ณาณีมตัดสินใจย้ายกลับไปพักในตัวเมือง เพราะไม่อยากอยู่ใกล้ราฮีมไปมากกว่านี้ เธอรู้ว่าใจเธอนั้นแข็งพอที่จะปฏิเสธความรู้สึกของชายหนุ่ม แค่ไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัดแบบนี้ก็เท่านั้นเองเธอมาที่นี่เพื่อทำงาน สร้างอนาคต ไม่ได้มาเพื่อจะหาคู่ เพราะชีวิตเธอมันผ่านอะไรมานักต่อนัก อยู่แบบโสดๆ อย่างตอนนี้ก็สบายดีแล้วส่วนพราวตะวัน ที่บอกณาณีมว่าเธอจะบินไปหาราฮีมที่อังกฤษ ทั้งๆ ที่เธอนั้นบินมาแค่ญี่ปุ่น ก็กำลังเดินช้อปปิ้งอย่างสบายอกสบายใจ งานที่ทำร่วมกับราฮีมนั้นผ่านไปด้วยดี เธอจึงให้รางวัลตัวเองด้วยการ ช้อปปิ้ง ระหว่างที่กำลังเดินซื้อนั่น ซื้อนี่อยู่ สายตาก็มองเห็นใครคนหนึ่งเข้า“พี่แดนนี่” พราวตะวันรีบวางกระเป๋าแบรนด์เนมในช็อปที่กำลังเลือกทันที ก่อนจะรีบจ้ำไปหาดาวิน กลยุทธ์ใส่ไฟเริ่มขึ้น ณ บัดนี้“พี่แดน มาทำอะไรที่นี่คะ”“ทำงานครับ” ดาวินแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ได้พบพราวตะวันที่นี่“แล้วมาพร้อมณาหรือเปล่า พอดีวันบิน พราวเจอกับณาที่สนามบิน
“ก็เป็นซะแบบนี้ ปากร้าย ไม่มีเสน่ห์ ผู้ชายเขาเลยทิ้ง”“ถ้าบอกว่าฉันเป็นคนขอหย่าเอง เธอจะเชื่อไหมล่ะ” แค่เห็นสีหน้า ณาณีมก็ได้คำตอบว่าพราวตะวันไม่เชื่อ“ไม่เชื่อ”“งั้นก็จงเชื่อในแบบที่เธอสบายใจแล้วกันนะ แค่นี้ใช่ไหม ฉันขอตัว” เอ่ยจบก็ลุกไปเช็คบิลที่เคาน์เตอร์ เค้กอร่อยๆ ดูจะกร่อยจนณาณีมนั้นกินไม่ลง“หึ…เป็นหม้าย ผัวหย่า ยังจะมาวางมาด ทุเรศ” พราวตะวันเอ่ยตามหลัง แต่ณาณีมก็ไม่ได้สนใจจะหันไปต่อล้อต่อเถียงด้วย ความจริงคือความจริง เธอหย่าแล้วไง เป็นหม้ายแล้วไง ใครแคร์แต่ประโยคที่ณาณีมและพราวตะวันคุยกันนั้น กลับทำให้อีกคนที่บังเอิญได้ยินเข้า ถึงกับยิ้มออกมา หลังจากหงุดหงิด หัวเสีย ฟาดงวงฟาดงาใส่ลูกน้องจนเข้าหน้ากันไม่ติดไปหลายวัน ตั้งแต่รู้ว่าณาณีมได้ย้ายออกไปจากที่พัก โดยไม่บอกไม่กล่าวเขาสักคำราฮีมตัดสินใจแอบตามณาณีมไป กระทั่งรู้ว่าเธอพักที่ไหน จากนั้นก็จัดการย้ายตัวเองไปพักที่เดียวกับเธอเสร็จสรรพ แถมเลือกห้องที่อย
“แค่กๆ...ตะกี้คุณว่าอะไรนะคะ”“ผมรู้แล้วว่าคุณหย่ากับสามี” ณาณีมอยากถามเหลือเกินว่าเขารู้มาจากใคร แต่ถามไปก็เท่านั้น เพราะมันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้“อื้อ…ตอนนี้ฉันเลยเป็นหม้าย”“ถ้าอย่างนั้น เรื่องของเรามันก็เป็นไปได้สิครับ เพราะตอนนี้คุณก็โสดแล้ว” ราฮีมพูดตรงซะณาณีมไปไม่ถูก เขาดีใจที่รู้ว่าเธอโสด แต่ก็น้อยใจนิดๆ ที่เธอเอาแต่บอกเขาว่าแต่งงานแล้ว หรือชอบหยิบเอาอดีตสามีมาแทงกั๊กเวลาอยู่ด้วยกัน“คุณราฮีม”“ให้โอกาสผม ให้โอกาสเราได้รู้จักกันได้ไหมครับ”“คือ…ฉันยังไม่พร้อมจะมีใครจริงๆ ค่ะ ถ้าฉันอยากเริ่มต้นใหม่ ฉันคงสนใจคุณไปตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันแล้ว เพราะฉันหย่ากับอดีตสามี ก่อนที่จะมาเจอคุณ และฉันก็พอจะเดาออกว่าคุณคิดยังไงกับฉัน”“ผมชอบคุณ และเพราะเหตุผลนั้น ผมถึงมาอยู่ที่นี่ เพื่อจะได้อยู่ใกล้กับคุณ” ราฮีมเอ่ยเหตุผลออกไปบ้าง ซึ่งณาณีมเองก็มีเหตุผลของตัว
“สามีคุณก็หล่อ ดูดีเลยนี่นา”“อดีตสามีค่ะ”“อ้อ...ครับ อดีตสามี” ราฮีมรีบแก้ต่าง ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจพูดผิด ณาณีมเงียบ ไม่ได้คุยอะไรกับราฮีมอีก ซึ่งชายหนุ่มดูเหมือนจะเงียบไปเหมือนกัน กระทั่งถึงโรงแรมต่างฝ่ายก็แยกย้ายกันพักผ่อนณาณีมทิ้งตัวนอนบนเตียง มิหนำซ้ำยังเอาแขนก่ายหน้าผากอีกต่างหาก ไม่เข้าใจว่าดาวินต้องการอะไร ทำไมถึงแสดงท่าทางแบบนั้นตอนอยู่ร้านราเม็งเหมือนจะหึงเธออย่างนั้นแหละ แต่ไม่ว่ายังไงณาณีมก็ไม่กลับไปอยู่ดี ไม่ใช่ดาวินไม่ดี แต่เธอได้เลือกทางเดินของตัวเองแล้วส่วนราฮีมก็กระสับกระส่าย นอนไม่หลับด้วยเหตุคิดมาก คิดไปไกล เพราะมองสายตาของอดีตสามีณาณีมออกว่ายังโหยหาณาณีมมากแค่ไหน ต่อให้หย่ากันแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ได้ชื่อว่ารักกัน แต่งงานกันและเคยใช้ชีวิตด้วยกันมาหลายปี ถ้าเกิดณาณีมใจอ่อนกลับไปคืนดีกับดาวิน เขาจะทำไง?“ไม่ได้ เรายอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด...ไม่ได้” ตอนนี้ในอกของราฮีมร้อนรุ่มด้วยเปลวไฟแห่งความรัก เกิดมาจนอายุสามสิบกว่าเขาก็ไม่
“ไม่เป็นไรค่ะ ณาไม่โกรธ”“ขอบคุณมากครับณา พี่…ขอกอดหน่อยได้ไหม”“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ” ณาณีมยิ้มให้ ก่อนที่ทั้งคู่จะสวมกอดกัน สภาวะหน่วงๆ อึมครึมระหว่างณาณีมและดาวินเมื่อครู่ ค่อยๆ หายไป“เฮ้อ...ดีขึ้นเยอะเลย พี่นี่ก็บ้า จะมาหึงอะไรณาตอนนี้เนอะ”“ใช่ค่ะ บ้ามากๆ” คนตรงหน้าเอ่ยรับ นั่นทำให้ดาวินยิ้ม“โอเค กลับไปกินข้าวกันต่อดีกว่า ป่านนี้คุณราฮีมคงนั่งไม่ติดที่แล้ว”“ค่ะ” ทั้งคู่กลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง คราวนี้บรรยากาศดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ดาวินไม่ได้แสดงออกว่าเป็นเจ้าของณาณีม เขาดูผ่อนคลายมากขึ้นผิดกับราฮีมที่นั่งนิ่ง อารมณ์อึมครึมเหมือนพายุจะเข้าชอบกล เมื่อครู่ที่เห็นดาวินพยายามเอาอกเอาใจณาณีมสารพัดเขาก็เดือดปุดๆ มากพอแล้ว แต่พอทั้งคู่กลับมาจากคุยกันสองต่อสอง ที่หายกันไปนานอยู่หลายนาที ทำไมเขาถึงสัมผัสได้ว่าทั้งคู่ผ่อนคลายกันไปมาก หรือว่าเขาสองคนจะตัดสินใจกลับไปอยู่ด้วยกันใ
“มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้เสมอ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำตัวงี่เง่า”“ขอบคุณค่ะ” ณาณีมยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินไปส่งดาวินเข้าเกท ซึ่งราฮีมก็เดินมาส่งเช่นกัน จากนั้นทั้งคู่ก็กลับโรงแรม ระหว่างทางที่นั่งรถอยู่นั้น ณาณีมเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เลือกที่จะเงียบ ไว้ค่อยพูดวันหลังแล้วกัน“คุณมีแผนกลับเมืองไทยวันไหนครับ”“อีกสามเดือนค่ะ ทำไมคะ”“นี่คุณย้ายมาทำงานที่นี่นานขนาดนั้นเลยเหรอ” แค่คิดราฮีมก็คอตก แม้จะอยากอยู่ที่นี่ แต่สามเดือนมันก็นานเกินไป เพราะเขาเองก็มีงานที่ต้องทำเช่นกัน“ไม่เห็นจะนานเลย”“กลับไปพร้อมผมได้ไหม” คำขอของราฮีมทำให้ณาณีมนิ่งไป ก่อนจะเอ่ยตอบอย่างไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา“ไม่ได้ค่ะ”“ผมน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ไม่น่าถามเลย”“ฉันเดาเอาว่างานของคุณที่นี่จบแล้วใช่ไหม คุณต้องไปที่อื่นต่อ และหวังให้ฉันไปด้วย”
ในขณะที่ณาณีมทำงาน ดูเหมือนชีวิตของราฮีมจะว่าง ชายหนุ่มนั่งเล่น นอนเล่นรอเวลาเธอเลิกงานที่โรงแรมจนเบื่อ จากนั้นก็ออกไปหาอะไรกินส่วนพราวตะวันที่ตอนนี้อยู่ญี่ปุ่น ก็ดูเหมือนชีวิตเธอจะคลาดกับราฮีม ดาวินและณาณีมอยู่เรื่อย จนไม่ได้เจอใคร แม้จะมานั่งดักรอพบดาวินที่ล็อบบี้ของโรงแรม แต่เธอก็ไม่ได้เจอเขา นั่นเพราะชายหนุ่มกลับไทยไปแล้ว“เจอยากเจอเย็น เจออีกที แม่งจะมอมเหล้าลากขึ้นห้องให้มันรู้แล้วรู้รอด” พราวตะวันหัวเสีย หงุดหงิดจนอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆก่อนจะแก้เซ็งด้วยการไปช้อปปิ้งอีกตามเคย กว่าจะกลับเมืองไทย เธอคงต้องซื้อกระเป๋าเพิ่มอีกหลายใบ“อุ๊ย! คุณราฮีม” แม้ไม่กี่นาทีก่อน เธอจะเอาแต่คิดถึงดาวิน แต่เวลานี้พราวตะวันเจอเป้าหมายใหม่แล้ว นั่นคือราฮีม เธอดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้เจอชายหนุ่มที่นี่ และไม่รีรอที่จะเดินเข้าไปหาทันที“คุณราฮีม”“คุณพราว” น้ำเสียงของราฮีมไม่ได้แปลกใจสักเท่าไหร่ที่ได้เจอพราวตะวัน นั่นเพราะเขารู้ว่าเธออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล วันด
