Share

Chapter5. ข้ากินไม่อิ่ม

last update Last Updated: 2024-12-02 12:18:10

            นางมองแผ่นหลังของเซียวเหรินที่ยุ่งกับการตรวจคนป่วยที่นอนบนแคร่ไม้ไผ่ นางกินอาหารที่ติงชุ่ยยกมาให้ ติงชุ่ยหน้าตาบึ้งตึงพูดอะไรไม่รู้มากมายแล้วหมุนตัวเดินจากไป ปล่อยให้นางกินโจ๊กหอมกรุ่น เป็นครั้งแรกที่นางจับช้อนตักอาหารเข้าปากด้วยตนเอง นางเงอะงะอยู่ครู่หนึ่งจึงทำได้โดยไม่หกเลอะเทอะ นางได้กินโจ๊กหอมกรุ่นจนเกลี้ยงชาม แต่เหตุใดนางยังไม่รู้สึกอิ่ม หญิงสาวลูบท้องของตนเบาๆ เมื่อครั้งเป็นนกนางก็กินเพียงเล็กน้อย เคยเฝ้าดูคุณหนูกินอาหารแต่ละมื้อก็กินเพียงเล็กน้อยเช่นกัน แต่เหตุใดนางกินจนเกลี้ยงชามแล้วยังไม่รู้สึกอิ่ม ร่างกายยังอ่อนแรงอยู่ นางจึงยอมขัดคำสั่งของเซียวเหรินที่ให้นางอยู่แต่ในห้อง ถือชามโจ๊กออกมาด้านนอก

            หญิงงามแม้อยู่ในชุดหญิงชาวบ้านเสื้อผ้าเปื่อยเก่าแต่ไม่อาจปกปิดความงามนั้นไว้ได้ ผมยาวดำขลับเพียงถูกรวบไว้ง่ายๆ ด้วยปิ่นไม้ นางประคองชามโจ๊กที่ว่างเปล่าราวกับขอทานน้อย แววตาตื่นตระหนก ริมฝีปากแดงชาดเม้มแน่นดูน่าสงสารนัก

            “เจ้าออกมาทำไมกัน” ติงชุ่ยถามพลางเดินไปลากแขนแทบจะปลิวลมของหญิงสาวมาใกล้ นางไม่ยินดีเห็นสตรีอื่นหน้าตาโดดเด่นมาอยู่ใกล้นัก เดิมทีได้ยินท่านเซียวสั่งให้นางอยู่แต่ในห้อง ไม่คิดว่านางกล้าออกมาให้ผู้อื่นเห็นเช่นนี้

            “ข้า...ข้ากินไม่อิ่ม” นางพูดตะกุกตะกัก “ขอ...ขอกินอีกได้ไหม”

            ติงชุ่ยแม้ไม่ชอบหญิงสาวคนนี้ หรือพูดให้ถูกคือไม่ชอบหญิงสาวทุกคนที่อยู่ใกล้เซียวเหริน แต่ท่าทางน่าสงสารเช่นนี้ทำให้คนใจอ่อน ติงชุ่ยจับข้อมือผอมบางนั้นเดินไปยังครัวเล็กๆ ที่เป็นทั้งครัวและที่ต้มยา หลัววั่งที่กำลังต้มยาอยู่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมติงชุ่ยก็ส่งยิ้มให้ แต่ติงชุ่ยกลับเบ้ปากใส่แล้วพยักพเยิดให้หลัววั่งมองดูในชามเปล่าในมือของนาง

            “นางกินไม่อิ่ม เจ้าพอมีอะไรให้นางกินอีกหรือไม่”

            หลัววั่งฉีกยิ้มกว้าง คนหิวกินอาหารได้มากแสดงว่าร่างกายกำลังฟื้นคืนกำลัง เขาเองแม้ไม่ฉลาดนัก แต่จดจำถ้อยคำของท่านเซียวไว้เป็น

ความรู้

            “โจ๊กหมดแล้ว แต่มีหมั่นโถวอยู่ เจ้ากินรองท้องไปก่อนได้หรือไม่”

            หญิงสาวรีบพยักหน้าหงึกๆ แววตาเป็นประกายด้วยความดีใจ หลัววั่งเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนที่คาดเอวอยู่แล้วเดินไปเปิดซึ้งหยิบหมั่นโถวออกมา เขารับชามเปล่าจากมือนางแล้วยื่นหมั่นโถวให้

            “ค่อยๆ กิน มันร้อน”

            “อือ” ปากเล็กๆ อ้าเป็นวงกลมแล้วเป่าหมั่นโถวขาวอวบในมือ เมื่อมั่นใจว่าไล่ความร้อนออกไปแล้วก็อ้าปากกัดกินคำโต

            “ค่อยๆ กิน ประเดี๋ยวจะติดคอ” หลัววั่งเตือนแล้วรีบหมุนตัวไปรินน้ำมาเตรียมไว้ให้ดื่ม “ยังมีอีกหลายลูก เจ้าไม่ต้องกลัวจะไม่อิ่ม”

            “ขอบคุณมาก” นางซาบซึ้งใจยิ่งนัก “พี่สาวกับพี่ชายช่างดีเหลือเกิน”

            ถ้อยคำเอ่ยตรงไปตรงมาทำให้ติงชุ่ยและหลัววั่งเขินอายขึ้นมา ติงชุ่ยเห็นท่าทางไร้เดียงสาของนางก็อดเอ็นดูไม่ได้

            “เจ้าชื่ออะไรนะ”

            “หลันหลัน” นางตอบทั้งที่หมั่นโถวเต็มปาก ก้อนแป้งขาวติดริมฝีปากสีแดงช่างน่าดูนัก “คุณหนูเรียกข้าว่าหลันหลัน”

            “อ่อ...” หลัววั่งพยักหน้ารับ “ข้าชื่อหลัววั่งและนี่ติงชุ่ย”

            “พี่หลัววั่ง พี่ติงชุ่ย” นางเรียกขานพร้อมรอยยิ้ม

“หมั่นโถวอร่อยมากหรือ?”

