เธอ…คือแม่หม้ายป้ายแดง ส่วนเขา…คือหนุ่มหล่อผู้หลงรักแม่หม้าย เธอใจแข็งเป็นหิน ส่วนเขาก็ตื้อเท่านั้นที่จะครองโลก -------------------------------------- ณาณีมเปิดและส่งรูปของราฮีมที่เธอแอบถ่ายชายหนุ่มไว้ไปให้ทั้งสองได้ดูผ่านไลน์ ณิการ์และธัญมณกรี๊ดกร๊าดเป็นการใหญ่ เพราะราฮีมหล่อและดูดีกว่าที่คิดไว้มาก “แกจะปิดกั้นตัวเองทำไมยะ ในเมื่อมีผู้ชายดีๆ เดินเข้ามา แกก็รับเขาไว้พิจารณาสิ” ณิการ์ที่ได้ฟังเรื่องราวทุกอย่างเอ่ยขึ้น “แต่ฉันไม่อยากวนกลับไปใช้ชีวิตแต่งงานอีกนี่แก” แม้จะอยากเปิดใจให้ราฮีม แต่สิ่งที่ณาณีมกลัวคือการแต่งงาน การต้องใช้ชีวิตด้วยกันทั้งวันทั้งคืน “ก็อยู่กันไปแบบนี้ ไม่ต้องแต่ง” “ก็คิดว่าจะไม่แต่ง แต่ฉันกับเขาก็ต้องมีเซ็กซ์กัน ฉันจะทำได้เหรอ ในเมื่อสิบสามปีที่ผ่านมาของฉัน มีแค่พี่แดนคนเดียว” นี่คืออีกเรื่องที่ณาณีมกังวล “ของใหม่ๆ คนใหม่ มันอาจทำให้อารมณ์แกซู่ซ่าก็ได้ ชีวิตเป็นของแก แล้วตอนนี้แกก็โสดแล้ว”
ดูเพิ่มเติม“ขอบใจแกสองคนมากนะ ที่คอยช่วยเหลือฉันทุกอย่าง” ณิการ์หันไปมองณาณีมกับธัญมณที่ต้องเหนื่อยแทนเธอตั้งหลายเรื่อง โดยเฉพาะณาณีม“เล็กน้อยน่ะ” ธัญมณยิ้มให้“พรุ่งนี้สามีฉันก็บินกลับมาแล้ว โล่งอกไปหน่อย”“สู้ๆ คุณแม่” ณาณีมยิ้มให้คนบนเตียงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนด้วยอีกคน“อื้อ…สู้อยู่แล้ว เป็นแม่คนต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย แต่แค่ผ่าไส้ติ่งทำไมมันเจ็บงี้ก็ไม่รู้” เพิ่งบอกให้อดทนไปหยกๆ แต่อยู่ๆ หน้าณิการ์ก็ยู่ยี่ เพราะยังรู้สึกเจ็บจี๊ดที่แผลผ่าตัด“เอาน่ะ เจ็บแค่นี้เล็กน้อย มันสู้ตอนแกเบ่งคลอดน้องภูมิไม่ได้ด้วยซ้ำ จริงไหม” ณิการ์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของณาณีม“จริง เพราะงั้นฉันเลยขอมีลูกแค่คนเดียวนี่ไง เข็ดตอนเบ่งคลอด”“แกนี่” ณาณีมส่ายหน้าให้ณิการ์อีกที ก่อนที่ณิการ์จะเอ่ยกับลูกชาย ที่พอทำการบ้านเสร็จก็ตัวติดกับราฮีมทันทีเหมือนกัน“น้องภู
