ณ บ้านหลังเล็กที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณคฤหาสน์หลังใหญ่
“ยัยมิ้นท์! นั่นลูกเป็นอะไร!!”
“มะ-แม่” น้ำเสียงแหบแห้งร้องเรียกผู้เป็นแม่ เอมิกาพยายามประคองตัวเองเดินเข้ามา หลังจากที่เธอได้ให้แท็กซี่มาส่ง ร่างอันบอบช้ำเดินโซซัดโซเซเข้ามาภายในบ้าน
“แม่โทรหาลูกก็ไม่รับสาย เลยคิดว่าถ้าลูกไม่กลับมาแม่ก็จะไปหาลูกที่โรงแรมแล้วนะ แล้วนี่ลูกเป็นอะไรทำไมสภาพของลูกถึงเป็นแบบนี้”
มาลินีสำรวจผู้เป็นลูกตั้งแต่หัวจรดเท้า หัวใจของเธอพลันหล่นวูบลงทันที เมื่อประเมินสภาพของลูกสาว
“แม่...” น้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปหมดแล้วกลับไหลทะลักลงมาอีกครั้งความเจ็บปวดที่ได้รับครั้งนี้มันสาหัสที่สุดแล้วสำหรับเอมิกา เธอโดนข่มขืนอย่างโหดร้ายจากลูกชายเจ้าของบ้านที่เธอกับแม่ได้อาศัยอยู่นี้ตลอด 19 ปีที่ผ่านมา
“ลูกเป็นอะไรมิ้นท์ ทำไมลูกถึง...”
“คุณธารณ์ค่ะแม่...ฮือ ฮือ เขา...”
เอมิกาโผเข้ากอดผู้เป็นแม่ โดยเอมิกาไม่รู้จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอตอนนี้ได้อย่างไร
“เขาทำอะไรลูกของแม่ แล้ว...มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ไหนคุณหญิงท่านบอกแค่ให้ลูกไปเข้าพิธีแทนคุณหนูสิตาล่ะ...”
“ฮือ ฮือ ฮือ” เอมิกาเอาแต่ร้องไห้ สิ่งที่เธอสูญเสียไปนั้น ไม่มีวันที่มันจะกลับมาเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
“ใจเย็นๆ นะ ค่อยๆ เล่าให้แม่ฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
มาลินีปลอบลูกสาว จากสภาพที่เธอเห็นนั้นคงแปลความหมายเป็นอื่นไปไม่ได้เลย ‘มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงกัน’
........................
และ...เช้าวันต่อมา...ณ...โรงแรมหรู
“ตื่นเถอะค่ะ...ที่รัก”
เสียงหวานออดอ้อนกระซิบข้างหูร่างกำยำที่กำลังทอดกายอยู่บนเตียงกว้าง
“อึ้มม์” เสียงพึมพำเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหนาได้รูป ดวงตาของเขายังคงปิดสนิท และเริ่มรู้สึกตื่นตัวเมื่อมืออันซุกซนของอีกฝ่ายกำลังลูบไล้ไปทั่วแผงอกกว้าง ขนสีอ่อนนุ่มบนแผงอกลุกชันทันทีเมื่อโดนสัมผัส
“ธารณ์คะ”
เสียงหวานเริ่มแหบพร่าเมื่อมือของเธอลูบไล้ลงไปยังเบื้องล่างและพบกับบางอย่างกำลังตื่นตัว รสิตายอมรับว่าตัวเองมีความต้องการเจ้าสิ่งนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าจะพูดตรงๆ ล่ะก็ เธอมีความต้องการทางเพศสูงนั่นเอง ด้วยเหตุนี้เธอถึงต้องมีคู่ขาประจำของเธอไว้เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่เธอต้องการ
“สิตา...” ธารณ์ลืมตาขึ้นมา เขาก็พบว่าหญิงสาวที่เกยบนตัวเขานั้นกลับไม่ใช่ผู้หญิงคนเมื่อคืน นี่คือเจ้าสาวตัวจริงของเขา และรสิตามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน
“เหนื่อยใช่มั้ยคะ ธารณ์เล่นเอาสิตาลุกไม่ไหวเหมือนกันนะคะเนี่ย...แต่ว่าสิตาก็มีความสุขนะคะ”
“คุณเข้ามาได้ยังไงและเข้ามาตอนไหนกันสิตา”
เมื่อคืนเขารู้ว่าตัวเองเมามากแต่ก็พอจะจำเหตุการณ์บางอย่างได้แต่ในช่วงที่เขาหลับไปภาพสุดท้ายที่เขาเห็นก็คือ ‘เด็กรับใช้คนนั้น’
“อะไรกันคะธารณ์ เมื่อคืนสิตาเข้ามาและเราก็ยัง...เอ่อ... มีอะไรกันอยู่นี่คะ เราร่วมรักกันจนสิตาเมื่อยไปหมดแล้วนะคะ”
รสิตาพยายามจัดละครฉากใหญ่ เพื่อให้อีกฝ่ายมึนงงและเพื่อเธอจะได้ตีบทแบบใสๆ ได้แนบเนียนขึ้น
“คุณไปไหนมา...สิตา...บอกความจริงผมมา!”
