หน้าหลัก / รักโบราณ / ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก / Chapter 52.ไม่มีอะไรให้ลังเลและกังวลอีกแล้ว

แชร์

Chapter 52.ไม่มีอะไรให้ลังเลและกังวลอีกแล้ว

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-01 16:11:52

“คิดสิ”  นางหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะของนางทำให้กงอี้เทาปล่อยนางจากวงแขน เขาคิดว่านางจะเปลี่ยนใจจึงยอมคลายมือจากข้อมือนาง ทำให้นางส่งยาเม็ดนั้นส่งเข้าปากแล้วกลืนลงคอทันทีท่ามกลางดวงตาที่เบิกกว้างของกงอี้เทา

            “เจ้า!”

            “ข้าไม่เสียใจ” นางยิ้มแล้วยกมือลูบใบหน้าของกงอี้เทา “บอกจางซงหยวนให้ดูแลกงเสวี่ยหลิงให้ดี”

            “หลันโหยว!” 

            “ข้าอยากขอร้องเจ้าครั้งสุดท้าย” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาลง

            “ได้ข้ารับปากเจ้า ข้ารับปากเจ้าทุกเรื่อง”

            กงอี้เทาประคองร่างที่อ่อนยวบลงในวงแขน มือของเขาสั่นเทาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าของหญิงสาวมีรอยยิ้ม แต่ดวงตาของนางปิดลง ชีพจรเต้นช้าลง ร่างกายเริ่มเย็นเยียบขึ้นมาที่ละน้อย นางวางมือไว้บนหน้าอก บริเวณหัวใจของตนเองที่เต้นแผ่วเบาลงไปทุกที ทุกที  ทุกที

            ไม่มีอะไรให้นางลังเลและกังวลอีกแล้ว

..

จูเต๋ออี้เดินเข้ามาอย่างเงียบเฉียบ ภาพที่เห็นจนเริ่มชินตาคือเจ้าของร่างสูงสง่านั่งเหยียดแผ่นหลังตั้งตรง แววตามุ่งมั่นและมือตวัดพู่กันแก้ไขปัญหาน้อยใหญ่ที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทิ้งปัญหาไว้มากมายเหลือคณานับ

            “นางไปแล้วสินะ”  เซียวเหรินเอ่ยทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าจากฏีกาตรงหน้า

            “พ่ะย่ะค่ะ” จูเต๋ออี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยออกไป “ปล่อยนางไปเช่นนี้จะดีหรือ? นางกลับแคว้นไปแล้ว”

            “คำตอบไม่ได้อยู่ที่ดีหรือไม่ แต่เป็นสิ่งที่นางเลือกแล้วต่างหาก” แม้น้ำเสียงจะเจือความหม่นเศร้าอยู่บ้างแต่มุมปากกลับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา “นางใช้ชีวิตทำเพื่อผู้อื่นมากมาแล้ว ให้นางได้มีโอกาสทำในสิ่งที่เลือกเถิด”

            “แล้วท่านอ๋อง”

            “ข้า? ข้าทำไมรึ?”

            จูเต๋ออี้พูดไม่ออก จึงก้มหน้านิ่งงันไป เขาเพิ่งได้เห็นเซียวเหรินมีความสุขแค่ชั่วครู่ชั่วยาม ไม่คิดว่าเพียงข้ามวัน ทุกอย่างจะเลื่อนหายราวความฝันเช่นนี้

            “ให้กงกงรับคำสั่ง ข้าจะไม่แต่งชายาไม่ต้องส่งหญิงงามนางใดมาให้ข้าเลือกอีก”

            “ห๋า เอ่อ ...อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ” 

            “เจ้าได้ยินชัดแล้ว”  คราวนี้เซียวเหรินเงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะในลำคอ “ข้ามีชายาเป็นนกหงส์หยกตัวน้อยคนเดียวก็พอแล้ว”

            เขาวางพู่กันแล้วยกมือขึ้นกดหัวใจตนเอง เขามั่นใจว่าสิ่งที่เขาตัดสินใจคือสิ่งเดียวที่นางรู้สึก นางคือนางหงส์หยกตัวน้อยไม่เหมาะจะถูกกักขังในวังหลวง มีเพียงกรงแห่งรักเท่านั้นที่นางจะยินยอมพร้อมใจถูกจองจำ เช่นเดียวกับเขาที่ไม่อาจมีหญิงใดได้อีก ถ้าไม่ใช่นาง

            สิ่งที่เขาต้องการที่สุดในยามนี้คือ ‘เวลา’

            เวลาที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างที่ใจปรารถนา

            เขาเชื่อเช่นนั้น และรู้ว่านางก็เข้าใจเขาเช่นกัน

            เพราะเสียงหัวใจของเราและนางเป็นหนึ่งเดียว

บทส่งท้าย

            หลัววั่งเตรียมสำรับอาหารใส่ตะกร้าเรียบร้อย เขาตื่นแต่ฟ้ายังไม่สว่างเพื่อตระเตรียมอาหารสำหรับมื้อเช้า กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นฟ้าก็สว่างมากแล้ว

            “เสร็จแล้วรึ”  คำถามดังก่อนที่ร่างของติงชุ่ยเดินอุ้มท้องอุ้ยอ้ายเข้ามาในครัว แต่หลัววั่งเห็นภรรยาเดินมาจึงรีบวางมือจากทุกสิ่งเข้าไปช่วยประคองนาง แต่ติงชุ่ยกลับตีแขนเขาไปหนึ่งที

            “ไม่ต้องมาช่วยข้า ข้าไม่ได้เพิ่งท้องแรกเสียหน่อย”

            “แต่ท้องนี้ หลันหลันบอกว่าข้าว่าเราจะได้ลูกแฝด”  หลัววิ่งยิ้มกว้างจนดวงตาหยี่เล็ก ข้าต้องดูแลเจ้าให้มากๆ”

            “ท้องที่สามแล้ว ข้ารู้ว่าต้องทำยังไง” นางแยกเขี้ยวใส่ “เพราะเจ้านั้นแหละทำให้ข้าท้องโตหัวปีท้ายปีอย่างนี้”

