“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ ก่อนจะหมุนซ้ายหมุนขวามองหาสวิตช์ไฟภายในห้อง ณาณีมส่ายหน้าให้ผู้ชายตัวโตที่มีความรู้เรื่องช่างน้อยนิด จากนั้นก็เดินไปยังจุดที่ติดตั้งสวิตช์ไฟไว้ ลากเก้าอี้มาวางแล้วเธอก็ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ เพื่อจะได้สับสวิตช์ลงแต่ว่า…ความเตี้ยของเธอก็เป็นเหตุให้เอื้อมมือไม่ถึงสวิตช์ อันที่จริงณาณีมก็ไม่ได้เตี้ยอะไรมาก แต่ผิดที่เพดานของคอนโดมิเนียมที่นี่ค่อนข้างสูง“ให้ผมช่วยไหมคุณ”“ก็ดีค่ะ” ณาณีมหันมาตอบ พร้อมกับก้าวลงจากเก้าอี้ ราฮีมที่ยืนรออยู่ข้างๆ จึงก้าวขึ้นไปยืนบนเก้าอี้แทนเธอ จากนั้นก็สับสวิตช์ให้ณาณีมเดินวกกลับไปยังห้องนอน แกะกล่องหลอดไป มองซ้ายมองขวาหาอุปกรณ์เสริมความสูง เพราะเก้าอี้มันคงจะเตี้ยไปหน่อย กระทั่งได้ยินเสียงราฮีมลากโต๊ะเข้ามาให้ราวกับอ่านความคิดของเธอได้เมื่อเตรียมหลอดไฟอันใหม่เรียบร้อย ณาณีมก็ก้าวขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ โดยมีราฮีมคอยช่วย จากนั้นเธอก็เปลี่ยนหลอดไฟ โดยมีผู้ชายตัวโตที่ไร้ความรู้เรื่องช่างทุกชนิดยืนมองตาป
“ครับ” ราฮีมพยักหน้ารับ ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องไป ส่วนณาณีมก็เดินกลับห้องตัวเองเช่นกัน สรุปวันนี้เธอก็ไม่ได้เจอณิการ์ สงสัยต้องนัดใหม่เป็นพรุ่งนี้ราฮีมนั่งมองนิ้วโป้งขวา ที่มีผ้าพันแผลพันไว้จนกลมเหมือนก้อนหิมะ พักนี้เขาเป็นอะไรถึงได้ซุ่มซ่ามหาเรื่องใส่ตัวไม่ได้หยุดหย่อน พลอยทำให้ณาณีมต้องมาเป็นธุระให้ด้วย คิดแล้วก็เกรงใจเธอส่วนณาณีมก็อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ตามประสาคนรู้จักทั่วๆ ไป ไม่ได้เข้าใกล้ราฮีมจนเกินพอดี เธอจงใจทิ้งระยะห่าง เพราะไม่อยากใกล้ชิดกับเขาเกินไป แต่ยิ่งเธอทำแบบนั้น ราฮีมก็ยิ่งอยากเข้าใกล้แต่เพราะพักนี้เขาเองก็ยุ่งอยู่กับงาน กลับบ้านก็ค่ำมืด ทำให้ไม่มีโอกาสได้พบณาณีมสักเท่าไหร่นัก แต่ทุกครั้งที่กลับมา ราฮีมมักจะไปยืนอยู่หน้าประตูห้องของณาณีม ก่อนจะกลับเข้าห้องตัวเอง“เฮ้อ...” ราฮีมจ้องนิ้วโป้งขวา ที่ตอนนี้เอาผ้าพันแผลออกไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ณาณีมพาเขาไปโรงพยาบาลจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาสี่วันเข้าไปแล้ว แต่เขากลับไม่ได้เจอหน้าเธออย่างที่ตั้งใจ ถึงจะได้ชื่อว่าอยู่ห้องติด
