หงอี้มองตามแผ่นหลังกว้างของชินอ๋องจนลับสายตา พอถูกนำมาวางบนเบาะนอนซึ่งกงกงคนสนิทของฮ่องเต้จัดวางบนโต๊ะทรงงาน พร้อมถ้วยใส่นมอุ่น ๆ ความสนใจของนางจึงกลับมาจดจ่อกับของกินแทน
โอรสสวรรค์ยิ้มปลาบปลื้ม รู้สึกมีแรงทำงานเพิ่มขึ้นหลังได้กลิ่นประจำตัวของจอมขี้เซา รอให้พระองค์จัดการงานบนโต๊ะแล้วเสร็จ ค่อยพาหงอี้ไปเสวยสำรับเช้าที่ตำหนักของฮองเฮา
ด้วยผลตรวจร่างกายรอบล่าสุด ทำให้พระองค์มีความหวังที่จะผลิตองค์หญิงตัวน้อยหน้าตาเหมือนฮองเฮาออกมาวิ่งเล่นไปทั่วพระราชวัง ส่งเสียงเรียกพระองค์ว่าเสด็จพ่อเจ้าคะ เสด็จพ่อเจ้าขา
องค์หญิงน้อยเนื้อตัวนุ่มนิ่มหอมน้ำนม สวมชุดปักลวดลายสวยงาม ทำผมเป็นก้อนซาลาเปา ฉีกยิ้มหวานจนแก้มขึ้นก้อนกลมส่งมาให้...เพียงแค่คิดก็มีความสุขแล้ว
“สำหรับเรื่องที่ข้าปรารถนาในตอนนี้ เจ้าคือความหวังเดียว หงอี้”
เจ้าก้อนขนแสนนุ่มนิ่มเลียปากหลังดื่มนมอุ่นจนหมดถ้วย มองบุรุษผู้อยู่เหนือคนทั้งใต้หล้าด้วยดวงตากลมแป๋ว แสนใสซื่อ ไม่อาจเข้าใจว่านางเป็นความหวังในเรื่องใด
หากนั่นทำให้คนมีความหวัง แม้จะเล็กน้อย ถือว่านางมีความสำคัญ หรือเปล่านะ
หงอี้โคลงศีรษะ ท้องอิ่มเล็กน้อยทำให้นางขี้เกียจก็ไม่อยากนอนอีกแล้ว จึงเหยียดยืดคลายความเมื่อยขบ ลุกเดินนวยนาดส่ายพวงหางไปทั่วโต๊ะทรงงานของฮ่องเต้ สายตาสอดส่องกองฎีกาอย่างใคร่รู้
“ยังไม่อิ่มหรือ” หลี่ไต้ซานถามแมวน้อยด้วยสีหน้าฉงน ใช้ด้ามพู่กันจิ้มพุงกลม ๆ นั่นเชิงหยอกล้อจึงได้รับสายตาค้อนเคืองจากแมวแสนรู้ ชวนให้เสียงหัวเราะของโอรสสวรรค์ดังกลบความเงียบสงัดในทีแรก
“นี่แหนะ อย่าได้ขุ่นเคืองเลย ข้าได้ยินว่าเมื่อเจ้าตื่นนอนจะต้องได้กินนมอุ่น เมื่ออิ่มแล้วจึงนอนหลับชั่วครู่ถึงออกไปเดินเล่นและกลับมากินข้าวมิใช่หรือ”
หงอี้กรอกตา นึกรำคาญเล็กน้อยเมื่อนางพูดโต้ตอบใครไม่ได้ จึงถอนหายใจทิ้งตัวนั่งยกอุ้งเทาหน้าเขี่ยแบบจำลองกังหันน้ำให้มันหมุนเอื่อย แม้ความเบื่อหน่ายแต่ก็ไม่อยากออกไปเดินเล่นด้านนอก
เคยติดตามชินอ๋องมาบ่อย ๆ นางก็ยังครั่นคร้ามต่อสถานที่อันตรายนี้ไม่หาย สถานที่อันกลืนกินทั้งคนและสัตว์จนไม่เหลือแม้แต่กระดูก
“เบื่อหรือ อยากออกไปเดินเล่นข้างนอกไหม ข้าจะให้กงกงพาไป”
หงอี้ส่ายหัวทิ้งตัวนอนหมอบ วางคางบนอุ้งเท้า ลักษณะอาการเกียจคร้านเหลือคนาเผชิญหน้ากับโอรสสวรรค์ที่กำลังก้มตวัดพู่กัน นำตราประทับบนฎีกาที่ตรวจเสร็จ พระองค์ตรัสกับนางโดยที่ไม่เหลือบดวงเนตรมองนาง
กงกงคนสนิทของฮ่องเต้ยิ้มตาหยีกับอาการของแมวตัวน้อย หงอี้จับสายตาของชายชราได้จึงผุดลุกกระโดดลงจากโต๊ะ ใช้สีข้างถูไถชายชุดของเขาเชิงอ้อน กงกงชราคล้ายถูกขนนกปัดป่าย ก้มมองตัวการ แววตาเข้มงวดอย่างคนที่ต้องควบคุมบริวารอยู่เป็นนิจ อ่อนลงจนดูคล้ายชายชราใจดี
ไม่รู้ว่าอีกนานไหมกว่าชินอ๋องจะตกหลุมรักนางเอก แล้วการเดินตามเส้นทางในนิยายจะทำให้ความสำคัญของนางลดลงหรือไม่