            “เป็นข้าที่ผิดเอง”  เขาพูดซ้ำๆ แต่ยิ้มกริ่ม แต่งงานกันมาสี่ปีมีลูกตั้งแต่ปีแรกที่แต่งงาน แต่ร่างกายของติงชุ่ยได้รับการบำรุงอย่างดีจึงแข็งแรงและไม่ทรุดโทรมแม้แต่น้อย

            ติงชุ่ยได้แต่ส่ายหน้าระอาใจ จะให้ทำอย่างไรได้ สามีนางเป็นคนขยันหว่านเมล็ดพันธุ์ แต่งงานไม่ถึงครึ่งปีนางก็ตั้งท้องแรกแล้ว หลังจากคลอดลูกคนแรกอีกครึ่งปีนางก็ท้องอีก แม้มารดาของนางมาช่วยเลี้ยงลูกแต่นางก็เหนื่อยนัก ต้องขอให้หลัววั่งเว้นระยะกับนางบ้าง แต่ไม่ทันไร ก็ได้ท้องอีกแล้ว ซ้ำท้องนี้มีแววว่าจะได้ลูกแฝดเสียด้วย

            “เอาเถอะๆ เจ้าไปส่งอาหารเช้าให้หลันหลันได้แล้ว”

            “ข้าจะรีบไปรีบกลับ เจ้าอย่าเที่ยวเดินไปเดินมาล่ะ”

            “รู้แล้ว รีบไปๆ”

            หลัววั่งเป็นชายร่างใหญ่หน้าตาดุดัน แต่นิสัยตรงข้ามกับหน้าตา หากกล่าวว่ามีคนใดที่ดุร้ายน่ากลัวที่สุดคงเป็นติงชุ่ยเอง  สี่ปีที่ผ่านมาหลัววั่งจะเป็นคนนำอาหารมาส่งให้หญิงสาวที่พำนักอยู่ตามลำพังที่กระท่อมเชิงเขาซึ่งแต่เดิมนั้นเคยเป็นที่อยู่ของ ‘หมอเทวดาไร้ใจ’

            ชายร่างยักษ์มองกระท่อมที่ถูกโอบล้อมด้วยดอกโบตั๋นงดงามมากมาย ตั้งแต่วันที่ ‘หลันหลัน’ กลับมาที่นี่เพียงลำพัง นางก็ลงมือปลูกดอกโบตั๋นไว้ทั่วบ้าน เขากับติงชุ่ยไม่กล้าถามถึงท่านเซียวเหรินซึ่งในเวลานั้นพวกเขารู้ฐานะที่แท้จริงของเซียวเหรินแล้ว

            สี่ปีแล้ว

ทุกอย่างผ่านมารวดเร็วถึงเพียงนี้

            แผ่นดินแคว้นโฮ่วฉินสงบสุขร่มเย็นด้วยการปกครองของคนเพียงผู้หนึ่งที่ถือความสุขของราษฎรเป็นสำคัญ

            “หลันหลัน อาหารเช้ามาแล้ว”

            “ข้าทำให้พี่หลัววั่งลำบากจริงๆ”  นางพูดทั้งที่ก้มหน้าก้มตาปั้นยาเม็ดลูกกลอนอยู่ “หลายปีมานี่ข้าฝึกทำอาหารกินเองได้หลายอย่างแล้ว

ท่านไม่ต้องมาส่งอาหารทุกวันก็ได้”

            “ไม่ได้ๆ ติงชุ่ยกำชับให้ข้ามาดูแลเจ้า”  หลัววั่งหัวเราะแก้เขิน วางตะกร้าอาหารลงบนโต๊ะ “นี่ยาลูกกลอนที่จะส่งร้านขายยานะหรือ?”

            “ถูกต้อง ต้องรบกวนพี่หลัววั่งนำไปส่งให้ข้าอีกแล้ว”

            “ลำบากที่ไหนกัน” เขาโบกมือไปมา “เพราะเจ้า ข้ากับติงชุ่ยจึงมีเงินทองมากพอจะปลูกบ้านของตนเองและยังเลี้ยงลูกเล็กๆ ได้อีก”

            “พวกพี่ดีกับข้ามาก เรื่องแค่นี้นับว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ”

            “เอาเถอะๆ เจ้ารีบกินข้าวนะ หรือจะให้ข้าอุ่นให้ใหม่ดีไหม?”

            “ไม่ต้องหรอก ประเดี๋ยวข้าทำเอง” 

            หลัววั่งพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาจัดการหอบฟืนมาเติมให้และดูแลเรื่องรอบบ้านจนเรียบร้อย บ้านหลังนี้คือกระท่อมหลังเดียวกับที่ ‘หมอเทวดาไร้ใจ’ เคยพำนักอาศัย  หลังจากแผ่นดินผลัดเปลี่ยนผู้ปกครอง บ้านเมืองเข้าสู่ความสงบสุข จู่ๆ วันหนึ่งเขากับติงชุ่ยก็เห็นเงาร่างของคนเคลื่อนไหวในกระท่อมหลังนี้จึงรีบมาดู แรกทีเดียวคิดไปว่าเป็นพวกหัวขโมย แต่กลับเป็น ‘หลันหลัน’

            ‘เจ้า? เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่’

            ‘ข้าไม่มีที่ไป ข้าพักที่นี่ได้ไหม’

            ทั้งสองมองหน้ากันแล้วส่งยิ้มให้หญิงสาว ‘เจ้าจะอยู่ที่นี่คนเดียวรึ’

            คราวนั้นหลันหลันแค่พยักหน้ารับ นางมีเพียงเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนแค่ไม่กี่ชุด ไม่มีอะไรติดตัวมา ไม่มีใครรู้ว่านางมาที่นี่ได้อย่างไร หรือผู้ใดมาส่ง แม้จะเสนอให้นางเข้าไปพักในหมู่บ้าน แต่เมื่อนางยืนกรานปฏิเสธ ทั้งสองก็ช่วยปัดกวาดเรือนหลังให้ หลันหลันได้พักอาศัย

            หลังจากนั้นไม่นาน เรือนของเซียวเหรินกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลันหลันเริ่มเพาะปลูกโบตั๋นไว้รอบบ้าน พวกเขาไม่รู้ว่านางได้กิ่งพันธุ์ที่ใดมาปลูก ข้าวของเครื่องใช้ในเรือนเพิ่มขึ้นที่ละเล็กละน้อย  นานวันเข้าเขาและติงชุ่ยจึงมั่นใจว่า หลันหลันไม่ได้อยู่เพียงลำพัง

            ผ่านมาเกือบปี มีคนในหมู่บ้านเจ็บป่วย เมื่อไร้เซียวเหริน ชาวบ้านก็ต้องลำบากไปหาหมอในเมือง คราวนั้นเขานำอาหารมาส่งให้นางเช่นนี้ เผลอเล่าเรื่องคนในหมู่บ้านให้นางฟัง นางจึงเตรียมยาสมุนไพรให้เขาฝากไปให้คนป่วย

            ‘เจ้าเป็นหมอหรือ?’

