อดีต...เธอเป็นเมียลับ...ที่เขาไม่คิดจะรัก ปัจจุบัน...เธอกำลังจะกลายเป็นเมียรักของใครบางคน เขาจะทำเช่นไร...อยู่ดีๆ เมียลับของเขาอยากไปเป็นเมียรักของคนอื่น!
もっと見るบรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรูใจกลางเมืองกรุง เป็นไปอย่างชื่นมื่น เหล่าบรรดานักธุรกิจ คุณหญิงคุณนายแวดวงโฮโซ ต่างถูกรับเชิญมาร่วมแสดงความยินดีกับพิธีมงคลสมรสบุตรชายคนโตของเจ้าสัวชื่อดัง ผู้ที่ซึ่งล่วงลับไปแล้ว แต่ทว่าความร่ำรวยและความมั่งคั่งยังคงอยู่เพราะบุญบารมีของผู้เป็นพ่อ เลยทำให้เหล่าเศรษฐีและคนดังต่างพากันมาแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า
ท่ามกลางบรรยากาศที่น่ายินดี ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดทักสิโด้สีขาวนั้น กลับแสดงสีหน้าตรงกันข้ามกับบรรยากาศของงาน สายตาคมดุเหลือบมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก สันกรามของเขาขบกันแน่น เขาเพิ่มแรงบีบมืออันบอบบางที่อยู่ในอุ้งมือใหญ่ของเขาเพื่อระบายความอัดอั้นที่อยู่ตรงหน้านี้ แขกนับร้อยกำลังจ้องมองเขาและเธออย่างชื่นชม แต่หารู้ไม่ ว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นนั้น มันตรงกันข้ามกับความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง!
‘เอมิกา’ สาวน้อยเรือนร่างบอบบางอยู่ในชุดเจ้าสาวที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษด้วยผ้าดิ้นสีขาวบริสุทธิ์นำเข้าจากต่างประเทศ ชายกระโปรงยาวกรุยกราย ตัวชุดแนบชิดเรือนกายจนแลเห็นเรือนร่างทรงนาฬิกาทรายอันงดงามสมส่วน ขณะที่ด้านหลังเป็นเนื้อผ้าซีทรูโปร่งลายลูกไม้อวดแผ่นหลังขาวนวลเนียน สะกดสายตาของทุกคู่ให้มองมาที่เธอ ดวงตากลมโตจ้องมองแขกผู้มีเกียรติผ่านผ้าคลุมบางๆ ที่ปิดบังใบหน้าอันงดงามนั้นเอาไว้ ขณะเดียวกันที่มือของเธอข้างหนึ่งนั้นแทบแหลกสลายเพราะแรงบีบอันมหาศาลจากชายร่างใหญ่ที่ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ข้างกายเธอ เอมิกาพยายามอดทนกับความเจ็บปวดนี้ไว้ ได้แต่บอกตัวเองว่า‘เดี๋ยวมันผ่านไป...’
