Share

บทที่ 12 ลิ้นปิศาจ (NC)

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-12 00:29:22

บุรุษในร่างงดงามกำลังพรมจูบไปทั่วเนินอก ก่อนจะแลบลิ้นชิมยอดถัน เพียงปลายลิ้นชุ่มฉ่ำอบอุ่นหมุนวนรอบยอดดอกชมพู โม่เหนียงก็สั่นไปทั้งร่าง เขาอ้าปากครอบครองยอดถันไว้และดูดดุนยอดอกเล่นราวกับตรงนั้นเป็นตาน้ำพุบริสุทธิ์ที่อาจมีน้ำหวานให้เขาดื่มคลายกระหาย

เสียดายที่ยอดชมพูของโม่เหนียงไม่ได้เป็นน้ำพุบริสุทธิ์อย่างที่หนิงเหอต้องการ ต่อให้เขาดูดดุนลิ้มเลียเท่าไหร่ก็ไม่มีอะไรออกมาให้เขาดื่ม แต่สิ่งที่เขากำลังทำส่งผลให้หญิงสาวสั่นสะท้านไปทั่วร่าง

หลินโม่เหนียงยกสองมือมาจับหัวของสามีไว้ และขยุ้มผมสลวยของเขาอย่างไม่อาจควบคุม เมื่อยอดถันข้างหนึ่งถูกเขาล้อเล่นจนอ่อนไหวเกินจะทน แต่อีกข้างกลับว่างเปล่า นางจึงบังคับให้เขาหันไปกลืนกินยอดถันอีกข้างแทน เผื่อว่าความสุขสมที่เกิดตรงยอดอกจะได้ทั่วถึงทั้งสองข้าง

เขายินดีทำตามที่ภรรยาต้องการ เปลี่ยนมาลิ้มเลียยอดถันอีกข้าง และใช้มือสองข้างสำรวจไปทั่วร่างเนียนนุ่ม เขาลูบไล้ไปตามไหล่มน แผ่นหลัง เอวคอดและไล่ต่ำลงไปด้านล่าง

หนิงเหอค้นพบว่าที่แท้ทรวงอกนุ่มมือนุ่มลิ้นนั้นไม่มีตาน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ แต่ด้านล่างเลยจุดตันเถียนลงไป ภรรยาของเขากำลังปล่อยน้ำพุหอมหวานอยู่จนเปียกแฉะ 

บางสิ่งในอกของหนิงเหอกระตุกด้วยความตื่นเต้น เขาไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร เพราะถึงเขาจะแปลงร่างเป็นมนุษย์ แต่เขาก็ไม่ใช่มนุษย์ จะให้มีหัวใจเต้นไปตามจังหวะความเร้าอารมณ์คงเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็กำลังตื่นเต้นมากจริงๆ ในอกคล้ายว่ามีหัวใจกำลังเต้นแรงอยู่

โม่เหนียงที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับการปรนเปรอตรงหน้าอก ฉับพลันนางก็ต้องลืมตาด้วยความหงุดหงิด เพราะอยู่ๆ สามีก็หยุดลิ้มเลียลูบไล้ แต่เมื่อลืมตา นางกลับเห็นนัยน์ตาแดงก่ำของหนิงเหอ 

“โม่เอ๋อร์ ข้าต้องการกลืนกินเจ้า ข้า..ขอกินก่อนได้หรือไม่ อีกครู่ข้าจะให้เจ้ากิน” เขาเอ่ยขอร้องอย่างน่าสงสาร ลมหายใจหอบกระชั้นด้วยความอยากจนคล้ายจะทนไม่ไหว แต่เขายังเป็นห่วงว่าหากทำตามอำเภอใจ ภรรยาของเขาอาจหวาดกลัว

“อะ..อืม” นางรับปาก แม้ไม่รู้ว่าคำที่เขาเอ่ยนั้นจะหมายถึงสิ่งใด

หนิงเหอฉีกยิ้ม แลบลิ้นโปร่งใสคล้ายมวลน้ำออกมายาวเกินกว่าปกติที่มนุษย์ผู้หนึ่งจะทำได้ แม้ภาพนั้นจะดูแปลกประหลาดและน่ากลัว แต่โม่เหนียงกลับไม่รู้สึกกลัวอะไร นางเพียงหลับตาและรอให้เขา กิน ตามที่เขาขอ

