สิบสามปี!วันเวลาแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปีที่ผ่านจะเร็วหรือช้า ย่อมขึ้นอยู่กับมุมมองของคนเหล่านั้น สิบสามปีถ้าเปรียบกับช่วงชีวิตของคนเราก็คงเข้าสู่วัยรุ่น ที่พร้อมจะเรียนรู้ทุกอย่างรอบตัว สนุกไปกับโลกที่เต็มไปด้วยสีสันแต่สิบสามปีสำหรับผู้หญิงที่ชื่อว่าณาณีม กลับเป็นสิบสามปีที่ผ่านมาและกำลังจะผ่านไป สิบสามปีคือเวลาที่เธอได้รักกับผู้ชายคนหนึ่ง ที่เริ่มจากเพื่อน คนรัก สามีภรรยาและเวลานี้ทุกอย่างอาจกำลังจะกลายเป็นเพียงอดีต!“ว่าอะไรนะ แกหย่ากับพี่แดนแล้วเหรอ” ณิการ์ที่ออกมาพบณาณีมตามคำชวนของเพื่อนถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่ม เมื่อได้ฟังณาณีมเล่าจบนั่นเพราะชีวิตคู่ของณาณีมกับดาวินนั้นดูดี มีความสุข ใครๆ ก็อิจฉาในความหวานของทั้งคู่มาตลอด แต่วันนี้ฟ้ากลับผ่าดังเปรี้ยง เพราะทั้งคู่หย่ากันแล้ว“อื้อ…เพิ่งจรดปลายปากกาเซ็นใบหย่าไปเมื่อสามชั่วโมงก่อน”“เกิดอะไรขึ้นอ่ะ ทำไมอยู่ๆ แกถึงหย่า” ธัญมณที่นั่งอยู่ด้วยอีกคนต้องเอ่ยถาม เพราะการหย่าร้างของณาณีมครั้งนี้มันไม่มีปี่มีขลุ่ยมาก่อนจริงๆ “ไม่รู้สิ มันอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ฉันกับพี่แดนยังรักกันนะ” ณาณีมเล่าไม่ถูกและไม่อยากจะเล่าถึงเหตุผ
“แรงอ่ะ ใช้คำว่าเหี้ยกับปั๋วสุดประเสริฐของฉันเลยเหรอยะ” น้ำเสียงของธัญมณนั้นติดประชดประชันสามีอย่างเห็นได้ชัด “งั้นเห้ก็ได้อ่ะ เพราะถ้ามันไม่เห้จริง มันไม่เล่นชู้ในที่ทำงานแบบนั้นหรอก ผู้หญิงก็หน้าที่การงานดี แต่กลับยอมเป็นน้อย กินน้ำใต้ศอกคนอื่นก็เอา แต่แกก็ดีที่ยึดเงินเดือน ยึดบัตรเครดิตผัวแกมาหมดแบบนี้ ในเมื่อรักกันนักก็ไปอยู่ด้วยกันแต่ตัว...ไป๊!” “เพราะแบบนี้ไง ฉันเลยไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรมาก แรกๆ ก็จะเป็นจะตาย ตอนนี้เหรอ...ปลง ใครอยากได้ก็เอาไป แต่ไปแต่ตัวนะ เงินอยู่กับฉัน...ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของธัญมณดังขึ้น นั่นเพราะเธอเองก็มีแผนของเธอเช่นกัน เรื่องอะไรจะยอมหย่าให้พวกเมียน้อยได้ใจ “แล้วทำไมแกไม่หย่าเหมือนยัยณาให้มันจบๆ กันไป”“หย่าทำไม นั่งไขว่ห้างสวยๆ มองพวกเมียน้อยมันตีกันไม่ดีกว่าเหรอ สนุกดีออก”“ล้ำลึกมาก แกนี่หน้าตาซื่อๆ ก็โหดกับเขาเหมือนกันนะยะ” ณิการ์ยกนิ้วให้ธัญมณ ส่วนคนถูกชมก็ยิ้มกริ่มแล้วเอ่ยรับ แม้ในใจมันจะไม่ได้ยิ้มเท่าใบหน้าก็ตามที เพราะเธอก็ยังรักสามีอยู่ แม้ความรักมันจะน้อยนิด เหลือเพียงแค่ความแค้นก็ตาม “นิดนึง” “ตายแล้ว จะบ่ายสามแล้วเหรอ ฉันไปรับลูกก่อนนะ เดี๋ย
