋วปรือขึ้นมองอีกครั้ง “เจ้าไม่น่าหลงผิดรับน้องชายของข้าเป็นเจ้านายเลย ชีวิตแต่ละวันช่างไร้สีสัน”
เหมี้ยว ซวนรวยมาก มีเงินซื้อของกินให้ข้าเยอะด้วย ที่สำคัญนางชอบกลิ่นตัวของพ่อตัวร้ายคนนี้มาก ถึงจะชอบเข้าไปออดอ้อนคนนั้นที คนนี้ที แต่ถ้าให้ทิ้งเจ้านายผู้มีพระคุณอย่างชินอ๋อง หงอี้ก็ทำไม่ลง
ถึงสีหน้าปลาตายจะน่าเบื่อในบางที แต่กับนาง เขาอ่อนโยนและยอมตามใจมาก ถึงตอนถูกรับมาเลี้ยงใหม่ ๆ ต้องเสียพลังงานออดอ้อนอยู่นานนับเดือนก็เถอะ ผลลัพธ์ในตอนหลังนับว่าคุ้มค่าต่อการลงแรง
“ฝ่าบาทคิดเช่นนั้นกระหม่อมไม่บังอาจกล่าวแย้งพ่ะย่ะค่ะ แต่ต้องดูความเห็นของหงอี้ด้วยว่าคิดเช่นนั้นจริงหรือไม่” ไต้ชินอ๋องเผยแววตามั่นใจ หงอี้จะแอบไปเที่ยวเล่นข้างนอกหรือออดอ้อนผู้ใด สุดท้ายนางจะเลือกเขา ฮ่องเต้เองก็ทราบความจริงข้อนี้จึงเลิกต่อล้อต่อเถียงกับน้องชายให้เสียเวลาตรวจฎีกา
“เอาเถอะ ๆ ผลเป็นเช่นไรก็รู้ ๆ กันอยู่ จัดการธุระของเจ้าเสร็จแล้วรีบเข้าวัง ข้ามีบางอย่างต้องการหารือกับเจ้า”
คนเราเมื่อตายแล้วไปไหน เป็นคนถามยอดฮิตที่คนเป็นยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเมื่อ ตาย แล้ว วิญญาณจะไปที่ไหนต่อส่วน กมลเนตร สาวไทยวัย 28 ปี พบว่าเมื่อตัวเธอตายวิญญาณไม่ได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก แต่กลับมาอยู่ในร่างของแมวจรผู้อดอยาก ผิดยุคผิดสมัยฟังไม่ผิด เธอตื่นขึ้นมาในร่างแมวจรจัด หลังเรือล่มในทะเลจากการเที่ยวในวันหยุดยาว ยอมรับว่าความรู้สึกของการเดินสี่ขา ความรู้สึกของการเป็นสัตว์ที่ไร้เจ้าของ ไม่ทำให้เธอรู้สึกแย่มากกว่าการพบว่ายุคที่อยู่ไม่ใช่ยุคปัจจุบันในเมื่อตอนเป็นคนเธอก็กำพร้าพ่อแม่ เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้า พอเรียนจบมัธยมปลายก็ออกมาอยู่หอพัก ทำงานหนักจนสายตัวแทบขาดหาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบ ทุกคืนเมื่อกลับถึงห้องพักความโดดเดี่ยวกัดกินหัวใจจนรู้สึกชาชิน แม้จะมีคุณแม่ในบ้านเด็กกำพร้าและเพื่อนจากในนั้นคอยถามข่าวคราวแต่ทุกคนต่างก็ต้องดิ้นรนในแบบของตัวเอง นอกจากถามไถ่ทุกข์สุข ก็ไม่สามารถช่วยเหลือ หยิบยื่นโอกาสอะไรให้ในช่วงแรกนอกจากตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ในร่างแมวน้อยไร้เรี่ยวแรง กมลเนตรก็หม่นหมองอยู่สักพักแล้วทำใจได้อย่างรวดเร็วตามประสาคนที่ปรับตัวตามสถานการณ์ได้ทุกเวลา ถึงจะมีช