            ‘ข้าไม่ใช่หมอ’ นางส่ายหน้าไปมา ‘ข้าแค่รักษาตัวเองอยู่ ก็เลยรู้เรื่องสมุนไพร อันที่จริงข้าเชียญชาญเรื่องยาพิษมากกว่า และดูจากอาการที่พี่หลัววั่งเล่าแล้ว คนผู้นั้นต้องพิษจากสัตว์เลื้อยคลานโดยบังเอิญ ข้าจึงพอรู้วิธีแก้พิษ’

            ‘อ้อ! ดีจริง’

            สมุนไพรของหลันหลันใช้ได้ผลดีเยี่ยม นางจึงได้รับความนับถือจากคนในหมู่บ้าน เมื่อมีผู้ใดเจ็บป่วยก็มาขอคำชี้แนะ  นางเองก็ใจอ่อนช่วยเหลือผู้คนเล็กๆ น้อยๆ จนนางเห็นเขากับติงชุยมีลูกด้วยกัน นางจึงทำยาสมุนไพรให้เขานำไปขายเพื่อเป็นรายได้มาจุนเจือครอบครัว สูตรสมุนไพรของนางขายดีอย่างน่าประหลาดใจ  บางครั้งบางคราว ได้ยินว่าเป็นคนจากหมู่ตึกนกยูงทองมาขอความช่วยเหลือ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 53.จบ

    ชีวิตสี่ปีของหลันหลันเป็นเช่นนี้เรื่อยมา หลัววั่งรู้สึกว่ามีคนเข้ามา จึงเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใครเขาก็ส่งยิ้มกว้างแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ “ท่านรีบกลับเถิด ที่นี่ข้าจัดการเองได้” “ไยรีบไล่ข้าไปเล่า หรือเจ้านัดผู้ใดไว้” หญิงสาวได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยจึงเงยหน้าขึ้น บุรุษร่างสูงโปร่งสวมอาภรณ์สีเขียวใบไผ่ใบหน้าอ่อนล้าแต่ยังมีรอยยิ้มอ่อนโยน“ท่านมาแล้ว”เซียวเหรินส่งยิ้มให้นาง แม้เหนื่อยล้าจากการเร่งรีบเดินทางมา ทว่าเพียงได้เห็นรอยยิ้มนาง ความเหน็ดเหนื่อยเหล่านั้นพลันมลายหายไปสิ้น“เหตุใดกลับเร็วนักเล่า” หลันหลันอดเป็นห่วงไม่ได้ “ตามจริงต้องอีกสิบวันท่านจะกลับไม่ใช่หรือ? เดินทางไปตรวจดูการซ่อมแซมเขื่อนเป็นอย่างไรบ้าง ”“เจ้าไม่อยากเห็นหน้าสามีหรือไร”เขาทำเสียงไม่พอใจแต่เดินไปนั่งใกล้ๆ แล้วจับชีพจรให้นาง และไม่พูดเรื่องงานกับนาง จะว่าไป ก็ไม่มีมีเรื่องใดในชีวิตของเขาที่หลุดรอดสายตาของนาง เช่นเดียวกับที่เขารู้ว่าในแต่ละวันนางทำอะไร นางมีคนคอยส่งข่าว ส่งเขาให้จูเต๋ออี้วางองครักษ์ลับไว้โดบรอบ “พิษในตัวข้ายังต้องใช้เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-01
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 1. ‘หมอเทวดาไร้ใจ’

    “ไม่เอาแล้ว ข้าไม่ฝึกฝนอีกแล้ว”เด็กน้อยมองฝ่ามือสองข้างที่ยังสั่นระริกของตนเอง ร่างเล็กนั่งขดตัวในพุ่มดงดอกโบตั๋น ดวงตางดงามฉ่ำวาวด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอ เด็กหญิงกลั้นเสียงสะอื้นแล้วยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาเร็วๆ ไม่ให้น้ำตาไหลเปื้อนแก้ม“ไม่เอาแล้ว ข้าไม่ฝึกฝนอีกแล้ว”พุ่มไม้ที่นางซ่อนตัวอยู่ขยับสั่นไหว เด็กน้อยรู้สึกตัวจึงเงยหน้าขึ้น เป็นจังหวะที่มือข้างหนึ่งแหวกพุ่มไม้ออก นางหลุดปากหวีดร้องแล้วขยับกายเข้าไปด้านในเพื่อซ่อนตัว “อ้าว! มีคนอยู่รึ” น้ำเสียงคุ้นเคยแม้ไม่ได้อ่อนโยน แต่ทำให้เด็กหญิงได้สติ นางกะพริบไล่หยดน้ำตาที่เอ่อคลอ เพื่อจะได้มองคนที่แหวกพุ่มไม้แล้วโน้มตัวลงมาจ้องมองนางอยู่ “เจ้า!” นางอ้าปากส่งเสียงได้เพียงแค่หนึ่งคำ เด็กหนุ่มตรงหน้ายกมุมปากเป็นรอยยิ้มบางเบาที่แทบจะมองไม่เห็น และไม่ได้เห็นบ่อยนัก มันเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ไม่รู้ที่สายตาของนางมีเขาเพียงผู้เดียวเสียงวัตถุตกลงผิวน้ำอย่างแรงทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นหันไปมองทันที เพียงพริบตา ร่างสูงโปร่งทิ้งตะกร้าใส่สมุนไพรลงพื้น ใช้วิชาตัวเบาพุ่งไปราวเหาะเหิน ทว่าร่างหญิงสาว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 2. เซียวเหริน

