คนเราเมื่อตายแล้วไปไหน เป็นคนถามยอดฮิตที่คนเป็นยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเมื่อ ตาย แล้ว วิญญาณจะไปที่ไหนต่อ
ส่วน กมลเนตร สาวไทยวัย 28 ปี พบว่าเมื่อตัวเธอตายวิญญาณไม่ได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก แต่กลับมาอยู่ในร่างของแมวจรผู้อดอยาก ผิดยุคผิดสมัย
ฟังไม่ผิด เธอตื่นขึ้นมาในร่างแมวจรจัด หลังเรือล่มในทะเลจากการเที่ยวในวันหยุดยาว ยอมรับว่าความรู้สึกของการเดินสี่ขา ความรู้สึกของการเป็นสัตว์ที่ไร้เจ้าของ ไม่ทำให้เธอรู้สึกแย่มากกว่าการพบว่ายุคที่อยู่ไม่ใช่ยุคปัจจุบัน
ในเมื่อตอนเป็นคนเธอก็กำพร้าพ่อแม่ เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้า พอเรียนจบมัธยมปลายก็ออกมาอยู่หอพัก ทำงานหนักจนสายตัวแทบขาดหาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบ ทุกคืนเมื่อกลับถึงห้องพักความโดดเดี่ยวกัดกินหัวใจจนรู้สึกชาชิน แม้จะมีคุณแม่ในบ้านเด็กกำพร้าและเพื่อนจากในนั้นคอยถามข่าวคราวแต่ทุกคนต่างก็ต้องดิ้นรนในแบบของตัวเอง นอกจากถามไถ่ทุกข์สุข ก็ไม่สามารถช่วยเหลือ หยิบยื่นโอกาสอะไรให้
ในช่วงแรกนอกจากตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ในร่างแมวน้อยไร้เรี่ยวแรง กมลเนตรก็หม่นหมองอยู่สักพักแล้วทำใจได้อย่างรวดเร็วตามประสาคนที่ปรับตัวตามสถานการณ์ได้ทุกเวลา ถึงจะมีช่วงเวลาให้นึกถึงชีวิตในชาติก่อน มันยังมีหลายอย่างที่เธออยากลองทำ แต่ไม่มีโอกาสได้ทำเนื่องด้วยเวลาและเงินทองไม่เอื้ออำนวย
ยังดีที่ความคิดว่าตนโดดเดี่ยวถูกขจัดลงเมื่อพบว่าแท้จริงแล้วแมวที่เธอมาสวมร่างมีแม่ แม่แมวสีขาวดวงตาสีเทามักทอดกายนอนให้นมด้วยท่าทีสิ้นเรี่ยวแรง ร่างกายผอมโซมองเห็นกระดูกสีข้างเป็นแพ แววตาสีเทาไร้ประกายแห่งชีวิต เธอคิดว่าหากไม่มีลูกแมวตัวน้อยเป็นดั่งความหวัง แม่แมวตัวนี้คงไร้แรงพยุงฝืนมีลมหายใจต่อไปได้
แม่แมวเองมีร่างกายผอมแห้ง แม้แต่น้ำนมก็ไหลเพียงเล็กน้อยให้ดื่มกินพออยู่ท้อง กว่าหกเดือนในร่างของลูกแมว กมลเนตรนับว่าทำได้ดี อย่างน้อยก็พบแม่แมวอยู่เคียงข้างทุกครั้งเมื่อหันกลับไป
ชีวิตใหม่ในร่างแมวดำเนินตามประสา ไม่ยากไม่ง่าย สำนึกในช่วงขณะนั้นขอเพียงกินอิ่มท้อง นอนหลับสบายโดยเบียดซุกหาไออุ่นของกันและกัน นับว่าความเดียวดายจากก้นบึ้งได้รับการเยียวยา
ไม่รู้สวรรค์กลั่นแกล้งไม่อยากให้เธอมีความสุขในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนี้หรืออย่างไร เย็นวันนั้นเธอเดินตามแม่แมวเพื่อไปยังตลาดเพื่อฝึกฝนวิชาย่องเบาเช่นทุกวัน
ตอนกำลังวิ่งข้ามถนนกลับมีรถม้าคันหนึ่ง วิ่งด้วยความเร็วมาจากไหนไม่ทราบได้ เธอที่เดินตามยังอยู่บริเวณริมถนน ต่างจากแม่แมวที่ยืนอยู่กลางถนน หากร่างกายแข็งแรงคงหลบพ้นวิถีอันตรายนี้อย่างง่ายดาย แต่ด้วยกำลังอ่อนแรงจากความหิว ไหนจะร่างกายป่วยไข้สะสม ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
วินาทีแห่งความเป็นตายมักเชื่องช้า กมลเนตรเห็นชัดเต็มสองตา เท้าม้าเหยียบลงบนหลังของแม่แมว ก่อนล้อรถม้าจะเหยียบซ้ำอีกครั้ง ร่างแมวสีหม่นขนยาวที่มีขนร่วงเป็นกระจุกไม่น่ามอง กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่กลางถนน กมลเนตรไม่รู้ว่าตัวเองส่งเสียงร้องยังไงออกไป แต่ความรู้สึกเจ็บปวดจากการสูญเสียคนที่รักเพียงคนเดียวไป ทำให้ร่างแมวของเธอสั่นไปทั้งร่าง
ฝุ่นจากรถม้าปลิวหายไปแล้ว คงไว้เพียงความเงียบสงัด เสียงร้องครวญครางของแมวน้อยดังไปทั่วบริเวณป่า กลางถนนอันแสนขรุขระปรากฏสองร่างนอนทอดกัน หนึ่งสิ้นใจนอนจมกองโลหิต อีกหนึ่งไม่แยแสต่อกองเลือดนอนคลุก อิงแอบราวต้องการส่งคำอ้อนวอนหวังให้แม่รับรู้และตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความน่าเวทนานี้หากใครมาได้เห็นได้ยิน คงจับกระแสความเศร้าเสียใจจากเสียงร้องของมัน....
หนึ่งปีแล้วสำหรับร่างใหม่แสนทรุดโทรม เบื้องหน้าของแมวสี่ขา การมองเห็นกำจัดระยะทำให้รู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้างในช่วงแรก แต่เมื่อยอมรับได้ก็พอมองข้ามไป และใช้ความได้เปรียบของแมวกระโจนขึ้นที่สูง เป็นตัวช่วยให้ระยะการมองกว้างขึ้นอีกหน่อย
ตลาดเช้าแสนคึกคักยังคงเหมือนเดิม ผู้คนสวมชุดจีนโบราณ อาคารบ้านเรือนแปลกตา ยานพาหนะนอกจากเกวียนวัวก็มีรถม้า ผู้คนทั้งชายหญิงออกมาเดินจับจ่ายข้าวของ เพื่อนำกลับไปทำอาหารให้คนที่เรือน
ทหารในชุดลาดตระเวนบ้างขี่ม้า บ้างเดินย่ำตรวจดูความเรียบร้อยไปทั่วเมือง ร้านอาหาร โรงเตี๊ยม เหลาขึ้นชื่อสุดหรูที่รวบรวมเหล่าคนมีเงินมากมายเข้าใช้บริการ กลิ่นอาหาร เสียงพูดคุยของเหล่าพ่อค้าแม่ขาย ช่วยทำให้อากาศเย็นของช่วงเช้านี้ไม่หดหู่จนเกินไป
“เนื้อตุ๋นมาแล้ว เนื้อตุ๋น เนื้อตุ๋นแสนอร่อย” เสียงพ่อค้าร้านเนื้อตุ๋นดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นหอมของเครื่องเทศผสมกลิ่นเนื้อ เมื่อยามเปิดฝาหม้อโชยไปทั่วบริเวณ ช่วยดึงความอยากอาหารของผู้คนแถวนั้น รวมถึงก้อนขนสีขาวที่มีสีกระดำกระด่าง มีบางจุกหลุดร่วงเกิดจากการต่อสู้กับแมวเจ้าถิ่นเมื่อหลายวันก่อน มันนอนหมอบอยู่บนกำแพงของจวนสักหลังหนึ่ง ดวงตาสีเทาจับจ้องเพียงหม้อเนื้อตุ๋นเพื่อรอโอกาส
กมลเนตรกลืนน้ำลายลงคอเมื่อกลิ่นหอมนั้นดึงความหิวจนเสียงท้องร้องโครกคราก จมูกสีชมพูขยับสูดดมกลิ่นเนื้อ พร้อมลิ้นสีชมพูแลบออกมาเลียปากเมื่อรู้สึกน้ำลายสอ ความมันแวววาวในหม้อตุ๋น ก้อนเนื้อติดมันหลายก้อนลอยเบียดในหม้อ
ด้วยกลิ่นอันแสนโอชะ ลูกค้าตรงเข้ามาล้อมร้านขายเนื้อตุ๋นเจ้าอร่อยประจำตลาด เจ้าของร้านยิ้มแย้มตักเนื้อตุ๋นใส่ถ้วยของลูกค้า คิดเงินว่องไว ปากยังคงตะโกนอวดอ้างความอร่อย บ้างหันมาพูดคุยกับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง กมลเนตรดูลาดเลามาหลายวันแล้ว
ร้านอาหารในตลาดฝั่งตะวักตกนางก็สร้างวีรกรรมไว้จนต้องหลบหนีมา เจ้าของร้านเหล่านั้นถูกขโมยจนจับตามองของกินในร้านไม่วางตา หากมีหมาหรือแมวจรเดินผ่านหน้าร้านจะรีบสาดน้ำไล่ทันที เธอยังไม่อยากโดนสาดน้ำไล่หรือทุบตี จึงเสี่ยงเดินมาหากินที่ร้านขายอาหารฝั่งตะวันออก มีปัญหากับเจ้าถิ่นจนฟัดกันขนกระจุยกระจาย ก่อนคว้าชัยชนะมาได้ด้วยร่างกายสะบักสะบอม
ขอแค่เนื้อชิ้นเดียวก็เพียงพอให้อิ่มท้องไปทั้งวัน นางคิดอย่างหมายมาด ทุกครั้งที่เจ้าของร้านตักเนื้อให้ลูกค้าจะมีชิ้นเนื้อใหญ่บ้าง น้อยบ้างติดอยู่ในกระบวย แค่ต้องรอจังหวะที่เจ้าของร้านเผลอพูดคุยกับลูกค้านานสักหน่อย
ดวงตากลมสีเทาวาววับ ตอนนี้แหละ!
ร่างผอมแห้งของแมวขาวกระโดดลงจากกำแพง ย่องกริบไปยังถาดวางกระบวยข้างหม้อต้ม ยืนสองขายื่นปากคาบชิ้นเนื้อขนาดพอดีได้ ก็วิ่งแนบหายไปจากตรงนั้นโดยไม่มีผู้ใดมองเห็น
หากการขโมยไม่ถูกจับได้ก็จะมีโอกาสย้อนกลับมาอีกครั้ง หากถูกจับได้ตั้งแต่แรกครั้งที่สองอย่าหวังจะมีโอกาส ด้วยเหตุนี้หมาแมวจรในตลาดจึงผลัดเปลี่ยนไปตามร้านต่าง ๆ เพื่อให้เจ้าของร้ายคลายความระวังจึงทำการขโมยอาหารรอบต่อไป
กมลเนตรอยู่ในร่างแมวมาหนึ่งปี เรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาอย่างเชี่ยวชาญ พอท้องอิ่มหนังตาก็เริ่มหย่อน นางใช้เล็บเกาะเกี่ยวตามกำแพงผุพังอย่างชำนาญ ที่นอนประจำตลอดหนึ่งปีมานี้คือบนคานไม้ของวัดร้าง เดินวนหาตำแหน่งเหมาะแล้วขดตัวนอนหลับ สายลมโชยช่วยให้การนอนหลับพักผ่อนหลังอิ่มท้องสบายขึ้น
แสงนวลจากจันทร์กระจ่างเต็มดวงช่วยขับความมืดยามค่ำคืน วัดร้างกลางป่าอยู่ห่างจากเมืองหลวงเพียงหนึ่งเค่อ วันนี้ปรากฏผู้มาเยือนพร้อมกลิ่นอายฆ่าฟัน กลิ่นคาวเลือดทำให้ก้อนสีขาวบนคานไม้ตื่นจากการหลับไหล ยืดเหยียดขับไล่ความเมื่อยขบพร้อมอ้าปากหาวเมื่อการนอนถูกรบกวน
เบื้องล่างปรากฏว่ามีบุรุษผู้หนึ่ง ในชุดผ้าไหมปักลายดูสูงค่า โซเซทิ้งตัวพิงกำแพงวัดอย่างคนหมดแรง มือซ้ายยกขึ้นกุมบาดแผลฉกรรจ์ตรงหน้าท้อง มือขวากระชับดาบคู่ใจไว้มั่น นัยน์ตาสีรัตติกาลกวาดมองรอบวัดร้างอย่างคนระวังตัว ไร้ซุ่มเสียงหลุดรอดแม้บาดแผลจะมีเลือดไหลนอง
มีเพียงสายลมแรงพัดกวาดใบไม้แห้งจากต้นไม้ใหญ่ข้างนอกวัดเกิดเสียงแสกสาก กลบเสียงฝีเท้าของกลุ่มคนซึ่งกำลังวิ่งมาทางนี้ หากแต่เขามิใช่คนธรรมดาจึงได้ยินชัดถึงการมาเยือนของศัตรู บาดแผลยังคงมีเลือดไหล คมอาวุธเคลือบด้วยพิษร้ายทำให้ร่างกายกำยำอ่อนแรง กระนั้นก็ยังคงประคองสติไว้มั่น
ชายชุดดำปกปิดใบหน้ามิดชิดก้าวออกมาจากรอบทิศ ล้อมคนเจ็บไว้ตรงกลาง กลิ่นไออันตรายผสมกลิ่นคาวเลือดรุนแรงจนแมวสีขาวบนคานขนชี้ฟูตามสัญชาติญาณ ดวงตาสีเทาจับจ้องฉากตรงหน้าด้วยใจระทึก
หลี่ไต้ซวนบดฟันจนกรามขึ้นสัน ข่มความเจ็บปวดจากพิษและบาดแผลทั่วร่าง ยืดกายเหยียดหลังตรง นัยน์ตาสีรัตติกาลมองนักฆ่าทั้งสี่คนนิ่ง แม้จะคล้ายจนตรอกในสายตาของเหล่านักฆ่า แต่ในสนามรบเขาคือแม่ทัพใหญ่ แม้จะบาดเจ็บจนแทบพยุงร่างไว้ไม่ไหม ก็ยังเหยียดกายยืนเต็มความสูง เผชิญหน้ากับทหารกล้าจากแคว้นศัตรู ไม่หวั่นเกรงแม้ความตายจ่อรออยู่ตรงหน้า
แมวขาวหลบอยู่บนคาน โผล่มาเพียงใบหูและดวงตาเพื่อมองการต่อสู้อันเร้าใจ อุทานกับตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเห็นฝีมือแสนเก่งกาจของบุรุษในชุดผ้าไหม ดวงตาสีเทาเป็นประกายไม่คิดว่าจะมีละครสนุกมาให้รับชมก่อนนอน
ไต้ชินอ๋องคำรามเสียงเหี้ยม ยามพลิกข้อมือหนึ่งครั้งพรากชีวิตได้หนึ่งคน กายแกร่งห้าวหาญอย่างชาตินักรบไม่หวั่นระย่อต่อมือสังหาร เพียงสิบลมหายใจจากสี่เหลือเพียงสอง พวกมันต่างลอบสบตากันให้พุ่งเข้าใส่ทั้งสองทาง ไม่ว่าอย่างไรคืนนี้ต้องบั่นคอของท่านแม่ทัพใหญ่คนนี้ให้ได้
แง้ว! นิสัยไม่ดี กล้าเล่นทีเผลอ
“อ๊าก!”