ปิศาจสายน้ำในร่างมนุษย์จับสองขาของโม่เอ๋อร์ เขาแยกมันออกและพับขาของหญิงสาวจนหัวเข่าทั้งสองแทบจะชนกับอกอิ่มของนาง ยามนี้แม้หญิงสาวจะถูกกลิ่นของเขาทำให้เมามายเท่าไร แต่นางก็ยังรู้สึกว่าท่าทางของตัวเองที่กำลังเปิดเผยลูกท้อชมพูตรงหว่างขาให้เขามองสำรวจนั้น ช่างน่าอับอายยิ่ง

แต่หลินโม่เหนียงยังไม่ทันได้รู้สึกอับอายมากมายดังที่คาดคิด ลิ้นอ่อนนุ่มที่ให้ความรู้สึกราวกับน้ำอุ่นก็เลียลงไปตรงลูกท้อที่กำลังชุ่มแฉะของนาง

“อืออออ...” เสียงร้องสั่นเครือตกใจนั้น ฟังแล้วเหมือนจะพึงพอใจมากกว่าหวาดกลัว หนิงเหอมั่นใจขึ้นเล็กน้อยว่าภรรยาไม่ได้กลัว เขาจึงลงลิ้นชิมน้ำพุบริสุทธิ์จากลูกท้อชมพูต่อไป

“อา อ๊ะ..” โม่เหนียงได้แต่ส่งเสียงครวญครางร้องรับความกระสัน ยามเมื่อเขา กลืนกิน ดูดดื่ม น้ำพุหอมหวานของนาง

ลิ้นอุ่นของเขา ราวกับสายน้ำที่คอยชำระล้างน้ำหวานเหนียวใสของโม่เหนียง ทุกครั้งที่สายน้ำล้วงลึกไปชำระภายใน ตัวของหญิงสาวก็ยิ่งสั่นสะท้านและปลดปล่อยน้ำพุหอมหวานออกมามากยิ่งขึ้น คล้ายว่าล้างเท่าไรก็ไม่สะอาด เพราะยิ่งสัมผัสยิ่งล้วงล้าง นางยิ่งสร้างน้ำหวานได้มากขึ้น

แต่เพราะนางปลดปล่อยน้ำพุบริสุทธิ์มากมาย จึงยิ่งทำให้คนที่อยากกินดื่มน้ำพุโลภมาก หนิงเหอรู้สึกว่าเลียเท่าไรก็ไม่พอ ยิ่งดูดดื่มเขาก็ยิ่งมีความสุข ยิ่งกลืนกินเขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีพละกำลังมากขึ้น

“ฮา..อะ อื้ออ ..ยะ..อย่า” โม่เหนียงรู้สึกว่าเขาเชี่ยวมากเกินไป ร่างกายที่กำลังสุขสมคล้ายจะแตกสลาย นางรู้สึกอยากแตกสลาย แต่ก็กลัวว่าจะหมดแรงสลบไปก่อนทั้งที่ยังไม่ได้เข้าหอร่วมรักเป็นหนึ่งเดียวเหมือนครั้งก่อน

หนิงเหอได้ยินนางร้องครางครวญ แต่ในใจก็กระหายมากเกินกว่าจะควบคุมตัวเองได้ เขาแลบลิ้นยาวลึกเข้าไปในตัวภรรยา กวาดลิ้นหาน้ำพุชูกำลังพร้อมกับดูดดื่มไปรอบกลีบท้อ 

“อา อ๊า...” โม่เอ๋อร์ร้องและส่ายสะโพกอย่างควบคุมไม่ได้ ความเสียวซ่านกระสันมากมายกำลังโจมตีร่องรักของหญิงสาว นางยื่นมือไปคว้าข้อมือหนาที่จับเอวของนางไว้ พยายามดึงมือเขาออกและถอยห่างจากความเสียวซ่านนั้น แต่มือแกร่งก็จับเอวคอดไว้แน่น ทั้งยังดูดดื่มกลืนกินลูกท้อต่อไป

“อ๊ะ อ้า..ซี๊ดดด ฮะ ฮา” หญิงสาวตัวสั่นสะท้านรับความสุขจากลิ้นอุ่นที่ลิ้มเลียไปทั่วร่องรัก จนในที่สุดก็ทนอีกไม่ไหว นางถูกเขากลืนกินจนปลดปล่อยน้ำพุใสหวานออกมามากมายและแตกสลายเพราะความเสียวสะท้าน