‘ทำไมคะแม่ ทำไมมิ้นท์ต้องแต่งงานกับคุณธารณ์ด้วยคะ แล้วคุณรสิตาเธอไปไหนคะแม่’
‘มิ้นท์ต้องช่วยแม่นะลูก คุณหญิงเยาวเรศบอกให้แม่ต้องช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ก่อน ตอนนี้คุณหญิงท่านกำลังเร่งตามคุณหนูสิตา ที่หายออกจากบ้านไปเมื่อช่วงพิธีเช้า ลูกอย่าพึ่งถามอะไรแม่เลยนะ ช่วยแม่ก่อนเถอะ’ เสียงของผู้เป็นแม่ยังคงดังกึกก้องในหัวของเธอพอๆ กับเสียงของผู้คนที่มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ เหตุการณ์ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เธอไม่ทันได้ตั้งตัวเลยสักนิด
‘บุญคุณ’ คำนี้มันอยู่ในชีวิตของเอมิกามาตลอด 19 ปี ตั้งแต่เธอลืมตามองโลก เธอก็ได้อาศัยอยู่บ้านอัครเมธี ในฐานะลูกสาวของคนรับใช้ แม่ของเธอรับใช้บ้านใหญ่หลังนี้มานาน โดยเมื่อ 19 ปีก่อนนั้นแม่ได้อุ้มท้องเอมิกาเข้ามาขอความช่วยเหลือจากบ้านนี้ ‘คุณหญิงเยาวเรศ’ คือคนที่เมตตารับแม่และเธอเข้ามาในบ้าน ให้ที่อยู่พำนักพักพิง ทำงานเพื่อแลกกับบุญคุณเหล่านั้น
‘วันนี้’ บุญคุณทุกอย่างถูกทวงคืน โดยที่ผู้เป็นแม่ของเธอนั้นไม่อาจปฏิเสธได้เลย เอมิกาถูกจับมาแต่งตัวในช่วงของงานเลี้ยงพิธีตอนเย็น ก่อนหน้านั้นคุณรสิตาก็ยังคงทำหน้าที่นี้ เธอถูกให้มาเป็นเจ้าสาวตัวปลอมแทนตัวจริงที่กำลังหนีหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุว่าเพราะอะไร
‘ธารณ์ อัครเมธี’ เจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ข้างกายของเธอตอนนี้ เขาเป็นคนที่เอมิการู้จักเป็นอย่างดีในฐานะลูกชายของเจ้าของบ้าน แว็บแรกที่เขามองเธอ เมื่อรู้ว่าเจ้าสาวตัวจริงนั้นหายไป สายตาของเขาแข็งกร้าวฉายแววความไม่พอใจออกมาเต็มเปี่ยม เขาคงโกรธและเสียใจที่คนรักของเขานั้นหนีการแต่งงานครั้งนี้ คงจะเสียหน้ามากสินะ เขาและคุณรสิตาเป็นคู่รักที่ใครต่อใครต้องอิจฉา ความเหมาะสมทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะของทั้งสอง ในแวดวงสังคมนั้นรู้เป็นอย่างดี
“และในเวลานี้...ขอเชิญเจ้าบ่าวและเจ้าสาวร่วมกันจุดเทียนและตัดเค้กเพื่อมอบให้กับประธานพิธี พ่อแม่ของบ่าวสาว และญาติผู้ใหญ่ครับ”
เสียงของพิธีกรชายเอ่ยขึ้น ทำให้เจ้าสาวแสนสวยนั้นสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิดในทันที ตอนนี้ยังไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของตัวเธอ เนื่องจากรูปร่างของเอมิกานั้นใกล้เคียงกับเจ้าสาวตัวจริงมาก อีกทั้งช่างแต่งหน้าก็พยายามคุมโทนเน้นแต่งให้หน้าตาออกมาเหมือนกันพร้อมกับใช้ผ้าคลุมหน้าสีขาวปิดบังอีกชั้น เพื่อไม่ให้แขกผู้มีเกียรตินั้นเกิดความสงสัย ประกอบกับช่วงงานเป็นเวลากลางคืน ทางทีมงานก็ปรับแสงไฟให้ลดลงเพื่อกลบความผิดปกตินั้น
ทุกคนต่างอยากให้เวลานี้มันจบลงโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะคุณหญิงเยาวเรศที่ดูจะร้อนรนเป็นพิเศษ เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะคุณหญิงเยาวเรศคือต้นเรื่องของการร้องขอให้ลูกชายแต่งงานให้เร็วราวกับสายฟ้าแลบแบบนี้