“โอเค ฉันจะเชื่อแกยัยแป้งโกะ” เอ่ยจบ พราวตะวันก็เดินตรงไปหาณาณีม“แวะมาหาใครที่นี่หรือจ๊ะณา”“คนรู้จักน่ะ เธอมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่าพราว”“เปล่า อ้อ…แล้วคนรู้จักที่ว่าของเธอ ผู้หญิงหรือว่าผู้ชายจ๊ะ”“ก็ทั้งชายทั้งหญิง” ณาณีมตอบกว้างๆ ไว้ อันที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องตอบคำถามอะไรพวกนี้เลยก็ยังได้“หวังว่าจะไม่ใช่ผู้ชายหรอกนะ เพราะถ้าใช่ พี่แดนคงรู้สึกไม่ดีแน่ๆ” พราวตะวันจีบปากจีบคอพูด ซึ่งล้วนแต่กระแนะกระแหนณาณีมทั้งนั้น“อันที่จริง ฉันจะมาพบใคร หญิงหรือชาย นั่นก็เรื่องส่วนตัวของฉัน...ว่าไหม อีกอย่างเราก็แค่คนรู้จักกันแบบห่างๆ เธอไม่ต้องห่วงชีวิตครอบครัวของฉันมากมายเหมือนชีวิตของเธอเองก็ได้มั้ง” ณาณีมเอ่ยประโยคที่จะบอกให้พราวตะวันรู้ว่าเธอไม่ควรล้ำเส้นเกินไป แต่แทนที่จะหยุด พราวตะวันยังเอ่ยถึงดาวินอีก“ฉันก็แค่ห่วงเธอตามประสาเพื่อนมนุษย์ เห็นว่านี่ก็ดึกมากแล้ว เธอยังเตร็ดเตร่
ชายหนุ่มยังไม่ได้เดินเข้าเกท แต่กลับเดินไปนั่งร้านกาแฟเพื่อรอเวลา แต่ขณะที่ยืนรอกาแฟที่สั่งไป อยู่ๆ ราฮีมก็กลับออกไปจากสนามบิน เป้าหมายของเขาคือณาณีม ไม่ว่ายังไงเขาต้องบอกความในใจให้เธอรู้“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน” ราฮีมปลุกใจตัวเอง เวลานี้เขายืนอยู่หน้าห้องของณาณีม ผู้หญิงที่กล้าทำให้ใจเขาปั่นป่วนทั้งๆ ที่ปลุกใจตัวเองมาตลอดทางแล้วแท้ๆ ว่าจะสารภาพความในใจออกไป ถ้าสามีของเธออยู่ เขาก็พร้อมจะขอโทษ หรือถ้าทำให้ทั้งคู่อึดอัดใจ เขาก็พร้อมจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่น แต่พอเอาเข้าจริง กลับประหม่าจนแทบจะถอดใจ“อุ๊ย!” ณาณีมอุทานออกมาอย่างตกใจ เธอกำลังจะออกไปทิ้งขยะ แต่พอเปิดประตูออกมากลับเจอราฮีมยืนอยู่“คุณณา”“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เพราะสีหน้านิ่งๆ ของราฮีม ทำเอาณาณีม ต้องถาม เพราะดูเหมือนชายหนุ่มมีอะไรในใจ“ผมขอคุยด้วยสักสองนาทีได้ไหมครับ ถ้าคุณไม่สะดวกให้ผมเข้าไปคุยด้วยในห้อง เราลงไปคุยกันที่สวนก็ได้”“เอ่อ&h
