Share

บทที่ 6 ห้องเราผนังติดกัน (1)

“ฉันชอบคุณราฮีม และเราก็กำลังดูๆ ใจกันอยู่ หวังว่าเธอจะเข้าใจ ไม่เล่นชู้กับแฟนคนอื่นหรอกนะ”

“เล่นชู้เหรอ?” ณาณีมเอ่ยทวนคำที่พราวตะวันใช้ เพราะมันแรงและดูถูกเธอมากทีเดียว นี่ถ้าไม่ถือว่าเป็นเพื่อนกันมาก่อน ณาณีมอาจกระโดดกัดคอไปแล้ว 

“ใช่…ฉันอ่านสายตาเธอเวลามองคุณราฮีมออก ว่าเธอคิดยังไงกับเขา”

“แล้วตอนนี้เธออ่านสายตาฉันออกไหม ว่าคิดยังไงกับเธอ”

“ออกสิ” พราวตะวันเอ่ยอย่างมั่นใจ แต่ณาณีมกลับมองบนใส่ เพราะเอาเข้าจริงๆ คนตรงหน้าก็แทบไม่รู้อะไรกับเขาเลย 

“อย่ามั่ว อย่าคิดแทนฉัน เพราะฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด ต่อให้ฉันยังโสด คุณราฮีมก็ไม่ใช่ผู้ชายในสเปคฉันสักนิด เธอสบายใจได้”

“เธอพูดเองนะ อย่ากลืนน้ำลายตัวเองเสียล่ะ” พราวตะวันกำชับ 

“แน่นอน” ณาณีมเอ่ยรับอีกที แต่หารู้ไม่ว่าประโยคเหล่านี้ราฮีมได้ยิน ชายหนุ่มยืนฟังอยู่ไม่ไกล และรู้สึกเสียใจที่ได้ยินแบบนี้อยู่ไม่น้อย อกหักตั้งแต่แรกที่ได้รู้จักกัน มันเป็นแบบไหน วันนี้เขาก็เพิ่งได้สัมผัส 

 

 

 

 

ราฮีมกับพราวตะวันกลับเข้ากรุงเทพฯ ก่อน ส่วนณาณีมนั้นยังคงใช้ชีวิตชิลล์ๆ ที่ทะเลต่ออีกคืน กระทั่งช่วงสายของวันรุ่งขึ้น เธอก็กลับเข้ากรุงเทพฯ เช่นเดียวกัน

ณาณีมไม่ได้กลับบ้านเหมือนทุกครั้ง คราวนี้เธอตรงไปยังคอนโดมิเนียมที่เพิ่งซื้อหลังหย่าร้างกับดาวิน เมื่อมาถึงก็ให้บริษัทเอกชนที่รับย้ายบ้านมาส่งของ จากนั้นณาณีมก็จัดห้องกระทั่งมืด 

“โอ๊ย! หิวๆ” เพราะมัวแต่ทำนั่นทำนี่จนลืมมื้อเย็น มารู้ตัวอีกทีท้องก็ร้องประท้วง ณาณีมเดินไปยังตู้เย็น แต่พอเปิดออกกลับมีแค่น้ำเปล่าซะอย่างนั้น

เธอคว้ากระเป๋าใบเล็กมาถือ หยิบโทรศัพท์และคีย์การ์ดติดมือมาด้วย แล้วเดินออกไปหาอะไรกินข้างๆ คอนโดมิเนียมในสภาพมนุษย์ป้ามาก เพราะเวลานี้เธอสวมเสื้อยืดตัวใหญ่ กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ผมรวบมวยไว้บนศีรษะ แถมยังใส่แว่นอีกต่างหาก

ณาณีมก้มหน้าก้มตาเดิน นั่นเพราะไม่อยากสบตาใครในสภาพกระเซอะกระเซิงแบบนี้ ต่อให้จะไม่รู้จักใครก็เถอะ แต่สุดท้ายกลับมีเสียงทักขึ้น 

“อ้าว! คุณณา” น้ำเสียงของราฮีมแสดงออกถึงความประหลาดใจแต่ก็แฝงความยินดีด้วยที่ได้พบณาณีมที่นี่ 

“อุ๊ย! คุณราฮีม มาทำอะไรที่นี่คะ” ณาณีมหยุดกึก เกือบจะชนเข้ากับราฮีม พอเงยหน้าขึ้นจึงยิ้มแห้งๆ ให้เขาแล้วเอ่ยถาม ขณะนั้นก็บ่นในใจไปด้วย ว่าทำไมต้องมาเจอราฮีมเวลานี้ 

“ผมพักที่นี่ครับ แล้วคุณมาทำอะไร แต่ดูจากการแต่งตัวแล้ว คุณน่าจะอยู่ที่นี่ จริงไหม” ราฮีมสันนิษฐานจากสิ่งที่ตาเขามองเห็น 

“ก็ทำนองนั้นค่ะ”

