Share

บทที่ 16 ชีวิตแสนสุข (ตอนจบ)

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-13 03:10:54

เสี่ยวอวี้ เสี่ยวหยาง เสี่ยวชิง และเสี่ยวหลันโผเข้ากอดนางแน่น ดวงตาเปียกชุ่มด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ หลังจากที่ต้องทนทุกข์ใจกับข่าวร้ายที่ท่านน้ากระซิบบอกว่าอาจไม่ได้พบมารดาอีกหลายวัน หรือตลอดไป 

ไป๋อวิ๋นเหยาใช้เวลาปลอบโยนลูกๆ ที่ยังไม่คลายจากความหวาดหวั่น เสียงหัวเราะและรอยยิ้มกลับมาเติมเต็มจวนไป๋อีกครั้ง แต่ลึกลงไปในใจของนาง ความกังวลยังคงรุกล้ำเงียบงัน วันแล้ววันเล่า นางเฝ้ารอการกลับมาของสามีผู้เป็นที่รัก แต่มีเพียงสายลมหนาวยามค่ำคืนเท่านั้นที่ตอบกลับมา 

องค์หญิงหว่านหนิงถูกประกาศว่าถูกไฟไหม้เสียชีวิต เพราะเมามายเกินไประหว่างคืนเทศกาลโคมไฟ และจวนไป๋ก็ได้รับเงินมากมายจากราชสำนักเพื่อบำรุงซ่อมแซมจวน แต่ไร้เงาของเฉินซูเหยา 

เวลาล่วงผ่านไปนานนับเดือน แต่สามีของไป๋อวิ๋นเหยาก็ยังไม่กลับมา นางเฝ้ารอด้วยความทุกข์ใจจนแทบทนไม่ไหว ความเงียบงันที่ไม่มีแม้เงาของเขาทำให้นางตัดสินใจลงมือเอง แม้จะเป็นเพียงบุตรีของอดีตบัณฑิต แต่ด้วยแรงแห่งความรักและความหวัง นางจึงพยายามหาหนทางติดต่อองค์รัชทายาท 

ทุกก้าวของนางเต็มไปด้วยอุปสรรค สายตาดูแคลน และเสียงกระซิบวิจารณ์ แต่ไป๋อวิ๋นเหยาก็ไม่ยอมแพ้ กระทั่งวันหนึ่ง ข่าวการสวรรคตของโอรสสวรรค์องค์ปัจจุบันแพร่กระจายไปทั่วแผ่นดิน องค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์อย่างสมพระเกียรติ ทว่าไม่ทันที่ความหวังของนางจะก่อตัวขึ้นอย่างเต็มที่ รถม้าคันหนึ่งก็มาจอดที่หน้าจวนไป๋

คนรับใช้พากันวิ่งมาแจ้งข่าว พลางกล่าวเสียงสั่นเครือว่ามีสิ่งที่พวกเขาต้องการให้นางดู ไป๋อวิ๋นเหยาเดินออกมาด้วยหัวใจที่ร้อนรน ทันทีที่สายตาสบเข้ากับโลงไม้ขนาดใหญ่ซึ่งถูกยกลงมา ร่างของนางก็แทบทรุดลงไปกับพื้น

ฝาโลงค่อยๆ ถูกเปิดออก ร่างเน่าเปื่อยในชุดของเฉินซูเหยาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ความหวังทุกสิ่งทุกอย่างดับวูบในทันที น้ำตาไหลพรากลงอาบแก้ม ขณะมือเรียวสั่นเทาของนางสัมผัสชุดที่เขาเคยสวมใส่ ราวกับว่ามันจะยืนยันความจริงที่นางไม่อยากยอมรับ 

‘อ๋องจินเจาโมโหมาก เมื่อรู้ว่าตราพยัคฆ์ยังไม่ตกอยู่ในมือของตน เมื่อรู้ว่าเฉินซูเหยาไม่ได้มอบแผนที่แท้จริงให้ ความโกรธแค้นพลุ่งพล่านดั่งเปลวไฟ เฉินซูเหยาถูกฆ่าภายในดาบเดียว เพื่อระบายความคับแค้นใจของอ๋องโฉด’

เป็นข้อความบนกระดาษเล็กๆ ที่องค์รัชทายาทเขียนให้ไป๋อวิ๋นเหยา อธิบายเรื่องราวเพียงผิวเผิน ไร้ซึ่งหลักฐานและคำอธิบายใด นางได้แต่ยืนนิ่งไม่ไหวติง 

เสี่ยวอวี้ในวัยเพียงหกขวบได้ขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูล เด็กน้อยไม่แม้แต่จะหลั่งน้ำตา เขาทำหน้าที่ของบุตรชายคนโตได้เป็นอย่างดี พยายามจัดการทุกอย่างในจวน โดยมีท่านน้าชายมาช่วยดูความเรียบร้อยในงานศพของเฉินซูเหยา ขณะที่ไป๋อวิ๋นเหยาแทบจะลุกไม่ขึ้น นางกำลังแพ้ท้องลูกคนที่ห้า 

หลายคนต่างนินทาม่ายสาวต่างๆ นานา หลายคนคิดว่านางคบชู้ เพราะมีใครไม่รู้บ้างว่าสามีของนางมีอนุและไม่รักนางนานแล้ว แต่นางก็ยังเย็นชาไม่สนใจใคร นางรู้ว่าเด็กในท้องของนางเป็นลูกของเขา คนที่นางรัก 

ในถ้ำนั้น.. 