เมื่อได้สติร่างกำยำก็ผุดลุกจากเตียงใหญ่และก้าวไปยืนอยู่กลางห้อง สายตาคมหรี่มองคนที่อยู่ตรงหน้า ถ้าจำไม่ผิดเขารู้ว่ารสิตาหนีช่วงงานเลี้ยงของงานแต่งงานเขาและเธอไป
“โอเคๆ ค่ะ สิตาบอกก็ได้ค่ะ คือ เมื่อวานสิตาไปนั่งเม้าท์กับเพื่อนของสิตาที่กลับจาก *เมกาค่ะ อืม...ยัยลิลลี่สิคะ ชวนสิตาดื่มฉลอง สิตาก็เลยปฏิเสธยัยนั่นไม่ได้ค่ะ และสุดท้ายก็เมากันทั้งคู่เลยกลับมาเข้าพิธีของเราไม่ทันไงคะ สิตาขอโทษนะคะธารณ์ แต่พอสิตาหายเมาแล้ว สิตาก็รีบกลับมานี่ไงคะ”
รสิตาจำเป็นจะต้องสร้างละครฉากใหญ่ขึ้นมาใหม่ มันไม่ง่ายอย่างที่เธอคิดไว้แต่แรกเสียแล้ว
“คุณให้เหตุผลง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอสิตา”
เมื่อคืนเขายอมรับว่าตัวเองเมาและเกิดอารมณ์กับเด็กนั่นจนเลยเถิดและสิ่งที่เขาลืมไปสนิท คือเขาไม่ได้ป้องกันเลย
“สิตาเข้ามาก็เจอยัยเด็กรับใช้บ้านของธารณ์ ยัยนั่นยังเรียกเงินกับสิตาเลยนะคะ สิตาก็เลยให้เงินมันไป ตอบแทนที่เข้าพิธีแทนสิตาในช่วงงานเลี้ยงค่ะ”
“เรียกเงินงั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มหรี่ตาคมกริบ พลางทำหน้าฉงน
“ก็ใช่สิคะ ตอนแรกสิตาเห็นก็ตกใจนะคะ ที่เห็นธารณ์กับนังนั่นทำอะไรกัน แต่พอมันเรียกเงินกับสิตา...อืม...สิตาก็เข้าใจเลยค่ะ มันคงอยากได้เงินค่ะธารณ์”
“แต่เมื่อคืน...”
ธารณ์กำลังลำดับเหตุการณ์ค่ำคืนที่ผ่านมา เธอร้องไห้และต่อต้านเขา นี่คือการแสดงของเธอหรืออย่างไร แต่ว่าเขาก็มั่นใจนะ ว่าเขาคือคนแรกของเธอ อะไรกัน? ทำเพื่อเงินงั้นหรือ? เธอไม่ผิดไปจากที่เขาคิดไว้เลย งั้นเขาก็คงไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรแล้วสินะ
“สิตาไม่โกรธธารณ์หรอกนะคะ นังเด็กนั่นได้เงินไปแล้วค่ะ สิตาคิดว่ามันก็คงเคยขายมาจนชินแล้วมั้งคะ ธารณ์อย่าคิดมากเลยนะคะ สิตาขอโทษนะคะ คราวหน้าสิตาจะไม่ดื่มแบบนี้อีกนะคะ”
ร่างอรชรลุกจากเตียงและเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอในทางนิตินัยอย่างสมบูรณ์ รสิตาอยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ สายตาของเธอจับจ้องไปที่ร่างใหญ่ กล้ามเนื้อเป็นมัดปรากฏชัดเจน ไม่มีไขมันส่วนเกินแม้แต่น้อย เผยโครงกล้ามเนื้อชัดเจน ร้อนแรง เห็นแนวเส้นเลือดจางๆ รสิตากลืนน้ำลายลงคอในทันทีที่เห็นภาพอันเซ็กซี่ยั่วใจเธอนั้น
“สิตา...” น้ำเสียงแหบพร่าครางอย่างเจ็บปวดเมื่อเบื้องล่างของชายหนุ่มโดนโจมตีด้วยมืออันบอบบางของอีกฝ่าย นิ้วเรียวยาวสะกิดเข้ากับปลายกระบอกใหญ่ ร่างกำยำสะท้านในทันที
“สิตาต้องการคุณค่ะธารณ์...”
เสียงหวานออดอ้อนพร้อมกับร่างอรชรแนบชิดเรือนกายกำยำ ในขณะที่มือของเธอกำลังนวดคลึงแท่งเหล็กลำใหญ่นั้นอย่างหนักหน่วง ความกระสันสวาทครอบงำเธออย่างรวดเร็ว
“อึ้มม์...หยุดเถอะ!”
ธารณ์ขืนตัวเองออกจากร่างอวบอิ่ม ถึงแม้ว่าร่างกายเขาจะมีปฏิกิริยากับสิ่งที่เธอกระตุ้น แต่ทว่าจิตใจของเขาตอนนี้กลับแบ่งออกเป็นสองทาง เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่รสิตาพูดเป็นความจริงหรือเปล่า แต่บางอย่างในใจของเขากลับรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
“ธารณ์คะ สิตาต้องการธารณ์นะคะ อูยย์...”
เสียงหวานครวญครางออกมาเพราะความกระสันรัญจวน ร่างอรชรร้อนแรงเพราะไฟราคะของเธอ รสิตาพยายามรุกเร้ามือไม้ของเธอลูบไล้ไปที่ร่างกำยำเพื่อเร่งกำหนัดของอีกฝ่าย
“พอเถอะสิตา ตอนนี้ผมไม่ต้องการ”
“ทำไมคะ แต่ว่าเจ้านี่ของคุณมันต้องการนะคะ”
มือบางลูบไล้แท่งเหล็กใหญ่ไปมา มันแข็งชันสู้มือของเธอ แต่ทว่าเจ้าตัวกลับปฏิเสธงั้นหรือ รสิตาพยายามเล้าโลมเพื่อกระตุ้นสัญชาตญาณดิบของความเป็นชายออกมา ‘ผู้ชาย! ร้อยทั้งร้อยก็ต้องการสิ่งนี้กันทั้งนั้น’
“นั่นมันเป็นเพราะคุณต่างหากล่ะสิตา ผมว่าคุณควรจะเคลียร์สิ่งที่คุณทำไว้เมื่อคืนดีกว่านะ...อ่อ...และควรจะไปอธิบายแม่ของผมด้วยว่าอยู่ดีๆ ทำไมคุณถึงออกไปดื่มกับเพื่อนทั้งที่ควรอยู่งานแต่งของเรา...สิ่งที่คุณทำเมื่อคืน มันทำให้ผมรู้สึกว่า การดื่มของคุณ...สำคัญกว่างานแต่งงานของเรามาก”
“อุ้ย...ธารณ์คะ อย่าพึ่งโกรธสิตาสิคะ ถ้าคุณข้องใจเรื่องที่สิตาออกไปดื่มกับยัยลิลลี่ล่ะก็ เดี๋ยวสิตาจะพายัยลิลลี่มายืนยันค่ะว่าสิตาไม่ได้ไปไหนนะคะ”
“ใจความสำคัญสำหรับผมมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรื่องของคุณจะจริงหรือไม่จริงนะ...สิ่งที่ผมติดใจก็คือพิธีงานแต่งงานของเรา มันไม่ได้สำคัญสำหรับคุณหรอกหรือไง คุณถึงทิ้งมันไป...”