ติงชุ่ยกินอาหารฝีมือหลัววั่งบ่อยๆ มิอาจบอกได้ว่าอร่อยหรือไม่ นางไม่ชอบทำอาหาร แม้ทำได้บ้างแต่ไม่นับว่าเก่งนัก มักถูกมารดาตำหนิที่ไม่ฝึกฝนเรื่องงานครัวอยู่บ่อยครั้ง

“อร่อยมาก” นางพยักหน้าขึ้นลง “อร่อยจนไม่รู้ข้าจะบรรยายอย่างไร”

หลัววั่งหัวเราะแก้เขิน “อยากได้อีกลูกไหม?”

“พอแล้ว” ติงชุ่ยรีบห้าม “นางเพิ่งฟื้นจะให้กินเยอะมากไม่ได้ ประเดี๋ยวร่างกายรับไม่ไหวจะอาเจียนออกมาหมด”

หญิงสาวพยักหน้าเร็วๆ นางเป็นนกนี่นะ คุ้นเคยกับการพยักหน้าผงกศีรษะ นางรู้สึกอิ่มก็จริงแต่ร่างกายยังโหวงเหวงชอบกล หรืออาจเพราะนางเพิ่งฟื้นก็เป็นได้  

“พี่หลัววั่ง พี่ติงชุ่ย มีสิ่งใดให้ข้าช่วยบ้างหรือไม่” 

“เจ้าเป็นคนป่วย เพิ่งฟื้นเช่นนี้ไปพักผ่อนเถิด” หลัววั่งโบกมือไล่  “บริเวณนี้ร้อนนัก ประเดี๋ยวหน้ามืดหน้าคว่ำใส่เตาต้มยา เจ้าถอยไปห่างๆ เถิด” 

หลันหลันพยักหน้าเร็วๆ แล้วก้าวถอยห่างอย่างเชื่อฟัง ติงชุ่ยแม้เตือนตัวเองอย่าได้หลงกลท่าทางไร้เดียงสานี้แต่ก็อดเอ็นดูไม่ได้

“เช่นนั้นตามข้ามา” ติงชุ่ยคว้าข้อมือเรียวเล็กของหลันหลันแล้วก็ขมวดคิ้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ถือตัวนางก็พิจารณาดูข้อมือของหลันหลัน ผอมจนเห็นเป็นกระดูกขึ้นมา ยามที่นางช่วยผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เห็นตามเนื้อตัวมีรอยช้ำ ทั้งเก่าใหม่เต็มไปหมด แม้ไม่รู้ที่มาที่ไปแต่เห็นแล้วน่าสงสารไม่น้อย  

“เจ้าอย่าใช้งานนางหนักนัก”

“เปล่าเสียหน่อย” ติงชุ่ยแยกเขี้ยวใส่ “ข้าแค่จะพานางกลับไปพักเท่านั้น”

หลันหลันมองหลัววั่งสลับกับติงชุ่ยไปมาแล้วก็ยิ้มกว้างพยักหน้าขึ้นลงเร็วๆ “พี่ชายกับพี่สาวช่างเป็นคู่รักที่น่ารักยิ่งนัก”

“คู่รัก!” ติงชุ่ยกับหลัววั่งพูดออกมาพร้อมกันแล้วสบตากันก่อนหันหน้าหนีซ่อนแก้มแดงระเรื่อของตนเอง “เจ้าอย่าพูดจาส่งเดช”

“ไม่ใช่รึ?” นางเอียงคอมองแล้วโคลงศีรษะอย่างไม่เข้าใจ “พี่สาวกับพี่ชายเข้ากันได้ดีถึงเพียงนี้ มิใช่เป็นคู่รักย่อมเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย”

ติงชุ่ยไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระอีกจึงรีบดึงข้อมือเล็กๆ ของหลัน หลันให้รีบเดินออกมาโดยเร็ว ใจจริงนางอยากจับหลันหลันยัดกลับเข้าไปในห้องแล้วลงกลอนปิดประตูไว้ แต่เมื่อเดินออกมาก็พบว่าคนกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมเซียวเหรินอยู่

“เหตุใดเจ้าไม่ยอมช่วยมารดาของข้า” ชายร่างยักษ์คว้าคอเสื้อของเซียวเหรินกระชากอย่างแรงจนร่างสูงโปร่งแทบจะปลิวตามแรงกระชาก

“ข้าพูดไปแล้ว” เซียวเหรินกล่าวตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้มีแววหวาดกลัวว่าจะถูกทำร้ายแต่อย่างใด

“เจ้าแค่จับข้อมือ เปิดดวงตามารดาของข้า เพียงแค่นี้ก็บอกว่ารักษาไม่ได้แล้ว! เจ้าเป็นหมอภาษาอะไร ยังไม่ทันลงมือก็บอกว่ามารดาของข้าไม่รอดแล้ว”

ติงชุ่ยปล่อยมือจากข้อมือเล็กๆ ของหลันหลันแล้วอุทาน “แย่แล้ว!”

“แย่แล้ว?” หลันหลันพูดทวนคำเดียวกับติงชุ่ย

“เจ้าอยู่ที่นี่อย่าให้ใครทำร้ายท่านเซียวนะ ข้าจะไปตามหลัววั่ง”

หลันหลันพยักหน้าขึ้นลงรับคำสั่งจากติงชุ่ย นางจ้องมองภาพเบื้องหน้า ชายร่างใหญ่เหมือนหมีดำกระชากคอเสื้อของเซียวเหรินจนปลายเท้าลอยขึ้นจากพื้น นางเบิกตากว้างรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีวิ่งพุ่งเข้าไปอย่างแรง หวังใช้สองมือผลักหมียักษ์ให้กระเด็น ทว่าสุดแรงของนางนั้นไม่ได้ทำให้ร่างหมีดำขยับแม้แต่น้อย มีเพียงดวงตาสองข้างที่ย้ายสายตาจากเซียวเหรินมาที่ฝ่ามือเล็กๆ ที่ทำท่าดันเขา

“เจ้าทำอะไร” ชายร่างใหญ่เอ่ยถาม เห็นชัดว่านางดันร่างของเขาแต่สองเท้านั้นตะกุยพื้นดิน

“ผลักเจ้าไง” นางเงยหน้าขึ้นมองไร้แววหวาดกลัว

“นี่ออกแรงแล้วรึ”