หงอี้กังวลถึงมันเล็กน้อย การมีอยู่ของแมวอย่างนาง อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงของเนื้อหา หากนางยังเป็นเพียงผู้อ่าน ต้องรู้สึกปลาบปลื้มในความรักของพระเอกนางเอกอยู่แล้ว
ทว่านางในตอนนี้คือแมวของชินอ๋อง ตัวร้ายชายผู้จะผิดหวังในความรัก จนสุดท้ายต้องเดินจากไปอยู่ในที่แสนไกลอย่างโดดเดี่ยว ซึ่งนางไม่ต้องการให้จุดจบของเขาเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป
การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกว่าสามปี ทำให้นางมองเห็นมุมมองฝ่ายตัวร้าย ก่อเกิดความผูกพัน ความห่วงใยและความปรารถนาดี หวังเพียงให้เขาหาความสุขของตัวเองเจอสักครั้งในชีวิต
ชินอ๋องเสียสละความสุขของตนเองไปหลายอย่าง เพื่อปกป้องความสุขสงบและความปลอดภัยของประชาชนในแคว้น
ถ้าเปลี่ยนให้เขารักสตรีอื่นได้คงดี ความเจ็บปวดหรือการต้องอยู่คนเดียว นางล้วนเคยประสบพบเจอมาทั้งสิ้น รสชาติของมันช่างขมฝาดจนไม่อยากจดจำ
ส่วนคนที่หงอี้ไม่อยากให้เจ็บปวด กำลังนั่งอยู่ข้างหน้าต่างในห้องส่วนตัวของภัตตาคารชื่อดังของเมืองหลวง เพื่อมองใครบางคนกำลังเดินเที่ยวเล่นกับสาวใช้ในตลาด
ความสดใสภายใต้แววตาใสซื่อกวาดมองสิ่งรอบกายด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าเล็ก ปากนิด จมูกหน่อย แก้มกลมยามเจ้าตัวยกยิ้ม ช่วยให้นางดูใจดีเข้าถึงง่าย
จนกระทั่งห้ามใจแอบมองอยู่ในเงามืดไม่ไหวเดินลงมาข้างล่าง ทำทีว่าเป็นการพบกันโดยบังเอิญอีกครั้ง
อ้ายเมิ่งเหยากำลังสนุกกับการเที่ยวเล่นในตลาด ชะงักการก้าวเดินเมื่อเห็นบุรุษสูงศักดิ์เดินหน้านิ่งตรงมาหานาง รอยยิ้มกว้างหายวับ รีบก้มหน้าคำนับอย่างอ่อนช้อย
“เมิ่งเหยาคารวะชินอ๋องเจ้าค่ะ”
“คุณหนูอ้ายตามสบาย พบเจ้าอีกครานับเป็นวาสนา” การที่ไต้ชินอ๋องใช้น้ำเสียงกร้าวกระด้างแต่ปรับให้อ่อนโยนลง ไม่ได้ช่วยให้คู่สนทนารู้สึกผ่อนคลาย
กลับกันเกิดเป็นความระแวงจนวางตนแทบไม่ถูก ยิ่งประโยคหลังยิ่งน่าสงสัยว่าชินอ๋องต้องการสิ่งใดกับคุณหนูอย่างนาง
กระนั้นด้วยมารยาทของกุลสตรี อ้ายเมิ่งเหยาวางความสงสัยลง ส่งยิ้มบางเป็นทัพหน้า “เมิ่งเหยารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
“วันนี้ก็มาเที่ยวเล่นหรือ”
“เจ้าค่ะ อีกไม่กี่วันจะถึงวันคล้ายวันเกิดของใต้เท้าเจียงแล้ว ข้าจึงออกมาเดินตลาด มองหาของขวัญเพื่อมอบให้กับเขา”
“อ้อ หากไม่รังเกียจข้าขอไปเลือกด้วยได้หรือไม่”
แม้จะเผลอขมวดคิ้วเมื่อได้ยินว่าสตรีที่สนใจกำลังเลือกซื้อของขวัญให้บุรุษอื่น กระนั้นก็รีบกล่าวเมื่อพบแววตาแคลงใจของอ้ายเมิ่งเหยามองมา “ตระกูลเจียงจัดงานให้ราชเลขาเจียงทุกปี ข้าเองได้รับเชิญไปร่วมงานเช่นกัน ยังไม่พบของขวัญที่ถูกใจอีกทั้งไม่ใคร่ชำนาญการเลือกของขวัญนัก หากได้คนรู้ใจของราชเลขาเจียงช่วยแนะนำคงดีไม่น้อย หวังว่าคุณหนูอ้ายจะไม่ปฏิเสธ”
