ชายหนุ่มยังไม่ได้เดินเข้าเกท แต่กลับเดินไปนั่งร้านกาแฟเพื่อรอเวลา แต่ขณะที่ยืนรอกาแฟที่สั่งไป อยู่ๆ ราฮีมก็กลับออกไปจากสนามบิน เป้าหมายของเขาคือณาณีม ไม่ว่ายังไงเขาต้องบอกความในใจให้เธอรู้“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน” ราฮีมปลุกใจตัวเอง เวลานี้เขายืนอยู่หน้าห้องของณาณีม ผู้หญิงที่กล้าทำให้ใจเขาปั่นป่วนทั้งๆ ที่ปลุกใจตัวเองมาตลอดทางแล้วแท้ๆ ว่าจะสารภาพความในใจออกไป ถ้าสามีของเธออยู่ เขาก็พร้อมจะขอโทษ หรือถ้าทำให้ทั้งคู่อึดอัดใจ เขาก็พร้อมจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่น แต่พอเอาเข้าจริง กลับประหม่าจนแทบจะถอดใจ“อุ๊ย!” ณาณีมอุทานออกมาอย่างตกใจ เธอกำลังจะออกไปทิ้งขยะ แต่พอเปิดประตูออกมากลับเจอราฮีมยืนอยู่“คุณณา”“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เพราะสีหน้านิ่งๆ ของราฮีม ทำเอาณาณีม ต้องถาม เพราะดูเหมือนชายหนุ่มมีอะไรในใจ“ผมขอคุยด้วยสักสองนาทีได้ไหมครับ ถ้าคุณไม่สะดวกให้ผมเข้าไปคุยด้วยในห้อง เราลงไปคุยกันที่สวนก็ได้”“เอ่อ&h
ณาณีมยังคงใช้ชีวิตช่วงลาพักร้อนในแบบที่ชอบ หลังจากกลับจากทะเล เธอก็แบ็คแพ็คไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียว อยากไปที่ไหนเธอก็แค่จองตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พัก จากนั้นก็บินไป ชีวิตอิสระแม้จะเหงาบ้าง แต่ความเหงาก็มาพร้อมกับความอิสระแต่น่าแปลก ทำไมเวลาไปที่ไหนเธอต้องคิดถึงราฮีมด้วย เขามักจะชอบโผล่เข้ามาในความคิดของเธอเสมอๆ สลัดทิ้งเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้สักทีซึ่งความรู้สึกนี้ใช่ว่าจะเป็นแค่ณาณีมคนเดียวเท่านั้น เพราะราฮีมเองก็คิดถึงเธอเช่นกัน ไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหน สมองส่วนหนึ่งก็ยังคงวนเวียนคิดถึงแต่เธอ“ท่าจะเป็นเอามาก เธอมีสามีแล้วราฮีม เลิกคิด เลิก!” ราฮีมสั่งตัวเองมาเป็นครั้งที่ร้อย แต่ดูเหมือนสมองรวมทั้งหัวใจจะทรยศ เพราะมันไม่ยอมทำตามง่ายๆแต่ละวันที่ผ่านไป ใช่ว่าความคิดถึงที่ราฮีมมีให้ณาณีมจะลดน้อยลง ยิ่งไม่ได้เห็นเธอเขาก็ยิ่งคิดถึง สงสัยจะตกนรกก็คราวนี้ คิดถึงใครไม่คิด คิดถึงคนที่มีเจ้าของในขณะที่ณาณีมเองก็ยังคงใช้ชีวิตเป็นปกติ หลังหมดวันพักร้อนเธอก็กลับไปทำงาน และก็ตามคาด เ