หลันหลันพยักหน้าหงึกๆ ด้วยท่าทีจริงจัง นางใช้สองมือดันร่างใหญ่จนเท้าเล็กๆ ของนางจิกพื้นดิน

“แรงแค่นี้คิดจะผลักข้ารึ”

 คนร่างใหญ่ขมวดคิ้ว อยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก ออกจะสงสารที่นางพยายามแล้วแต่ทำได้แค่นี้ อย่าว่าแต่มัดไก่เลย ตบยุงก็ไม่น่าจะตายด้วยซ้ำ  

เซียวเหรินไม่คิดต่อสู้อยู่แล้วจึงยอมให้อีกฝ่ายจับคอเสื้อยกเขาจนปลายเท้าลอยขึ้นเหนือพื้นเช่นนี้ แต่เห็นสาวใช้ของกงเสวี่ยหลิงพยายามช่วยเขาอยู่ ก็ทำให้เขาจำใจยกมือขึ้นหมายจี้สกัดจุดให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายขยับตัวไม่ได้เสีย แต่มือใหญ่นั้นกลับปล่อยคอเสื้อของเขาออกอย่างรวดเร็วแล้วโน้มตัวลงก้มหน้ามองคนตัวเล็กที่เชิดหน้าขึ้นข่มขวัญคนตัวใหญ่

“ตัวแค่นี้ แรงก็นิดเดียวจะทำอะไรใครได้”

“ได้สิ! ข้าจะต้องปกป้องผู้มีพระคุณของข้า” นางยังมุ่งมั่นที่จะผลักหมีดำแต่มือใหญ่หยาบกร้านยื่นมาดันศีรษะนางเบาๆ แต่กระนั้นนางก็ถอยหลังง่ายดาย

Related chapters

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter6. มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ

    “ต๋าฟู่อย่าเสียมารยาท”“แต่...” เสียงหญิงวัยสี่สิบปลายๆ เอ่ยสั่งลูกชายตัวโตของตนเอง มือหยาบกร้านยื่นเปะปะเพื่อควานหาร่างของลูกชายตน น้ำเสียงอ่อนโยนแต่ดวงตาเป็นสีขาวขุ่น ชายร่างใหญ่ปล่อยมือจากหญิงสาวแล้วหันไปประคองมารดาของตน หลันหลันเห็นหญิงวัยสี่สิบผู้นี้แล้วก็อ้าปากกว้าง“ท่านป้าต๋าซู”หญิงสาวเรียกแล้วกระโดดไปเกาะแขนของหญิงผู้นั้น“น้ำเสียงนี้...” ป้าต๋าซูผงะไปเล็กน้อยแล้วยื่นมือสั่นเทาลูบไล้โครงหน้าของหญิงสาวอย่างเบามือ “ทะ...ท่าน...ท่าน...” “ข้าหลันหลันเองท่านป้าต๋าซู” นางเอนศีรษะถูไถกับฝ่ามือที่คุ้นเคยหญิงต่างวัยชะงักไปเล็กน้อย นิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ“หลันหลัน”“ท่านป้าต๋าซูใจดีแอบเอาผลไม้มาให้ข้ากับคุณหนูบ่อยๆ” นางยิ้มกว้าง ฐานะความเป็นอยู่ของกงเสวี่ยหลิงไม่ค่อยดีนัก ไม่มีใครกล้าทำดีกับนาง แต่ละคนล้วนอยากอยู่ห่าง แม้แต่บ่าวรับใช้ที่ถูกส่งมาปรนนิบัติคุณหนูก็ทำแบบขอไปที แต่ยังมีคนจิตใจดีสงสารคุณหนู แอบนำผลไม้หรือขนมใส่ตะกร้ามาวางไว้ที่หน้าประตูหลายครั้ง ด้วยความอยากรู้ นางจึงบินไปซุ่มดูจึงรู้ว่าเป็นป้าต๋าซู นางเป็นหญิงรับใช้ของคุณหนู แต่ปกติจะทำเย็นชาใส่ แต่ยามไม่มีใครเห

    Last Updated : 2024-12-04
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter7. มีเวลาสี่สิบเก้าวัน

    “หลันหลันเด็กดี เป็นเด็กกตัญญูรู้คุณ ค่อยๆ ตรองดูเถิดว่าเวลาสี่สิบเก้าวันที่เจ้าลืมตามาอยู่ในร่างนี้ต้องทำสิ่งใดบ้าง” “สี่สิบเก้าวัน? ท่านป้าหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ” “นี่ไม่ใช่ร่างของเจ้า ดวงจิตของเจ้ามาอยู่ในร่างนี้ได้เพียงแค่สี่สิบเก้าวันเท่านั้น” ป้าต๋าซูยังคงลูบศีรษะนางเบาๆ “ที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้เพราะมีผู้มอบลมหายใจต่ออายุให้เจ้า” หลันหลันขมวดคิ้ว “ใครกันเจ้าคะ?” “ในสี่สิบเก้าวันที่เจ้าอยู่บนโลกมนุษย์นี้ เจ้าต้องกลืนกินลมหายใจของเขาเพื่อต่ออายุเจ้า” “ท่านป้า ท่านช่วยอธิบายให้นกน้อยอย่างข้าเข้าใจง่ายๆ ด้วยเถิดเจ้าค่ะ” นางเบ้ปากทำหน้าอยากร้องไห้เต็มที “คุณหนูของข้าอยู่ที่ไหน ข้าจะไปตามหาคุณหนู” “เจ้าไปหาคุณหนูตอนนี้ไม่ได้” “คุณหนูรอข้าอยู่ใช่ไหมเจ้าคะ” “หลันหลัน จำไว้ เจ้าอยู่ได้แค่สี่สิบเก้าวัน และต้องกลืนกินลมหายใจของผู้มีพระคุณของเจ้า เจ้าจึงยังอยู่บนโลกนี้ได้” มือหยาบกร้านปล่อยศีรษะนางแล้วค่อยๆ หมุนตัวเดินจากไป “ท่านป้า ท่านจะไปไหน” หลัน

    Last Updated : 2024-12-04
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter8. บอกข้า

