แชร์

Chapter8. บอกข้า

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-04 14:06:53

            “ช่างเถอะ” เขาโบกมือไปมา 

            “บอกข้า คุณหนูกงของเจ้าเล่าเรื่องใดเกี่ยวกับข้าบ้าง”

            หลันหลันฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาวบนฟากฟ้า “คุณหนูเล่าเรื่องซือจื่อทุกเรื่อง ท่านเป็นสหายร่วมอาจารย์กับคุณชายกงอี้เทาและท่านจางซงหยวน ทุกครั้งที่ท่านจางลอบมาพบคุณหนู มักนำเรื่องราวของซือจื่อมาเล่าให้คุณหนูฟังเสมอ”

            เซียวเหรินยกมือขึ้นนวดขมับ เจ้าสองคนนั้นปากเปราะยังไม่พอ นี่กงเสวี่ยหลิงยังเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาให้สาวใช้ฟังด้วยหรือ?

            “มีเรื่องอะไรบ้าง”

            “ซือจื่อเป็นคนโมโหร้ายแต่ไม่แสดงออก” นางพูดด้วยรอยยิ้ม  

“ซือจื่อทำตัวเป็นสัตว์กินพืชทั้งที่ชอบกินเนื้อ ซือจื่อเก่งกล้าสามารถแต่ไม่อวดตัว ซือจื่อชอบศึกษากลยุทธ์การทำศึกแต่ไม่ชอบสงคราม ซือจื่อไม่ชอบอากาศเย็นและไม่ชอบกินถั่วแดง ซือจื่อ...”

            “พอแล้ว” มีแต่เรื่องไร้สาระทั้งนั้น เขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้กับสาวใช้ของกงเสวี่ยหลิงดี นางไร้เดียงสาเกินไป นอกจากใบหน้างดงามอ่อนหวานและเรือนร่างบอบบางนี้ นางเป็นสาวใช้ที่ไม่น่าจะเอาตัวรอดในวังหลวงอันโหดเหี้ยมได้เลย หรือเพราะกงเสวี่ยหลิงต้องอยู่ในฐานะองค์หญิงเชลย นางจึงพอใจกับสาวใช้ไร้พิษสงเช่นนี้

            “เอาเถิด เจ้าก็อยู่ที่นี่รอกงอี้เทามารับก็แล้วกัน” เขาลุกขึ้นยืน “และอย่ารบกวนข้าโดยเฉพาะเตียงของข้าและห้องปรุงยา”

            “เจ้าค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ อย่างเข้าใจ “เอ่อ...”

            “มีอะไรก็ว่ามา” เขาอยากยื่นมือไปจับใบหน้าของนางไม่ให้พยักหน้าขึ้นลงอีก นางช่างใส่ใจกับการเป็น ‘นก’ เสียจริง

            “ท่านป้าต๋าซูบอกว่าข้าต้องกลืนกินลมหายใจของผู้ที่ช่วยชีวิตข้า..ซือ...เอ่อ..เซียวเหรินเป็นผู้ช่วยชีวิตข้า ข้าขอกลืนกินลมหายใจของท่านได้หรือไม่”

            เซียวเหรินกำลังจะเดินออกไปต้องชะงัก เขาจ้องมองแววตาของนางที่ยืนยันคำพูดของตัวเองแล้วลอบถอนหายใจเบาๆ นางเป็นสตรี เป็นฝ่ายเสียหายแต่กลับเมินเฉยกับเรื่องเหล่านี้ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าคนที่เจ็บปวดทางจิตใจอย่างนาง หากขัดใจนางแล้วจะมีอาการต่อต้านอย่างไร

            ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยปากตอบรับหรือปฏิเสธ เขาหมุนตัวเดินออกไปเงียบๆ ปล่อยให้หลันหลันได้แต่ทำหน้ามุ่ยไม่เข้าใจความหมายของเขา

            เซียวเหรินไม่แน่ใจว่าระหว่างที่นางขอ ‘กลืนกินลมหายใจ’ กับขอ ‘กลืนกินหนอนอวบอ้วนเป็นอาหาร’ สิ่งไหนจะประหลาดน้อยกว่ากัน

หญิงสาวนั่งจ้องตะเกียบในมือสลับกับอาหารหลากหลายตรงหน้า น้ำลายสอเต็มกระพุ้งแก้มด้วยกลิ่นอาหารเย้ายวน

            “เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว เหตุใดแค่จับตะเกียบกินข้าวยังทำไม่ได้” ติงชุ่ยดุพร้อมทั้งยกมือเท้าเอว สีหน้าจริงจังจนหญิงสาวที่นั่งอยู่ทำหน้ามุ่ยแล้วชูนิ้วเรียวงามขึ้นมาสี่นิ้ว ติงชุ่ยขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม

            “สี่? สี่อะไร สิบสี่ ยี่สิบสี่” ติงชุ่ยหงุดหงิดที่เห็นหลันหลันจับตะเกียบคีบอาหารเองไม่ถูกวิธี

            “ข้าสี่ขวบแล้วนะ” นางอ้าปากโต้เถียง ติงชุ่ยไม่ยอมให้นางกินข้าวเช้าเสียที เพราะนางจับตะเกียบไม่เป็น เมื่อวานนางกินโจ๊กกับหมั่นโถว เช้านี้หลัววั่งมาแต่เช้าตรู่ มาถึงก็เร่งรีบหุงข้าวทำอาหาร หลันหลันตื่นแต่เช้ามืด ไม่กล้ามองเลยไปยังเตียงนอนของเซียวเหรินที่อยู่ด้านใน นางไม่รู้ว่าตั่งที่นางอาศัยนอนอยู่นี่มีฉากกั้นตั้งแต่เมื่อใด ปกตินางอยู่กับคุณหนูกงก็ตื่นแต่เช้าตรู่อยู่แล้ว นางรีบจัดแจงเก็บที่นอนจากที่เคยเห็นคุณหนูทำมาก่อน แล้วรีบล้างหน้าล้างตาแปรงฟันก็เป็นจังหวะที่หลัววั่งเข้ามาในครัวแล้ว นางจึงได้ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่หลัววั่งไว้วางใจจะให้ช่วย จนกระทั่งติงชุ่ยเข้ามา จัดการยกอาหารเช้าไปให้เซียวเหรินแล้วมายืนดูนางที่หิวจนท้องร้องโครกครากแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมให้นางได้กินข้าวเช้าเสียที

