“ขอบใจแกสองคนมากนะ ที่คอยช่วยเหลือฉันทุกอย่าง” ณิการ์หันไปมองณาณีมกับธัญมณที่ต้องเหนื่อยแทนเธอตั้งหลายเรื่อง โดยเฉพาะณาณีม“เล็กน้อยน่ะ” ธัญมณยิ้มให้“พรุ่งนี้สามีฉันก็บินกลับมาแล้ว โล่งอกไปหน่อย”“สู้ๆ คุณแม่” ณาณีมยิ้มให้คนบนเตียงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนด้วยอีกคน“อื้อ…สู้อยู่แล้ว เป็นแม่คนต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย แต่แค่ผ่าไส้ติ่งทำไมมันเจ็บงี้ก็ไม่รู้” เพิ่งบอกให้อดทนไปหยกๆ แต่อยู่ๆ หน้าณิการ์ก็ยู่ยี่ เพราะยังรู้สึกเจ็บจี๊ดที่แผลผ่าตัด“เอาน่ะ เจ็บแค่นี้เล็กน้อย มันสู้ตอนแกเบ่งคลอดน้องภูมิไม่ได้ด้วยซ้ำ จริงไหม” ณิการ์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของณาณีม“จริง เพราะงั้นฉันเลยขอมีลูกแค่คนเดียวนี่ไง เข็ดตอนเบ่งคลอด”“แกนี่” ณาณีมส่ายหน้าให้ณิการ์อีกที ก่อนที่ณิการ์จะเอ่ยกับลูกชาย ที่พอทำการบ้านเสร็จก็ตัวติดกับราฮีมทันทีเหมือนกัน“น้องภู
ชายหนุ่มดึงตัวณาณีมให้ขึ้นมานั่งคร่อม ยกสะโพกของเธอขึ้นสูงแล้วค่อยๆ กดลงมารับแก่นกายของเขาช้าๆ ให้มันค่อยๆ มุดหายเข้าไปอยู่ในตัวเธอ แม้จะมีอะไรกันมาหลายต่อหลายครั้ง แต่แรงตอดรัด ความอุ่นภายในตัวของณาณีมก็ทำให้ราฮีมคลั่งได้เสมอๆ“อ่า...อาห์…” ณาณีมครางออกมาเมื่อเวลานี้เธอรับแก่นกายของราฮีมไว้จนลึกสุด ชายหนุ่มนอนนิ่งๆ ราวกับต้องการซึมซับความเสียวซ่าน แต่ณาณีมกลับทนไม่ไหวและเธอก็เริ่มขยับสะโพกบดเบียดสลับขึ้นลง จากช้าก็เปลี่ยนมาเป็นเร็วและถี่กระชั้น“ใจเย็นๆ ที่รัก ผมยังอยากอยู่ในตัวคุณ” ราฮีมรีบห้าม นั่นเพราะยังอยากอยู่ในตัวณาณีมให้นาน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือณาณีมกัดริมฝีปากล่าง มองราฮีมด้วยแววตาเซ็กซี่ ทำเอาหัวใจชายหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะเผลอปล่อยอารมณ์ให้กระเจิดกระเจิงจนเกือบปลดปล่อยและเมื่อรู้ตัวราฮีมก็ถอดถอนความแข็งขืนออกมาจากตัวเธอก่อน แล้วจัดการเปลี่ยนท่าทางด้วยการจับณาณีมให้กลับมานอนหงายบนเตียง ส่วนเขาลงไปยืนอยู่ริมเตียง รั้งเธอให้ขยับเข้าหาแล้วแทรกตั