    “ช่างเถอะ” เขาโบกมือไปมา “บอกข้า คุณหนูกงของเจ้าเล่าเรื่องใดเกี่ยวกับข้าบ้าง” หลันหลันฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาวบนฟากฟ้า “คุณหนูเล่าเรื่องซือจื่อทุกเรื่อง ท่านเป็นสหายร่วมอาจารย์กับคุณชายกงอี้เทาและท่านจางซงหยวน ทุกครั้งที่ท่านจางลอบมาพบคุณหนู มักนำเรื่องราวของซือจื่อมาเล่าให้คุณหนูฟังเสมอ” เซียวเหรินยกมือขึ้นนวดขมับ เจ้าสองคนนั้นปากเปราะยังไม่พอ นี่กงเสวี่ยหลิงยังเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาให้สาวใช้ฟังด้วยหรือ? “มีเรื่องอะไรบ้าง” “ซือจื่อเป็นคนโมโหร้ายแต่ไม่แสดงออก” นางพูดด้วยรอยยิ้ม “ซือจื่อทำตัวเป็นสัตว์กินพืชทั้งที่ชอบกินเนื้อ ซือจื่อเก่งกล้าสามารถแต่ไม่อวดตัว ซือจื่อชอบศึกษากลยุทธ์การทำศึกแต่ไม่ชอบสงคราม ซือจื่อไม่ชอบอากาศเย็นและไม่ชอบกินถั่วแดง ซือจื่อ...” “พอแล้ว” มีแต่เรื่องไร้สาระทั้งนั้น เขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้กับสาวใช้ของกงเสวี่ยหลิงดี นางไร้เดียงสาเกินไป นอกจากใบหน้างดงามอ่อนหวานและเรือนร่างบอบบางนี้ นางเป็นสาวใช้ที่ไม่น่าจะเอาตัวรอดในวังหลวงอันโหดเหี้ยมได้เลย หรือเพราะกงเ

    Last Updated : 2024-12-04
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter9. ไม่อยากร้องไห้

    ติงชุ่ยได้แต่บอกตัวเองให้ซ่อมชุดเก่าของตนมาให้เจ้านกน้อยใส่อีกสักชุด ดูท่านางจะตัวเล็กกว่ามาก ขนาดแขนเสื้อยังยาวเลยข้อมือออกมามาก เซียวเหรินผลักบานประตูห้องออกมา เขากวาดตามองแต่ไม่เห็นร่างของหญิงสาวตัวเล็ก นางจะอยู่หรือไปไหนทำสิ่งใดมิใช่เรื่องของเขาเลยสักนิด แต่ก็อดมองหาไม่ได้ เขาเม้มปากครุ่นคิดด้วยความเคยชิน ใคร่ครวญว่าควรถามหลัววั่งกับติงชุ่ยที่กำลังรับมือกับคนป่วยที่ทยอยเข้ามาให้เขาตรวจโรคดีหรือไม่ หางตาของเขาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ด้วยบุคลิกลักษณะแล้วมิใช่ชาวบ้านทั่วไป กลิ่นไอสังหารเข้ามาก่อนจะมาถึงตัวเขาเสียอีก “ข้ามาพบท่านหมอเซียวเหริน” ติงชุ่ยกระโดดหลบไปอยู่ด้านหลังหลัววั่งทันทีที่เห็นชายฉกรรจ์ท่าทางดุดัน หลัววั่งเองแม้ตัวใหญ่แต่ไร้วรยุทธ์ เขาทำได้เพียงยืดแผ่นอกเตรียมปกป้องคนที่ถูกถามถึง แต่เซียวเหรินรู้ดีว่าคนกลุ่มนี้ไม่ใช่คนที่หลัววั่งจะล่วงเกินได้ เขาจึงก้าวออกมาด้านหน้าแม้ไม่ขยับปากเอ่ยอะไร แต่คนกลุ่มนั้นก็เข้าใจได้อย่างดี “มีธุระอันใด” “มีคนป่วย ต้องการให้ท่านไปรักษา” “ข้าไม่ออกไปรักษาผู้ใด” เซีย

    Last Updated : 2024-12-04
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter10.เจ้าตายไปแล้ว

    ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยาม เซียวเหรินก็ถูกเชิญลงจากรถม้า นับว่ายังเป็นการให้เกียรติตามสมควร ไม่ถึงกับฉุดกระชากมารักษาคน บรรดาคหบดีน้อยใหญ่มักมีคฤหาสน์สำหรับพักผ่อนอยู่ชานเมือง นอกจากพักผ่อนหย่อนใจเพื่อหาความสำราญแล้ว บางครั้งก็เป็นสถานที่ไว้หลบซ่อนยามมีภัยในเมืองหลวง เสนาบดีกรมพระคลังนามหลี่จุ้นโป๋ขึ้นชื่อว่าเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ และยังเป็นพระญาติของฮองเฮา สกุลหลี่จึงทำสิ่งใดมิใคร่เห็นหัวผู้ใดนัก เสนาบดีหลี่จุ้นโป๋อายุหกสิบแล้วแต่ยังมีข่าวคาวน่ารังเกียจอยู่เสมอ แม้เป็นหญิงชาวบ้านหรือภรรยาผู้อื่น หากถูกตาต้องใจหลี่จุ้นโป๋แล้วไม่หลุดรอดเงื้อมมือไปได้ แต่เพราะเป็นคนสกุลหลี่จึงไม่มีใครกล้าแตะต้องหรือร้องเรียน เซียวเหรินเดินตามชายฉกรรจ์ที่เขาคาดเดาว่าเป็นผู้อารักขาของเสนาบดีหลี่ ภายในคฤหาสน์ตบแต่งหรูหรา เครื่องเรือนล้วนเป็นของอย่างดีราคาสูง ภาพประดับจากจิตรกรที่มีชื่อเสียง ชายหนุ่มเพียงกลอกตามองมิได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมา แม้ได้ยินเสียงก่นว่าด่าทอดังมาก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดออก ผู้อารักขาลอบถอนหายใจบางเบาก่อนส่งเสียงให้คนด้านในรับทราบ “ท่านหม

    Last Updated : 2024-12-04
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter11. เหตุใดนางจึงเป็นเช่นนี้ 

    ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ใช่ว่าไม่เคยพบคนเสียสติมาก่อน แต่ละคนล้วนมีเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจอย่างหนักหน่วง การรักษาต้องบำรุงทั้งร่างกายและบำบัดทางจิตใจ เห็นรอยบอบช้ำทั้งใหม่เก่าตามผิวกาย เขาเชื่อว่านางต้องประสบเรื่องเลวร้ายมามาก คนที่นางติดตามเป็นถึงองค์หญิงแต่อยู่ในฐานะตัวประกันของแคว้น ฐานะความเป็นอยู่ไม่ดีนัก จักรพรรดิหมกมุ่นมัวเมาในกิเลสตัณหา ขุนนางฉ้อฉล ราษฎรอยู่อย่างยากลำบากเซียวเหรินรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวนอกห้อง ความโกลาหลเกิดขึ้น เขาไม่ได้สนใจเสนาบดีหลี่นัก เพียงแค่อยากรู้ว่าสิ่งที่ ‘หลันหลัน’ เล่าเป็นความจริงมากน้อยเพียงใด จากบาดแผลที่เขาเห็นบนร่างของเสนาบดีหลี่นั้นตรงกับที่หลันหลันบอกเล่า เขาสูดลมหายใจลึกข่มโทสะ แม้ตัวเขาไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกับกงเสวี่ยหลิง แต่กงอี้เทาเป็นสหายรักที่มักบอกเล่าเรื่องราวของน้องสาวที่ยอมเสียสละตัวเองเป็นตัวประกันของแคว้น นางถูกวางตัวเป็นหมากตัวหนึ่ง พยายามอย่างสุดกำลังเพื่อให้โดดเด่นกว่ากงอี้เทา โคลงกลอนล้วนถนัด วาดภาพเขียนอักษรทำได้ยอดเยี่ยม กงอี้เทาผู้เป็นพี่ต้องข่มกลั้นแสร้งทำเป็นคนป่วยกระเสาะกระแสะเพื่อเคี่ยวกรำตนเป็นผู้นำปลดแอกจากฮ่องเต้ทรรา

    Last Updated : 2024-12-07
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter12. ก็ข้าเป็นนก!

    “เขาเป็นคนของข้า” เซียวเหรินพูดสั้นๆ ไม่ได้สนใจสีหน้าประหลาดใจของหลัววั่งและติงชุ่ย เขาปล่อยข้อมือของหลันหลันแล้วโน้มหน้าลงจ้องมองใบหน้าอ่อนหวานของหญิงสาว “เจ้าไปทำอะไรที่นั่น”“พวกเขาบอกว่าจะไปแก้แค้น...ข้าเลยติดตามไปด้วย”“เจ้ามีความสามารถอะไรถึงได้กล้าติดตามพวกเขาไป” ช่างโง่นัก! นางจะดวงดีได้สักกี่ครั้ง!“มีซิ” นางยืนอวดด้วยความภูมิใจ “ข้ารู้จักใช้ก้อนหิน”“ก้อนหิน?” ติงชุ่ย กับหลัววั่งพูดพร้อมกัน ทั้งสองยังไม่รู้ว่ามีเรื่องใดเกิดขึ้นจึงงุนงงกับคำพูดของ หลันหลัน เซียวเหรินขมวดคิ้ว “เหตุใดเจ้ารู้จักใช้ก้อนหิน”“ก็ข้าเป็นนก!” นางยิ้มกว้างภูมิใจกับคำตอบของตนเอง “ข้าเคยเห็นผู้อื่นทำเช่นนี้มาก่อน” เซียวเหรินลอบถอนหายใจ การใช้วิธีสังหารเช่นนี้ เป็นวิธีของพวกมือสังหาร สถานที่ที่นางเคยอยู่ช่างอันตรายเสียจริง ไม่รู้ว่ากงเสวี่ยหลิงต้องประสบพบเจอเรื่องเลวร้ายใดมาบ้าง จึงจดจำวิธีทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้“นายท่าน” จูเต๋ออี้เรียกเบาๆ เป็นเชิงเรียกสติของผู้เป็นนาย เซียวเหรินเพียงแค่ถอนหายใจหนักหน่วงแล้วหันไปพูดกับหลัววั่งและติ่งชุ่ย“เจ้าทั้งสองรีบไปจากที่นี่ และจำไว้ว่าไม่รู้ไม่เห็นเรื่องใดทั้ง

    Last Updated : 2024-12-07
  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter13. ไม่ไหวแล้ว

    เซียวเหรินผงะไปเล็กน้อย ใบหน้างดงามยื่นมาประกบริมฝีปากของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว สองมือจับไหล่นางหมายจะผลักออก ทว่าไอเย็นที่ส่งผ่านเสื้อผ้าที่นางสวมทำให้เขาชะงัก และกลายเป็นนั่งนิ่งให้นางประกบริมฝีปากเช่นนั้น มือใหญ่นั้นค่อยๆ เลื่อนลงมาจับที่ข้อมือของนาง ไม่สนใจว่าจะเหมาะสมหรือไม่ เขาเลื่อนปลายแขนเสื้อของนางขึ้นเพื่อสัมผัสผิวกายของนาง เพียงเวลาครู่เดียวร่างกายของนางอุ่นขึ้น ชีพจรกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ดวงตาของเขาจับจ้องใบหน้าของนางเก็บทุกรายละเอียดแม้จะมีเพียงแสงสลัวจากจันทราที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย ทว่าสีหน้าอิ่มเอมของนางนั้นกลับปรากฏชัดเจน เมื่อรู้สึกว่าร่างกายกลับฟื้นเป็นปกติแล้ว หญิงสาวก็ผละจากริมฝีปากบางแล้วยกมือทาบที่หน้าอกด้านซ้าย คล้ายสำรวจว่าหัวใจของตนยังเต้นดีอยู่ หญิงสาวลืมตาขึ้นแล้วดีดตัวลงจากเตียงของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว“ขอบคุณซือจื่อ!”เซียวเหรินเห็นท่าทางสดใสไม่ใช่คนใกล้ตายของนางแล้วก็อดประหลาดใจไม่ได้ รีบยื่นมือไปคว้าข้อมือของนางพลิกจับชีพจรอีกครั้ง น่าประหลาดนักที่ชีพจรของนางกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง นี่นางต้องกลืนกินลมหายใจของเขาจริงๆ งั้นหรือหา