นัยน์ตาสีรัตติกาลแสนอันตรายนั้น ทำให้อ้ายเมิ่งเหยารีบโบกมือส่ายหน้ารัวเร็ว เพราะกลัวว่าจะเผลอไปสร้างความขุ่นเคืองให้ชินอ๋องเข้า ดีไม่ดีจากการพูดคุยจะกลายเป็นสั่งลงโทษนางเพราะกล่าววาจาไม่เข้าหู
“เมิ่งเหยาไม่กล้าปฏิเสธเจ้าค่ะ เพียงไม่คิดว่าท่านอ๋องจะอยากมาเดินด้วยกัน”
“เช่นนั้นคุณหนูอ้ายโปรดนำทาง”
เมื่อเห็นสีหน้าของชินอ๋องกลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง อ้ายเมิ่งเหยาจึงลอบถอนหายใจโดยระวังไม่ให้บุรุษตัวโตจับได้นางเหลือบมองคนสนิทที่ยืนตัวแข็งทื่อจากการถูกแรงกดดันรอบตัวของชินอ๋องไปนาน แล้วออกเดินนำ จึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มชอบใจตรงมุมปากหยักของคนตัวโตด้านหลังทิ้งความรู้สึกหงุดหงิดบางอย่าง ก้าวตามแผ่นหลังของสตรีที่เขาเกิดสนใจขึ้นมากะทันหัน ลึกลงไปในแววตากร้าวกระด้าง เกิดแววไม่ยินยอมต่อบางสิ่ง ทว่ากลับไร้หนทางต่อต้าน ทำได้เพียงโอนเอนตามแรงฉุดดึงที่มองไม่เห็นเพื่อหาคำตอบเย็นวันนั้น พอออกจากพระราชวัง ซึ่งกว่าจะหลุด ต้องนั่งมองการยื้อยุดของสองพี่น้องอยู่นานสองนาน ด้วยฮ่องเต้คิดหาข้ออ้างดึงตัวนางไว้ข้างกายอีกหนึ่งคืน ชินอ๋องไม่ยอมอ่อนข้ออาศัยช่วงทีเผลอคว้าตัวนางแล้วเดินตัวปลิวออกจากห้องทรงพระอักษรพอกินข้าวเย็นอิ่ม หงอี้ได้รับการไหว้วานจากชินอ๋องให้ติดตามไปยังโรงประมูลซวี่หัวอีกครั้ง เบื้องหน้าของนางยังคงเป็นกรงขังขนาดใหญ่ ภายในนั้นเป็นเสือดำลายพาดกลอนตัวใหญ่ผู้หงุดหงิดง่าย นอนหมดแรงหลังถูกวางยาสลายกำลังซึ่งเป็นตัวยาหายาก แทบสูญหายจากแผ่นดิน ต้องใช้ทั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์ออกค้นหา เมื่อได้มาแล้วย
สามวันต่อมา จวนตระกูลเจียงจัดงานครบรอบวันเกิดให้แก่ราชเลขาเจียง ผู้เป็นแรงสำคัญนำพาให้ตระกูลเจียงกลับมาผงาด จนยืนอย่างมั่นคงท่ามกลางตระกูลขุนนางชั้นสูงในเมืองหลวงได้อีกครั้งหลังจากตระกูลเจียงตกต่ำมานับสิบแปดปี ด้วยการตัดสินใจทำการค้ากับขุนนางนิสัยชั่วร้าย หลอกลวงได้แม้กระทั่งราชสำนัก แม้จะพิสูจน์หลักฐานพบเพียงตระกูลเจียงไม่รู้เห็น แต่ความร่ำรวยของพวกเขาปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากเงินของราษฎรบทลงโทษของพวกเขาตระกูลเจียง คือ ยึดทรัพย์สินเข้าคลังหลวง เพื่อชดเชยความเสียหายจากการค้า จากตระกูลคหบดีผู้ร่ำรวย ดิ่งสู่จุดต่ำสุด เคยอาศัยในจวนหลังใหญ่ สาวใช้บ่าวไพร่นับร้อยชีวิตคอยทำงาน ชีวิตสุขสบายหายไปพวกเขาต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดย้ายออกจากจวนเดิม สาวใช้บ่าวไพร่ต่างถูกขายเพื่อลดรายจ่าย บุตรหลานตระกูลเจียงราวตกสวรรค์ พวกเขาไม่มีทางฟื้นคืนได้อีกแล้ว แม้แต่สหายที่เคยคบหายังหนีหน้า เลิกคบหาพวกเขาสอนให้เห็นถึงจิตใจแท้จริงของคนเมื่อหกปีก่อนเจียงจื้อหมิงสอบได้จอหงวน เขาเริ่มทำงานเป็นขุนนางขั้นเล็ก ๆ ไต่เต้าด้วยความสามารถจนกระทั่งวันนี้ กลายเป็นราชเลขาคนสำคัญที่ฝ่าบาทไว้วางพระทัยและว่าที่ผู้นำตระกูลเจียงคนต
