Share

บทที่ 9 แต่งงานกับปิศาจโง่

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-12 00:05:22

“ได้ โม่เอ๋อร์รีบกลับนะ ข้าจะเตรียมงานแต่งรอ” เขายิ้มดีใจอย่างโง่งม ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปราวกับเด็กๆ ที่มีของหวานรออยู่ที่บ้าน

“เดี๋ยวก่อน” หลินโม่เหนียงตะโกนตามหลัง 

เขาหยุดและหันมารอฟังนางพูด

“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เจ้ามาอุ้มข้า เรากลับด้วยกัน จัดเตรียมงานแต่งด้วยกัน เจ้าว่าเช่นนี้ดีกว่าหรือไม่” ในเมื่อตัดสินใจแล้ว เขาก็เป็นปิศาจโง่เขลาตนหนึ่ง นางไม่จำเป็นต้องอับอายอะไร เพียงทำตามสิ่งที่ต้องการก็พอ

“ดีกว่ามาก” เขาตอบ รีบวิ่งกลับมาอุ้มว่าที่เจ้าสาวอย่างดีอกดีใจ

หลินโม่เหนียงเคยใฝ่ฝันว่าอยากให้คนรักอุ้มนางไว้ข้างหลังอย่างทะนุถนอม เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าจะทำได้ เพราะนางแต่งเป็นเพียงอนุคนหนึ่ง ขอเพียงสามียังเลี้ยงข้าวสามมื้อก็ดีมากแล้ว

ส่วนเขาแม้จะเป็นปิศาจ แต่ไม่ว่านางสั่งอะไร เขาจะรีบทำให้ ดียิ่งนัก ดีกว่าบุรุษที่เป็นมนุษย์หลายเท่า วันนี้นางจะเอาแต่ใจ สั่งให้เขาอุ้มเขาก็ทำ สั่งให้เขาร้องเพลงเขาก็ร้อง มีคนรักเช่นนี้ดียิ่งนัก

พวกเขาช่วยกันจัดบ้านหลังน้อยเพื่อเตรียมงานแต่ง หลินโม่เหนียงปูเตียงนอนด้วยผ้าแดงที่ไม่รู้ว่าเขาเอามาจากที่ใด ส่วนเขาลอยตัวมัดผ้าแดงตรงประตูบ้าน ไม่กลัวผู้ใดเห็น ไม่สนใจจะปกปิดความเป็นปิศาจของตนเอง

เขายังเตรียมอาหารอีกสิบชนิด เตรียมชุดแดงปักเลื่อมคล้ายเกล็ดปลาพร้อมปิ่นปักผมไข่มุก และเตรียมน้ำเซียงเฉ่าให้นางอาบนางด้วย 

“เจ้าเอาของพวกนี้มาจากที่ใด” โม่เหนียงถาม

“ข้า..เรื่องนี้กะทันหันไปสักหน่อย ข้าจึงใช้เวทเสกมันออกมา เจ้าอย่าถือสาได้หรือไม่” เขาพูดอย่างเหนื่อยอ่อน คล้ายใช้กำลังไปมากกับการเสกสิ่งของพวกนั้น

“ข้าไม่ถือ” นางยิ้มดีใจ

พวกเขาไม่มีพ่อแม่ ไม่มีญาติมิตร จึงจัดงานแต่งเงียบๆ กันสองคน กราบไหว้ฟ้าดิน ไหว้เจ้าที่ ไหว้เทพเจ้าเตาไฟ และกินอาหารรสหวานร่วมกัน จากนั้นก็เข้าหอ ตัดปอยผมมัดร่วม และดื่มสุรามงคล

โม่เหนียงเห็นบุรุษสายน้ำวางจอกสุราลง แต่กลับทำให้ผ้าปูโต๊ะเปียก ฝ่ามือของเขาเริ่มโปร่งใสมองทะลุจนเห็นอีกฝั่ง

“เจ้าเป็นอะไร!” นางตกใจรีบคว้ามือเขามาดู

“ไม่เป็นไร เพียงแค่ใช้เวทไปมากจนยากจะควบคุมร่างนี้ให้คงอยู่เท่านั้น เจ้าอย่ากังวล” เขาพูดง่ายดายราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่

“เจ้าจะหายไปหรือ?” หัวใจของโม่เหนียงคล้ายถูกบางสิ่งบิดดึงอย่างแรง นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ ไม่เคยรู้ว่าเขาต้องทำอย่างไรจึงจะคงรูปร่างมนุษย์ไว้ได้ ไม่รู้แม้สักนิดว่าเขาต้องใช้ความพยายามเท่าไรเพื่อเอาใจนาง

“โม่เอ๋อร์ไม่ต้องห่วง เรื่องเล็กเท่านั้น” เขาปลอบ

“เจ้า..จะหายไป แต่เป็นเรื่องเล็กหรือ เจ้าปิศาจโง่เขลา หากแต่งแล้วเจ้าต้องหายไปเจ้าก็บอกสิ ไม่ใช่ตามใจข้า หากข้ารู้คงไม่บังคับให้เจ้าใช้เวทเสกสิ่งของพวกนี้ เจ้ามันโง่ยิ่งนัก เจ้า..เจ้า” น้ำตาของหญิงสาวไหลรินเป็นหยด นางก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่นางรู้สึกกลัวจับใจ

“โม่เอ๋อร์ ไม่ อย่าร้อง อย่ากังวล” เขารีบจับสองแก้มเช็ดน้ำตาที่ไหลเป็นสาย แต่ฝ่ามือของเขายามนี้กลายเป็นมวลน้ำอุ่นโปร่งใสเท่านั้น ใบหน้าของโม่เหนียงจึงเปียกน้ำไปด้วย

“เจ้า..เจ้า..” หญิงสาวไม่รู้จะพูดอะไร แต่เสียงที่เรียกเขากำลังสั่นกลัว

“ไม่เป็นไร” เขาพูดแล้วก้มลงมาจูบภรรยามนุษย์ของตน

เขาจูบริมฝีปาก สอดลิ้นเข้าไปควานหาความหอมหวานด้วยความเชี่ยวชาญ กลืนกินปลายลิ้นของภรรยาอย่างเมามายอยู่สักครู่ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น และยกมือให้โม่เหนียงดู