ของขวัญวันเกิด อายุครบยี่สิบสองปีของณาณีมปีนี้ช่างแสนพิเศษ เพราะแฟนหนุ่มที่คบหากันมาได้สี่ปี จัดเซอร์ไพรส์วันเกิดให้เธออย่างโรแมนติกจนใจนั้นเต้นแรงไปหมด ดาวินซื้อดอกไม้แสนสวยและลูกโป่งนับร้อยๆ ลูก มาประดับประดาในห้องภายในคอนโดมิเนียมของเขาเองจนดูเหมือนฉากในละครโรแมนติก ไหนจะโคมไฟสีรุ้ง ที่ระยิบระยับราวกับดาวบนท้องฟ้านั่นอีก เมื่อเจ้าของวันเกิดเดินผ่านประตูเข้ามา เขาก็ถือเค้กที่สั่งทำพิเศษออกมาเซอร์ไพรส์ เรียกทั้งรอยยิ้มและน้ำตาจากณาณีม เธอซึ้งและตื้นตันกับความรักที่ดาวินมีให้มาตลอดหลายปี“อธิษฐานก่อนค่อยเป่าเทียนนะครับ” “ค่ะ” ณาณีมเอ่ยรับ ก่อนจะประสานมือทั้งสองข้าง หลับตาแน่นจนมองเห็นแพขนตางอน อธิษฐานขอพรจากเค้กวันเกิด ที่ตอนนี้เทียนกำลังสว่างไสว จากนั้นก็เป่าเค้ก“สุขสันต์วันเกิดครับณา”“ขอบคุณค่ะพี่แดน” เอ่ยจบ ณาณีมก็เข้าไปสวมกอดดาวิน ขอบคุณสำหรับเซอร์ไพรส์ที่ชายหนุ่มเตรียมไว้ให้ นี่คือปีที่สี่ที่ได้ฉลองวันเกิดกับดาวิน และนี่คือปีที่สามที่เธอกับเขาคบหากันในฐานะแฟนความสัมพันธ์ของเธอกับดาวิน เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อน ตอนนั้นเธอเป็นนิสิตปีสอง และดาวินคือรุ่นพี่ปีสาม จากรุ่นน้อง
สิบสามปี!วันเวลาแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปีที่ผ่านจะเร็วหรือช้า ย่อมขึ้นอยู่กับมุมมองของคนเหล่านั้น สิบสามปีถ้าเปรียบกับช่วงชีวิตของคนเราก็คงเข้าสู่วัยรุ่น ที่พร้อมจะเรียนรู้ทุกอย่างรอบตัว สนุกไปกับโลกที่เต็มไปด้วยสีสันแต่สิบสามปีสำหรับผู้หญิงที่ชื่อว่าณาณีม กลับเป็นสิบสามปีที่ผ่านมาและกำลังจะผ่านไป สิบสามปีคือเวลาที่เธอได้รักกับผู้ชายคนหนึ่ง ที่เริ่มจากเพื่อน คนรัก สามีภรรยาและเวลานี้ทุกอย่างอาจกำลังจะกลายเป็นเพียงอดีต!“ว่าอะไรนะ แกหย่ากับพี่แดนแล้วเหรอ” ณิการ์ที่ออกมาพบณาณีมตามคำชวนของเพื่อนถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่ม เมื่อได้ฟังณาณีมเล่าจบนั่นเพราะชีวิตคู่ของณาณีมกับดาวินนั้นดูดี มีความสุข ใครๆ ก็อิจฉาในความหวานของทั้งคู่มาตลอด แต่วันนี้ฟ้ากลับผ่าดังเปรี้ยง เพราะทั้งคู่หย่ากันแล้ว“อื้อ…เพิ่งจรดปลายปากกาเซ็นใบหย่าไปเมื่อสามชั่วโมงก่อน”“เกิดอะไรขึ้นอ่ะ ทำไมอยู่ๆ แกถึงหย่า” ธัญมณที่นั่งอยู่ด้วยอีกคนต้องเอ่ยถาม เพราะการหย่าร้างของณาณีมครั้งนี้มันไม่มีปี่มีขลุ่ยมาก่อนจริงๆ “ไม่รู้สิ มันอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ฉันกับพี่แดนยังรักกันนะ” ณาณีมเล่าไม่ถูกและไม่อยากจะเล่าถึงเหตุผ