“เจ้าสาวเปิดหน้าให้เจ้าบ่าวจุ๊บหน่อยค่ะ”
เสียงของแขกผู้มีเกียรติคนหนึ่งเอ่ยแซวขึ้น ท่ามกลางความลุ้นระทึกของใครหลายๆ คนที่กำลังกุมความลับนี้เอาไว้
“นั่นสิคะ...จุ๊บเลยค่ะ อยากเห็นคุณรสิตาโดนจูบค่ะ”
เสียงสนับสนุนเริ่มที่จะดังขึ้นจากหนึ่งเป็นสอง และสามก็ตามมา ทำให้เจ้าบ่าวของงานเหลือบมองเจ้าสาวตัวปลอมของเขาอย่างชั่งใจ ความโกรธที่มีอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว กลับทวีคูณขึ้นไปอีกเมื่อเจอสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้
ธารณ์ กำลังระงับอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ‘สิ่งที่แม่ของเขาต้องการ’ ‘ความรักของเขากับรสิตา’ และ ‘การหักหลัง’ ความเสียใจและความเสียหน้าทุกๆ อย่างมันซัดเข้ามาที่ธารณ์ จนเขาแทบอยากจะพังทลายทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าให้พินาศทั้งหมด ‘เอมิกา’ คือเด็กรับใช้ในบ้าน ที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของธารณ์เลยแม้แต่นิด ความรู้สึกของการเสียศักดิ์ศรีและการโดนหยามเกียรติ ที่แม่ของเขาเลือกเอาเด็กรับใช้มาแก้ขัดแบบนี้ และสิ่งนี้เองมันทำให้ธารณ์ไม่พอใจอย่างที่สุด สายตาคมดุจับจ้องไปที่ตัวปลอมแก้ขัดราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ทางเจ้าบ่าวว่ายังไงครับ”
พิธีกรเอ่ยเตือนอีกครั้งหลังจากที่แขกผู้มีเกียรติหลายคนเริ่มที่จะมีเสียงไปในทิศทางเดียวกันโดยที่ไม่รู้เรื่องราวเหตุการณ์เหล่านี้เลยสักนิด
“อ่อ ครับ!”
สันกรามของชายหนุ่มขบกันแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธ พร้อมกับหันไปทางเจ้าสาวแก้ขัดของเขา มือหนาคว้าไปที่ลำแขนของหญิงสาวออกแรงกระชากเข้ามาหาอกกว้าง ร่างอันบอบบางปลิวร่อนตามแรงอันมหาศาลของชายหนุ่ม
“อุ้ย!!”
เอมิกาอุทานออกมาด้วยความตกใจ แรงกระแทกทำให้เธอจุกไปชั่วขณะ ร่างกายของเธอชาไปทั่วทุกส่วน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะหายตกใจ ผ้าคลุมหน้าของเธอก็ถูกเปิดออก พร้อมเงาดำๆ โฉบวูบลงมาทันใด
“อึก!!”
เรียวปากบางถูกกระแทกลงมาด้วยริมฝีปากของอีกฝ่าย แรงกดกระแทกด้วยความไม่เต็มใจทำให้เอมิกาเจ็บปวดราวกับโดนของแข็งบดลงมาที่ริมฝีปากบาง
“ว้าว!!!”
“กรี๊ด...น่ารักจังเลยค่ะ”
“ว้าย! น่ารักอ่ะ”
เสียงแขกผู้มีเกียรติต่างกู่ก้องร้องเชียร์ให้คู่บ่าวสาวทำในสิ่งที่พิธีงานแต่งงานปกติทั่วไปเขาทำกัน โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นมันคือการแสดงละคร เพื่อตบตาคนดูเท่านั้นเอง
พรึ่บ! ร่างบางถูกปล่อยเป็นอิสระ หลังจากที่ชายหนุ่มทำในสิ่งที่แขกผู้มีเกียรติต้องการตามบทละครที่ถูกแต่งขึ้น เขาใช้ริมฝีปากของตัวเองประกบปากของเธอ โดยมิได้ล่วงล้ำเข้าไปแต่อย่างใด ความโมโหและความโกรธทำให้ชายหนุ่มไม่คิดที่จะใส่ใจความรู้สึกของคนตรงหน้าเลยสักนิด เธอคือเด็กรับใช้ ไม่สมควรที่จะมาทำสิ่งนี้กับเขาด้วยซ้ำ
“ฮึก...”
