Share

บทที่ 15 สัญญาปากเปล่า

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-13 03:10:36

ความรู้สึกผิดท่วมท้น นางเงยหน้ามองชายผู้เคยเป็นดั่งเงาในชีวิตด้วยน้ำตาที่รินไหล เขาต้องการให้นางเจ็บปวดเพื่อนางจะได้หันหน้าหนี เพื่อนางจะได้ปลอดภัย และนางก็เป็นเช่นนั้น เกลียดเขาจนวันสุดท้ายของชีวิต แม้เขาจะรอนางอย่างเดียวดายที่สะพานไน่เหอ หลายปี แต่นางก็ยังเกลียดเขา 

“ข้า..ข้ามันเห็นแก่ตัวนัก” เสียงแหบพร่าของไป๋อวิ๋นเหยาสั่นเทา นางสะอื้นน้ำตารื้น 

“..เหตุใดจึงเป็นเหยาเหยาเห็นแก่ตัวเล่า..ข้าต่างหากที่เห็นแก่ตัว ข้าต่างหากที่ทำให้เจ้าเจ็บปวด ทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน” เขากอดรัดภรรยาไว้จนแน่น 

“เจ้าคิดจะตายลำพัง!” นางก่นด่า หากเมื่อคืนนี้นางไม่เข้าไปในเรือนหลัง เขาก็คงจะตายลำพังอีกแล้ว 

“ข้าเตรียมทางหนีไว้แล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ ทางที่ข้าพาเจ้าหนีมาอย่างไรเล่า” เขาลูบหัวของภรรยาเบาๆ 

“แต่หากข้าไม่เข้าไป เจ้าก็จะรอจนแม่ทัพหนุ่มที่เผาภูเขาลูกนั้นเข้ามาในจวน แล้วเจ้าค่อยเผาใช่หรือไม่!!” นางเข้าใจความตั้งใจของเขาดี เขาคงคิดจะเสียสละชีวิตเพื่อลากทุกคนไปกับเขา 

“..เหยาเหยาไม่ต้องกังวล ข้าจะหาทาง” 

“แล้วเราจะทำเช่นไรต่อไปดี ข้า..ข้าทำให้เจ้า..ข้าทำแผนของเจ้าพัง” 

“เหยาเหยาไม่ต้องกังวล” เขาเพียงพูดพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก เรียกนางเหยาเหยาราวเด็กสาว ทั้งที่เขาอายุน้อยกว่านางตั้งห้าปี และนางก็มีลูกถึงสี่คนแล้ว 

“พูดแผนต่อไปของเจ้ามา หากไม่พูด ข้าจะโกรธจริงๆ เรื่องที่เจ้าแต่งอนุ..” นางข่มขู่ใบหน้าเย็นชา 

“ฮึ ๆ ๆ..เหยาเหยากำลังหึงหวงข้าหรือ น่ารักยิ่งนัก” เขาไม่ตอบคำถาม เพียงมองภรรยาด้วยความรัก หางตายับย่นอย่างน่ามอง บ่งบอกอายุที่มากขึ้นของเขา แม้แววตาจะยังน่ารักราวเด็กหนุ่มก็ตาม 

ไป๋อวิ๋นเหยาได้แต่คิดว่าดีแล้วที่นางกลับมาอีกครั้ง ดีแล้วที่นางวิ่งหนีที่สะพานไน่เหอนั่น หากไม่เช่นนั้น นางคงเกลียดเขาไปทุกภพทุกชาติ นางคงพลัดพรากจากเขาตลอดไปทั้งที่ยังเข้าใจผิด 

พวกเขานอนรักษาตัวกันสองสามวัน ในความมืดของถ้ำ ใกล้แม่น้ำ ไฟจากกองไม้เล็กๆ ให้แสงริบหรี่ เฉินซูเหยานั่งคุกเข่าบนพื้นหินหยาบ ใช้ถ่านดำเขียนตัวอักษรลงบนผืนผ้า เป็นแผนการที่เขาจะส่งมอบให้รัชทายาท 

เสียงลมที่พัดผ่านปากถ้ำทำให้บรรยากาศยิ่งเงียบงัน ไป๋อวิ๋นเหยานั่งอยู่มุมหนึ่งใกล้สามี มองดูเขาด้วยแววตาสับสน เมื่อเขาวางถ่านดำลง เฉินซูเหยาก็เงยหน้าขึ้นมาสบตานาง 

“เหยาเหยา..” 

“ข้าไม่ทำ” นางขมวดคิ้ว รู้ดีว่าถ้อยคำต่อไปของเขาจะพูดอะไร และนำมาซึ่งเรื่องที่ยากลำบากเพียงใด

“อย่าดื้อนักเลย..เจ้าต้องเดินทางไปหาน้องสาวนอกเมืองของเจ้า หลบซ่อนตัวอยู่กับนางชั่วคราว ข้าจะส่งข่าวลวงออกไปว่าที่ซ่อนของตราพยัคฆ์อยู่ในทิศทางตรงกันข้าม และห้ามติดต่อไปหาลูกๆ เด็ดขาด ให้พวกเขาเชื่อว่าเจ้าถูกฆ่าตายระหว่างการลอบสังหาร” เขาพูดช้าๆ แต่หนักแน่น 

แต่ทุกคำพูดของสามีราวกับปลายดาบที่ปักลงกลางใจ ไป๋อวิ๋นเหยากัดฟัน น้ำตาคลอเบ้าทั้งที่ยังเย็นชาไร้รอยยิ้ม 

“เจ้าคิดจะทิ้งพวกข้าอีกแล้วใช่หรือไม่” นางเสียงเครือ 

เฉินซูเหยามองภรรยาด้วยสายตาเจ็บปวด แต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขารู้ว่าเขาอาจไม่รอด แต่นี่ก็เป็นหนทางเดียวที่บุรุษไร้ความสามารถและอำนาจเช่นเขาจะทำเพื่อปกป้องครอบครัวได้

