“ครับ” ราฮีมพยักหน้ารับ ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องไป ส่วนณาณีมก็เดินกลับห้องตัวเองเช่นกัน สรุปวันนี้เธอก็ไม่ได้เจอณิการ์ สงสัยต้องนัดใหม่เป็นพรุ่งนี้ราฮีมนั่งมองนิ้วโป้งขวา ที่มีผ้าพันแผลพันไว้จนกลมเหมือนก้อนหิมะ พักนี้เขาเป็นอะไรถึงได้ซุ่มซ่ามหาเรื่องใส่ตัวไม่ได้หยุดหย่อน พลอยทำให้ณาณีมต้องมาเป็นธุระให้ด้วย คิดแล้วก็เกรงใจเธอส่วนณาณีมก็อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ตามประสาคนรู้จักทั่วๆ ไป ไม่ได้เข้าใกล้ราฮีมจนเกินพอดี เธอจงใจทิ้งระยะห่าง เพราะไม่อยากใกล้ชิดกับเขาเกินไป แต่ยิ่งเธอทำแบบนั้น ราฮีมก็ยิ่งอยากเข้าใกล้แต่เพราะพักนี้เขาเองก็ยุ่งอยู่กับงาน กลับบ้านก็ค่ำมืด ทำให้ไม่มีโอกาสได้พบณาณีมสักเท่าไหร่นัก แต่ทุกครั้งที่กลับมา ราฮีมมักจะไปยืนอยู่หน้าประตูห้องของณาณีม ก่อนจะกลับเข้าห้องตัวเอง“เฮ้อ...” ราฮีมจ้องนิ้วโป้งขวา ที่ตอนนี้เอาผ้าพันแผลออกไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ณาณีมพาเขาไปโรงพยาบาลจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาสี่วันเข้าไปแล้ว แต่เขากลับไม่ได้เจอหน้าเธออย่างที่ตั้งใจ ถึงจะได้ชื่อว่าอยู่ห้องติด
“โอเค ฉันจะเชื่อแกยัยแป้งโกะ” เอ่ยจบ พราวตะวันก็เดินตรงไปหาณาณีม“แวะมาหาใครที่นี่หรือจ๊ะณา”“คนรู้จักน่ะ เธอมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่าพราว”“เปล่า อ้อ…แล้วคนรู้จักที่ว่าของเธอ ผู้หญิงหรือว่าผู้ชายจ๊ะ”“ก็ทั้งชายทั้งหญิง” ณาณีมตอบกว้างๆ ไว้ อันที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องตอบคำถามอะไรพวกนี้เลยก็ยังได้“หวังว่าจะไม่ใช่ผู้ชายหรอกนะ เพราะถ้าใช่ พี่แดนคงรู้สึกไม่ดีแน่ๆ” พราวตะวันจีบปากจีบคอพูด ซึ่งล้วนแต่กระแนะกระแหนณาณีมทั้งนั้น“อันที่จริง ฉันจะมาพบใคร หญิงหรือชาย นั่นก็เรื่องส่วนตัวของฉัน...ว่าไหม อีกอย่างเราก็แค่คนรู้จักกันแบบห่างๆ เธอไม่ต้องห่วงชีวิตครอบครัวของฉันมากมายเหมือนชีวิตของเธอเองก็ได้มั้ง” ณาณีมเอ่ยประโยคที่จะบอกให้พราวตะวันรู้ว่าเธอไม่ควรล้ำเส้นเกินไป แต่แทนที่จะหยุด พราวตะวันยังเอ่ยถึงดาวินอีก“ฉันก็แค่ห่วงเธอตามประสาเพื่อนมนุษย์ เห็นว่านี่ก็ดึกมากแล้ว เธอยังเตร็ดเตร่
