Share

บทที่ 5 คิดไม่ซื่อ

“งอนอะไรกันอยู่หรือเปล่า เธอถึงปลีกตัวมาไกลถึงเกาะช้างแบบนี้...หืม” พราวตะวันสันนิษฐาน ณาณีมยิ้มให้แล้วเอ่ยตอบ 

“ก็เปล่านี่”

“ชีวิตคู่ก็แบบนี้ล่ะเนอะ เหมือนลิ้นกับฟัน เดี๋ยวทะเลาะกัน เดี๋ยวก็ดีกันตามประสาสามีภรรยา” แทนที่จะหยุด พราวตะวันยังพูดต่อโดยไม่ได้สนใจคำตอบของณาณีมสักนิด 

“ก็แล้วแต่เธอจะคิดนะพราว ยังไงฉันขอตัวก่อนแล้วกัน” 

“เชิญจ้ะ” พราวตะวันหลีกทางให้ ณาณีมจึงเดินกลับเข้าห้องพักไป

“ท่าทางแบบนี้ ณาคงงอนสามีมาแน่ๆ ว่าไหมคะคุณราฮีม” 

“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับแค่นั้น ในใจของราฮีมตอนนี้มันโหวงๆ เหมือนคนกำลังอกหักอย่างบอกไม่ถูก พอเจอคนที่ถูกใจ เธอคนนั้นกลับมีเจ้าของเสียแล้ว แต่คบเป็นเพื่อนไว้ก็ดีไปอีกแบบ เกิดวันไหนณาณีมเลิกกับสามี เขาจะได้ขายขนมจีบเธอต่อ! 

 

ณาณีมตื่นแต่เช้าตรู่ จากนั้นก็ออกไปวิ่งรับอากาศสดชื่นๆ ของทะเลยามเช้า แต่ขากลับดั้นได้โจ๊กกับปาท่องโก๋ติดไม้ติดมือมาอีกต่างหาก 

เมื่อกลับมายังรีสอร์ทก็เทโจ๊กใส่ถ้วย หยิบปาท่องโก๋ใส่จานแล้วชงกาแฟดำอีกแก้ว จากนั้นก็ถืออาหารเช้าไปนั่งกินริมชายหาด พร้อมกับมองดูพระอาทิตย์ขึ้นไปด้วย

“กินไม่รอเจ้าหมาสีน้ำตาลตัวเมื่อวานเลยนะคุณ” เสียงที่ดังขึ้น ทำให้ณาณีมหันไปมอง จึงเห็นว่าเป็นราฮีม

“ไม่รอหรอก เดี๋ยวมันมาแย่งฉันกิน”

“นี่หิวถึงขนาดกินทั้งสามอย่างเลยเหรอครับ ไม่รอเบรคฟาสต์จากทางรีสอร์ทกันเลยทีเดียว” 

“เค้าเรียกกินรองท้อง” คำตอบของณาณีมทำเอาคนฟังเลิกคิ้วสูง 

“รองท้อง”

“อื้อ”

“แต่ผมว่าคุณกะกินเอาอิ่มแน่ๆ”

“เอ้า!” ณาณีมอุทานออกมา ราฮีมหัวเราะกับท่าทางของเธอที่ยังมีปาท่องโก๋อยู่ในปาก ก่อนจะขอนั่งด้วยคน

“เก้าอี้ตรงนี้ว่าง งั้นผมขอนั่งด้วยคนได้ไหม”

“เชิญค่ะ”

“ขอบคุณครับ” ราฮีมนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ ณาณีม ก่อนจะเดินมาหาเธอ เขาสั่งเบรคฟาสต์กับพนักงานของรีสอร์ทไปแล้ว นั่งคุยกับณาณีมได้ไม่นาน อาหารเช้าของเขาก็มาเสิร์ฟ