“หากลูกๆ คิดว่าเจ้าตาย จะทำให้มันสมเหตุสมผล พวกมันจะไม่สงสัย เจ้าและลูกๆ จะปลอดภัย” เขาอธิบายต่อไป เลี่ยงจะตอบคำถามของภรรยา 

“สัญญาสิว่าเจ้าจะรอด” ไป๋อวิ๋นเหยาน้ำตาไหลเงียบงัน ก่อนจะปาดน้ำตาอย่างเด็ดเดี่ยวเย็นชา 

“ข้าสัญญา” เขายิ้มบาง ยื่นมือไปลูบแก้มนางเบาๆ ก่อนจะดึงภรรยาเข้ามากอดด้วยความหวงแหน เขาอยากมีเวลาอยู่กับนางให้มากขึ้น อยากกอดนางทุกคืนไปจนครบอายุขัย เขาจะพยายามรอดให้ได้ แม้จะต้องยากลำบากเพียงใด 

คืนนั้นสองสามีภรรยาต่างล่ำลาอยู่ครึ่งค่อนคืนจนเกือบเช้า

ในยามเช้ามืดของวันถัดมา ไป๋อวิ๋นเหยาเดินเท้าออกจากถ้ำ โดยมีเฉินซูเหยาออกมาส่งจนถึงมือองครักษ์ของรัชทายาท เขาส่งผืนผ้าให้องครักษ์ผู้นั้น พร้อมขอร้องให้ช่วยดูแลภรรยาของเขา 

จากนั้นเฉินซูเหยาก็เริ่มลงมือปล่อยข่าวลวงเกี่ยวกับที่ซ่อนของตราพยัคฆ์ ข่าวที่กล่าวถึงสถานที่ลึกลับบนภูเขาแห่งหนึ่งแพร่กระจายไปทั่ว สร้างความแตกตื่นให้กับฝ่ายของอ๋องจินเจา 

ในเงามืด เฉินซูเหยายืนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง มองทิวทัศน์รอบตัวเขารู้ว่าการเดินหมากครั้งนี้อาจแลกด้วยชีวิตของเขาเอง แต่ถ้าหากมันจะนำมาซึ่งความปลอดภัยของครอบครัว เขาก็พร้อมที่จะยอมสละ 

ฝ่ายอ๋องจินเจารีบรุดนำกำลังมาตามหาเฉินซูเหยา ณ บ้านร้างแห่งหนึ่งบนเขาซางโจว ภายใต้เงามืดของแผนการ เฉินซูเหยาได้จัดฉากพบกับท่านอ๋องในตำแหน่งที่เหมาะสม เขาบอกว่าจะคุยกับท่านอ๋องผู้เดียวเท่านั้น พวกทหารจึงได้แต่ต้องรอด้านนอก 

เฉินซูเหยาทำทีเป็นยอมจำนนและเปิดเผยเบาะแสเล็กน้อย เพื่อลวงความไว้วางใจจากท่านอ๋อง แต่ท่านอ๋องไม่ใช่บุรุษโง่งม เมื่อเฉินซูเหยาไม่ยอมพูดที่ซ่อนตราพยัคฆ์ออกมาสักที ก็กลายเป็นเชื้อไฟให้ท่านอ๋องโมโห ระบายความทะเยอทะยานอันแท้จริงออกมา 

ในเวลานั้น รัชทายาทและฮ่องเต้ผู้ปลอมพระองค์เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาก็ยืนอยู่ในเงามุมหนึ่ง รับฟังทุกถ้อยคำที่ท่านอ๋องเผยออกมา ทั้งแผนการล้มฮ่องเต้และแผนลอบสังหารรัชทายาทเพื่อยึดบัลลังก์ คำพูดนั้นดังก้องในจิตใจของฮ่องเต้ ราวกับฟ้าผ่ากลางใจ 

เฉินซูเหยาพยายามรักษาชีวิตด้วยการบอกแผนที่ลวงให้กับท่านอ๋อง แต่อ๋องจินเจาก็ยังไม่ยอมเชื่อใจเขา จึงสั่งทหารลากตัวไปขังไว้ในคุกใต้ดิน หากเป็นแผนที่ปลอมค่อยลงโทษ แต่หากเป็นแผนที่จริง อ๋องจินเจาไม่คิดเก็บบุตรชายของอดีตแม่ทัพหยวนกวนไว้อยู่แล้ว

เพียงแต่ในวันรุ่งขึ้น จวนของท่านอ๋องถูกกองกำลังทหารวังเข้ายึดทันทีอ๋องจินเจาถูกลงทัณฑ์ด้วยโทษประหารเก้าชั่วโคตรในฐานะกบฏ  ความทะเยอทะยานที่พุ่งสูงดั่งภูเขาใหญ่จบลงในเถ้าธุลี

หลังการล่มสลายของจวนอ๋องจินเจา ไป๋อวิ๋นเหยาก็กลับคืนสู่บ้านเดิมของตน เสียงสะอื้นของลูกๆ ดังระงมเมื่อเห็นมารดาที่เคยคิดว่าสูญเสียไปกลับมายืนอยู่ตรงหน้า 

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 16 ชีวิตแสนสุข (ตอนจบ)