คนเราเมื่อตายแล้วไปไหน เป็นคนถามยอดฮิตที่คนเป็นยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเมื่อ ตาย แล้ว วิญญาณจะไปที่ไหนต่อส่วน กมลเนตร สาวไทยวัย 28 ปี พบว่าเมื่อตัวเธอตายวิญญาณไม่ได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก แต่กลับมาอยู่ในร่างของแมวจรผู้อดอยาก ผิดยุคผิดสมัยฟังไม่ผิด เธอตื่นขึ้นมาในร่างแมวจรจัด หลังเรือล่มในทะเลจากการเที่ยวในวันหยุดยาว ยอมรับว่าความรู้สึกของการเดินสี่ขา ความรู้สึกของการเป็นสัตว์ที่ไร้เจ้าของ ไม่ทำให้เธอรู้สึกแย่มากกว่าการพบว่ายุคที่อยู่ไม่ใช่ยุคปัจจุบันในเมื่อตอนเป็นคนเธอก็กำพร้าพ่อแม่ เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้า พอเรียนจบมัธยมปลายก็ออกมาอยู่หอพัก ทำงานหนักจนสายตัวแทบขาดหาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบ ทุกคืนเมื่อกลับถึงห้องพักความโดดเดี่ยวกัดกินหัวใจจนรู้สึกชาชิน แม้จะมีคุณแม่ในบ้านเด็กกำพร้าและเพื่อนจากในนั้นคอยถามข่าวคราวแต่ทุกคนต่างก็ต้องดิ้นรนในแบบของตัวเอง นอกจากถามไถ่ทุกข์สุข ก็ไม่สามารถช่วยเหลือ หยิบยื่นโอกาสอะไรให้ในช่วงแรกนอกจากตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ในร่างแมวน้อยไร้เรี่ยวแรง กมลเนตรก็หม่นหมองอยู่สักพักแล้วทำใจได้อย่างรวดเร็วตามประสาคนที่ปรับตัวตามสถานการณ์ได้ทุกเวลา ถึงจะมีช
นับเป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้วในร่างแมวและโลกใบใหม่ หลังจากค่ำคืนในวัดร้างชีวิตแมวจรของกมลเนตรพลิกผันกลายเป็นแมวของท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ ร่ำรวยเงินทอง มากอำนาจบารมี แถมยังถูกตั้งชื่อว่า หงอี้ภายในจวนหลังใหญ่ อาณาเขตกว้างขวางเหมาะแก่การวิ่งเล่น น่าเสียดายที่เจ้าของจวนเกลียดดอกไม้เข้าเส้นสวนภายในนี้จึงมีแค่ต้นไม้ หญ้าและไม้พุ่มสีเขียวซึ่งถูกตัดแต่งอย่างดีเท่านั้น เมื่อหาความสวยงามจากด้านหน้าไม่พบ หงอี้ จึงมักไปขลุกตัวอยู่บริเวณท้ายจวนกับสาวใช้ทั้งหลาย สถานที่ตรงนี้เป็นเหมือนจุดพักผ่อนสำหรับสาวใช้ เมื่อเสร็จจากงานในหน้าที่รับผิดชอบ พวกนางมักจะปลูกผัก ปลูกดอกไม้หงอี้ชอบกลิ่นหอมของดอกไม้มาก จึงมักมานอนกลิ้งตัว บางขณะก็มักจะสูดดมไปตามกลีบดอกด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม หญ้านุ่ม ๆ นั้นดีอยู่หรอกแต่จะสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกถ้าได้ดอกไม้หลากสีสันประดับตกแต่งด้วยพูดถึงความเปลี่ยนแปลงเห็นจะมากทีเดียว เมื่อสถานะเปลี่ยนจากแมวจรเป็นแมวเลี้ยง ร่างกายผอมโซราวกับไร้เรี่ยวแรงเปลี่ยนเป็นอวบอ้วน เต็มไม้เต็มมือ ขนสีขาวที่เคยเปื้อนกระดำกระด่าง ยังมีขนหลุดเป็นกระจุกจนมองเห็นหนัง สาเหตุเกิดจากไปตบตีกับเจ้าถิ่นจนบาดเจ็บไปต