            “สี่ขวบ!” ติงชุ่ยส่ายหน้าไปมา ไม่ว่าอย่างไรหลันหลันก็ยืนยันว่าตัวเองเป็นนกหงส์หยก หากไม่เพราะนางเคยเห็นคนสติฟั่นเฟือนมาก่อน คงรับมือกับหลันหลันไม่ได้แน่ จะว่าไปจากคนป่วยที่มาหาเซียวเหริน หลันหลันดูจะเป็นอันตรายน้อยที่สุด อย่างน้อยนางก็ไม่คลุ้มคลั่งอาละวาดทำร้ายผู้ใด

            “เอาละ เช่นนั้นปกติแต่ก่อนเวลากินเจ้ากินอย่างไร” หลัววั่งเอ็นดูหญิงสาวผู้นี้นัก มักใช้น้ำเสียงอ่อนโยนขัดกับรูปร่างสูงใหญ่ของตน

            “คุณหนูป้อนข้า” นางยิ้มกว้าง แล้วอ้าปากขึ้นเล็กน้อย แต่ก่อนคุณหนูก็คอยป้อนอาหารให้นางจริงๆ นี่นะ 

            หลัววั่งเห็นแล้วก็โคลงศีรษะไปมา เป็นฝ่ายหยิบตะเกียบคีบเนื้อไก่คำเล็กๆ แล้วยื่นไปหมายจะป้อนให้นาง แต่ติงชุ่ยกลับหวีดร้องออกมาก่อน

            “มารดาเถอะ! เจ้าเป็นแม่นางหรือไรต้องป้อนอาหารนางเช่นนี้!” ติงชุ่ยกระทืบเท้าไม่พอใจแล้วเป็นฝ่ายจับมือของหลันหลันให้คีบตะเกียบอย่างถูกวิธี

            “เจ้าก็เหมือนกัน! จะสอนใช้ตะเกียบทำไมต้องดุนางด้วย หากเจ้าเป็นแม่คนจริง ลูกๆ คงร้องไห้หิวข้าวเป็นแน่”

            หลันหลันมองติงชุ่ยกับหลัววั่งสลับไปมาแล้วนางก็ยิ้มกว้างออกมา

            “พี่สาวกับพี่ชายต้องเป็นแม่และพ่อที่ดีแน่ๆ”

            เพียงประโยคเดียวของหลันหลันทำให้ทั้งสองหยุดชะงักไปทันที ติงชุ่ยแก้มแดงอย่างไม่รู้ตัวในขณะที่หลัววั่งก็ทำหน้าไม่ถูก หลันหลันใช้นิ้วประคองตะเกียบแล้วพุ้ยข้าวเข้าปากคำน้อยๆ ค่อยๆ เคี้ยว เมื่อทำได้แล้วจึงยื่นตะเกียบไปหมายจะคีบเนื้อไก่ผัดผักในจาน แต่ติงชุ่ยตีมือเบาๆ

            “เห็นไหม มีตะเกียบกลางวางอยู่ตรงนี้” 

            “อ้อ” นางพยักหน้าขึ้นลงแล้วทำตามที่ติงชุ่ยสอน

            “หลันหลัน แล้วครอบครัวของเจ้าเล่า” หลัววั่งชวนคุยเปลี่ยนเรื่อง

            “อ้อ!” นางยิ้มน้อยๆ พลางเคี้ยวอาหารในปาก “คุณหนูเป็นคนเลี้ยงดูข้ามาตั้งแต่เด็ก ข้าเองก็จำเรื่องราวของท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้แล้ว แค่จำได้ว่าตอนเด็กข้าอ่อนแอและอัปลักษณ์ พี่น้องถูกขายไปหมดเกลี้ยง แต่กับตัวข้าที่ยกให้เป็นของแถมยังไม่มีผู้ใดเอา คนเลี้ยงก็มิใส่ใจ ข้าหิวมากๆ ก็เลยลอบหนีออกมาตั้งแต่นั้นก็ไม่ได้ข่าวคราวพี่น้องหรือพ่อแม่อีกเลย”

            ทั้งหลัววั่งและติงชุ่ยได้ยินก็เวทนานัก แม้ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งมาให้เห็นใจ แต่ดูจากท่าทางบริสุทธิ์ไร้เดียงสานี้แล้ว ก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมนางจึงคิดว่าตัวเองเป็นนกน้อย

            “พี่หลัววั่งทำกับข้าวอร่อยที่สุดเลย” หลันหลันชมจากใจจริง นางคิดถึงคุณหนู หากคุณหนูได้ชิมก็ต้องชอบแน่ๆ

            “อร่อยก็กินเยอะๆ เจ้าผอมไปนะ” หลัววั่งเอ็นดูนางนัก “หรืออยากให้ข้าสอนทำกับข้าวก็มาเป็นลูกมือข้าได้”

            นางกำลังจะพยักหน้าเช่นทุกครั้งแต่แล้วก็ชะงักไป นางมีชีวิตในโลกนี้ได้แค่สี่สิบเก้าวัน นี่ก็วันที่สี่แล้ว นางจะมีเวลาหัดทำกับข้าวอร่อยๆ เช่นนี้หรือ?

            “เป็นอะไรไป” ติงชุ่ยถามเพราะเห็นสีหน้าหมองหม่นของหญิงสาว

            หลันหลันส่ายหน้าไปมา “ประเดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว ข้าช่วยเก็บล้างถ้วยชามแล้วจะขึ้นเขานะเจ้าคะ”

            “ขึ้นเขาไปทำอะไร” ติงชุ่ยขมวดคิ้ว 

            “ข้าอยากไปดูที่ที่ข้าตกลงมาเจ้าค่ะ”  ‘เผื่อว่า....นางจะเจอร่างนกหงส์หยกของตัวเอง’

            “ไปคนเดียวอันตราย ประเดี๋ยวข้าไปเป็นเพื่อน” หลัววั่งเสนอตัว

            “เจ้าไปแล้วใครจะช่วยท่านเซียว หากเกิดเรื่องเช่นเมื่อวานอีกจะทำอย่างไร”

            “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าถามซือ เอ่อ ท่านเซียวแล้ว ท่านเซียวบอกว่าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก เดินตามเส้นทางที่ชาวบ้านเข้าไปหาของป่าก็พบ ข้าไม่หลงทางแน่นอน เพราะข้าเป็นนก!”