    หลัววั่งเป็นอีกคนในหมู่บ้านที่แวะเวียนมาบ้านของเซียวเหรินทุกวัน คอยช่วยงานทั่วไป และหากมีใครเจ็บป่วยมาแล้วทำกิริยาไม่ดีต่อท่านเซียว หลัววั่งจะออกหน้าขับไล่และปกป้องเสมอ ภายนอกเซียวเหรินคล้ายไม่สนใจผู้อื่น แท้จริงแล้วกลับห่วงใยยิ่งนัก แม้อยู่คนเดียวอย่างสันโดษ แต่ชาวบ้านผลัดกันแวะเวียนมาดูแล หลัววั่งทำไร่ไถนาดูเป็นคนไม่ค่อยฉลาดนัก แต่มีพละกำลังมหาศาล คนในหมู่บ้านจึงลงความเห็นให้หลัววั่งมาคอยดูแลเซียวเหริน หากมีเรื่องต้องแบกหามคนเจ็บคนป่วย หลัววั่งทำได้อย่างไม่ลำบาก ส่วนติงชุ่ยเป็นลูกสาวผู้ใหญ่บ้าน นางแอบหลงรักเซียวเหรินตั้งแต่ที่ชายผู้นี้มาอยู่ที่กระท่อมเชิงเขาเป่ยหมางแต่เดิมไม่มีใครรู้ว่าเซียวเหรินมีความรู้รักษาผู้คนได้ จนกระทั่งวันหนึ่งมีเด็กตกต้นไม้บาดเจ็บสาหัส หมู่บ้านเล็กๆ ไม่มีหมอ แม่ของเด็กน้อยวิ่งมาที่ภูเขาหวังใจจะบนบานกับเทพภูเขา เซียวเหรินอยู่ระหว่างเก็บของป่าได้ยินเข้าจึงติดตามไปดูอาการของเด็กน้อย ราวกับปาฏิหาริย์เด็กน้อยผู้นั้นฟื้นคืนสติ ขาที่บิดพลิกรูปก็ถูกเซียวเหรินพลิกกลับคืนรูปร่างเดิม เด็กน้อยพักฟื้นเพียงสิบกว่าวันก็สามารถวิ่งเล่นได้อีกครั้ง นับแต่นั้น ย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 3.เป็นไปได้อย่างไร

    หลัววั่งที่พยักหน้าแรงๆ “ใช่แล้วๆ เคยมีคนป่วยที่บอกว่าตัวเองเป็นเทพเจ้าอาละวาดบ้าคลั่งถูกมัดมือมัดเท้ามา ท่านเซียวก็ฝังเข็มรักษาจนหายดี” “ติงชุ่ย ถ้าเจ้าลำบากใจก็ออกไปให้พ้นหน้าข้า” “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” นางฝืนยิ้มออกมา หากยอมห่างกายเซียวเหรินก็มิรู้ว่าหญิงคนนี้สติไม่ดีจริงหรือมาหลอกลวงเซียวเหรินกันแน่ “ออกไปได้แล้ว” เซียวเหรินรอจนในห้องไม่มีใครแล้ว เขาก้มมองหญิงสาวที่หลับใหลไปอีกครั้ง เขามั่นใจว่าไม่เคยพบนางมาก่อน แต่เขารู้จัก ‘กงเสวี่ยหลิง’ เป็นการรู้จักที่ไม่เคยพบหน้ากันสักครา แต่คนแซ่กงนั้นมีคนที่เขารู้จักสนิทสนมด้วย ซึ่งบัดนี้มีตำแหน่งเป็นรัชทายาท เขาเผลอระบายลมหายใจหนักหน่วง แม้ตนเองจะใช้ชีวิตปลีกตัวจากโลกภายนอกมานานสี่ปี แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องใดเลย เขาไม่ได้สนใจที่นางยืนยันว่าเป็นนกหงส์หยก แต่เป็นเพราะชุดเจ้าสาวที่นางสวมและรอยบอบช้ำตามร่างกายต่างหาก ยังไม่นับรวมที่เขาตรวจพบว่านางต้องพิษมายาวนาน “เจ้าจะเป็นนกหรือเป็นผู้ใดก็ตาม ข้าจะรักษาเจ้าจนหายดี” เป็นไปได้อย่างไร หญิงสาวถามตั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter4. หลันหลัน

    ในมือของกงเสวี่ยหลิงกำปิ่นปักผมเปื้อนเลือดแน่น ดวงตาที่เคยอ่อนโยนคู่นั้นแข็งกร้าวไร้ความอ่อนแอ เพราะความตกใจทำให้มือสกปรกปล่อยนกน้อยให้ร่วงหล่นเพื่อไปกุมเป้ากางเกงที่ถูกปิ่นของนางจ้วงแทง กงเสวี่ยหลิงยื่นมือไปรองรับร่างของนกน้อยได้ทัน แล้วรีบหมุนตัววิ่งออกไปท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของชายผู้นั้น ท่ามกลางความตกตะลึงของคนรอบข้างที่ไม่รู้ว่าจะต้องช่วยผู้เป็นนายที่ร้องอย่างเจ็บปวดหรือตามหญิงสาวที่วิ่งหนีสุดฝีเท้า ‘หลันหลัน’ นกน้อยถูกกอดแนบอก ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงของกงเสวี่ยหลิงแทบจะทะลุทรวงอกออกมา เท้าเล็กๆ สะดุดพื้นดินขรุขระล้มจนศีรษะกระแทกก้อนหิน แต่นางรีบยันกายขึ้นแล้วออกวิ่งไม่สนใจเลือดที่ไหลลงมาเปื้อนใบหน้า เสียงคนวิ่งไล่ตามมาด้านหลัง กงเสวี่ยหลิงไม่เสียเวลาหันไปมอง นางรู้สึกถึงบางสิ่งที่พุ่งมาเฉียดใบหูของนาง ‘ธนู!’ ‘หลันหลัน’น้ำเสียงของกงเสวี่ยหลิงเด็ดเดี่ยวและผสานความผ่อนคลายอย่างคนยอมรับชะตากรรม ‘เจ้าโบยบินไปสู่ท้องฟ้าอันอิสระเถิด อย่าถูกกักขังเช่นข้า ข้าติดค้างเจ้า รั้งนกน้อยอย่างเจ้าให้อยู่เป็นเพื่อนข้า ทั้งที่บ้านของเจ้าคือท้องฟ้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter5. ข้ากินไม่อิ่ม