เมื่อใกล้จะครบปี ไป๋อวิ๋นเหยาก็คลอดลูกชายคนเล็ก ตั้งชื่อให้ว่า เสี่ยวซาน แม้จะเสียใจจนอยากกลับไปเย็นชา แต่นางก็ต้องพยายามอยู่ต่อไป นางรู้ว่าเขาจะต้องทรมานกว่านางมาก นางยังมีลูกๆ รายล้อม คอยปลอบประโลมและเป็นห่วง แต่เขาคงกำลังเดียวดายบนทางขึ้นสู่สะพานไน่เหอ รอนางอยู่ลำพังอย่างโดดเดี่ยว 

ปีเดือนผ่านไป ไป๋อวิ๋นเหยาดำเนินชีวิตต่อไปกับลูกๆ ทั้งห้าคน แม้หัวใจจะยังเต็มไปด้วยรอยแผล นางเลือกที่จะใช้ทุกวันอย่างสงบและยอมรับในชะตากรรม บางคืนเมื่อจันทร์ส่องสว่าง นางเฝ้าคิดถึงสามีที่จากไป 

นางรู้สึกเสียดายช่วงเวลาที่ไม่ได้ใช้ร่วมกันให้นานกว่านี้ ทว่าบางครั้งก็กลับรู้สึกว่าการลาจากเช่นนี้อาจเป็นสิ่งดีที่สุดแล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงเกลียดชังเขาข้ามภพข้ามชาติ อย่างน้อยนางก็รู้ว่าเขารักนาง ไม่ได้ตายไปดังเช่นครั้งก่อนที่ต่างฝ่ายต่างเข้าใจผิด

ไป๋อวิ๋นเหยาเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง นางเชื่อมั่นว่าลิขิตฟ้าย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่ต้องเกิดย่อมเกิด เขาต้องจากไปก่อน และนางยังต้องมีชีวิตยืนยาวจนถึงวัยแปดสิบปี 

นางเคยคิดว่าเหตุผลที่นางถูกส่งกลับมายังร่างเดิมของตัวเองอีกครั้ง อาจเป็นเพราะสวรรค์เห็นใจเฉินซูเหยา เขารักภรรยา ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องนาง แต่นางกลับสาปแช่งเขา ไม่ยอมแม้แต่จะกุมมือเขาข้ามสะพานอันหนาวเหน็บ ทั้งที่เขารอนานหลายปี 

สวรรค์คงทำใจปล่อยให้นางโกรธเกลียดเขาไม่ได้..

เมื่อวันสุดท้ายมาถึง นางจากโลกนี้ไปอย่างสงบ พร้อมกับความคิดถึงที่ยังคงฝังแน่นในใจ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางพบว่าตัวเองยืนอยู่ไม่ไกลจากสะพานไน่เหอ สะพานที่เชื่อมระหว่างสองภพ 

ท่ามกลางวิญญาณนับร้อยนับพัน แสงสว่างสีฟ้าอ่อนกำลังเรียกนางให้เข้าไปหา นางเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ที่ปลายสะพาน ชุดสีฟ้าของเขาคุ้นตาอย่างยิ่ง เพราะนางเป็นผู้เย็บมันด้วยมือของนางเอง 

ครั้งนี้นางไม่วิ่งหนี ไม่หันหลังด้วยความโกรธเกลียดเหมือนเมื่อครั้งก่อน นางก้าวเดินเข้าไปหาเขา ร่างของนางสั่นไหวด้วยความปีติ น้ำตาไหลรินลงมาอย่างเงียบงัน 

เมื่อถึงตัวเขา ไป๋อวิ๋นเหยายื่นมือออกไปกุมมือของสามี มือที่อบอุ่นราวกับยังมีชีวิต ท่ามกลางแสงสีฟ้าอ่อนที่ส่องประกาย นางกล่าวเพียงคำเดียวที่เอ่อล้นไปด้วยความคิดถึงและความรักที่ไม่เคยจางหาย 

“ข้ามาแล้ว” ไป๋อวิ๋นเหยาที่ร่างกายเหี่ยวย่นมองเขา ยิ้มบางๆ 

“เหยาเหยา” แววตาซุกซนของเขาดีใจจนพราวระยับ แม้คนตรงหน้าเขาจะเป็นสตรีที่อายุมากถึงแปดสิบปี 

“รอนานหรือไม่ หนาวหรือไม่..เหตุใดเจ้าทิ้งข้าก่อนอีกแล้ว” นางตัดพ้อด้วยความคิดถึง 

“รอนาน แต่ข้ารอไหว ข้าไม่หนาวเลย ข้ามีเสื้อที่เจ้าเย็บให้ และข้าไม่ได้ตั้งใจผิดสัญญา เพียงแต่ข้านึกไม่ถึงว่าองค์รัชทายาทก็อยากได้ตราพยัคฆ์เช่นกัน เขาลงมือกับข้า แต่อย่างน้อยข้าก็ได้ให้แผนที่ตราพยัคฆ์กับเสี่ยวอวี้ไว้แล้ว พวกเจ้าปลอดภัยใช่หรือไม่” 

“ทุกคนปลอดภัย เสี่ยวอวี้ดูแลข้าและน้องๆ ได้เป็นอย่างดี ท่านพี่ไม่ต้องกังวล เขาทำตามคำสั่งของท่านอย่างเคร่งครัด” 

“ท่านพี่หรือ!..” เฉินซูเหยาตาโต ทั้งตกใจทั้งดีใจ ตั้งแต่แต่งงานกันมา นางไม่เคยยอมเรียกเขาว่าท่านพี่สักครั้ง เขาพยายามขอร้องนางก็ไม่เคยยอมเรียก ไม่คิดว่าเขาจะได้ยินยามเมื่อยืนอยู่หน้าสะพานไน่เหอเช่นนี้ 

“..อืม ท่านพี่” ใบหน้าแก่ชราค่อยๆ กลายเป็นหญิงสาว ใบหน้าที่มักเย็นชาอยู่เสมอยามนี้กลับยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว

ช่างเถิด ปล่อยเรื่องราววุ่นวายในใต้หล้าไว้ข้างหลัง ยามนี้ขอเพียงพวกเขามีกันและกัน เรื่องราวการแย่งชิงอำนาจ ความแค้น ความเป็นห่วงลูกๆ หรือความทุกข์ โยนทิ้งไว้ข้างสะพานนี้ก็พอแล้ว