“เห็นหรือไม่ ข้าไม่เป็นไร” เขาบอกยิ้มๆ

“..!!” โม่เหนียงมองมือที่กลับมาเหมือนเดิม ทั้งยังคล้ายว่าเขากลับมาดูแข็งแรงสดชื่นเช่นเดิมแล้ว

“เจ้า..สูบพลังจากข้าหรือ?” นางถามออกไป ในใจรู้สึกกลัวเล็กน้อย

“ใช่” เขาตอบและยิ้มกว้าง ก่อนจะเข้ามากอดนางไว้

“กลัวแล้วหรือ หึ” เขากระซิบข้างหูของภรรยาพร้อมเสียงขบขันชอบใจ

“เจ้าจะกินข้าหรือไม่” นางกลัวแล้วจริงๆ นางยังจำได้ว่าเขาเคยกัดคอของนางจนเจ็บ แม้ตอนนั้นเขาจะยังเป็นเพียงสายน้ำเท่านั้น 

“ฮ่าๆ ๆ ๆ” เขากอดภรรยาเอาไว้พร้อมกับหัวเราะออกมาดังๆ

ในใจของหญิงสาวยามนี้คล้ายรับรู้ความจริงได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แท้ปิศาจตนนี้ทำทุกอย่างเพื่อล่อลวงนาง คำพูดอ่อนหวานจำพวก ขอเพียงเจ้าต้องการ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า หรือ การที่เขาเอาใจนาง อุ้มนางเดิน ล้วนทำเพื่อสูบพลังของนาง รอวันได้กินนางเป็นอาหาร!

“ได้..เจ้ากินข้าก็ได้ แต่ก่อนตาย ช่วยบอกว่ารักข้าสักหน่อยได้หรือไม่” หญิงสาวน้ำตาไหลรินอีกครั้ง

“ข้ารักเจ้า แต่ไม่ต้องร้อง ข้าไม่กินเจ้า อาจจะกัดเจ้าบ้างเวลาที่เจ้าดื้อดึง แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นเจ้าต่างหากที่จะกินข้า” เขาจูบซับน้ำตาของภรรยาที่คิดไปไกล พร้อมรอยยิ้มชอบใจ

“เจ้าไม่กินข้าหรือ?” โม่เหนียงเริ่มไม่เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาใช้คำพูดกระชากอารมณ์ของนางไปทางนี้ทีทางโน้นที นางไม่รู้แล้วว่าควรรู้สึกเช่นไรดี

“หากเรารวมกันเป็นหนึ่ง เจ้าจะเป็นฝ่ายกลืนกินข้าไม่ใช่หรือ” เขาเงยหน้าถามภรรยา ทำสายตาคล้ายคนไร้เดียงสาไม่เข้าใจความเป็นไป แต่กลับมีรอยยิ้มหยักเล็กน้อยที่มุมปาก แสดงให้เห็นว่าเขากำลังหยอกนางเล่น

โม่เหนียงนึกตามที่เขาพูดแล้วให้รู้สึกหน้าร้อนผ่าว

“ปิศาจลามกเจ้าเล่ห์” นางด่า ทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งร้องไห้ หวาดกลัว และทำใจว่าอาจตายเพราะถูกเขากินในเร็วๆ นี้ นางนึกว่าเขาเป็นปิศาจโง่เขลา ที่แท้เขาก็รู้ทุกอย่างดี เพียงแต่ไม่ยอมพูดให้นางเข้าใจ จงใจกลั่นแกล้งนาง

“โม่เอ๋อร์ อย่ากลัวเลย ข้าไม่กินเจ้า แม้ว่าข้าจะสูบพลังจากเจ้าก็จริง แต่เจ้าจะไม่ตาย และ..หากเราเข้าหอร่วมอภิรมย์แล้ว อาจทำให้เจ้าบรรลุเป็นเซียนด้วยก็ได้ เพราะข้าจะเป็นกระถางบำเพ็ญเพียรให้เจ้าได้เป็นอย่างดี” สามีของโม่เหนียงกอดนางไว้ในอ้อมอกอย่างหวงแหนทะนุถนอม

“เจ้ารู้ได้อย่างไร” หญิงสาวถาม

“ข้าอ่านหนังสือของเจ้า”