    นางมองแผ่นหลังของเซียวเหรินที่ยุ่งกับการตรวจคนป่วยที่นอนบนแคร่ไม้ไผ่ นางกินอาหารที่ติงชุ่ยยกมาให้ ติงชุ่ยหน้าตาบึ้งตึงพูดอะไรไม่รู้มากมายแล้วหมุนตัวเดินจากไป ปล่อยให้นางกินโจ๊กหอมกรุ่น เป็นครั้งแรกที่นางจับช้อนตักอาหารเข้าปากด้วยตนเอง นางเงอะงะอยู่ครู่หนึ่งจึงทำได้โดยไม่หกเลอะเทอะ นางได้กินโจ๊กหอมกรุ่นจนเกลี้ยงชาม แต่เหตุใดนางยังไม่รู้สึกอิ่ม หญิงสาวลูบท้องของตนเบาๆ เมื่อครั้งเป็นนกนางก็กินเพียงเล็กน้อย เคยเฝ้าดูคุณหนูกินอาหารแต่ละมื้อก็กินเพียงเล็กน้อยเช่นกัน แต่เหตุใดนางกินจนเกลี้ยงชามแล้วยังไม่รู้สึกอิ่ม ร่างกายยังอ่อนแรงอยู่ นางจึงยอมขัดคำสั่งของเซียวเหรินที่ให้นางอยู่แต่ในห้อง ถือชามโจ๊กออกมาด้านนอก หญิงงามแม้อยู่ในชุดหญิงชาวบ้านเสื้อผ้าเปื่อยเก่าแต่ไม่อาจปกปิดความงามนั้นไว้ได้ ผมยาวดำขลับเพียงถูกรวบไว้ง่ายๆ ด้วยปิ่นไม้ นางประคองชามโจ๊กที่ว่างเปล่าราวกับขอทานน้อย แววตาตื่นตระหนก ริมฝีปากแดงชาดเม้มแน่นดูน่าสงสารนัก “เจ้าออกมาทำไมกัน” ติงชุ่ยถามพลางเดินไปลากแขนแทบจะปลิวลมของหญิงสาวมาใกล้ นางไม่ยินดีเห็นสตรีอื่นหน้าตาโดดเด่นมาอยู่ใกล้นัก เดิมทีได้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter6. มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ

    “ต๋าฟู่อย่าเสียมารยาท”“แต่...” เสียงหญิงวัยสี่สิบปลายๆ เอ่ยสั่งลูกชายตัวโตของตนเอง มือหยาบกร้านยื่นเปะปะเพื่อควานหาร่างของลูกชายตน น้ำเสียงอ่อนโยนแต่ดวงตาเป็นสีขาวขุ่น ชายร่างใหญ่ปล่อยมือจากหญิงสาวแล้วหันไปประคองมารดาของตน หลันหลันเห็นหญิงวัยสี่สิบผู้นี้แล้วก็อ้าปากกว้าง“ท่านป้าต๋าซู”หญิงสาวเรียกแล้วกระโดดไปเกาะแขนของหญิงผู้นั้น“น้ำเสียงนี้...” ป้าต๋าซูผงะไปเล็กน้อยแล้วยื่นมือสั่นเทาลูบไล้โครงหน้าของหญิงสาวอย่างเบามือ “ทะ...ท่าน...ท่าน...” “ข้าหลันหลันเองท่านป้าต๋าซู” นางเอนศีรษะถูไถกับฝ่ามือที่คุ้นเคยหญิงต่างวัยชะงักไปเล็กน้อย นิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ“หลันหลัน”“ท่านป้าต๋าซูใจดีแอบเอาผลไม้มาให้ข้ากับคุณหนูบ่อยๆ” นางยิ้มกว้าง ฐานะความเป็นอยู่ของกงเสวี่ยหลิงไม่ค่อยดีนัก ไม่มีใครกล้าทำดีกับนาง แต่ละคนล้วนอยากอยู่ห่าง แม้แต่บ่าวรับใช้ที่ถูกส่งมาปรนนิบัติคุณหนูก็ทำแบบขอไปที แต่ยังมีคนจิตใจดีสงสารคุณหนู แอบนำผลไม้หรือขนมใส่ตะกร้ามาวางไว้ที่หน้าประตูหลายครั้ง ด้วยความอยากรู้ นางจึงบินไปซุ่มดูจึงรู้ว่าเป็นป้าต๋าซู นางเป็นหญิงรับใช้ของคุณหนู แต่ปกติจะทำเย็นชาใส่ แต่ยามไม่มีใครเห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter7. มีเวลาสี่สิบเก้าวัน

    “หลันหลันเด็กดี เป็นเด็กกตัญญูรู้คุณ ค่อยๆ ตรองดูเถิดว่าเวลาสี่สิบเก้าวันที่เจ้าลืมตามาอยู่ในร่างนี้ต้องทำสิ่งใดบ้าง” “สี่สิบเก้าวัน? ท่านป้าหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ” “นี่ไม่ใช่ร่างของเจ้า ดวงจิตของเจ้ามาอยู่ในร่างนี้ได้เพียงแค่สี่สิบเก้าวันเท่านั้น” ป้าต๋าซูยังคงลูบศีรษะนางเบาๆ “ที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้เพราะมีผู้มอบลมหายใจต่ออายุให้เจ้า” หลันหลันขมวดคิ้ว “ใครกันเจ้าคะ?” “ในสี่สิบเก้าวันที่เจ้าอยู่บนโลกมนุษย์นี้ เจ้าต้องกลืนกินลมหายใจของเขาเพื่อต่ออายุเจ้า” “ท่านป้า ท่านช่วยอธิบายให้นกน้อยอย่างข้าเข้าใจง่ายๆ ด้วยเถิดเจ้าค่ะ” นางเบ้ปากทำหน้าอยากร้องไห้เต็มที “คุณหนูของข้าอยู่ที่ไหน ข้าจะไปตามหาคุณหนู” “เจ้าไปหาคุณหนูตอนนี้ไม่ได้” “คุณหนูรอข้าอยู่ใช่ไหมเจ้าคะ” “หลันหลัน จำไว้ เจ้าอยู่ได้แค่สี่สิบเก้าวัน และต้องกลืนกินลมหายใจของผู้มีพระคุณของเจ้า เจ้าจึงยังอยู่บนโลกนี้ได้” มือหยาบกร้านปล่อยศีรษะนางแล้วค่อยๆ หมุนตัวเดินจากไป “ท่านป้า ท่านจะไปไหน” หลัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04