กมลเนตรตกใจกับการกระทำของตนเอง เมื่อนอนหมอบลุ้นกับการต่อสู้อยู่ดี ๆ ปรากฏว่าร่างกายกระโจนพรวดออกจากที่ซ่อน ใช้กรงเล็บตะกุยหน้าของมือสังหารคนหนึ่งจนผ้าปิดหน้าหลุดร่วงจึงกระโดดหายไปในความมืด เพราะเหตุนี้ทำให้ไต้ชินอ๋องสามารถจัดการมือสังหารผู้กำลังร้องครางจากบาดแผลถูกข่วนเลือดซึมจนสิ้นลม
มือสังหารอีกคนอาศัยจังหวะทีเผลอเงื้อดาบขึ้นทางด้านหลัง แต่ดาบคู่ใจของไต้ชินอ๋องกลับเสือกแทงทั้งที่เขายืนหันหลังทะลุหน้าท้อง ชายหนุ่มบิดข้อมือควานเนื้อจนมันกระอักเลือดล้มลงสิ้นใจอย่างรวดเร็ว
ร่างหนาซวนเซจนต้องใช้ปลายดาบทิ่มพื้น ประคองร่างกายมิให้ทรุดล้ม เสียงคำรามจากความหงุดหงิดดังขึ้นในลำคอ เขาพยุงตัวเองไปนั่งพิงกำแพงวัด หลังตรวจสอบบริเวณโดยรอบแล้วว่าปลอดภัยจึงหลับตาเพื่อพักเอาแรง
เนิ่นนานกว่าสิบลมหายใจ ความอุ่นชื้นบนหลังมือทำให้ดวงตาคมลืมขึ้นเพื่อมองสาเหตุสัมผัสอ่อนนุ่มแสนจั๊กกะจี้ คิ้วหนาเลิกขึ้นแล้วจึงหลับตาลงอีกครั้ง ไม่สนใจเจ้าก้อนขนสีขาวอมเหลือง เมื่อเห็นว่าเขาไม่สนใจหรือขับไล่กมลเนตรจึงมีความกล้ายกเท้าหน้าแตะ ๆ หน้าขาแกร่ง เหยียดกายมองใบหน้าหล่อเหลาจนดวงตาพร่า
คนอะไรหล่อวัวตายความล้ม ถึงจะซีดไปหน่อยก็ยังดูดีจนลมหายใจสดุด กะว่าจะใช้ความหล่อทำให้คนเห็นตายเพราะลืมหายใจ ล่อลวงใจคนขาดแคลนความรักอย่างข้ามาก ฮือ
เพื่อปฏิบัติการณ์อันแสนยิ่งใหญ่ กมลเนตรสะบัดหน้าจากความลุ่มหลงในใบหน้าฟ้าประทาน ใช้หัวถูไถหลังมือที่ยังคงจับดาบไม่ยอมปล่อยแม้ว่าลมหายใจจะรวยรินเต็มที เรียกให้เปลือกตาของคนเจ็บเปิดขึ้นอีกครั้ง
ครานี้จับมองก้อนขนสีขาวแสนน่าเกลียด กำลังถูไถส่วนหัวและสีข้างเพื่อออดอ้อน แววตาสีเทากลมแป๋วจดจ้องราวกำลังเรียกร้องให้เขาเมตตา
ไต้ชินอ๋องแค่นยิ้มละความสนใจจากสิ่งมีชีวิตแสนน่าเกลียด หากเป็นเขาในเวลาปกติอย่าหวังว่าจะมีสัตว์สักตัวกล้าเข้าใกล้ หรือหากเข้าใกล้ก็คงถูกจับโยนออกไปทันทีด้วยความรำคาญ คนที่สังหารคนราวผักปลาอย่างเขา จะหวังให้มีความเมตตาเอ็นดูสัตว์ที่แสนอ่อนแอแถมยังไร้ประโยชน์จนทำให้ชีวิตยุ่งยาก
กลมเนตรจับได้ถึงความไร้อารมณ์ของคนตัวโต แต่เพื่อชีวิตสุขสบายนางต้องมัดใจเขาให้ได้ ดูชุดที่เขาสวมใส่สิ ดูก็รู้ว่าร่ำรวยมากแค่ไหน หากนางถูกรับเลี้ยงคงไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารหรือแม้แต่ที่หลับนอน
แมวสีขาวพยักหน้าหงึกหงักอย่างหมายมาด ผละจากไปเพื่อการบางอย่าง ความนุ่มตรงหลังมือหายไปแล้ว ไต้ชินอ๋องเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง คิดว่าแมวตัวนั้นคงยอมแพ้หลังไม่ได้รับความสนใจจากเขา
ดีแล้ว เขาไม่อยากถูกสิ่งใดก็ตามมารบกวนในช่วงเวลานี้
ทว่าไต้ชินอ๋องกลับคาดผิด ฝีเท้าเบากริบถูกเขาจับได้ตั้งแต่มันเดินเข้ามาในระยะการได้ยิน เพราะหลังคาส่วนใหญ่ผุพังจนแสงจากจันทร์เต็มดวงส่องนำทาง ในวัดร้างจึงไม่มืดขนาดนั้น การกระทำอันแปลกประหลาดของแมวน้อยแสนน่าเกลียดถูกแววตาเรียบเฉยจับจ้อง
กมลเนตรเมินแววตาราวนักล่าของว่าที่เจ้านาย วางต้นหญ้าสามต้นที่วิ่งออกไปขุดมาตรงหน้าชายหนุ่ม เท้าหน้าเปื้อนดินตบต้นหญ้าเบา ๆ ราวกำลังบอกว่าให้เขาใช้มัน
สมุนไพรห้ามเลือด?
ความราบเรียบในแววตาปรากฏความสนใจขึ้นชั่วครู่ มองสมุนไพรสามต้นบนพื้นนิ่ง จนกระทั่งเสียงร้องเล็ก ๆ ดังขึ้น พร้อมใบหน้ากลมป้อมเชิดสูงราวภูมิใจกับความดีความชอบของตนเอง ทำให้มือหนาเปื้อนเลือดหยิบสมุนไพรห้ามเลือดขึ้นมาเคี้ยว
ระหว่างนั้นก็จัดการคลายปมสายรัดชุด อวดกล้ามเนื้อล่ำ ๆ ต่อหน้าลูกแมวตาแป๋วอย่างไม่นึกอาย ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบเลือดออกลวก ๆ คายสมุนไพรในปากปิดปากแผลที่เริ่มมีสีม่วงคล้ำจากพิษ
กมลเนตรห่อปากเมื่อว่าที่เจ้านายถอดเสื้อต่อหน้านางอย่างไม่คิดอาย ในเมื่อเขาไม่อายแล้วไยนางต้องหลบตาหนีอาหารตาด้วย ช่วยไม่ได้ ตอนนี้นางเป็นแมวจะนั่งมองกล้ามของหนุ่ม ๆ ก็ไม่มีใครมาชี้หน้าตำหนิ
ไต้ชินอ๋องกระตุกมุมปากเมื่อเห็นแมวน้อยนั่งจ้องเขาตาไม่กะพริบ ลูกตาสีเทาเปล่งประกายไม่ยอมละจากเนื้อตัวส่วนบนที่เปลือยเปล่าของเขา ราวพบเจอของน่าสนใจ ลิ้นเล็ก ๆ แลบเลียริมฝีปากอย่างลืมตัว การกระทำราวมนุษย์ทำให้ท่านอ๋องใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากของมันอย่างนึกหมั่นไส้
แต่การแว้งตัวกลับไป ยืนตัวโก่งขนฟู หางชี้ตั้ง ส่งเสียงขู่ฟ่อทำให้ชินอ๋องจับดาบข้างตัว ก่อนจะถอนหายใจ ผ่อนคลายความเกร็งลงเมื่อพบว่ากลุ่มคนมาใหม่คือคนของเขาเอง
กมลเนตรยืนเผชิญหน้ากับกลุ่มคนมาใหม่ที่มีจำนวนมากกว่าด้วยใจเต้นระทึก ก่อนจะสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อถูกอุ้มจนตัวลอย พอหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นว่าที่เจ้านายใช้มือตบหัวเบา ๆ เอ่ยว่า
“พวกเขาคือคนของข้า”
เท่านั้นอาการตัวเกร็งส่งเสียงขู่จึงหายไป กลายเป็นออดอ้อนยอมทิ้งน้ำหนักตัวครางในลำคออย่างสุขใจเมื่อถูกมือหนาขยับเกาคาง
องครักษ์ทั้งหมดต่างลอบมองตากันเมื่อเห็นสิ่งเหลือเชื่อตรงหน้า ท่านอ๋อง? กับ แมว? เนี่ยนะ!