“เชิญค่ะ เพราะการเม้าท์มอยในที่ทำงานถือเป็นงานหลัก เอ้ย! ไม่สิ งานอดิเรกของใครหลายๆ คนอยู่แล้ว แต่ณาว่าพี่ณิอรกับมาตาคงไม่เป็นหรอก ใช่ไหมคะ”“ใช่จ้ะใช่” ณิอรเอ่ยรับก่อน“ใช่ค่ะ มาตากับพี่ณิอรไม่ใช่พวกขาเม้าท์แน่นอน เรื่องเม้าท์ไร้สาระทั้งนั้น” มาตาที่นั่งฟังมานานเอ่ยเสริมขึ้นบ้าง แต่แค่ได้ฟังก็คันปากยิกๆ“กินข้าวกันค่ะ เดี๋ยวเย็นแล้วมันจะไม่อร่อย” ณิอรและมาตาพยักหน้ารับกันหงึกหงักแล้วกินข้าวเที่ยงกันอย่างเงียบๆ ส่วนณาณีมนั้นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะรู้ว่าสองคนนี้คิดอะไรกันอยู่ ดีไม่ดีกลับเข้าไปทำงานในช่วงบ่าย เธออาจเป็นเซเลบที่มีแต่คนมอง ซึ่งณาณีมก็หาได้แคร์ไม่กระทั่งอิ่ม ณาณีมก็ขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงมื้อกลางวัน ณิอรและมาตาก็ไม่ได้คัดค้าน ดีซะอีก เพราะจะได้ประหยัดเงินค่ามื้อเที่ยงไปอีกหนึ่งมื้อ จากนั้นณาณีมก็ขอตัวกลับออกไปก่อน“ก่อนกินข้าว พี่ณิอรว่าพี่ณาแขวะเราไหมคะ” เมื่ออยู่กันสองคน มาตาก็เอ่ยขึ้น“
“เร็วไปนะคะ พูดถึงท่านปุ๊บก็จะชวนณาไปปั๊บ ใจร้อนเป็นวัยรุ่นไปได้” ณาณีมส่ายหน้าให้คนตัวโตกว่า ที่ตอนนี้เขาเอาแต่นั่งยิ้ม นั่นเพราะแม้รักครั้งนี้เขาจะให้ณาณีมเป็นคนออกแบบ แต่เส้นทางที่เธอเลือกมันก็ไม่ได้ต่างไปจากตัวตนในแบบที่ราฮีมอยากได้“ก็ผมอยากให้ครอบครัวได้เจอกับผู้หญิงคนที่ผมจะใช้ชีวิตด้วยหลังจากนี้ ผมจะได้บอกพ่อกับแม่ว่าวันนี้พระเจ้าได้ประทานผู้หญิงที่มีค่ามาให้ผมแล้ว”“เดี๋ยวณาก็ตัวลอยหรอก”“ผมพูดเรื่องจริง”“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจณา ขอบคุณ” นอกจากคำๆ นี้แล้ว ณาณีมก็ไม่รู้จะเอ่ยคำไหน ถึงแม้ก่อนหน้านี้เธอไม่คิดจะเปิดใจให้เขา แต่สุดท้ายก็แพ้ใจ“ถ้าไม่ให้ผมเข้าใจคนที่ผมรักแล้วจะให้ผมไปเข้าใจใครครับ…หืม” เพราะรักราฮีมจึงเข้าใจด้วยหัวใจ และไม่ต้องการเปลี่ยนตัวตนของณาณีม เขาต่างหากที่ต้องขอบคุณที่เธอเปิดใจให้ นั่นเพราะรู้ว่าความรักสำหรับคนอย่างณาณีมนั้นต่างจากทุกๆ คน“ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้คุณ
“รู้ไหมว่าลูกแกพูดอะไรกับฉันเมื่อวาน น้องภูมิบอกว่ารักแกมาก แกอยากให้เรียนพิเศษอะไร น้องภูมิก็เรียน เรียนเพื่อตามใจแก” ยังฟังไม่ทันจบประโยค ณิการ์ก็ปล่อยโฮออกมาอย่างยากจะกลั้นไว้ได้เธอสะอึกสะอื้นจนตัวโยน ที่ผ่านมาเธอคงเป็นแม่ที่เห็นแก่ตัวจริงๆ คิดเองเออเองในฐานะแม่ ว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับภูมิแผ่นดิน และเมื่อเห็นแม่ร้องไห้ เด็กชายก็เดินเข้ามาหาใกล้ๆ นั่นทำให้ณิการ์คว้าลูกชายมากอดอย่างรู้สึกผิด“แม่ขอโทษนะครับภูมิ แม่ขอโทษ”“คุณแม่ขอโทษน้องภูมิทำไมครับ” เด็กชายเอ่ยถามอย่างงุนงง นั่นเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้ใหญ่พูดนัก ที่สำคัญเมื่อครู่ยังถูกราฮีมจงใจเบี่ยงเบนความสนใจขณะที่ณาณีมคุยกับณิการ์ไปด้วย“วันหลังเราไปเล่นบ้านบอล ไปกินเฟรนช์ฟรายส์กันนะครับ”“จริงๆ นะฮะ” ภูมิแผ่นดินยิ้มกว้างทันที“จริงสิครับ ส่วนเรียนพิเศษ ต่อไปนี้แม่จะถามก่อนว่าน้องภูมิอยากเรียนไหม ถ้าไม่ชอบก็บอกแม่นะครับ”
และใช่ว่าณาณีมจะวาดภาพเหล่านั้นเพียงคนเดียว เพราะเวลาที่ราฮีมเล่นหยอกล้อกับภูมิแผ่นดิน เธอก็แอบคิดแวบๆ ว่าหากวันหนึ่งเธอมีลูกกับเขาขึ้นมา ภาพมันคงจะอบอุ่น น่ามองเหมือนกับตอนนี้ แต่นั่นก็คือเรื่องของอนาคต ที่อาจเกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้ เพราะสังคมสมัยนี้อันตรายรอบด้านจนเธอคิดที่จะไม่มีลูก จะได้ไม่ต้องมีห่วงให้ต้องทุกข์เมื่อใช้เวลาเล่นทดแทนเวลาเรียนพิเศษจนครบ ณาณีมและราฮีมก็พาภูมิแผ่นดินไปหาณิการ์ที่โรงพยาบาล แต่ระหว่างทางเด็กชายก็ผล็อยหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน เพราะวิ่งเล่นมานานหลายชั่วโมง ซึ่งราฮีมก็ใช้จังหวะนั้นเปิดคลิปที่เขาถ่ายไว้ให้ณาณีมดู“ตอนพาน้องภูมิลงสไลเดอร์หน้าณาตลกขนาดนี้เลยเหรอ” เห็นหน้าตัวเองแล้วณาณีมก็ขำ แต่สไลเดอร์ที่เล่นมันสูงจริงๆ นะ เล่นทีก็เสียวที“ตลกมาก ผมยังนั่งขำจนท้องแข็ง” ราฮีมหัวเราะออกมา ส่วนณาณีมนั้นก็เปิดดูคลิปที่ชายหนุ่มแอบถ่ายเอาไว้“ถ้าเพื่อนฉันเห็นคลิปพวกนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ เพราะฉันเองก็ห่วงน้องภูมิที่ถูกปุ้ยอัดสารพัดความรู้ที่คิดว่าจำเป็นใส่หัวตั้งแต่ตัวเท่านี้ ทั้งๆ
“ไม่จุ๊บหน่อยเหรอ” น้ำเสียงอ้อนๆ ของผู้ชายตัวโตเป็นยักษ์เอ่ยถาม มันช่างขัดกับภาพลักษณ์นักธุรกิจหนุ่มผู้ร้อนแรงของเขานัก“ไม่” น้ำเสียงตึงๆ ของณาณีมเอ่ยตอบ แต่ใบหน้าของเธอนั้นกลับแฝงรอยยิ้มไว้ตลอดเวลา“กอดก็ได้นะ”“ไม่กอด ก็วันนี้ณาโสด เรื่องอะไรจะทำตัวเหมือนคนมีแฟน”“งั้นพรุ่งนี้เจอกัน หึ…อย่าคิดว่าน้องภูมิอยู่ด้วยแล้วจะรอด” ราฮีมเอ่ยคาดโทษ นั่นทำให้ณาณีมรีบไล่ชายหนุ่มกลับห้องทันที“กลับห้องไปนอนได้แล้ว” เธอดุนหลังเขามาถึงประตู