นับเป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้วในร่างแมวและโลกใบใหม่ หลังจากค่ำคืนในวัดร้างชีวิตแมวจรของกมลเนตรพลิกผันกลายเป็นแมวของท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ ร่ำรวยเงินทอง มากอำนาจบารมี แถมยังถูกตั้งชื่อว่า หงอี้ภายในจวนหลังใหญ่ อาณาเขตกว้างขวางเหมาะแก่การวิ่งเล่น น่าเสียดายที่เจ้าของจวนเกลียดดอกไม้เข้าเส้นสวนภายในนี้จึงมีแค่ต้นไม้ หญ้าและไม้พุ่มสีเขียวซึ่งถูกตัดแต่งอย่างดีเท่านั้น เมื่อหาความสวยงามจากด้านหน้าไม่พบ หงอี้ จึงมักไปขลุกตัวอยู่บริเวณท้ายจวนกับสาวใช้ทั้งหลาย สถานที่ตรงนี้เป็นเหมือนจุดพักผ่อนสำหรับสาวใช้ เมื่อเสร็จจากงานในหน้าที่รับผิดชอบ พวกนางมักจะปลูกผัก ปลูกดอกไม้หงอี้ชอบกลิ่นหอมของดอกไม้มาก จึงมักมานอนกลิ้งตัว บางขณะก็มักจะสูดดมไปตามกลีบดอกด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม หญ้านุ่ม ๆ นั้นดีอยู่หรอกแต่จะสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกถ้าได้ดอกไม้หลากสีสันประดับตกแต่งด้วยพูดถึงความเปลี่ยนแปลงเห็นจะมากทีเดียว เมื่อสถานะเปลี่ยนจากแมวจรเป็นแมวเลี้ยง ร่างกายผอมโซราวกับไร้เรี่ยวแรงเปลี่ยนเป็นอวบอ้วน เต็มไม้เต็มมือ ขนสีขาวที่เคยเปื้อนกระดำกระด่าง ยังมีขนหลุดเป็นกระจุกจนมองเห็นหนัง สาเหตุเกิดจากไปตบตีกับเจ้าถิ่นจนบาดเจ็บไปต
“อีอี~”ใบหน้ากลมป้อมหันมองทางต้นเสียงจึงเห็นบุรุษร่างสูงใหญ่ กำลังฉีกยิ้มราวคนโง่งมวิ่งอ้าแขนตรงมาหานาง หงอี้มองเขาด้วยแววตาเบื่อหน่าย รอจนเขาวิ่งมาใกล้ตัวจึงกระโดดหลบวิธีวงแขนนั้นอย่างง่ายดาย เมินสีหน้าผิดหวังของคนชอบฉวยโอกาส ยืนส่ายพวงหางดมกลีบดอกกุหลาบสีชมพู ดูยโสไม่น้อย“เหมี๊ยววว ม่าวว” อย่าคิดว่าเป็นสหายของชินอ๋องแล้วจะมากอดข้าตอนไหนก็ได้นะเจ้าคะ เป็นบุรุษมิควรใกล้ชิดสตรี“เจ้าใจร้าย ข้าอุตส่าห์ได้ของเล่นมาใหม่ สั่งทำพิเศษเพื่อเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ”หงอี้ยังคงเมินบุรุษร่างใหญ่แต่ขี้ใจน้อย ดวงตากลมมองตามผีเสื้อแสนสวยบินผ่านหน้าไป พอมันเกาะบนกลีบดอกไม้นางจึงยกเท้าหน้าหวังเขี่ยอย่างนึกสนุกแมวขนยาวสีขาวท่ามกลางดอกไม้หลากสีเป็นภาพที่ทำคนมองใจละลาย สลัดความน้อยใจหลังถูกแมวเมินทิ้ง นั่งมองความน่ารักนั้นอย่างมีความสุขเมื่อสามปีก่อนชีวิตของท่านกุนซือหนุ่มแม้จะสุนกสนานตามประสาแต่ก็เงียบเหงาไร้จุดหมาย จนกระทั่งการปรากฏตัวของเจ้าก้อนขนสีขาวในอ้อมแขนของไต้ชินอ๋อง โดยไม่รู้ตัว กงเจิ้งก็ถูกดวงตาสีเทากลมแป๋วคู่นั้นหว่านเสน่ห์ให้ตกหลุมความน่ารักจนถอนตัวไม่ขึ้นดูเนื้อตัวกลม ๆ และขนปุกปุยนั่นสิ คว