ใช่! เพราะนางเป็นนกที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็บินกลับรังได้นะซิ!

            ติงชุ่ยกับหลัววั่งพยายามกลั้นหัวเราะไม่ขำถ้อยคำของหลันหลัน เอาเถิด พวกเขาเริ่มเชื่อว่านางเป็นนกจริงๆ แล้วละ

            ทั้งสองเห็นว่านางได้ปรึกษากับท่านเซียวแล้วจึงไม่คิดห้ามปรามอีก มื้อเช้าผ่านไปเรียบร้อย หลันหลันที่ใส่เสื้อผ้าของติงชุ่ยก็รีบวิ่งไปตามทิศทางที่หลัววั่งย้ำอีกครั้ง

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter9. ไม่อยากร้องไห้

    ติงชุ่ยได้แต่บอกตัวเองให้ซ่อมชุดเก่าของตนมาให้เจ้านกน้อยใส่อีกสักชุด ดูท่านางจะตัวเล็กกว่ามาก ขนาดแขนเสื้อยังยาวเลยข้อมือออกมามาก เซียวเหรินผลักบานประตูห้องออกมา เขากวาดตามองแต่ไม่เห็นร่างของหญิงสาวตัวเล็ก นางจะอยู่หรือไปไหนทำสิ่งใดมิใช่เรื่องของเขาเลยสักนิด แต่ก็อดมองหาไม่ได้ เขาเม้มปากครุ่นคิดด้วยความเคยชิน ใคร่ครวญว่าควรถามหลัววั่งกับติงชุ่ยที่กำลังรับมือกับคนป่วยที่ทยอยเข้ามาให้เขาตรวจโรคดีหรือไม่ หางตาของเขาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ด้วยบุคลิกลักษณะแล้วมิใช่ชาวบ้านทั่วไป กลิ่นไอสังหารเข้ามาก่อนจะมาถึงตัวเขาเสียอีก “ข้ามาพบท่านหมอเซียวเหริน” ติงชุ่ยกระโดดหลบไปอยู่ด้านหลังหลัววั่งทันทีที่เห็นชายฉกรรจ์ท่าทางดุดัน หลัววั่งเองแม้ตัวใหญ่แต่ไร้วรยุทธ์ เขาทำได้เพียงยืดแผ่นอกเตรียมปกป้องคนที่ถูกถามถึง แต่เซียวเหรินรู้ดีว่าคนกลุ่มนี้ไม่ใช่คนที่หลัววั่งจะล่วงเกินได้ เขาจึงก้าวออกมาด้านหน้าแม้ไม่ขยับปากเอ่ยอะไร แต่คนกลุ่มนั้นก็เข้าใจได้อย่างดี “มีธุระอันใด” “มีคนป่วย ต้องการให้ท่านไปรักษา” “ข้าไม่ออกไปรักษาผู้ใด” เซีย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter10.เจ้าตายไปแล้ว

    ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยาม เซียวเหรินก็ถูกเชิญลงจากรถม้า นับว่ายังเป็นการให้เกียรติตามสมควร ไม่ถึงกับฉุดกระชากมารักษาคน บรรดาคหบดีน้อยใหญ่มักมีคฤหาสน์สำหรับพักผ่อนอยู่ชานเมือง นอกจากพักผ่อนหย่อนใจเพื่อหาความสำราญแล้ว บางครั้งก็เป็นสถานที่ไว้หลบซ่อนยามมีภัยในเมืองหลวง เสนาบดีกรมพระคลังนามหลี่จุ้นโป๋ขึ้นชื่อว่าเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ และยังเป็นพระญาติของฮองเฮา สกุลหลี่จึงทำสิ่งใดมิใคร่เห็นหัวผู้ใดนัก เสนาบดีหลี่จุ้นโป๋อายุหกสิบแล้วแต่ยังมีข่าวคาวน่ารังเกียจอยู่เสมอ แม้เป็นหญิงชาวบ้านหรือภรรยาผู้อื่น หากถูกตาต้องใจหลี่จุ้นโป๋แล้วไม่หลุดรอดเงื้อมมือไปได้ แต่เพราะเป็นคนสกุลหลี่จึงไม่มีใครกล้าแตะต้องหรือร้องเรียน เซียวเหรินเดินตามชายฉกรรจ์ที่เขาคาดเดาว่าเป็นผู้อารักขาของเสนาบดีหลี่ ภายในคฤหาสน์ตบแต่งหรูหรา เครื่องเรือนล้วนเป็นของอย่างดีราคาสูง ภาพประดับจากจิตรกรที่มีชื่อเสียง ชายหนุ่มเพียงกลอกตามองมิได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมา แม้ได้ยินเสียงก่นว่าด่าทอดังมาก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดออก ผู้อารักขาลอบถอนหายใจบางเบาก่อนส่งเสียงให้คนด้านในรับทราบ “ท่านหม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter11. เหตุใดนางจึงเป็นเช่นนี้ 

    ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ใช่ว่าไม่เคยพบคนเสียสติมาก่อน แต่ละคนล้วนมีเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจอย่างหนักหน่วง การรักษาต้องบำรุงทั้งร่างกายและบำบัดทางจิตใจ เห็นรอยบอบช้ำทั้งใหม่เก่าตามผิวกาย เขาเชื่อว่านางต้องประสบเรื่องเลวร้ายมามาก คนที่นางติดตามเป็นถึงองค์หญิงแต่อยู่ในฐานะตัวประกันของแคว้น ฐานะความเป็นอยู่ไม่ดีนัก จักรพรรดิหมกมุ่นมัวเมาในกิเลสตัณหา ขุนนางฉ้อฉล ราษฎรอยู่อย่างยากลำบากเซียวเหรินรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวนอกห้อง ความโกลาหลเกิดขึ้น เขาไม่ได้สนใจเสนาบดีหลี่นัก เพียงแค่อยากรู้ว่าสิ่งที่ ‘หลันหลัน’ เล่าเป็นความจริงมากน้อยเพียงใด จากบาดแผลที่เขาเห็นบนร่างของเสนาบดีหลี่นั้นตรงกับที่หลันหลันบอกเล่า เขาสูดลมหายใจลึกข่มโทสะ แม้ตัวเขาไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกับกงเสวี่ยหลิง แต่กงอี้เทาเป็นสหายรักที่มักบอกเล่าเรื่องราวของน้องสาวที่ยอมเสียสละตัวเองเป็นตัวประกันของแคว้น นางถูกวางตัวเป็นหมากตัวหนึ่ง พยายามอย่างสุดกำลังเพื่อให้โดดเด่นกว่ากงอี้เทา โคลงกลอนล้วนถนัด วาดภาพเขียนอักษรทำได้ยอดเยี่ยม กงอี้เทาผู้เป็นพี่ต้องข่มกลั้นแสร้งทำเป็นคนป่วยกระเสาะกระแสะเพื่อเคี่ยวกรำตนเป็นผู้นำปลดแอกจากฮ่องเต้ทรรา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter12. ก็ข้าเป็นนก!

    “เขาเป็นคนของข้า” เซียวเหรินพูดสั้นๆ ไม่ได้สนใจสีหน้าประหลาดใจของหลัววั่งและติงชุ่ย เขาปล่อยข้อมือของหลันหลันแล้วโน้มหน้าลงจ้องมองใบหน้าอ่อนหวานของหญิงสาว “เจ้าไปทำอะไรที่นั่น”“พวกเขาบอกว่าจะไปแก้แค้น...ข้าเลยติดตามไปด้วย”“เจ้ามีความสามารถอะไรถึงได้กล้าติดตามพวกเขาไป” ช่างโง่นัก! นางจะดวงดีได้สักกี่ครั้ง!“มีซิ” นางยืนอวดด้วยความภูมิใจ “ข้ารู้จักใช้ก้อนหิน”“ก้อนหิน?” ติงชุ่ย กับหลัววั่งพูดพร้อมกัน ทั้งสองยังไม่รู้ว่ามีเรื่องใดเกิดขึ้นจึงงุนงงกับคำพูดของ หลันหลัน เซียวเหรินขมวดคิ้ว “เหตุใดเจ้ารู้จักใช้ก้อนหิน”“ก็ข้าเป็นนก!” นางยิ้มกว้างภูมิใจกับคำตอบของตนเอง “ข้าเคยเห็นผู้อื่นทำเช่นนี้มาก่อน” เซียวเหรินลอบถอนหายใจ การใช้วิธีสังหารเช่นนี้ เป็นวิธีของพวกมือสังหาร สถานที่ที่นางเคยอยู่ช่างอันตรายเสียจริง ไม่รู้ว่ากงเสวี่ยหลิงต้องประสบพบเจอเรื่องเลวร้ายใดมาบ้าง จึงจดจำวิธีทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้“นายท่าน” จูเต๋ออี้เรียกเบาๆ เป็นเชิงเรียกสติของผู้เป็นนาย เซียวเหรินเพียงแค่ถอนหายใจหนักหน่วงแล้วหันไปพูดกับหลัววั่งและติ่งชุ่ย“เจ้าทั้งสองรีบไปจากที่นี่ และจำไว้ว่าไม่รู้ไม่เห็นเรื่องใดทั้ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter13. ไม่ไหวแล้ว

    เซียวเหรินผงะไปเล็กน้อย ใบหน้างดงามยื่นมาประกบริมฝีปากของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว สองมือจับไหล่นางหมายจะผลักออก ทว่าไอเย็นที่ส่งผ่านเสื้อผ้าที่นางสวมทำให้เขาชะงัก และกลายเป็นนั่งนิ่งให้นางประกบริมฝีปากเช่นนั้น มือใหญ่นั้นค่อยๆ เลื่อนลงมาจับที่ข้อมือของนาง ไม่สนใจว่าจะเหมาะสมหรือไม่ เขาเลื่อนปลายแขนเสื้อของนางขึ้นเพื่อสัมผัสผิวกายของนาง เพียงเวลาครู่เดียวร่างกายของนางอุ่นขึ้น ชีพจรกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ดวงตาของเขาจับจ้องใบหน้าของนางเก็บทุกรายละเอียดแม้จะมีเพียงแสงสลัวจากจันทราที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย ทว่าสีหน้าอิ่มเอมของนางนั้นกลับปรากฏชัดเจน เมื่อรู้สึกว่าร่างกายกลับฟื้นเป็นปกติแล้ว หญิงสาวก็ผละจากริมฝีปากบางแล้วยกมือทาบที่หน้าอกด้านซ้าย คล้ายสำรวจว่าหัวใจของตนยังเต้นดีอยู่ หญิงสาวลืมตาขึ้นแล้วดีดตัวลงจากเตียงของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว“ขอบคุณซือจื่อ!”เซียวเหรินเห็นท่าทางสดใสไม่ใช่คนใกล้ตายของนางแล้วก็อดประหลาดใจไม่ได้ รีบยื่นมือไปคว้าข้อมือของนางพลิกจับชีพจรอีกครั้ง น่าประหลาดนักที่ชีพจรของนางกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง นี่นางต้องกลืนกินลมหายใจของเขาจริงๆ งั้นหรือหา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 14 นางป่วยอยู่