ชายหนุ่มยังไม่ได้เดินเข้าเกท แต่กลับเดินไปนั่งร้านกาแฟเพื่อรอเวลา แต่ขณะที่ยืนรอกาแฟที่สั่งไป อยู่ๆ ราฮีมก็กลับออกไปจากสนามบิน เป้าหมายของเขาคือณาณีม ไม่ว่ายังไงเขาต้องบอกความในใจให้เธอรู้“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน” ราฮีมปลุกใจตัวเอง เวลานี้เขายืนอยู่หน้าห้องของณาณีม ผู้หญิงที่กล้าทำให้ใจเขาปั่นป่วนทั้งๆ ที่ปลุกใจตัวเองมาตลอดทางแล้วแท้ๆ ว่าจะสารภาพความในใจออกไป ถ้าสามีของเธออยู่ เขาก็พร้อมจะขอโทษ หรือถ้าทำให้ทั้งคู่อึดอัดใจ เขาก็พร้อมจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่น แต่พอเอาเข้าจริง กลับประหม่าจนแทบจะถอดใจ“อุ๊ย!” ณาณีมอุทานออกมาอย่างตกใจ เธอกำลังจะออกไปทิ้งขยะ แต่พอเปิดประตูออกมากลับเจอราฮีมยืนอยู่“คุณณา”“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เพราะสีหน้านิ่งๆ ของราฮีม ทำเอาณาณีม ต้องถาม เพราะดูเหมือนชายหนุ่มมีอะไรในใจ“ผมขอคุยด้วยสักสองนาทีได้ไหมครับ ถ้าคุณไม่สะดวกให้ผมเข้าไปคุยด้วยในห้อง เราลงไปคุยกันที่สวนก็ได้”“เอ่อ&h
ณาณีมยังคงใช้ชีวิตช่วงลาพักร้อนในแบบที่ชอบ หลังจากกลับจากทะเล เธอก็แบ็คแพ็คไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียว อยากไปที่ไหนเธอก็แค่จองตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พัก จากนั้นก็บินไป ชีวิตอิสระแม้จะเหงาบ้าง แต่ความเหงาก็มาพร้อมกับความอิสระแต่น่าแปลก ทำไมเวลาไปที่ไหนเธอต้องคิดถึงราฮีมด้วย เขามักจะชอบโผล่เข้ามาในความคิดของเธอเสมอๆ สลัดทิ้งเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้สักทีซึ่งความรู้สึกนี้ใช่ว่าจะเป็นแค่ณาณีมคนเดียวเท่านั้น เพราะราฮีมเองก็คิดถึงเธอเช่นกัน ไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหน สมองส่วนหนึ่งก็ยังคงวนเวียนคิดถึงแต่เธอ“ท่าจะเป็นเอามาก เธอมีสามีแล้วราฮีม เลิกคิด เลิก!” ราฮีมสั่งตัวเองมาเป็นครั้งที่ร้อย แต่ดูเหมือนสมองรวมทั้งหัวใจจะทรยศ เพราะมันไม่ยอมทำตามง่ายๆแต่ละวันที่ผ่านไป ใช่ว่าความคิดถึงที่ราฮีมมีให้ณาณีมจะลดน้อยลง ยิ่งไม่ได้เห็นเธอเขาก็ยิ่งคิดถึง สงสัยจะตกนรกก็คราวนี้ คิดถึงใครไม่คิด คิดถึงคนที่มีเจ้าของในขณะที่ณาณีมเองก็ยังคงใช้ชีวิตเป็นปกติ หลังหมดวันพักร้อนเธอก็กลับไปทำงาน และก็ตามคาด เ