กงเจิ้งอยากพูดบางอย่างแต่สีหน้าของชินอ๋องสั่งเขาให้หุบปาก เมื่อรถม้าจอดหน้าจวนจึงลงจากรถม้าแต่โดยดี ภายในรถม้าเหลือเพียงหนึ่งคนหนึ่งแมว หงอี้ยังไม่รู้ตัวว่าการที่นางสยบเสือร้ายจนหงอเป็นเรื่องแปลกประหลาด จึงนั่งเลียขนเงียบ ๆ บนตักแกร่งไต้ชินอ๋องหลุบตามองสัตว์เลี้ยงที่ไม่เคยตั้งใจเก็บมาเลี้ยงอย่างใช้ความคิด แคว้นหลี่ก่อตั้งมายาวนานนับพันปี เปลี่ยนราชวงศ์มานับสิบราชวงศ์ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนหรือสูญหาย นั่นก็คือตำนานเก่าแก่ในสมุดบันทึก ซึ่งตกทอดและถูกเก็บรักษาอย่างดีในห้องลับ มีเพียงคนในราชวงศ์ไม่กี่คนสามารถเข้าถึงมันได้เขาไม่เคยอยากสนใจศึกษาอย่างถ่องแท้จนกระทั่งวันนี้ หงอี้เป็นแค่แมวแต่กลับทำให้เสือดำยอมสงบลงได้เพียงแค่ขู่ หงอี้ฉลาดกว่าแมวทั่วไปเขายอมรับ มันถึงขนาดเข้าใจท่าทีหรือภาษาคนได้ มีหลายครั้งหรือเหตุการณ์บางอย่างที่เขามิได้คิดไปเองเห็นทีต้องกลับไปลื้อค้นตำนานพวกนั้นมาอ่านสักครั้ง บางทีอาจมีคำตอบในข้อสงสัยของวันนี้ ส่วนเสือดำแต่มีลายพาดกลอนตัวนั้น...หลี่ไต้ซวนก้มมองหงอี้ผู้นอนหมอบนิ่งบนตัก ตัดสินใจทดสอบบางอย่างอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “หงอี้”เจ้าของชื่อผงกหัวมองคนเรียก
“อีอี~”ใบหน้ากลมป้อมหันมองทางต้นเสียงจึงเห็นบุรุษร่างสูงใหญ่ กำลังฉีกยิ้มราวคนโง่งมวิ่งอ้าแขนตรงมาหานาง หงอี้มองเขาด้วยแววตาเบื่อหน่าย รอจนเขาวิ่งมาใกล้ตัวจึงกระโดดหลบวิธีวงแขนนั้นอย่างง่ายดาย เมินสีหน้าผิดหวังของคนชอบฉวยโอกาส ยืนส่ายพวงหางดมกลีบดอกกุหลาบสีชมพู ดูยโสไม่น้อย“เหมี๊ยววว ม่าวว” อย่าคิดว่าเป็นสหายของชินอ๋องแล้วจะมากอดข้าตอนไหนก็ได้นะเจ้าคะ เป็นบุรุษมิควรใกล้ชิดสตรี“เจ้าใจร้าย ข้าอุตส่าห์ได้ของเล่นมาใหม่ สั่งทำพิเศษเพื่อเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ”หงอี้ยังคงเมินบุรุษร่างใหญ่แต่ขี้ใจน้อย ดวงตากลมมองตามผีเสื้อแสนสวยบินผ่านหน้าไป พอมันเกาะบนกลีบดอกไม้นางจึงยกเท้าหน้าหวังเขี่ยอย่างนึกสนุกแมวขนยาวสีขาวท่ามกลางดอกไม้หลากสีเป็นภาพที่ทำคนมองใจละลาย สลัดความน้อยใจหลังถูกแมวเมินทิ้ง นั่งมองความน่ารักนั้นอย่างมีความสุขเมื่อสามปีก่อนชีวิตของท่านกุนซือหนุ่มแม้จะสุนกสนานตามประสาแต่ก็เงียบเหงาไร้จุดหมาย จนกระทั่งการปรากฏตัวของเจ้าก้อนขนสีขาวในอ้อมแขนของไต้ชินอ๋อง โดยไม่รู้ตัว กงเจิ้งก็ถูกดวงตาสีเทากลมแป๋วคู่นั้นหว่านเสน่ห์ให้ตกหลุมความน่ารักจนถอนตัวไม่ขึ้นดูเนื้อตัวกลม ๆ และขนปุกปุยนั่นสิ คว