หนิงเหอแม้จะยังอยากกลืนกินต่อไป แต่เพราะรู้สึกว่าภรรยาหมดแรงจนขยับอีกไม่ไหว เขาจึงยอมอดทนและดึงลิ้นอุ่นยาวออกมา เขาเงยหน้ามองดูร่างที่กำลังสั่นสะท้านในมือ เห็นว่าโม่เอ๋อร์ของเขากำลังสุขสมเต็มที่ และนางก็ยังคงมีแรงหอบหายใจอยู่ ยังไม่ได้สลบไป 

เขามองสำรวจไปที่ตาน้ำพุหอมหวานด้วยความเสียดาย เห็นว่าน้ำพุชูกำลังที่เปรอะเปื้อนเต็มลูกท้อชมพูของคนรักยังคงไหลออกมาไม่หยุด ปิศาจหนิงเหอกลืนน้ำลายและก้มลงไปเลียชำระล้าง

“อ๊ะ!..” โม่เหนียงสะดุ้ง เพราะนางยังไม่หายจากความเสียวซ่าน แต่เขาก็ยังคงลิ้มเลียตรงลูกท้ออย่างใจเย็น

“พะ..พอก่อน” นางเอ่ยเสียงแหบแห้ง ยื่นมือสั่นๆ ไปจับศีรษะเขาไว้ คล้ายปลดปล่อยน้ำในกายออกไปให้เขาดื่มจนใกล้หมดแล้ว

“โม่เอ๋อร์” เสียงของหนิงเหอที่ดูดดื่มน้ำหวานไปมากมายก็แหบแห้งไม่ต่างจากนาง เขารีบร้อนเลื่อนตัวจากข้างล่างขึ้นไปจับใบหน้าภรรยาและพรมจูบไปทั่วใบหน้า

“ข้ารักเจ้า ..รักเหลือเกิน ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่คล้ายว่ายามข้าสัมผัสเจ้า มันคือสิ่งที่ข้าต้องการมานานแสนนาน” เขาพร่ำพลอดบอกรักทั้งที่ยังจูบไปทั่ว โม่เหนียงรู้สึกว่าเขาช่างพูดมากเหลือเกิน ยามปกติก็พูดมาก ถามครั้งเดียวก็ตอบไปมากมาย เวลาเช่นนี้ เขายังพูดมากไม่เลิกอีก

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 13 ใหญ่เกินไปแล้ว (NC)

    เพียงแต่การพูดมากมายของเขาครั้งนี้ โม่เหนียงรู้สึกอยากฟังมาก นางก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา คล้ายว่าการสัมผัสร่วมเตียงเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่นางต้องการมานานมากแล้วเช่นกันหนิงเหอพรมจูบนางไปทั่วอยู่สักครู่ จากนั้นก็หยุดและจับนางให้แยกขาเช่นเมื่อครู่อีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้แลบลิ้นยาวออกมา แต่กดจูบปิดปากนางไว้ จากนั้นก็ดุนดันแท่งเนื้อขนาดเท่าหัวแม่มือเข้าไปในร่างของหญิงสาวโม่เหนียงที่ถูกลิ้นยาวของเขากระทำลึกล้ำมาแล้ว ทั้งลูกท้อของนางก็ยังคงเปียกชุ่มจากความกระสันเมื่อครู่อยู่ การที่เขาสอดใส่แท่งหยกเท่านิ้วมือเข้าสู่ร่าง นางจึงไม่รู้สึกอะไรปิศาจหนุ่มเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าขนาดเท่านั้นไม่อาจสร้างความรู้สึกอะไรให้ภรรยาพึงพอใจได้ เขาจึงเสกให้ขนาดแท่งหยกสวรรค์ขยายใหญ่ขึ้น“เท่านี้พอหรือไม่” เขาเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “ใหญ่อีก” โม่เหนียงที่ถูกเขาปล่อยกลิ่นให้มอมเมา ยามนี้นางรับรู้เพียงแรงขับทางกามารมณ์ ความอับอายถูกเขากลืนกินจนหายไปหมดแล้ว นางพูดและขอเรื่องน่าอายได้โดยไม่รู้สึกติดขัด“พอหรือยัง” เขาขยายและถามอีก“ยัง” นางเอ่ยตอบเสียงแหบพร่า“เท่านี้เล่า”“อีกนิด”“เช่นนี้พอหรือไม่” เขาถามพร้อมกับขย

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 14 ปลดปล่อยปราณ (NC)