นับเป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้วในร่างแมวและโลกใบใหม่ หลังจากค่ำคืนในวัดร้างชีวิตแมวจรของกมลเนตรพลิกผันกลายเป็นแมวของท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ ร่ำรวยเงินทอง มากอำนาจบารมี แถมยังถูกตั้งชื่อว่า หงอี้ภายในจวนหลังใหญ่ อาณาเขตกว้างขวางเหมาะแก่การวิ่งเล่น น่าเสียดายที่เจ้าของจวนเกลียดดอกไม้เข้าเส้นสวนภายในนี้จึงมีแค่ต้นไม้ หญ้าและไม้พุ่มสีเขียวซึ่งถูกตัดแต่งอย่างดีเท่านั้น เมื่อหาความสวยงามจากด้านหน้าไม่พบ หงอี้ จึงมักไปขลุกตัวอยู่บริเวณท้ายจวนกับสาวใช้ทั้งหลาย สถานที่ตรงนี้เป็นเหมือนจุดพักผ่อนสำหรับสาวใช้ เมื่อเสร็จจากงานในหน้าที่รับผิดชอบ พวกนางมักจะปลูกผัก ปลูกดอกไม้หงอี้ชอบกลิ่นหอมของดอกไม้มาก จึงมักมานอนกลิ้งตัว บางขณะก็มักจะสูดดมไปตามกลีบดอกด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม หญ้านุ่ม ๆ นั้นดีอยู่หรอกแต่จะสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกถ้าได้ดอกไม้หลากสีสันประดับตกแต่งด้วยพูดถึงความเปลี่ยนแปลงเห็นจะมากทีเดียว เมื่อสถานะเปลี่ยนจากแมวจรเป็นแมวเลี้ยง ร่างกายผอมโซราวกับไร้เรี่ยวแรงเปลี่ยนเป็นอวบอ้วน เต็มไม้เต็มมือ ขนสีขาวที่เคยเปื้อนกระดำกระด่าง ยังมีขนหลุดเป็นกระจุกจนมองเห็นหนัง สาเหตุเกิดจากไปตบตีกับเจ้าถิ่นจนบาดเจ็บไปต
“อีอี~”ใบหน้ากลมป้อมหันมองทางต้นเสียงจึงเห็นบุรุษร่างสูงใหญ่ กำลังฉีกยิ้มราวคนโง่งมวิ่งอ้าแขนตรงมาหานาง หงอี้มองเขาด้วยแววตาเบื่อหน่าย รอจนเขาวิ่งมาใกล้ตัวจึงกระโดดหลบวิธีวงแขนนั้นอย่างง่ายดาย เมินสีหน้าผิดหวังของคนชอบฉวยโอกาส ยืนส่ายพวงหางดมกลีบดอกกุหลาบสีชมพู ดูยโสไม่น้อย“เหมี๊ยววว ม่าวว” อย่าคิดว่าเป็นสหายของชินอ๋องแล้วจะมากอดข้าตอนไหนก็ได้นะเจ้าคะ เป็นบุรุษมิควรใกล้ชิดสตรี“เจ้าใจร้าย ข้าอุตส่าห์ได้ของเล่นมาใหม่ สั่งทำพิเศษเพื่อเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ”หงอี้ยังคงเมินบุรุษร่างใหญ่แต่ขี้ใจน้อย ดวงตากลมมองตามผีเสื้อแสนสวยบินผ่านหน้าไป พอมันเกาะบนกลีบดอกไม้นางจึงยกเท้าหน้าหวังเขี่ยอย่างนึกสนุกแมวขนยาวสีขาวท่ามกลางดอกไม้หลากสีเป็นภาพที่ทำคนมองใจละลาย สลัดความน้อยใจหลังถูกแมวเมินทิ้ง นั่งมองความน่ารักนั้นอย่างมีความสุขเมื่อสามปีก่อนชีวิตของท่านกุนซือหนุ่มแม้จะสุนกสนานตามประสาแต่ก็เงียบเหงาไร้จุดหมาย จนกระทั่งการปรากฏตัวของเจ้าก้อนขนสีขาวในอ้อมแขนของไต้ชินอ๋อง โดยไม่รู้ตัว กงเจิ้งก็ถูกดวงตาสีเทากลมแป๋วคู่นั้นหว่านเสน่ห์ให้ตกหลุมความน่ารักจนถอนตัวไม่ขึ้นดูเนื้อตัวกลม ๆ และขนปุกปุยนั่นสิ คว
กงเจิ้งอยากพูดบางอย่างแต่สีหน้าของชินอ๋องสั่งเขาให้หุบปาก เมื่อรถม้าจอดหน้าจวนจึงลงจากรถม้าแต่โดยดี ภายในรถม้าเหลือเพียงหนึ่งคนหนึ่งแมว หงอี้ยังไม่รู้ตัวว่าการที่นางสยบเสือร้ายจนหงอเป็นเรื่องแปลกประหลาด จึงนั่งเลียขนเงียบ ๆ บนตักแกร่งไต้ชินอ๋องหลุบตามองสัตว์เลี้ยงที่ไม่เคยตั้งใจเก็บมาเลี้ยงอย่างใช้ความคิด แคว้นหลี่ก่อตั้งมายาวนานนับพันปี เปลี่ยนราชวงศ์มานับสิบราชวงศ์ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนหรือสูญหาย นั่นก็คือตำนานเก่าแก่ในสมุดบันทึก ซึ่งตกทอดและถูกเก็บรักษาอย่างดีในห้องลับ มีเพียงคนในราชวงศ์ไม่กี่คนสามารถเข้าถึงมันได้เขาไม่เคยอยากสนใจศึกษาอย่างถ่องแท้จนกระทั่งวันนี้ หงอี้เป็นแค่แมวแต่กลับทำให้เสือดำยอมสงบลงได้เพียงแค่ขู่ หงอี้ฉลาดกว่าแมวทั่วไปเขายอมรับ มันถึงขนาดเข้าใจท่าทีหรือภาษาคนได้ มีหลายครั้งหรือเหตุการณ์บางอย่างที่เขามิได้คิดไปเองเห็นทีต้องกลับไปลื้อค้นตำนานพวกนั้นมาอ่านสักครั้ง บางทีอาจมีคำตอบในข้อสงสัยของวันนี้ ส่วนเสือดำแต่มีลายพาดกลอนตัวนั้น...หลี่ไต้ซวนก้มมองหงอี้ผู้นอนหมอบนิ่งบนตัก ตัดสินใจทดสอบบางอย่างอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “หงอี้”เจ้าของชื่อผงกหัวมองคนเรียก