อารมณ์ของธารณ์ตอนนี้กับเมื่อคืนนั้นแตกต่างกันมาก ในช่วงเช้านี้เขามีสติมากพอที่จะไตร่ตรองอะไรบางอย่างได้บ้างแล้ว ถ้าธารณ์สำคัญกับรสิตาจริงๆ เธอคงไม่ทิ้งเขาไปและให้เขาต้องเข้าพิธีงานแต่งกับเด็กรับใช้ในบ้าน ซึ่งมันทำให้ธารณ์รู้สึกเสียหน้าราวกับถูกหยามเกียรติแบบนี้
.......................
กดหัวใจ คอมเมนท์ = หนึ่งกำลังใจนะคะ
ฝากกดติดตาม เพิ่มเข้าชั้น
และรับแจ้งเตือนตอนใหม่ เรื่องใหม่ค่ะ
ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกดึงขึ้นเพื่อคลุมร่างอันบอบบางที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเล็ก สายตาของผู้เป็นแม่มองลูกสาวของตัวเองด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย มาลินีได้รับฟังเรื่องราวที่ลูกสาวของเธอแล้วรู้สึกปวดใจอย่างที่สุด ‘สุดท้าย...วันนี้ก็มาถึง วันที่มาลินีกลัวอย่างที่สุดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว’ ‘คุณธารณ์...ข่มขืนมิ้นท์ค่ะแม่’ คำพูดของลูกสาวเธอยังดังกึกก้องอยู่ในหัวของมาลินี ร่างกายของเธอชาตั้งแต่หัวจรดเท้าเมื่อได้รู้ความจริงอันแสนเจ็บปวดนี้ เธอควรจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ เดินเข้าไปหาคุณผู้หญิงเพื่อบอกให้ลูกชายของท่านรับผิดชอบลูกสาวเธอ หรือพาลูกสาวจากบ้านนี้ หนีให้ไกลแล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ มาลินีจะเลือกทางไหน เธอสับสนเป็นอย่างมาก แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหน สุดท้ายแล้วเธอและลูกก็ไม่สามารถที่จะเรียกร้องสิ่งไหนได้เลย นอกจากก้มหน้ารับชะตากรรมต่อไป เธอกับลูกไม่ได้อยู่ในฐานะที่สูงส่ง เป็นแค่คนรับใช้จะเอาอะไรมาต่อรองกับพวกเป็นนายได้กันเล่า มาลินีก็ได้แต่โทษตัวเอง ถ้าเธอไม่ยอมตกลงช่วยคุณผู้หญิงเยาวเรศตั้งแต่แรก ลูกสาวของเธอก็คงจะไม่เป็นแบบนี้..................... ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหน
ณ คฤหาสน์อัครเมธี “นั่นลูกจะไปไหนธารณ์”คุณหญิงเยาวเรศมองกระเป๋าในมือของบุตรชายด้วยความแปลกใจ เมื่อคืนพึ่งเสร็จสิ้นจากงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสมาสดๆ ร้อนๆ เจ้าลูกชายของเธอไม่คิดจะหยุดพักเพื่อฮันนีมูนกับลูกสะใภ้ของเธอหรอกหรือ เมื่อคืนคุณหญิงเบญจมาศได้โทรมาอธิบายเรื่องราวทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เธอก็พอจะเบาใจขึ้นมาหน่อย “ผมจะไปประชุมสิงคโปร์สักสองวันครับแม่” “อ่าว แล้วเมียของลูกล่ะ หนูสิตาไม่ไปด้วยหรือไง” “ไม่ครับ ผมไปประชุมไปทำงานครับแม่ สิตาจะไปด้วยทำไมกันครับ” “แล้วนี่หนูสิตารู้เรื่องหรือยัง สายมากแล้วหนูสิตาตื่นหรือยัง เมื่อคืนคงปรับความเข้าใจกันแล้วใช่มั้ยธารณ์” “ครับ” ความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างที่แม่ของเขาเข้าใจหรอก จากเหตุการณ์สับสนวุ่นวายเมื่อคืน มีหลายเรื่องราวให้ธารณ์ต้องถอยหลังออกจากเรื่องนี้สักก้าว เขาต้องใช้เวลาคิดและทบทวนเกี่ยวกับเรื่องของเขาและรสิตาสักหน่อย ยังไม่ทันที่ธารณ์จะตอบแม่เขาเสร็จ เสียงของคนที่ถูกพูดถึงก็ดังขึ้นเสียก่อน “ธารณ์คะ นี่ธารณ์จะไปไหนคะ”รสิตาวิ่งพรวดลงบันไดจากชั้นบนของบ้านมาด้วย
“ไหนเธอลองเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฉันฟังหน่อยสิมาลินี”หลังจากที่คุณหญิงเบญจมาศกลับไป คุณหญิงเยาวเรศก็เรียกมาลินีมาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จริงเท็จแค่ไหน เธอเองก็ร้อนใจอยู่เหมือนกัน “เรื่องอะไรหรือคะคุณท่าน” “เอ้า! ก็เรื่องลูกสาวของเธอกับตาธารณ์ไง คุณหญิงเบญจมาศมารายงานฉันเมื่อกี้ ว่ายัยมิ้นท์ลูกสาวของเธอกับตาธารณ์มีอะไรกันเมื่อคืนเป็นเรื่องจริงมั้ย แล้วนี่ลูกสาวเธอไปไหน” “ยัยมิ้นท์ไม่สบายค่ะคุณท่าน ก็คงเป็นเรื่องอย่างที่คุณท่านทราบมานั่นแหละค่ะ...