ราฮีมและณาณีมเดินไปตามถนน ที่นี่แม้จะมีการคมนาคมที่ทันสมัย แต่การเดินทางส่วนใหญ่ก็ยังคงต้องเดินด้วยเท้า“คุณ…จะไม่พูดอะไรกับผมจริงๆ นะเหรอ” ราฮีมเอ่ยถาม เพราะตั้งแต่เดินกันมาณาณีมก็แทบไม่คุยอะไรเลย“จะให้ฉันพูดอะไร”“อะไรก็ได้ โอ๊ย…คุณณา” เสียงอุทานของราฮีมที่อยู่ๆ ก็ดังขึ้น เหมือนเขาเจ็บปวดกับอะไรสักอย่าง ทำให้ณาณีมหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองชายหนุ่ม“เป็นอะไรคุณ อยู่ๆ ก็ร้องโอ๊ยแล้วยังเอามือกุมปากไว้แบบนั้นอีก”“ผมรู้สึกแปลกๆ อยากให้คุณช่วย” เสียงอู้อี้ของราฮีมเอ่ยตอบ เพราะยังคงเอามือปิดปากไว้อยู่“ช่วยอะไรคะ?” สีหน้าของณาณีมเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม นั่นเพราะยังไม่เข้าใจว่าราฮีมเป็นอะไร และเขาอยากให้เธอช่วยอะไร“ช่วยถอนพิษให้ผมหน่อย”“ถอนพิษ พิษอะไร” ตอนนี้สีหน้าของณาณีมยิ่งงงเข้าไปใหญ่“ก็พิษจากลิปสติกสีแดงๆ ของคุณพราวที่มันติดอยู่บนปากของผมตอนนี้ไง”“คุณราฮีม&hell
ชายหนุ่มดึงตัวณาณีมให้ขึ้นมานั่งคร่อม ยกสะโพกของเธอขึ้นสูงแล้วค่อยๆ กดลงมารับแก่นกายของเขาช้าๆ ให้มันค่อยๆ มุดหายเข้าไปอยู่ในตัวเธอ แม้จะมีอะไรกันมาหลายต่อหลายครั้ง แต่แรงตอดรัด ความอุ่นภายในตัวของณาณีมก็ทำให้ราฮีมคลั่งได้เสมอๆ“อ่า...อาห์…” ณาณีมครางออกมาเมื่อเวลานี้เธอรับแก่นกายของราฮีมไว้จนลึกสุด ชายหนุ่มนอนนิ่งๆ ราวกับต้องการซึมซับความเสียวซ่าน แต่ณาณีมกลับทนไม่ไหวและเธอก็เริ่มขยับสะโพกบดเบียดสลับขึ้นลง จากช้าก็เปลี่ยนมาเป็นเร็วและถี่กระชั้น“ใจเย็นๆ ที่รัก ผมยังอยากอยู่ในตัวคุณ” ราฮีมรีบห้าม นั่นเพราะยังอยากอยู่ในตัวณาณีมให้นาน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือณาณีมกัดริมฝีปากล่าง มองราฮีมด้วยแววตาเซ็กซี่ ทำเอาหัวใจชายหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะเผลอปล่อยอารมณ์ให้กระเจิดกระเจิงจนเกือบปลดปล่อยและเมื่อรู้ตัวราฮีมก็ถอดถอนความแข็งขืนออกมาจากตัวเธอก่อน แล้วจัดการเปลี่ยนท่าทางด้วยการจับณาณีมให้กลับมานอนหงายบนเตียง ส่วนเขาลงไปยืนอยู่ริมเตียง รั้งเธอให้ขยับเข้าหาแล้วแทรกตั
“ขอบใจแกสองคนมากนะ ที่คอยช่วยเหลือฉันทุกอย่าง” ณิการ์หันไปมองณาณีมกับธัญมณที่ต้องเหนื่อยแทนเธอตั้งหลายเรื่อง โดยเฉพาะณาณีม“เล็กน้อยน่ะ” ธัญมณยิ้มให้“พรุ่งนี้สามีฉันก็บินกลับมาแล้ว โล่งอกไปหน่อย”“สู้ๆ คุณแม่” ณาณีมยิ้มให้คนบนเตียงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนด้วยอีกคน“อื้อ…สู้อยู่แล้ว เป็นแม่คนต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย แต่แค่ผ่าไส้ติ่งทำไมมันเจ็บงี้ก็ไม่รู้” เพิ่งบอกให้อดทนไปหยกๆ แต่อยู่ๆ หน้าณิการ์ก็ยู่ยี่ เพราะยังรู้สึกเจ็บจี๊ดที่แผลผ่าตัด“เอาน่ะ เจ็บแค่นี้เล็กน้อย มันสู้ตอนแกเบ่งคลอดน้องภูมิไม่ได้ด้วยซ้ำ จริงไหม” ณิการ์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของณาณีม“จริง เพราะงั้นฉันเลยขอมีลูกแค่คนเดียวนี่ไง เข็ดตอนเบ่งคลอด”“แกนี่” ณาณีมส่ายหน้าให้ณิการ์อีกที ก่อนที่ณิการ์จะเอ่ยกับลูกชาย ที่พอทำการบ้านเสร็จก็ตัวติดกับราฮีมทันทีเหมือนกัน“น้องภู
“เชิญค่ะ เพราะการเม้าท์มอยในที่ทำงานถือเป็นงานหลัก เอ้ย! ไม่สิ งานอดิเรกของใครหลายๆ คนอยู่แล้ว แต่ณาว่าพี่ณิอรกับมาตาคงไม่เป็นหรอก ใช่ไหมคะ”“ใช่จ้ะใช่” ณิอรเอ่ยรับก่อน“ใช่ค่ะ มาตากับพี่ณิอรไม่ใช่พวกขาเม้าท์แน่นอน เรื่องเม้าท์ไร้สาระทั้งนั้น” มาตาที่นั่งฟังมานานเอ่ยเสริมขึ้นบ้าง แต่แค่ได้ฟังก็คันปากยิกๆ“กินข้าวกันค่ะ เดี๋ยวเย็นแล้วมันจะไม่อร่อย” ณิอรและมาตาพยักหน้ารับกันหงึกหงักแล้วกินข้าวเที่ยงกันอย่างเงียบๆ ส่วนณาณีมนั้นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะรู้ว่าสองคนนี้คิดอะไรกันอยู่ ดีไม่ดีกลับเข้าไปทำงานในช่วงบ่าย เธออาจเป็นเซเลบที่มีแต่คนมอง ซึ่งณาณีมก็หาได้แคร์ไม่กระทั่งอิ่ม ณาณีมก็ขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงมื้อกลางวัน ณิอรและมาตาก็ไม่ได้คัดค้าน ดีซะอีก เพราะจะได้ประหยัดเงินค่ามื้อเที่ยงไปอีกหนึ่งมื้อ จากนั้นณาณีมก็ขอตัวกลับออกไปก่อน“ก่อนกินข้าว พี่ณิอรว่าพี่ณาแขวะเราไหมคะ” เมื่ออยู่กันสองคน มาตาก็เอ่ยขึ้น“
“เร็วไปนะคะ พูดถึงท่านปุ๊บก็จะชวนณาไปปั๊บ ใจร้อนเป็นวัยรุ่นไปได้” ณาณีมส่ายหน้าให้คนตัวโตกว่า ที่ตอนนี้เขาเอาแต่นั่งยิ้ม นั่นเพราะแม้รักครั้งนี้เขาจะให้ณาณีมเป็นคนออกแบบ แต่เส้นทางที่เธอเลือกมันก็ไม่ได้ต่างไปจากตัวตนในแบบที่ราฮีมอยากได้“ก็ผมอยากให้ครอบครัวได้เจอกับผู้หญิงคนที่ผมจะใช้ชีวิตด้วยหลังจากนี้ ผมจะได้บอกพ่อกับแม่ว่าวันนี้พระเจ้าได้ประทานผู้หญิงที่มีค่ามาให้ผมแล้ว”“เดี๋ยวณาก็ตัวลอยหรอก”“ผมพูดเรื่องจริง”“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจณา ขอบคุณ” นอกจากคำๆ นี้แล้ว ณาณีมก็ไม่รู้จะเอ่ยคำไหน ถึงแม้ก่อนหน้านี้เธอไม่คิดจะเปิดใจให้เขา แต่สุดท้ายก็แพ้ใจ“ถ้าไม่ให้ผมเข้าใจคนที่ผมรักแล้วจะให้ผมไปเข้าใจใครครับ…หืม” เพราะรักราฮีมจึงเข้าใจด้วยหัวใจ และไม่ต้องการเปลี่ยนตัวตนของณาณีม เขาต่างหากที่ต้องขอบคุณที่เธอเปิดใจให้ นั่นเพราะรู้ว่าความรักสำหรับคนอย่างณาณีมนั้นต่างจากทุกๆ คน“ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้คุณ