เสียงหอบหายใจของเอมิกาดังขึ้น หลังจากที่ร่างของเธอโดนผลักออก ร่างบางเซจนเกือบจะล้ม ความเจ็บปวดรวดร้าวระบมไปทั่วเรือนร่างและจิตใจ ทำให้ริมฝีปากบางเม้มสนิทเกือบเป็นเส้นตรงเพื่อสกัดกั้นความรู้สึกอยากร้องไห้เอาไว้ เอมิกาภาวนาให้ชั่วโมงอันแสนโหดร้ายนี้จบลง เธอรู้ว่าชายหนุ่มไม่พอใจ และอาจจะเสียหน้าเพราะต้องมาร่วมพิธีกับเด็กรับใช้ในบ้านอย่างเธอ
‘บุญคุณ’ ที่ต้องทดแทนสำหรับผู้มีพระคุณ ไม่ว่าเอมิกาและแม่จะต้องการหรือไม่ เธอจะถูกรังเกียจมากแค่ไหน แต่สิ่งที่เอมิกาทำไปทั้งหมดทั้งมวลนั้น...ก็เพื่อแม่ของเธอ...เท่านั้นเอง...
......................
กดหัวใจ คอมเมนท์ = หนึ่งกำลังใจนะคะ
ฝากกดติดตาม เพิ่มเข้าชั้น
และรับแจ้งเตือนตอนใหม่ เรื่องใหม่ค่ะ
“ธารณ์ไม่ไปงั้นเหรอคะ สิตาจองเที่ยวบินจองโรงแรมทุกอย่างไว้หมดแล้วนะคะ ธารณ์รับปากคุณแม่แล้วนะว่ามาเยี่ยมน้องธีย์แล้ว เราก็จะไปฮันนีมูนต่อนี่คะ” “ผมไม่ได้รับปาก คุณเองต่างหากสิตาที่รับปากคุณแม่ ความจริงเรื่องทุกอย่างมันจะไม่เป็นแบบนี้หรอกนะ ถ้าคุณไม่ทำเรื่องวุ่นวายนี้ขึ้นก่อน” “นี่ธารณ์จะไม่เลิกงอนสิตาใช่มั้ยคะ” “ผมไม่ได้งอน เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมอยากขอเวลาอยู่เงียบๆ สักพัก พูดตรงๆ ก็คือผมไม่มีอารมณ์ไปเที่ยวไหนหรอก”เวลาที่เขาจะได้ทบทวนบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาและรสิตา เขารีบร้อนจนเกินไป คิดว่ารสิตาคงรักเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รักเธอมาก แต่เขาคิดว่าแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ไม่นานก็คงจะรักกันไปเอง ค่อยศึกษานิสัยใจคอกัน “นี่แหละค่ะที่เรียกว่างอน สิตาขอโทษนะคะธารณ์ เรื่องนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วนะคะ สิตาให้สัญญานะคะ ว่าต่อไปนี้สิตาจะใช้ชีวิตอยู่กับธารณ์ จะไม่ไปเที่ยวไหน เราจะเป็นครอบครัวกันนะคะธารณ์ คุณแม่ธารณ์อยากได้เบบี๋นะคะ เราไปฮันนีมูนกัน และปั๊มหลานให้คุณแม่กันเถอะค่ะ...นะคะธารณ์ สิตารักธารณ์นะคะ” “เรื่องฮันนีมูนเอาไว้ก่อนเถอะ ถึงไ
“ไหนเธอลองเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฉันฟังหน่อยสิมาลินี”หลังจากที่คุณหญิงเบญจมาศกลับไป คุณหญิงเยาวเรศก็เรียกมาลินีมาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จริงเท็จแค่ไหน เธอเองก็ร้อนใจอยู่เหมือนกัน “เรื่องอะไรหรือคะคุณท่าน” “เอ้า! ก็เรื่องลูกสาวของเธอกับตาธารณ์ไง คุณหญิงเบญจมาศมารายงานฉันเมื่อกี้ ว่ายัยมิ้นท์ลูกสาวของเธอกับตาธารณ์มีอะไรกันเมื่อคืนเป็นเรื่องจริงมั้ย แล้วนี่ลูกสาวเธอไปไหน” “ยัยมิ้นท์ไม่สบายค่ะคุณท่าน ก็คงเป็นเรื่องอย่างที่คุณท่านทราบมานั่นแหละค่ะ...