ณิการ์และธัญมณเลี้ยงส่งณาณีมที่กำลังไปทำงานที่ญี่ปุ่น แม้จะไปแค่ไม่กี่เดือนก็ตามที กระทั่งถึงวันเดินทางทั้งสองสาวก็ได้ไปส่งณาณีมที่สนามบิน และที่นั่นเธอได้พบกับใครคนหนึ่งเข้าณิการ์หันมากระซิบให้ณาณีมรู้พิกัด“แก๊…สองนาฬิกา”“ยัยพราว” ณาณีมเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นพราวตะวัน“อุ๊ย!…โลกกลม มาเจอแก๊งสาว สาว สาวที่สนามบินด้วย จะไปไหนกันจ๊ะ” พราวตะวันเอ่ยทัก“ฉันสองคนไม่ได้ไป แต่ณาไป” ณิการ์เอ่ยขึ้น“จะบินไปไหนหรือจ๊ะณา”“ญี่ปุ่น พอดีต้องไปทำงาน”“แหม…อายุก็เยอะขึ้นทุกวัน แต่ยังทำงานงกๆ เนอะ เขาให้เงินเดือนเท่าไหร่เนี่ย ลาออกแล้วมาเป็นพนักงานบริษัทฉันไหม” พราวตะวันเน้นคำว่าพนักงานแบบชัดถ้อยชัดคำ ทำเอาณิการ์กับธัญมณเบ้ปากให้คนขี้อวด รู้หรอกว่าบ้านรวย แต่ไม่ต้องพองยังกับอึ่งอ่างก็ได้มั้ง หมั่นไส้!“ขอบใจที่มี
ราฮีมนั่งจิบชาอุ่นๆ อยู่ในห้องพัก ซึ่งที่นี่ถูกออกแบบและตกแต่งให้เป็นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ทุกครั้งที่มาทำงานเขาก็จะมาพักที่นี่เสมอๆขณะที่นั่งจิบชาอยู่นั้น ก็ทอดสายตามองไปไกล แม้เวลานี้จะมืดแล้วแต่แสงจันทร์บนท้องฟ้าก็สว่างมากพอที่ราฮีมจะมองเห็นเงาของภูเขาไฟที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งนั่นเป็นสัญลักษณ์ของประเทศนี้ บวกกับท้องฟ้าเปิด จึงเป็นใจให้ท้องฟ้าสวยงามเขาบินมาทำงานที่ญี่ปุ่นได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว และพยายามเลิกคิดถึงณาณีม แต่ยิ่งพยายามสั่งห้ามตัวเองมากเท่าไหร่ เขากลับยังคงคิดถึงเธอมากขึ้นเท่านั้น“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจดังออกมาจากราฮีม นั่นเพราะเรื่องนี้คอยทำให้เขาสติหลุดอยู่เรื่อย ขนาดอยู่ไกลกัน ไม่ได้เจอกันเลย แทนที่เขาจะตัดใจได้ง่ายๆ แต่กลับยิ่งคิดถึงคนที่ไม่ควรคิดถึงก่อนจะตัดสินใจไปแช่ออนเซ็นคลายเครียดเสียหน่อย ที่นี่มีออนเซ็นไว้บริการลูกค้า แต่ธรรมเนียมของการแช่ออนเซ็นคือต้องเปลือยทั้งตัว ราฮีมเองก็ทำตามธรรมเนียมนั้นอย่างไม่อิดออดชายหนุ่มเดินไปตามป้ายบอกทางอย่างไม่ลังเล นั่น
และไม่นานณาณีมก็รู้คำตอบ นั่นเพราะมีผู้ชายคนหนึ่งมาแช่น้ำอยู่ใกล้ๆ พอเห็นว่าจุดนี้มีราฮีมแช่อยู่ก่อนแล้ว จึงขยับห่างออกไปแต่ถึงอย่างนั้น ราฮีมก็ไม่ได้ขยับไปไหน เขายังคงนั่งบังณาณีม อยู่ แผ่นหลังของชายหนุ่มกว้างมากพอจะบังร่างเล็กๆ ของเธอได้จนมิด แม้นี่จะเป็นการช่วยเหลือแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ทำไมณาณีมถึงต้องหวั่นไหว หรือเพราะรอบเดือนเธอกำลังมา อารมณ์เลยแปรปรวนได้ง่าย“ไม่ใช่ๆ”“บ่นอะไรคุณ” ราฮีมเอ่ยถาม ส่วนคนบ่นก็รีบออกตัวปฏิเสธอย่างมีพิรุธ“เปล่า”“ไหนๆ ก็อยู่ข้างหลังผมแล้ว ช่วยถูหลังให้ด้วยสิ มือจะได้ไม่อยู่นิ่งๆ โอ๊ย!...คุณ ผมเจ็บ” ประโยคท้ายๆ ราฮีมร้องออกมาเพราะความเจ็บ ชายหนุ่มถูกณาณีมหยิกเข้าให้เสียเต็มแรง พร้อมเอ่ยเสียงตึงๆ ใส่“จะร้องดังไปทำไม เดี๋ยวก็มีคนได้ยินหรอก”“ก็คุณหยิกผม”“ก็ใครให้พูดลามก ทะลึ่งไม่ทราบ อย่าลืมว่าฉันมีสามีแล้ว คิดอกุศลกับคนมีครอบครัว มัน