    เสี่ยวอวี้ เสี่ยวหยาง เสี่ยวชิง และเสี่ยวหลันโผเข้ากอดนางแน่น ดวงตาเปียกชุ่มด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ หลังจากที่ต้องทนทุกข์ใจกับข่าวร้ายที่ท่านน้ากระซิบบอกว่าอาจไม่ได้พบมารดาอีกหลายวัน หรือตลอดไป ไป๋อวิ๋นเหยาใช้เวลาปลอบโยนลูกๆ ที่ยังไม่คลายจากความหวาดหวั่น เสียงหัวเราะและรอยยิ้มกลับมาเติมเต็มจวนไป๋อีกครั้ง แต่ลึกลงไปในใจของนาง ความกังวลยังคงรุกล้ำเงียบงัน วันแล้ววันเล่า นางเฝ้ารอการกลับมาของสามีผู้เป็นที่รัก แต่มีเพียงสายลมหนาวยามค่ำคืนเท่านั้นที่ตอบกลับมา องค์หญิงหว่านหนิงถูกประกาศว่าถูกไฟไหม้เสียชีวิต เพราะเมามายเกินไประหว่างคืนเทศกาลโคมไฟ และจวนไป๋ก็ได้รับเงินมากมายจากราชสำนักเพื่อบำรุงซ่อมแซมจวน แต่ไร้เงาของเฉินซูเหยา เวลาล่วงผ่านไปนานนับเดือน แต่สามีของไป๋อวิ๋นเหยาก็ยังไม่กลับมา นางเฝ้ารอด้วยความทุกข์ใจจนแทบทนไม่ไหว ความเงียบงันที่ไม่มีแม้เงาของเขาทำให้นางตัดสินใจลงมือเอง แม้จะเป็นเพียงบุตรีของอดีตบัณฑิต แต่ด้วยแรงแห่งความรักและความหวัง นางจึงพยายามหาหนทางติดต่อองค์รัชทายาท ทุกก้าวของนางเต็มไปด้วยอุปสรรค สายตาดูแคลน และเสียงกระซิบวิจารณ์ แต่ไป๋อวิ๋นเหยาก็ไม่ยอมแพ้ กระทั่งวัน

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 1 จุมพิตมังกร

    หลินโม่เหนียง ลืมตาเปียกชื้นมองฝูงชนที่กำลังโหวกเหวกโวยวายผ่านกรงไม้ไผ่ด้วยความฉงน นางยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่เพียงในจมูก ลำคอและในอกของตนคล้ายถูกไฟเผาไหม้จนปวดแสบ “นางเป็นปิศาจ” “ต้องฆ่านางเดี๋ยวนี้” “แต่นางไม่ได้ตาย นางพิสูจน์ความผิดตัวเองแล้ว” “ใช่แล้ว นางบริสุทธิ์ นางถูกใส่ร้าย” ผู้คนต่างกำลังถกเถียงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หลินโม่เหนียงที่แสบคอแสบจมูกไปหมดทำเพียงตะแคงตัว สำลักน้ำออกมาจำนวนมาก “แค่ก ๆ ๆ ๆ” แม้นางจะไอจนเสียงดัง แต่ผู้คนยังคงเถียงกันต่อไป ไม่มีผู้ใดสนใจความเปลี่ยนแปลงของนางสักนิด“นางแพศยานี่ต้องเป็นภูตผีปิศาจจำแลงมาแน่นอน หากเป็นคนทั่วไป จะอยู่ในน้ำได้เป็นเวลานานเท่านี้ได้อย่างไร ตั้งแต่ปล่อยนางทิ้งลงน้ำก็ผ่านมาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว แต่นางกลับยังมีชีวิตอยู่ ต้องเป็นปิศาจแน่!” หลินโม่เหนียงเหลือบสายตามองชายที่กำลังพูด นางจำเสียงของเขาได้ เขาเป็นคหบดีร่ำรวยในเมืองนี้ และเป็นสามีของนางด้วย!! นางเริ่มจดจำได้บ้างแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสองวันก่อนพ่อแม่ผู้ยากจนได้ขายหลินโม่เหนียงใ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 2 หนีไม่ได้ชั่วชีวิต

    “โกหก เจ้านักพรตชั่ว เจ้าโกหก” คหบดีถึงกับอยู่ไม่ติดที่“ใช่ เจ้าโกหก ข้าเห็นกับตาว่านางไม่มีเลือดพรหมจรรย์” ภรรยาของคหบดีรีบเสริม“ข้าเป็นนักพรตของราชวัง ผ่านมาเห็นเหตุวุ่นวายพอดี จึงยื่นมือเข้าช่วย พวกเจ้าว่าข้าจะโกหกเพื่ออะไรหรือ? เทพเจ้ามังกรได้แสดงอิทธิฤทธิ์แล้ว การที่นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นเครื่องยืนยันความบริสุทธิ์ของนาง พวกเจ้าสามีภรรยามีวิญญาณร้ายตามติดมากมาย ไม่รู้ว่าฆ่าอนุในจวนไปแล้วกี่คน คหบดีอย่างพวกเจ้า จะพูดอย่างไรก็ย่อมได้ แต่ไม่อาจลบล้างหลักฐานตรงหน้า”“เจ้า..เจ้าหาว่าพวกข้าเป็นจอมโกหกหรือ” คหบดีโกรธจัด ชี้หน้านักพรตด้วยมือสั่นเทา ครอบครัวพวกเขาทำการค้ามาหลายปีเพื่อเลี้ยงครอบครัวจนมีเงินทองมากมาย มักถูกผู้คนนินทาลับหลังว่าเป็นพวกไม่น่าคบ เพราะผู้ที่มีวาทศิลป์ในการขายมักถูกดูถูกว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว แต่ปกติไม่เคยมีใครกล้าพูดต่อหน้าเขาตรงๆ เช่นนี้ เขาจึงโกรธมากภรรยาเอกของคหบดีเฒ่าเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นนักพรตของราชวังจึงไม่อยากมีเรื่องด้วย รีบห้ามสามีและกระซิบกล่อมสามีให้ใจเย็นก่อน สุดท้ายพวกเขาได้แต่กัดฟันกล่าวโทษตัวเอง“เป็นพวกข้าไม่ดีเอง เช้านั้นข้าดูไม่ถี่ถ้วนจึงเข้