“แล้วจะออกไปไหนค่ำๆ มืดๆ ครับ”

“พอดีฉันหิวข้าว เลยจะออกไปหาอะไรกิน”

“ตีหนึ่งเนี่ยนะคุณ” ราฮีมก้มมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ 

“อื้อ…ร้านชายสี่หมี่เกี๊ยวริมถนนน่าจะยังเปิดอยู่ ฉันไปก่อนนะคะ” ณาณีมรีบขอตัว นั่นเพราะกลัวจะดึกไปกว่านี้ 

“เดี๋ยวๆ งั้นผมไปเป็นเพื่อน” คนตรงหน้ารีบเอ่ยขึ้น 

“ไม่ต้อง ฉันไปเองได้” 

“ผมไปเป็นเพื่อนดีกว่า ต่อให้คุณจะมีหน้าตาเป็นอาวุธ แต่บางทีโจรมันก็ชอบปล้นคนแก่” คำพูดของราฮีมทำเอาณาณีมควันออกหู ยืนเท้าสะเอวมองเขาเสียเลย 

“นี่คุณ…”

“ผมล้อเล่นน่ะคุณ”

“หึ…” ณาณีมเบ้ปากใส่ราฮีม ผู้ชายอะไร หล่อก็หล่อ แต่ปากเสียชะมัด ก่อนจะสะบัดหน้าใส่เขาแล้วเดินจ้ำไปยังหน้าคอนโดมิเนียม ซึ่งราฮีมเองก็รีบตามไป 

แม้ตอนนี้เขาจะอิ่มมาก เพราะไปทานข้าวกับหุ้นส่วนมา แต่กลับสั่งบะหมี่มานั่งกินเป็นเพื่อนณาณีมชามโต ส่วนณาณีมนั้นพอกินบะหมี่เสร็จ เธอยังสั่งขนมหวานมากินอีกถ้วย ตามด้วยโรตีจากอาบังอีกแผ่น 

“คุณ…หิวมากเลยเหรอ”

“อื้อ…ฉันจัดห้องตั้งแต่บ่าย ยังไม่ได้กินอะไรเลย” ขณะตอบก็กินโรตีไปด้วย กินแค่นี้ไม่อ้วนหรอกมั้ง! แต่คำพูดของณาณีมก็ทำให้ราฮีมตั้งคำถาม 

“จัดห้องตั้งแต่บ่าย งั้นก็แสดงว่าคุณเพิ่งจะย้ายมาอยู่”

“ใช่”

“แล้วสามีคุณไปไหน ไม่มาช่วยจัดห้องด้วยเหรอ”

“พอดีเขาไม่ค่อยว่าง” ณาณีมบอกปัด 

“อ้อ”

“ฉันอิ่มแล้ว คุณอิ่มยัง”

“อิ่มแล้วครับ”

“พี่คะ คิดเงินด้วยค่ะ มื้อนี้ฉันเลี้ยงนะ ขอบคุณที่คุณมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อน” พูดจบณาณีมก็หยิบเงินออกมาจ่ายค่าเสียหาย

“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ นั่นเพราะณาณีมไม่เปิดโอกาสให้เขาได้แย้ง 

เมื่อจ่ายเงินเสร็จ ทั้งสองคนก็เดินกลับเข้าคอนโดมิเนียมด้วยกัน ณาณีมบอกลาราฮีมที่หน้าล็อบบี้ เพราะเข้าใจว่าชายหนุ่มจะอยู่อีกตึก แต่ผิดคาด เพราะไปๆ มาๆ เขาอยู่ตึกเดียวกับเธอ แถมยังชั้นเดียวกัน และห้องติดกันอีกต่างหาก

“คุณอยู่ห้องนี้เหรอ” ณาณีมชี้ไปยังห้องข้างๆ ที่ราฮีมยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับคีย์การ์ดในมือ 

“ครับ”

“โลกจะกลมไปไหน” บ่นเสร็จก็เปิดประตูเข้าห้องไป แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงราฮีมตามหลัง 

“ฝันดีนะครับ” ราฮีมยืนกอดอกมองยิ้มๆ ขอบคุณความกลมของโลกใบนี้ ที่ทำให้เขากับณาณีมได้มาอยู่ใกล้กัน

แต่ราฮีมก็ต้องปล่อยวาง นั่นเพราะเขารู้ว่าณาณีมไม่โสด ต่อให้ชอบเธอก็คงไม่บ้าพอจะไปเป็นชู้ 

ส่วนณาณีมเธอพอจะมองออกว่าราฮีมคิดยังไงด้วย แต่เวลานี้เธอยังไม่พร้อมจะมีใครจริงๆ ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะหล่อ จะรวย จะน่าลากแค่ไหนก็ตาม เธอเข็ดกับการมีความรัก เข็ดกับคำว่าครอบครัว เข็ดกับคำว่าคู่ อยากเป็นคี่บ้าง

 

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status