หงอี้มองตามแผ่นหลังกว้างของชินอ๋องจนลับสายตา พอถูกนำมาวางบนเบาะนอนซึ่งกงกงคนสนิทของฮ่องเต้จัดวางบนโต๊ะทรงงาน พร้อมถ้วยใส่นมอุ่น ๆ ความสนใจของนางจึงกลับมาจดจ่อกับของกินแทนโอรสสวรรค์ยิ้มปลาบปลื้ม รู้สึกมีแรงทำงานเพิ่มขึ้นหลังได้กลิ่นประจำตัวของจอมขี้เซา รอให้พระองค์จัดการงานบนโต๊ะแล้วเสร็จ ค่อยพาหงอี้ไปเสวยสำรับเช้าที่ตำหนักของฮองเฮาด้วยผลตรวจร่างกายรอบล่าสุด ทำให้พระองค์มีความหวังที่จะผลิตองค์หญิงตัวน้อยหน้าตาเหมือนฮองเฮาออกมาวิ่งเล่นไปทั่วพระราชวัง ส่งเสียงเรียกพระองค์ว่าเสด็จพ่อเจ้าคะ เสด็จพ่อเจ้าขาองค์หญิงน้อยเนื้อตัวนุ่มนิ่มหอมน้ำนม สวมชุดปักลวดลายสวยงาม ทำผมเป็นก้อนซาลาเปา ฉีกยิ้มหวานจนแก้มขึ้นก้อนกลมส่งมาให้...เพียงแค่คิดก็มีความสุขแล้ว“สำหรับเรื่องที่ข้าปรารถนาในตอนนี้ เจ้าคือความหวังเดียว หงอี้”เจ้าก้อนขนแสนนุ่มนิ่มเลียปากหลังดื่มนมอุ่นจนหมดถ้วย มองบุรุษผู้อยู่เหนือคนทั้งใต้หล้าด้วยดวงตากลมแป๋ว แสนใสซื่อ ไม่อาจเข้าใจว่านางเป็นความหวังในเรื่องใดหากนั่นทำให้คนมีความหวัง แม้จะเล็กน้อย ถือว่านางมีความสำคัญ หรือเปล่านะหงอี้โคลงศีรษะ ท้องอิ่มเล็กน้อยทำให้นางขี้เกียจก็ไม่อยากนอ
เมื่อเห็นสีหน้าของชินอ๋องกลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง อ้ายเมิ่งเหยาจึงลอบถอนหายใจโดยระวังไม่ให้บุรุษตัวโตจับได้นางเหลือบมองคนสนิทที่ยืนตัวแข็งทื่อจากการถูกแรงกดดันรอบตัวของชินอ๋องไปนาน แล้วออกเดินนำ จึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มชอบใจตรงมุมปากหยักของคนตัวโตด้านหลังทิ้งความรู้สึกหงุดหงิดบางอย่าง ก้าวตามแผ่นหลังของสตรีที่เขาเกิดสนใจขึ้นมากะทันหัน ลึกลงไปในแววตากร้าวกระด้าง เกิดแววไม่ยินยอมต่อบางสิ่ง ทว่ากลับไร้หนทางต่อต้าน ทำได้เพียงโอนเอนตามแรงฉุดดึงที่มองไม่เห็นเพื่อหาคำตอบเย็นวันนั้น พอออกจากพระราชวัง ซึ่งกว่าจะหลุด ต้องนั่งมองการยื้อยุดของสองพี่น้องอยู่นานสองนาน ด้วยฮ่องเต้คิดหาข้ออ้างดึงตัวนางไว้ข้างกายอีกหนึ่งคืน ชินอ๋องไม่ยอมอ่อนข้ออาศัยช่วงทีเผลอคว้าตัวนางแล้วเดินตัวปลิวออกจากห้องทรงพระอักษรพอกินข้าวเย็นอิ่ม หงอี้ได้รับการไหว้วานจากชินอ๋องให้ติดตามไปยังโรงประมูลซวี่หัวอีกครั้ง เบื้องหน้าของนางยังคงเป็นกรงขังขนาดใหญ่ ภายในนั้นเป็นเสือดำลายพาดกลอนตัวใหญ่ผู้หงุดหงิดง่าย นอนหมดแรงหลังถูกวางยาสลายกำลังซึ่งเป็นตัวยาหายาก แทบสูญหายจากแผ่นดิน ต้องใช้ทั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์ออกค้นหา เมื่อได้มาแล้วย
สามวันต่อมา จวนตระกูลเจียงจัดงานครบรอบวันเกิดให้แก่ราชเลขาเจียง ผู้เป็นแรงสำคัญนำพาให้ตระกูลเจียงกลับมาผงาด จนยืนอย่างมั่นคงท่ามกลางตระกูลขุนนางชั้นสูงในเมืองหลวงได้อีกครั้งหลังจากตระกูลเจียงตกต่ำมานับสิบแปดปี ด้วยการตัดสินใจทำการค้ากับขุนนางนิสัยชั่วร้าย หลอกลวงได้แม้กระทั่งราชสำนัก แม้จะพิสูจน์หลักฐานพบเพียงตระกูลเจียงไม่รู้เห็น แต่ความร่ำรวยของพวกเขาปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากเงินของราษฎรบทลงโทษของพวกเขาตระกูลเจียง คือ ยึดทรัพย์สินเข้าคลังหลวง เพื่อชดเชยความเสียหายจากการค้า จากตระกูลคหบดีผู้ร่ำรวย ดิ่งสู่จุดต่ำสุด เคยอาศัยในจวนหลังใหญ่ สาวใช้บ่าวไพร่นับร้อยชีวิตคอยทำงาน ชีวิตสุขสบายหายไปพวกเขาต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดย้ายออกจากจวนเดิม สาวใช้บ่าวไพร่ต่างถูกขายเพื่อลดรายจ่าย บุตรหลานตระกูลเจียงราวตกสวรรค์ พวกเขาไม่มีทางฟื้นคืนได้อีกแล้ว แม้แต่สหายที่เคยคบหายังหนีหน้า เลิกคบหาพวกเขาสอนให้เห็นถึงจิตใจแท้จริงของคนเมื่อหกปีก่อนเจียงจื้อหมิงสอบได้จอหงวน เขาเริ่มทำงานเป็นขุนนางขั้นเล็ก ๆ ไต่เต้าด้วยความสามารถจนกระทั่งวันนี้ กลายเป็นราชเลขาคนสำคัญที่ฝ่าบาทไว้วางพระทัยและว่าที่ผู้นำตระกูลเจียงคนต่
บรรยากาศแสนหนักอึ้งบนโต๊ะของชินอ๋องหมดไป หงอี้จึงมีความคิดอยากลองชิมสุรา ว่าก็ว่าเถอะ นางเมื่อครั้งยังเป็นกมลเนตรชื่นชอบการเติมแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดมาก ยี่ห้อไหนคนว่าดี ผสมแบบไหนคนว่าเด็ด เป็นต้องขอลองเสมอพออยู่ในร่างแมวความชอบจึงถูกงดเว้นไป หงอี้อาศัยจังหวะที่สองหนุ่มเผลอยื่นอุ้งเท้าหน้าจุ่มลงในจอกสุรา ยกขึ้นใช้ลิ้นแตะ ๆ เพื่อทดลองรสชาติ ลิ้นน้อย ๆ สีแดงเลียอุ้งเท้าหน้าชวนให้คนมองรู้สึกจั๊กจี้อู้ววว รสชาติใช้ได้เลย ฤทธิ์ไม่แรงเท่าไหร่ ถือว่าพอแก้ขัดอาการเปรี้ยวปากได้หลังจากนั้นความสนใจทั้งหมดของนางจึงอยู่ที่จอกสุราตรงหน้า ลิ้มรสชาติแสนคิดถึงอย่างสุขใจ ดวงตากลมหลับพริ้มอย่างมีความสุข ความเร็วของการจุ่มอุ้งเท้าก็เพิ่มขึ้น เผลออีกทีสุราเต็มจอกก็เหลือเพียงครึ่งหนึ่งตายละ ซวนจะรู้ไหมทำไงดี ๆความกังวลส่งผลให้นางไม่ได้นอนเฉยอีกต่อไป ลุกขึ้นกลอกตามองไปมาอย่างใช้ความคิด ก่อนจะ..“หงอี้ ซุกซนอีกแล้วหรือ” ไต้ชินอ๋องบ่นไม่จริงจังนักออกมา เมื่อพบว่าจอกสุราของตนเองหกคว่ำ เมื่อมองดูตัวการกำลังส่งเสียงอย่างรู้สึกผิด จึงเรียกสาวใช้แถวนั้นมาเก็บกวาด สาวใช้รีบเช็ดสุราและเปลี่ยนจอกใหม่พร้อมเติมสุรา