สองสามีภรรยากุมมือกันข้ามสะพานที่ทั้งมืดและหนาว

จบบริบูรณ์

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 1 จุมพิตมังกร

    หลินโม่เหนียง ลืมตาเปียกชื้นมองฝูงชนที่กำลังโหวกเหวกโวยวายผ่านกรงไม้ไผ่ด้วยความฉงน นางยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่เพียงในจมูก ลำคอและในอกของตนคล้ายถูกไฟเผาไหม้จนปวดแสบ “นางเป็นปิศาจ” “ต้องฆ่านางเดี๋ยวนี้” “แต่นางไม่ได้ตาย นางพิสูจน์ความผิดตัวเองแล้ว” “ใช่แล้ว นางบริสุทธิ์ นางถูกใส่ร้าย” ผู้คนต่างกำลังถกเถียงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หลินโม่เหนียงที่แสบคอแสบจมูกไปหมดทำเพียงตะแคงตัว สำลักน้ำออกมาจำนวนมาก “แค่ก ๆ ๆ ๆ” แม้นางจะไอจนเสียงดัง แต่ผู้คนยังคงเถียงกันต่อไป ไม่มีผู้ใดสนใจความเปลี่ยนแปลงของนางสักนิด“นางแพศยานี่ต้องเป็นภูตผีปิศาจจำแลงมาแน่นอน หากเป็นคนทั่วไป จะอยู่ในน้ำได้เป็นเวลานานเท่านี้ได้อย่างไร ตั้งแต่ปล่อยนางทิ้งลงน้ำก็ผ่านมาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว แต่นางกลับยังมีชีวิตอยู่ ต้องเป็นปิศาจแน่!” หลินโม่เหนียงเหลือบสายตามองชายที่กำลังพูด นางจำเสียงของเขาได้ เขาเป็นคหบดีร่ำรวยในเมืองนี้ และเป็นสามีของนางด้วย!! นางเริ่มจดจำได้บ้างแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสองวันก่อนพ่อแม่ผู้ยากจนได้ขายหลินโม่เหนียงใ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 2 หนีไม่ได้ชั่วชีวิต

    “โกหก เจ้านักพรตชั่ว เจ้าโกหก” คหบดีถึงกับอยู่ไม่ติดที่“ใช่ เจ้าโกหก ข้าเห็นกับตาว่านางไม่มีเลือดพรหมจรรย์” ภรรยาของคหบดีรีบเสริม“ข้าเป็นนักพรตของราชวัง ผ่านมาเห็นเหตุวุ่นวายพอดี จึงยื่นมือเข้าช่วย พวกเจ้าว่าข้าจะโกหกเพื่ออะไรหรือ? เทพเจ้ามังกรได้แสดงอิทธิฤทธิ์แล้ว การที่นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นเครื่องยืนยันความบริสุทธิ์ของนาง พวกเจ้าสามีภรรยามีวิญญาณร้ายตามติดมากมาย ไม่รู้ว่าฆ่าอนุในจวนไปแล้วกี่คน คหบดีอย่างพวกเจ้า จะพูดอย่างไรก็ย่อมได้ แต่ไม่อาจลบล้างหลักฐานตรงหน้า”“เจ้า..เจ้าหาว่าพวกข้าเป็นจอมโกหกหรือ” คหบดีโกรธจัด ชี้หน้านักพรตด้วยมือสั่นเทา ครอบครัวพวกเขาทำการค้ามาหลายปีเพื่อเลี้ยงครอบครัวจนมีเงินทองมากมาย มักถูกผู้คนนินทาลับหลังว่าเป็นพวกไม่น่าคบ เพราะผู้ที่มีวาทศิลป์ในการขายมักถูกดูถูกว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว แต่ปกติไม่เคยมีใครกล้าพูดต่อหน้าเขาตรงๆ เช่นนี้ เขาจึงโกรธมากภรรยาเอกของคหบดีเฒ่าเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นนักพรตของราชวังจึงไม่อยากมีเรื่องด้วย รีบห้ามสามีและกระซิบกล่อมสามีให้ใจเย็นก่อน สุดท้ายพวกเขาได้แต่กัดฟันกล่าวโทษตัวเอง“เป็นพวกข้าไม่ดีเอง เช้านั้นข้าดูไม่ถี่ถ้วนจึงเข้

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 3 เหตุการณ์แปลกประหลาด

    ด้วยเหตุนี้ หลินโม่เหนียงจึงใช้ชีวิตอยู่บนยอดเขาตั้งแต่นั้น นางเป็นสาวชาวบ้านใช้ชีวิตยากลำบากมาตั้งแต่เล็ก การต้องใช้ชีวิตในป่าคนเดียวจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร ทั้งไม่ต้องหาอาหารเอง มีคนนำมาให้ทุกเดือน แม้ไม่ได้กินดีมากมาย แต่ก็มีกินทุกวัน เป็นชีวิตที่สงบยิ่ง ทุกวันนางจะออกไปบำเพ็ญเพียรนั่งสมาธิใต้น้ำตก แม้นักพรตจะไม่บังคับ แต่นางอยากบำเพ็ญเพียรมากจึงพยายามศึกษาด้วยตัวเอง ท่านนักพรตยังใจดีทิ้งหนังสือเกี่ยวกับวิธีการบำเพ็ญเพียรให้นางสามเล่มด้วย น่าเสียดายที่นางไม่เคยร่ำเรียนศึกษา อ่านหนังสือไม่ออก จึงทำได้เพียงดูรูปที่วาดประกอบและทำตามความเข้าใจของตนเองวันเวลาผ่านเลยไปจนหญิงสาวอายุยี่สิบปี นางยังบำเพ็ญเพียรไม่คืบหน้าอะไร แต่ช่วงหลังมานี้ นางมักจะรู้สึกว่ามองเห็นน้ำตกเคลื่อนไหวเป็นรูปร่างของคน แต่เมื่อนางสังเกตดูดีๆ อีกครั้ง รูปร่างนั้นก็ไม่อยู่เสียแล้ว ยังมีเรื่องแปลกประหลาดอีกหลายสิ่งที่หลินโม่เหนียงประสบกับตัวเอง แต่ไม่อาจหาคำอธิบายได้ บางวันที่นอนครึ่งหนึ่งของนางจะเปียกชุ่มราวกับมีใครเอาน้ำมาราดรดยามที่นางหลับอยู่บางครั้งในยามเช้า ตรงหน้าประตูบ้านมักจะมีคราบน้ำเปียกยาวออกไปทางน้ำตก