“ให้ตายสิ เชื่อไหม ผมไม่อยากกลับห้องเลย ตั้งแต่รักคุณ ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเด็กสิบหกสิบเจ็ดที่มีความรักสุมอก” บางครั้งราฮีมก็อยากเจาะประตูให้ห้องเขาและห้องณาณีมเชื่อมติดกันนัก แต่การอยู่กันคนละห้องแบบนี้ก็ดี เพราะต่างฝ่ายก็ต่างมีพื้นที่ของกันและกัน จะได้เว้นช่องว่างและจะได้คิดถึงกัน เฝ้ารอเวลาที่จะได้พบกัน“เชื่อค่ะ เพราะคุณทำให้ณาเชื่อ สำหรับณา รักครั้งนี้มันร้อนแรงจนณา…” ณาณีมกัดริมฝีปากตัวเอง พร้อมกับส่งสายตายั่วยวนมายังราฮีม“จนณาทำไมครับ”“จนณาคิดถึงและอยากกินคุณวันละหลายๆ ครั้ง” น้ำเสียงเบาๆ ของณาณีมทำเอาราฮีมขนลุก ส่วนตานั้นก็ลุกวาวอย่างเจ้าเล่ห์“เอาเลย ผมพร้อมเสมอ”“ไว้วันมะรืนก่อนนะคะ ณาจะกินคุณตั้งแต่หัวถึงปลายเท้าเลย” แค่ได้ฟัง ราฮีมก็อยากร่นวันร่นเวลาให้ถึงมะรืนที่เป็นวันคู่โดยเร็วแล้วสิ ส่วนณาณีมนั้นกลับยิ้มขำ ที่เขาจริงจังจนออกนอกหน้านอกตาแบบนี้“คนหล่อๆ ลุคนิ่งๆ ดูสมาร์ทนี่เขา
“เรื่องคืนนั้นที่ญี่ปุ่นน่ะค่ะ พอมาตั้งสติแล้วนั่งคิด พราวถึงได้รู้ว่าตัวเองโง่มากที่ทำแบบนั้นลงไป” พราวตะวันคิดได้แบบนี้ในวันที่ผู้เป็นแม่ป่วยหนัก แม่พรั่งพรูความในใจออกมามากมายว่าเคยทำเรื่องไม่ดีกับใครไว้บ้าง อยากขอโทษก่อนที่จะสายไป แต่บางคนก็จากโลกนี้ไปแล้ว จึงไม่มีโอกาสได้คุย ได้ปรับความเข้าใจกันนั่นทำให้พราวตะวันย้อนคิดถึงตัวเองว่าเธอเคยทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพียงเพราะต้องการเอาชนะกัน หรืออะไรก็ตาม พอมานั่งคิดเรื่องต่างๆ ก็ย้อนกลับมาและหนึ่งในนั้นคือเรื่องของราฮีม ทำให้เธอมาหาเขาที่นี่“พราวอยากขอโทษณาด้วย แต่วันนี้กลับติดต่อณาไม่ได้”“คุณณามีประชุมครับ” ราฮีมบอกเหตุผล นั่นเพราะณาณีมได้บอกไว้แล้วว่าวันนี้เธออาจต้องประชุมทั้งวัน“ถ้ายังไง พราวฝากคุณราฮีมขอโทษณาด้วยนะคะ”“ได้สิครับ”“ถ้างั้นพราวขอตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะต้องไปรับคุณแม่ที่โรงพยาบาล”“เชิญครับ” เสียงทุ้มเอ่ย
ณาณีมกับราฮีมบินไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนชายหนุ่มที่ภูเก็ต บรรยากาศงานแต่งงานริมชายหาดที่ตกแต่งด้วยดอกไม้และเปลือกหอย เน้นโทนขาวฟ้าตามแบบที่เจ้าสาวชอบช่างดูโรแมนติก บวกกับแสงแดดอ่อนๆ ยามอัสดง ที่ทอประกายระยิบระยับสะท้อนกับคลื่นก็ยิ่งสวยงามไหนจะแสงจากเทียนที่ประดับอยู่รอบๆ ก็ส่งให้งานแต่งงานครั้งนี้น่าจดจำ บ่าวสาวนั้นสวยหล่อดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก“มองอะไรอยู่ครับ”“มองเจ้าบ่าวเจ้าสาวน่ะค่ะ” ณาณีมเอ่ยยิ้มๆ มีความสุขกับการได้เห็นคนรักกัน แม้ชีวิตเธอจะเคยล้มเหลวเรื่องความรักถึงขั้นหย่าร้าง แต่สุดท้ายก็ได้รับความรักดีๆ จากผู้ชายอย่างราฮีม แม้จะไม่รู้ว่าความรักครั้งนี้จะจบลงแบบไหน แต่ณาณีมก็ไม่เสียใจที่ได้รักใครอีกครั้ง“เปลี่ยนใจแต่งงานกับผมไหม”“ไม่เปลี่ยน”“ใจร้ายจังเลย” ราฮีมตีหน้าเศร้าได้ไม่นานก็ยิ้มร่า ทำเอาณาณีมตามอารมณ์เขาไม่ทัน แบบนี้ล่ะมั้งถึงอยู่ด้วยกันได้“แต่ร้ายยังไงก็รักครับ”“น่ารักแบบนี้ จะไม่ใ
หลังเสร็จสิ้นการมาร่วมงานแต่งงาน ณาณีมและราฮีมก็ใช้เวลาพักผ่อนกันที่ภูเก็ตอีกหลายวัน ชายหนุ่มพาเธอไปล่องเรือยอร์ช และณาณีมก็มีโอกาสได้ใส่บิกินี่อวดหุ่นสวยๆแต่ทว่าเธอก็แค่ได้ใส่ นั่นเพราะยังไม่ทันจะได้กระโดดลงไปเล่นน้ำทะเล ราฮีมก็จัดการถอดมันออกเสียก่อน จากนั้นเขาก็ทำให้เธอเร่าร้อนจนนอนหอบ กว่าจะได้หยิบบิกินี่มาสวมก็เย็นมากแล้วช่วงเวลาสำหรับการมาพักผ่อนมักจะผ่านไปเร็วเสมอ กระทั่งถึงเช้าวันสุดท้าย เพราะช่วงบ่ายๆ ณาณีมกับราฮีมต้องบินกลับกรุงเทพฯ‘เจอกันที่ชายหาดนะคะ’ นี่คือข้อความที่ณาณีมเขียนด้วยลายมือแล้วทิ้งไว้บนหมอนให้ราฮีมที่เพิ่งตื่นนอนได้อ่าน และเขาก็ไม่ลังเลที่จะเดินตามเธอไปยังชายหาดและทันทีที่มาถึง ชายหนุ่มก็ถึงกับยืนตะลึง เพราะถ้าเขาไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองมากจนเกินไป ตรงหน้านี่คือฉากแต่งงานใช่ไหม ริมชายหาดมีซุ้มแต่งงานที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สดสีสวยและก้อนหิน ริมทางเดินยังโปรยด้วยกลีบกุหลาบแดงตัดกับทรายสีขาวละเอียดก่อนที่ณาณีมจะเดินมาหา ตอนนี้เ
ของขวัญวันเกิด อายุครบยี่สิบสองปีของณาณีมปีนี้ช่างแสนพิเศษ เพราะแฟนหนุ่มที่คบหากันมาได้สี่ปี จัดเซอร์ไพรส์วันเกิดให้เธออย่างโรแมนติกจนใจนั้นเต้นแรงไปหมด ดาวินซื้อดอกไม้แสนสวยและลูกโป่งนับร้อยๆ ลูก มาประดับประดาในห้องภายในคอนโดมิเนียมของเขาเองจนดูเหมือนฉากในละครโรแมนติก ไหนจะโคมไฟสีรุ้ง ที่ระยิบระยับราวกับดาวบนท้องฟ้านั่นอีก เมื่อเจ้าของวันเกิดเดินผ่านประตูเข้ามา เขาก็ถือเค้กที่สั่งทำพิเศษออกมาเซอร์ไพรส์ เรียกทั้งรอยยิ้มและน้ำตาจากณาณีม