เอ่อ...คุณหนูธารณ์เธอ...”มาลินีลำบากใจที่จะเอ่ยเหลือเกิน เธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะพูดได้เต็มปาก ลำพังถ้าเธอและลูกไม่ได้รับความเมตตาจากคุณหญิงท่านล่ะก็ ป่านนี้เธอกับลูกจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ “สรุปคือเรื่องจริงใช่มั้ย...” “ค่ะคุณท่าน” “โอย...ตายแล้ว...ทำไมมันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย”ตอนแรกคุณหญิงเยาวเรศก็ไม่คิดจะเชื่อเรื่องที่คุณหญิงเบญจมาศเล่าสักเท่าไหร่ เธอจะเชื่อได้ยังไง ในเมื่อลูกชายของเธอกับลูกสาวของมาลินีไม่เคยพบเจอกันเลย มาลินีกับลูกสาวเธอให้ไปอยู่เรือนคนรับใช
ณ คฤหาสน์อัครเมธี “นั่นลูกจะไปไหนธารณ์”คุณหญิงเยาวเรศมองกระเป๋าในมือของบุตรชายด้วยความแปลกใจ เมื่อคืนพึ่งเสร็จสิ้นจากงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสมาสดๆ ร้อนๆ เจ้าลูกชายของเธอไม่คิดจะหยุดพักเพื่อฮันนีมูนกับลูกสะใภ้ของเธอหรอกหรือ เมื่อคืนคุณหญิงเบญจมาศได้โทรมาอธิบายเรื่องราวทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เธอก็พอจะเบาใจขึ้นมาหน่อย “ผมจะไปประชุมสิงคโปร์สักสองวันครับแม่” “อ่าว แล้วเมียของลูกล่ะ หนูสิตาไม่ไปด้วยหรือไง” “ไม่ครับ ผมไปประชุมไปทำงานครับแม่ สิตาจะไปด้วยทำไมกันครับ” “แล้วนี่หนูสิตารู้เรื่องหรือยัง สายมากแล้วหนูสิตาตื่นหรือยัง เมื่อคืนคงปรับความเข้าใจกันแล้วใช่มั้ยธารณ์” “ครับ” ความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างที่แม่ของเขาเข้าใจหรอก จากเหตุการณ์สับสนวุ่นวายเมื่อคืน มีหลายเรื่องราวให้ธารณ์ต้องถอยหลังออกจากเรื่องนี้สักก้าว เขาต้องใช้เวลาคิดและทบทวนเกี่ยวกับเรื่องของเขาและรสิตาสักหน่อย ยังไม่ทันที่ธารณ์จะตอบแม่เขาเสร็จ เสียงของคนที่ถูกพูดถึงก็ดังขึ้นเสียก่อน “ธารณ์คะ นี่ธารณ์จะไปไหนคะ”รสิตาวิ่งพรวดลงบันไดจากชั้นบนของบ้านมาด้วย
ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกดึงขึ้นเพื่อคลุมร่างอันบอบบางที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเล็ก สายตาของผู้เป็นแม่มองลูกสาวของตัวเองด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย มาลินีได้รับฟังเรื่องราวที่ลูกสาวของเธอแล้วรู้สึกปวดใจอย่างที่สุด ‘สุดท้าย...วันนี้ก็มาถึง วันที่มาลินีกลัวอย่างที่สุดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว’ ‘คุณธารณ์...ข่มขืนมิ้นท์ค่ะแม่’ คำพูดของลูกสาวเธอยังดังกึกก้องอยู่ในหัวของมาลินี ร่างกายของเธอชาตั้งแต่หัวจรดเท้าเมื่อได้รู้ความจริงอันแสนเจ็บปวดนี้ เธอควรจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ เดินเข้าไปหาคุณผู้หญิงเพื่อบอกให้ลูกชายของท่านรับผิดชอบลูกสาวเธอ หรือพาลูกสาวจากบ้านนี้ หนีให้ไกลแล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ มาลินีจะเลือกทางไหน เธอสับสนเป็นอย่างมาก แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหน สุดท้ายแล้วเธอและลูกก็ไม่สามารถที่จะเรียกร้องสิ่งไหนได้เลย นอกจากก้มหน้ารับชะตากรรมต่อไป เธอกับลูกไม่ได้อยู่ในฐานะที่สูงส่ง เป็นแค่คนรับใช้จะเอาอะไรมาต่อรองกับพวกเป็นนายได้กันเล่า มาลินีก็ได้แต่โทษตัวเอง ถ้าเธอไม่ยอมตกลงช่วยคุณผู้หญิงเยาวเรศตั้งแต่แรก ลูกสาวของเธอก็คงจะไม่เป็นแบบนี้..................... ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหน
ณ บ้านหลังเล็กที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณคฤหาสน์หลังใหญ่ “ยัยมิ้นท์! นั่นลูกเป็นอะไร!!” “มะ-แม่” น้ำเสียงแหบแห้งร้องเรียกผู้เป็นแม่ เอมิกาพยายามประคองตัวเองเดินเข้ามา หลังจากที่เธอได้ให้แท็กซี่มาส่ง ร่างอันบอบช้ำเดินโซซัดโซเซเข้ามาภายในบ้าน “แม่โทรหาลูกก็ไม่รับสาย เลยคิดว่าถ้าลูกไม่กลับมาแม่ก็จะไปหาลูกที่โรงแรมแล้วนะ แล้วนี่ลูกเป็นอะไรทำไมสภาพของลูกถึงเป็นแบบนี้”มาลินีสำรวจผู้เป็นลูกตั้งแต่หัวจรดเท้า หัวใจของเธอพลันหล่นวูบลงทันที เมื่อประเมินสภาพของลูกสาว “แม่...” น้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปหมดแล้วกลับไหลทะลักลงมาอีกครั้งความเจ็บปวดที่ได้รับครั้งนี้มันสาหัสที่สุดแล้วสำหรับเอมิกา เธอโดนข่มขืนอย่างโหดร้ายจากลูกชายเจ้าของบ้านที่เธอกับแม่ได้อาศัยอยู่นี้ตลอด 19 ปีที่ผ่านมา “ลูกเป็นอะไรมิ้นท์ ทำไมลูกถึง...” “คุณธารณ์ค่ะแม่...ฮือ ฮือ เขา...”เอมิกาโผเข้ากอดผู้เป็นแม่ โดยเอมิกาไม่รู้จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอตอนนี้ได้อย่างไร “เขาทำอะไรลูกของแม่ แล้ว...มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ไหนคุณหญิงท่านบอกแค่ให้ลูกไปเข้าพิธีแทนคุณหนูสิต