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 3 เหตุการณ์แปลกประหลาด

    ด้วยเหตุนี้ หลินโม่เหนียงจึงใช้ชีวิตอยู่บนยอดเขาตั้งแต่นั้น นางเป็นสาวชาวบ้านใช้ชีวิตยากลำบากมาตั้งแต่เล็ก การต้องใช้ชีวิตในป่าคนเดียวจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร ทั้งไม่ต้องหาอาหารเอง มีคนนำมาให้ทุกเดือน แม้ไม่ได้กินดีมากมาย แต่ก็มีกินทุกวัน เป็นชีวิตที่สงบยิ่ง ทุกวันนางจะออกไปบำเพ็ญเพียรนั่งสมาธิใต้น้ำตก แม้นักพรตจะไม่บังคับ แต่นางอยากบำเพ็ญเพียรมากจึงพยายามศึกษาด้วยตัวเอง ท่านนักพรตยังใจดีทิ้งหนังสือเกี่ยวกับวิธีการบำเพ็ญเพียรให้นางสามเล่มด้วย น่าเสียดายที่นางไม่เคยร่ำเรียนศึกษา อ่านหนังสือไม่ออก จึงทำได้เพียงดูรูปที่วาดประกอบและทำตามความเข้าใจของตนเองวันเวลาผ่านเลยไปจนหญิงสาวอายุยี่สิบปี นางยังบำเพ็ญเพียรไม่คืบหน้าอะไร แต่ช่วงหลังมานี้ นางมักจะรู้สึกว่ามองเห็นน้ำตกเคลื่อนไหวเป็นรูปร่างของคน แต่เมื่อนางสังเกตดูดีๆ อีกครั้ง รูปร่างนั้นก็ไม่อยู่เสียแล้ว ยังมีเรื่องแปลกประหลาดอีกหลายสิ่งที่หลินโม่เหนียงประสบกับตัวเอง แต่ไม่อาจหาคำอธิบายได้ บางวันที่นอนครึ่งหนึ่งของนางจะเปียกชุ่มราวกับมีใครเอาน้ำมาราดรดยามที่นางหลับอยู่บางครั้งในยามเช้า ตรงหน้าประตูบ้านมักจะมีคราบน้ำเปียกยาวออกไปทางน้ำตก

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 4 สายน้ำหึงหวง

    สตรีอายุยี่สิบปีเป็นวัยกำลังสะพรั่ง หากเป็นหญิงสาวคนอื่นๆ ป่านนี้พวกนางคงแต่งงานมีคู่ ครองรักกันทุกค่ำคืน บางคนอาจมีลูกสองสามคนแล้ว แต่นางกลับต้องมาอยู่บนยอดเขาลำพังเพียงผู้เดียว หลินโม่เหนียงกำลังสงสัยว่าความต้องการและความเหงาเปลี่ยวอาจทำให้นางเห็นภาพหลอน แต่คิดอย่างไรสัมผัสชัดเจนเช่นนั้นคงไม่อาจเป็นความคิดฝ่ายเดียวของนางไปได้ แม้นางจะเคยแต่งงานผ่านการเข้าหอมาแล้ว แต่เพียงคืนเดียวคงไม่ทำให้นางรู้แจ้งจนนำมาคิดเพ้อเป็นเรื่องราวได้แน่หญิงสาวตัดสินใจลองอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นแต่วันรุ่งขึ้นหรือวันถัดมา ต่อให้นางนั่งใต้น้ำตกนานขึ้นเท่าไรก็ไม่อาจสัมผัสถึงสายน้ำอบอุ่นได้เลย จนผ่านไปหลายวัน หลินโม่เหนียงเริ่มแน่ใจว่าอาจเป็นความคิดเพ้อฝันของนางเพียงผู้เดียว“ขอบคุณ” หลินโม่เหนียงกล่าว วันนี้เป็นวันที่จะมีทหารมาส่งอาหารแห้งและเมล็ดธัญพืชให้นาง “ไม่เป็นไร เป็นหน้าที่ข้าอยู่แล้ว หากแม่นางโม่อยู่คนเดียวไม่สะดวกอย่างไร ข้าจะมาหาเจ้าให้บ่อยขึ้นก็ย่อมได้ เจ้าไม่ต้องเกรงใจ” ชายหนุ่มในชุดทหารมองหลินโม่เหนียงด้วยสายตาชื่นชม ‘สตรีงดงามเช่นนี้ กลับต้องอยู่เดียวดายบนเขา ช่างน่าเสียดาย’ นายทหารครุ่นคิด“

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 5 ถูกความกำหนัดครอบงำ

    เขาหยุดกัดทันทีแต่ยังไม่ยอมคลายอ้อมกอด หญิงสาวได้แต่หอบหายใจกับเรื่องตื่นตระหนกและแปลกประหลาดนี้ นางพยายามผลักเขาหลายครั้งแล้วแต่ไม่อาจจับต้องได้ มีเพียงเขาที่กอดรัดและสัมผัสนางได้อยู่ฝ่ายเดียว“ปล่อยข้า อย่าทำเช่นนี้” นางพยายามเอ่ยปากขอร้อง“...” อีกฝ่ายแนบริมฝีปากที่คอของนาง เขาคล้ายขยับปากพูดบางอย่าง แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีก“ปล่อยข้าเถิด เนื้อของข้าไม่อร่อย ข้าแก่แล้ว หนังก็เหนียวเคี้ยวลำบาก อย่ากินข้าเลย” นางขอร้องอย่างหมดหนทาง ในใจหวาดกลัวยิ่งแต่ร่างมวลน้ำกลับทำเพียงเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาว เขาค่อยๆคลายอ้อมกอดและยอมปล่อยตัวนางในที่สุด ยามนี้แม้จะเห็นเป็นร่างบุรุษชัดเจน แต่บนใบหน้ายังเห็นไม่ชัด ทั่วร่างของเขายังคงมีน้ำล้อมรอบ บางจุดยังคงโปร่งใสจนสามารถมองทะลุได้แม้ไม่เห็นใบหน้าชัดแต่โม่เหนียงยังคงรู้สึกว่าเขาขมวดคิ้วอย่างเศร้าสร้อย เขาพยายามขยับปากเอ่ยคำพูด แต่กลับไม่มีเสียงใดออกมา โม่เหนียงได้แต่ขมวดคิ้วตอบกลับเพราะไม่อาจเข้าใจว่าเขาต้องการอะไร จนในที่สุดเขาก็ถอดใจ เอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของหญิงสาวหลินโม่เหนียงจากที่หวาดกลัวกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นและความสบายจากสัมผัสนั้น