เธอซึ้งและตื้นตันกับความรักที่ดาวินมีให้มาตลอดหลายปี“อธิษฐานก่อนค่อยเป่าเทียนนะครับ” “ค่ะ” ณาณีมเอ่ยรับ ก่อนจะประสานมือทั้งสองข้าง หลับตาแน่นจนมองเห็นแพขนตางอน อธิษฐานขอพรจากเค้กวันเกิด ที่ตอนนี้เทียนกำลังสว่างไสว จากนั้นก็เป่าเค้ก“สุขสันต์วันเกิดครับณา”“ขอบคุณค่ะพี่แดน” เอ่ยจบ ณาณีมก็เข้าไปสวมกอดดาวิน ขอบคุณสำหรับเซอร์ไพรส์ที่ชายหนุ่มเตรียมไว้ให้ นี่คือปีที่สี่ที่ได้ฉลองวันเกิดกับดาวิน และนี่คือปีที่สามที่เธอกับเขาคบหากันในฐานะแฟนความสัมพันธ์ของเธอกับดาวิน เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อน ตอนนั้นเธอเป็นนิสิตปีสอง และดาวินคือรุ่นพี่ปีสาม จากรุ่นน้อง
สิบสามปี!วันเวลาแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปีที่ผ่านจะเร็วหรือช้า ย่อมขึ้นอยู่กับมุมมองของคนเหล่านั้น สิบสามปีถ้าเปรียบกับช่วงชีวิตของคนเราก็คงเข้าสู่วัยรุ่น ที่พร้อมจะเรียนรู้ทุกอย่างรอบตัว สนุกไปกับโลกที่เต็มไปด้วยสีสันแต่สิบสามปีสำหรับผู้หญิงที่ชื่อว่าณาณีม กลับเป็นสิบสามปีที่ผ่านมาและกำลังจะผ่านไป สิบสามปีคือเวลาที่เธอได้รักกับผู้ชายคนหนึ่ง ที่เริ่มจากเพื่อน คนรัก สามีภรรยาและเวลานี้ทุกอย่างอาจกำลังจะกลายเป็นเพียงอดีต!“ว่าอะไรนะ แกหย่ากับพี่แดนแล้วเหรอ” ณิการ์ที่ออกมาพบณาณีมตามคำชวนของเพื่อนถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่ม เมื่อได้ฟังณาณีมเล่าจบนั่นเพราะชีวิตคู่ของณาณีมกับดาวินนั้นดูดี มีความสุข ใครๆ ก็อิจฉาในความหวานของทั้งคู่มาตลอด แต่วันนี้ฟ้ากลับผ่าดังเปรี้ยง เพราะทั้งคู่หย่ากันแล้ว“อื้อ…เพิ่งจรดปลายปากกาเซ็นใบหย่าไปเมื่อสามชั่วโมงก่อน”“เกิดอะไรขึ้นอ่ะ ทำไมอยู่ๆ แกถึงหย่า” ธัญมณที่นั่งอยู่ด้วยอีกคนต้องเอ่ยถาม เพราะการหย่าร้างของณาณีมครั้งนี้มันไม่มีปี่มีขลุ่ยมาก่อนจริงๆ “ไม่รู้สิ มันอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ฉันกับพี่แดนยังรักกันนะ” ณาณีมเล่าไม่ถูกและไม่อยากจะเล่าถึงเหตุผ