“เอ๊ะ! นั่นณานี่นา” “คุณพราวรู้จักเธอ…คนนั้นหรือครับ” “รู้จักค่ะ ณาเป็นเพื่อนสมัยเรียนของพราวเอง” พราวตะวันยิ้มให้ มีใครจะไม่รู้จักคู่รักคู่ฮอตเมื่อครั้งยังเป็นนิสิตบ้าง เพราะใครๆ ต่างพากันอิจฉาความรักของณาณีมกับดาวินกันทั้งนั้น ยิ่งพอรู้ว่าทั้งคู่เรียนจบและแต่งงานกัน ก็ยิ่งเป็นที่พูดถึงว่าคือรักแท้ “แต่เอ้! ณามาคนเดียวหรือเนี่ย พี่แดนสามีของณาคงติดธุระอยู่แน่ๆ ถึงปล่อยให้ภรรยาคนสวยมาเที่ยวทะเลคนเดียวแบบนี้” ประโยคที่ได้ยิน ทำเอาราฮีมคิ้วขมวดเพราะผิดหวังเล็กๆ ที่ณาณีมไม่โสด แล้วเมื่อครู่ที่เธอตะโกนว่าโสดแล้ว นั่นคืออะไร หรือเพราะกำลังทะเลาะกับสามี ถึงได้พูดประชดออกไป “จริงสิ ผมหิวแล้ว เราไปหาอะไรกินกันไหมครับ” “ได้สิคะ พราวเองก็กำลังจะถามคุณราฮีมอยู่พอดี ว่าหิวหรือยัง งั้นเชิญค่ะ” “ขอบคุณครับ” ราฮีมเอ่ยรับ ก่อนจะผายมือเชื้อเชิญพราวตะวัน ซึ่งจังหวะหนึ่งชายหนุ่มก็แอบชำเลืองมองณาณีมแวบหนึ่ง หลังเดินเล่นที่ชายหาดจนพอใจ ณาณีมก็กลับเข้าที่พัก ซึ่งห้องของเธออยู่โซนหน้าติดทั้งชายหาดและสระว่ายน้ำ แต่เพราะหิวทำให้เธอเลี้ยวขวาตรงไปยังห้องอาหารของทางรีสอร์ท จังหวะนั้น สายตาก็มองเห็นพน
“งอนอะไรกันอยู่หรือเปล่า เธอถึงปลีกตัวมาไกลถึงเกาะช้างแบบนี้...หืม” พราวตะวันสันนิษฐาน ณาณีมยิ้มให้แล้วเอ่ยตอบ “ก็เปล่านี่”“ชีวิตคู่ก็แบบนี้ล่ะเนอะ เหมือนลิ้นกับฟัน เดี๋ยวทะเลาะกัน เดี๋ยวก็ดีกันตามประสาสามีภรรยา” แทนที่จะหยุด พราวตะวันยังพูดต่อโดยไม่ได้สนใจคำตอบของณาณีมสักนิด “ก็แล้วแต่เธอจะคิดนะพราว ยังไงฉันขอตัวก่อนแล้วกัน” “เชิญจ้ะ” พราวตะวันหลีกทางให้ ณาณีมจึงเดินกลับเข้าห้องพักไป“ท่าทางแบบนี้ ณาคงงอนสามีมาแน่ๆ ว่าไหมคะคุณราฮีม” “ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับแค่นั้น ในใจของราฮีมตอนนี้มันโหวงๆ เหมือนคนกำลังอกหักอย่างบอกไม่ถูก พอเจอคนที่ถูกใจ เธอคนนั้นกลับมีเจ้าของเสียแล้ว แต่คบเป็นเพื่อนไว้ก็ดีไปอีกแบบ เกิดวันไหนณาณีมเลิกกับสามี เขาจะได้ขายขนมจีบเธอต่อ! ณาณีมตื่นแต่เช้าตรู่ จากนั้นก็ออกไปวิ่งรับอากาศสดชื่นๆ ของทะเลยามเช้า แต่ขากลับดั้นได้โจ๊กกับปาท่องโก๋ติดไม้ติดมือมาอีกต่างหาก เมื่อกลับมายังรีสอร์ทก็เทโจ๊กใส่ถ้วย หยิบปาท่องโก๋ใส่จานแล้วชงกาแฟดำอีกแก้ว จากนั้นก็ถืออาหารเช้าไปนั่งกินริมชายหาด พร้อมกับมองดูพระอาทิตย์ขึ้นไปด้วย“กินไม่รอเจ้าหมาสีน้ำตาลตัวเมื่อวานเลยนะคุณ” เสียงที่ดัง