ณิการ์และธัญมณเลี้ยงส่งณาณีมที่กำลังไปทำงานที่ญี่ปุ่น แม้จะไปแค่ไม่กี่เดือนก็ตามที กระทั่งถึงวันเดินทางทั้งสองสาวก็ได้ไปส่งณาณีมที่สนามบิน และที่นั่นเธอได้พบกับใครคนหนึ่งเข้าณิการ์หันมากระซิบให้ณาณีมรู้พิกัด“แก๊…สองนาฬิกา”“ยัยพราว” ณาณีมเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นพราวตะวัน“อุ๊ย!…โลกกลม มาเจอแก๊งสาว สาว สาวที่สนามบินด้วย จะไปไหนกันจ๊ะ” พราวตะวันเอ่ยทัก“ฉันสองคนไม่ได้ไป แต่ณาไป” ณิการ์เอ่ยขึ้น“จะบินไปไหนหรือจ๊ะณา”“ญี่ปุ่น พอดีต้องไปทำงาน”“แหม…อายุก็เยอะขึ้นทุกวัน แต่ยังทำงานงกๆ เนอะ เขาให้เงินเดือนเท่าไหร่เนี่ย ลาออกแล้วมาเป็นพนักงานบริษัทฉันไหม” พราวตะวันเน้นคำว่าพนักงานแบบชัดถ้อยชัดคำ ทำเอาณิการ์กับธัญมณเบ้ปากให้คนขี้อวด รู้หรอกว่าบ้านรวย แต่ไม่ต้องพองยังกับอึ่งอ่างก็ได้มั้ง หมั่นไส้!“ขอบใจที่มี
ราฮีมนั่งจิบชาอุ่นๆ อยู่ในห้องพัก ซึ่งที่นี่ถูกออกแบบและตกแต่งให้เป็นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ทุกครั้งที่มาทำงานเขาก็จะมาพักที่นี่เสมอๆขณะที่นั่งจิบชาอยู่นั้น ก็ทอดสายตามองไปไกล แม้เวลานี้จะมืดแล้วแต่แสงจันทร์บนท้องฟ้าก็สว่างมากพอที่ราฮีมจะมองเห็นเงาของภูเขาไฟที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งนั่นเป็นสัญลักษณ์ของประเทศนี้ บวกกับท้องฟ้าเปิด จึงเป็นใจให้ท้องฟ้าสวยงามเขาบินมาทำงานที่ญี่ปุ่นได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว และพยายามเลิกคิดถึงณาณีม แต่ยิ่งพยายามสั่งห้ามตัวเองมากเท่าไหร่ เขากลับยังคงคิดถึงเธอมากขึ้นเท่านั้น“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจดังออกมาจากราฮีม นั่นเพราะเรื่องนี้คอยทำให้เขาสติหลุดอยู่เรื่อย ขนาดอยู่ไกลกัน ไม่ได้เจอกันเลย แทนที่เขาจะตัดใจได้ง่ายๆ แต่กลับยิ่งคิดถึงคนที่ไม่ควรคิดถึงก่อนจะตัดสินใจไปแช่ออนเซ็นคลายเครียดเสียหน่อย ที่นี่มีออนเซ็นไว้บริการลูกค้า แต่ธรรมเนียมของการแช่ออนเซ็นคือต้องเปลือยทั้งตัว ราฮีมเองก็ทำตามธรรมเนียมนั้นอย่างไม่อิดออดชายหนุ่มเดินไปตามป้ายบอกทางอย่างไม่ลังเล นั่น