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 6 บุรุษงดงามในห้องครัว

    ระหว่างที่โม่เหนียงกำลังล้วงมือให้ต่ำลงไปอีกนิด แต่กลับเสียหลักจะล้ม ทันใดนั้น นางก็รู้สึกถึงความอบอุ่นและฝ่ามือที่จับประคองนางไว้ สายน้ำไหลวนจนรวมตัวเป็นร่างบุรุษ ฝ่ามือใหญ่ หนาและอุ่นบีบอกอิ่มพร้อมกับสอดอีกข้างไปยังกลีบท้อของนาง“อะ อ้า..”หญิงสาวสั่นกระตุกเพราะสัมผัสจากฝ่ามือนั้น สายน้ำอบอุ่นค่อยๆ ประคองให้นางนั่งลง โม่เหนียงรู้สึกว่านั่งบนตักของใครสักคน แต่เพราะฝ่ามืออุ่นที่ยังคงบดบี้กลีบท้อ ทำให้นางไม่อาจแบ่งความนึกคิดไปสังเกตสิ่งอื่นได้ริมฝีปากเปียกชุ่มแต่อบอุ่นไล้ไปตามคอระหง ระหว่างที่ฝ่ามือหนายังคงเขี่ยกลีบท้อของโม่เหนียง มือหนึ่งก็บีบเคล้นยอดถันของนางจนสุขสมสั่นสะท้าน ปลายนิ้วนุ่มลื่นเขี่ยยอดถันของนางอย่างรู้หน้าที่“อะ อะ อื้มมม” หญิงสาวส่งเสียงครวญน่าอาย แต่นางไม่อาจหยุดตัวเองได้ อ้าขารับความสุขสมที่เขามอบให้อย่างไร้ยางอาย“เร็ว..ระ เร็วอีก” นางขอร้องเสียงหอบกระสันของหญิงสาวทำให้ฝ่ามือที่กำลังเขี่ยกลีบท้อขยับรัวแรงมากขึ้น ผสมกับน้ำตกที่ไหลกระเซ็นลงมารดรินช่วงกลีบท้อพอดี ส่งให้โม่เหนียงรู้สึกว่าความสุขสมที่ก่อนหน้านี้หยุดชะงักเริ่มออกวิ่งอีกครั้งยิ่งฝ่ามือขยับเร็วขึ้น โม่

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 7 อดทนรอวันแข็งแรง

    “ข้าอุตส่าห์อดทนเพราะไม่อยากให้เจ้าหมดแรง ข้าไม่ได้ต้องการสูบพลังของเจ้าหรอกนะ เรื่องนี้เป็นเจ้าที่ผิด ข้าตั้งใจรอจนกว่าเจ้าจะพร้อม แต่เจ้า..เจ้ากลับ..รอไม่ไหว ข้าไร้หนทาง ไม่อาจทนมองเจ้าน่ารักเพียงนั้น จึงได้แต่ตามใจเจ้า” เขารีบพูดแก้ตัว“ข้า...” หลินโม่เหนียงได้แต่ตาโต มองบุรุษสายน้ำพูดถึงเรื่องน่าอายที่นางทำอย่างปกติ “เจ้ายังโลภมากอยากได้อีกหรือ เจ้าหลับไปตั้งสามวันเลยนะ ยามนี้ห้าม รอเจ้าแข็งแรงกว่านี้ก่อน ข้าเป็นห่วง” โม่เหนียงหน้าแดงราวถูกไฟเผา นางรีบก้มหน้า เมื่อครู่นางเพียงตกใจเรื่องที่เขาพูด จึงได้มองเขาตรงๆ แต่เขากลับเข้าใจผิดคิดว่านางจะขอให้ทำเรื่องน่าอายพวกนั้นอีก แย่ที่สุด!!ถึงนางจะต้องการทำอีก แต่นางจะไม่มีวันเอ่ยปากเด็ดขาด โม่เหนียงขบฟันและแสร้งจับตะเกียบคีบเนื้อปลามากิน แต่เพราะรีบร้อนและเขินอายมากจึงมือสั่นไปหมด แทบจะคีบเนื้อปลาไม่ได้“เจ้าใจเย็นก่อน ข้าไม่ได้บอกว่าไม่ทำ เพียงแต่งดเว้นไปก่อนสักช่วงหนึ่ง เจ้าอย่าโกรธเลย” เขากลับเข้าใจผิดไปอีกทาง“ข้า..ไม่ได้โกรธ” โม่เหนียงต้องพูดให้เขาเลิกเข้าใจผิด“เจ้าโกรธ เห็นอยู่ว่าเจ้าไม่พอใจ หากเจ้าต้องการมาก ข้าจะ..”“หุบปาก!!

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12

Bab terbaru

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 16 ชีวิตแสนสุข (ตอนจบ)

    เสี่ยวอวี้ เสี่ยวหยาง เสี่ยวชิง และเสี่ยวหลันโผเข้ากอดนางแน่น ดวงตาเปียกชุ่มด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ หลังจากที่ต้องทนทุกข์ใจกับข่าวร้ายที่ท่านน้ากระซิบบอกว่าอาจไม่ได้พบมารดาอีกหลายวัน หรือตลอดไป ไป๋อวิ๋นเหยาใช้เวลาปลอบโยนลูกๆ ที่ยังไม่คลายจากความหวาดหวั่น เสียงหัวเราะและรอยยิ้มกลับมาเติมเต็มจวนไป๋อีกครั้ง แต่ลึกลงไปในใจของนาง ความกังวลยังคงรุกล้ำเงียบงัน วันแล้ววันเล่า นางเฝ้ารอการกลับมาของสามีผู้เป็นที่รัก แต่มีเพียงสายลมหนาวยามค่ำคืนเท่านั้นที่ตอบกลับมา องค์หญิงหว่านหนิงถูกประกาศว่าถูกไฟไหม้เสียชีวิต เพราะเมามายเกินไประหว่างคืนเทศกาลโคมไฟ และจวนไป๋ก็ได้รับเงินมากมายจากราชสำนักเพื่อบำรุงซ่อมแซมจวน แต่ไร้เงาของเฉินซูเหยา เวลาล่วงผ่านไปนานนับเดือน แต่สามีของไป๋อวิ๋นเหยาก็ยังไม่กลับมา นางเฝ้ารอด้วยความทุกข์ใจจนแทบทนไม่ไหว ความเงียบงันที่ไม่มีแม้เงาของเขาทำให้นางตัดสินใจลงมือเอง แม้จะเป็นเพียงบุตรีของอดีตบัณฑิต แต่ด้วยแรงแห่งความรักและความหวัง นางจึงพยายามหาหนทางติดต่อองค์รัชทายาท ทุกก้าวของนางเต็มไปด้วยอุปสรรค สายตาดูแคลน และเสียงกระซิบวิจารณ์ แต่ไป๋อวิ๋นเหยาก็ไม่ยอมแพ้ กระทั่งวัน