    “ไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้นขอรับ” จูเต๋ออี้ติดตามเซียวเหรินมากว่าสิบปี หากไม่เพราะมีคำสั่งของนายท่าน เขาคงเข้ามาขวางมิให้หญิงประหลาดผู้นั้นปีนเตียงนอนของนายท่านเป็นอันขาด“นางป่วยอยู่จึงทำอะไรประหลาดไปบ้าง” เขาเองก็ไม่แน่ใจเรื่องอาการป่วยอันแปลกประหลาดนี้นัก“ขอรับนายท่าน”“ดี”เซียวเหรินพยักหน้ารับรู้ พลันนึกถึงเมื่อครู่ที่เขาบอกไม่ให้หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ อีก เขาแสร้งกระแอมไอแล้วรินน้ำชาให้ตัวเอง โบกมือไล่ให้จูเต๋ออี้ออกไปเมื่อในห้องไม่มีผู้ใดแล้ว เขาก็ถอนหายใจหนักหน่วง หรือเขาจะติดโรค ‘พยักหน้า’ มาจากนกน้อยตัวนั้นเข้าแล้ว หญิงสาวนั่งมองสิ่งของตรงหน้าสลับกับมองใบหน้าเรียบเฉยของผู้ที่ถูกเรียกว่าหมอเทวดาไร้ใจ เมื่อต้องใช้เวลาในรถม้าเสียเป็นส่วนใหญ่ เซียวเหรินคิดว่าจะใช้เวลานี้บันทึกอาการแปลกประหลาดของหญิงสาวตรงหน้า “ตามหลักแล้ว ควรบันทึกอาการของผู้ป่วย ติดตามการรักษา บางครั้งอาการป่วยแบบเดียวกันแต่ผู้ป่วยคนละคน การใช้ยาย่อมแตกต่างกันไป ทั้งนี้รวมทั้งเพศ อายุ หรือน้ำหนักของคนป่วยด้วย” “ซือ...ท่านเซียวจะบันทึกอาการของข้าหรือ?” นางถามด้วยรอยยิ้มกว้าง ดวงตา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter15. ดวงตาเป็นประกาย

    “เจ้ารับไปก่อน แล้วข้าจะใช้งานเจ้าทีหลัง” ดวงตาของหญิงสาวเบิกโตเป็นประกาย คราวนี้นางไม่ลังเลยื่นมือไปรับถุงเงินจากเขาแล้วมีท่าทีตื่นเต้น “จำไว้ว่าเจ้าต้องซื้อเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็น” “เจ้าค่ะ” นางพยักหน้าขึ้นลงเร็วๆ “แล้ว...ข้าสามารถซื้อขนมได้หรือไม่” “ขนม? เจ้าหิวแล้วรึ” เขาตั้งใจจะไปให้ถึงที่หมายก่อนจึงไม่ได้คิดจะแวะพักกินอะไร “เปล่า” นางส่ายหน้าไปมาจนผมยาวส่ายไปมา “แค่...น่ากิน” “ซื้อขนมกินเล่นได้แต่อย่ามากนัก แต่ที่สำคัญ...” “ต้องซื้อของใช้ที่จำเป็นก่อน!” นางรีบพูดแล้วยืดแผ่นหลังขึ้นคล้ายโอ้อวดว่าตนเองจำคำสั่งของเขาได้ดี “รีบไปเถิด อย่าเถลไถล” “เจ้าค่ะ” นางยิ้มกว้างแล้วมุดลงมาจากรถม้า พลันเหมือนคิดออกจึงยื่นหน้ากลับเข้ามาอีกครั้ง “ท่านเซียวไม่ไปด้วยกันหรือเจ้าคะ ท่าทางสนุกออก” จูเต๋ออี้ได้ยินถึงกับสะอึก นายท่านของเขานะหรือจะออกมาเดินเล่น โดยเฉพาะต้องมาเดินตามหญิงสาวซื้อเสื้อผ้าเช่นนี้ด้วย “เจ้าไปเถอะ จูเต๋ออี้ดูแลนางให้ดีอย่าให้พลัดหลงก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter16. หมู่ตึกนกยูงทอง

    บ่าวไพร่พากันก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม มองผู้เป็นนายเดินออกไปแล้วจึงลงมือทำอาหารต่อจากที่คุณหนูทำเตรียมไว้รับแขกคนสำคัญ เพราะมัวแต่เสียเวลาลงมือตระเตรียมอาหารไว้ต้อนรับด้วยตนเอง กว่าอู๋หมิ่นลี่จะเดินออกมา แขกคนสำคัญก็มาถึงห้องรับรองแล้ว หญิงสาวก้าวเข้าไปพร้อมรอยยิ้ม นางย่อตัวคารวะบุรุษหนุ่มในชุดสีฟ้ากระจ่างแม้เรียบง่ายแต่กลับทำให้เขาดูงามสง่า “คุณชายเซียวเหริน ไม่ได้พบกันเสียนาน” “แม่นางอู๋สบายดีหรือ?” เซียวเหรินเอ่ยถาม น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความอ่อนโยนอยู่บ้าง “ข้าสบายดี” นางยิ้มกว้างดีใจที่ได้เห็นบุรุษที่ตนชื่นชอบกลับมาเยือนอีกครั้ง ทว่าสายตาของนางมองเลยร่างสูงโปร่งไปยังร่างบอบบางที่ยืนหมุนตัวไปมา สายตากวาดมองไปรอบๆ ด้วยท่าทีตื่นเต้น สตรี! ไม่พบกันครึ่งปี เซียวเหรินมีสตรีข้างกายแล้วหรือ? จูเต๋ออี้กระแอมไอเบาๆ ทำให้หลันหลันเพิ่งรู้ตัวว่าถูกจ้องมอง นางจึงหยุดกวาดสายตา แต่เมื่อดวงตาคู่สวยมองเห็นหญิงงามในชุดสีชมพูกลีบบัว นางอดกวาดตามองขึ้นลงไม่ได้แล้วยิ้มกว้างออกมา “สวย! สวยยิ่งนัก!” อู๋หมิ่นลี่ถึงกับสะดุ้งที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11