และไม่นานณาณีมก็รู้คำตอบ นั่นเพราะมีผู้ชายคนหนึ่งมาแช่น้ำอยู่ใกล้ๆ พอเห็นว่าจุดนี้มีราฮีมแช่อยู่ก่อนแล้ว จึงขยับห่างออกไปแต่ถึงอย่างนั้น ราฮีมก็ไม่ได้ขยับไปไหน เขายังคงนั่งบังณาณีม อยู่ แผ่นหลังของชายหนุ่มกว้างมากพอจะบังร่างเล็กๆ ของเธอได้จนมิด แม้นี่จะเป็นการช่วยเหลือแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ทำไมณาณีมถึงต้องหวั่นไหว หรือเพราะรอบเดือนเธอกำลังมา อารมณ์เลยแปรปรวนได้ง่าย“ไม่ใช่ๆ”“บ่นอะไรคุณ” ราฮีมเอ่ยถาม ส่วนคนบ่นก็รีบออกตัวปฏิเสธอย่างมีพิรุธ“เปล่า”“ไหนๆ ก็อยู่ข้างหลังผมแล้ว ช่วยถูหลังให้ด้วยสิ มือจะได้ไม่อยู่นิ่งๆ โอ๊ย!...คุณ ผมเจ็บ” ประโยคท้ายๆ ราฮีมร้องออกมาเพราะความเจ็บ ชายหนุ่มถูกณาณีมหยิกเข้าให้เสียเต็มแรง พร้อมเอ่ยเสียงตึงๆ ใส่“จะร้องดังไปทำไม เดี๋ยวก็มีคนได้ยินหรอก”“ก็คุณหยิกผม”“ก็ใครให้พูดลามก ทะลึ่งไม่ทราบ อย่าลืมว่าฉันมีสามีแล้ว คิดอกุศลกับคนมีครอบครัว มัน
ณาณีมตัดสินใจย้ายกลับไปพักในตัวเมือง เพราะไม่อยากอยู่ใกล้ราฮีมไปมากกว่านี้ เธอรู้ว่าใจเธอนั้นแข็งพอที่จะปฏิเสธความรู้สึกของชายหนุ่ม แค่ไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัดแบบนี้ก็เท่านั้นเองเธอมาที่นี่เพื่อทำงาน สร้างอนาคต ไม่ได้มาเพื่อจะหาคู่ เพราะชีวิตเธอมันผ่านอะไรมานักต่อนัก อยู่แบบโสดๆ อย่างตอนนี้ก็สบายดีแล้วส่วนพราวตะวัน ที่บอกณาณีมว่าเธอจะบินไปหาราฮีมที่อังกฤษ ทั้งๆ ที่เธอนั้นบินมาแค่ญี่ปุ่น ก็กำลังเดินช้อปปิ้งอย่างสบายอกสบายใจ งานที่ทำร่วมกับราฮีมนั้นผ่านไปด้วยดี เธอจึงให้รางวัลตัวเองด้วยการ ช้อปปิ้ง ระหว่างที่กำลังเดินซื้อนั่น ซื้อนี่อยู่ สายตาก็มองเห็นใครคนหนึ่งเข้า“พี่แดนนี่” พราวตะวันรีบวางกระเป๋าแบรนด์เนมในช็อปที่กำลังเลือกทันที ก่อนจะรีบจ้ำไปหาดาวิน กลยุทธ์ใส่ไฟเริ่มขึ้น ณ บัดนี้“พี่แดน มาทำอะไรที่นี่คะ”“ทำงานครับ” ดาวินแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ได้พบพราวตะวันที่นี่“แล้วมาพร้อมณาหรือเปล่า พอดีวันบิน พราวเจอกับณาที่สนามบิน