“เจ้าอ่านหนังสือออกหรือ” โม่เหนียงผลักเขาออกเพื่อสบตา

“ใช่แล้ว เจ้า..อ่านไม่ออกหรือ?” เขาขมวดคิ้ว

“...” โม่เหนียงรู้แล้วว่าไม่ควรเรียกเขาว่าปิศาจโง่

“หึ วันหลังข้าอ่านให้เจ้าฟังดีหรือไม่” เขาเสนอ พร้อมกับอุ้มภรรยาขึ้น

“อุ้ย” นางตกใจที่จู่ๆ ก็ถูกอุ้ม แต่ก็ยอมให้เขาอุ้ม

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 10 ขนาดใหญ่เกินไป

    เขาพานางเดินไปที่เตียงแคบๆ วางนางลงและเริ่มถอดเสื้อผ้าให้ภรรยา แม้โม่เหนียงจะรู้สึกเขินอาย แต่อย่างไรพวกเขาก็แต่งให้กันแล้ว เรื่องเช่นนี้ควรปล่อยมันให้เป็นไปตามธรรมชาติไม่นานเขาก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของเขาบ้าง รูปร่างของเขาดูภายนอกบอบบาง แต่เมื่อถอดเสื้อแล้วกลับมีมัดกล้ามออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน โม่เหนียงแม้อับอายแต่ก็มองไม่วางตา นางเห็นว่าส่วนล่างเริ่มตั้งตรงเป็นแท่งหยก ทั้งยังใหญ่โต ดูแล้วน่าหวาดกลัวว่าร่างกายของนางอาจกลืนกินไม่ไหว“ชอบหรือไม่” เขามองสีหน้าภรรยาแล้วถาม“...ใหญ่เกินไปหรือไม่” นางกลัวว่าจะเจ็บ เมื่อครั้งที่เข้าหอกับคหบดีเฒ่า แม้ของเจ้าชั่วนั่นจะเล็กมาก แต่นางก็ยังเจ็บมาก“หากโม่เอ๋อร์กลัว เช่นนั้นเท่านี้เป็นอย่างไร” เขาถามโม่เหนียงเห็นกับตาว่าเจ้าสิ่งนั้นลดขนาดลงเหลือเท่านิ้วหัวแม่เท้า นางตาโตตกใจอยู่บ้าง ไม่เคยรู้ว่าพวกปิศาจทำเช่นนี้ได้ด้วย นางเงยหน้ามองสามีปิศาจของตนอย่างประหลาดใจ“เล็กไปหรือ” เขาถามพร้อมกับขึ้นเตียงมาคร่อมนางไว้“เช่นนั้นลองใช้ดูก่อน แล้วค่อยปรับตามที่เจ้าชอบ” เขากระซิบ“...” โม่เหนียงได้แต่กลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก จะบอกว่าเป็นเรื่องน่าอับอายนางก็รู

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 11 ตั้งชื่อให้สามี

    “เจ้า..ปิศาจเจ้าเล่ห์” โม่เหนียงดุสามี“ได้ ข้าไม่ดีเอง”“เจ้ายังหลบหน้าข้าด้วย” โม่เหนียงเตือนความจำเขา“ก็..จุมพิตวันนั้นทำให้ข้าสามารถเสกน้ำรวมเป็นรูปร่างได้ ทำให้ข้าคิดแต่อยากจะสัมผัสเจ้า ข้าจึงไม่กล้าเข้าใกล้”“ไม่กล้าเข้าใกล้อะไรกัน เจ้า..กัดข้าและข้ารู้ว่าเจ้าต้องทำบางอย่าง ทำให้ข้า..ทำให้ข้า..อยาก...อยากทำเรื่องน่าอายจนไร้สติ” โม่เหนียงนึกถึงความทรมานวันนั้นแล้วรู้สึกอับอาย นางรู้ว่านั่นไม่ใช่ความต้องการทั้งหมดของนางแน่“ก็เจ้าจะทิ้งข้า ข้าจึง..จึง..ข้ายอมให้เจ้าทิ้งข้าไปอยู่กับมนุษย์ทหารผู้นั้นไม่ได้ ข้าไม่ชอบ ข้าไม่ยินยอม ข้า..” เขาหน้างอ ทั้งน้อยใจและเสียใจ“ข้าไม่ได้ต้องการไปกับเขา เจ้าทำอะไรข้ากันแน่” นางคาดคั้นเขารีบกอดภรรยาเข้ามาในอก หวาดกลัวว่านางจะทิ้งเขาหากนางรู้ว่าเขาใช้เล่ห์เหลี่ยมกับนาง โม่เอ๋อร์ของเขาอาจเข้าใจเขาผิด คิดเอาเองว่าเขาทำไปเพราะต้องการสูบพลังจากนาง“ข้าไม่ได้ทำเพราะอยากสูบพลังของเจ้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่เคยรู้ว่าทำเช่นนั้นได้ด้วย ข้าเพียงปล่อยกลิ่นหอมเพราะอยากให้ปิศาจตนอื่นๆ รู้ว่าเจ้ามีข้าแล้ว แต่ไม่นึกว่าจะส่งผลให้เจ้า..เมามาย..หลั่งความหอมหวานออ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 12 ลิ้นปิศาจ (NC)

    บุรุษในร่างงดงามกำลังพรมจูบไปทั่วเนินอก ก่อนจะแลบลิ้นชิมยอดถัน เพียงปลายลิ้นชุ่มฉ่ำอบอุ่นหมุนวนรอบยอดดอกชมพู โม่เหนียงก็สั่นไปทั้งร่าง เขาอ้าปากครอบครองยอดถันไว้และดูดดุนยอดอกเล่นราวกับตรงนั้นเป็นตาน้ำพุบริสุทธิ์ที่อาจมีน้ำหวานให้เขาดื่มคลายกระหายเสียดายที่ยอดชมพูของโม่เหนียงไม่ได้เป็นน้ำพุบริสุทธิ์อย่างที่หนิงเหอต้องการ ต่อให้เขาดูดดุนลิ้มเลียเท่าไหร่ก็ไม่มีอะไรออกมาให้เขาดื่ม แต่สิ่งที่เขากำลังทำส่งผลให้หญิงสาวสั่นสะท้านไปทั่วร่างหลินโม่เหนียงยกสองมือมาจับหัวของสามีไว้ และขยุ้มผมสลวยของเขาอย่างไม่อาจควบคุม เมื่อยอดถันข้างหนึ่งถูกเขาล้อเล่นจนอ่อนไหวเกินจะทน แต่อีกข้างกลับว่างเปล่า นางจึงบังคับให้เขาหันไปกลืนกินยอดถันอีกข้างแทน เผื่อว่าความสุขสมที่เกิดตรงยอดอกจะได้ทั่วถึงทั้งสองข้างเขายินดีทำตามที่ภรรยาต้องการ เปลี่ยนมาลิ้มเลียยอดถันอีกข้าง และใช้มือสองข้างสำรวจไปทั่วร่างเนียนนุ่ม เขาลูบไล้ไปตามไหล่มน แผ่นหลัง เอวคอดและไล่ต่ำลงไปด้านล่างหนิงเหอค้นพบว่าที่แท้ทรวงอกนุ่มมือนุ่มลิ้นนั้นไม่มีตาน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ แต่ด้านล่างเลยจุดตันเถียนลงไป ภรรยาของเขากำลังปล่อยน้ำพุหอมหวานอยู่จนเปียกแ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 13 ใหญ่เกินไปแล้ว (NC)