“ฉันชอบคุณราฮีม และเราก็กำลังดูๆ ใจกันอยู่ หวังว่าเธอจะเข้าใจ ไม่เล่นชู้กับแฟนคนอื่นหรอกนะ”“เล่นชู้เหรอ?” ณาณีมเอ่ยทวนคำที่พราวตะวันใช้ เพราะมันแรงและดูถูกเธอมากทีเดียว นี่ถ้าไม่ถือว่าเป็นเพื่อนกันมาก่อน ณาณีมอาจกระโดดกัดคอไปแล้ว “ใช่…ฉันอ่านสายตาเธอเวลามองคุณราฮีมออก ว่าเธอคิดยังไงกับเขา”“แล้วตอนนี้เธออ่านสายตาฉันออกไหม ว่าคิดยังไงกับเธอ”“ออกสิ” พราวตะวันเอ่ยอย่างมั่นใจ แต่ณาณีมกลับมองบนใส่ เพราะเอาเข้าจริงๆ คนตรงหน้าก็แทบไม่รู้อะไรกับเขาเลย “อย่ามั่ว อย่าคิดแทนฉัน เพราะฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด ต่อให้ฉันยังโสด คุณราฮีมก็ไม่ใช่ผู้ชายในสเปคฉันสักนิด เธอสบายใจได้”“เธอพูดเองนะ อย่ากลืนน้ำลายตัวเองเสียล่ะ” พราวตะวันกำชับ “แน่นอน” ณาณีมเอ่ยรับอีกที แต่หารู้ไม่ว่าประโยคเหล่านี้ราฮีมได้ยิน ชายหนุ่มยืนฟังอยู่ไม่ไกล และรู้สึกเสียใจที่ได้ยินแบบนี้อยู่ไม่น้อย อกหักตั้งแต่แรกที่ได้รู้จักกัน มันเป็นแบบไหน วันนี้เขาก็เพิ่งได้สัมผัส ราฮีมกับพราวตะวันกลับเข้ากรุงเทพฯ ก่อน ส่วนณาณีมนั้นยังคงใช้ชีวิตชิลล์ๆ ที่ทะเลต่ออีกคืน กระทั่งช่วงสายของวันรุ่งขึ้น เธอก็กลับเข้ากรุงเทพฯ เช่นเดียวกันณาณีม
ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เสียงออดที่หน้าประตูดังขึ้นรัวๆ ทำเอาณาณีมที่กำลังนอนคลุมโปงสะดุ้งตื่น เธอลากขาลงจากเตียงแล้วเดินสะโหลสะเหลไปยังประตูพอมองผ่านหน้าจอเล็กๆ ตรงประตูว่าใครมา ณาณีมก็ถึงกับหายง่วง รีบเปิดประตูทันที“คุณราฮีม”“อยู่ๆ น้ำห้องผมมันไม่ไหล ผมขอมาอาบน้ำห้องคุณได้ไหม พอดีผมมีประชุมเช้า” ถึงไม่บอกณาณีมก็พอรู้ เพราะตอนนี้ฟองแชมพูยังอยู่บนหัวของชายหนุ่มเต็มไปหมดแต่การแต่งตัวของเขานี่สิ ที่ทำให้เธอลังเลว่าจะให้เข้าห้องมาดีไหม เพราะราฮีมสวมแค่ผ้าขนหนูผืนเดียว ปมมันก็หมิ่นเหม่จะหลุดไม่หลุดแหล่ ซิกแพคเอย กล้ามเอย ณาณีมได้แต่ท่องยุบหนอพองหนออยู่ในใจ“คุณณา!” เพราะเห็นณาณีมเอาแต่นิ่งเงียบ ราฮีมจึงเอ่ยเรียก“อ้อ…เชิญค่ะ”“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของณาณีมแล้วตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ เพราะที่นี่ถูกออกแบบมาคล้ายๆ กัน ทำให้ราฮีมพอจะรู้ว่าห้องน้ำ ห้องนอน ห้องครัว ห้องน