ไต้ชินอ๋องแทบทะยานมาที่เรือนนอน ตอนเปิดประตูใช้เท้า ตอนปิดก็ยังใช้เท้ากระแทกปิดเสียงดังปัง ร่างบางในห่อผ้าอยู่ไม่สุข มือน้อยเลื้อยออกมาสอดเข้าสาบชุดลูบไล้ผิวเนื้อของเขา สัมผัสราวถูกขนนกปัดผ่าน สร้างความวาบหวามจนต้องข่มเสียงครางแสนพอใจแม้ความคิดจะอยากจับนางทุ่มลงบนเตียง ตามด้วยคร่อมทับทรมานให้สาสมกับความต้องการในอก แต่เขาสนใจอย่างอื่นมากกว่า จึงต้องสะกดความร้อนรุ่มวางหญิงสาวผู้อ้างตัวว่าคือหงอี้ แมวขี้เซาที่เขาเลี้ยงไว้ข้างกายตลอดสามปีเมื่อเป็นอิสระ หงอี้ใช้มือปัดผ้าคลุมออกอย่างนึกรำคาญ นางร้อนแทบตายแล้วแต่ชินอ๋องยังใช้มันห่อตัว ไยต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยนางก็แค่แมวตัวหนึ่งอุ้มไว้ในอกอย่างเปิดเผย มีสิ่งใดน่าอายกันนัยน์ตาสีเทากลม แวววาวจากแรงปรารถนา มองใบหน้าแดงก่ำของพ่อตัวร้ายหยาดเยิ้ม ยังคงไม่เข้าใจอยู่เหมือนเดิมนางแค่แอบดื่มสุราเองมิใช่หรือ ความร้อนในร่างกายโดยเฉพาะส่วนนั้นมาจากไหนหงอี้สับสนแต่ร่างกายไม่รักดีกลับเอนกายลงบนเตียงเย็นชืด บิดเร่าอย่างชอบใจ ชินอ๋องหายใจหอบกับภาพยั่วราคะของสตรีบนเตียง ผ้าปูสีดำตัดกับผิวกายนวลลออ เส้นผมสีเทาออกเงินกระจายไปทั่วหมอนใบใหญ่“อื้อ...เย็นจัง”บ
เมื่อมาถึงห้องทรงพระอักษร หงอี้ที่ยังไม่อยากเสวนากับชินอ๋องรีบดิ้นออกจากอ้อมแขนของเขา เดินนวยนาดไปหาบุรุษผู้ทรงอำนาจที่สุดในแคว้น แต่กลับแย้มสรวลเมื่อเห็นก้อนสีขาวเดินส่ายพวงหางเข้ามาคลอเคลียชายฉลองพระองค์หลี่ไต้ซานแย้มโอษฐ์ โน้มพระวรกายลงช้อนอุ้มหงอี้แล้วตรัสอย่างรู้ทันว่า “หงุดหงิดเจ้าหน้าตายอยู่ละสิ จึงเดินมาคลอเคลียข้าเช่นนี้”หากในเวลาปกติ การเดินมาออดอ้อนเช่นนี้มีแทบนับครั้งได้ ไม่หงุดหงิดน้องชายของเขาก็อยากได้บางอย่าง ครานี้พระองค์ทรงคาดเคาว่าเหตุผลข้อแรก แม้ชินอ๋องจะไม่แสดงออกทางสีหน้าแต่แววตาละห้อยที่มองตามหลังเจ้าตัวกลมก็ชัดเจนดีหงอี้วางคางบนไหล่หนาของฮ่องเต้ เมินเฉยคำถามเท่าทันนั้น ในคราแรกนางตื่นตัวอยู่บ้างเมื่อได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ บุคคลผู้ทรงอำนาจเหนือผู้ใดในแคว้นนี้ บารมีของเขาเรืองรองจนนางแสดงความนอบน้อมออกมาโดยธรรมชาติ จึงออกอาการเกร็งเมื่อถูกโอบอุ้มเมื่อนานวันเข้าความสนิทสนมเริ่มมากขึ้นความรู้สึกหวั่นเกรงหายไป กล้าอ้อนกล้าซุกมากขึ้น ยิ่งหลี่ไต้ซานปล่อยให้นางทำตามใจ โดยไร้ซึ่งโทสะแถมยังมีความสุขทุกคราเมื่อนางมาอยู่ใกล้ หงอี้จึงยิ่งได้ใจการถูกเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีจาก
แม้เมื่อวานชินอ๋องจะกลับมาพร้อมสตรีและยังดื่มน้ำผึ้งยามค่ำคืน จนกระทั่งล่วงเข้าวันใหม่ แต่พ่อบ้านรวมถึงคนสนิทไม่ได้เอ่ยปากถาม พวกเขาเพียงลอบส่งสายตาเพื่อพูดคุยกันว่าสตรีนางนั้นหายไปที่ใดแล้ว ในเมื่อท่านอ๋องกำลังเดินอุ้มหงอี้ที่หายตัวไปออกมาจากห้องสาวใช้ผู้เข้าไปปรนนิบัติถูกพ่อบ้านสอบซัก ได้ความว่าไร้เงาของสตรีที่ท่านอ๋องอุ้มเข้าห้องน่าแปลกเกินไป รวมถึงน่าเหลือเชื่อ คนทั้งคนจะหายไปโดยไม่มีผู้ใดพบเห็นเลยหรือการหายตัวไปของหงอี้ไม่ใช่เรื่องน่าสงสัย แมวตัวนี้ชอบเที่ยวเล่น ซุกซนตลอดเวลา หายตัวไปก็กลับมาเองได้ พวกเขาทั้งหมดเคยชินเสียแล้ว เมื่อคืนถึงถึงก็เพียงนึกห่วงเท่านั้น เช้านี้พบอยู่กับท่านอ๋อง เป็นอันว่าหายห่วงหงอี้กลับมาอยู่ในร่างแมวเพียงแค่คิดเท่านั้น นางยังนึกแปลกใจ ก่อนหน้านั้นเคยลองแล้วผลปรากฏว่าว่างเปล่า นางยังคงเป็นแมวสีขาวขนปุย แล้วเหตุใดจึงเกิดขึ้นมันได้รับการกระตุ้น?แล้วอะไรคือตัวกระตุ้น หงอี้ปวดหัวไปหมด ยิ่งคิดยิ่งใช้สมองมาก ความหิวยิ่งถาโถม เสียงท้องเจ้ากรรมดังเข้าหูชินอ๋อง จนเขาก้มมองเจ้าก้อนขนในอ้อมอกอย่างนึกสงสาร รีบหันไปสั่งสาวใช้จัดโต๊ะอาหาร จับนางเข้าประจำที่นมอ