หลังเสร็จสิ้นการมาร่วมงานแต่งงาน ณาณีมและราฮีมก็ใช้เวลาพักผ่อนกันที่ภูเก็ตอีกหลายวัน ชายหนุ่มพาเธอไปล่องเรือยอร์ช และณาณีมก็มีโอกาสได้ใส่บิกินี่อวดหุ่นสวยๆแต่ทว่าเธอก็แค่ได้ใส่ นั่นเพราะยังไม่ทันจะได้กระโดดลงไปเล่นน้ำทะเล ราฮีมก็จัดการถอดมันออกเสียก่อน จากนั้นเขาก็ทำให้เธอเร่าร้อนจนนอนหอบ กว่าจะได้หยิบบิกินี่มาสวมก็เย็นมากแล้วช่วงเวลาสำหรับการมาพักผ่อนมักจะผ่านไปเร็วเสมอ กระทั่งถึงเช้าวันสุดท้าย เพราะช่วงบ่ายๆ ณาณีมกับราฮีมต้องบินกลับกรุงเทพฯ‘เจอกันที่ชายหาดนะคะ’ นี่คือข้อความที่ณาณีมเขียนด้วยลายมือแล้วทิ้งไว้บนหมอนให้ราฮีมที่เพิ่งตื่นนอนได้อ่าน และเขาก็ไม่ลังเลที่จะเดินตามเธอไปยังชายหาดและทันทีที่มาถึง ชายหนุ่มก็ถึงกับยืนตะลึง เพราะถ้าเขาไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองมากจนเกินไป ตรงหน้านี่คือฉากแต่งงานใช่ไหม ริมชายหาดมีซุ้มแต่งงานที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สดสีสวยและก้อนหิน ริมทางเดินยังโปรยด้วยกลีบกุหลาบแดงตัดกับทรายสีขาวละเอียดก่อนที่ณาณีมจะเดินมาหา ตอนนี้เ
ณาณีมกับราฮีมบินไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนชายหนุ่มที่ภูเก็ต บรรยากาศงานแต่งงานริมชายหาดที่ตกแต่งด้วยดอกไม้และเปลือกหอย เน้นโทนขาวฟ้าตามแบบที่เจ้าสาวชอบช่างดูโรแมนติก บวกกับแสงแดดอ่อนๆ ยามอัสดง ที่ทอประกายระยิบระยับสะท้อนกับคลื่นก็ยิ่งสวยงามไหนจะแสงจากเทียนที่ประดับอยู่รอบๆ ก็ส่งให้งานแต่งงานครั้งนี้น่าจดจำ บ่าวสาวนั้นสวยหล่อดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก“มองอะไรอยู่ครับ”“มองเจ้าบ่าวเจ้าสาวน่ะค่ะ” ณาณีมเอ่ยยิ้มๆ มีความสุขกับการได้เห็นคนรักกัน แม้ชีวิตเธอจะเคยล้มเหลวเรื่องความรักถึงขั้นหย่าร้าง แต่สุดท้ายก็ได้รับความรักดีๆ จากผู้ชายอย่างราฮีม แม้จะไม่รู้ว่าความรักครั้งนี้จะจบลงแบบไหน แต่ณาณีมก็ไม่เสียใจที่ได้รักใครอีกครั้ง“เปลี่ยนใจแต่งงานกับผมไหม”“ไม่เปลี่ยน”“ใจร้ายจังเลย” ราฮีมตีหน้าเศร้าได้ไม่นานก็ยิ้มร่า ทำเอาณาณีมตามอารมณ์เขาไม่ทัน แบบนี้ล่ะมั้งถึงอยู่ด้วยกันได้“แต่ร้ายยังไงก็รักครับ”“น่ารักแบบนี้ จะไม่ใ
“เรื่องคืนนั้นที่ญี่ปุ่นน่ะค่ะ พอมาตั้งสติแล้วนั่งคิด พราวถึงได้รู้ว่าตัวเองโง่มากที่ทำแบบนั้นลงไป” พราวตะวันคิดได้แบบนี้ในวันที่ผู้เป็นแม่ป่วยหนัก แม่พรั่งพรูความในใจออกมามากมายว่าเคยทำเรื่องไม่ดีกับใครไว้บ้าง อยากขอโทษก่อนที่จะสายไป แต่บางคนก็จากโลกนี้ไปแล้ว จึงไม่มีโอกาสได้คุย