    ปิศาจหนุ่มรู้เพียงว่าเขาชอบที่ได้กลืนกินและเสพความสุขสมของภรรยา แต่เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองก็สุขสมเช่นเดียวกันได้ด้วย อาจเพราะก่อนหน้านี้เขาทำทุกอย่างเพื่อหญิงคนรัก จึงไม่ได้ใส่ใจความกำหนัดของตนเอง ยามนี้เมื่อรู้สึกถึงคลื่นความกระสันที่กำลังโหมกระหน่ำจากการกระแทกกระทั้นใส่ร่องรักชมพู เขาทั้งตกใจและยินดี ยิ่งขยับแรงขึ้น “เร็วอีก อา อ๊ะ อะ..อา แรงๆ” หลินโม่เหนียงส่งเสียงสั่นเครือสั่งสามีหนิงเหอที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองก็มีความกำหนัดรุนแรงรออยู่ในท้อง มันเกิดจากการที่เขาได้กระแทกอย่างรุนแรงใส่โม่เอ๋อร์ แต่เขายังคงมีสติห่วงว่าด้วยแรงกายปิศาจของเขาอาจทำให้ภรรยาร่างแหลกสลาย เขาจึงตัดสินใจปลดปล่อยร่างมนุษย์กลับสู่ร่างเดิมโม่เหนียงที่กอดสามีไว้แน่น ปากก็ร้องขอให้สามีกระแทกกระทั้นให้แรงขึ้น นางที่ทำเพียงรอรับความสุขสมอยู่นั้น ช่วงขณะหนึ่งกลับรู้สึกว่าไหล่กว้างที่กอดอยู่กลายเป็นสายน้ำ แต่เป็นสายน้ำที่มีตัวตนและนางกอดสัมผัสได้ หญิงสาวจึงลืมตาดูว่าเกิดอะไรขึ้นโม่เหนียงเห็นร่างของตัวเองถูกสายน้ำรัดทั่วตัวพาลอยขึ้นอยู่กลางห้องนอน ในขณะที่สามีของนางมีเพียงใบหน้าที่ยื่นมาจูบนาง ส่วนร่างของเขากลายเป

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 15 กระถางบำเพ็ญเพียร (ตอนจบ)

    โม่เหนียงตามพวกเขาลงไปยังแม่น้ำเหลือง พวกเขาต้องดื่มน้ำแกงยายเมิ่งลืมอดีต ถูกตัดสินโทษที่หลบหนีกฎการเกิดตายมาหลายพันปีปิศาจตนหนึ่งต้องไปเกิดเป็นไอมารไร้ตัวตนใต้แม่น้ำ ทุกข์ทรมานกับความโดดเดี่ยวสองร้อยปีปิศาจอีกตนต้องเวียนว่ายตายเกิดในโลกมนุษย์ ชดใช้ชีวิตที่ขโมยมาจากท่านยมทูตสองร้อยกว่าชาติ ต้องทุกข์ทรมานจากการไม่ถูกรัก“เมื่อครบสองร้อยปี พวกเจ้าจึงจะได้พบกัน ข้าเห็นใจในความรักและความพยายามหล่อเลี้ยงเนยตันของอีกฝ่ายหลายพันปี จะให้โอกาสพวกเจ้าได้บำเพ็ญเพียรร่วมกัน จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพยายามของพวกเจ้าแล้ว” ท่านยมทูตกล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะส่งพวกเขาลงไปเกิดใหม่โม่เหนียงเห็นชีวิตของปิศาจสองตนแล้วรู้สึกคล้ายจะอาเจียน นางพยายามยืนให้ตรง ไม่ยอมล้มลง แต่สุดท้ายนางก็ล้มลงและตื่นขึ้นในอ้อมกอดของสามี พวกเขานอนกอดกันบนเตียงที่เปียกชุ่ม“โม่เอ๋อร์..เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” หนิงเหอเอ่ยถาม เขาเองก็คล้ายว่าเพิ่งลืมตาตื่นก่อนนางไม่กี่อึดใจ“ข้าก็รักเจ้า อยากอยู่กับเจ้า” คำที่นางเอ่ย โม่เหนียงไม่ได้ตอบคำถามว่าอาการของนางเป็นอย่างไร แต่นางกำลังตอบรับรักของปิศาจอายุมากตนนั้น น้ำตาและความเจ็บปวดของเขายังคงช

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   นิยายรักจีนโบราณเรื่อง หอเรือนไผ่ [TW]