    เพียงแต่การพูดมากมายของเขาครั้งนี้ โม่เหนียงรู้สึกอยากฟังมาก นางก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา คล้ายว่าการสัมผัสร่วมเตียงเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่นางต้องการมานานมากแล้วเช่นกันหนิงเหอพรมจูบนางไปทั่วอยู่สักครู่ จากนั้นก็หยุดและจับนางให้แยกขาเช่นเมื่อครู่อีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้แลบลิ้นยาวออกมา แต่กดจูบปิดปากนางไว้ จากนั้นก็ดุนดันแท่งเนื้อขนาดเท่าหัวแม่มือเข้าไปในร่างของหญิงสาวโม่เหนียงที่ถูกลิ้นยาวของเขากระทำลึกล้ำมาแล้ว ทั้งลูกท้อของนางก็ยังคงเปียกชุ่มจากความกระสันเมื่อครู่อยู่ การที่เขาสอดใส่แท่งหยกเท่านิ้วมือเข้าสู่ร่าง นางจึงไม่รู้สึกอะไรปิศาจหนุ่มเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าขนาดเท่านั้นไม่อาจสร้างความรู้สึกอะไรให้ภรรยาพึงพอใจได้ เขาจึงเสกให้ขนาดแท่งหยกสวรรค์ขยายใหญ่ขึ้น“เท่านี้พอหรือไม่” เขาเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “ใหญ่อีก” โม่เหนียงที่ถูกเขาปล่อยกลิ่นให้มอมเมา ยามนี้นางรับรู้เพียงแรงขับทางกามารมณ์ ความอับอายถูกเขากลืนกินจนหายไปหมดแล้ว นางพูดและขอเรื่องน่าอายได้โดยไม่รู้สึกติดขัด“พอหรือยัง” เขาขยายและถามอีก“ยัง” นางเอ่ยตอบเสียงแหบพร่า“เท่านี้เล่า”“อีกนิด”“เช่นนี้พอหรือไม่” เขาถามพร้อมกับขย

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 14 ปลดปล่อยปราณ (NC)

    ปิศาจหนุ่มรู้เพียงว่าเขาชอบที่ได้กลืนกินและเสพความสุขสมของภรรยา แต่เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองก็สุขสมเช่นเดียวกันได้ด้วย อาจเพราะก่อนหน้านี้เขาทำทุกอย่างเพื่อหญิงคนรัก จึงไม่ได้ใส่ใจความกำหนัดของตนเอง ยามนี้เมื่อรู้สึกถึงคลื่นความกระสันที่กำลังโหมกระหน่ำจากการกระแทกกระทั้นใส่ร่องรักชมพู เขาทั้งตกใจและยินดี ยิ่งขยับแรงขึ้น “เร็วอีก อา อ๊ะ อะ..อา แรงๆ” หลินโม่เหนียงส่งเสียงสั่นเครือสั่งสามีหนิงเหอที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองก็มีความกำหนัดรุนแรงรออยู่ในท้อง มันเกิดจากการที่เขาได้กระแทกอย่างรุนแรงใส่โม่เอ๋อร์ แต่เขายังคงมีสติห่วงว่าด้วยแรงกายปิศาจของเขาอาจทำให้ภรรยาร่างแหลกสลาย เขาจึงตัดสินใจปลดปล่อยร่างมนุษย์กลับสู่ร่างเดิมโม่เหนียงที่กอดสามีไว้แน่น ปากก็ร้องขอให้สามีกระแทกกระทั้นให้แรงขึ้น นางที่ทำเพียงรอรับความสุขสมอยู่นั้น ช่วงขณะหนึ่งกลับรู้สึกว่าไหล่กว้างที่กอดอยู่กลายเป็นสายน้ำ แต่เป็นสายน้ำที่มีตัวตนและนางกอดสัมผัสได้ หญิงสาวจึงลืมตาดูว่าเกิดอะไรขึ้นโม่เหนียงเห็นร่างของตัวเองถูกสายน้ำรัดทั่วตัวพาลอยขึ้นอยู่กลางห้องนอน ในขณะที่สามีของนางมีเพียงใบหน้าที่ยื่นมาจูบนาง ส่วนร่างของเขากลายเป

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 15 กระถางบำเพ็ญเพียร (ตอนจบ)

    โม่เหนียงตามพวกเขาลงไปยังแม่น้ำเหลือง พวกเขาต้องดื่มน้ำแกงยายเมิ่งลืมอดีต ถูกตัดสินโทษที่หลบหนีกฎการเกิดตายมาหลายพันปีปิศาจตนหนึ่งต้องไปเกิดเป็นไอมารไร้ตัวตนใต้แม่น้ำ ทุกข์ทรมานกับความโดดเดี่ยวสองร้อยปีปิศาจอีกตนต้องเวียนว่ายตายเกิดในโลกมนุษย์ ชดใช้ชีวิตที่ขโมยมาจากท่านยมทูตสองร้อยกว่าชาติ ต้องทุกข์ทรมานจากการไม่ถูกรัก“เมื่อครบสองร้อยปี พวกเจ้าจึงจะได้พบกัน ข้าเห็นใจในความรักและความพยายามหล่อเลี้ยงเนยตันของอีกฝ่ายหลายพันปี จะให้โอกาสพวกเจ้าได้บำเพ็ญเพียรร่วมกัน จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพยายามของพวกเจ้าแล้ว” ท่านยมทูตกล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะส่งพวกเขาลงไปเกิดใหม่โม่เหนียงเห็นชีวิตของปิศาจสองตนแล้วรู้สึกคล้ายจะอาเจียน นางพยายามยืนให้ตรง ไม่ยอมล้มลง แต่สุดท้ายนางก็ล้มลงและตื่นขึ้นในอ้อมกอดของสามี พวกเขานอนกอดกันบนเตียงที่เปียกชุ่ม“โม่เอ๋อร์..เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” หนิงเหอเอ่ยถาม เขาเองก็คล้ายว่าเพิ่งลืมตาตื่นก่อนนางไม่กี่อึดใจ“ข้าก็รักเจ้า อยากอยู่กับเจ้า” คำที่นางเอ่ย โม่เหนียงไม่ได้ตอบคำถามว่าอาการของนางเป็นอย่างไร แต่นางกำลังตอบรับรักของปิศาจอายุมากตนนั้น น้ำตาและความเจ็บปวดของเขายังคงช