“อึก อ๊ะ อ๊า”ถูกเคี่ยวกรำมาหลายชั่วยาม เสียงครางแสนหวานจึงเปลี่ยนเป็นแหบแห้ง หงอี้ถูกจับนอนตะแคงโดยมีร่างใหญ่ซ้อนประชิดด้านหลัง เรียวขาพาดบนแขนแกร่ง แอ่นอ้ารับการป้อนความเสียวจากท่อนกายใหญ่ที่ยังคงสอดเข้าออกอย่างพลิ้วไหวน้ำหวานเจิ่งนองจนรู้สึกแฉะตรงหว่างขา เม็ดเสียวเต่งบวมสั่นริกจากการขยี้ของท้องนิ้วสาก ยิ่งเขาดันเนินชายเข้าลึกนางยิ่งกระสันจนตัวกระตุก แอ่นบั้นท้ายเข้าหาราวนางโลมแสนร่าน กระหายรสสวาทไม่รู้อิ่ม“ขะ ข้า อ๊ะ ซวนจ๋า~ ช้าหน่อย อื้อ อ๊า”ทรมานเหลือเกิน...รัญจวนเหลือแสนกับราคะที่เขาปรนเปรอให้ไม่หยุดพัก“บอกให้ช้าลงแต่เจ้ากลับแอ่นรับไม่น้อยหน้า”“ฮึก อ๊า”“น้ำหวานของเจ้า ไหลอาบข้าจนเปียกแฉะ แมวน้อยแสนร่าน” เนินชายของเขาที่มีขนหยาบแห้งและเปียกวนกันเช่นนี้มาหลายชั่วยาม ถึงจะฉีดน้ำคาวออกไป อีกสักพักลำกายใหญ่ก็กลับมาขยายพองคับโพรงอุ่นให้เขาสร้างความหฤหรรษ์กับนางอีกครั้งวาจาแสนลามกขับความร้อนจนใบหน้าร้อนผ่าว เขินอายเหลือเกินกับความจริงที่เขากล่าวออกมา แต่กลีบบุปผากลับขมิบรัว ราวกับว่ากำลังประจานความคิดแท้จริงของนางให้เขารับรู้ว่าชอบมากแค่ไหนหลี่ไต้ซวนคำรามเมื่อนางทั้งดูดดึงและเ
หงอี้ร้อนวูบวาบตรงจุดประสานเชื่อม ความกระสั่นซ่านไต่ระดับ รู้สึกถึงเขามากกว่าทุกสิ่ง รอบกายราวถูกหยุดเวลาเอาไว้มีเพียงนางและเขาที่หลงระเริงในห้วงราคะ เอวคอดยกตามติดทุกการถอดถอน คล้ายกับว่าไม่ต้องการให้เขาหนีห่าง ร้อนผ่าวจนใบหน้าแทบไหม้เมื่อสบตาหยอกล้อของเขามันเร็วขึ้น เร็วขึ้นจนร่างเคลื่อนคลอนทรวงอิ่มไหวยวบยาบตามจังหวะขึ้นลง จนต้องประคองไว้ในอุ้งมือ นวดเคล้นเนื้อล้นผ่านง่ามนิ้ว แทรกท่อนกายผ่านความอ่อนนุ่ม ให้เนื้อของเขาและนางเสียดสีกันครั้งแล้วครั้งเล่าความคับแน่น เจ็บตึงในร่องแคบเลือนหายไป เหลือเพียงความซ่านกระสันยามความใหญ่โตแทรกผ่าน ขาเรียวอ้ากว้างยิ่งกว่าเดิมนั่นทำให้เขาเข้าถึงทุกอณูการรับรู้ จ้วงทะยานตามความอยากจนกลีบอ่อนยู่เข้ายู่ออก จนหงอี้หนีออกจากความเสียวซ่านไม่พ้นมันมากขึ้น...เสียวขึ้น...ไต่ระดับความเสียวจนแทบขาดใจน้ำเมือกลื่นของนางหลั่งริน ทำให้เขาเร่งเร้าจ้วงแทงราวไม่รู้จักเต็มอิ่ม หลี่ไต้ซวนจุมพิตหน้าผากมลชื้นเหงื่อ ตามด้วยดวงตาทั้งสองข้าง พวงแก้มนุ่ม ปลายจมูกเล็กโด่งรั้นก่อนจะหยัดนั่งตรงมองส่วนประสาน เอวหนาลดความเร็วลง กระทั้นแกนกายเคลือบน้ำหวานสีใสและเลือดสีแด
ไต้ชินอ๋องแทบทะยานมาที่เรือนนอน ตอนเปิดประตูใช้เท้า ตอนปิดก็ยังใช้เท้ากระแทกปิดเสียงดังปัง ร่างบางในห่อผ้าอยู่ไม่สุข มือน้อยเลื้อยออกมาสอดเข้าสาบชุดลูบไล้ผิวเนื้อของเขา สัมผัสราวถูกขนนกปัดผ่าน สร้างความวาบหวามจนต้องข่มเสียงครางแสนพอใจแม้ความคิดจะอยากจับนางทุ่มลงบนเตียง ตามด้วยคร่อมทับทรมานให้สาสมกับความต้องการในอก แต่เขาสนใจอย่างอื่นมากกว่า จึงต้องสะกดความร้อนรุ่มวางหญิงสาวผู้อ้างตัวว่าคือหงอี้ แมวขี้เซาที่เขาเลี้ยงไว้ข้างกายตลอดสามปีเมื่อเป็นอิสระ หงอี้ใช้มือปัดผ้าคลุมออกอย่างนึกรำคาญ นางร้อนแทบตายแล้วแต่ชินอ๋องยังใช้มันห่อตัว ไยต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยนางก็แค่แมวตัวหนึ่งอุ้มไว้ในอกอย่างเปิดเผย มีสิ่งใดน่าอายกันนัยน์ตาสีเทากลม แวววาวจากแรงปรารถนา มองใบหน้าแดงก่ำของพ่อตัวร้ายหยาดเยิ้ม ยังคงไม่เข้าใจอยู่เหมือนเดิมนางแค่แอบดื่มสุราเองมิใช่หรือ ความร้อนในร่างกายโดยเฉพาะส่วนนั้นมาจากไหนหงอี้สับสนแต่ร่างกายไม่รักดีกลับเอนกายลงบนเตียงเย็นชืด บิดเร่าอย่างชอบใจ ชินอ๋องหายใจหอบกับภาพยั่วราคะของสตรีบนเตียง ผ้าปูสีดำตัดกับผิวกายนวลลออ เส้นผมสีเทาออกเงินกระจายไปทั่วหมอนใบใหญ่“อื้อ...เย็นจัง”บ
บรรยากาศแสนหนักอึ้งบนโต๊ะของชินอ๋องหมดไป หงอี้จึงมีความคิดอยากลองชิมสุรา ว่าก็ว่าเถอะ นางเมื่อครั้งยังเป็นกมลเนตรชื่นชอบการเติมแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดมาก ยี่ห้อไหนคนว่าดี ผสมแบบไหนคนว่าเด็ด เป็นต้องขอลองเสมอพออยู่ในร่างแมวความชอบจึงถูกงดเว้นไป หงอี้อาศัยจังหวะที่สองหนุ่มเผลอยื่นอุ้งเท้าหน้าจุ่มลงในจอกสุรา ยกขึ้นใช้ลิ้นแตะ ๆ เพื่อทดลองรสชาติ ลิ้นน้อย ๆ สีแดงเลียอุ้งเท้าหน้าชวนให้คนมองรู้สึกจั๊กจี้อู้ววว รสชาติใช้ได้เลย ฤทธิ์ไม่แรงเท่าไหร่ ถือว่าพอแก้ขัดอาการเปรี้ยวปากได้หลังจากนั้นความสนใจทั้งหมดของนางจึงอยู่ที่จอกสุราตรงหน้า ลิ้มรสชาติแสนคิดถึงอย่างสุขใจ ดวงตากลมหลับพริ้มอย่างมีความสุข ความเร็วของการจุ่มอุ้งเท้าก็เพิ่มขึ้น เผลออีกทีสุราเต็มจอกก็เหลือเพียงครึ่งหนึ่งตายละ ซวนจะรู้ไหมทำไงดี ๆความกังวลส่งผลให้นางไม่ได้นอนเฉยอีกต่อไป ลุกขึ้นกลอกตามองไปมาอย่างใช้ความคิด ก่อนจะ..“หงอี้ ซุกซนอีกแล้วหรือ” ไต้ชินอ๋องบ่นไม่จริงจังนักออกมา เมื่อพบว่าจอกสุราของตนเองหกคว่ำ เมื่อมองดูตัวการกำลังส่งเสียงอย่างรู้สึกผิด จึงเรียกสาวใช้แถวนั้นมาเก็บกวาด สาวใช้รีบเช็ดสุราและเปลี่ยนจอกใหม่พร้อมเติมสุรา