เอ่อ...คุณหนูธารณ์เธอ...”มาลินีลำบากใจที่จะเอ่ยเหลือเกิน เธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะพูดได้เต็มปาก ลำพังถ้าเธอและลูกไม่ได้รับความเมตตาจากคุณหญิงท่านล่ะก็ ป่านนี้เธอกับลูกจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ “สรุปคือเรื่องจริงใช่มั้ย...” “ค่ะคุณท่าน” “โอย...ตายแล้ว...ทำไมมันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย”ตอนแรกคุณหญิงเยาวเรศก็ไม่คิดจะเชื่อเรื่องที่คุณหญิงเบญจมาศเล่าสักเท่าไหร่ เธอจะเชื่อได้ยังไง ในเมื่อลูกชายของเธอกับลูกสาวของมาลินีไม่เคยพบเจอกันเลย มาลินีกับลูกสาวเธอให้ไปอยู่เรือนคนรับใช
“ธารณ์ไม่ไปงั้นเหรอคะ สิตาจองเที่ยวบินจองโรงแรมทุกอย่างไว้หมดแล้วนะคะ ธารณ์รับปากคุณแม่แล้วนะว่ามาเยี่ยมน้องธีย์แล้ว เราก็จะไปฮันนีมูนต่อนี่คะ” “ผมไม่ได้รับปาก คุณเองต่างหากสิตาที่รับปากคุณแม่ ความจริงเรื่องทุกอย่างมันจะไม่เป็นแบบนี้หรอกนะ ถ้าคุณไม่ทำเรื่องวุ่นวายนี้ขึ้นก่อน” “นี่ธารณ์จะไม่เลิกงอนสิตาใช่มั้ยคะ” “ผมไม่ได้งอน เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมอยากขอเวลาอยู่เงียบๆ สักพัก พูดตรงๆ ก็คือผมไม่มีอารมณ์ไปเที่ยวไหนหรอก”เวลาที่เขาจะได้ทบทวนบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาและรสิตา เขารีบร้อนจนเกินไป คิดว่ารสิตาคงรักเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รักเธอมาก แต่เขาคิดว่าแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ไม่นานก็คงจะรักกันไปเอง ค่อยศึกษานิสัยใจคอกัน “นี่แหละค่ะที่เรียกว่างอน สิตาขอโทษนะคะธารณ์ เรื่องนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วนะคะ สิตาให้สัญญานะคะ ว่าต่อไปนี้สิตาจะใช้ชีวิตอยู่กับธารณ์ จะไม่ไปเที่ยวไหน เราจะเป็นครอบครัวกันนะคะธารณ์ คุณแม่ธารณ์อยากได้เบบี๋นะคะ เราไปฮันนีมูนกัน และปั๊มหลานให้คุณแม่กันเถอะค่ะ...นะคะธารณ์ สิตารักธารณ์นะคะ” “เรื่องฮันนีมูนเอาไว้ก่อนเถอะ ถึงไ
บรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรูใจกลางเมืองกรุง เป็นไปอย่างชื่นมื่น เหล่าบรรดานักธุรกิจ คุณหญิงคุณนายแวดวงโฮโซ ต่างถูกรับเชิญมาร่วมแสดงความยินดีกับพิธีมงคลสมรสบุตรชายคนโตของเจ้าสัวชื่อดัง ผู้ที่ซึ่งล่วงลับไปแล้ว แต่ทว่าความร่ำรวยและความมั่งคั่งยังคงอยู่เพราะบุญบารมีของผู้เป็นพ่อ เลยทำให้เหล่าเศรษฐีและคนดังต่างพากันมาแสดงความยินดีกันถ้วนหน้าท่ามกลางบรรยากาศที่น่ายินดี ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดทักสิโด้สีขาวนั้น กลับแสดงสีหน้าตรงกันข้ามกับบรรยากาศของงาน สายตาคมดุเหลือบมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก สันกรามของเขาขบกันแน่น เขาเพิ่มแรงบีบมืออันบอบบางที่อยู่ในอุ้งมือใหญ่ของเขาเพื่อระบายความอัดอั้นที่อยู่ตรงหน้านี้ แขกนับร้อยกำลังจ้องมองเขาและเธออย่างชื่นชม แต่หารู้ไม่ ว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นนั้น มันตรงกันข้ามกับความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง!‘เอมิกา’ สาวน้อยเรือนร่างบอบบางอยู่ในชุดเจ้าสาวที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษด้วยผ้าดิ้นสีขาวบริสุทธิ์นำเข้าจากต่างประเทศ ชายกระโปรงยาวกรุยกราย ตัวชุดแนบชิดเรือนกายจนแลเห็นเรือนร่างทรงนาฬิกาทรายอันงดงามสมส่วน ขณะที่ด้านหลังเป็น