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 15 สัญญาปากเปล่า

    ความรู้สึกผิดท่วมท้น นางเงยหน้ามองชายผู้เคยเป็นดั่งเงาในชีวิตด้วยน้ำตาที่รินไหล เขาต้องการให้นางเจ็บปวดเพื่อนางจะได้หันหน้าหนี เพื่อนางจะได้ปลอดภัย และนางก็เป็นเช่นนั้น เกลียดเขาจนวันสุดท้ายของชีวิต แม้เขาจะรอนางอย่างเดียวดายที่สะพานไน่เหอ หลายปี แต่นางก็ยังเกลียดเขา “ข้า..ข้ามันเห็นแก่ตัวนัก” เสียงแหบพร่าของไป๋อวิ๋นเหยาสั่นเทา นางสะอื้นน้ำตารื้น “..เหตุใดจึงเป็นเหยาเหยาเห็นแก่ตัวเล่า..ข้าต่างหากที่เห็นแก่ตัว ข้าต่างหากที่ทำให้เจ้าเจ็บปวด ทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน” เขากอดรัดภรรยาไว้จนแน่น “เจ้าคิดจะตายลำพัง!” นางก่นด่า หากเมื่อคืนนี้นางไม่เข้าไปในเรือนหลัง เขาก็คงจะตายลำพังอีกแล้ว “ข้าเตรียมทางหนีไว้แล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ ทางที่ข้าพาเจ้าหนีมาอย่างไรเล่า” เขาลูบหัวของภรรยาเบาๆ “แต่หากข้าไม่เข้าไป เจ้าก็จะรอจนแม่ทัพหนุ่มที่เผาภูเขาลูกนั้นเข้ามาในจวน แล้วเจ้าค่อยเผาใช่หรือไม่!!” นางเข้าใจความตั้งใจของเขาดี เขาคงคิดจะเสียสละชีวิตเพื่อลากทุกคนไปกับเขา “..เหยาเหยาไม่ต้องกังวล ข้าจะหาทาง” “แล้วเราจะทำเช่นไรต่อไปดี ข้า..ข้าทำให้เจ้า..ข้าทำแผนของเจ้าพัง” “เหยาเหยาไม่ต้องกังวล” เขาเพียงพูดพร

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 14 เรื่องที่สามีเล่า

    เฉินซูเหยากอดร่างของภรรยาไว้ในอ้อมแขน ร่างของนางที่ยังอ่อนแรงพิงเขาอย่างตกตะลึงในความจริง นางเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม“เจ้ากล้าโกหกข้าหรือ” ไป๋อวิ๋นเหยาท้วงติงไม่พอใจ เขาหัวเราะขบขัน ไม่เห็นการข่มขู่ของภรรยาอยู่ในสายตา เขาเพียงเริ่มเล่าถึงความหลังที่เกิดขึ้นต่อไปพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น มองภรรยาด้วยความรักใคร่ ไป๋เหวินหยาง เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการศึกสงคราม แต่ก็เป็นบัณฑิตมากความสามารถ มีสายตาที่มองทะลุความสามารถของคน แม้จะรู้ว่าเฉินซูเหยาเป็นบุตรนอกสมรสของแม่ทัพหยวนกวน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังยื่นมือมาช่วยเหลือเฉินซูเหยาไว้ ช่วยปกปิดภูมิหลังของเขา ซ่อนเขาจากศัตรูของแม่ทัพ สั่งสอนเขาราวกับศิษย์คนหนึ่ง หลังจากเด็กหนุ่มสอบได้เป็นจอหงวน ชีวิตของเขาก็เริ่มรู้สึกสงบสุข ได้แต่งงาน เขาไม่เคยคิดแก้แค้นให้บิดาเลยแม้แต่น้อย เพราะกำลังของเขาไม่มากพอ และที่สำคัญ เขาแต่งงานกับหญิงสาวตรงหน้าแล้ว เขาไม่อยากให้ภัยอันตรายใดๆ มาถึงจวนไป๋ หรือครอบครัวของนาง เขาจึงเลือกที่จะวางอดีตลง หรืออย่างน้อยก็พยายามวาง แต่ในใต้หล้านี้ ความตั้งใจหรือจะสู้ฟ้าลิขิต หลังจากเฉินซูเหยาได้ร

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 13 รสรัก (NC)