ชายหนุ่มดึงตัวณาณีมให้ขึ้นมานั่งคร่อม ยกสะโพกของเธอขึ้นสูงแล้วค่อยๆ กดลงมารับแก่นกายของเขาช้าๆ ให้มันค่อยๆ มุดหายเข้าไปอยู่ในตัวเธอ แม้จะมีอะไรกันมาหลายต่อหลายครั้ง แต่แรงตอดรัด ความอุ่นภายในตัวของณาณีมก็ทำให้ราฮีมคลั่งได้เสมอๆ“อ่า...อาห์…” ณาณีมครางออกมาเมื่อเวลานี้เธอรับแก่นกายของราฮีมไว้จนลึกสุด ชายหนุ่มนอนนิ่งๆ ราวกับต้องการซึมซับความเสียวซ่าน แต่ณาณีมกลับทนไม่ไหวและเธอก็เริ่มขยับสะโพกบดเบียดสลับขึ้นลง จากช้าก็เปลี่ยนมาเป็นเร็วและถี่กระชั้น“ใจเย็นๆ ที่รัก ผมยังอยากอยู่ในตัวคุณ” ราฮีมรีบห้าม นั่นเพราะยังอยากอยู่ในตัวณาณีมให้นาน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือณาณีมกัดริมฝีปากล่าง มองราฮีมด้วยแววตาเซ็กซี่ ทำเอาหัวใจชายหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะเผลอปล่อยอารมณ์ให้กระเจิดกระเจิงจนเกือบปลดปล่อยและเมื่อรู้ตัวราฮีมก็ถอดถอนความแข็งขืนออกมาจากตัวเธอก่อน แล้วจัดการเปลี่ยนท่าทางด้วยการจับณาณีมให้กลับมานอนหงายบนเตียง ส่วนเขาลงไปยืนอยู่ริมเตียง รั้งเธอให้ขยับเข้าหาแล้วแทรกตั
“ขอบใจแกสองคนมากนะ ที่คอยช่วยเหลือฉันทุกอย่าง” ณิการ์หันไปมองณาณีมกับธัญมณที่ต้องเหนื่อยแทนเธอตั้งหลายเรื่อง โดยเฉพาะณาณีม“เล็กน้อยน่ะ” ธัญมณยิ้มให้“พรุ่งนี้สามีฉันก็บินกลับมาแล้ว โล่งอกไปหน่อย”“สู้ๆ คุณแม่” ณาณีมยิ้มให้คนบนเตียงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนด้วยอีกคน“อื้อ…สู้อยู่แล้ว เป็นแม่คนต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย แต่แค่ผ่าไส้ติ่งทำไมมันเจ็บงี้ก็ไม่รู้” เพิ่งบอกให้อดทนไปหยกๆ แต่อยู่ๆ หน้าณิการ์ก็ยู่ยี่ เพราะยังรู้สึกเจ็บจี๊ดที่แผลผ่าตัด“เอาน่ะ เจ็บแค่นี้เล็กน้อย มันสู้ตอนแกเบ่งคลอดน้องภูมิไม่ได้ด้วยซ้ำ จริงไหม” ณิการ์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของณาณีม“จริง เพราะงั้นฉันเลยขอมีลูกแค่คนเดียวนี่ไง เข็ดตอนเบ่งคลอด”“แกนี่” ณาณีมส่ายหน้าให้ณิการ์อีกที ก่อนที่ณิการ์จะเอ่ยกับลูกชาย ที่พอทำการบ้านเสร็จก็ตัวติดกับราฮีมทันทีเหมือนกัน“น้องภู
“เชิญค่ะ เพราะการเม้าท์มอยในที่ทำงานถือเป็นงานหลัก เอ้ย! ไม่สิ งานอดิเรกของใครหลายๆ คนอยู่แล้ว แต่ณาว่าพี่ณิอรกับมาตาคงไม่เป็นหรอก ใช่ไหมคะ”“ใช่จ้ะใช่” ณิอรเอ่ยรับก่อน“ใช่ค่ะ มาตากับพี่ณิอรไม่ใช่พวกขาเม้าท์แน่นอน เรื่องเม้าท์ไร้สาระทั้งนั้น” มาตาที่นั่งฟังมานานเอ่ยเสริมขึ้นบ้าง แต่แค่ได้ฟังก็คันปากยิกๆ“กินข้าวกันค่ะ เดี๋ยวเย็นแล้วมันจะไม่อร่อย” ณิอรและมาตาพยักหน้ารับกันหงึกหงักแล้วกินข้าวเที่ยงกันอย่างเงียบๆ ส่วนณาณีมนั้นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะรู้ว่าสองคนนี้คิดอะไรกันอยู่ ดีไม่ดีกลับเข้าไปทำงานในช่วงบ่าย เธออาจเป็นเซเลบที่มีแต่คนมอง ซึ่งณาณีมก็หาได้แคร์ไม่กระทั่งอิ่ม ณาณีมก็ขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงมื้อกลางวัน ณิอรและมาตาก็ไม่ได้คัดค้าน ดีซะอีก เพราะจะได้ประหยัดเงินค่ามื้อเที่ยงไปอีกหนึ่งมื้อ จากนั้นณาณีมก็ขอตัวกลับออกไปก่อน“ก่อนกินข้าว พี่ณิอรว่าพี่ณาแขวะเราไหมคะ” เมื่ออยู่กันสองคน มาตาก็เอ่ยขึ้น“
“เร็วไปนะคะ พูดถึงท่านปุ๊บก็จะชวนณาไปปั๊บ ใจร้อนเป็นวัยรุ่นไปได้” ณาณีมส่ายหน้าให้คนตัวโตกว่า ที่ตอนนี้เขาเอาแต่นั่งยิ้ม นั่นเพราะแม้รักครั้งนี้เขาจะให้ณาณีมเป็นคนออกแบบ แต่เส้นทางที่เธอเลือกมันก็ไม่ได้ต่างไปจากตัวตนในแบบที่ราฮีมอยากได้“ก็ผมอยากให้ครอบครัวได้เจอกับผู้หญิงคนที่ผมจะใช้ชีวิตด้วยหลังจากนี้ ผมจะได้บอกพ่อกับแม่ว่าวันนี้พระเจ้าได้ประทานผู้หญิงที่มีค่ามาให้ผมแล้ว”“เดี๋ยวณาก็ตัวลอยหรอก”“ผมพูดเรื่องจริง”“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจณา ขอบคุณ” นอกจากคำๆ นี้แล้ว ณาณีมก็ไม่รู้จะเอ่ยคำไหน ถึงแม้ก่อนหน้านี้เธอไม่คิดจะเปิดใจให้เขา แต่สุดท้ายก็แพ้ใจ“ถ้าไม่ให้ผมเข้าใจคนที่ผมรักแล้วจะให้ผมไปเข้าใจใครครับ…หืม” เพราะรักราฮีมจึงเข้าใจด้วยหัวใจ และไม่ต้องการเปลี่ยนตัวตนของณาณีม เขาต่างหากที่ต้องขอบคุณที่เธอเปิดใจให้ นั่นเพราะรู้ว่าความรักสำหรับคนอย่างณาณีมนั้นต่างจากทุกๆ คน“ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้คุณ
“รู้ไหมว่าลูกแกพูดอะไรกับฉันเมื่อวาน น้องภูมิบอกว่ารักแกมาก แกอยากให้เรียนพิเศษอะไร น้องภูมิก็เรียน เรียนเพื่อตามใจแก” ยังฟังไม่ทันจบประโยค ณิการ์ก็ปล่อยโฮออกมาอย่างยากจะกลั้นไว้ได้เธอสะอึกสะอื้นจนตัวโยน ที่ผ่านมาเธอคงเป็นแม่ที่เห็นแก่ตัวจริงๆ คิดเองเออเองในฐานะแม่ ว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับภูมิแผ่นดิน และเมื่อเห็นแม่ร้องไห้ เด็กชายก็เดินเข้ามาหาใกล้ๆ นั่นทำให้ณิการ์คว้าลูกชายมากอดอย่างรู้สึกผิด“แม่ขอโทษนะครับภูมิ แม่ขอโทษ”“คุณแม่ขอโทษน้องภูมิทำไมครับ” เด็กชายเอ่ยถามอย่างงุนงง นั่นเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้ใหญ่พูดนัก ที่สำคัญเมื่อครู่ยังถูกราฮีมจงใจเบี่ยงเบนความสนใจขณะที่ณาณีมคุยกับณิการ์ไปด้วย“วันหลังเราไปเล่นบ้านบอล ไปกินเฟรนช์ฟรายส์กันนะครับ”“จริงๆ นะฮะ” ภูมิแผ่นดินยิ้มกว้างทันที“จริงสิครับ ส่วนเรียนพิเศษ ต่อไปนี้แม่จะถามก่อนว่าน้องภูมิอยากเรียนไหม ถ้าไม่ชอบก็บอกแม่นะครับ”
และใช่ว่าณาณีมจะวาดภาพเหล่านั้นเพียงคนเดียว เพราะเวลาที่ราฮีมเล่นหยอกล้อกับภูมิแผ่นดิน เธอก็แอบคิดแวบๆ ว่าหากวันหนึ่งเธอมีลูกกับเขาขึ้นมา ภาพมันคงจะอบอุ่น น่ามองเหมือนกับตอนนี้ แต่นั่นก็คือเรื่องของอนาคต ที่อาจเกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้ เพราะสังคมสมัยนี้อันตรายรอบด้านจนเธอคิดที่จะไม่มีลูก จะได้ไม่ต้องมีห่วงให้ต้องทุกข์เมื่อใช้เวลาเล่นทดแทนเวลาเรียนพิเศษจนครบ ณาณีมและราฮีมก็พาภูมิแผ่นดินไปหาณิการ์ที่โรงพยาบาล แต่ระหว่างทางเด็กชายก็ผล็อยหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน เพราะวิ่งเล่นมานานหลายชั่วโมง ซึ่งราฮีมก็ใช้จังหวะนั้นเปิดคลิปที่เขาถ่ายไว้ให้ณาณีมดู“ตอนพาน้องภูมิลงสไลเดอร์หน้าณาตลกขนาดนี้เลยเหรอ” เห็นหน้าตัวเองแล้วณาณีมก็ขำ แต่สไลเดอร์ที่เล่นมันสูงจริงๆ นะ เล่นทีก็เสียวที“ตลกมาก ผมยังนั่งขำจนท้องแข็ง” ราฮีมหัวเราะออกมา ส่วนณาณีมนั้นก็เปิดดูคลิปที่ชายหนุ่มแอบถ่ายเอาไว้“ถ้าเพื่อนฉันเห็นคลิปพวกนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ เพราะฉันเองก็ห่วงน้องภูมิที่ถูกปุ้ยอัดสารพัดความรู้ที่คิดว่าจำเป็นใส่หัวตั้งแต่ตัวเท่านี้ ทั้งๆ
“ไม่จุ๊บหน่อยเหรอ” น้ำเสียงอ้อนๆ ของผู้ชายตัวโตเป็นยักษ์เอ่ยถาม มันช่างขัดกับภาพลักษณ์นักธุรกิจหนุ่มผู้ร้อนแรงของเขานัก“ไม่” น้ำเสียงตึงๆ ของณาณีมเอ่ยตอบ แต่ใบหน้าของเธอนั้นกลับแฝงรอยยิ้มไว้ตลอดเวลา“กอดก็ได้นะ”“ไม่กอด ก็วันนี้ณาโสด เรื่องอะไรจะทำตัวเหมือนคนมีแฟน”“งั้นพรุ่งนี้เจอกัน หึ…อย่าคิดว่าน้องภูมิอยู่ด้วยแล้วจะรอด” ราฮีมเอ่ยคาดโทษ นั่นทำให้ณาณีมรีบไล่ชายหนุ่มกลับห้องทันที“กลับห้องไปนอนได้แล้ว” เธอดุนหลังเขามาถึงประตู ร่ำลากันอยู่สองสามนาที