นับเป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้วในร่างแมวและโลกใบใหม่ หลังจากค่ำคืนในวัดร้างชีวิตแมวจรของกมลเนตรพลิกผันกลายเป็นแมวของท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ ร่ำรวยเงินทอง มากอำนาจบารมี แถมยังถูกตั้งชื่อว่า หงอี้ภายในจวนหลังใหญ่ อาณาเขตกว้างขวางเหมาะแก่การวิ่งเล่น น่าเสียดายที่เจ้าของจวนเกลียดดอกไม้เข้าเส้นสวนภายในนี้จึงมีแค่ต้นไม้ หญ้าและไม้พุ่มสีเขียวซึ่งถูกตัดแต่งอย่างดีเท่านั้น เมื่อหาความสวยงามจากด้านหน้าไม่พบ หงอี้ จึงมักไปขลุกตัวอยู่บริเวณท้ายจวนกับสาวใช้ทั้งหลาย สถานที่ตรงนี้เป็นเหมือนจุดพักผ่อนสำหรับสาวใช้ เมื่อเสร็จจากงานในหน้าที่รับผิดชอบ พวกนางมักจะปลูกผัก ปลูกดอกไม้หงอี้ชอบกลิ่นหอมของดอกไม้มาก จึงมักมานอนกลิ้งตัว บางขณะก็มักจะสูดดมไปตามกลีบดอกด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม หญ้านุ่ม ๆ นั้นดีอยู่หรอกแต่จะสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกถ้าได้ดอกไม้หลากสีสันประดับตกแต่งด้วยพูดถึงความเปลี่ยนแปลงเห็นจะมากทีเดียว เมื่อสถานะเปลี่ยนจากแมวจรเป็นแมวเลี้ยง ร่างกายผอมโซราวกับไร้เรี่ยวแรงเปลี่ยนเป็นอวบอ้วน เต็มไม้เต็มมือ ขนสีขาวที่เคยเปื้อนกระดำกระด่าง ยังมีขนหลุดเป็นกระจุกจนมองเห็นหนัง สาเหตุเกิดจากไปตบตีกับเจ้าถิ่นจนบาดเจ็บไปต
คนเราเมื่อตายแล้วไปไหน เป็นคนถามยอดฮิตที่คนเป็นยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเมื่อ ตาย แล้ว วิญญาณจะไปที่ไหนต่อส่วน กมลเนตร สาวไทยวัย 28 ปี พบว่าเมื่อตัวเธอตายวิญญาณไม่ได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก แต่กลับมาอยู่ในร่างของแมวจรผู้อดอยาก ผิดยุคผิดสมัยฟังไม่ผิด เธอตื่นขึ้นมาในร่างแมวจรจัด หลังเรือล่มในทะเลจากการเที่ยวในวันหยุดยาว ยอมรับว่าความรู้สึกของการเดินสี่ขา ความรู้สึกของการเป็นสัตว์ที่ไร้เจ้าของ ไม่ทำให้เธอรู้สึกแย่มากกว่าการพบว่ายุคที่อยู่ไม่ใช่ยุคปัจจุบันในเมื่อตอนเป็นคนเธอก็กำพร้าพ่อแม่ เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้า พอเรียนจบมัธยมปลายก็ออกมาอยู่หอพัก ทำงานหนักจนสายตัวแทบขาดหาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบ ทุกคืนเมื่อกลับถึงห้องพักความโดดเดี่ยวกัดกินหัวใจจนรู้สึกชาชิน แม้จะมีคุณแม่ในบ้านเด็กกำพร้าและเพื่อนจากในนั้นคอยถามข่าวคราวแต่ทุกคนต่างก็ต้องดิ้นรนในแบบของตัวเอง นอกจากถามไถ่ทุกข์สุข ก็ไม่สามารถช่วยเหลือ หยิบยื่นโอกาสอะไรให้ในช่วงแรกนอกจากตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ในร่างแมวน้อยไร้เรี่ยวแรง กมลเนตรก็หม่นหมองอยู่สักพักแล้วทำใจได้อย่างรวดเร็วตามประสาคนที่ปรับตัวตามสถานการณ์ได้ทุกเวลา ถึงจะมีช