    เป็นเรื่องสั้นไม่เกินหมื่นคำค่ะ เกี่ยวกับความรักของคนสองสามคน ที่ต่างฝ่ายต่างได้แต่เฝ้าฝันถึง ระหว่าง นางเอก ฮ่องเต้ กับชายหนุ่มที่อาศัยอยู่บนหอเรือนไผ่มีเพื่อนแนะนำให้ติดแท็ก warning ค่ะ เพราะมีฉากความรุนแรง อาชญากรรม เลยมาแก้ไขเพิ่มเติม ใครหลงมาเจอ เรื่องนี้ดราม่านะคะ (ดราม่าหนักมากด้วยสำหรับไรท์​​​) ใครไม่ใช่สายแข็งข้ามได้นะคะ หมิงอัน สาวน้อยอายุสิบแปดผู้ที่ไม่เคยแม้แต่จะจับมือชายหนุ่มอื่น แม้นางจะอยากสัมผัสเขามาเนิ่นนาน แต่พอถูกเขาสัมผัสอย่างเร่าร้อนเช่นนี้ นางได้แต่ตัวสั่นเทานอนรับความสุขสม อ้าปากให้เขากลืนกินได้เท่าที่เขาอยากกิน นางรักเขา ไม่ว่าเขาสัมผัสตรงไหน นางก็ร้อนรุ่มทั้งนั้น ขอเพียงเป็นเขา นางย่อมมีความสุข****เยว่สือแม้สีหน้าจะนิ่งเฉย แต่แววตาเป็นประกาย เขาค่อยๆนั่งลง นั่งหันหลังปล่อยให้นางหาผ้าแห้งมาเช็ดผมของเขา ในความฝันของเขา ในอีกชีวิตหนึ่ง หรือภพอื่น เขาเฝ้าฝันว่าเขาไม่ต้องเป็นตัวประหลาด ไม่ถูกย่ำยี เขาได้เรียนวิชาดาบตัดวายุของสำนักตวนอู่ เขาได้แต่งงานกับอันอันผู้เป็นที่รักของเขา ได้ใช้ชีวิตปกติ ยามค่ำคืนหลังมื้ออาหาร หลังจากอาบน้ำ นางจะเช็ดผมให้เขาเช่นนี้ และเอ่

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 1 บอกรัก

    “ข้ารักเจ้า” เสียงของหญิงสาวผู้ที่ปกติน่ารักอ่อนหวานและขี้อายอยู่เสมอ พูดบอกรักอย่างไม่อายปาก นางโยนทิ้งสิ้นทั้งสามคุณธรรมสี่คล้อยตาม ครั้งนี้นางตัดสินใจเด็ดขาด จะไม่ยอมปล่อยเขาไป“ข้าจะอยู่กับเจ้า ตายพร้อมเจ้า” หมิงอันประกาศกร้าวต่อหน้าเขาคุณชายเยว่สือ มองตอบหญิงสาวตรงหน้าด้วยใบหน้าเงียบขรึม ก่อนจะถอนหายใจและหันหลังเดินต่อไป ไม่สนใจสิ่งที่หมิงอันพึ่งจะใช้ความกล้าทั้งหมดพูด“เจ้าห้ามเดินหนีนะ! ข้าเอาจริงนะ!” หมิงอันพูด ที่จริงแล้ว นางอยากไล่ตามจับมือเขาให้เขาหยุดเดิน แต่นางไหนเลยจะกล้าแตะต้องตัวเขา ได้แต่ใช้สองเท้าเดินให้เร็วขึ้นเพื่อไปขวางทางเดินเขาเอาไว้ น่าเสียดายที่เขาทั้งขายาวทั้งเดินเร็ว ต่อให้นางวิ่งแล้วก็ยังตามไม่ทันฝีเท้าของเขา หมิงอันไล่ตามเท่าไหร่ก็ยังตามไม่ทัน จึงตะโกนออกไปสุดเสียง“เจ้าหยุดนะ!” คุณชายเยว่สือหยุดชะงัก ไม่กล้าก้าวเดิน บางอย่างบีบรัดในอกของเขา ได้ยินเสียงฝีเท้าของหญิงสาวเดินเร็วๆตามมา นางใกล้เข้ามาแล้ว.. เขากำหมัดแน่น วิ่งทะยาน เหินขึ้นไปบนยอดไผ่ แตะปลายเท้าเบาๆและบินหนีไปหมิงอัน ยืนมองเขาหนีไปด้วยความโกรธจัด นางไม่ยอมรับ พื้นที่แถวนี้ นางวิ่งไปมาเป็นร้