“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ ก่อนจะหมุนซ้ายหมุนขวามองหาสวิตช์ไฟภายในห้อง ณาณีมส่ายหน้าให้ผู้ชายตัวโตที่มีความรู้เรื่องช่างน้อยนิด จากนั้นก็เดินไปยังจุดที่ติดตั้งสวิตช์ไฟไว้ ลากเก้าอี้มาวางแล้วเธอก็ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ เพื่อจะได้สับสวิตช์ลงแต่ว่า…ความเตี้ยของเธอก็เป็นเหตุให้เอื้อมมือไม่ถึงสวิตช์ อันที่จริงณาณีมก็ไม่ได้เตี้ยอะไรมาก แต่ผิดที่เพดานของคอนโดมิเนียมที่นี่ค่อนข้างสูง“ให้ผมช่วยไหมคุณ”“ก็ดีค่ะ” ณาณีมหันมาตอบ พร้อมกับก้าวลงจากเก้าอี้ ราฮีมที่ยืนรออยู่ข้างๆ จึงก้าวขึ้นไปยืนบนเก้าอี้แทนเธอ จากนั้นก็สับสวิตช์ให้ณาณีมเดินวกกลับไปยังห้องนอน แกะกล่องหลอดไป มองซ้ายมองขวาหาอุปกรณ์เสริมความสูง เพราะเก้าอี้มันคงจะเตี้ยไปหน่อย กระทั่งได้ยินเสียงราฮีมลากโต๊ะเข้ามาให้ราวกับอ่านความคิดของเธอได้เมื่อเตรียมหลอดไฟอันใหม่เรียบร้อย ณาณีมก็ก้าวขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ โดยมีราฮีมคอยช่วย จากนั้นเธอก็เปลี่ยนหลอดไฟ โดยมีผู้ชายตัวโตที่ไร้ความรู้เรื่องช่างทุกชนิดยืนมองตาป
“ครับ” ราฮีมพยักหน้ารับ ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องไป ส่วนณาณีมก็เดินกลับห้องตัวเองเช่นกัน สรุปวันนี้เธอก็ไม่ได้เจอณิการ์ สงสัยต้องนัดใหม่เป็นพรุ่งนี้ราฮีมนั่งมองนิ้วโป้งขวา ที่มีผ้าพันแผลพันไว้จนกลมเหมือนก้อนหิมะ พักนี้เขาเป็นอะไรถึงได้ซุ่มซ่ามหาเรื่องใส่ตัวไม่ได้หยุดหย่อน พลอยทำให้ณาณีมต้องมาเป็นธุระให้ด้วย คิดแล้วก็เกรงใจเธอส่วนณาณีมก็อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ตามประสาคนรู้จักทั่วๆ ไป ไม่ได้เข้าใกล้ราฮีมจนเกินพอดี เธอจงใจทิ้งระยะห่าง เพราะไม่อยากใกล้ชิดกับเขาเกินไป แต่ยิ่งเธอทำแบบนั้น ราฮีมก็ยิ่งอยากเข้าใกล้แต่เพราะพักนี้เขาเองก็ยุ่งอยู่กับงาน กลับบ้านก็ค่ำมืด ทำให้ไม่มีโอกาสได้พบณาณีมสักเท่าไหร่นัก แต่ทุกครั้งที่กลับมา ราฮีมมักจะไปยืนอยู่หน้าประตูห้องของณาณีม ก่อนจะกลับเข้าห้องตัวเอง“เฮ้อ...” ราฮีมจ้องนิ้วโป้งขวา ที่ตอนนี้เอาผ้าพันแผลออกไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ณาณีมพาเขาไปโรงพยาบาลจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาสี่วันเข้าไปแล้ว แต่เขากลับไม่ได้เจอหน้าเธออย่างที่ตั้งใจ ถึงจะได้ชื่อว่าอยู่ห้องติด