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   นิยายรักจีนโบราณเรื่อง หอเรือนไผ่ [TW]

    เป็นเรื่องสั้นไม่เกินหมื่นคำค่ะ เกี่ยวกับความรักของคนสองสามคน ที่ต่างฝ่ายต่างได้แต่เฝ้าฝันถึง ระหว่าง นางเอก ฮ่องเต้ กับชายหนุ่มที่อาศัยอยู่บนหอเรือนไผ่มีเพื่อนแนะนำให้ติดแท็ก warning ค่ะ เพราะมีฉากความรุนแรง อาชญากรรม เลยมาแก้ไขเพิ่มเติม ใครหลงมาเจอ เรื่องนี้ดราม่านะคะ (ดราม่าหนักมากด้วยสำหรับไรท์​​​) ใครไม่ใช่สายแข็งข้ามได้นะคะ หมิงอัน สาวน้อยอายุสิบแปดผู้ที่ไม่เคยแม้แต่จะจับมือชายหนุ่มอื่น แม้นางจะอยากสัมผัสเขามาเนิ่นนาน แต่พอถูกเขาสัมผัสอย่างเร่าร้อนเช่นนี้ นางได้แต่ตัวสั่นเทานอนรับความสุขสม อ้าปากให้เขากลืนกินได้เท่าที่เขาอยากกิน นางรักเขา ไม่ว่าเขาสัมผัสตรงไหน นางก็ร้อนรุ่มทั้งนั้น ขอเพียงเป็นเขา นางย่อมมีความสุข****เยว่สือแม้สีหน้าจะนิ่งเฉย แต่แววตาเป็นประกาย เขาค่อยๆนั่งลง นั่งหันหลังปล่อยให้นางหาผ้าแห้งมาเช็ดผมของเขา ในความฝันของเขา ในอีกชีวิตหนึ่ง หรือภพอื่น เขาเฝ้าฝันว่าเขาไม่ต้องเป็นตัวประหลาด ไม่ถูกย่ำยี เขาได้เรียนวิชาดาบตัดวายุของสำนักตวนอู่ เขาได้แต่งงานกับอันอันผู้เป็นที่รักของเขา ได้ใช้ชีวิตปกติ ยามค่ำคืนหลังมื้ออาหาร หลังจากอาบน้ำ นางจะเช็ดผมให้เขาเช่นนี้ และเอ่

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 1 บอกรัก

    “ข้ารักเจ้า” เสียงของหญิงสาวผู้ที่ปกติน่ารักอ่อนหวานและขี้อายอยู่เสมอ พูดบอกรักอย่างไม่อายปาก นางโยนทิ้งสิ้นทั้งสามคุณธรรมสี่คล้อยตาม ครั้งนี้นางตัดสินใจเด็ดขาด จะไม่ยอมปล่อยเขาไป“ข้าจะอยู่กับเจ้า ตายพร้อมเจ้า” หมิงอันประกาศกร้าวต่อหน้าเขาคุณชายเยว่สือ มองตอบหญิงสาวตรงหน้าด้วยใบหน้าเงียบขรึม ก่อนจะถอนหายใจและหันหลังเดินต่อไป ไม่สนใจสิ่งที่หมิงอันพึ่งจะใช้ความกล้าทั้งหมดพูด“เจ้าห้ามเดินหนีนะ! ข้าเอาจริงนะ!” หมิงอันพูด ที่จริงแล้ว นางอยากไล่ตามจับมือเขาให้เขาหยุดเดิน แต่นางไหนเลยจะกล้าแตะต้องตัวเขา ได้แต่ใช้สองเท้าเดินให้เร็วขึ้นเพื่อไปขวางทางเดินเขาเอาไว้ น่าเสียดายที่เขาทั้งขายาวทั้งเดินเร็ว ต่อให้นางวิ่งแล้วก็ยังตามไม่ทันฝีเท้าของเขา หมิงอันไล่ตามเท่าไหร่ก็ยังตามไม่ทัน จึงตะโกนออกไปสุดเสียง“เจ้าหยุดนะ!” คุณชายเยว่สือหยุดชะงัก ไม่กล้าก้าวเดิน บางอย่างบีบรัดในอกของเขา ได้ยินเสียงฝีเท้าของหญิงสาวเดินเร็วๆตามมา นางใกล้เข้ามาแล้ว.. เขากำหมัดแน่น วิ่งทะยาน เหินขึ้นไปบนยอดไผ่ แตะปลายเท้าเบาๆและบินหนีไปหมิงอัน ยืนมองเขาหนีไปด้วยความโกรธจัด นางไม่ยอมรับ พื้นที่แถวนี้ นางวิ่งไปมาเป็นร้

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13

Bab terbaru

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 16 ชีวิตแสนสุข (ตอนจบ)

    เสี่ยวอวี้ เสี่ยวหยาง เสี่ยวชิง และเสี่ยวหลันโผเข้ากอดนางแน่น ดวงตาเปียกชุ่มด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ หลังจากที่ต้องทนทุกข์ใจกับข่าวร้ายที่ท่านน้ากระซิบบอกว่าอาจไม่ได้พบมารดาอีกหลายวัน หรือตลอดไป ไป๋อวิ๋นเหยาใช้เวลาปลอบโยนลูกๆ ที่ยังไม่คลายจากความหวาดหวั่น เสียงหัวเราะและรอยยิ้มกลับมาเติมเต็มจวนไป๋อีกครั้ง แต่ลึกลงไปในใจของนาง ความกังวลยังคงรุกล้ำเงียบงัน วันแล้ววันเล่า นางเฝ้ารอการกลับมาของสามีผู้เป็นที่รัก แต่มีเพียงสายลมหนาวยามค่ำคืนเท่านั้นที่ตอบกลับมา องค์หญิงหว่านหนิงถูกประกาศว่าถูกไฟไหม้เสียชีวิต เพราะเมามายเกินไประหว่างคืนเทศกาลโคมไฟ และจวนไป๋ก็ได้รับเงินมากมายจากราชสำนักเพื่อบำรุงซ่อมแซมจวน แต่ไร้เงาของเฉินซูเหยา เวลาล่วงผ่านไปนานนับเดือน แต่สามีของไป๋อวิ๋นเหยาก็ยังไม่กลับมา นางเฝ้ารอด้วยความทุกข์ใจจนแทบทนไม่ไหว ความเงียบงันที่ไม่มีแม้เงาของเขาทำให้นางตัดสินใจลงมือเอง แม้จะเป็นเพียงบุตรีของอดีตบัณฑิต แต่ด้วยแรงแห่งความรักและความหวัง นางจึงพยายามหาหนทางติดต่อองค์รัชทายาท ทุกก้าวของนางเต็มไปด้วยอุปสรรค สายตาดูแคลน และเสียงกระซิบวิจารณ์ แต่ไป๋อวิ๋นเหยาก็ไม่ยอมแพ้ กระทั่งวัน

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 15 สัญญาปากเปล่า

    ความรู้สึกผิดท่วมท้น นางเงยหน้ามองชายผู้เคยเป็นดั่งเงาในชีวิตด้วยน้ำตาที่รินไหล เขาต้องการให้นางเจ็บปวดเพื่อนางจะได้หันหน้าหนี เพื่อนางจะได้ปลอดภัย และนางก็เป็นเช่นนั้น เกลียดเขาจนวันสุดท้ายของชีวิต แม้เขาจะรอนางอย่างเดียวดายที่สะพานไน่เหอ หลายปี แต่นางก็ยังเกลียดเขา “ข้า..ข้ามันเห็นแก่ตัวนัก” เสียงแหบพร่าของไป๋อวิ๋นเหยาสั่นเทา นางสะอื้นน้ำตารื้น “..เหตุใดจึงเป็นเหยาเหยาเห็นแก่ตัวเล่า..ข้าต่างหากที่เห็นแก่ตัว ข้าต่างหากที่ทำให้เจ้าเจ็บปวด ทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน” เขากอดรัดภรรยาไว้จนแน่น “เจ้าคิดจะตายลำพัง!” นางก่นด่า หากเมื่อคืนนี้นางไม่เข้าไปในเรือนหลัง เขาก็คงจะตายลำพังอีกแล้ว “ข้าเตรียมทางหนีไว้แล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ ทางที่ข้าพาเจ้าหนีมาอย่างไรเล่า” เขาลูบหัวของภรรยาเบาๆ “แต่หากข้าไม่เข้าไป เจ้าก็จะรอจนแม่ทัพหนุ่มที่เผาภูเขาลูกนั้นเข้ามาในจวน แล้วเจ้าค่อยเผาใช่หรือไม่!!” นางเข้าใจความตั้งใจของเขาดี เขาคงคิดจะเสียสละชีวิตเพื่อลากทุกคนไปกับเขา “..เหยาเหยาไม่ต้องกังวล ข้าจะหาทาง” “แล้วเราจะทำเช่นไรต่อไปดี ข้า..ข้าทำให้เจ้า..ข้าทำแผนของเจ้าพัง” “เหยาเหยาไม่ต้องกังวล” เขาเพียงพูดพร

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 14 เรื่องที่สามีเล่า

    เฉินซูเหยากอดร่างของภรรยาไว้ในอ้อมแขน ร่างของนางที่ยังอ่อนแรงพิงเขาอย่างตกตะลึงในความจริง นางเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม“เจ้ากล้าโกหกข้าหรือ” ไป๋อวิ๋นเหยาท้วงติงไม่พอใจ เขาหัวเราะขบขัน ไม่เห็นการข่มขู่ของภรรยาอยู่ในสายตา เขาเพียงเริ่มเล่าถึงความหลังที่เกิดขึ้นต่อไปพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น มองภรรยาด้วยความรักใคร่ ไป๋เหวินหยาง เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการศึกสงคราม แต่ก็เป็นบัณฑิตมากความสามารถ มีสายตาที่มองทะลุความสามารถของคน แม้จะรู้ว่าเฉินซูเหยาเป็นบุตรนอกสมรสของแม่ทัพหยวนกวน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังยื่นมือมาช่วยเหลือเฉินซูเหยาไว้ ช่วยปกปิดภูมิหลังของเขา ซ่อนเขาจากศัตรูของแม่ทัพ สั่งสอนเขาราวกับศิษย์คนหนึ่ง หลังจากเด็กหนุ่มสอบได้เป็นจอหงวน ชีวิตของเขาก็เริ่มรู้สึกสงบสุข ได้แต่งงาน เขาไม่เคยคิดแก้แค้นให้บิดาเลยแม้แต่น้อย เพราะกำลังของเขาไม่มากพอ และที่สำคัญ เขาแต่งงานกับหญิงสาวตรงหน้าแล้ว เขาไม่อยากให้ภัยอันตรายใดๆ มาถึงจวนไป๋ หรือครอบครัวของนาง เขาจึงเลือกที่จะวางอดีตลง หรืออย่างน้อยก็พยายามวาง แต่ในใต้หล้านี้ ความตั้งใจหรือจะสู้ฟ้าลิขิต หลังจากเฉินซูเหยาได้ร

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 13 รสรัก (NC)