สามวันต่อมา จวนตระกูลเจียงจัดงานครบรอบวันเกิดให้แก่ราชเลขาเจียง ผู้เป็นแรงสำคัญนำพาให้ตระกูลเจียงกลับมาผงาด จนยืนอย่างมั่นคงท่ามกลางตระกูลขุนนางชั้นสูงในเมืองหลวงได้อีกครั้งหลังจากตระกูลเจียงตกต่ำมานับสิบแปดปี ด้วยการตัดสินใจทำการค้ากับขุนนางนิสัยชั่วร้าย หลอกลวงได้แม้กระทั่งราชสำนัก แม้จะพิสูจน์หลักฐานพบเพียงตระกูลเจียงไม่รู้เห็น แต่ความร่ำรวยของพวกเขาปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากเงินของราษฎรบทลงโทษของพวกเขาตระกูลเจียง คือ ยึดทรัพย์สินเข้าคลังหลวง เพื่อชดเชยความเสียหายจากการค้า จากตระกูลคหบดีผู้ร่ำรวย ดิ่งสู่จุดต่ำสุด เคยอาศัยในจวนหลังใหญ่ สาวใช้บ่าวไพร่นับร้อยชีวิตคอยทำงาน ชีวิตสุขสบายหายไปพวกเขาต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดย้ายออกจากจวนเดิม สาวใช้บ่าวไพร่ต่างถูกขายเพื่อลดรายจ่าย บุตรหลานตระกูลเจียงราวตกสวรรค์ พวกเขาไม่มีทางฟื้นคืนได้อีกแล้ว แม้แต่สหายที่เคยคบหายังหนีหน้า เลิกคบหาพวกเขาสอนให้เห็นถึงจิตใจแท้จริงของคนเมื่อหกปีก่อนเจียงจื้อหมิงสอบได้จอหงวน เขาเริ่มทำงานเป็นขุนนางขั้นเล็ก ๆ ไต่เต้าด้วยความสามารถจนกระทั่งวันนี้ กลายเป็นราชเลขาคนสำคัญที่ฝ่าบาทไว้วางพระทัยและว่าที่ผู้นำตระกูลเจียงคนต่
เมื่อเห็นสีหน้าของชินอ๋องกลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง อ้ายเมิ่งเหยาจึงลอบถอนหายใจโดยระวังไม่ให้บุรุษตัวโตจับได้นางเหลือบมองคนสนิทที่ยืนตัวแข็งทื่อจากการถูกแรงกดดันรอบตัวของชินอ๋องไปนาน แล้วออกเดินนำ จึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มชอบใจตรงมุมปากหยักของคนตัวโตด้านหลังทิ้งความรู้สึกหงุดหงิดบางอย่าง ก้าวตามแผ่นหลังของสตรีที่เขาเกิดสนใจขึ้นมากะทันหัน ลึกลงไปในแววตากร้าวกระด้าง เกิดแววไม่ยินยอมต่อบางสิ่ง ทว่ากลับไร้หนทางต่อต้าน ทำได้เพียงโอนเอนตามแรงฉุดดึงที่มองไม่เห็นเพื่อหาคำตอบเย็นวันนั้น พอออกจากพระราชวัง ซึ่งกว่าจะหลุด ต้องนั่งมองการยื้อยุดของสองพี่น้องอยู่นานสองนาน ด้วยฮ่องเต้คิดหาข้ออ้างดึงตัวนางไว้ข้างกายอีกหนึ่งคืน ชินอ๋องไม่ยอมอ่อนข้ออาศัยช่วงทีเผลอคว้าตัวนางแล้วเดินตัวปลิวออกจากห้องทรงพระอักษรพอกินข้าวเย็นอิ่ม หงอี้ได้รับการไหว้วานจากชินอ๋องให้ติดตามไปยังโรงประมูลซวี่หัวอีกครั้ง เบื้องหน้าของนางยังคงเป็นกรงขังขนาดใหญ่ ภายในนั้นเป็นเสือดำลายพาดกลอนตัวใหญ่ผู้หงุดหงิดง่าย นอนหมดแรงหลังถูกวางยาสลายกำลังซึ่งเป็นตัวยาหายาก แทบสูญหายจากแผ่นดิน ต้องใช้ทั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์ออกค้นหา เมื่อได้มาแล้วย
หงอี้มองตามแผ่นหลังกว้างของชินอ๋องจนลับสายตา พอถูกนำมาวางบนเบาะนอนซึ่งกงกงคนสนิทของฮ่องเต้จัดวางบนโต๊ะทรงงาน พร้อมถ้วยใส่นมอุ่น ๆ ความสนใจของนางจึงกลับมาจดจ่อกับของกินแทนโอรสสวรรค์ยิ้มปลาบปลื้ม รู้สึกมีแรงทำงานเพิ่มขึ้นหลังได้กลิ่นประจำตัวของจอมขี้เซา รอให้พระองค์จัดการงานบนโต๊ะแล้วเสร็จ ค่อยพาหงอี้ไปเสวยสำรับเช้าที่ตำหนักของฮองเฮาด้วยผลตรวจร่างกายรอบล่าสุด ทำให้พระองค์มีความหวังที่จะผลิตองค์หญิงตัวน้อยหน้าตาเหมือนฮองเฮาออกมาวิ่งเล่นไปทั่วพระราชวัง ส่งเสียงเรียกพระองค์ว่าเสด็จพ่อเจ้าคะ เสด็จพ่อเจ้าขาองค์หญิงน้อยเนื้อตัวนุ่มนิ่มหอมน้ำนม สวมชุดปักลวดลายสวยงาม ทำผมเป็นก้อนซาลาเปา ฉีกยิ้มหวานจนแก้มขึ้นก้อนกลมส่งมาให้...เพียงแค่คิดก็มีความสุขแล้ว“สำหรับเรื่องที่ข้าปรารถนาในตอนนี้ เจ้าคือความหวังเดียว หงอี้”เจ้าก้อนขนแสนนุ่มนิ่มเลียปากหลังดื่มนมอุ่นจนหมดถ้วย มองบุรุษผู้อยู่เหนือคนทั้งใต้หล้าด้วยดวงตากลมแป๋ว แสนใสซื่อ ไม่อาจเข้าใจว่านางเป็นความหวังในเรื่องใดหากนั่นทำให้คนมีความหวัง แม้จะเล็กน้อย ถือว่านางมีความสำคัญ หรือเปล่านะหงอี้โคลงศีรษะ ท้องอิ่มเล็กน้อยทำให้นางขี้เกียจก็ไม่อยากนอ