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 4 สายน้ำหึงหวง

    สตรีอายุยี่สิบปีเป็นวัยกำลังสะพรั่ง หากเป็นหญิงสาวคนอื่นๆ ป่านนี้พวกนางคงแต่งงานมีคู่ ครองรักกันทุกค่ำคืน บางคนอาจมีลูกสองสามคนแล้ว แต่นางกลับต้องมาอยู่บนยอดเขาลำพังเพียงผู้เดียว หลินโม่เหนียงกำลังสงสัยว่าความต้องการและความเหงาเปลี่ยวอาจทำให้นางเห็นภาพหลอน แต่คิดอย่างไรสัมผัสชัดเจนเช่นนั้นคงไม่อาจเป็นความคิดฝ่ายเดียวของนางไปได้ แม้นางจะเคยแต่งงานผ่านการเข้าหอมาแล้ว แต่เพียงคืนเดียวคงไม่ทำให้นางรู้แจ้งจนนำมาคิดเพ้อเป็นเรื่องราวได้แน่หญิงสาวตัดสินใจลองอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นแต่วันรุ่งขึ้นหรือวันถัดมา ต่อให้นางนั่งใต้น้ำตกนานขึ้นเท่าไรก็ไม่อาจสัมผัสถึงสายน้ำอบอุ่นได้เลย จนผ่านไปหลายวัน หลินโม่เหนียงเริ่มแน่ใจว่าอาจเป็นความคิดเพ้อฝันของนางเพียงผู้เดียว“ขอบคุณ” หลินโม่เหนียงกล่าว วันนี้เป็นวันที่จะมีทหารมาส่งอาหารแห้งและเมล็ดธัญพืชให้นาง “ไม่เป็นไร เป็นหน้าที่ข้าอยู่แล้ว หากแม่นางโม่อยู่คนเดียวไม่สะดวกอย่างไร ข้าจะมาหาเจ้าให้บ่อยขึ้นก็ย่อมได้ เจ้าไม่ต้องเกรงใจ” ชายหนุ่มในชุดทหารมองหลินโม่เหนียงด้วยสายตาชื่นชม ‘สตรีงดงามเช่นนี้ กลับต้องอยู่เดียวดายบนเขา ช่างน่าเสียดาย’ นายทหารครุ่นคิด“

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 5 ถูกความกำหนัดครอบงำ

    เขาหยุดกัดทันทีแต่ยังไม่ยอมคลายอ้อมกอด หญิงสาวได้แต่หอบหายใจกับเรื่องตื่นตระหนกและแปลกประหลาดนี้ นางพยายามผลักเขาหลายครั้งแล้วแต่ไม่อาจจับต้องได้ มีเพียงเขาที่กอดรัดและสัมผัสนางได้อยู่ฝ่ายเดียว“ปล่อยข้า อย่าทำเช่นนี้” นางพยายามเอ่ยปากขอร้อง“...” อีกฝ่ายแนบริมฝีปากที่คอของนาง เขาคล้ายขยับปากพูดบางอย่าง แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีก“ปล่อยข้าเถิด เนื้อของข้าไม่อร่อย ข้าแก่แล้ว หนังก็เหนียวเคี้ยวลำบาก อย่ากินข้าเลย” นางขอร้องอย่างหมดหนทาง ในใจหวาดกลัวยิ่งแต่ร่างมวลน้ำกลับทำเพียงเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาว เขาค่อยๆคลายอ้อมกอดและยอมปล่อยตัวนางในที่สุด ยามนี้แม้จะเห็นเป็นร่างบุรุษชัดเจน แต่บนใบหน้ายังเห็นไม่ชัด ทั่วร่างของเขายังคงมีน้ำล้อมรอบ บางจุดยังคงโปร่งใสจนสามารถมองทะลุได้แม้ไม่เห็นใบหน้าชัดแต่โม่เหนียงยังคงรู้สึกว่าเขาขมวดคิ้วอย่างเศร้าสร้อย เขาพยายามขยับปากเอ่ยคำพูด แต่กลับไม่มีเสียงใดออกมา โม่เหนียงได้แต่ขมวดคิ้วตอบกลับเพราะไม่อาจเข้าใจว่าเขาต้องการอะไร จนในที่สุดเขาก็ถอดใจ เอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของหญิงสาวหลินโม่เหนียงจากที่หวาดกลัวกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นและความสบายจากสัมผัสนั้น

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 6 บุรุษงดงามในห้องครัว

    ระหว่างที่โม่เหนียงกำลังล้วงมือให้ต่ำลงไปอีกนิด แต่กลับเสียหลักจะล้ม ทันใดนั้น นางก็รู้สึกถึงความอบอุ่นและฝ่ามือที่จับประคองนางไว้ สายน้ำไหลวนจนรวมตัวเป็นร่างบุรุษ ฝ่ามือใหญ่ หนาและอุ่นบีบอกอิ่มพร้อมกับสอดอีกข้างไปยังกลีบท้อของนาง“อะ อ้า..”หญิงสาวสั่นกระตุกเพราะสัมผัสจากฝ่ามือนั้น สายน้ำอบอุ่นค่อยๆ ประคองให้นางนั่งลง โม่เหนียงรู้สึกว่านั่งบนตักของใครสักคน แต่เพราะฝ่ามืออุ่นที่ยังคงบดบี้กลีบท้อ ทำให้นางไม่อาจแบ่งความนึกคิดไปสังเกตสิ่งอื่นได้ริมฝีปากเปียกชุ่มแต่อบอุ่นไล้ไปตามคอระหง ระหว่างที่ฝ่ามือหนายังคงเขี่ยกลีบท้อของโม่เหนียง มือหนึ่งก็บีบเคล้นยอดถันของนางจนสุขสมสั่นสะท้าน ปลายนิ้วนุ่มลื่นเขี่ยยอดถันของนางอย่างรู้หน้าที่“อะ อะ อื้มมม” หญิงสาวส่งเสียงครวญน่าอาย แต่นางไม่อาจหยุดตัวเองได้ อ้าขารับความสุขสมที่เขามอบให้อย่างไร้ยางอาย“เร็ว..ระ เร็วอีก” นางขอร้องเสียงหอบกระสันของหญิงสาวทำให้ฝ่ามือที่กำลังเขี่ยกลีบท้อขยับรัวแรงมากขึ้น ผสมกับน้ำตกที่ไหลกระเซ็นลงมารดรินช่วงกลีบท้อพอดี ส่งให้โม่เหนียงรู้สึกว่าความสุขสมที่ก่อนหน้านี้หยุดชะงักเริ่มออกวิ่งอีกครั้งยิ่งฝ่ามือขยับเร็วขึ้น โม่