    “อ้า..เหยาเหยา..” เขาครางแหบพร่าไป๋อวิ๋นเหยาแทบอยากจะกรีดร้อง เพราะรู้สึกว่าความร้อนแท่งใหญ่ที่ค่อยๆ ซึมเข้ามา เหมือนเปลวเพลิงกำลังกัดกิน ทุกอณูของร่างเริ่มร้อนจนเหมือนจะระเบิด ความกำหนัดที่เขาเพาะบ่มตลอดการย่างกำลังทวีขึ้น ความรู้สึกถูกเผาผลาญนั้นเหมือนจี้ถูกจุดร่างกายของไป๋อวิ๋นเหยาสั่นระริกโดยไม่อาจควบคุม พวยพุ่งความสุขสมออกมาจนท่วมรอบเอวสามี เขาไม่ได้รังเกียจ อีกทั้งยังกอดนางแน่นยิ่งขึ้น งัดเอวขึ้นเพื่อกดแท่งหยกซ้ำๆ บนจุดแสนหวานในร่องรักของภรรยา “เหยาเหยากล้าพวยพุ่งน้ำพุใส่ข้าแล้วหรือ” เขาล้อเลียน ยิ้ม บางเบาพึงพอใจ ระหว่างที่ยังคงบดสะโพกต่อไป ไป๋อวิ๋นเหยาใบหน้าแดงก่ำอยากร้องไห้ นางสั่นระริกสุขสมไปทั่วร่าง เขายังกล้าล้อเล่นเช่นนี้อีก เมื่อก่อนเขาชอบขอจะดูนางปลดเบา อย่างไรนางก็ไม่ให้ เขาจึงได้แต่ทำใจ วันนี้นางพวยพุ่งใส่เขาเช่นนี้ ไม่ใช่นางกล้าหาญหรือจงใจ แต่เพราะนางควบคุมไม่ได้จริงๆ และนางกล้าสาบานว่านี่ไม่ใช่การปลดเบาเขาต่างหากที่ทำให้นางควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้!“ชู่ว..ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือ เหยาเหยาเย้ายวนยิ่ง” เขาชื่นชม ก้มลงจูบซับน้ำที่เอ่อล้นขอบตาของภรรยา ลิ้มเลียน้ำตาของ

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 12 ขับยาพิษและหมูยาง

    มือของเขาเคลื่อนไปจับมือของนางที่อ่อนปวกเปียกเพราะพิษกำยาน และเริ่มนวดเบาๆ ที่ปลายนิ้ว ไล่ไปจนถึงฝ่ามืออย่างทะนุถนอม แม้มือของเขาเองจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่มันกลับไม่หยุดความพยายามของเขาแม้แต่น้อย ราวกับจะทำทุกวิถีทางให้นางรู้สึกร้อนรุ่มขึ้น นางได้แต่มองเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอึดอัดปนความสับสน แม้จะอยากปฏิเสธ แต่ความรู้สึกอ่อนโยนที่เขามอบให้ กลับทำให้นางไม่อาจห้ามหัวใจของตัวเองไม่ให้เต้นระรัว เด็กสารเลวนี่ วางแผนจะรวบนางนานแล้วหรือ! นางคิดว่าท่านพ่อบังคับเขาให้แต่งเสียอีก ที่แท้เขาก็ไม่ได้ใสซื่อมือของเฉินซูเหยาค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาที่ปลายเท้าของนางเขาเริ่มนวดที่ฝ่าเท้า ไล่ขึ้นไปจนถึงข้อเท้าอย่างแผ่วเบา สัมผัสของเขาช่างอ่อนโยนและตั้งใจ เหมือนพยายามจะบรรเทาความชาและขับพิษให้นางให้ได้มากที่สุด แต่สายตาหื่นกระหายกลับพูดสิ่งอื่น “เลือดลมของเจ้าจะต้องรีบขับออก” เขาพูดเบาๆ พลางจ้องมองใบหน้าของนางที่เริ่มแดงจนคล้ำ แม้ในใจไป๋อวิ๋นเหยาจะยังคงประท้วงอยู่ แต่ร่างกายกลับยอมรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ นางหลับตาลงเล็กน้อย ปล่อยให้ความร้อนรุ่มจากพิษสมุนไพรและสัมผัสของเขาไหลเวียนไปทั่วร่าง ท่ามกล

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 11 ยาแรง

    “...” ไป๋อวิ๋นเหยาส่งสายตาขุ่นเคืองไปยังเขา แต่กลับทำให้เขายิ่งหัวเราะชอบใจ “ดื่มเถิด ข้าจะช่วยพยุงเจ้าเอง” เขาประคองนางขึ้นอย่างระมัดระวัง แม้บาดแผลของเขาจะส่งผลให้ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไป ด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่แสดงอาการใดๆ เพียงใช้แขนที่มั่นคงรองรับร่างของนางไว้ริมฝีปากของนางสัมผัสกับของเหลวสีเขียวเข้ม กลิ่นของมันไม่ชวนดื่มเอาเสียเลย ทว่าด้วยแรงผลักดันจากแววตาที่มุ่งมั่นน่ารัdของเขา ไป๋อวิ๋นเหยาจึงกล้ำกลืนมันลงคอไปอย่างยากลำบากเมื่อนางยอมดื่มจนหมด เฉินซูเหยาก็โยนถ้วยใบไม้ทิ้ง จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตนาง เรียวลิ้นกวาดสัมผัสยาสมุนไพรขมๆ ในปากอิ่มของภรรยาอย่างหิวโหย ไป๋อวิ๋นเหยาเบิกตาโพลง ตกใจราวสาวน้อยที่เพิ่งเคยจุมพิตนางรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปพบกับเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดที่ขโมยจุมพิตแรกของนาง ราวเด็กหนุ่มเอาแต่ใจผู้นั้นยังคงอยู่ไม่หายไปไหน “เจ้ายังขยับไม่ได้ แต่เลือดเริ่มไหลเวียนดีขึ้นแล้ว อีกไม่นานเจ้าจะหาย” เขากระซิบบนริมฝีปากของภรรยา เหมือนปลอบเด็กน้อย เขาชอบทำเช่นนี้เสมอ ป้อนยานางและตามด้วยจุมพิตขมปนหวาน เขาทำเช่นนี้ทุกครั้งที่นางป่วย เอาใจใส่นางและกลั่นแกล้งนาง ร่างแน่นิ่งซึ่