    Last Updated : 2024-12-07

Latest chapter

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 53.จบ

    ชีวิตสี่ปีของหลันหลันเป็นเช่นนี้เรื่อยมา หลัววั่งรู้สึกว่ามีคนเข้ามา จึงเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใครเขาก็ส่งยิ้มกว้างแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ “ท่านรีบกลับเถิด ที่นี่ข้าจัดการเองได้” “ไยรีบไล่ข้าไปเล่า หรือเจ้านัดผู้ใดไว้” หญิงสาวได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยจึงเงยหน้าขึ้น บุรุษร่างสูงโปร่งสวมอาภรณ์สีเขียวใบไผ่ใบหน้าอ่อนล้าแต่ยังมีรอยยิ้มอ่อนโยน“ท่านมาแล้ว”เซียวเหรินส่งยิ้มให้นาง แม้เหนื่อยล้าจากการเร่งรีบเดินทางมา ทว่าเพียงได้เห็นรอยยิ้มนาง ความเหน็ดเหนื่อยเหล่านั้นพลันมลายหายไปสิ้น“เหตุใดกลับเร็วนักเล่า” หลันหลันอดเป็นห่วงไม่ได้ “ตามจริงต้องอีกสิบวันท่านจะกลับไม่ใช่หรือ? เดินทางไปตรวจดูการซ่อมแซมเขื่อนเป็นอย่างไรบ้าง ”“เจ้าไม่อยากเห็นหน้าสามีหรือไร”เขาทำเสียงไม่พอใจแต่เดินไปนั่งใกล้ๆ แล้วจับชีพจรให้นาง และไม่พูดเรื่องงานกับนาง จะว่าไป ก็ไม่มีมีเรื่องใดในชีวิตของเขาที่หลุดรอดสายตาของนาง เช่นเดียวกับที่เขารู้ว่าในแต่ละวันนางทำอะไร นางมีคนคอยส่งข่าว ส่งเขาให้จูเต๋ออี้วางองครักษ์ลับไว้โดบรอบ “พิษในตัวข้ายังต้องใช้เ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 52.ไม่มีอะไรให้ลังเลและกังวลอีกแล้ว

    “คิดสิ” นางหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะของนางทำให้กงอี้เทาปล่อยนางจากวงแขน เขาคิดว่านางจะเปลี่ยนใจจึงยอมคลายมือจากข้อมือนาง ทำให้นางส่งยาเม็ดนั้นส่งเข้าปากแล้วกลืนลงคอทันทีท่ามกลางดวงตาที่เบิกกว้างของกงอี้เทา “เจ้า!” “ข้าไม่เสียใจ” นางยิ้มแล้วยกมือลูบใบหน้าของกงอี้เทา “บอกจางซงหยวนให้ดูแลกงเสวี่ยหลิงให้ดี” “หลันโหยว!” “ข้าอยากขอร้องเจ้าครั้งสุดท้าย” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาลง “ได้ข้ารับปากเจ้า ข้ารับปากเจ้าทุกเรื่อง” กงอี้เทาประคองร่างที่อ่อนยวบลงในวงแขน มือของเขาสั่นเทาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าของหญิงสาวมีรอยยิ้ม แต่ดวงตาของนางปิดลง ชีพจรเต้นช้าลง ร่างกายเริ่มเย็นเยียบขึ้นมาที่ละน้อย นางวางมือไว้บนหน้าอก บริเวณหัวใจของตนเองที่เต้นแผ่วเบาลงไปทุกที ทุกที ทุกที ไม่มีอะไรให้นางลังเลและกังวลอีกแล้ว..จูเต๋ออี้เดินเข้ามาอย่างเงียบเฉียบ ภาพที่เห็นจนเริ่มชินตาคือเจ้าของร่างสูงสง่านั่งเหยียดแผ่นหลังตั้งตรง แววตามุ่งมั่นและมือตวัดพู่กันแก้ไขปัญหาน้อยใหญ่ที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทิ้งปัญหาไว้มากมายเหลือคณานับ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 51. เจ้านกตะกละ

    “เจ้านกตะกละ!” เขาดุนางพลางแหวนหน้าคำรามเสียงพร่า ถูกนางรุกเร้าจนแท่งหยกไถลลื่นเข้าไปจนสุด นางหวีดร้องเบาๆ โผเข้ากอดเขา ปลายเล็บจิกที่แผ่นหลังไม่เคยรู้เลยว่าบุรุษผู้นี้จะมีซ่อนสิ่งใหญ่โตไว้ถึงเพียงนี้ ความเสียวซ่านแผ่นกระจายไปทั่วร่าง จนถึงปลายนิ้วเท้าที่เกร็งแทบเป็นตะคริว นางครวญเสียงกระเส่า ยามเมื่อเขาขยับสะโพกถอนแก่นกายออกช้าๆ แล้วกดกลับเข้ามาใหม่ นางได้แต่หวีดร้องส่งเสียงครางแทบขาดใจ เหงื่อร้อนหลั่งออกมาจนหยดบนกายของนาง ความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นในคราวแรกหายไปสิ้น ทุกการเติมเต็มของเขาทำให้ร่างกายที่เคยเยียบเย็นร้อนระอุ เหงื่อร้อนผุดขึ้นทุกรูขุมขน ร่างกายนางทวีความร้อนและเปียกชื้น รวมทั้งที่ใจกลางของดอกไม้สาวที่รองรับการเคลื่อนไหวของผีเสื้อหนุ่มช่างแนบแน่น ลึกล้ำและซ่านเสียว“ข้า...” นางไม่รู้ว่าตนเองจะพูดอะไร เขาป้อนความสุขสมที่นางไม่เคยรู้จัก ทำให้นางอิ่มเอมครั้งแล้วครั้งเล่า และหิวโหยต้องการไม่สิ้นสุด ไม่ว่าท่วงท่าใดที่เขานำพา ล้วนทำให้นางปรารถนาในตัวเขามากขึ้น มากขึ้น“เซียวเหริน!”ดวงตาของเซียวเหรินราวลูกไฟ ไฟปรารถนาเผาไหม้หัวใจทำให้เคลื่อนไหวร่างกายเร็วขึ้น ถาโถมและโหมกระหน