บทล่าสุด

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 53.จบ

    ชีวิตสี่ปีของหลันหลันเป็นเช่นนี้เรื่อยมา หลัววั่งรู้สึกว่ามีคนเข้ามา จึงเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใครเขาก็ส่งยิ้มกว้างแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ “ท่านรีบกลับเถิด ที่นี่ข้าจัดการเองได้” “ไยรีบไล่ข้าไปเล่า หรือเจ้านัดผู้ใดไว้” หญิงสาวได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยจึงเงยหน้าขึ้น บุรุษร่างสูงโปร่งสวมอาภรณ์สีเขียวใบไผ่ใบหน้าอ่อนล้าแต่ยังมีรอยยิ้มอ่อนโยน“ท่านมาแล้ว”เซียวเหรินส่งยิ้มให้นาง แม้เหนื่อยล้าจากการเร่งรีบเดินทางมา ทว่าเพียงได้เห็นรอยยิ้มนาง ความเหน็ดเหนื่อยเหล่านั้นพลันมลายหายไปสิ้น“เหตุใดกลับเร็วนักเล่า” หลันหลันอดเป็นห่วงไม่ได้ “ตามจริงต้องอีกสิบวันท่านจะกลับไม่ใช่หรือ? เดินทางไปตรวจดูการซ่อมแซมเขื่อนเป็นอย่างไรบ้าง ”“เจ้าไม่อยากเห็นหน้าสามีหรือไร”เขาทำเสียงไม่พอใจแต่เดินไปนั่งใกล้ๆ แล้วจับชีพจรให้นาง และไม่พูดเรื่องงานกับนาง จะว่าไป ก็ไม่มีมีเรื่องใดในชีวิตของเขาที่หลุดรอดสายตาของนาง เช่นเดียวกับที่เขารู้ว่าในแต่ละวันนางทำอะไร นางมีคนคอยส่งข่าว ส่งเขาให้จูเต๋ออี้วางองครักษ์ลับไว้โดบรอบ “พิษในตัวข้ายังต้องใช้เ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 52.ไม่มีอะไรให้ลังเลและกังวลอีกแล้ว

    “คิดสิ” นางหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะของนางทำให้กงอี้เทาปล่อยนางจากวงแขน เขาคิดว่านางจะเปลี่ยนใจจึงยอมคลายมือจากข้อมือนาง ทำให้นางส่งยาเม็ดนั้นส่งเข้าปากแล้วกลืนลงคอทันทีท่ามกลางดวงตาที่เบิกกว้างของกงอี้เทา “เจ้า!” “ข้าไม่เสียใจ” นางยิ้มแล้วยกมือลูบใบหน้าของกงอี้เทา “บอกจางซงหยวนให้ดูแลกงเสวี่ยหลิงให้ดี” “หลันโหยว!” “ข้าอยากขอร้องเจ้าครั้งสุดท้าย” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาลง “ได้ข้ารับปากเจ้า ข้ารับปากเจ้าทุกเรื่อง” กงอี้เทาประคองร่างที่อ่อนยวบลงในวงแขน มือของเขาสั่นเทาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าของหญิงสาวมีรอยยิ้ม แต่ดวงตาของนางปิดลง ชีพจรเต้นช้าลง ร่างกายเริ่มเย็นเยียบขึ้นมาที่ละน้อย นางวางมือไว้บนหน้าอก บริเวณหัวใจของตนเองที่เต้นแผ่วเบาลงไปทุกที ทุกที ทุกที ไม่มีอะไรให้นางลังเลและกังวลอีกแล้ว..จูเต๋ออี้เดินเข้ามาอย่างเงียบเฉียบ ภาพที่เห็นจนเริ่มชินตาคือเจ้าของร่างสูงสง่านั่งเหยียดแผ่นหลังตั้งตรง แววตามุ่งมั่นและมือตวัดพู่กันแก้ไขปัญหาน้อยใหญ่ที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทิ้งปัญหาไว้มากมายเหลือคณานับ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 51. เจ้านกตะกละ

    “เจ้านกตะกละ!” เขาดุนางพลางแหวนหน้าคำรามเสียงพร่า ถูกนางรุกเร้าจนแท่งหยกไถลลื่นเข้าไปจนสุด นางหวีดร้องเบาๆ โผเข้ากอดเขา ปลายเล็บจิกที่แผ่นหลังไม่เคยรู้เลยว่าบุรุษผู้นี้จะมีซ่อนสิ่งใหญ่โตไว้ถึงเพียงนี้ ความเสียวซ่านแผ่นกระจายไปทั่วร่าง จนถึงปลายนิ้วเท้าที่เกร็งแทบเป็นตะคริว นางครวญเสียงกระเส่า ยามเมื่อเขาขยับสะโพกถอนแก่นกายออกช้าๆ แล้วกดกลับเข้ามาใหม่ นางได้แต่หวีดร้องส่งเสียงครางแทบขาดใจ เหงื่อร้อนหลั่งออกมาจนหยดบนกายของนาง ความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นในคราวแรกหายไปสิ้น ทุกการเติมเต็มของเขาทำให้ร่างกายที่เคยเยียบเย็นร้อนระอุ เหงื่อร้อนผุดขึ้นทุกรูขุมขน ร่างกายนางทวีความร้อนและเปียกชื้น รวมทั้งที่ใจกลางของดอกไม้สาวที่รองรับการเคลื่อนไหวของผีเสื้อหนุ่มช่างแนบแน่น ลึกล้ำและซ่านเสียว“ข้า...” นางไม่รู้ว่าตนเองจะพูดอะไร เขาป้อนความสุขสมที่นางไม่เคยรู้จัก ทำให้นางอิ่มเอมครั้งแล้วครั้งเล่า และหิวโหยต้องการไม่สิ้นสุด ไม่ว่าท่วงท่าใดที่เขานำพา ล้วนทำให้นางปรารถนาในตัวเขามากขึ้น มากขึ้น“เซียวเหริน!”ดวงตาของเซียวเหรินราวลูกไฟ ไฟปรารถนาเผาไหม้หัวใจทำให้เคลื่อนไหวร่างกายเร็วขึ้น ถาโถมและโหมกระหน