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 10 สามีวางยา

    เปลวไฟเริ่มลุกลามไปตามต้นไม้แห้งบนเขาอย่างรวดเร็ว ควันดำพวยพุ่งขึ้นปกคลุมท้องฟ้า ความร้อนระอุค่อยๆ แผ่ขยายออกไปขณะที่เสียงสัตว์ป่ากรีดร้องดังขึ้นทั่วภูเขา สัตว์ต่างๆ วิ่งพล่านออกจากป่าด้วยความตื่นตระหนก บ้างสะดุดล้ม บ้างถูกไฟคลอกจนสิ้นใจ พวกมันพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด แต่ไม่มีตัวไหนหลุดรอดจากเงื้อมมือเปลวเพลิง ในขณะที่ไฟกำลังโหมกระหน่ำบนเขา เฉินซูเหยาและไป๋อวิ๋นเหยาหยุดอยู่ปลายแม่น้ำที่ทอดตัวไกลจากเขาลูกนั้น ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเซียว แต่แววตายังคงมุ่งมั่น เขามองยอดเขาที่กลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงฉาน ลุกไหม้ราวกับต้องการกลืนกินทุกสิ่ง“พวกมันไม่ยอมปล่อยเรา” เขาพึมพำ ขณะสายตายังจับจ้องภาพโหดร้ายตรงหน้า ไป๋อวิ๋นเหยาเงียบงัน ยืนนิ่งอยู่ข้างเขา น้ำใสเย็นจากแม่น้ำไหลเชี่ยวอยู่รอบข้อเท้าทั้งสอง แต่กลับไม่อาจดับความร้อนแรงจากเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ภูเขาอยู่เบื้องหน้าได้ สองเท้าของนางหนาวเย็นจนเริ่มไร้ความรู้สึก สองมือของนางเริ่มเป็นเหน็บชา เฉินซูเหยาไม่ได้เอ่ยคำใดอีก เขาเพียงจับมือภรรยาแน่น และพาก้าวเดินต่อไป มุ่งหน้าสู่ที่ปลอดภัย โดยปล่อยให้ภูเขาที่ลุกโชนคงอยู่เป็นสัญลักษณ์แห่งความอำมหิตของศัตรูที

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 9 หนี

    “อย่าขยับ อยู่ตรงนั้น!” เสียงของเขาเด็ดขาดราวกับคำสั่ง แต่กลับเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ปกปิดไม่มิด เฉินซูเหยาก้าวเข้า ประจันหน้ากับคนชุดดำที่เหลือ ท่าทางของเขาแม้จะดูอ่อนล้าลง เพราะบาดแผล แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ลดละ เขาจะไม่มี วันยอมให้ผู้ใดแตะต้องไป๋อวิ๋นเหยาได้เฉินซูเหยาตวัดดาบด้วยความแม่นยำ ร่างของคนชุดดำทั้งสองล้มลงในกระบวนท่าเดียว เลือดสาดกระเซ็นเปรอะพื้น แต่ก่อนที่เขาจะได้พักหายใจ เสียงฝีเท้าของนางรำจำนวนมากก็ดังเข้ามาใกล้ เขาขบฟันแน่น สายตาคมกวาดมองไปทางภรรยาที่เขายังต้องปกป้อง เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว สะบัดมือโยนฮว่าเจ๋อจึ[1]ออกไป จุดไฟขึ้นกลางเรือนด้วยมือที่ยังเปื้อนเลือด เปลวไฟลุกโชนกินเนื้อไม้ จนเสียงแตกเปรี๊ยะดังไปทั่ว คล้ายเขาลงน้ำมันไว้แล้วก่อนหน้าเฉินซูเหยาฉวยมือคว้าเอวไป๋อวิ๋นเหยาแน่น แม้ร่างกายเขา จะอ่อนล้าจากบาดแผล แต่ฝีเท้ายังคงเร่งรีบ ลากนางมุ่งไปทางบ่อน้ำ ด้านหลังเรือน ตลอดทางไป๋อวิ๋นเหยาเห็นว่ามีร่างคนล้มตายเกลื่อนกลาด คล้ายการต่อสู้นี้เกิดขึ้นก่อนที่นางจะเข้ามาแล้ว กลิ่นกำยานเจืออยู่ในอากาศ หญิงสาวในชุดรำที่วิ่งตามมา หอบหายใจรุนแรงก่อนจะทรุดลงทีละคน

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 8 ตกใจอะไรก่อนดี

    เมื่อท้องฟ้าสีดำในเมืองหลวงถูกประดับด้วยแสงเรืองรองของโคมไฟ เด็กๆ ต่างส่งเสียงหัวเราะตื่นเต้นรอคอยการเดินทางไปเทศกาล ท่านน้าและสามีของท่านน้าเตรียมรถม้าคันใหญ่สำหรับพาเหล่าลูกหลานออกไปเพลิดเพลิน เหมือนเช่นชาติก่อน ไป๋อวิ๋นเหยามองดูลูกๆ ในชุดใหม่ที่กำลังปีนขึ้นรถม้าอย่างร่าเริง แต่นางกลับอ้างว่าลืมของสำคัญของสตรี และปล่อยให้เด็กๆ ไปเที่ยวกับน้าสาวและน้าชายก่อน นางคิดว่านางจะรีบตามไปหลังจากเตือนสามีและอนุของเขา แล้วค่อยตามไปนอนพักที่บ้านน้องสาวคืนนี้ เหมือนชีวิตในครั้งก่อน เมื่อรถม้าเคลื่อนออกไป ไป๋อวิ๋นเหยามองตามจนสุดสายตา จากนั้นจึงหันหลังกลับ รีบสาวเท้ากลับไปยังจวนไป๋ ความมุ่งมั่นในดวงตาของนางแข็งกร้าวขึ้นทุกย่างก้าว ไป๋อวิ๋นเหยาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เงาของนางทอดยาวไปตามพื้นหินที่เย็นเฉียบ ความเงียบสงบของค่ำคืนคล้ายทำให้นางรู้สึกว่าทุกย่างก้าวของตนหนักอึ้ง หัวใจเต้นระรัวไม่ต่างจากฝีเท้าม้าที่วิ่งลากรถม้าเคลื่อนไปไม่หยุดหย่อน ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อถึงเรือนหลัง นางหยุดหายใจชั่วครู่ก่อนจะก้าวเข้าสู่ความมืดที่ปกคลุมภายใต้เงาไม้ใหญ่ ทุกสิ่งดูเงียบสงัดเกินไป นางมองไปรอบๆ กลับไร้ซึ่งเง

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status