“แม่ขอโทษ...แม่ไม่คิดว่าหนูสิตาจะเกิดเรื่องแบบนี้”คุณหญิงเยาวเรศเอ่ยขึ้น เมื่องานเลี้ยงฉลองพิธีมงคลสมรสนั้น เป็นอันต้องชะงักลงกลางคัน เพราะแผนการของคุณหญิงเยาวเรศเอง เธอกลัวลูกชายของเธอนั้นจะหลุด*โป๊ะกลางงาน เธอเลยออกอุบายหาข้ออ้างให้เจ้าสาวเกิดเป็นลมล้มพับกลางงานขึ้น “ขอโทษเหรอครับ...แม่ขอโทษโดยการเอาเด็กรับใช้นั่นมาเข้าพิธีแต่งงานกับผมงั้นหรือครับ”สายตาคมดุสาดไปยังบุคคลที่เขากำลังเอ่ยถึง เธอกำลังยืนก้มหน้าอยู่กลางห้องนอนใหญ่ของโรงแรม โดยห้องนี้ถูกจัดให้เป็นห้องที่เตรียมพิธีส่งตัวเข้าหอ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่แม่ของเขาวางแผนให้เด็กรับใช้นั้นเป็นลม ธารณ์จึงอุ้มร่างของเธอมายังห้องนี้ โดยแม่ของเขาก็ตามติดๆ ทั้งสามเลยต้องยืนประจัญหน้ากันภายในห้อง เพื่อสะสางในสิ่งที่เกิดขึ้น “แต่มันแค่เป็นพิธีเลี้ยงตอนเย็นแค่นั้นนะธารณ์ และตอนนี้เราก็ติดต่อหนูสิตาได้แล้ว มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดฝั่งของหนูสิตาเองนะธารณ์ แม่ว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากนะ”คุณหญิงเยาวเรศเหลือบมองไปยังเด็กรับใช้ในบ้านของเธอ ทุกอย่างของเด็กคนนี้ใกล้เคียงกับว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอมาก เธอไม่คิดว่าลูกชายของเธอจะโกรธ
[ณ โรงแรมหรูระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง] ร่างอันเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ทั้งสองกำลังกกกอดกันอยู่บนเตียงกว้างในห้องนอนโรงแรมหรูชื่อดัง หลังจากที่สงครามรักร้อนแรงนั้นจบลง ตึ๊ด!! ตึ๊ด!! “อึ้ม...” ร่างอรชรเริ่มขยับตัว มือเรียวยาวกำลังควานหาต้นเหตุของเสียงสั่นสะเทือนนั้น ศีรษะของเธอหนักอึ้งไปหมด ราวกับโดนของแข็งกดทับเอาไว้ ดวงตากลมโตจ้องมองสายเรียกเข้านั่น ในสภาพที่ยังมึนงงและกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอดื่มเข้าไปค่อนข้างมากเลยทีเดียว “ค่ะมี้...” เมื่อรู้ว่าสายนั้นเป็นใคร รสิตาก็กรอกเสียงลงไปทันที ‘นี่มันเวลาเท่าไหร่แล้วเนี่ย’ “ยัยตา! นี่แกอยู่ไหนของแก ฉันโทรหาแกเป็นร้อยๆ สาย! ทำไมแกไม่รับสายฉันห๊า! แล้วนี่แกมัวทำอะไรอยู่!”คุณหญิงเบญจมาศระเบิดอารมณ์ใส่ลูกสาวสุดที่รักของเธอทันที เธอแทบจะบ้าตายเพราะลูกสาวตัวดีของเธอหายไปทั้งที่พิธีงานแต่งงานยังไม่เสร็จ “ตากำลัง...เอ่อ...”สายตาของเธอเหลือบมองคนข้างกายของเธอ ‘นิธิศ’ ชายคู่ขาลับๆ ของเธอที่กำลังหลับอย่างสบายอารมณ์ รสิตาแค่จะออกมาผ่อนคลายสักสองชั่วโมงเองนะ และจะกลับไปให้ทันงานเ
“ที่เธอยังอยู่นี่...เธอต้องการอะไร!!”น้ำเสียงอันดุดันตะคอกออกมา มืออันแข็งแกร่งบีบข้อมือบางเพื่อต้องการเค้นความจริง ร่างกายของธารณ์มีแอลกอฮอล์อยู่ในร่างกายปริมาณค่อนข้างมาก แต่ทว่าเขาก็ยังมีสติที่พอจะรับรู้ว่าตอนนี้เขาเผชิญหน้ากับเด็กรับใช้ในบ้านของเขาอยู่ “คะ-คุณท่าน หะ-ให้หนูอยู่รับใช้คุณก่อนค่ะ ละ-และรอคุณสิตาค่ะ”น้ำเสียงอันสั่นเครือตอบกลับอย่างตะกุกตะกักเพราะความหวาดกลัวคนตรงหน้า ร่างเล็กๆ สั่นระริกขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ดวงตาของเธอเบิกกว้างอย่างตกตะลึง เมื่อดันไปสบตากับดวงตาสีดําคมปลาบคู่นั้น! “รับใช้งั้นเหรอ! เธอคงอยากจะรับใช้ฉันมากสินะ!”ใบหน้าคมดุมองมาด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยามและพูดขึ้น พร้อมกับกวาดมองดวงหน้าอันขาวใสของเด็กสาว ริมฝีปากบางสั่นระริกพอๆ กับเรือนร่างอันบอบบางที่สั่นสะท้านจนเขารู้สึกได้ “ไม่นะคะ คือเดี๋ยวคุณสิตา เธอก็จะมาแล้วค่ะคุณธารณ์ คุณท่านให้หนูรอจนคุณสิตาจะกลับมาค่ะ ปะ-ปล่อยหนูเถอะค่ะ”เอมิกากลัวคนตรงหน้าเธออย่างที่สุด เธอไม่อาจควบคุมความหวาดกลัวของเธอได้เลย ตลอดระยะเวลา 19 ปีของเอมิกานั้น เธอไม่เคยที่จะประจัญหน้าและใกล้เขาม