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 2 คิดสามครั้ง

    เห็นท่าทางที่นางพยายามเก็บความเจ็บปวดแล้ว เขารู้สึกสงสารก็สงสาร แต่โกรธก็ยังคงโกรธ จึงแกล้งบีบมือแรงขึ้นอีกเล็กน้อย ให้นางรู้สึกเจ็บเสียบ้าง ต่อไปจะได้จำได้ว่าถ้าปีนขึ้นมาก็ต้องได้แผลเช่นนี้ และเจ็บเช่นนี้ ถึงแม้ในใจลึกๆ ของเขาจะรู้ดีว่านางไม่มีทางหลาบจำ ก็ในเมื่อนางทำเช่นนี้หลายครั้งแล้ว ทุกครั้งก็ต้องมีแผล ทุกครั้งจะถูกเขาดุด่าเสมอ แต่นางก็ยังทำ และเขาก็ต้องมานั่งกลัวทุกครั้งว่านางอาจพลัดตกลงไปจริงๆ สักวัน“อีกข้าง” เขาบอกหมิงอันยื่นมืออีกข้างให้ แต่ไม่กล้าหันมามองอกเปลือยของเขา จึงพยายามหันหลบ หลับตาแน่น เยว่สือเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ แกล้งดึงแขนนางแรงๆ ให้นางหันมาทางเขาจะได้ใส่ยาได้สะดวก แต่นางกลับทรงตัวไม่อยู่ ถลาเข้าอ้อมสู่อกของเขา นางตกใจลืมตา ใช้สองมือยันหน้าอกเขาไว้!!ไม่ใช่แค่ได้เห็น แต่ยังได้จับสัมผัส! หัวใจของหมิงอันแทบจะหยุดเต้น หน้าแดงยิ่งกว่าผลท้อ มือข้างหนึ่งพันแผลแล้วจึงไม่เป็นอะไรมาก แต่อีกข้างเจ็บแสบจากการสัมผัส หมิงอันจึงรีบยกมือถอยออกมาเล็กน้อย“ข้า...ข้า..ไม่ใช่ข้านะ ..ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางพูดเสียงตะกุกตะกัก แต่สายตายังคงแอบชำเลืองอกเปลือยของเขา เห็นว่ามีคราบเลือดจา

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 3 ความฝัน [warning]

    …มือใหญ่บีบหลังหัวของเขาจนเจ็บ กดเขาไว้กับหมอน ฉีกทึ้งกางเกงตัวในของเขาจนขาด เขารับรู้ถึงบางอย่างที่แทรกเข้ามาทางทวาร มันเจ็บจนเขาทนไม่ไหว ราวกับบางอย่างฉีกขาด เขาไม่แน่ใจว่าเป็นหัวใจของเขาหรือเนื้อตัวของเขา รู้แต่ว่าเขาร้องไห้จนตอนนี้น้ำตาแห้งเหือดแล้ว เขาทั้งอ้อนวอนขอความเมตตา ทั้งหวาดกลัวหลบหนี บางครั้งถึงขั้นต่อสู้ แต่ปีศาจตัวนั้นก็ไม่ปราณีเขา เขาไม่เคยชนะ เขาต้องอดทนจนกว่าปิศาจตัวนั้นจะสงบลง มันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็ยังคงเจ็บปวดเช่นเดิม เขาเป็นเพียงของเล่นของปีศาจเท่านั้น วันนี้ก็เช่นกันหลังจากที่เขาถูกย่ำยีอย่างบ้าคลั่ง ทั้งทางปากและทางทวาร ถูกกระแทกซ้ำๆ จนเลือดไหล จนเขาขยับไม่ไหว ในที่สุดปีศาจตัวนั้นก็พอใจ ปลดปล่อยความคลั่งขาวขุ่นในปากของเขาและลุกขึ้น ปล่อยเขานอนนิ่งไม่ไหวติงที่เตียงหยก จนขันทีต้องมาเร่งให้เขารีบออกไปจากที่นี่ แม้เจ็บปวดคราบน้ำตาเต็มหน้า แต่เขาก็ต้องอดทนลุกขึ้น หากไม่แล้วเขาจะต้องถูกฆ่าแน่ เขายังถูกฆ่าไม่ได้ เขายังมีคนให้ต้องปกป้อง เขาถูกขันทีพยุงให้เดินออกจากห้องนั้น ระหว่างกำลังเดิน เขาเห็นบางอย่างขยับเล็กน้อยทางหางตา จึงหันไปมอง และเขาก็ต้องเจอกับส