    “อ้า..เหยาเหยา..” เขาครางแหบพร่าไป๋อวิ๋นเหยาแทบอยากจะกรีดร้อง เพราะรู้สึกว่าความร้อนแท่งใหญ่ที่ค่อยๆ ซึมเข้ามา เหมือนเปลวเพลิงกำลังกัดกิน ทุกอณูของร่างเริ่มร้อนจนเหมือนจะระเบิด ความกำหนัดที่เขาเพาะบ่มตลอดการย่างกำลังทวีขึ้น ความรู้สึกถูกเผาผลาญนั้นเหมือนจี้ถูกจุดร่างกายของไป๋อวิ๋นเหยาสั่นระริกโดยไม่อาจควบคุม พวยพุ่งความสุขสมออกมาจนท่วมรอบเอวสามี เขาไม่ได้รังเกียจ อีกทั้งยังกอดนางแน่นยิ่งขึ้น งัดเอวขึ้นเพื่อกดแท่งหยกซ้ำๆ บนจุดแสนหวานในร่องรักของภรรยา “เหยาเหยากล้าพวยพุ่งน้ำพุใส่ข้าแล้วหรือ” เขาล้อเลียน ยิ้ม บางเบาพึงพอใจ ระหว่างที่ยังคงบดสะโพกต่อไป ไป๋อวิ๋นเหยาใบหน้าแดงก่ำอยากร้องไห้ นางสั่นระริกสุขสมไปทั่วร่าง เขายังกล้าล้อเล่นเช่นนี้อีก เมื่อก่อนเขาชอบขอจะดูนางปลดเบา อย่างไรนางก็ไม่ให้ เขาจึงได้แต่ทำใจ วันนี้นางพวยพุ่งใส่เขาเช่นนี้ ไม่ใช่นางกล้าหาญหรือจงใจ แต่เพราะนางควบคุมไม่ได้จริงๆ และนางกล้าสาบานว่านี่ไม่ใช่การปลดเบาเขาต่างหากที่ทำให้นางควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้!“ชู่ว..ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือ เหยาเหยาเย้ายวนยิ่ง” เขาชื่นชม ก้มลงจูบซับน้ำที่เอ่อล้นขอบตาของภรรยา ลิ้มเลียน้ำตาของ

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 12 ขับยาพิษและหมูยาง

    มือของเขาเคลื่อนไปจับมือของนางที่อ่อนปวกเปียกเพราะพิษกำยาน และเริ่มนวดเบาๆ ที่ปลายนิ้ว ไล่ไปจนถึงฝ่ามืออย่างทะนุถนอม แม้มือของเขาเองจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่มันกลับไม่หยุดความพยายามของเขาแม้แต่น้อย ราวกับจะทำทุกวิถีทางให้นางรู้สึกร้อนรุ่มขึ้น นางได้แต่มองเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอึดอัดปนความสับสน แม้จะอยากปฏิเสธ แต่ความรู้สึกอ่อนโยนที่เขามอบให้ กลับทำให้นางไม่อาจห้ามหัวใจของตัวเองไม่ให้เต้นระรัว เด็กสารเลวนี่ วางแผนจะรวบนางนานแล้วหรือ! นางคิดว่าท่านพ่อบังคับเขาให้แต่งเสียอีก ที่แท้เขาก็ไม่ได้ใสซื่อมือของเฉินซูเหยาค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาที่ปลายเท้าของนางเขาเริ่มนวดที่ฝ่าเท้า ไล่ขึ้นไปจนถึงข้อเท้าอย่างแผ่วเบา สัมผัสของเขาช่างอ่อนโยนและตั้งใจ เหมือนพยายามจะบรรเทาความชาและขับพิษให้นางให้ได้มากที่สุด แต่สายตาหื่นกระหายกลับพูดสิ่งอื่น “เลือดลมของเจ้าจะต้องรีบขับออก” เขาพูดเบาๆ พลางจ้องมองใบหน้าของนางที่เริ่มแดงจนคล้ำ แม้ในใจไป๋อวิ๋นเหยาจะยังคงประท้วงอยู่ แต่ร่างกายกลับยอมรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ นางหลับตาลงเล็กน้อย ปล่อยให้ความร้อนรุ่มจากพิษสมุนไพรและสัมผัสของเขาไหลเวียนไปทั่วร่าง ท่ามกล

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 11 ยาแรง

    “...” ไป๋อวิ๋นเหยาส่งสายตาขุ่นเคืองไปยังเขา แต่กลับทำให้เขายิ่งหัวเราะชอบใจ “ดื่มเถิด ข้าจะช่วยพยุงเจ้าเอง” เขาประคองนางขึ้นอย่างระมัดระวัง แม้บาดแผลของเขาจะส่งผลให้ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไป ด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่แสดงอาการใดๆ เพียงใช้แขนที่มั่นคงรองรับร่างของนางไว้ริมฝีปากของนางสัมผัสกับของเหลวสีเขียวเข้ม กลิ่นของมันไม่ชวนดื่มเอาเสียเลย ทว่าด้วยแรงผลักดันจากแววตาที่มุ่งมั่นน่ารัdของเขา ไป๋อวิ๋นเหยาจึงกล้ำกลืนมันลงคอไปอย่างยากลำบากเมื่อนางยอมดื่มจนหมด เฉินซูเหยาก็โยนถ้วยใบไม้ทิ้ง จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตนาง เรียวลิ้นกวาดสัมผัสยาสมุนไพรขมๆ ในปากอิ่มของภรรยาอย่างหิวโหย ไป๋อวิ๋นเหยาเบิกตาโพลง ตกใจราวสาวน้อยที่เพิ่งเคยจุมพิตนางรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปพบกับเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดที่ขโมยจุมพิตแรกของนาง ราวเด็กหนุ่มเอาแต่ใจผู้นั้นยังคงอยู่ไม่หายไปไหน “เจ้ายังขยับไม่ได้ แต่เลือดเริ่มไหลเวียนดีขึ้นแล้ว อีกไม่นานเจ้าจะหาย” เขากระซิบบนริมฝีปากของภรรยา เหมือนปลอบเด็กน้อย เขาชอบทำเช่นนี้เสมอ ป้อนยานางและตามด้วยจุมพิตขมปนหวาน เขาทำเช่นนี้ทุกครั้งที่นางป่วย เอาใจใส่นางและกลั่นแกล้งนาง ร่างแน่นิ่งซึ่