“ธารณ์ไม่ไปงั้นเหรอคะ สิตาจองเที่ยวบินจองโรงแรมทุกอย่างไว้หมดแล้วนะคะ ธารณ์รับปากคุณแม่แล้วนะว่ามาเยี่ยมน้องธีย์แล้ว เราก็จะไปฮันนีมูนต่อนี่คะ” “ผมไม่ได้รับปาก คุณเองต่างหากสิตาที่รับปากคุณแม่ ความจริงเรื่องทุกอย่างมันจะไม่เป็นแบบนี้หรอกนะ ถ้าคุณไม่ทำเรื่องวุ่นวายนี้ขึ้นก่อน” “นี่ธารณ์จะไม่เลิกงอนสิตาใช่มั้ยคะ” “ผมไม่ได้งอน เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมอยากขอเวลาอยู่เงียบๆ สักพัก พูดตรงๆ ก็คือผมไม่มีอารมณ์ไปเที่ยวไหนหรอก”เวลาที่เขาจะได้ทบทวนบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาและรสิตา เขารีบร้อนจนเกินไป คิดว่ารสิตาคงรักเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รักเธอมาก แต่เขาคิดว่าแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ไม่นานก็คงจะรักกันไปเอง ค่อยศึกษานิสัยใจคอกัน “นี่แหละค่ะที่เรียกว่างอน สิตาขอโทษนะคะธารณ์ เรื่องนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วนะคะ สิตาให้สัญญานะคะ ว่าต่อไปนี้สิตาจะใช้ชีวิตอยู่กับธารณ์ จะไม่ไปเที่ยวไหน เราจะเป็นครอบครัวกันนะคะธารณ์ คุณแม่ธารณ์อยากได้เบบี๋นะคะ เราไปฮันนีมูนกัน และปั๊มหลานให้คุณแม่กันเถอะค่ะ...นะคะธารณ์ สิตารักธารณ์นะคะ” “เรื่องฮันนีมูนเอาไว้ก่อนเถอะ ถึงไ
“ไหนเธอลองเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฉันฟังหน่อยสิมาลินี”หลังจากที่คุณหญิงเบญจมาศกลับไป คุณหญิงเยาวเรศก็เรียกมาลินีมาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จริงเท็จแค่ไหน เธอเองก็ร้อนใจอยู่เหมือนกัน “เรื่องอะไรหรือคะคุณท่าน” “เอ้า! ก็เรื่องลูกสาวของเธอกับตาธารณ์ไง คุณหญิงเบญจมาศมารายงานฉันเมื่อกี้ ว่ายัยมิ้นท์ลูกสาวของเธอกับตาธารณ์มีอะไรกันเมื่อคืนเป็นเรื่องจริงมั้ย แล้วนี่ลูกสาวเธอไปไหน” “ยัยมิ้นท์ไม่สบายค่ะคุณท่าน ก็คงเป็นเรื่องอย่างที่คุณท่านทราบมานั่นแหละค่ะ...เอ่อ...คุณหนูธารณ์เธอ...”มาลินีลำบากใจที่จะเอ่ยเหลือเกิน เธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะพูดได้เต็มปาก ลำพังถ้าเธอและลูกไม่ได้รับความเมตตาจากคุณหญิงท่านล่ะก็ ป่านนี้เธอกับลูกจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ “สรุปคือเรื่องจริงใช่มั้ย...” “ค่ะคุณท่าน” “โอย...ตายแล้ว...ทำไมมันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย”ตอนแรกคุณหญิงเยาวเรศก็ไม่คิดจะเชื่อเรื่องที่คุณหญิงเบญจมาศเล่าสักเท่าไหร่ เธอจะเชื่อได้ยังไง ในเมื่อลูกชายของเธอกับลูกสาวของมาลินีไม่เคยพบเจอกันเลย มาลินีกับลูกสาวเธอให้ไปอยู่เรือนคนรับใช
ณ คฤหาสน์อัครเมธี “นั่นลูกจะไปไหนธารณ์”คุณหญิงเยาวเรศมองกระเป๋าในมือของบุตรชายด้วยความแปลกใจ เมื่อคืนพึ่งเสร็จสิ้นจากงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสมาสดๆ ร้อนๆ เจ้าลูกชายของเธอไม่คิดจะหยุดพักเพื่อฮันนีมูนกับลูกสะใภ้ของเธอหรอกหรือ เมื่อคืนคุณหญิงเบญจมาศได้โทรมาอธิบายเรื่องราวทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เธอก็พอจะเบาใจขึ้นมาหน่อย “ผมจะไปประชุมสิงคโปร์สักสองวันครับแม่” “อ่าว แล้วเมียของลูกล่ะ หนูสิตาไม่ไปด้วยหรือไง” “ไม่ครับ ผมไปประชุมไปทำงานครับแม่ สิตาจะไปด้วยทำไมกันครับ” “แล้วนี่หนูสิตารู้เรื่องหรือยัง สายมากแล้วหนูสิตาตื่นหรือยัง เมื่อคืนคงปรับความเข้าใจกันแล้วใช่มั้ยธารณ์” “ครับ” ความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างที่แม่ของเขาเข้าใจหรอก จากเหตุการณ์สับสนวุ่นวายเมื่อคืน มีหลายเรื่องราวให้ธารณ์ต้องถอยหลังออกจากเรื่องนี้สักก้าว เขาต้องใช้เวลาคิดและทบทวนเกี่ยวกับเรื่องของเขาและรสิตาสักหน่อย ยังไม่ทันที่ธารณ์จะตอบแม่เขาเสร็จ เสียงของคนที่ถูกพูดถึงก็ดังขึ้นเสียก่อน “ธารณ์คะ นี่ธารณ์จะไปไหนคะ”รสิตาวิ่งพรวดลงบันไดจากชั้นบนของบ้านมาด้วย
ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกดึงขึ้นเพื่อคลุมร่างอันบอบบางที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเล็ก สายตาของผู้เป็นแม่มองลูกสาวของตัวเองด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย มาลินีได้รับฟังเรื่องราวที่ลูกสาวของเธอแล้วรู้สึกปวดใจอย่างที่สุด ‘สุดท้าย...วันนี้ก็มาถึง วันที่มาลินีกลัวอย่างที่สุดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว’ ‘คุณธารณ์...ข่มขืนมิ้นท์ค่ะแม่’ คำพูดของลูกสาวเธอยังดังกึกก้องอยู่ในหัวของมาลินี ร่างกายของเธอชาตั้งแต่หัวจรดเท้าเมื่อได้รู้ความจริงอันแสนเจ็บปวดนี้ เธอควรจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ เดินเข้าไปหาคุณผู้หญิงเพื่อบอกให้ลูกชายของท่านรับผิดชอบลูกสาวเธอ หรือพาลูกสาวจากบ้านนี้ หนีให้ไกลแล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ มาลินีจะเลือกทางไหน เธอสับสนเป็นอย่างมาก แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหน สุดท้ายแล้วเธอและลูกก็ไม่สามารถที่จะเรียกร้องสิ่งไหนได้เลย นอกจากก้มหน้ารับชะตากรรมต่อไป เธอกับลูกไม่ได้อยู่ในฐานะที่สูงส่ง เป็นแค่คนรับใช้จะเอาอะไรมาต่อรองกับพวกเป็นนายได้กันเล่า มาลินีก็ได้แต่โทษตัวเอง ถ้าเธอไม่ยอมตกลงช่วยคุณผู้หญิงเยาวเรศตั้งแต่แรก ลูกสาวของเธอก็คงจะไม่เป็นแบบนี้..................... ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหน
ณ บ้านหลังเล็กที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณคฤหาสน์หลังใหญ่ “ยัยมิ้นท์! นั่นลูกเป็นอะไร!!” “มะ-แม่” น้ำเสียงแหบแห้งร้องเรียกผู้เป็นแม่ เอมิกาพยายามประคองตัวเองเดินเข้ามา หลังจากที่เธอได้ให้แท็กซี่มาส่ง ร่างอันบอบช้ำเดินโซซัดโซเซเข้ามาภายในบ้าน “แม่โทรหาลูกก็ไม่รับสาย เลยคิดว่าถ้าลูกไม่กลับมาแม่ก็จะไปหาลูกที่โรงแรมแล้วนะ แล้วนี่ลูกเป็นอะไรทำไมสภาพของลูกถึงเป็นแบบนี้”มาลินีสำรวจผู้เป็นลูกตั้งแต่หัวจรดเท้า หัวใจของเธอพลันหล่นวูบลงทันที เมื่อประเมินสภาพของลูกสาว “แม่...” น้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปหมดแล้วกลับไหลทะลักลงมาอีกครั้งความเจ็บปวดที่ได้รับครั้งนี้มันสาหัสที่สุดแล้วสำหรับเอมิกา เธอโดนข่มขืนอย่างโหดร้ายจากลูกชายเจ้าของบ้านที่เธอกับแม่ได้อาศัยอยู่นี้ตลอด 19 ปีที่ผ่านมา “ลูกเป็นอะไรมิ้นท์ ทำไมลูกถึง...” “คุณธารณ์ค่ะแม่...ฮือ ฮือ เขา...”เอมิกาโผเข้ากอดผู้เป็นแม่ โดยเอมิกาไม่รู้จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอตอนนี้ได้อย่างไร “เขาทำอะไรลูกของแม่ แล้ว...มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ไหนคุณหญิงท่านบอกแค่ให้ลูกไปเข้าพิธีแทนคุณหนูสิต
“เธอคงไม่รู้จักฉันดีสินะ!!” สายตาคมกริบจับจ้องไปร่างอวบอิ่มของวัยแรกสาวตรงหน้า ที่กำลังสั่นเทาราวกับลูกนก ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างหวาดกลัว ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มอย่างพอใจที่ได้เห็นเธออยู่ในสภาพนี้ ชายหนุ่มรีบปลดเข็มขัดรูดซิปกางเกงออก ความอัดแน่นของแก่นกายใหญ่ดีดดันจนแทบจะทะลุออกจากเป้ากางเกงตัวใหญ่ “ดะ-ได้โปรด ปะ-ปล่อยหนูเถอะค่ะ”ใบหน้าคมยกยิ้มอย่างพึงพอใจกับอาการหวาดกลัวของเด็กสาว ยิ่งเห็นน้ำตาความปรารถนาก็โลดแล่น ความต้องการก็ยิ่งเพิ่มสูงเป็นทวีคูณ! ธารณ์ไม่รู้ว่า นี่เป็นเพราะแอลกอฮอล์หรือเป็นเพราะอะไรกันแน่ ที่ทำให้เขาเกิดความต้องการจากเด็กสาวที่เป็นแค่สาวรับใช้ในบ้านของเขาเช่นนี้ ปกติ ไม่ว่าเขาจะเมาขนาดไหน เขาก็สามารถที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้“ทำไมฉันจะต้องปล่อยเธอไป ในเมื่อเธอเสนอตัวเข้ามาเอง!”“ไม่นะคะ หนูมาเพราะคุณท่านสั่งค่ะ ได้โปรดเถอะค่ะ”ดวงตากลมโตเบิกกว้างออกในทันใด เมื่อเธอเหลือบเห็นความแข็งแกร่งของแท่งเหล็กใหญ่ที่ผงาดออกมา มันทำให้เด็กสาวรีบกระถดร่างหนี! แต่ทว่าก็ยังช้ากว่ามือชายหนุ่มที่คว้าเรียวขาของเธอไว้ และจับถ่างแยกออกจากกัน โดยที่ร่าง