ณาณีมตัดสินใจย้ายกลับไปพักในตัวเมือง เพราะไม่อยากอยู่ใกล้ราฮีมไปมากกว่านี้ เธอรู้ว่าใจเธอนั้นแข็งพอที่จะปฏิเสธความรู้สึกของชายหนุ่ม แค่ไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัดแบบนี้ก็เท่านั้นเองเธอมาที่นี่เพื่อทำงาน สร้างอนาคต ไม่ได้มาเพื่อจะหาคู่ เพราะชีวิตเธอมันผ่านอะไรมานักต่อนัก อยู่แบบโสดๆ อย่างตอนนี้ก็สบายดีแล้วส่วนพราวตะวัน ที่บอกณาณีมว่าเธอจะบินไปหาราฮีมที่อังกฤษ ทั้งๆ ที่เธอนั้นบินมาแค่ญี่ปุ่น ก็กำลังเดินช้อปปิ้งอย่างสบายอกสบายใจ งานที่ทำร่วมกับราฮีมนั้นผ่านไปด้วยดี เธอจึงให้รางวัลตัวเองด้วยการ ช้อปปิ้ง ระหว่างที่กำลังเดินซื้อนั่น ซื้อนี่อยู่ สายตาก็มองเห็นใครคนหนึ่งเข้า“พี่แดนนี่” พราวตะวันรีบวางกระเป๋าแบรนด์เนมในช็อปที่กำลังเลือกทันที ก่อนจะรีบจ้ำไปหาดาวิน กลยุทธ์ใส่ไฟเริ่มขึ้น ณ บัดนี้“พี่แดน มาทำอะไรที่นี่คะ”“ทำงานครับ” ดาวินแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ได้พบพราวตะวันที่นี่“แล้วมาพร้อมณาหรือเปล่า พอดีวันบิน พราวเจอกับณาที่สนามบิน
“ก็เป็นซะแบบนี้ ปากร้าย ไม่มีเสน่ห์ ผู้ชายเขาเลยทิ้ง”“ถ้าบอกว่าฉันเป็นคนขอหย่าเอง เธอจะเชื่อไหมล่ะ” แค่เห็นสีหน้า ณาณีมก็ได้คำตอบว่าพราวตะวันไม่เชื่อ“ไม่เชื่อ”“งั้นก็จงเชื่อในแบบที่เธอสบายใจแล้วกันนะ แค่นี้ใช่ไหม ฉันขอตัว” เอ่ยจบก็ลุกไปเช็คบิลที่เคาน์เตอร์ เค้กอร่อยๆ ดูจะกร่อยจนณาณีมนั้นกินไม่ลง“หึ…เป็นหม้าย ผัวหย่า ยังจะมาวางมาด ทุเรศ” พราวตะวันเอ่ยตามหลัง แต่ณาณีมก็ไม่ได้สนใจจะหันไปต่อล้อต่อเถียงด้วย ความจริงคือความจริง เธอหย่าแล้วไง เป็นหม้ายแล้วไง ใครแคร์แต่ประโยคที่ณาณีมและพราวตะวันคุยกันนั้น กลับทำให้อีกคนที่บังเอิญได้ยินเข้า ถึงกับยิ้มออกมา หลังจากหงุดหงิด หัวเสีย ฟาดงวงฟาดงาใส่ลูกน้องจนเข้าหน้ากันไม่ติดไปหลายวัน ตั้งแต่รู้ว่าณาณีมได้ย้ายออกไปจากที่พัก โดยไม่บอกไม่กล่าวเขาสักคำราฮีมตัดสินใจแอบตามณาณีมไป กระทั่งรู้ว่าเธอพักที่ไหน จากนั้นก็จัดการย้ายตัวเองไปพักที่เดียวกับเธอเสร็จสรรพ แถมเลือกห้องที่อย