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 10 สามีวางยา

    เปลวไฟเริ่มลุกลามไปตามต้นไม้แห้งบนเขาอย่างรวดเร็ว ควันดำพวยพุ่งขึ้นปกคลุมท้องฟ้า ความร้อนระอุค่อยๆ แผ่ขยายออกไปขณะที่เสียงสัตว์ป่ากรีดร้องดังขึ้นทั่วภูเขา สัตว์ต่างๆ วิ่งพล่านออกจากป่าด้วยความตื่นตระหนก บ้างสะดุดล้ม บ้างถูกไฟคลอกจนสิ้นใจ พวกมันพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด แต่ไม่มีตัวไหนหลุดรอดจากเงื้อมมือเปลวเพลิง ในขณะที่ไฟกำลังโหมกระหน่ำบนเขา เฉินซูเหยาและไป๋อวิ๋นเหยาหยุดอยู่ปลายแม่น้ำที่ทอดตัวไกลจากเขาลูกนั้น ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเซียว แต่แววตายังคงมุ่งมั่น เขามองยอดเขาที่กลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงฉาน ลุกไหม้ราวกับต้องการกลืนกินทุกสิ่ง“พวกมันไม่ยอมปล่อยเรา” เขาพึมพำ ขณะสายตายังจับจ้องภาพโหดร้ายตรงหน้า ไป๋อวิ๋นเหยาเงียบงัน ยืนนิ่งอยู่ข้างเขา น้ำใสเย็นจากแม่น้ำไหลเชี่ยวอยู่รอบข้อเท้าทั้งสอง แต่กลับไม่อาจดับความร้อนแรงจากเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ภูเขาอยู่เบื้องหน้าได้ สองเท้าของนางหนาวเย็นจนเริ่มไร้ความรู้สึก สองมือของนางเริ่มเป็นเหน็บชา เฉินซูเหยาไม่ได้เอ่ยคำใดอีก เขาเพียงจับมือภรรยาแน่น และพาก้าวเดินต่อไป มุ่งหน้าสู่ที่ปลอดภัย โดยปล่อยให้ภูเขาที่ลุกโชนคงอยู่เป็นสัญลักษณ์แห่งความอำมหิตของศัตรูที

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 9 หนี

    “อย่าขยับ อยู่ตรงนั้น!” เสียงของเขาเด็ดขาดราวกับคำสั่ง แต่กลับเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ปกปิดไม่มิด เฉินซูเหยาก้าวเข้า ประจันหน้ากับคนชุดดำที่เหลือ ท่าทางของเขาแม้จะดูอ่อนล้าลง เพราะบาดแผล แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ลดละ เขาจะไม่มี วันยอมให้ผู้ใดแตะต้องไป๋อวิ๋นเหยาได้เฉินซูเหยาตวัดดาบด้วยความแม่นยำ ร่างของคนชุดดำทั้งสองล้มลงในกระบวนท่าเดียว เลือดสาดกระเซ็นเปรอะพื้น แต่ก่อนที่เขาจะได้พักหายใจ เสียงฝีเท้าของนางรำจำนวนมากก็ดังเข้ามาใกล้ เขาขบฟันแน่น สายตาคมกวาดมองไปทางภรรยาที่เขายังต้องปกป้อง เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว สะบัดมือโยนฮว่าเจ๋อจึ[1]ออกไป จุดไฟขึ้นกลางเรือนด้วยมือที่ยังเปื้อนเลือด เปลวไฟลุกโชนกินเนื้อไม้ จนเสียงแตกเปรี๊ยะดังไปทั่ว คล้ายเขาลงน้ำมันไว้แล้วก่อนหน้าเฉินซูเหยาฉวยมือคว้าเอวไป๋อวิ๋นเหยาแน่น แม้ร่างกายเขา จะอ่อนล้าจากบาดแผล แต่ฝีเท้ายังคงเร่งรีบ ลากนางมุ่งไปทางบ่อน้ำ ด้านหลังเรือน ตลอดทางไป๋อวิ๋นเหยาเห็นว่ามีร่างคนล้มตายเกลื่อนกลาด คล้ายการต่อสู้นี้เกิดขึ้นก่อนที่นางจะเข้ามาแล้ว กลิ่นกำยานเจืออยู่ในอากาศ หญิงสาวในชุดรำที่วิ่งตามมา หอบหายใจรุนแรงก่อนจะทรุดลงทีละคน

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 8 ตกใจอะไรก่อนดี

    เมื่อท้องฟ้าสีดำในเมืองหลวงถูกประดับด้วยแสงเรืองรองของโคมไฟ เด็กๆ ต่างส่งเสียงหัวเราะตื่นเต้นรอคอยการเดินทางไปเทศกาล ท่านน้าและสามีของท่านน้าเตรียมรถม้าคันใหญ่สำหรับพาเหล่าลูกหลานออกไปเพลิดเพลิน เหมือนเช่นชาติก่อน ไป๋อวิ๋นเหยามองดูลูกๆ ในชุดใหม่ที่กำลังปีนขึ้นรถม้าอย่างร่าเริง แต่นางกลับอ้างว่าลืมของสำคัญของสตรี และปล่อยให้เด็กๆ ไปเที่ยวกับน้าสาวและน้าชายก่อน นางคิดว่านางจะรีบตามไปหลังจากเตือนสามีและอนุของเขา แล้วค่อยตามไปนอนพักที่บ้านน้องสาวคืนนี้ เหมือนชีวิตในครั้งก่อน เมื่อรถม้าเคลื่อนออกไป ไป๋อวิ๋นเหยามองตามจนสุดสายตา จากนั้นจึงหันหลังกลับ รีบสาวเท้ากลับไปยังจวนไป๋ ความมุ่งมั่นในดวงตาของนางแข็งกร้าวขึ้นทุกย่างก้าว ไป๋อวิ๋นเหยาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เงาของนางทอดยาวไปตามพื้นหินที่เย็นเฉียบ ความเงียบสงบของค่ำคืนคล้ายทำให้นางรู้สึกว่าทุกย่างก้าวของตนหนักอึ้ง หัวใจเต้นระรัวไม่ต่างจากฝีเท้าม้าที่วิ่งลากรถม้าเคลื่อนไปไม่หยุดหย่อน ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อถึงเรือนหลัง นางหยุดหายใจชั่วครู่ก่อนจะก้าวเข้าสู่ความมืดที่ปกคลุมภายใต้เงาไม้ใหญ่ ทุกสิ่งดูเงียบสงัดเกินไป นางมองไปรอบๆ กลับไร้ซึ่งเง

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status