บทล่าสุด

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 53.จบ

    ชีวิตสี่ปีของหลันหลันเป็นเช่นนี้เรื่อยมา หลัววั่งรู้สึกว่ามีคนเข้ามา จึงเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใครเขาก็ส่งยิ้มกว้างแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ “ท่านรีบกลับเถิด ที่นี่ข้าจัดการเองได้” “ไยรีบไล่ข้าไปเล่า หรือเจ้านัดผู้ใดไว้” หญิงสาวได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยจึงเงยหน้าขึ้น บุรุษร่างสูงโปร่งสวมอาภรณ์สีเขียวใบไผ่ใบหน้าอ่อนล้าแต่ยังมีรอยยิ้มอ่อนโยน“ท่านมาแล้ว”เซียวเหรินส่งยิ้มให้นาง แม้เหนื่อยล้าจากการเร่งรีบเดินทางมา ทว่าเพียงได้เห็นรอยยิ้มนาง ความเหน็ดเหนื่อยเหล่านั้นพลันมลายหายไปสิ้น“เหตุใดกลับเร็วนักเล่า” หลันหลันอดเป็นห่วงไม่ได้ “ตามจริงต้องอีกสิบวันท่านจะกลับไม่ใช่หรือ? เดินทางไปตรวจดูการซ่อมแซมเขื่อนเป็นอย่างไรบ้าง ”“เจ้าไม่อยากเห็นหน้าสามีหรือไร”เขาทำเสียงไม่พอใจแต่เดินไปนั่งใกล้ๆ แล้วจับชีพจรให้นาง และไม่พูดเรื่องงานกับนาง จะว่าไป ก็ไม่มีมีเรื่องใดในชีวิตของเขาที่หลุดรอดสายตาของนาง เช่นเดียวกับที่เขารู้ว่าในแต่ละวันนางทำอะไร นางมีคนคอยส่งข่าว ส่งเขาให้จูเต๋ออี้วางองครักษ์ลับไว้โดบรอบ “พิษในตัวข้ายังต้องใช้เ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 52.ไม่มีอะไรให้ลังเลและกังวลอีกแล้ว

    “คิดสิ” นางหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะของนางทำให้กงอี้เทาปล่อยนางจากวงแขน เขาคิดว่านางจะเปลี่ยนใจจึงยอมคลายมือจากข้อมือนาง ทำให้นางส่งยาเม็ดนั้นส่งเข้าปากแล้วกลืนลงคอทันทีท่ามกลางดวงตาที่เบิกกว้างของกงอี้เทา “เจ้า!” “ข้าไม่เสียใจ” นางยิ้มแล้วยกมือลูบใบหน้าของกงอี้เทา “บอกจางซงหยวนให้ดูแลกงเสวี่ยหลิงให้ดี” “หลันโหยว!” “ข้าอยากขอร้องเจ้าครั้งสุดท้าย” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาลง “ได้ข้ารับปากเจ้า ข้ารับปากเจ้าทุกเรื่อง” กงอี้เทาประคองร่างที่อ่อนยวบลงในวงแขน มือของเขาสั่นเทาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าของหญิงสาวมีรอยยิ้ม แต่ดวงตาของนางปิดลง ชีพจรเต้นช้าลง ร่างกายเริ่มเย็นเยียบขึ้นมาที่ละน้อย นางวางมือไว้บนหน้าอก บริเวณหัวใจของตนเองที่เต้นแผ่วเบาลงไปทุกที ทุกที ทุกที ไม่มีอะไรให้นางลังเลและกังวลอีกแล้ว..จูเต๋ออี้เดินเข้ามาอย่างเงียบเฉียบ ภาพที่เห็นจนเริ่มชินตาคือเจ้าของร่างสูงสง่านั่งเหยียดแผ่นหลังตั้งตรง แววตามุ่งมั่นและมือตวัดพู่กันแก้ไขปัญหาน้อยใหญ่ที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทิ้งปัญหาไว้มากมายเหลือคณานับ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 51. เจ้านกตะกละ

    “เจ้านกตะกละ!” เขาดุนางพลางแหวนหน้าคำรามเสียงพร่า ถูกนางรุกเร้าจนแท่งหยกไถลลื่นเข้าไปจนสุด นางหวีดร้องเบาๆ โผเข้ากอดเขา ปลายเล็บจิกที่แผ่นหลังไม่เคยรู้เลยว่าบุรุษผู้นี้จะมีซ่อนสิ่งใหญ่โตไว้ถึงเพียงนี้ ความเสียวซ่านแผ่นกระจายไปทั่วร่าง จนถึงปลายนิ้วเท้าที่เกร็งแทบเป็นตะคริว นางครวญเสียงกระเส่า ยามเมื่อเขาขยับสะโพกถอนแก่นกายออกช้าๆ แล้วกดกลับเข้ามาใหม่ นางได้แต่หวีดร้องส่งเสียงครางแทบขาดใจ เหงื่อร้อนหลั่งออกมาจนหยดบนกายของนาง ความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นในคราวแรกหายไปสิ้น ทุกการเติมเต็มของเขาทำให้ร่างกายที่เคยเยียบเย็นร้อนระอุ เหงื่อร้อนผุดขึ้นทุกรูขุมขน ร่างกายนางทวีความร้อนและเปียกชื้น รวมทั้งที่ใจกลางของดอกไม้สาวที่รองรับการเคลื่อนไหวของผีเสื้อหนุ่มช่างแนบแน่น ลึกล้ำและซ่านเสียว“ข้า...” นางไม่รู้ว่าตนเองจะพูดอะไร เขาป้อนความสุขสมที่นางไม่เคยรู้จัก ทำให้นางอิ่มเอมครั้งแล้วครั้งเล่า และหิวโหยต้องการไม่สิ้นสุด ไม่ว่าท่วงท่าใดที่เขานำพา ล้วนทำให้นางปรารถนาในตัวเขามากขึ้น มากขึ้น“เซียวเหริน!”ดวงตาของเซียวเหรินราวลูกไฟ ไฟปรารถนาเผาไหม้หัวใจทำให้เคลื่อนไหวร่างกายเร็วขึ้น ถาโถมและโหมกระหน