“แค่กๆ...ตะกี้คุณว่าอะไรนะคะ”“ผมรู้แล้วว่าคุณหย่ากับสามี” ณาณีมอยากถามเหลือเกินว่าเขารู้มาจากใคร แต่ถามไปก็เท่านั้น เพราะมันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้“อื้อ…ตอนนี้ฉันเลยเป็นหม้าย”“ถ้าอย่างนั้น เรื่องของเรามันก็เป็นไปได้สิครับ เพราะตอนนี้คุณก็โสดแล้ว” ราฮีมพูดตรงซะณาณีมไปไม่ถูก เขาดีใจที่รู้ว่าเธอโสด แต่ก็น้อยใจนิดๆ ที่เธอเอาแต่บอกเขาว่าแต่งงานแล้ว หรือชอบหยิบเอาอดีตสามีมาแทงกั๊กเวลาอยู่ด้วยกัน“คุณราฮีม”“ให้โอกาสผม ให้โอกาสเราได้รู้จักกันได้ไหมครับ”“คือ…ฉันยังไม่พร้อมจะมีใครจริงๆ ค่ะ ถ้าฉันอยากเริ่มต้นใหม่ ฉันคงสนใจคุณไปตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันแล้ว เพราะฉันหย่ากับอดีตสามี ก่อนที่จะมาเจอคุณ และฉันก็พอจะเดาออกว่าคุณคิดยังไงกับฉัน”“ผมชอบคุณ และเพราะเหตุผลนั้น ผมถึงมาอยู่ที่นี่ เพื่อจะได้อยู่ใกล้กับคุณ” ราฮีมเอ่ยเหตุผลออกไปบ้าง ซึ่งณาณีมเองก็มีเหตุผลของตัว
หลังเสร็จสิ้นการมาร่วมงานแต่งงาน ณาณีมและราฮีมก็ใช้เวลาพักผ่อนกันที่ภูเก็ตอีกหลายวัน ชายหนุ่มพาเธอไปล่องเรือยอร์ช และณาณีมก็มีโอกาสได้ใส่บิกินี่อวดหุ่นสวยๆแต่ทว่าเธอก็แค่ได้ใส่ นั่นเพราะยังไม่ทันจะได้กระโดดลงไปเล่นน้ำทะเล ราฮีมก็จัดการถอดมันออกเสียก่อน จากนั้นเขาก็ทำให้เธอเร่าร้อนจนนอนหอบ กว่าจะได้หยิบบิกินี่มาสวมก็เย็นมากแล้วช่วงเวลาสำหรับการมาพักผ่อนมักจะผ่านไปเร็วเสมอ กระทั่งถึงเช้าวันสุดท้าย เพราะช่วงบ่ายๆ ณาณีมกับราฮีมต้องบินกลับกรุงเทพฯ‘เจอกันที่ชายหาดนะคะ’ นี่คือข้อความที่ณาณีมเขียนด้วยลายมือแล้วทิ้งไว้บนหมอนให้ราฮีมที่เพิ่งตื่นนอนได้อ่าน และเขาก็ไม่ลังเลที่จะเดินตามเธอไปยังชายหาดและทันทีที่มาถึง ชายหนุ่มก็ถึงกับยืนตะลึง เพราะถ้าเขาไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองมากจนเกินไป ตรงหน้านี่คือฉากแต่งงานใช่ไหม ริมชายหาดมีซุ้มแต่งงานที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สดสีสวยและก้อนหิน ริมทางเดินยังโปรยด้วยกลีบกุหลาบแดงตัดกับทรายสีขาวละเอียดก่อนที่ณาณีมจะเดินมาหา ตอนนี้เ
ณาณีมกับราฮีมบินไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนชายหนุ่มที่ภูเก็ต บรรยากาศงานแต่งงานริมชายหาดที่ตกแต่งด้วยดอกไม้และเปลือกหอย เน้นโทนขาวฟ้าตามแบบที่เจ้าสาวชอบช่างดูโรแมนติก บวกกับแสงแดดอ่อนๆ ยามอัสดง ที่ทอประกายระยิบระยับสะท้อนกับคลื่นก็ยิ่งสวยงามไหนจะแสงจากเทียนที่ประดับอยู่รอบๆ ก็ส่งให้งานแต่งงานครั้งนี้น่าจดจำ บ่าวสาวนั้นสวยหล่อดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก“มองอะไรอยู่ครับ”“มองเจ้าบ่าวเจ้าสาวน่ะค่ะ” ณาณีมเอ่ยยิ้มๆ มีความสุขกับการได้เห็นคนรักกัน แม้ชีวิตเธอจะเคยล้มเหลวเรื่องความรักถึงขั้นหย่าร้าง