“อีอี~”ใบหน้ากลมป้อมหันมองทางต้นเสียงจึงเห็นบุรุษร่างสูงใหญ่ กำลังฉีกยิ้มราวคนโง่งมวิ่งอ้าแขนตรงมาหานาง หงอี้มองเขาด้วยแววตาเบื่อหน่าย รอจนเขาวิ่งมาใกล้ตัวจึงกระโดดหลบวิธีวงแขนนั้นอย่างง่ายดาย เมินสีหน้าผิดหวังของคนชอบฉวยโอกาส ยืนส่ายพวงหางดมกลีบดอกกุหลาบสีชมพู ดูยโสไม่น้อย“เหมี๊ยววว ม่าวว” อย่าคิดว่าเป็นสหายของชินอ๋องแล้วจะมากอดข้าตอนไหนก็ได้นะเจ้าคะ เป็นบุรุษมิควรใกล้ชิดสตรี“เจ้าใจร้าย ข้าอุตส่าห์ได้ของเล่นมาใหม่ สั่งทำพิเศษเพื่อเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ”หงอี้ยังคงเมินบุรุษร่างใหญ่แต่ขี้ใจน้อย ดวงตากลมมองตามผีเสื้อแสนสวยบินผ่านหน้าไป พอมันเกาะบนกลีบดอกไม้นางจึงยกเท้าหน้าหวังเขี่ยอย่างนึกสนุกแมวขนยาวสีขาวท่ามกลางดอกไม้หลากสีเป็นภาพที่ทำคนมองใจละลาย สลัดความน้อยใจหลังถูกแมวเมินทิ้ง นั่งมองความน่ารักนั้นอย่างมีความสุขเมื่อสามปีก่อนชีวิตของท่านกุนซือหนุ่มแม้จะสุนกสนานตามประสาแต่ก็เงียบเหงาไร้จุดหมาย จนกระทั่งการปรากฏตัวของเจ้าก้อนขนสีขาวในอ้อมแขนของไต้ชินอ๋อง โดยไม่รู้ตัว กงเจิ้งก็ถูกดวงตาสีเทากลมแป๋วคู่นั้นหว่านเสน่ห์ให้ตกหลุมความน่ารักจนถอนตัวไม่ขึ้นดูเนื้อตัวกลม ๆ และขนปุกปุยนั่นสิ คว
กงเจิ้งอยากพูดบางอย่างแต่สีหน้าของชินอ๋องสั่งเขาให้หุบปาก เมื่อรถม้าจอดหน้าจวนจึงลงจากรถม้าแต่โดยดี ภายในรถม้าเหลือเพียงหนึ่งคนหนึ่งแมว หงอี้ยังไม่รู้ตัวว่าการที่นางสยบเสือร้ายจนหงอเป็นเรื่องแปลกประหลาด จึงนั่งเลียขนเงียบ ๆ บนตักแกร่งไต้ชินอ๋องหลุบตามองสัตว์เลี้ยงที่ไม่เคยตั้งใจเก็บมาเลี้ยงอย่างใช้ความคิด แคว้นหลี่ก่อตั้งมายาวนานนับพันปี เปลี่ยนราชวงศ์มานับสิบราชวงศ์ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนหรือสูญหาย นั่นก็คือตำนานเก่าแก่ในสมุดบันทึก ซึ่งตกทอดและถูกเก็บรักษาอย่างดีในห้องลับ มีเพียงคนในราชวงศ์ไม่กี่คนสามารถเข้าถึงมันได้เขาไม่เคยอยากสนใจศึกษาอย่างถ่องแท้จนกระทั่งวันนี้ หงอี้เป็นแค่แมวแต่กลับทำให้เสือดำยอมสงบลงได้เพียงแค่ขู่ หงอี้ฉลาดกว่าแมวทั่วไปเขายอมรับ มันถึงขนาดเข้าใจท่าทีหรือภาษาคนได้ มีหลายครั้งหรือเหตุการณ์บางอย่างที่เขามิได้คิดไปเองเห็นทีต้องกลับไปลื้อค้นตำนานพวกนั้นมาอ่านสักครั้ง บางทีอาจมีคำตอบในข้อสงสัยของวันนี้ ส่วนเสือดำแต่มีลายพาดกลอนตัวนั้น...หลี่ไต้ซวนก้มมองหงอี้ผู้นอนหมอบนิ่งบนตัก ตัดสินใจทดสอบบางอย่างอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “หงอี้”เจ้าของชื่อผงกหัวมองคนเรียก
สามวันต่อมา จวนตระกูลเจียงจัดงานครบรอบวันเกิดให้แก่ราชเลขาเจียง ผู้เป็นแรงสำคัญนำพาให้ตระกูลเจียงกลับมาผงาด จนยืนอย่างมั่นคงท่ามกลางตระกูลขุนนางชั้นสูงในเมืองหลวงได้อีกครั้งหลังจากตระกูลเจียงตกต่ำมานับสิบแปดปี ด้วยการตัดสินใจทำการค้ากับขุนนางนิสัยชั่วร้าย หลอกลวงได้แม้กระทั่งราชสำนัก แม้จะพิสูจน์หลักฐานพบเพียงตระกูลเจียงไม่รู้เห็น แต่ความร่ำรวยของพวกเขาปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากเงินของราษฎรบทลงโทษของพวกเขาตระกูลเจียง คือ ยึดทรัพย์สินเข้าคลังหลวง เพื่อชดเชยความเสียหายจากการค้า จากตระกูลคหบดีผู้ร่ำรวย ดิ่งสู่จุดต่ำสุด เคยอาศัยในจวนหลังใหญ่ สาวใช้บ่าวไพร่นับร้อยชีวิตคอยทำงาน ชีวิตสุขสบายหายไปพวกเขาต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดย้ายออกจากจวนเดิม สาวใช้บ่าวไพร่ต่างถูกขายเพื่อลดรายจ่าย บุตรหลานตระกูลเจียงราวตกสวรรค์ พวกเขาไม่มีทางฟื้นคืนได้อีกแล้ว แม้แต่สหายที่เคยคบหายังหนีหน้า เลิกคบหาพวกเขาสอนให้เห็นถึงจิตใจแท้จริงของคนเมื่อหกปีก่อนเจียงจื้อหมิงสอบได้จอหงวน เขาเริ่มทำงานเป็นขุนนางขั้นเล็ก ๆ ไต่เต้าด้วยความสามารถจนกระทั่งวันนี้ กลายเป็นราชเลขาคนสำคัญที่ฝ่าบาทไว้วางพระทัยและว่าที่ผู้นำตระกูลเจียงคนต
เมื่อเห็นสีหน้าของชินอ๋องกลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง อ้ายเมิ่งเหยาจึงลอบถอนหายใจโดยระวังไม่ให้บุรุษตัวโตจับได้นางเหลือบมองคนสนิทที่ยืนตัวแข็งทื่อจากการถูกแรงกดดันรอบตัวของชินอ๋องไปนาน แล้วออกเดินนำ จึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มชอบใจตรงมุมปากหยักของคนตัวโตด้านหลังทิ้งความรู้สึกหงุดหงิดบางอย่าง ก้าวตามแผ่นหลังของสตรีที่เขาเกิดสนใจขึ้นมากะทันหัน ลึกลงไปในแววตากร้าวกระด้าง เกิดแววไม่ยินยอมต่อบางสิ่ง ทว่ากลับไร้หนทางต่อต้าน ทำได้เพียงโอนเอนตามแรงฉุดดึงที่มองไม่เห็นเพื่อหาคำตอบเย็นวันนั้น พอออกจากพระราชวัง ซึ่งกว่าจะหลุด ต้องนั่งมองการยื้อยุดของสองพี่น้องอยู่นานสองนาน ด้วยฮ่องเต้คิดหาข้ออ้างดึงตัวนางไว้ข้างกายอีกหนึ่งคืน ชินอ๋องไม่ยอมอ่อนข้ออาศัยช่วงทีเผลอคว้าตัวนางแล้วเดินตัวปลิวออกจากห้องทรงพระอักษรพอกินข้าวเย็นอิ่ม หงอี้ได้รับการไหว้วานจากชินอ๋องให้ติดตามไปยังโรงประมูลซวี่หัวอีกครั้ง เบื้องหน้าของนางยังคงเป็นกรงขังขนาดใหญ่ ภายในนั้นเป็นเสือดำลายพาดกลอนตัวใหญ่ผู้หงุดหงิดง่าย นอนหมดแรงหลังถูกวางยาสลายกำลังซึ่งเป็นตัวยาหายาก แทบสูญหายจากแผ่นดิน ต้องใช้ทั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์ออกค้นหา เมื่อได้มาแล้วย
หงอี้มองตามแผ่นหลังกว้างของชินอ๋องจนลับสายตา พอถูกนำมาวางบนเบาะนอนซึ่งกงกงคนสนิทของฮ่องเต้จัดวางบนโต๊ะทรงงาน พร้อมถ้วยใส่นมอุ่น ๆ ความสนใจของนางจึงกลับมาจดจ่อกับของกินแทนโอรสสวรรค์ยิ้มปลาบปลื้ม รู้สึกมีแรงทำงานเพิ่มขึ้นหลังได้กลิ่นประจำตัวของจอมขี้เซา รอให้พระองค์จัดการงานบนโต๊ะแล้วเสร็จ ค่อยพาหงอี้ไปเสวยสำรับเช้าที่ตำหนักของฮองเฮาด้วยผลตรวจร่างกายรอบล่าสุด ทำให้พระองค์มีความหวังที่จะผลิตองค์หญิงตัวน้อยหน้าตาเหมือนฮองเฮาออกมาวิ่งเล่นไปทั่วพระราชวัง ส่งเสียงเรียกพระองค์ว่าเสด็จพ่อเจ้าคะ เสด็จพ่อเจ้าขาองค์หญิงน้อยเนื้อตัวนุ่มนิ่มหอมน้ำนม สวมชุดปักลวดลายสวยงาม ทำผมเป็นก้อนซาลาเปา ฉีกยิ้มหวานจนแก้มขึ้นก้อนกลมส่งมาให้...