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 50.ใช้หัวใจฟังเสียวหัวใจสิ

    “เจ้าอยู่ที่นี่ให้ข้าถอนพิษให้เจ้าเถิด” “ข้าจะอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรได้” นางส่ายหน้าไปมาบนอกเสื้อของเขา นางจงใจทำร้ายองค์ชายหงก่วงต่อหน้าผู้อื่นหากนางยืนข้างกายเขา คนภายใต้การปกครองย่อมมองเขาไม่ดีเป็นแน่ ขณะที่สมองและหัวใจตีกันยุ่งเหยิง ปลายคางของนางถูกช้อนขึ้น ตามด้วยริมฝีปากหยักสวยทาบทับ นางคิดจะถอยหลังหลบหนีแต่เรียวลิ้นร้อนไล่ต้อนจนนางไม่อาจตั้งสติคิดสิ่งใดได้ ถูกจุมพิตของเขาทำให้สับสนจนเกือบขาดอากาศหายใจเขาจึงยอมละริมฝีปากจากนาง “ใจร้าย!” นางทุบแผ่นอกแกร่งของเขา “ข้าต้องการเวลาคิด”“เรื่องแบบนี้ต้องคิดอะไรนานนัก” เขาโน้นหน้าลงจุมพิตดวงตาของนางที่ยังมีหยาดน้ำตาวาวใส “ใช้หัวใจฟังเสียงหัวใจสิ”‘ใช้หัวใจฟังเสียงหัวใจสิ’เป็นอีกครั้งที่นางได้ยินประโยคนี้ ดวงตาของนางเหม่อลอยไปชั่วขณะ และในจังหวะเดียวกัน เซียวเหรินตัดสินใจทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ ช้อนร่างนุ่มนิ่มไว้แนบอกพานางกลับมาที่ห้องนอนของตนเอง การกักขังนกตัวหนึ่งไว้นั้น อาจไม่ใช่กรงขังที่แน่นหนาแต่เป็นความรู้สึกปรารถนาที่มีต่อนางจูเต๋ออี้เห็นผู้เป็นนายกลับมาพร้อมกับอุ้มหญิงสาวที่ซุกอยู่ในอกจนแทบมองไม่เห็นใบ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 49.คิดถึง

    “งานเหล่านี้แท้จริงเป็นของเจ้า ยามนี้ลุงแค่ช่วยจัดการให้ไปก่อน” เขาพูดอย่างใจเย็น บ้านเมืองต้องพลิกฟื้นเป็นการใหญ่ กว่าจะเข้ารูปเข้ารอยคงใช้เวลาอีกสามถึงสี่เป็นอย่างน้อย เขาก้มมองเห็นเด็กน้อยทำหน้านิ่วก็หัวเราะเบาๆ “เจ้าต้องหมั่นเรียนรู้ เข้าใจหรือไม่” “หลานทราบแล้ว เสด็จลุง” “ดี” เขาพูดแล้วขยับปลายนิ้วเรียกจูเต๋ออี้ องครักษ์ข้างกายที่ทำหน้าที่รับใช้มายาวนานถอยออกไป ครู่หนึ่งจึงเดินกลับเข้ามาพร้อมขนม เด็กน้อยทำตาโตแล้วยื่นมือไปรับขนมจากเซียวเหริน “ข้าให้ในครัวปรุงให้เจ้าเป็นพิเศษ ในนี้มีส่วนผสมของสมุนไพรบำรุงร่างกาย เจ้าจะได้แข็งแรงเติบใหญ่เร็วไว” “ขอบพระทัยเสด็จลุง” “ไปเถอะ” “อื้ม!” เด็กน้อยปีนลงจากตัก ขันทีผู้หนึ่งเข้ามารับ เขามองเด็กน้อยที่ชะตาชีวิตลิขิตให้นั่งบัลลังก์มังกร ได้แต่หวังว่าตัวเองจะขัดเกลาเด็กคนนี้ให้เป็นฮ่องเต้ที่ดี คงมีเพียงการทำเช่นนี้ที่ลดทอนความรู้สึกผิดที่เคยให้คำสัตย์สาบานไว้ แม้ว่าชื่อของเขาจะเคยเป็นรัชทายาทก็ตาม เซียวเหรินก้มหน้าอ่านฏีกา หยิบพู่กันขึ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 48. เหตุใดถึงเจ็บถึงเพียงนี้

    “ข้า...” หลันหลันอ้ำอึ้ง ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องไปจากที่นี่ ไม่ใช่หรอก นางมิได้อาลัยสถานที่แห่งนี้ มีเพียงความรู้สึกที่ต้องจากไกลเซียว เหรินต่างหากที่ทำให้นางปวดใจมือเรียวเล็กยกขึ้นอกที่หน้าอกซ้าย บริเวณที่ถูกเซียวเหรินซัดฝ่ามือเข้าใส่ ความเจ็บปวดระลอกหนึ่งราวเข็มแหลมเล็กนับร้อยนับพันทิ่มแทงหัวใจเจ็บ?เหตุใดถึงเจ็บถึงเพียงนี้“หลันหลัน” อู๋หมินลี่เห็นใบหน้าหลันหลันซีดเซียวไร้สีเลือดก็ตื่นตระหนก “เจ้าเจ็บรึ ให้ข้าตามหมอดีหรือไม่”หลันหลันส่ายหน้าไปมา ครู่หนึ่งนางสูดลมหายใจลึกสะกดความเจ็บปวดทั้งหมดแล้วฝืนยิ้มให้อู๋หมินลี่ พลันเสียงของท่านป้าต๋าฝูดังแว่วเข้ามาในหัวน้อยๆ ของนาง‘มีเวลาเพียงสี่สิบเก้าวัน’จากบันทึกของเซียวเหริน นางเหลือเวลาอีกแค่สามวันแต่ถ้านางลองให้กงอี้เทาถอนมนตร์สะกดจิต บางทีนางอาจมีชีวิตได้ยาวนานกว่านี้ แต่ชีวิตของอูหลันโหยว ไม่อาจอยู่ที่แคว้นเฉียน เหลียงได้“หลันหลัน” อู๋หมิ่นลี่บีบมือเย็นเฉียบของหลันหลัน “ข้าพาเจ้ากลับที่พักดีกว่า” “ให้ข้าประคองนางเองเจ้าค่ะ” ไป๋ชิวเข้ามาช่วยประคองหลันหลันเพื่อเดินกลับที่พัก อู๋ซิงว่านผ่านมาพอดีเห็นไป๋ชิวประคองหลันหลันอยู