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 4 ชั่ววูบ

    ฮ่องเต้ตั้งใจจะทำให้เขารู้สึกตกต่ำยิ่งกว่าการเป็นคน เพราะฮ่องเต้รับรู้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่เขามีให้กับเด็กหญิง เขาโกรธจนทำอะไรไม่ถูก แต่ฮ่องเต้กลับหัวเราะดีใจที่ในที่สุดก็ได้เห็นเขาแสดงอารมณ์ออกมาบ้างเยว่สือนึกถึงเรื่องราวแย่ๆเพราะความฝันนั้น ฝันร้ายที่ชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นใหม่เมื่อครู่ เขาพยายามหายใจเพื่อบรรเทาอาการปวดที่หัวใจ แต่เมื่อหายใจได้คล่องเล็กน้อยบ้าง ในหัวกลับเริ่มได้ยินเสียงบอกรักอีกครั้ง เขาจึงจับกระบี่เล่มเล็กตรงมุมห้องเดินออกไปที่ลานและเริ่มร่ายรำเพลงกระบี่ เขาต้องหาอะไรสักอย่างทำ ไม่เช่นนั้นเขาคงทนรับรู้ความเจ็บปวดที่หน้าอกไม่ไหวแน่ เขาหนีออกมาอยู่คนเดียวที่หอเรือนไผ่ ปล่อยข่าวแย่ๆของตัวเองก็เพื่อหนีจากนาง เพื่อให้นางหนีไปจากเขา ไม่ใช่เพื่อให้นางมาบอกรักเขาเช่นนี้ ความรู้สึกของเขาหรือของนาง เขามองไม่เห็นวันข้างหน้า ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เห็นแต่ความมืดมิด ไม่มีชีวิตที่อยู่ร่วมกันได้ ราวกับอยู่คนละฝั่ง ไม่อาจเอื้อมถึงอีกคน แม้หัวใจจะร่ำร้องมากเพียงใดก็ตาม การที่นางมาบอกรักด้วยสายตามุ่งมั่นจึงทำให้เขาโมโหจนไม่รู้จะทำเช่นไร โกรธนางที่โง่เขลา แต่โกรธตัวเองที่ไร้หนทา

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13

Bab terbaru

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 16 ชีวิตแสนสุข (ตอนจบ)

    เสี่ยวอวี้ เสี่ยวหยาง เสี่ยวชิง และเสี่ยวหลันโผเข้ากอดนางแน่น ดวงตาเปียกชุ่มด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ หลังจากที่ต้องทนทุกข์ใจกับข่าวร้ายที่ท่านน้ากระซิบบอกว่าอาจไม่ได้พบมารดาอีกหลายวัน หรือตลอดไป ไป๋อวิ๋นเหยาใช้เวลาปลอบโยนลูกๆ ที่ยังไม่คลายจากความหวาดหวั่น เสียงหัวเราะและรอยยิ้มกลับมาเติมเต็มจวนไป๋อีกครั้ง แต่ลึกลงไปในใจของนาง ความกังวลยังคงรุกล้ำเงียบงัน วันแล้ววันเล่า นางเฝ้ารอการกลับมาของสามีผู้เป็นที่รัก แต่มีเพียงสายลมหนาวยามค่ำคืนเท่านั้นที่ตอบกลับมา องค์หญิงหว่านหนิงถูกประกาศว่าถูกไฟไหม้เสียชีวิต เพราะเมามายเกินไประหว่างคืนเทศกาลโคมไฟ และจวนไป๋ก็ได้รับเงินมากมายจากราชสำนักเพื่อบำรุงซ่อมแซมจวน แต่ไร้เงาของเฉินซูเหยา เวลาล่วงผ่านไปนานนับเดือน แต่สามีของไป๋อวิ๋นเหยาก็ยังไม่กลับมา นางเฝ้ารอด้วยความทุกข์ใจจนแทบทนไม่ไหว ความเงียบงันที่ไม่มีแม้เงาของเขาทำให้นางตัดสินใจลงมือเอง แม้จะเป็นเพียงบุตรีของอดีตบัณฑิต แต่ด้วยแรงแห่งความรักและความหวัง นางจึงพยายามหาหนทางติดต่อองค์รัชทายาท ทุกก้าวของนางเต็มไปด้วยอุปสรรค สายตาดูแคลน และเสียงกระซิบวิจารณ์ แต่ไป๋อวิ๋นเหยาก็ไม่ยอมแพ้ กระทั่งวัน