“ที่เธอยังอยู่นี่...เธอต้องการอะไร!!”น้ำเสียงอันดุดันตะคอกออกมา มืออันแข็งแกร่งบีบข้อมือบางเพื่อต้องการเค้นความจริง ร่างกายของธารณ์มีแอลกอฮอล์อยู่ในร่างกายปริมาณค่อนข้างมาก แต่ทว่าเขาก็ยังมีสติที่พอจะรับรู้ว่าตอนนี้เขาเผชิญหน้ากับเด็กรับใช้ในบ้านของเขาอยู่ “คะ-คุณท่าน หะ-ให้หนูอยู่รับใช้คุณก่อนค่ะ ละ-และรอคุณสิตาค่ะ”น้ำเสียงอันสั่นเครือตอบกลับอย่างตะกุกตะกักเพราะความหวาดกลัวคนตรงหน้า ร่างเล็กๆ สั่นระริกขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ดวงตาของเธอเบิกกว้างอย่างตกตะลึง เมื่อดันไปสบตากับดวงตาสีดําคมปลาบคู่นั้น! “รับใช้งั้นเหรอ! เธอคงอยากจะรับใช้ฉันมากสินะ!”ใบหน้าคมดุมองมาด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยามและพูดขึ้น พร้อมกับกวาดมองดวงหน้าอันขาวใสของเด็กสาว ริมฝีปากบางสั่นระริกพอๆ กับเรือนร่างอันบอบบางที่สั่นสะท้านจนเขารู้สึกได้ “ไม่นะคะ คือเดี๋ยวคุณสิตา เธอก็จะมาแล้วค่ะคุณธารณ์ คุณท่านให้หนูรอจนคุณสิตาจะกลับมาค่ะ ปะ-ปล่อยหนูเถอะค่ะ”เอมิกากลัวคนตรงหน้าเธออย่างที่สุด เธอไม่อาจควบคุมความหวาดกลัวของเธอได้เลย ตลอดระยะเวลา 19 ปีของเอมิกานั้น เธอไม่เคยที่จะประจัญหน้าและใกล้เขาม
[ณ โรงแรมหรูระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง] ร่างอันเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ทั้งสองกำลังกกกอดกันอยู่บนเตียงกว้างในห้องนอนโรงแรมหรูชื่อดัง หลังจากที่สงครามรักร้อนแรงนั้นจบลง ตึ๊ด!! ตึ๊ด!! “อึ้ม...” ร่างอรชรเริ่มขยับตัว มือเรียวยาวกำลังควานหาต้นเหตุของเสียงสั่นสะเทือนนั้น ศีรษะของเธอหนักอึ้งไปหมด ราวกับโดนของแข็งกดทับเอาไว้ ดวงตากลมโตจ้องมองสายเรียกเข้านั่น ในสภาพที่ยังมึนงงและกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอดื่มเข้าไปค่อนข้างมากเลยทีเดียว “ค่ะมี้...” เมื่อรู้ว่าสายนั้นเป็นใคร รสิตาก็กรอกเสียงลงไปทันที ‘นี่มันเวลาเท่าไหร่แล้วเนี่ย’ “ยัยตา! นี่แกอยู่ไหนของแก ฉันโทรหาแกเป็นร้อยๆ สาย! ทำไมแกไม่รับสายฉันห๊า! แล้วนี่แกมัวทำอะไรอยู่!”คุณหญิงเบญจมาศระเบิดอารมณ์ใส่ลูกสาวสุดที่รักของเธอทันที เธอแทบจะบ้าตายเพราะลูกสาวตัวดีของเธอหายไปทั้งที่พิธีงานแต่งงานยังไม่เสร็จ “ตากำลัง...เอ่อ...”สายตาของเธอเหลือบมองคนข้างกายของเธอ ‘นิธิศ’ ชายคู่ขาลับๆ ของเธอที่กำลังหลับอย่างสบายอารมณ์ รสิตาแค่จะออกมาผ่อนคลายสักสองชั่วโมงเองนะ และจะกลับไปให้ทันงานเ
“แม่ขอโทษ...แม่ไม่คิดว่าหนูสิตาจะเกิดเรื่องแบบนี้”คุณหญิงเยาวเรศเอ่ยขึ้น เมื่องานเลี้ยงฉลองพิธีมงคลสมรสนั้น เป็นอันต้องชะงักลงกลางคัน เพราะแผนการของคุณหญิงเยาวเรศเอง เธอกลัวลูกชายของเธอนั้นจะหลุด*โป๊ะกลางงาน เธอเลยออกอุบายหาข้ออ้างให้เจ้าสาวเกิดเป็นลมล้มพับกลางงานขึ้น “ขอโทษเหรอครับ...แม่ขอโทษโดยการเอาเด็กรับใช้นั่นมาเข้าพิธีแต่งงานกับผมงั้นหรือครับ”สายตาคมดุสาดไปยังบุคคลที่เขากำลังเอ่ยถึง เธอกำลังยืนก้มหน้าอยู่กลางห้องนอนใหญ่ของโรงแรม โดยห้องนี้ถูกจัดให้เป็นห้องที่เตรียมพิธีส่งตัวเข้าหอ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่แม่ของเขาวางแผนให้เด็กรับใช้นั้นเป็นลม ธารณ์จึงอุ้มร่างของเธอมายังห้องนี้ โดยแม่ของเขาก็ตามติดๆ ทั้งสามเลยต้องยืนประจัญหน้ากันภายในห้อง เพื่อสะสางในสิ่งที่เกิดขึ้น “แต่มันแค่เป็นพิธีเลี้ยงตอนเย็นแค่นั้นนะธารณ์ และตอนนี้เราก็ติดต่อหนูสิตาได้แล้ว มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดฝั่งของหนูสิตาเองนะธารณ์ แม่ว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากนะ”คุณหญิงเยาวเรศเหลือบมองไปยังเด็กรับใช้ในบ้านของเธอ ทุกอย่างของเด็กคนนี้ใกล้เคียงกับว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอมาก เธอไม่คิดว่าลูกชายของเธอจะโกรธ