ได้ปรับความเข้าใจกันนั่นทำให้พราวตะวันย้อนคิดถึงตัวเองว่าเธอเคยทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพียงเพราะต้องการเอาชนะกัน หรืออะไรก็ตาม พอมานั่งคิดเรื่องต่างๆ ก็ย้อนกลับมาและหนึ่งในนั้นคือเรื่องของราฮีม ทำให้เธอมาหาเขาที่นี่“พราวอยากขอโทษณาด้วย แต่วันนี้กลับติดต่อณาไม่ได้”“คุณณามีประชุมครับ” ราฮีมบอกเหตุผล นั่นเพราะณาณีมได้บอกไว้แล้วว่าวันนี้เธออาจต้องประชุมทั้งวัน“ถ้ายังไง พราวฝากคุณราฮีมขอโทษณาด้วยนะคะ”“ได้สิครับ”“ถ้างั้นพราวขอตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะต้องไปรับคุณแม่ที่โรงพยาบาล”“เชิญครับ” เสียงทุ้มเอ่ย
“ให้ตายสิ เชื่อไหม ผมไม่อยากกลับห้องเลย ตั้งแต่รักคุณ ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเด็กสิบหกสิบเจ็ดที่มีความรักสุมอก” บางครั้งราฮีมก็อยากเจาะประตูให้ห้องเขาและห้องณาณีมเชื่อมติดกันนัก แต่การอยู่กันคนละห้องแบบนี้ก็ดี เพราะต่างฝ่ายก็ต่างมีพื้นที่ของกันและกัน จะได้เว้นช่องว่างและจะได้คิดถึงกัน เฝ้ารอเวลาที่จะได้พบกัน“เชื่อค่ะ เพราะคุณทำให้ณาเชื่อ สำหรับณา รักครั้งนี้มันร้อนแรงจนณา…” ณาณีมกัดริมฝีปากตัวเอง พร้อมกับส่งสายตายั่วยวนมายังราฮีม“จนณาทำไมครับ”“จนณาคิดถึงและอยากกินคุณวันละหลายๆ ครั้ง” น้ำเสียงเบาๆ ของณาณีมทำเอาราฮีมขนลุก ส่วนตานั้นก็ลุกวาวอย่างเจ้าเล่ห์“เอาเลย ผมพร้อมเสมอ”“ไว้วันมะรืนก่อนนะคะ ณาจะกินคุณตั้งแต่หัวถึงปลายเท้าเลย” แค่ได้ฟัง ราฮีมก็อยากร่นวันร่นเวลาให้ถึงมะรืนที่เป็นวันคู่โดยเร็วแล้วสิ ส่วนณาณีมนั้นกลับยิ้มขำ ที่เขาจริงจังจนออกนอกหน้านอกตาแบบนี้“คนหล่อๆ ลุคนิ่งๆ ดูสมาร์ทนี่เขา
ชายหนุ่มดึงตัวณาณีมให้ขึ้นมานั่งคร่อม ยกสะโพกของเธอขึ้นสูงแล้วค่อยๆ กดลงมารับแก่นกายของเขาช้าๆ ให้มันค่อยๆ มุดหายเข้าไปอยู่ในตัวเธอ แม้จะมีอะไรกันมาหลายต่อหลายครั้ง แต่แรงตอดรัด ความอุ่นภายในตัวของณาณีมก็ทำให้ราฮีมคลั่งได้เสมอๆ“อ่า...อาห์…” ณาณีมครางออกมาเมื่อเวลานี้เธอรับแก่นกายของราฮีมไว้จนลึกสุด ชายหนุ่มนอนนิ่งๆ ราวกับต้องการซึมซับความเสียวซ่าน แต่ณาณีมกลับทนไม่ไหวและเธอก็เริ่มขยับสะโพกบดเบียดสลับขึ้นลง จากช้าก็เปลี่ยนมาเป็นเร็วและถี่กระชั้น“ใจเย็นๆ ที่รัก ผมยังอยากอยู่ในตัวคุณ” ราฮีมรีบห้าม