ร่ำลากันอยู่สองสามนาที ราฮีมจึงยอมกลับห้องของเขาณาณีมส่ายหน้าให้ชายหนุ่ม ก่อนจะกลับมาจัดการอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยๆ ก้าวขึ้นเตียงนอนอย่างระวัง เพราะกลัว ภูมิแผ่นดินที่กำลังหลับจะตื่น วันนี้ณาณีมเองก็เหนื่อยมาทั้งวัน จึงไม่แปลกที่พอหัวถึงหมอนได้ เธอก็หลับสนิทอย่างง่ายดาย 
“คุณแม่ไม่สบายเหรอฮะ” น้ำเสียงของภูมิแผ่นดินดูสลดลงไป เพราะห่วงผู้เป็นแม่“ค่ะ ตอนนี้น้ามณพาคุณแม่ไปโรงพยาบาลแล้ว ส่วนเราก็กำลังจะตามไป”“ฮะ” เด็กชายเอ่ยรับอย่างว่าง่าย ณาณีมจึงรีบพาภูมิแผ่นดินไปยังโรงพยาบาลทันที ซึ่งระหว่างนั้นธัญมณก็ได้โทรศัพท์มาหา โดยบอกว่าณิการ์ไส้ติ่งแตกกะทันหันต้องผ่าตัดด่วนณาณีมจึงเปลี่ยนแผนยังไม่พาภูมิแผ่นดินไปโรงพยาบาลตอนนี้ เพราะถ้าไปก็คงไปนั่งรอในพื้นที่ของโรงพยาบาลจนกว่าจะผ่าตัดเสร็จ ไม่น่าจะดีสักเท่าไหร่“น้องภูมิหิวไหมครับ”“หิวฮะ”“งั้นเราแวะหาอะไรกินกันก่อนดีไหม”“แต่ภูมิเป็นห่วงคุณแม่ อยากไปโรงพยาบาลเร็วๆ” คำตอบของเด็กชายทำให้ณาณีมยิ้มกว้าง รู้สึกอบอุ่นหัวใจแทนณิการ์ที่มีลูกน่ารักๆ แบบนี้“โธ่…ตัวก็เล็กแค่นี้ยังเป็นห่วงคุณแม่อีก แต่น้าณาว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้องนะ ถ้าหิวน้องภูมิจะเอาแรงที่ไหนไปดูแลคุณแม่ล่ะครับ&r
“ฉันดีใจนะที่แกยิ้มได้แบบนี้น่ะณา” ณิการ์เอ่ยขึ้น นั่นเพราะความรักครั้งนี้พลอยทำให้เพื่อนเธอสดใสเป็นกอง ซึ่งธัญมณเองก็เห็นด้วย“ฉันด้วย สีหน้าแกดูมีความสุขอ่ะ ฉันสัมผัสได้”“มันออกขนาดนั้นเลยเหรอ” ณาณีมจับหน้าตัวเอง เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าสีหน้าของเธอจะเป็นแบบที่ทั้งสองคนพูด“มาก...แววตาแกก็วิ้งๆ มีประกายจนฉันอิจฉา ไปหย่าผัวมั่งดีกว่า เผื่อได้ผู้ชายใหม่ ดุ้นใหญ่ๆ บ้าง” ธัญมณยิ้มกริ่ม นั่นทำเอาณิการ์ต้องรีบถาม“เอาจริงเหรอยะยัยมณ”“พูดปากดีไปงั้น เพราะเรื่องอะไรฉันจะหย่าให้ชายโฉดหญิงชั่วมันมีความสุข อยู่เป็นก้างมันอยู่แบบนี้นี่แหละ สะใจดี” ธัญมณนั้นแค้นฝังหุ่นสามีที่มีเมียน้อย เธอจะตายไปพร้อมทะเบียนสมรสนี่ล่ะ สะใจดี“สะใจดี แล้วแกมีความสุขไหม” คำถามของณาณีมทำให้ธัญมณนิ่งไป“มีสิ ถ้าไม่สุข ฉันจะยิ้มได้แบบนี้เหรอ” เอ่ยจบก็ฉีกยิ้มกว้างให้เพื่อนทั้งสองได้เห็น