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 50.ใช้หัวใจฟังเสียวหัวใจสิ

    “เจ้าอยู่ที่นี่ให้ข้าถอนพิษให้เจ้าเถิด” “ข้าจะอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรได้” นางส่ายหน้าไปมาบนอกเสื้อของเขา นางจงใจทำร้ายองค์ชายหงก่วงต่อหน้าผู้อื่นหากนางยืนข้างกายเขา คนภายใต้การปกครองย่อมมองเขาไม่ดีเป็นแน่ ขณะที่สมองและหัวใจตีกันยุ่งเหยิง ปลายคางของนางถูกช้อนขึ้น ตามด้วยริมฝีปากหยักสวยทาบทับ นางคิดจะถอยหลังหลบหนีแต่เรียวลิ้นร้อนไล่ต้อนจนนางไม่อาจตั้งสติคิดสิ่งใดได้ ถูกจุมพิตของเขาทำให้สับสนจนเกือบขาดอากาศหายใจเขาจึงยอมละริมฝีปากจากนาง “ใจร้าย!” นางทุบแผ่นอกแกร่งของเขา “ข้าต้องการเวลาคิด”“เรื่องแบบนี้ต้องคิดอะไรนานนัก” เขาโน้นหน้าลงจุมพิตดวงตาของนางที่ยังมีหยาดน้ำตาวาวใส “ใช้หัวใจฟังเสียงหัวใจสิ”‘ใช้หัวใจฟังเสียงหัวใจสิ’เป็นอีกครั้งที่นางได้ยินประโยคนี้ ดวงตาของนางเหม่อลอยไปชั่วขณะ และในจังหวะเดียวกัน เซียวเหรินตัดสินใจทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ ช้อนร่างนุ่มนิ่มไว้แนบอกพานางกลับมาที่ห้องนอนของตนเอง การกักขังนกตัวหนึ่งไว้นั้น อาจไม่ใช่กรงขังที่แน่นหนาแต่เป็นความรู้สึกปรารถนาที่มีต่อนางจูเต๋ออี้เห็นผู้เป็นนายกลับมาพร้อมกับอุ้มหญิงสาวที่ซุกอยู่ในอกจนแทบมองไม่เห็นใบ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 49.คิดถึง

    “งานเหล่านี้แท้จริงเป็นของเจ้า ยามนี้ลุงแค่ช่วยจัดการให้ไปก่อน” เขาพูดอย่างใจเย็น บ้านเมืองต้องพลิกฟื้นเป็นการใหญ่ กว่าจะเข้ารูปเข้ารอยคงใช้เวลาอีกสามถึงสี่เป็นอย่างน้อย เขาก้มมองเห็นเด็กน้อยทำหน้านิ่วก็หัวเราะเบาๆ “เจ้าต้องหมั่นเรียนรู้ เข้าใจหรือไม่” “หลานทราบแล้ว เสด็จลุง” “ดี” เขาพูดแล้วขยับปลายนิ้วเรียกจูเต๋ออี้ องครักษ์ข้างกายที่ทำหน้าที่รับใช้มายาวนานถอยออกไป ครู่หนึ่งจึงเดินกลับเข้ามาพร้อมขนม เด็กน้อยทำตาโตแล้วยื่นมือไปรับขนมจากเซียวเหริน “ข้าให้ในครัวปรุงให้เจ้าเป็นพิเศษ ในนี้มีส่วนผสมของสมุนไพรบำรุงร่างกาย เจ้าจะได้แข็งแรงเติบใหญ่เร็วไว” “ขอบพระทัยเสด็จลุง” “ไปเถอะ” “อื้ม!” เด็กน้อยปีนลงจากตัก ขันทีผู้หนึ่งเข้ามารับ เขามองเด็กน้อยที่ชะตาชีวิตลิขิตให้นั่งบัลลังก์มังกร ได้แต่หวังว่าตัวเองจะขัดเกลาเด็กคนนี้ให้เป็นฮ่องเต้ที่ดี คงมีเพียงการทำเช่นนี้ที่ลดทอนความรู้สึกผิดที่เคยให้คำสัตย์สาบานไว้ แม้ว่าชื่อของเขาจะเคยเป็นรัชทายาทก็ตาม เซียวเหรินก้มหน้าอ่านฏีกา หยิบพู่กันขึ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 48. เหตุใดถึงเจ็บถึงเพียงนี้

    “ข้า...” หลันหลันอ้ำอึ้ง ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องไปจากที่นี่ ไม่ใช่หรอก นางมิได้อาลัยสถานที่แห่งนี้ มีเพียงความรู้สึกที่ต้องจากไกลเซียว เหรินต่างหากที่ทำให้นางปวดใจมือเรียวเล็กยกขึ้นอกที่หน้าอกซ้าย บริเวณที่ถูกเซียวเหรินซัดฝ่ามือเข้าใส่ ความเจ็บปวดระลอกหนึ่งราวเข็มแหลมเล็กนับร้อยนับพันทิ่มแทงหัวใจเจ็บ?เหตุใดถึงเจ็บถึงเพียงนี้“หลันหลัน” อู๋หมินลี่เห็นใบหน้าหลันหลันซีดเซียวไร้สีเลือดก็ตื่นตระหนก “เจ้าเจ็บรึ ให้ข้าตามหมอดีหรือไม่”หลันหลันส่ายหน้าไปมา ครู่หนึ่งนางสูดลมหายใจลึกสะกดความเจ็บปวดทั้งหมดแล้วฝืนยิ้มให้อู๋หมินลี่ พลันเสียงของท่านป้าต๋าฝูดังแว่วเข้ามาในหัวน้อยๆ ของนาง‘มีเวลาเพียงสี่สิบเก้าวัน’จากบันทึกของเซียวเหริน นางเหลือเวลาอีกแค่สามวันแต่ถ้านางลองให้กงอี้เทาถอนมนตร์สะกดจิต บางทีนางอาจมีชีวิตได้ยาวนานกว่านี้ แต่ชีวิตของอูหลันโหยว ไม่อาจอยู่ที่แคว้นเฉียน เหลียงได้“หลันหลัน” อู๋หมิ่นลี่บีบมือเย็นเฉียบของหลันหลัน “ข้าพาเจ้ากลับที่พักดีกว่า” “ให้ข้าประคองนางเองเจ้าค่ะ” ไป๋ชิวเข้ามาช่วยประคองหลันหลันเพื่อเดินกลับที่พัก อู๋ซิงว่านผ่านมาพอดีเห็นไป๋ชิวประคองหลันหลันอยู