ราฮีมจึงยอมกลับห้องของเขาณาณีมส่ายหน้าให้ชายหนุ่ม ก่อนจะกลับมาจัดการอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยๆ ก้าวขึ้นเตียงนอนอย่างระวัง เพราะกลัว ภูมิแผ่นดินที่กำลังหลับจะตื่น วันนี้ณาณีมเองก็เหนื่อยมาทั้งวัน จึงไม่แปลกที่พอหัวถึงหมอนได้ เธอก็หลับสนิทอย่างง่ายดาย 
“คุณแม่ไม่สบายเหรอฮะ” น้ำเสียงของภูมิแผ่นดินดูสลดลงไป เพราะห่วงผู้เป็นแม่“ค่ะ ตอนนี้น้ามณพาคุณแม่ไปโรงพยาบาลแล้ว ส่วนเราก็กำลังจะตามไป”“ฮะ” เด็กชายเอ่ยรับอย่างว่าง่าย ณาณีมจึงรีบพาภูมิแผ่นดินไปยังโรงพยาบาลทันที ซึ่งระหว่างนั้นธัญมณก็ได้โทรศัพท์มาหา โดยบอกว่าณิการ์ไส้ติ่งแตกกะทันหันต้องผ่าตัดด่วนณาณีมจึงเปลี่ยนแผนยังไม่พาภูมิแผ่นดินไปโรงพยาบาลตอนนี้ เพราะถ้าไปก็คงไปนั่งรอในพื้นที่ของโรงพยาบาลจนกว่าจะผ่าตัดเสร็จ ไม่น่าจะดีสักเท่าไหร่“น้องภูมิหิวไหมครับ”“หิวฮะ”“งั้นเราแวะหาอะไรกินกันก่อนดีไหม”“แต่ภูมิเป็นห่วงคุณแม่ อยากไปโรงพยาบาลเร็วๆ” คำตอบของเด็กชายทำให้ณาณีมยิ้มกว้าง รู้สึกอบอุ่นหัวใจแทนณิการ์ที่มีลูกน่ารักๆ แบบนี้“โธ่…ตัวก็เล็กแค่นี้ยังเป็นห่วงคุณแม่อีก แต่น้าณาว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้องนะ ถ้าหิวน้องภูมิจะเอาแรงที่ไหนไปดูแลคุณแม่ล่ะครับ&r
“ฉันดีใจนะที่แกยิ้มได้แบบนี้น่ะณา” ณิการ์เอ่ยขึ้น นั่นเพราะความรักครั้งนี้พลอยทำให้เพื่อนเธอสดใสเป็นกอง ซึ่งธัญมณเองก็เห็นด้วย“ฉันด้วย สีหน้าแกดูมีความสุขอ่ะ ฉันสัมผัสได้”“มันออกขนาดนั้นเลยเหรอ” ณาณีมจับหน้าตัวเอง เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าสีหน้าของเธอจะเป็นแบบที่ทั้งสองคนพูด“มาก...แววตาแกก็วิ้งๆ มีประกายจนฉันอิจฉา ไปหย่าผัวมั่งดีกว่า เผื่อได้ผู้ชายใหม่ ดุ้นใหญ่ๆ บ้าง” ธัญมณยิ้มกริ่ม นั่นทำเอาณิการ์ต้องรีบถาม“เอาจริงเหรอยะยัยมณ”“พูดปากดีไปงั้น เพราะเรื่องอะไรฉันจะหย่าให้ชายโฉดหญิงชั่วมันมีความสุข อยู่เป็นก้างมันอยู่แบบนี้นี่แหละ สะใจดี” ธัญมณนั้นแค้นฝังหุ่นสามีที่มีเมียน้อย เธอจะตายไปพร้อมทะเบียนสมรสนี่ล่ะ สะใจดี“สะใจดี แล้วแกมีความสุขไหม” คำถามของณาณีมทำให้ธัญมณนิ่งไป“มีสิ ถ้าไม่สุข ฉันจะยิ้มได้แบบนี้เหรอ” เอ่ยจบก็ฉีกยิ้มกว้างให้เพื่อนทั้งสองได้เห็น