แต่สุดท้ายก็ได้รับความรักดีๆ จากผู้ชายอย่างราฮีม แม้จะไม่รู้ว่าความรักครั้งนี้จะจบลงแบบไหน แต่ณาณีมก็ไม่เสียใจที่ได้รักใครอีกครั้ง“เปลี่ยนใจแต่งงานกับผมไหม”“ไม่เปลี่ยน”“ใจร้ายจังเลย” ราฮีมตีหน้าเศร้าได้ไม่นานก็ยิ้มร่า ทำเอาณาณีมตามอารมณ์เขาไม่ทัน แบบนี้ล่ะมั้งถึงอยู่ด้วยกันได้“แต่ร้ายยังไงก็รักครับ”“น่ารักแบบนี้ จะไม่ใ
“เรื่องคืนนั้นที่ญี่ปุ่นน่ะค่ะ พอมาตั้งสติแล้วนั่งคิด พราวถึงได้รู้ว่าตัวเองโง่มากที่ทำแบบนั้นลงไป” พราวตะวันคิดได้แบบนี้ในวันที่ผู้เป็นแม่ป่วยหนัก แม่พรั่งพรูความในใจออกมามากมายว่าเคยทำเรื่องไม่ดีกับใครไว้บ้าง อยากขอโทษก่อนที่จะสายไป แต่บางคนก็จากโลกนี้ไปแล้ว จึงไม่มีโอกาสได้คุย ได้ปรับความเข้าใจกันนั่นทำให้พราวตะวันย้อนคิดถึงตัวเองว่าเธอเคยทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพียงเพราะต้องการเอาชนะกัน หรืออะไรก็ตาม พอมานั่งคิดเรื่องต่างๆ ก็ย้อนกลับมาและหนึ่งในนั้นคือเรื่องของราฮีม ทำให้เธอมาหาเขาที่นี่“พราวอยากขอโทษณาด้วย แต่วันนี้กลับติดต่อณาไม่ได้”“คุณณามีประชุมครับ” ราฮีมบอกเหตุผล นั่นเพราะณาณีมได้บอกไว้แล้วว่าวันนี้เธออาจต้องประชุมทั้งวัน“ถ้ายังไง พราวฝากคุณราฮีมขอโทษณาด้วยนะคะ”“ได้สิครับ”“ถ้างั้นพราวขอตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะต้องไปรับคุณแม่ที่โรงพยาบาล”“เชิญครับ” เสียงทุ้มเอ่ย
“ให้ตายสิ เชื่อไหม ผมไม่อยากกลับห้องเลย ตั้งแต่รักคุณ ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเด็กสิบหกสิบเจ็ดที่มีความรักสุมอก” บางครั้งราฮีมก็อยากเจาะประตูให้ห้องเขาและห้องณาณีมเชื่อมติดกันนัก แต่การอยู่กันคนละห้องแบบนี้ก็ดี เพราะต่างฝ่ายก็ต่างมีพื้นที่ของกันและกัน จะได้เว้นช่องว่างและจะได้คิดถึงกัน เฝ้ารอเวลาที่จะได้พบกัน“เชื่อค่ะ เพราะคุณทำให้ณาเชื่อ สำหรับณา รักครั้งนี้มันร้อนแรงจนณา…” ณาณีมกัดริมฝีปากตัวเอง พร้อมกับส่งสายตายั่วยวนมายังราฮีม“จนณาทำไมครับ”“จนณาคิดถึงและอยากกินคุณวันละหลายๆ ครั้ง” น้ำเสียงเบาๆ ของณาณีมทำเอาราฮีมขนลุก ส่วนตานั้นก็ลุกวาวอย่างเจ้าเล่ห์“เอาเลย ผมพร้อมเสมอ”“ไว้วันมะรืนก่อนนะคะ ณาจะกินคุณตั้งแต่หัวถึงปลายเท้าเลย” แค่ได้ฟัง ราฮีมก็อยากร่นวันร่นเวลาให้ถึงมะรืนที่เป็นวันคู่โดยเร็วแล้วสิ ส่วนณาณีมนั้นกลับยิ้มขำ ที่เขาจริงจังจนออกนอกหน้านอกตาแบบนี้“คนหล่อๆ ลุคนิ่งๆ ดูสมาร์ทนี่เขา