“รู้ไหมว่าลูกแกพูดอะไรกับฉันเมื่อวาน น้องภูมิบอกว่ารักแกมาก แกอยากให้เรียนพิเศษอะไร น้องภูมิก็เรียน เรียนเพื่อตามใจแก” ยังฟังไม่ทันจบประโยค ณิการ์ก็ปล่อยโฮออกมาอย่างยากจะกลั้นไว้ได้เธอสะอึกสะอื้นจนตัวโยน ที่ผ่านมาเธอคงเป็นแม่ที่เห็นแก่ตัวจริงๆ คิดเองเออเองในฐานะแม่ ว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับภูมิแผ่นดิน และเมื่อเห็นแม่ร้องไห้ เด็กชายก็เดินเข้ามาหาใกล้ๆ นั่นทำให้ณิการ์คว้าลูกชายมากอดอย่างรู้สึกผิด“แม่ขอโทษนะครับภูมิ แม่ขอโทษ”“คุณแม่ขอโทษน้องภูมิทำไมครับ” เด็กชายเอ่ยถามอย่างงุนงง นั่นเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้ใหญ่พูดนัก ที่สำคัญเมื่อครู่ยังถูกราฮีมจงใจเบี่ยงเบนความสนใจขณะที่ณาณีมคุยกับณิการ์ไปด้วย“วันหลังเราไปเล่นบ้านบอล ไปกินเฟรนช์ฟรายส์กันนะครับ”“จริงๆ นะฮะ” ภูมิแผ่นดินยิ้มกว้างทันที“จริงสิครับ ส่วนเรียนพิเศษ ต่อไปนี้แม่จะถามก่อนว่าน้องภูมิอยากเรียนไหม ถ้าไม่ชอบก็บอกแม่นะครับ”
และใช่ว่าณาณีมจะวาดภาพเหล่านั้นเพียงคนเดียว เพราะเวลาที่ราฮีมเล่นหยอกล้อกับภูมิแผ่นดิน เธอก็แอบคิดแวบๆ ว่าหากวันหนึ่งเธอมีลูกกับเขาขึ้นมา ภาพมันคงจะอบอุ่น น่ามองเหมือนกับตอนนี้ แต่นั่นก็คือเรื่องของอนาคต ที่อาจเกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้ เพราะสังคมสมัยนี้อันตรายรอบด้านจนเธอคิดที่จะไม่มีลูก จะได้ไม่ต้องมีห่วงให้ต้องทุกข์เมื่อใช้เวลาเล่นทดแทนเวลาเรียนพิเศษจนครบ ณาณีมและราฮีมก็พาภูมิแผ่นดินไปหาณิการ์ที่โรงพยาบาล แต่ระหว่างทางเด็กชายก็ผล็อยหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน เพราะวิ่งเล่นมานานหลายชั่วโมง ซึ่งราฮีมก็ใช้จังหวะนั้นเปิดคลิปที่เขาถ่ายไว้ให้ณาณีมดู“ตอนพาน้องภูมิลงสไลเดอร์หน้าณาตลกขนาดนี้เลยเหรอ” เห็นหน้าตัวเองแล้วณาณีมก็ขำ แต่สไลเดอร์ที่เล่นมันสูงจริงๆ นะ เล่นทีก็เสียวที“ตลกมาก ผมยังนั่งขำจนท้องแข็ง” ราฮีมหัวเราะออกมา ส่วนณาณีมนั้นก็เปิดดูคลิปที่ชายหนุ่มแอบถ่ายเอาไว้“ถ้าเพื่อนฉันเห็นคลิปพวกนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ เพราะฉันเองก็ห่วงน้องภูมิที่ถูกปุ้ยอัดสารพัดความรู้ที่คิดว่าจำเป็นใส่หัวตั้งแต่ตัวเท่านี้ ทั้งๆ