“แรงอ่ะ ใช้คำว่าเหี้ยกับปั๋วสุดประเสริฐของฉันเลยเหรอยะ” น้ำเสียงของธัญมณนั้นติดประชดประชันสามีอย่างเห็นได้ชัด “งั้นเห้ก็ได้อ่ะ เพราะถ้ามันไม่เห้จริง มันไม่เล่นชู้ในที่ทำงานแบบนั้นหรอก ผู้หญิงก็หน้าที่การงานดี แต่กลับยอมเป็นน้อย กินน้ำใต้ศอกคนอื่นก็เอา แต่แกก็ดีที่ยึดเงินเดือน ยึดบัตรเครดิตผัวแกมาหมดแบบนี้ ในเมื่อรักกันนักก็ไปอยู่ด้วยกันแต่ตัว...ไป๊!” “เพราะแบบนี้ไง ฉันเลยไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรมาก แรกๆ ก็จะเป็นจะตาย ตอนนี้เหรอ...ปลง ใครอยากได้ก็เอาไป แต่ไปแต่ตัวนะ เงินอยู่กับฉัน...ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของธัญมณดังขึ้น นั่นเพราะเธอเองก็มีแผนของเธอเช่นกัน เรื่องอะไรจะยอมหย่าให้พวกเมียน้อยได้ใจ “แล้วทำไมแกไม่หย่าเหมือนยัยณาให้มันจบๆ กันไป”“หย่าทำไม นั่งไขว่ห้างสวยๆ มองพวกเมียน้อยมันตีกันไม่ดีกว่าเหรอ สนุกดีออก”“ล้ำลึกมาก แกนี่หน้าตาซื่อๆ ก็โหดกับเขาเหมือนกันนะยะ” ณิการ์ยกนิ้วให้ธัญมณ ส่วนคนถูกชมก็ยิ้มกริ่มแล้วเอ่ยรับ แม้ในใจมันจะไม่ได้ยิ้มเท่าใบหน้าก็ตามที เพราะเธอก็ยังรักสามีอยู่ แม้ความรักมันจะน้อยนิด เหลือเพียงแค่ความแค้นก็ตาม “นิดนึง” “ตายแล้ว จะบ่ายสามแล้วเหรอ ฉันไปรับลูกก่อนนะ เดี๋ย
“เอ๊ะ! นั่นณานี่นา” “คุณพราวรู้จักเธอ…คนนั้นหรือครับ” “รู้จักค่ะ ณาเป็นเพื่อนสมัยเรียนของพราวเอง” พราวตะวันยิ้มให้ มีใครจะไม่รู้จักคู่รักคู่ฮอตเมื่อครั้งยังเป็นนิสิตบ้าง เพราะใครๆ ต่างพากันอิจฉาความรักของณาณีมกับดาวินกันทั้งนั้น ยิ่งพอรู้ว่าทั้งคู่เรียนจบและแต่งงานกัน ก็ยิ่งเป็นที่พูดถึงว่าคือรักแท้ “แต่เอ้! ณามาคนเดียวหรือเนี่ย พี่แดนสามีของณาคงติดธุระอยู่แน่ๆ ถึงปล่อยให้ภรรยาคนสวยมาเที่ยวทะเลคนเดียวแบบนี้” ประโยคที่ได้ยิน ทำเอาราฮีมคิ้วขมวดเพราะผิดหวังเล็กๆ ที่ณาณีมไม่โสด แล้วเมื่อครู่ที่เธอตะโกนว่าโสดแล้ว นั่นคืออะไร หรือเพราะกำลังทะเลาะกับสามี ถึงได้พูดประชดออกไป “จริงสิ ผมหิวแล้ว เราไปหาอะไรกินกันไหมครับ” “ได้สิคะ พราวเองก็กำลังจะถามคุณราฮีมอยู่พอดี ว่าหิวหรือยัง งั้นเชิญค่ะ” “ขอบคุณครับ” ราฮีมเอ่ยรับ ก่อนจะผายมือเชื้อเชิญพราวตะวัน ซึ่งจังหวะหนึ่งชายหนุ่มก็แอบชำเลืองมองณาณีมแวบหนึ่ง หลังเดินเล่นที่ชายหาดจนพอใจ ณาณีมก็กลับเข้าที่พัก ซึ่งห้องของเธออยู่โซนหน้าติดทั้งชายหาดและสระว่ายน้ำ แต่เพราะหิวทำให้เธอเลี้ยวขวาตรงไปยังห้องอาหารของทางรีสอร์ท จังหวะนั้น สายตาก็มองเห็นพน