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 7 อดทนรอวันแข็งแรง

    “ข้าอุตส่าห์อดทนเพราะไม่อยากให้เจ้าหมดแรง ข้าไม่ได้ต้องการสูบพลังของเจ้าหรอกนะ เรื่องนี้เป็นเจ้าที่ผิด ข้าตั้งใจรอจนกว่าเจ้าจะพร้อม แต่เจ้า..เจ้ากลับ..รอไม่ไหว ข้าไร้หนทาง ไม่อาจทนมองเจ้าน่ารักเพียงนั้น จึงได้แต่ตามใจเจ้า” เขารีบพูดแก้ตัว“ข้า...” หลินโม่เหนียงได้แต่ตาโต มองบุรุษสายน้ำพูดถึงเรื่องน่าอายที่นางทำอย่างปกติ “เจ้ายังโลภมากอยากได้อีกหรือ เจ้าหลับไปตั้งสามวันเลยนะ ยามนี้ห้าม รอเจ้าแข็งแรงกว่านี้ก่อน ข้าเป็นห่วง” โม่เหนียงหน้าแดงราวถูกไฟเผา นางรีบก้มหน้า เมื่อครู่นางเพียงตกใจเรื่องที่เขาพูด จึงได้มองเขาตรงๆ แต่เขากลับเข้าใจผิดคิดว่านางจะขอให้ทำเรื่องน่าอายพวกนั้นอีก แย่ที่สุด!!ถึงนางจะต้องการทำอีก แต่นางจะไม่มีวันเอ่ยปากเด็ดขาด โม่เหนียงขบฟันและแสร้งจับตะเกียบคีบเนื้อปลามากิน แต่เพราะรีบร้อนและเขินอายมากจึงมือสั่นไปหมด แทบจะคีบเนื้อปลาไม่ได้“เจ้าใจเย็นก่อน ข้าไม่ได้บอกว่าไม่ทำ เพียงแต่งดเว้นไปก่อนสักช่วงหนึ่ง เจ้าอย่าโกรธเลย” เขากลับเข้าใจผิดไปอีกทาง“ข้า..ไม่ได้โกรธ” โม่เหนียงต้องพูดให้เขาเลิกเข้าใจผิด“เจ้าโกรธ เห็นอยู่ว่าเจ้าไม่พอใจ หากเจ้าต้องการมาก ข้าจะ..”“หุบปาก!!

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 8 ยั่วยวนแล้วห้ามทิ้ง

    หลินโม่เหนียงนั่งทบทวน แม้ร่างกายจะเรียกร้องให้นางรีบกลับ แต่หญิงสาวยังจำได้ดี ยามเมื่อนางขาดสติ นางไม่อาจคิดทบทวนเรื่องราวอย่างกระจ่างชัดได้ นางยังไม่ค่อยแน่ใจ แต่นางฉลาดพอจะรู้ว่ากลิ่นอายปิศาจของเขาทำให้นางร้อนรุ่มเกินควบคุม“เจ้ายังไม่กลับบ้านหรือ” ปิศาจหนุ่มเอ่ยถามโม่เหนียงสะดุ้งลืมตามองร่างบุรุษงดงามที่มาตามนางถึงใต้น้ำตก นางถึงกับตกตะลึงในความงามของเขา ชุดสีขาวของเขาเปียกชุ่ม แนบไปกับร่างกาย แผงอกแกร่งน่าลูบไล้ ริมฝีปากระเรื่อ สายตาหวานที่กำลังทอดมองหญิงสาว ช่วงเอวสอบเข้ารูป และส่วนล่างของเขาที่กำลังชูชัน “ข้า..อะแฮ่ม..ข้า” หลินโม่เหนียงพยายามกลืนน้ำลาย“ข้ากำลังคิด”“เจ้าไปคิดที่บ้านก็ได้ ข้ารอได้” เขาตอบเรียบง่าย ทั้งที่มองดูก็รู้ว่าร่างกายเขาพร้อมสำหรับเรื่องหฤหรรษ์แล้ว“ไม่” นางไม่อยากกลับบ้าน“เจ้า..ไม่อยากหรือ ข้านึกว่า...วันนี้ทั้งวัน เจ้าส่งกลิ่นเย้ายวนตลอด เวลานี้ก็ยังคงหลั่งไหลความหอมหวานออกมา แต่เจ้ากลับ..ไม่ยอมกลับบ้าน เจ้าไม่ได้ต้องการข้าหรือ ให้ข้าทำให้ตรงนี้ดีหรือไม่” เขาพูดพร้อมกับนั่งลงมาทันทีและยื่นมาสวมกอดหลินโม่เหนียงไว้จากด้านหลัง“อะ..อย่า” นางยังไม่ทันตั

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12

Bab terbaru

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 16 ชีวิตแสนสุข (ตอนจบ)