เพียงแค่คิดก็มีความสุขแล้ว“สำหรับเรื่องที่ข้าปรารถนาในตอนนี้ เจ้าคือความหวังเดียว หงอี้”เจ้าก้อนขนแสนนุ่มนิ่มเลียปากหลังดื่มนมอุ่นจนหมดถ้วย มองบุรุษผู้อยู่เหนือคนทั้งใต้หล้าด้วยดวงตากลมแป๋ว แสนใสซื่อ ไม่อาจเข้าใจว่านางเป็นความหวังในเรื่องใดหากนั่นทำให้คนมีความหวัง แม้จะเล็กน้อย ถือว่านางมีความสำคัญ หรือเปล่านะหงอี้โคลงศีรษะ ท้องอิ่มเล็กน้อยทำให้นางขี้เกียจก็ไม่อยากนอ
กงเจิ้งอยากพูดบางอย่างแต่สีหน้าของชินอ๋องสั่งเขาให้หุบปาก เมื่อรถม้าจอดหน้าจวนจึงลงจากรถม้าแต่โดยดี ภายในรถม้าเหลือเพียงหนึ่งคนหนึ่งแมว หงอี้ยังไม่รู้ตัวว่าการที่นางสยบเสือร้ายจนหงอเป็นเรื่องแปลกประหลาด จึงนั่งเลียขนเงียบ ๆ บนตักแกร่งไต้ชินอ๋องหลุบตามองสัตว์เลี้ยงที่ไม่เคยตั้งใจเก็บมาเลี้ยงอย่างใช้ความคิด แคว้นหลี่ก่อตั้งมายาวนานนับพันปี เปลี่ยนราชวงศ์มานับสิบราชวงศ์ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนหรือสูญหาย นั่นก็คือตำนานเก่าแก่ในสมุดบันทึก ซึ่งตกทอดและถูกเก็บรักษาอย่างดีในห้องลับ มีเพียงคนในราชวงศ์ไม่กี่คนสามารถเข้าถึงมันได้เขาไม่เคยอยากสนใจศึกษาอย่างถ่องแท้จนกระทั่งวันนี้ หงอี้เป็นแค่แมวแต่กลับทำให้เสือดำยอมสงบลงได้เพียงแค่ขู่ หงอี้ฉลาดกว่าแมวทั่วไปเขายอมรับ มันถึงขนาดเข้าใจท่าทีหรือภาษาคนได้ มีหลายครั้งหรือเหตุการณ์บางอย่างที่เขามิได้คิดไปเองเห็นทีต้องกลับไปลื้อค้นตำนานพวกนั้นมาอ่านสักครั้ง บางทีอาจมีคำตอบในข้อสงสัยของวันนี้ ส่วนเสือดำแต่มีลายพาดกลอนตัวนั้น...หลี่ไต้ซวนก้มมองหงอี้ผู้นอนหมอบนิ่งบนตัก ตัดสินใจทดสอบบางอย่างอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “หงอี้”เจ้าของชื่อผงกหัวมองคนเรียก
“อีอี~”ใบหน้ากลมป้อมหันมองทางต้นเสียงจึงเห็นบุรุษร่างสูงใหญ่ กำลังฉีกยิ้มราวคนโง่งมวิ่งอ้าแขนตรงมาหานาง หงอี้มองเขาด้วยแววตาเบื่อหน่าย รอจนเขาวิ่งมาใกล้ตัวจึงกระโดดหลบวิธีวงแขนนั้นอย่างง่ายดาย เมินสีหน้าผิดหวังของคนชอบฉวยโอกาส ยืนส่ายพวงหางดมกลีบดอกกุหลาบสีชมพู ดูยโสไม่น้อย“เหมี๊ยววว ม่าวว” อย่าคิดว่าเป็นสหายของชินอ๋องแล้วจะมากอดข้าตอนไหนก็ได้นะเจ้าคะ เป็นบุรุษมิควรใกล้ชิดสตรี“เจ้าใจร้าย ข้าอุตส่าห์ได้ของเล่นมาใหม่ สั่งทำพิเศษเพื่อเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ”หงอี้ยังคงเมินบุรุษร่างใหญ่แต่ขี้ใจน้อย ดวงตากลมมองตามผีเสื้อแสนสวยบินผ่านหน้าไป พอมันเกาะบนกลีบดอกไม้นางจึงยกเท้าหน้าหวังเขี่ยอย่างนึกสนุกแมวขนยาวสีขาวท่ามกลางดอกไม้หลากสีเป็นภาพที่ทำคนมองใจละลาย สลัดความน้อยใจหลังถูกแมวเมินทิ้ง นั่งมองความน่ารักนั้นอย่างมีความสุขเมื่อสามปีก่อนชีวิตของท่านกุนซือหนุ่มแม้จะสุนกสนานตามประสาแต่ก็เงียบเหงาไร้จุดหมาย จนกระทั่งการปรากฏตัวของเจ้าก้อนขนสีขาวในอ้อมแขนของไต้ชินอ๋อง โดยไม่รู้ตัว กงเจิ้งก็ถูกดวงตาสีเทากลมแป๋วคู่นั้นหว่านเสน่ห์ให้ตกหลุมความน่ารักจนถอนตัวไม่ขึ้นดูเนื้อตัวกลม ๆ และขนปุกปุยนั่นสิ คว