“เธอคงไม่รู้จักฉันดีสินะ!!” สายตาคมกริบจับจ้องไปร่างอวบอิ่มของวัยแรกสาวตรงหน้า ที่กำลังสั่นเทาราวกับลูกนก ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างหวาดกลัว ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มอย่างพอใจที่ได้เห็นเธออยู่ในสภาพนี้ ชายหนุ่มรีบปลดเข็มขัดรูดซิปกางเกงออก ความอัดแน่นของแก่นกายใหญ่ดีดดันจนแทบจะทะลุออกจากเป้ากางเกงตัวใหญ่ “ดะ-ได้โปรด ปะ-ปล่อยหนูเถอะค่ะ”ใบหน้าคมยกยิ้มอย่างพึงพอใจกับอาการหวาดกลัวของเด็กสาว ยิ่งเห็นน้ำตาความปรารถนาก็โลดแล่น ความต้องการก็ยิ่งเพิ่มสูงเป็นทวีคูณ! ธารณ์ไม่รู้ว่า นี่เป็นเพราะแอลกอฮอล์หรือเป็นเพราะอะไรกันแน่ ที่ทำให้เขาเกิดความต้องการจากเด็กสาวที่เป็นแค่สาวรับใช้ในบ้านของเขาเช่นนี้ ปกติ ไม่ว่าเขาจะเมาขนาดไหน เขาก็สามารถที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้“ทำไมฉันจะต้องปล่อยเธอไป ในเมื่อเธอเสนอตัวเข้ามาเอง!”“ไม่นะคะ หนูมาเพราะคุณท่านสั่งค่ะ ได้โปรดเถอะค่ะ”ดวงตากลมโตเบิกกว้างออกในทันใด เมื่อเธอเหลือบเห็นความแข็งแกร่งของแท่งเหล็กใหญ่ที่ผงาดออกมา มันทำให้เด็กสาวรีบกระถดร่างหนี! แต่ทว่าก็ยังช้ากว่ามือชายหนุ่มที่คว้าเรียวขาของเธอไว้ และจับถ่างแยกออกจากกัน โดยที่ร่าง
“ที่เธอยังอยู่นี่...เธอต้องการอะไร!!”น้ำเสียงอันดุดันตะคอกออกมา มืออันแข็งแกร่งบีบข้อมือบางเพื่อต้องการเค้นความจริง ร่างกายของธารณ์มีแอลกอฮอล์อยู่ในร่างกายปริมาณค่อนข้างมาก แต่ทว่าเขาก็ยังมีสติที่พอจะรับรู้ว่าตอนนี้เขาเผชิญหน้ากับเด็กรับใช้ในบ้านของเขาอยู่ “คะ-คุณท่าน หะ-ให้หนูอยู่รับใช้คุณก่อนค่ะ ละ-และรอคุณสิตาค่ะ”น้ำเสียงอันสั่นเครือตอบกลับอย่างตะกุกตะกักเพราะความหวาดกลัวคนตรงหน้า ร่างเล็กๆ สั่นระริกขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ดวงตาของเธอเบิกกว้างอย่างตกตะลึง เมื่อดันไปสบตากับดวงตาสีดําคมปลาบคู่นั้น! “รับใช้งั้นเหรอ! เธอคงอยากจะรับใช้ฉันมากสินะ!”ใบหน้าคมดุมองมาด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยามและพูดขึ้น พร้อมกับกวาดมองดวงหน้าอันขาวใสของเด็กสาว ริมฝีปากบางสั่นระริกพอๆ กับเรือนร่างอันบอบบางที่สั่นสะท้านจนเขารู้สึกได้ “ไม่นะคะ คือเดี๋ยวคุณสิตา เธอก็จะมาแล้วค่ะคุณธารณ์ คุณท่านให้หนูรอจนคุณสิตาจะกลับมาค่ะ ปะ-ปล่อยหนูเถอะค่ะ”เอมิกากลัวคนตรงหน้าเธออย่างที่สุด เธอไม่อาจควบคุมความหวาดกลัวของเธอได้เลย ตลอดระยะเวลา 19 ปีของเอมิกานั้น เธอไม่เคยที่จะประจัญหน้าและใกล้เขาม