ราฮีมทำแบบนี้กระทั่งเธอเดินทางกลับเมืองไทย เดี๋ยวก็รัก เดี๋ยวก็เฉยชายังกับคนไม่รู้จัก ผู้ชายนิ่งๆ แต่ลูกบ้านั้นพอตัว และเขาก็ตามใจเธอไปเสียทุกอย่างแบบนี้ ณาณีมไม่รักก็บ้าแล้ว“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่ยังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”“ผมรักคุณณาในแบบที่คุณณาเป็นนะ อยู่ไกลกันบ้าง ใกล้กันบ้าง มันทำให้เราคิดถึงกันและโหยหาเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกัน มันทำให้เรายิ่งรักกันและถนอมกันและกัน ผมเองก็ชอบที่ความรักของเราเป็นแบบนี้ รักกัน ไว้ใจกัน ไม่ต้องมีข้อแม้หรือข้อผูกมัดเหมือนคู่อื่นๆ”“เมื่อก่อนคุณราฮีมไปอยู่ส่วนไหนของโลกมา...หืม”“ทำไมครับ”“ก็ถ้าเราเจอกันเร็วกว่านี้คงดี คงได้ใช้เวลาด้วยกันมากกว่านี้” ณาณีมตอบอ้อมๆ แอ้มๆ แต่เธอก็ไม่เคยเสียดายเวลาที่ผ่านมา เพราะอดีตสามีอย่างดาวินก็ถือว่าเป็นหนึ่งในความทรงจำที่มีค่าของเธอเช่นกัน“ขืนอยู่ด้วยกันมากๆ เกิดวันดีคืนดีคุณณาทิ้งผมขึ้นมา จะทำไง”“ใครจะกล้าทิ้ง ไม่หรอก&rd
ของขวัญวันเกิด อายุครบยี่สิบสองปีของณาณีมปีนี้ช่างแสนพิเศษ เพราะแฟนหนุ่มที่คบหากันมาได้สี่ปี จัดเซอร์ไพรส์วันเกิดให้เธออย่างโรแมนติกจนใจนั้นเต้นแรงไปหมด ดาวินซื้อดอกไม้แสนสวยและลูกโป่งนับร้อยๆ ลูก มาประดับประดาในห้องภายในคอนโดมิเนียมของเขาเองจนดูเหมือนฉากในละครโรแมนติก ไหนจะโคมไฟสีรุ้ง ที่ระยิบระยับราวกับดาวบนท้องฟ้านั่นอีก เมื่อเจ้าของวันเกิดเดินผ่านประตูเข้ามา เขาก็ถือเค้กที่สั่งทำพิเศษออกมาเซอร์ไพรส์ เรียกทั้งรอยยิ้มและน้ำตาจากณาณีม เธอซึ้งและตื้นตันกับความรักที่ดาวินมีให้มาตลอดหลายปี“อธิษฐานก่อนค่อยเป่าเทียนนะครับ” “ค่ะ” ณาณีมเอ่ยรับ ก่อนจะประสานมือทั้งสองข้าง หลับตาแน่นจนมองเห็นแพขนตางอน อธิษฐานขอพรจากเค้กวันเกิด ที่ตอนนี้เทียนกำลังสว่างไสว จากนั้นก็เป่าเค้ก“สุขสันต์วันเกิดครับณา”“ขอบคุณค่ะพี่แดน” เอ่ยจบ ณาณีมก็เข้าไปสวมกอดดาวิน ขอบคุณสำหรับเซอร์ไพรส์ที่ชายหนุ่มเตรียมไว้ให้ นี่คือปีที่สี่ที่ได้ฉลองวันเกิดกับดาวิน และนี่คือปีที่สามที่เธอกับเขาคบหากันในฐานะแฟนความสัมพันธ์ของเธอกับดาวิน เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อน ตอนนั้นเธอเป็นนิสิตปีสอง และดาวินคือรุ่นพี่ปีสาม จากรุ่นน้อง
ความคิดเห็น