นับเป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้วในร่างแมวและโลกใบใหม่ หลังจากค่ำคืนในวัดร้างชีวิตแมวจรของกมลเนตรพลิกผันกลายเป็นแมวของท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ ร่ำรวยเงินทอง มากอำนาจบารมี แถมยังถูกตั้งชื่อว่า หงอี้ภายในจวนหลังใหญ่ อาณาเขตกว้างขวางเหมาะแก่การวิ่งเล่น น่าเสียดายที่เจ้าของจวนเกลียดดอกไม้เข้าเส้นสวนภายในนี้จึงมีแค่ต้นไม้ หญ้าและไม้พุ่มสีเขียวซึ่งถูกตัดแต่งอย่างดีเท่านั้น เมื่อหาความสวยงามจากด้านหน้าไม่พบ หงอี้ จึงมักไปขลุกตัวอยู่บริเวณท้ายจวนกับสาวใช้ทั้งหลาย สถานที่ตรงนี้เป็นเหมือนจุดพักผ่อนสำหรับสาวใช้ เมื่อเสร็จจากงานในหน้าที่รับผิดชอบ พวกนางมักจะปลูกผัก ปลูกดอกไม้หงอี้ชอบกลิ่นหอมของดอกไม้มาก จึงมักมานอนกลิ้งตัว บางขณะก็มักจะสูดดมไปตามกลีบดอกด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม หญ้านุ่ม ๆ นั้นดีอยู่หรอกแต่จะสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกถ้าได้ดอกไม้หลากสีสันประดับตกแต่งด้วยพูดถึงความเปลี่ยนแปลงเห็นจะมากทีเดียว เมื่อสถานะเปลี่ยนจากแมวจรเป็นแมวเลี้ยง ร่างกายผอมโซราวกับไร้เรี่ยวแรงเปลี่ยนเป็นอวบอ้วน เต็มไม้เต็มมือ ขนสีขาวที่เคยเปื้อนกระดำกระด่าง ยังมีขนหลุดเป็นกระจุกจนมองเห็นหนัง สาเหตุเกิดจากไปตบตีกับเจ้าถิ่นจนบาดเจ็บไปต
คนเราเมื่อตายแล้วไปไหน เป็นคนถามยอดฮิตที่คนเป็นยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเมื่อ ตาย แล้ว วิญญาณจะไปที่ไหนต่อส่วน กมลเนตร สาวไทยวัย 28 ปี พบว่าเมื่อตัวเธอตายวิญญาณไม่ได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก แต่กลับมาอยู่ในร่างของแมวจรผู้อดอยาก ผิดยุคผิดสมัยฟังไม่ผิด เธอตื่นขึ้นมาในร่างแมวจรจัด หลังเรือล่มในทะเลจากการเที่ยวในวันหยุดยาว ยอมรับว่าความรู้สึกของการเดินสี่ขา ความรู้สึกของการเป็นสัตว์ที่ไร้เจ้าของ ไม่ทำให้เธอรู้สึกแย่มากกว่าการพบว่ายุคที่อยู่ไม่ใช่ยุคปัจจุบันในเมื่อตอนเป็นคนเธอก็กำพร้าพ่อแม่ เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้า พอเรียนจบมัธยมปลายก็ออกมาอยู่หอพัก ทำงานหนักจนสายตัวแทบขาดหาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบ ทุกคืนเมื่อกลับถึงห้องพักความโดดเดี่ยวกัดกินหัวใจจนรู้สึกชาชิน แม้จะมีคุณแม่ในบ้านเด็กกำพร้าและเพื่อนจากในนั้นคอยถามข่าวคราวแต่ทุกคนต่างก็ต้องดิ้นรนในแบบของตัวเอง นอกจากถามไถ่ทุกข์สุข ก็ไม่สามารถช่วยเหลือ หยิบยื่นโอกาสอะไรให้ในช่วงแรกนอกจากตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ในร่างแมวน้อยไร้เรี่ยวแรง กมลเนตรก็หม่นหมองอยู่สักพักแล้วทำใจได้อย่างรวดเร็วตามประสาคนที่ปรับตัวตามสถานการณ์ได้ทุกเวลา ถึงจะมีช