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 50.ใช้หัวใจฟังเสียวหัวใจสิ

    “เจ้าอยู่ที่นี่ให้ข้าถอนพิษให้เจ้าเถิด” “ข้าจะอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรได้” นางส่ายหน้าไปมาบนอกเสื้อของเขา นางจงใจทำร้ายองค์ชายหงก่วงต่อหน้าผู้อื่นหากนางยืนข้างกายเขา คนภายใต้การปกครองย่อมมองเขาไม่ดีเป็นแน่ ขณะที่สมองและหัวใจตีกันยุ่งเหยิง ปลายคางของนางถูกช้อนขึ้น ตามด้วยริมฝีปากหยักสวยทาบทับ นางคิดจะถอยหลังหลบหนีแต่เรียวลิ้นร้อนไล่ต้อนจนนางไม่อาจตั้งสติคิดสิ่งใดได้ ถูกจุมพิตของเขาทำให้สับสนจนเกือบขาดอากาศหายใจเขาจึงยอมละริมฝีปากจากนาง “ใจร้าย!” นางทุบแผ่นอกแกร่งของเขา “ข้าต้องการเวลาคิด”“เรื่องแบบนี้ต้องคิดอะไรนานนัก” เขาโน้นหน้าลงจุมพิตดวงตาของนางที่ยังมีหยาดน้ำตาวาวใส “ใช้หัวใจฟังเสียงหัวใจสิ”‘ใช้หัวใจฟังเสียงหัวใจสิ’เป็นอีกครั้งที่นางได้ยินประโยคนี้ ดวงตาของนางเหม่อลอยไปชั่วขณะ และในจังหวะเดียวกัน เซียวเหรินตัดสินใจทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ ช้อนร่างนุ่มนิ่มไว้แนบอกพานางกลับมาที่ห้องนอนของตนเอง การกักขังนกตัวหนึ่งไว้นั้น อาจไม่ใช่กรงขังที่แน่นหนาแต่เป็นความรู้สึกปรารถนาที่มีต่อนางจูเต๋ออี้เห็นผู้เป็นนายกลับมาพร้อมกับอุ้มหญิงสาวที่ซุกอยู่ในอกจนแทบมองไม่เห็นใบ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 49.คิดถึง

    “งานเหล่านี้แท้จริงเป็นของเจ้า ยามนี้ลุงแค่ช่วยจัดการให้ไปก่อน” เขาพูดอย่างใจเย็น บ้านเมืองต้องพลิกฟื้นเป็นการใหญ่ กว่าจะเข้ารูปเข้ารอยคงใช้เวลาอีกสามถึงสี่เป็นอย่างน้อย เขาก้มมองเห็นเด็กน้อยทำหน้านิ่วก็หัวเราะเบาๆ “เจ้าต้องหมั่นเรียนรู้ เข้าใจหรือไม่” “หลานทราบแล้ว เสด็จลุง” “ดี” เขาพูดแล้วขยับปลายนิ้วเรียกจูเต๋ออี้ องครักษ์ข้างกายที่ทำหน้าที่รับใช้มายาวนานถอยออกไป ครู่หนึ่งจึงเดินกลับเข้ามาพร้อมขนม เด็กน้อยทำตาโตแล้วยื่นมือไปรับขนมจากเซียวเหริน “ข้าให้ในครัวปรุงให้เจ้าเป็นพิเศษ ในนี้มีส่วนผสมของสมุนไพรบำรุงร่างกาย เจ้าจะได้แข็งแรงเติบใหญ่เร็วไว” “ขอบพระทัยเสด็จลุง” “ไปเถอะ” “อื้ม!” เด็กน้อยปีนลงจากตัก ขันทีผู้หนึ่งเข้ามารับ เขามองเด็กน้อยที่ชะตาชีวิตลิขิตให้นั่งบัลลังก์มังกร ได้แต่หวังว่าตัวเองจะขัดเกลาเด็กคนนี้ให้เป็นฮ่องเต้ที่ดี คงมีเพียงการทำเช่นนี้ที่ลดทอนความรู้สึกผิดที่เคยให้คำสัตย์สาบานไว้ แม้ว่าชื่อของเขาจะเคยเป็นรัชทายาทก็ตาม เซียวเหรินก้มหน้าอ่านฏีกา หยิบพู่กันขึ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 48. เหตุใดถึงเจ็บถึงเพียงนี้

    “ข้า...” หลันหลันอ้ำอึ้ง ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องไปจากที่นี่ ไม่ใช่หรอก นางมิได้อาลัยสถานที่แห่งนี้ มีเพียงความรู้สึกที่ต้องจากไกลเซียว เหรินต่างหากที่ทำให้นางปวดใจมือเรียวเล็กยกขึ้นอกที่หน้าอกซ้าย บริเวณที่ถูกเซียวเหรินซัดฝ่ามือเข้าใส่ ความเจ็บปวดระลอกหนึ่งราวเข็มแหลมเล็กนับร้อยนับพันทิ่มแทงหัวใจเจ็บ?เหตุใดถึงเจ็บถึงเพียงนี้“หลันหลัน” อู๋หมินลี่เห็นใบหน้าหลันหลันซีดเซียวไร้สีเลือดก็ตื่นตระหนก “เจ้าเจ็บรึ ให้ข้าตามหมอดีหรือไม่”หลันหลันส่ายหน้าไปมา ครู่หนึ่งนางสูดลมหายใจลึกสะกดความเจ็บปวดทั้งหมดแล้วฝืนยิ้มให้อู๋หมินลี่ พลันเสียงของท่านป้าต๋าฝูดังแว่วเข้ามาในหัวน้อยๆ ของนาง‘มีเวลาเพียงสี่สิบเก้าวัน’จากบันทึกของเซียวเหริน นางเหลือเวลาอีกแค่สามวันแต่ถ้านางลองให้กงอี้เทาถอนมนตร์สะกดจิต บางทีนางอาจมีชีวิตได้ยาวนานกว่านี้ แต่ชีวิตของอูหลันโหยว ไม่อาจอยู่ที่แคว้นเฉียน เหลียงได้“หลันหลัน” อู๋หมิ่นลี่บีบมือเย็นเฉียบของหลันหลัน “ข้าพาเจ้ากลับที่พักดีกว่า” “ให้ข้าประคองนางเองเจ้าค่ะ” ไป๋ชิวเข้ามาช่วยประคองหลันหลันเพื่อเดินกลับที่พัก อู๋ซิงว่านผ่านมาพอดีเห็นไป๋ชิวประคองหลันหลันอยู