    เสี่ยวอวี้ เสี่ยวหยาง เสี่ยวชิง และเสี่ยวหลันโผเข้ากอดนางแน่น ดวงตาเปียกชุ่มด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ หลังจากที่ต้องทนทุกข์ใจกับข่าวร้ายที่ท่านน้ากระซิบบอกว่าอาจไม่ได้พบมารดาอีกหลายวัน หรือตลอดไป ไป๋อวิ๋นเหยาใช้เวลาปลอบโยนลูกๆ ที่ยังไม่คลายจากความหวาดหวั่น เสียงหัวเราะและรอยยิ้มกลับมาเติมเต็มจวนไป๋อีกครั้ง แต่ลึกลงไปในใจของนาง ความกังวลยังคงรุกล้ำเงียบงัน วันแล้ววันเล่า นางเฝ้ารอการกลับมาของสามีผู้เป็นที่รัก แต่มีเพียงสายลมหนาวยามค่ำคืนเท่านั้นที่ตอบกลับมา องค์หญิงหว่านหนิงถูกประกาศว่าถูกไฟไหม้เสียชีวิต เพราะเมามายเกินไประหว่างคืนเทศกาลโคมไฟ และจวนไป๋ก็ได้รับเงินมากมายจากราชสำนักเพื่อบำรุงซ่อมแซมจวน แต่ไร้เงาของเฉินซูเหยา เวลาล่วงผ่านไปนานนับเดือน แต่สามีของไป๋อวิ๋นเหยาก็ยังไม่กลับมา นางเฝ้ารอด้วยความทุกข์ใจจนแทบทนไม่ไหว ความเงียบงันที่ไม่มีแม้เงาของเขาทำให้นางตัดสินใจลงมือเอง แม้จะเป็นเพียงบุตรีของอดีตบัณฑิต แต่ด้วยแรงแห่งความรักและความหวัง นางจึงพยายามหาหนทางติดต่อองค์รัชทายาท ทุกก้าวของนางเต็มไปด้วยอุปสรรค สายตาดูแคลน และเสียงกระซิบวิจารณ์ แต่ไป๋อวิ๋นเหยาก็ไม่ยอมแพ้ กระทั่งวัน

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 15 สัญญาปากเปล่า

    ความรู้สึกผิดท่วมท้น นางเงยหน้ามองชายผู้เคยเป็นดั่งเงาในชีวิตด้วยน้ำตาที่รินไหล เขาต้องการให้นางเจ็บปวดเพื่อนางจะได้หันหน้าหนี เพื่อนางจะได้ปลอดภัย และนางก็เป็นเช่นนั้น เกลียดเขาจนวันสุดท้ายของชีวิต แม้เขาจะรอนางอย่างเดียวดายที่สะพานไน่เหอ หลายปี แต่นางก็ยังเกลียดเขา “ข้า..ข้ามันเห็นแก่ตัวนัก” เสียงแหบพร่าของไป๋อวิ๋นเหยาสั่นเทา นางสะอื้นน้ำตารื้น “..เหตุใดจึงเป็นเหยาเหยาเห็นแก่ตัวเล่า..ข้าต่างหากที่เห็นแก่ตัว ข้าต่างหากที่ทำให้เจ้าเจ็บปวด ทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน” เขากอดรัดภรรยาไว้จนแน่น “เจ้าคิดจะตายลำพัง!” นางก่นด่า หากเมื่อคืนนี้นางไม่เข้าไปในเรือนหลัง เขาก็คงจะตายลำพังอีกแล้ว “ข้าเตรียมทางหนีไว้แล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ ทางที่ข้าพาเจ้าหนีมาอย่างไรเล่า” เขาลูบหัวของภรรยาเบาๆ “แต่หากข้าไม่เข้าไป เจ้าก็จะรอจนแม่ทัพหนุ่มที่เผาภูเขาลูกนั้นเข้ามาในจวน แล้วเจ้าค่อยเผาใช่หรือไม่!!” นางเข้าใจความตั้งใจของเขาดี เขาคงคิดจะเสียสละชีวิตเพื่อลากทุกคนไปกับเขา “..เหยาเหยาไม่ต้องกังวล ข้าจะหาทาง” “แล้วเราจะทำเช่นไรต่อไปดี ข้า..ข้าทำให้เจ้า..ข้าทำแผนของเจ้าพัง” “เหยาเหยาไม่ต้องกังวล” เขาเพียงพูดพร

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 14 เรื่องที่สามีเล่า

    เฉินซูเหยากอดร่างของภรรยาไว้ในอ้อมแขน ร่างของนางที่ยังอ่อนแรงพิงเขาอย่างตกตะลึงในความจริง นางเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม“เจ้ากล้าโกหกข้าหรือ” ไป๋อวิ๋นเหยาท้วงติงไม่พอใจ เขาหัวเราะขบขัน ไม่เห็นการข่มขู่ของภรรยาอยู่ในสายตา เขาเพียงเริ่มเล่าถึงความหลังที่เกิดขึ้นต่อไปพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น มองภรรยาด้วยความรักใคร่ ไป๋เหวินหยาง เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการศึกสงคราม แต่ก็เป็นบัณฑิตมากความสามารถ มีสายตาที่มองทะลุความสามารถของคน แม้จะรู้ว่าเฉินซูเหยาเป็นบุตรนอกสมรสของแม่ทัพหยวนกวน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังยื่นมือมาช่วยเหลือเฉินซูเหยาไว้ ช่วยปกปิดภูมิหลังของเขา ซ่อนเขาจากศัตรูของแม่ทัพ สั่งสอนเขาราวกับศิษย์คนหนึ่ง หลังจากเด็กหนุ่มสอบได้เป็นจอหงวน ชีวิตของเขาก็เริ่มรู้สึกสงบสุข ได้แต่งงาน เขาไม่เคยคิดแก้แค้นให้บิดาเลยแม้แต่น้อย เพราะกำลังของเขาไม่มากพอ และที่สำคัญ เขาแต่งงานกับหญิงสาวตรงหน้าแล้ว เขาไม่อยากให้ภัยอันตรายใดๆ มาถึงจวนไป๋ หรือครอบครัวของนาง เขาจึงเลือกที่จะวางอดีตลง หรืออย่างน้อยก็พยายามวาง แต่ในใต้หล้านี้ ความตั้งใจหรือจะสู้ฟ้าลิขิต หลังจากเฉินซูเหยาได้ร

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 13 รสรัก (NC)