นั่นเพราะยังอยากอยู่ในตัวณาณีมให้นาน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือณาณีมกัดริมฝีปากล่าง มองราฮีมด้วยแววตาเซ็กซี่ ทำเอาหัวใจชายหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะเผลอปล่อยอารมณ์ให้กระเจิดกระเจิงจนเกือบปลดปล่อยและเมื่อรู้ตัวราฮีมก็ถอดถอนความแข็งขืนออกมาจากตัวเธอก่อน แล้วจัดการเปลี่ยนท่าทางด้วยการจับณาณีมให้กลับมานอนหงายบนเตียง ส่วนเขาลงไปยืนอยู่ริมเตียง รั้งเธอให้ขยับเข้าหาแล้วแทรกตั
“ขอบใจแกสองคนมากนะ ที่คอยช่วยเหลือฉันทุกอย่าง” ณิการ์หันไปมองณาณีมกับธัญมณที่ต้องเหนื่อยแทนเธอตั้งหลายเรื่อง โดยเฉพาะณาณีม“เล็กน้อยน่ะ” ธัญมณยิ้มให้“พรุ่งนี้สามีฉันก็บินกลับมาแล้ว โล่งอกไปหน่อย”“สู้ๆ คุณแม่” ณาณีมยิ้มให้คนบนเตียงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนด้วยอีกคน“อื้อ…สู้อยู่แล้ว เป็นแม่คนต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย แต่แค่ผ่าไส้ติ่งทำไมมันเจ็บงี้ก็ไม่รู้” เพิ่งบอกให้อดทนไปหยกๆ แต่อยู่ๆ หน้าณิการ์ก็ยู่ยี่ เพราะยังรู้สึกเจ็บจี๊ดที่แผลผ่าตัด“เอาน่ะ เจ็บแค่นี้เล็กน้อย มันสู้ตอนแกเบ่งคลอดน้องภูมิไม่ได้ด้วยซ้ำ จริงไหม” ณิการ์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของณาณีม“จริง เพราะงั้นฉันเลยขอมีลูกแค่คนเดียวนี่ไง เข็ดตอนเบ่งคลอด”“แกนี่” ณาณีมส่ายหน้าให้ณิการ์อีกที ก่อนที่ณิการ์จะเอ่ยกับลูกชาย ที่พอทำการบ้านเสร็จก็ตัวติดกับราฮีมทันทีเหมือนกัน“น้องภู
“เชิญค่ะ เพราะการเม้าท์มอยในที่ทำงานถือเป็นงานหลัก เอ้ย! ไม่สิ งานอดิเรกของใครหลายๆ คนอยู่แล้ว แต่ณาว่าพี่ณิอรกับมาตาคงไม่เป็นหรอก ใช่ไหมคะ”“ใช่จ้ะใช่” ณิอรเอ่ยรับก่อน“ใช่ค่ะ มาตากับพี่ณิอรไม่ใช่พวกขาเม้าท์แน่นอน เรื่องเม้าท์ไร้สาระทั้งนั้น” มาตาที่นั่งฟังมานานเอ่ยเสริมขึ้นบ้าง แต่แค่ได้ฟังก็คันปากยิกๆ“กินข้าวกันค่ะ เดี๋ยวเย็นแล้วมันจะไม่อร่อย” ณิอรและมาตาพยักหน้ารับกันหงึกหงักแล้วกินข้าวเที่ยงกันอย่างเงียบๆ ส่วนณาณีมนั้นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะรู้ว่าสองคนนี้คิดอะไรกันอยู่ ดีไม่ดีกลับเข้าไปทำงานในช่วงบ่าย เธออาจเป็นเซเลบที่มีแต่คนมอง ซึ่งณาณีมก็หาได้แคร์ไม่กระทั่งอิ่ม ณาณีมก็ขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงมื้อกลางวัน ณิอรและมาตาก็ไม่ได้คัดค้าน ดีซะอีก เพราะจะได้ประหยัดเงินค่ามื้อเที่ยงไปอีกหนึ่งมื้อ จากนั้นณาณีมก็ขอตัวกลับออกไปก่อน“ก่อนกินข้าว พี่ณิอรว่าพี่ณาแขวะเราไหมคะ” เมื่ออยู่กันสองคน มาตาก็เอ่ยขึ้น“