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 47.ให้นางตัดสินใจเอง

    นางมุดอยู่ใต้ผ้าห่มแต่หูได้ยินเสียงพวกเขาตกลงต่อรองกัน สุดท้ายกงอี้เทาได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วงแล้วก้าวออกไป นางคิดว่าในห้องไม่มีใครแล้วจึงโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม แต่กลับพบสายตาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว “ระหว่างนี้เจ้าพักอยู่ที่นี่ไปก่อน ข้าจะเป็นฝ่ายหาเวลามาพบเจ้าเอง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งเช่นที่เคยเป็น “เข้าใจหรือไม่” นางพยักหน้าขึ้นลงเร็วๆ แทนคำตอบ เซียวเหรินไม่เอ่ยอะไรอีก หมุนตัวแล้วเดินออกไปเงียบๆ จนนางมั่นใจว่าครั้งนี้ไม่มีผู้อื่นแล้วจริงๆ จึงยอมลุกขึ้นจากที่นอนอีกครั้ง ‘ให้นางตัดสินใจเอง’ นางคิดมากจนตาลายเดือดร้อนบ่าวรับใช้ที่เฝ้าดูอาการเข้าใจผิดคิดว่าอาการของนางทรุดลง อู๋ซิงว่านรีบเข้ามาดูอาการของนาง พอรู้ว่านางหิวโหยจนหน้ามืดก็แหงนหน้าหัวเราะไม่เกรงใจคนป่วยอย่างนาง สั่งการให้บ่าวไพรยกสำรับอาหารมาให้ หลังจากถูกบิดาเรียกไปอบรม เขารู้ว่าควรทำใจเรื่องหลันหลัน อาจเพราะนางเป็นคนให้กำลังใจจนเขาสามารถใช้แขนขวาได้อีกครั้ง แต่พอรู้ว่านางอาการทรุดลงก็รีบมาดูทันที ใครจะรู้ว่านางแค่หิว ไม่สิ นางหิวมากจนจะเป็นลม ระ

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 46.ผลของการกระทำ

    “คุณหนู” ไป๋ชิวร้อนรน แต่หมอที่เก่งที่สุดกำลังดูแลสตรีอื่นจนทำให้คุณหนูของนางเป็นเช่นนี้ “ข้าไม่เป็นอะไร” นางพยายามสูดลมหายใจลึก แม้รู้อยู่แก่ใจว่าเซียวเหรินมองนางด้วยสายตาเช่นไร แต่นางก็ยังหวัง หวังว่าจะมีสักวันที่เขาจะรับรู้ความรู้สึกของนาง เปิดใจให้นางบ้าง “ไป๋ชิว พาคุณหนูใหญ่ไปพักผ่อนก่อน” อู๋ซั่วไต้เอ่ยขึ้นแล้วมองบุตรสาวด้วยความเห็นใจต่อให้ไม่มีสตรีผู้นั้นเข้ามา หรือแม้กระทั่งเขาจะใช้คนของหมู่ตึกนกยูงทองช่วยชีวิตคนสกุลเซียวเอาไว้ เขาย่อมรู้ดีว่าเรื่องเหล่านี้จะเอามาเป็นบุญคุณเพื่อให้เซียวเหรินแต่งงานกับอู๋หมิ่นลี่ได้ แต่ด้วยฐานะที่แท้จริงของเซียวเหริน อู๋ซั่วไต้รู้ดีว่า บุตรสาวของเขาไม่สามารถเคียงข้างชายผู้นั้นได้ ไม่สิ จะเรียกเซียวเหรินเช่นแต่ก่อนได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้เป็นถึง... “ท่านพ่อ” อู๋หมิ่นลี่กลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอ “ท่านรู้อยู่แล้วว่าท่านเซียวเป็นใคร จึงพยายามเตือนลูกใช่ไหมเจ้าคะ” “ลี่เอ๋อร์ เจ้าหักห้ามใจตัวเองเสียเถิด ยังมีบุรุษดีๆ อีกมากมาย พ่อจะคัดเลือกคนที่ดีและเหมาะสมกับเจ้าเอง” “แต่ว่า.

  • ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก   Chapter 45.เสียงเรียกที่แฝงอำนาจ

    “ลูกข้าเป็นอะไร” ไทเฮาถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “รักษาเขาสิ!” เซียวเหรินถึงกับนิ่งงันด้วยอับจนถ้อยคำ แต่ฮ่องเต้หงฉานหัวเราะเสียงปร่าแล้วโบกมือไปมา “มันใหญ่มากใช่ไหมละ” เขาหัวเราะขืนๆ “อะไรกัน” ไทเฮาหันมาถามอย่างงุนงง แต่เซียวเหรินไม่กล้าพูดออกมา “มันคือฝี” ฮ่องเต้ที่กำลังจะกลายเป็นเพียงอดีตฮ่องเต้พูดขึ้นแล้วกดไปที่ท้องของตัวเอง “กระจายไปทั่วท้องแล้ว” “ไม่จริง... เหตุใดเป็นเช่นนี้” “เป็นมาเนิ่นนานแล้ว หมอหลวงรักษาไม่ได้ ลูกจึง...ไม่ใส่ใจกับมันอีก” ไทเฮาหันมาเขย่าแขนของเซียวเหริน “เจ้าได้ชื่อว่าเป็นหมอเทวดา ต้องรักษาได้!” “ถ้าได้รับการรักษาก่อนหน้านี้คงจะ...” “ช่างมันเถอะ” ฮ่องเต้หงฉานโบกมือไปมาจ้องมองใบหน้าของเซียวเหริน “เรารู้ ถึงได้ปล่อยให้มันเป็นเช่นนี้” “เจ้า! ทำไมโง่เช่นนี้” “เสด็จแม่” ฮ่องเต้พูดอย่างอ่อนแรง “ท่านเองก็รู้ว่า เสด็จพ่อยกบัลลังก์นี้ให้ใครตั้งแต่แรก” “หุบปากเสีย!” “เสด็จแม่...แท้จริงแล้วบัลลังก์นี้เป็น

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status