ชายหนุ่มดึงตัวณาณีมให้ขึ้นมานั่งคร่อม ยกสะโพกของเธอขึ้นสูงแล้วค่อยๆ กดลงมารับแก่นกายของเขาช้าๆ ให้มันค่อยๆ มุดหายเข้าไปอยู่ในตัวเธอ แม้จะมีอะไรกันมาหลายต่อหลายครั้ง แต่แรงตอดรัด ความอุ่นภายในตัวของณาณีมก็ทำให้ราฮีมคลั่งได้เสมอๆ“อ่า...อาห์…” ณาณีมครางออกมาเมื่อเวลานี้เธอรับแก่นกายของราฮีมไว้จนลึกสุด ชายหนุ่มนอนนิ่งๆ ราวกับต้องการซึมซับความเสียวซ่าน แต่ณาณีมกลับทนไม่ไหวและเธอก็เริ่มขยับสะโพกบดเบียดสลับขึ้นลง จากช้าก็เปลี่ยนมาเป็นเร็วและถี่กระชั้น“ใจเย็นๆ ที่รัก ผมยังอยากอยู่ในตัวคุณ” ราฮีมรีบห้าม นั่นเพราะยังอยากอยู่ในตัวณาณีมให้นาน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือณาณีมกัดริมฝีปากล่าง มองราฮีมด้วยแววตาเซ็กซี่ ทำเอาหัวใจชายหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะเผลอปล่อยอารมณ์ให้กระเจิดกระเจิงจนเกือบปลดปล่อยและเมื่อรู้ตัวราฮีมก็ถอดถอนความแข็งขืนออกมาจากตัวเธอก่อน แล้วจัดการเปลี่ยนท่าทางด้วยการจับณาณีมให้กลับมานอนหงายบนเตียง ส่วนเขาลงไปยืนอยู่ริมเตียง รั้งเธอให้ขยับเข้าหาแล้วแทรกตั
“ขอบใจแกสองคนมากนะ ที่คอยช่วยเหลือฉันทุกอย่าง” ณิการ์หันไปมองณาณีมกับธัญมณที่ต้องเหนื่อยแทนเธอตั้งหลายเรื่อง โดยเฉพาะณาณีม“เล็กน้อยน่ะ” ธัญมณยิ้มให้“พรุ่งนี้สามีฉันก็บินกลับมาแล้ว โล่งอกไปหน่อย”“สู้ๆ คุณแม่” ณาณีมยิ้มให้คนบนเตียงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนด้วยอีกคน“อื้อ…สู้อยู่แล้ว เป็นแม่คนต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย แต่แค่ผ่าไส้ติ่งทำไมมันเจ็บงี้ก็ไม่รู้” เพิ่งบอกให้อดทนไปหยกๆ แต่อยู่ๆ หน้าณิการ์ก็ยู่ยี่ เพราะยังรู้สึกเจ็บจี๊ดที่แผลผ่าตัด“เอาน่ะ เจ็บแค่นี้เล็กน้อย มันสู้ตอนแกเบ่งคลอดน้องภูมิไม่ได้ด้วยซ้ำ จริงไหม” ณิการ์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของณาณีม“จริง เพราะงั้นฉันเลยขอมีลูกแค่คนเดียวนี่ไง เข็ดตอนเบ่งคลอด”“แกนี่” ณาณีมส่ายหน้าให้ณิการ์อีกที ก่อนที่ณิการ์จะเอ่ยกับลูกชาย ที่พอทำการบ้านเสร็จก็ตัวติดกับราฮีมทันทีเหมือนกัน“น้องภู
“เชิญค่ะ เพราะการเม้าท์มอยในที่ทำงานถือเป็นงานหลัก เอ้ย! ไม่สิ งานอดิเรกของใครหลายๆ คนอยู่แล้ว แต่ณาว่าพี่ณิอรกับมาตาคงไม่เป็นหรอก ใช่ไหมคะ”“ใช่จ้ะใช่” ณิอรเอ่ยรับก่อน“ใช่ค่ะ มาตากับพี่ณิอรไม่ใช่พวกขาเม้าท์แน่นอน เรื่องเม้าท์ไร้สาระทั้งนั้น” มาตาที่นั่งฟังมานานเอ่ยเสริมขึ้นบ้าง แต่แค่ได้ฟังก็คันปากยิกๆ“กินข้าวกันค่ะ เดี๋ยวเย็นแล้วมันจะไม่อร่อย” ณิอรและมาตาพยักหน้ารับกันหงึกหงักแล้วกินข้าวเที่ยงกันอย่างเงียบๆ ส่วนณาณีมนั้นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะรู้ว่าสองคนนี้คิดอะไรกันอยู่ ดีไม่ดีกลับเข้าไปทำงานในช่วงบ่าย เธออาจเป็นเซเลบที่มีแต่คนมอง ซึ่งณาณีมก็หาได้แคร์ไม่กระทั่งอิ่ม ณาณีมก็ขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงมื้อกลางวัน ณิอรและมาตาก็ไม่ได้คัดค้าน ดีซะอีก เพราะจะได้ประหยัดเงินค่ามื้อเที่ยงไปอีกหนึ่งมื้อ จากนั้นณาณีมก็ขอตัวกลับออกไปก่อน“ก่อนกินข้าว พี่ณิอรว่าพี่ณาแขวะเราไหมคะ” เมื่ออยู่กันสองคน มาตาก็เอ่ยขึ้น“
“เร็วไปนะคะ พูดถึงท่านปุ๊บก็จะชวนณาไปปั๊บ ใจร้อนเป็นวัยรุ่นไปได้” ณาณีมส่ายหน้าให้คนตัวโตกว่า ที่ตอนนี้เขาเอาแต่นั่งยิ้ม นั่นเพราะแม้รักครั้งนี้เขาจะให้ณาณีมเป็นคนออกแบบ แต่เส้นทางที่เธอเลือกมันก็ไม่ได้ต่างไปจากตัวตนในแบบที่ราฮีมอยากได้“ก็ผมอยากให้ครอบครัวได้เจอกับผู้หญิงคนที่ผมจะใช้ชีวิตด้วยหลังจากนี้ ผมจะได้บอกพ่อกับแม่ว่าวันนี้พระเจ้าได้ประทานผู้หญิงที่มีค่ามาให้ผมแล้ว”“เดี๋ยวณาก็ตัวลอยหรอก”“ผมพูดเรื่องจริง”“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจณา ขอบคุณ” นอกจากคำๆ นี้แล้ว ณาณีมก็ไม่รู้จะเอ่ยคำไหน ถึงแม้ก่อนหน้านี้เธอไม่คิดจะเปิดใจให้เขา แต่สุดท้ายก็แพ้ใจ“ถ้าไม่ให้ผมเข้าใจคนที่ผมรักแล้วจะให้ผมไปเข้าใจใครครับ…หืม” เพราะรักราฮีมจึงเข้าใจด้วยหัวใจ และไม่ต้องการเปลี่ยนตัวตนของณาณีม เขาต่างหากที่ต้องขอบคุณที่เธอเปิดใจให้ นั่นเพราะรู้ว่าความรักสำหรับคนอย่างณาณีมนั้นต่างจากทุกๆ คน“ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้คุณ
“รู้ไหมว่าลูกแกพูดอะไรกับฉันเมื่อวาน น้องภูมิบอกว่ารักแกมาก แกอยากให้เรียนพิเศษอะไร น้องภูมิก็เรียน เรียนเพื่อตามใจแก” ยังฟังไม่ทันจบประโยค ณิการ์ก็ปล่อยโฮออกมาอย่างยากจะกลั้นไว้ได้เธอสะอึกสะอื้นจนตัวโยน ที่ผ่านมาเธอคงเป็นแม่ที่เห็นแก่ตัวจริงๆ คิดเองเออเองในฐานะแม่ ว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับภูมิแผ่นดิน และเมื่อเห็นแม่ร้องไห้ เด็กชายก็เดินเข้ามาหาใกล้ๆ นั่นทำให้ณิการ์คว้าลูกชายมากอดอย่างรู้สึกผิด“แม่ขอโทษนะครับภูมิ แม่ขอโทษ”“คุณแม่ขอโทษน้องภูมิทำไมครับ” เด็กชายเอ่ยถามอย่างงุนงง นั่นเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้ใหญ่พูดนัก ที่สำคัญเมื่อครู่ยังถูกราฮีมจงใจเบี่ยงเบนความสนใจขณะที่ณาณีมคุยกับณิการ์ไปด้วย“วันหลังเราไปเล่นบ้านบอล ไปกินเฟรนช์ฟรายส์กันนะครับ”“จริงๆ นะฮะ” ภูมิแผ่นดินยิ้มกว้างทันที“จริงสิครับ ส่วนเรียนพิเศษ ต่อไปนี้แม่จะถามก่อนว่าน้องภูมิอยากเรียนไหม ถ้าไม่ชอบก็บอกแม่นะครับ”