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 47.ให้นางตัดสินใจเอง

    นางมุดอยู่ใต้ผ้าห่มแต่หูได้ยินเสียงพวกเขาตกลงต่อรองกัน สุดท้ายกงอี้เทาได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วงแล้วก้าวออกไป นางคิดว่าในห้องไม่มีใครแล้วจึงโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม แต่กลับพบสายตาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว “ระหว่างนี้เจ้าพักอยู่ที่นี่ไปก่อน ข้าจะเป็นฝ่ายหาเวลามาพบเจ้าเอง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งเช่นที่เคยเป็น “เข้าใจหรือไม่” นางพยักหน้าขึ้นลงเร็วๆ แทนคำตอบ เซียวเหรินไม่เอ่ยอะไรอีก หมุนตัวแล้วเดินออกไปเงียบๆ จนนางมั่นใจว่าครั้งนี้ไม่มีผู้อื่นแล้วจริงๆ จึงยอมลุกขึ้นจากที่นอนอีกครั้ง ‘ให้นางตัดสินใจเอง’ นางคิดมากจนตาลายเดือดร้อนบ่าวรับใช้ที่เฝ้าดูอาการเข้าใจผิดคิดว่าอาการของนางทรุดลง อู๋ซิงว่านรีบเข้ามาดูอาการของนาง พอรู้ว่านางหิวโหยจนหน้ามืดก็แหงนหน้าหัวเราะไม่เกรงใจคนป่วยอย่างนาง สั่งการให้บ่าวไพรยกสำรับอาหารมาให้ หลังจากถูกบิดาเรียกไปอบรม เขารู้ว่าควรทำใจเรื่องหลันหลัน อาจเพราะนางเป็นคนให้กำลังใจจนเขาสามารถใช้แขนขวาได้อีกครั้ง แต่พอรู้ว่านางอาการทรุดลงก็รีบมาดูทันที ใครจะรู้ว่านางแค่หิว ไม่สิ นางหิวมากจนจะเป็นลม ระ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 46.ผลของการกระทำ

    “คุณหนู” ไป๋ชิวร้อนรน แต่หมอที่เก่งที่สุดกำลังดูแลสตรีอื่นจนทำให้คุณหนูของนางเป็นเช่นนี้ “ข้าไม่เป็นอะไร” นางพยายามสูดลมหายใจลึก แม้รู้อยู่แก่ใจว่าเซียวเหรินมองนางด้วยสายตาเช่นไร แต่นางก็ยังหวัง หวังว่าจะมีสักวันที่เขาจะรับรู้ความรู้สึกของนาง เปิดใจให้นางบ้าง “ไป๋ชิว พาคุณหนูใหญ่ไปพักผ่อนก่อน” อู๋ซั่วไต้เอ่ยขึ้นแล้วมองบุตรสาวด้วยความเห็นใจต่อให้ไม่มีสตรีผู้นั้นเข้ามา หรือแม้กระทั่งเขาจะใช้คนของหมู่ตึกนกยูงทองช่วยชีวิตคนสกุลเซียวเอาไว้ เขาย่อมรู้ดีว่าเรื่องเหล่านี้จะเอามาเป็นบุญคุณเพื่อให้เซียวเหรินแต่งงานกับอู๋หมิ่นลี่ได้ แต่ด้วยฐานะที่แท้จริงของเซียวเหริน อู๋ซั่วไต้รู้ดีว่า บุตรสาวของเขาไม่สามารถเคียงข้างชายผู้นั้นได้ ไม่สิ จะเรียกเซียวเหรินเช่นแต่ก่อนได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้เป็นถึง... “ท่านพ่อ” อู๋หมิ่นลี่กลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอ “ท่านรู้อยู่แล้วว่าท่านเซียวเป็นใคร จึงพยายามเตือนลูกใช่ไหมเจ้าคะ” “ลี่เอ๋อร์ เจ้าหักห้ามใจตัวเองเสียเถิด ยังมีบุรุษดีๆ อีกมากมาย พ่อจะคัดเลือกคนที่ดีและเหมาะสมกับเจ้าเอง” “แต่ว่า.

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 45.เสียงเรียกที่แฝงอำนาจ

    “ลูกข้าเป็นอะไร” ไทเฮาถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “รักษาเขาสิ!” เซียวเหรินถึงกับนิ่งงันด้วยอับจนถ้อยคำ แต่ฮ่องเต้หงฉานหัวเราะเสียงปร่าแล้วโบกมือไปมา “มันใหญ่มากใช่ไหมละ” เขาหัวเราะขืนๆ “อะไรกัน” ไทเฮาหันมาถามอย่างงุนงง แต่เซียวเหรินไม่กล้าพูดออกมา “มันคือฝี” ฮ่องเต้ที่กำลังจะกลายเป็นเพียงอดีตฮ่องเต้พูดขึ้นแล้วกดไปที่ท้องของตัวเอง “กระจายไปทั่วท้องแล้ว” “ไม่จริง... เหตุใดเป็นเช่นนี้” “เป็นมาเนิ่นนานแล้ว หมอหลวงรักษาไม่ได้ ลูกจึง...ไม่ใส่ใจกับมันอีก” ไทเฮาหันมาเขย่าแขนของเซียวเหริน “เจ้าได้ชื่อว่าเป็นหมอเทวดา ต้องรักษาได้!” “ถ้าได้รับการรักษาก่อนหน้านี้คงจะ...” “ช่างมันเถอะ” ฮ่องเต้หงฉานโบกมือไปมาจ้องมองใบหน้าของเซียวเหริน “เรารู้ ถึงได้ปล่อยให้มันเป็นเช่นนี้” “เจ้า! ทำไมโง่เช่นนี้” “เสด็จแม่” ฮ่องเต้พูดอย่างอ่อนแรง “ท่านเองก็รู้ว่า เสด็จพ่อยกบัลลังก์นี้ให้ใครตั้งแต่แรก” “หุบปากเสีย!” “เสด็จแม่...แท้จริงแล้วบัลลังก์นี้เป็น

DMCA.com Protection Status