[ณ โรงแรมหรูระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง] ร่างอันเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ทั้งสองกำลังกกกอดกันอยู่บนเตียงกว้างในห้องนอนโรงแรมหรูชื่อดัง หลังจากที่สงครามรักร้อนแรงนั้นจบลง ตึ๊ด!! ตึ๊ด!! “อึ้ม...” ร่างอรชรเริ่มขยับตัว มือเรียวยาวกำลังควานหาต้นเหตุของเสียงสั่นสะเทือนนั้น ศีรษะของเธอหนักอึ้งไปหมด ราวกับโดนของแข็งกดทับเอาไว้ ดวงตากลมโตจ้องมองสายเรียกเข้านั่น ในสภาพที่ยังมึนงงและกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอดื่มเข้าไปค่อนข้างมากเลยทีเดียว “ค่ะมี้...” เมื่อรู้ว่าสายนั้นเป็นใคร รสิตาก็กรอกเสียงลงไปทันที ‘นี่มันเวลาเท่าไหร่แล้วเนี่ย’ “ยัยตา! นี่แกอยู่ไหนของแก ฉันโทรหาแกเป็นร้อยๆ สาย! ทำไมแกไม่รับสายฉันห๊า! แล้วนี่แกมัวทำอะไรอยู่!”คุณหญิงเบญจมาศระเบิดอารมณ์ใส่ลูกสาวสุดที่รักของเธอทันที เธอแทบจะบ้าตายเพราะลูกสาวตัวดีของเธอหายไปทั้งที่พิธีงานแต่งงานยังไม่เสร็จ “ตากำลัง...เอ่อ...”สายตาของเธอเหลือบมองคนข้างกายของเธอ ‘นิธิศ’ ชายคู่ขาลับๆ ของเธอที่กำลังหลับอย่างสบายอารมณ์ รสิตาแค่จะออกมาผ่อนคลายสักสองชั่วโมงเองนะ และจะกลับไปให้ทันงานเ
“แม่ขอโทษ...แม่ไม่คิดว่าหนูสิตาจะเกิดเรื่องแบบนี้”คุณหญิงเยาวเรศเอ่ยขึ้น เมื่องานเลี้ยงฉลองพิธีมงคลสมรสนั้น เป็นอันต้องชะงักลงกลางคัน เพราะแผนการของคุณหญิงเยาวเรศเอง เธอกลัวลูกชายของเธอนั้นจะหลุด*โป๊ะกลางงาน เธอเลยออกอุบายหาข้ออ้างให้เจ้าสาวเกิดเป็นลมล้มพับกลางงานขึ้น “ขอโทษเหรอครับ...แม่ขอโทษโดยการเอาเด็กรับใช้นั่นมาเข้าพิธีแต่งงานกับผมงั้นหรือครับ”สายตาคมดุสาดไปยังบุคคลที่เขากำลังเอ่ยถึง เธอกำลังยืนก้มหน้าอยู่กลางห้องนอนใหญ่ของโรงแรม โดยห้องนี้ถูกจัดให้เป็นห้องที่เตรียมพิธีส่งตัวเข้าหอ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่แม่ของเขาวางแผนให้เด็กรับใช้นั้นเป็นลม ธารณ์จึงอุ้มร่างของเธอมายังห้องนี้ โดยแม่ของเขาก็ตามติดๆ ทั้งสามเลยต้องยืนประจัญหน้ากันภายในห้อง เพื่อสะสางในสิ่งที่เกิดขึ้น “แต่มันแค่เป็นพิธีเลี้ยงตอนเย็นแค่นั้นนะธารณ์ และตอนนี้เราก็ติดต่อหนูสิตาได้แล้ว มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดฝั่งของหนูสิตาเองนะธารณ์ แม่ว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากนะ”คุณหญิงเยาวเรศเหลือบมองไปยังเด็กรับใช้ในบ้านของเธอ ทุกอย่างของเด็กคนนี้ใกล้เคียงกับว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอมาก เธอไม่คิดว่าลูกชายของเธอจะโกรธ
コメント