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 47.ให้นางตัดสินใจเอง

    นางมุดอยู่ใต้ผ้าห่มแต่หูได้ยินเสียงพวกเขาตกลงต่อรองกัน สุดท้ายกงอี้เทาได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วงแล้วก้าวออกไป นางคิดว่าในห้องไม่มีใครแล้วจึงโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม แต่กลับพบสายตาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว “ระหว่างนี้เจ้าพักอยู่ที่นี่ไปก่อน ข้าจะเป็นฝ่ายหาเวลามาพบเจ้าเอง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งเช่นที่เคยเป็น “เข้าใจหรือไม่” นางพยักหน้าขึ้นลงเร็วๆ แทนคำตอบ เซียวเหรินไม่เอ่ยอะไรอีก หมุนตัวแล้วเดินออกไปเงียบๆ จนนางมั่นใจว่าครั้งนี้ไม่มีผู้อื่นแล้วจริงๆ จึงยอมลุกขึ้นจากที่นอนอีกครั้ง ‘ให้นางตัดสินใจเอง’ นางคิดมากจนตาลายเดือดร้อนบ่าวรับใช้ที่เฝ้าดูอาการเข้าใจผิดคิดว่าอาการของนางทรุดลง อู๋ซิงว่านรีบเข้ามาดูอาการของนาง พอรู้ว่านางหิวโหยจนหน้ามืดก็แหงนหน้าหัวเราะไม่เกรงใจคนป่วยอย่างนาง สั่งการให้บ่าวไพรยกสำรับอาหารมาให้ หลังจากถูกบิดาเรียกไปอบรม เขารู้ว่าควรทำใจเรื่องหลันหลัน อาจเพราะนางเป็นคนให้กำลังใจจนเขาสามารถใช้แขนขวาได้อีกครั้ง แต่พอรู้ว่านางอาการทรุดลงก็รีบมาดูทันที ใครจะรู้ว่านางแค่หิว ไม่สิ นางหิวมากจนจะเป็นลม ระ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 46.ผลของการกระทำ

    “คุณหนู” ไป๋ชิวร้อนรน แต่หมอที่เก่งที่สุดกำลังดูแลสตรีอื่นจนทำให้คุณหนูของนางเป็นเช่นนี้ “ข้าไม่เป็นอะไร” นางพยายามสูดลมหายใจลึก แม้รู้อยู่แก่ใจว่าเซียวเหรินมองนางด้วยสายตาเช่นไร แต่นางก็ยังหวัง หวังว่าจะมีสักวันที่เขาจะรับรู้ความรู้สึกของนาง เปิดใจให้นางบ้าง “ไป๋ชิว พาคุณหนูใหญ่ไปพักผ่อนก่อน” อู๋ซั่วไต้เอ่ยขึ้นแล้วมองบุตรสาวด้วยความเห็นใจต่อให้ไม่มีสตรีผู้นั้นเข้ามา หรือแม้กระทั่งเขาจะใช้คนของหมู่ตึกนกยูงทองช่วยชีวิตคนสกุลเซียวเอาไว้ เขาย่อมรู้ดีว่าเรื่องเหล่านี้จะเอามาเป็นบุญคุณเพื่อให้เซียวเหรินแต่งงานกับอู๋หมิ่นลี่ได้ แต่ด้วยฐานะที่แท้จริงของเซียวเหริน อู๋ซั่วไต้รู้ดีว่า บุตรสาวของเขาไม่สามารถเคียงข้างชายผู้นั้นได้ ไม่สิ จะเรียกเซียวเหรินเช่นแต่ก่อนได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้เป็นถึง... “ท่านพ่อ” อู๋หมิ่นลี่กลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอ “ท่านรู้อยู่แล้วว่าท่านเซียวเป็นใคร จึงพยายามเตือนลูกใช่ไหมเจ้าคะ” “ลี่เอ๋อร์ เจ้าหักห้ามใจตัวเองเสียเถิด ยังมีบุรุษดีๆ อีกมากมาย พ่อจะคัดเลือกคนที่ดีและเหมาะสมกับเจ้าเอง” “แต่ว่า.

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 45.เสียงเรียกที่แฝงอำนาจ

    “ลูกข้าเป็นอะไร” ไทเฮาถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “รักษาเขาสิ!” เซียวเหรินถึงกับนิ่งงันด้วยอับจนถ้อยคำ แต่ฮ่องเต้หงฉานหัวเราะเสียงปร่าแล้วโบกมือไปมา “มันใหญ่มากใช่ไหมละ” เขาหัวเราะขืนๆ “อะไรกัน” ไทเฮาหันมาถามอย่างงุนงง แต่เซียวเหรินไม่กล้าพูดออกมา “มันคือฝี” ฮ่องเต้ที่กำลังจะกลายเป็นเพียงอดีตฮ่องเต้พูดขึ้นแล้วกดไปที่ท้องของตัวเอง “กระจายไปทั่วท้องแล้ว” “ไม่จริง... เหตุใดเป็นเช่นนี้” “เป็นมาเนิ่นนานแล้ว หมอหลวงรักษาไม่ได้ ลูกจึง...ไม่ใส่ใจกับมันอีก” ไทเฮาหันมาเขย่าแขนของเซียวเหริน “เจ้าได้ชื่อว่าเป็นหมอเทวดา ต้องรักษาได้!” “ถ้าได้รับการรักษาก่อนหน้านี้คงจะ...” “ช่างมันเถอะ” ฮ่องเต้หงฉานโบกมือไปมาจ้องมองใบหน้าของเซียวเหริน “เรารู้ ถึงได้ปล่อยให้มันเป็นเช่นนี้” “เจ้า! ทำไมโง่เช่นนี้” “เสด็จแม่” ฮ่องเต้พูดอย่างอ่อนแรง “ท่านเองก็รู้ว่า เสด็จพ่อยกบัลลังก์นี้ให้ใครตั้งแต่แรก” “หุบปากเสีย!” “เสด็จแม่...แท้จริงแล้วบัลลังก์นี้เป็น

DMCA.com Protection Status