“เร็วไปนะคะ พูดถึงท่านปุ๊บก็จะชวนณาไปปั๊บ ใจร้อนเป็นวัยรุ่นไปได้” ณาณีมส่ายหน้าให้คนตัวโตกว่า ที่ตอนนี้เขาเอาแต่นั่งยิ้ม นั่นเพราะแม้รักครั้งนี้เขาจะให้ณาณีมเป็นคนออกแบบ แต่เส้นทางที่เธอเลือกมันก็ไม่ได้ต่างไปจากตัวตนในแบบที่ราฮีมอยากได้“ก็ผมอยากให้ครอบครัวได้เจอกับผู้หญิงคนที่ผมจะใช้ชีวิตด้วยหลังจากนี้ ผมจะได้บอกพ่อกับแม่ว่าวันนี้พระเจ้าได้ประทานผู้หญิงที่มีค่ามาให้ผมแล้ว”“เดี๋ยวณาก็ตัวลอยหรอก”“ผมพูดเรื่องจริง”“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจณา ขอบคุณ” นอกจากคำๆ นี้แล้ว ณาณีมก็ไม่รู้จะเอ่ยคำไหน ถึงแม้ก่อนหน้านี้เธอไม่คิดจะเปิดใจให้เขา แต่สุดท้ายก็แพ้ใจ“ถ้าไม่ให้ผมเข้าใจคนที่ผมรักแล้วจะให้ผมไปเข้าใจใครครับ…หืม” เพราะรักราฮีมจึงเข้าใจด้วยหัวใจ และไม่ต้องการเปลี่ยนตัวตนของณาณีม เขาต่างหากที่ต้องขอบคุณที่เธอเปิดใจให้ นั่นเพราะรู้ว่าความรักสำหรับคนอย่างณาณีมนั้นต่างจากทุกๆ คน“ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้คุณ
“รู้ไหมว่าลูกแกพูดอะไรกับฉันเมื่อวาน น้องภูมิบอกว่ารักแกมาก แกอยากให้เรียนพิเศษอะไร น้องภูมิก็เรียน เรียนเพื่อตามใจแก” ยังฟังไม่ทันจบประโยค ณิการ์ก็ปล่อยโฮออกมาอย่างยากจะกลั้นไว้ได้เธอสะอึกสะอื้นจนตัวโยน ที่ผ่านมาเธอคงเป็นแม่ที่เห็นแก่ตัวจริงๆ คิดเองเออเองในฐานะแม่ ว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับภูมิแผ่นดิน และเมื่อเห็นแม่ร้องไห้ เด็กชายก็เดินเข้ามาหาใกล้ๆ นั่นทำให้ณิการ์คว้าลูกชายมากอดอย่างรู้สึกผิด“แม่ขอโทษนะครับภูมิ แม่ขอโทษ”“คุณแม่ขอโทษน้องภูมิทำไมครับ” เด็กชายเอ่ยถามอย่างงุนงง นั่นเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้ใหญ่พูดนัก ที่สำคัญเมื่อครู่ยังถูกราฮีมจงใจเบี่ยงเบนความสนใจขณะที่ณาณีมคุยกับณิการ์ไปด้วย“วันหลังเราไปเล่นบ้านบอล ไปกินเฟรนช์ฟรายส์กันนะครับ”“จริงๆ นะฮะ” ภูมิแผ่นดินยิ้มกว้างทันที“จริงสิครับ ส่วนเรียนพิเศษ ต่อไปนี้แม่จะถามก่อนว่าน้องภูมิอยากเรียนไหม ถ้าไม่ชอบก็บอกแม่นะครับ”