ทั้งสองคนคุยกันไป กินข้าวเช้าไป นั่งมองพระอาทิตย์ขึ้นไปด้วย น่าแปลกที่ราฮีมกลับสัมผัสความสุขได้ และนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดที่แอบชอบคนมีเจ้าของ

“คุณแต่งงานแล้วจริงๆ น่ะเหรอ”

“ค่ะ” ณาณีมเอ่ยรับ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมราฮีมต้องถามเธอเรื่องนี้ด้วย 

“แล้วทำไมถึงไม่ใส่แหวนแต่งงานล่ะครับ”

“อ้อ…พักนี้ฉันผอมลง แหวนมันเลยหลวมไปหน่อย ใส่แล้วหลุดอยู่เรื่อย ก็เลยเอาไปให้ช่างปรับขนาด ทำไมหรือคะ” คนข้างๆ โกหกแต่เช้าตรู่ 

“เปล่าครับ ผมแค่สงสัย”

“แล้วคุณมาจากไหน เพราะดูเหมือนคุณไม่ใช่คนไทย แต่กลับพูดไทยชัดกว่าคนไทยบางคนซะอีก” ณาณีมเอ่ยถามราฮีมบ้าง 

“ผมมาจากเมืองผู้ดีครับ และที่มานี่ก็เพราะจะมาลงทุนเปิดธุรกิจด้านโรงแรมกับคุณพราว ส่วนที่พูดไทยได้ชัดเพราะผมมีเพื่อนเป็นคนไทยอยู่หลายคน”

“งั้นฉันขอให้ธุรกิจของคุณกับพราวประสบความสำเร็จนะคะ”

“ขอบคุณครับ แล้วคุณณาจะกลับกรุงเทพฯ วันไหนครับ” 

“อีกสองสามวันค่ะ”

“นี่ครับนามบัตรผม เผื่อเราจะนัดเจอกันที่กรุงเทพฯ กินข้าวกันตามประสาเพื่อน” ราฮีมเอ่ยชัดเจน เพราะไม่อยากให้ณาณีมคิดมากว่าเขาจะคิดไม่ซื่อกับเธอ ทั้งๆ ที่เขานั้นคิดแบบนั้นจริงๆ 

“ค่ะ” ณาณีมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปรับนามบัตรของราฮีม อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่ได้ดูเลวร้าย คบหากันไปในฐานะเพื่อนก็คงไม่เป็นอะไร

แต่ดูเหมือนพราวตะวันจะไม่คิดแบบนั้น เพราะเธอหึงและไม่ชอบให้ณาณีมมายุ่งกับคนของเธอ แต่ถึงจะไม่ชอบใจมาก เธอก็แสดงออกนอกหน้านอกตาไม่ได้ นั่นเพราะราฮีมกับเธอยังไม่ได้เป็นอะไรกัน

“สองคนอยู่กันตรงนี้เอง ขอพราวนั่งกินข้าวเช้าด้วยคนนะคะ” การมาของพราวตะวัน ทำให้ทั้งณาณีมและราฮีมหยุดการสนทนาเรื่องส่วนตัวไว้เพียงแค่นั้น

แต่พราวตะวันกลับไม่หยุด เพราะเธอพูดถึงเรื่องของณาณีมแทบตลอดเวลา โดยมักจะเน้นย้ำถึงแต่เรื่องของดาวินและชีวิตการแต่งงานของณาณีม ที่ใครๆ ต่างก็พากันอิจฉา

กระทั่งราฮีมมีสายเข้า ชายหนุ่มจึงปลีกตัวไปคุยงาน ปล่อยให้สองสาวได้อยู่ด้วยกัน

“เธอแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วนะณา ทำไมถึงทำตัวยังกับโสดแบบนี้ ถ้าพี่แดนรู้เข้า เขาคงเสียใจมากแน่ๆ” พราวตะวันแขวะณาณีมไปหนึ่งยก นั่นทำให้คนฟังอารมณ์บูดนิดหน่อย 

“เธอจะพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ ดีกว่าพราว”

 

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status