    “อ้า..เหยาเหยา..” เขาครางแหบพร่าไป๋อวิ๋นเหยาแทบอยากจะกรีดร้อง เพราะรู้สึกว่าความร้อนแท่งใหญ่ที่ค่อยๆ ซึมเข้ามา เหมือนเปลวเพลิงกำลังกัดกิน ทุกอณูของร่างเริ่มร้อนจนเหมือนจะระเบิด ความกำหนัดที่เขาเพาะบ่มตลอดการย่างกำลังทวีขึ้น ความรู้สึกถูกเผาผลาญนั้นเหมือนจี้ถูกจุดร่างกายของไป๋อวิ๋นเหยาสั่นระริกโดยไม่อาจควบคุม พวยพุ่งความสุขสมออกมาจนท่วมรอบเอวสามี เขาไม่ได้รังเกียจ อีกทั้งยังกอดนางแน่นยิ่งขึ้น งัดเอวขึ้นเพื่อกดแท่งหยกซ้ำๆ บนจุดแสนหวานในร่องรักของภรรยา “เหยาเหยากล้าพวยพุ่งน้ำพุใส่ข้าแล้วหรือ” เขาล้อเลียน ยิ้ม บางเบาพึงพอใจ ระหว่างที่ยังคงบดสะโพกต่อไป ไป๋อวิ๋นเหยาใบหน้าแดงก่ำอยากร้องไห้ นางสั่นระริกสุขสมไปทั่วร่าง เขายังกล้าล้อเล่นเช่นนี้อีก เมื่อก่อนเขาชอบขอจะดูนางปลดเบา อย่างไรนางก็ไม่ให้ เขาจึงได้แต่ทำใจ วันนี้นางพวยพุ่งใส่เขาเช่นนี้ ไม่ใช่นางกล้าหาญหรือจงใจ แต่เพราะนางควบคุมไม่ได้จริงๆ และนางกล้าสาบานว่านี่ไม่ใช่การปลดเบาเขาต่างหากที่ทำให้นางควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้!“ชู่ว..ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือ เหยาเหยาเย้ายวนยิ่ง” เขาชื่นชม ก้มลงจูบซับน้ำที่เอ่อล้นขอบตาของภรรยา ลิ้มเลียน้ำตาของ

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 12 ขับยาพิษและหมูยาง

    มือของเขาเคลื่อนไปจับมือของนางที่อ่อนปวกเปียกเพราะพิษกำยาน และเริ่มนวดเบาๆ ที่ปลายนิ้ว ไล่ไปจนถึงฝ่ามืออย่างทะนุถนอม แม้มือของเขาเองจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่มันกลับไม่หยุดความพยายามของเขาแม้แต่น้อย ราวกับจะทำทุกวิถีทางให้นางรู้สึกร้อนรุ่มขึ้น นางได้แต่มองเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอึดอัดปนความสับสน แม้จะอยากปฏิเสธ แต่ความรู้สึกอ่อนโยนที่เขามอบให้ กลับทำให้นางไม่อาจห้ามหัวใจของตัวเองไม่ให้เต้นระรัว เด็กสารเลวนี่ วางแผนจะรวบนางนานแล้วหรือ! นางคิดว่าท่านพ่อบังคับเขาให้แต่งเสียอีก ที่แท้เขาก็ไม่ได้ใสซื่อมือของเฉินซูเหยาค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาที่ปลายเท้าของนางเขาเริ่มนวดที่ฝ่าเท้า ไล่ขึ้นไปจนถึงข้อเท้าอย่างแผ่วเบา สัมผัสของเขาช่างอ่อนโยนและตั้งใจ เหมือนพยายามจะบรรเทาความชาและขับพิษให้นางให้ได้มากที่สุด แต่สายตาหื่นกระหายกลับพูดสิ่งอื่น “เลือดลมของเจ้าจะต้องรีบขับออก” เขาพูดเบาๆ พลางจ้องมองใบหน้าของนางที่เริ่มแดงจนคล้ำ แม้ในใจไป๋อวิ๋นเหยาจะยังคงประท้วงอยู่ แต่ร่างกายกลับยอมรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ นางหลับตาลงเล็กน้อย ปล่อยให้ความร้อนรุ่มจากพิษสมุนไพรและสัมผัสของเขาไหลเวียนไปทั่วร่าง ท่ามกล

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 11 ยาแรง

    “...” ไป๋อวิ๋นเหยาส่งสายตาขุ่นเคืองไปยังเขา แต่กลับทำให้เขายิ่งหัวเราะชอบใจ “ดื่มเถิด ข้าจะช่วยพยุงเจ้าเอง” เขาประคองนางขึ้นอย่างระมัดระวัง แม้บาดแผลของเขาจะส่งผลให้ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไป ด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่แสดงอาการใดๆ เพียงใช้แขนที่มั่นคงรองรับร่างของนางไว้ริมฝีปากของนางสัมผัสกับของเหลวสีเขียวเข้ม กลิ่นของมันไม่ชวนดื่มเอาเสียเลย ทว่าด้วยแรงผลักดันจากแววตาที่มุ่งมั่นน่ารัdของเขา ไป๋อวิ๋นเหยาจึงกล้ำกลืนมันลงคอไปอย่างยากลำบากเมื่อนางยอมดื่มจนหมด เฉินซูเหยาก็โยนถ้วยใบไม้ทิ้ง จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตนาง เรียวลิ้นกวาดสัมผัสยาสมุนไพรขมๆ ในปากอิ่มของภรรยาอย่างหิวโหย ไป๋อวิ๋นเหยาเบิกตาโพลง ตกใจราวสาวน้อยที่เพิ่งเคยจุมพิตนางรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปพบกับเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดที่ขโมยจุมพิตแรกของนาง ราวเด็กหนุ่มเอาแต่ใจผู้นั้นยังคงอยู่ไม่หายไปไหน “เจ้ายังขยับไม่ได้ แต่เลือดเริ่มไหลเวียนดีขึ้นแล้ว อีกไม่นานเจ้าจะหาย” เขากระซิบบนริมฝีปากของภรรยา เหมือนปลอบเด็กน้อย เขาชอบทำเช่นนี้เสมอ ป้อนยานางและตามด้วยจุมพิตขมปนหวาน เขาทำเช่นนี้ทุกครั้งที่นางป่วย เอาใจใส่นางและกลั่นแกล้งนาง ร่างแน่นิ่งซึ่

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 10 สามีวางยา

    เปลวไฟเริ่มลุกลามไปตามต้นไม้แห้งบนเขาอย่างรวดเร็ว ควันดำพวยพุ่งขึ้นปกคลุมท้องฟ้า ความร้อนระอุค่อยๆ แผ่ขยายออกไปขณะที่เสียงสัตว์ป่ากรีดร้องดังขึ้นทั่วภูเขา สัตว์ต่างๆ วิ่งพล่านออกจากป่าด้วยความตื่นตระหนก บ้างสะดุดล้ม บ้างถูกไฟคลอกจนสิ้นใจ พวกมันพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด แต่ไม่มีตัวไหนหลุดรอดจากเงื้อมมือเปลวเพลิง ในขณะที่ไฟกำลังโหมกระหน่ำบนเขา เฉินซูเหยาและไป๋อวิ๋นเหยาหยุดอยู่ปลายแม่น้ำที่ทอดตัวไกลจากเขาลูกนั้น ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเซียว แต่แววตายังคงมุ่งมั่น เขามองยอดเขาที่กลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงฉาน ลุกไหม้ราวกับต้องการกลืนกินทุกสิ่ง“พวกมันไม่ยอมปล่อยเรา” เขาพึมพำ ขณะสายตายังจับจ้องภาพโหดร้ายตรงหน้า ไป๋อวิ๋นเหยาเงียบงัน ยืนนิ่งอยู่ข้างเขา น้ำใสเย็นจากแม่น้ำไหลเชี่ยวอยู่รอบข้อเท้าทั้งสอง แต่กลับไม่อาจดับความร้อนแรงจากเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ภูเขาอยู่เบื้องหน้าได้ สองเท้าของนางหนาวเย็นจนเริ่มไร้ความรู้สึก สองมือของนางเริ่มเป็นเหน็บชา เฉินซูเหยาไม่ได้เอ่ยคำใดอีก เขาเพียงจับมือภรรยาแน่น และพาก้าวเดินต่อไป มุ่งหน้าสู่ที่ปลอดภัย โดยปล่อยให้ภูเขาที่ลุกโชนคงอยู่เป็นสัญลักษณ์แห่งความอำมหิตของศัตรูที

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 9 หนี

    “อย่าขยับ อยู่ตรงนั้น!” เสียงของเขาเด็ดขาดราวกับคำสั่ง แต่กลับเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ปกปิดไม่มิด เฉินซูเหยาก้าวเข้า ประจันหน้ากับคนชุดดำที่เหลือ ท่าทางของเขาแม้จะดูอ่อนล้าลง เพราะบาดแผล แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ลดละ เขาจะไม่มี วันยอมให้ผู้ใดแตะต้องไป๋อวิ๋นเหยาได้เฉินซูเหยาตวัดดาบด้วยความแม่นยำ ร่างของคนชุดดำทั้งสองล้มลงในกระบวนท่าเดียว เลือดสาดกระเซ็นเปรอะพื้น แต่ก่อนที่เขาจะได้พักหายใจ เสียงฝีเท้าของนางรำจำนวนมากก็ดังเข้ามาใกล้ เขาขบฟันแน่น สายตาคมกวาดมองไปทางภรรยาที่เขายังต้องปกป้อง เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว สะบัดมือโยนฮว่าเจ๋อจึ[1]ออกไป จุดไฟขึ้นกลางเรือนด้วยมือที่ยังเปื้อนเลือด เปลวไฟลุกโชนกินเนื้อไม้ จนเสียงแตกเปรี๊ยะดังไปทั่ว คล้ายเขาลงน้ำมันไว้แล้วก่อนหน้าเฉินซูเหยาฉวยมือคว้าเอวไป๋อวิ๋นเหยาแน่น แม้ร่างกายเขา จะอ่อนล้าจากบาดแผล แต่ฝีเท้ายังคงเร่งรีบ ลากนางมุ่งไปทางบ่อน้ำ ด้านหลังเรือน ตลอดทางไป๋อวิ๋นเหยาเห็นว่ามีร่างคนล้มตายเกลื่อนกลาด คล้ายการต่อสู้นี้เกิดขึ้นก่อนที่นางจะเข้ามาแล้ว กลิ่นกำยานเจืออยู่ในอากาศ หญิงสาวในชุดรำที่วิ่งตามมา หอบหายใจรุนแรงก่อนจะทรุดลงทีละคน

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 8 ตกใจอะไรก่อนดี

    เมื่อท้องฟ้าสีดำในเมืองหลวงถูกประดับด้วยแสงเรืองรองของโคมไฟ เด็กๆ ต่างส่งเสียงหัวเราะตื่นเต้นรอคอยการเดินทางไปเทศกาล ท่านน้าและสามีของท่านน้าเตรียมรถม้าคันใหญ่สำหรับพาเหล่าลูกหลานออกไปเพลิดเพลิน เหมือนเช่นชาติก่อน ไป๋อวิ๋นเหยามองดูลูกๆ ในชุดใหม่ที่กำลังปีนขึ้นรถม้าอย่างร่าเริง แต่นางกลับอ้างว่าลืมของสำคัญของสตรี และปล่อยให้เด็กๆ ไปเที่ยวกับน้าสาวและน้าชายก่อน นางคิดว่านางจะรีบตามไปหลังจากเตือนสามีและอนุของเขา แล้วค่อยตามไปนอนพักที่บ้านน้องสาวคืนนี้ เหมือนชีวิตในครั้งก่อน เมื่อรถม้าเคลื่อนออกไป ไป๋อวิ๋นเหยามองตามจนสุดสายตา จากนั้นจึงหันหลังกลับ รีบสาวเท้ากลับไปยังจวนไป๋ ความมุ่งมั่นในดวงตาของนางแข็งกร้าวขึ้นทุกย่างก้าว ไป๋อวิ๋นเหยาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เงาของนางทอดยาวไปตามพื้นหินที่เย็นเฉียบ ความเงียบสงบของค่ำคืนคล้ายทำให้นางรู้สึกว่าทุกย่างก้าวของตนหนักอึ้ง หัวใจเต้นระรัวไม่ต่างจากฝีเท้าม้าที่วิ่งลากรถม้าเคลื่อนไปไม่หยุดหย่อน ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อถึงเรือนหลัง นางหยุดหายใจชั่วครู่ก่อนจะก้าวเข้าสู่ความมืดที่ปกคลุมภายใต้เงาไม้ใหญ่ ทุกสิ่งดูเงียบสงัดเกินไป นางมองไปรอบๆ กลับไร้ซึ่งเง

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status