“ไม่จุ๊บหน่อยเหรอ” น้ำเสียงอ้อนๆ ของผู้ชายตัวโตเป็นยักษ์เอ่ยถาม มันช่างขัดกับภาพลักษณ์นักธุรกิจหนุ่มผู้ร้อนแรงของเขานัก“ไม่” น้ำเสียงตึงๆ ของณาณีมเอ่ยตอบ แต่ใบหน้าของเธอนั้นกลับแฝงรอยยิ้มไว้ตลอดเวลา“กอดก็ได้นะ”“ไม่กอด ก็วันนี้ณาโสด เรื่องอะไรจะทำตัวเหมือนคนมีแฟน”“งั้นพรุ่งนี้เจอกัน หึ…อย่าคิดว่าน้องภูมิอยู่ด้วยแล้วจะรอด” ราฮีมเอ่ยคาดโทษ นั่นทำให้ณาณีมรีบไล่ชายหนุ่มกลับห้องทันที“กลับห้องไปนอนได้แล้ว” เธอดุนหลังเขามาถึงประตู ร่ำลากันอยู่สองสามนาที ราฮีมจึงยอมกลับห้องของเขาณาณีมส่ายหน้าให้ชายหนุ่ม ก่อนจะกลับมาจัดการอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยๆ ก้าวขึ้นเตียงนอนอย่างระวัง เพราะกลัว ภูมิแผ่นดินที่กำลังหลับจะตื่น วันนี้ณาณีมเองก็เหนื่อยมาทั้งวัน จึงไม่แปลกที่พอหัวถึงหมอนได้ เธอก็หลับสนิทอย่างง่ายดาย 
“คุณแม่ไม่สบายเหรอฮะ” น้ำเสียงของภูมิแผ่นดินดูสลดลงไป เพราะห่วงผู้เป็นแม่“ค่ะ ตอนนี้น้ามณพาคุณแม่ไปโรงพยาบาลแล้ว ส่วนเราก็กำลังจะตามไป”“ฮะ” เด็กชายเอ่ยรับอย่างว่าง่าย ณาณีมจึงรีบพาภูมิแผ่นดินไปยังโรงพยาบาลทันที ซึ่งระหว่างนั้นธัญมณก็ได้โทรศัพท์มาหา โดยบอกว่าณิการ์ไส้ติ่งแตกกะทันหันต้องผ่าตัดด่วนณาณีมจึงเปลี่ยนแผนยังไม่พาภูมิแผ่นดินไปโรงพยาบาลตอนนี้ เพราะถ้าไปก็คงไปนั่งรอในพื้นที่ของโรงพยาบาลจนกว่าจะผ่าตัดเสร็จ ไม่น่าจะดีสักเท่าไหร่“น้องภูมิหิวไหมครับ”“หิวฮะ”“งั้นเราแวะหาอะไรกินกันก่อนดีไหม”“แต่ภูมิเป็นห่วงคุณแม่ อยากไปโรงพยาบาลเร็วๆ” คำตอบของเด็กชายทำให้ณาณีมยิ้มกว้าง รู้สึกอบอุ่นหัวใจแทนณิการ์ที่มีลูกน่ารักๆ แบบนี้“โธ่…ตัวก็เล็กแค่นี้ยังเป็นห่วงคุณแม่อีก แต่น้าณาว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้องนะ ถ้าหิวน้องภูมิจะเอาแรงที่ไหนไปดูแลคุณแม่ล่ะครับ&r
“ฉันดีใจนะที่แกยิ้มได้แบบนี้น่ะณา” ณิการ์เอ่ยขึ้น นั่นเพราะความรักครั้งนี้พลอยทำให้เพื่อนเธอสดใสเป็นกอง ซึ่งธัญมณเองก็เห็นด้วย“ฉันด้วย สีหน้าแกดูมีความสุขอ่ะ ฉันสัมผัสได้”“มันออกขนาดนั้นเลยเหรอ” ณาณีมจับหน้าตัวเอง เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าสีหน้าของเธอจะเป็นแบบที่ทั้งสองคนพูด“มาก...แววตาแกก็วิ้งๆ มีประกายจนฉันอิจฉา ไปหย่าผัวมั่งดีกว่า เผื่อได้ผู้ชายใหม่ ดุ้นใหญ่ๆ บ้าง” ธัญมณยิ้มกริ่ม นั่นทำเอาณิการ์ต้องรีบถาม“เอาจริงเหรอยะยัยมณ”“พูดปากดีไปงั้น เพราะเรื่องอะไรฉันจะหย่าให้ชายโฉดหญิงชั่วมันมีความสุข อยู่เป็นก้างมันอยู่แบบนี้นี่แหละ สะใจดี” ธัญมณนั้นแค้นฝังหุ่นสามีที่มีเมียน้อย เธอจะตายไปพร้อมทะเบียนสมรสนี่ล่ะ สะใจดี“สะใจดี แล้วแกมีความสุขไหม” คำถามของณาณีมทำให้ธัญมณนิ่งไป“มีสิ ถ้าไม่สุข ฉันจะยิ้มได้แบบนี้เหรอ” เอ่ยจบก็ฉีกยิ้มกว้างให้เพื่อนทั้งสองได้เห็น