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 15 สัญญาปากเปล่า

    ความรู้สึกผิดท่วมท้น นางเงยหน้ามองชายผู้เคยเป็นดั่งเงาในชีวิตด้วยน้ำตาที่รินไหล เขาต้องการให้นางเจ็บปวดเพื่อนางจะได้หันหน้าหนี เพื่อนางจะได้ปลอดภัย และนางก็เป็นเช่นนั้น เกลียดเขาจนวันสุดท้ายของชีวิต แม้เขาจะรอนางอย่างเดียวดายที่สะพานไน่เหอ หลายปี แต่นางก็ยังเกลียดเขา “ข้า..ข้ามันเห็นแก่ตัวนัก” เสียงแหบพร่าของไป๋อวิ๋นเหยาสั่นเทา นางสะอื้นน้ำตารื้น “..เหตุใดจึงเป็นเหยาเหยาเห็นแก่ตัวเล่า..ข้าต่างหากที่เห็นแก่ตัว ข้าต่างหากที่ทำให้เจ้าเจ็บปวด ทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน” เขากอดรัดภรรยาไว้จนแน่น “เจ้าคิดจะตายลำพัง!” นางก่นด่า หากเมื่อคืนนี้นางไม่เข้าไปในเรือนหลัง เขาก็คงจะตายลำพังอีกแล้ว “ข้าเตรียมทางหนีไว้แล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ ทางที่ข้าพาเจ้าหนีมาอย่างไรเล่า” เขาลูบหัวของภรรยาเบาๆ “แต่หากข้าไม่เข้าไป เจ้าก็จะรอจนแม่ทัพหนุ่มที่เผาภูเขาลูกนั้นเข้ามาในจวน แล้วเจ้าค่อยเผาใช่หรือไม่!!” นางเข้าใจความตั้งใจของเขาดี เขาคงคิดจะเสียสละชีวิตเพื่อลากทุกคนไปกับเขา “..เหยาเหยาไม่ต้องกังวล ข้าจะหาทาง” “แล้วเราจะทำเช่นไรต่อไปดี ข้า..ข้าทำให้เจ้า..ข้าทำแผนของเจ้าพัง” “เหยาเหยาไม่ต้องกังวล” เขาเพียงพูดพร

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 14 เรื่องที่สามีเล่า

    เฉินซูเหยากอดร่างของภรรยาไว้ในอ้อมแขน ร่างของนางที่ยังอ่อนแรงพิงเขาอย่างตกตะลึงในความจริง นางเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม“เจ้ากล้าโกหกข้าหรือ” ไป๋อวิ๋นเหยาท้วงติงไม่พอใจ เขาหัวเราะขบขัน ไม่เห็นการข่มขู่ของภรรยาอยู่ในสายตา เขาเพียงเริ่มเล่าถึงความหลังที่เกิดขึ้นต่อไปพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น มองภรรยาด้วยความรักใคร่ ไป๋เหวินหยาง เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการศึกสงคราม แต่ก็เป็นบัณฑิตมากความสามารถ มีสายตาที่มองทะลุความสามารถของคน แม้จะรู้ว่าเฉินซูเหยาเป็นบุตรนอกสมรสของแม่ทัพหยวนกวน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังยื่นมือมาช่วยเหลือเฉินซูเหยาไว้ ช่วยปกปิดภูมิหลังของเขา ซ่อนเขาจากศัตรูของแม่ทัพ สั่งสอนเขาราวกับศิษย์คนหนึ่ง หลังจากเด็กหนุ่มสอบได้เป็นจอหงวน ชีวิตของเขาก็เริ่มรู้สึกสงบสุข ได้แต่งงาน เขาไม่เคยคิดแก้แค้นให้บิดาเลยแม้แต่น้อย เพราะกำลังของเขาไม่มากพอ และที่สำคัญ เขาแต่งงานกับหญิงสาวตรงหน้าแล้ว เขาไม่อยากให้ภัยอันตรายใดๆ มาถึงจวนไป๋ หรือครอบครัวของนาง เขาจึงเลือกที่จะวางอดีตลง หรืออย่างน้อยก็พยายามวาง แต่ในใต้หล้านี้ ความตั้งใจหรือจะสู้ฟ้าลิขิต หลังจากเฉินซูเหยาได้ร

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 13 รสรัก (NC)

    “อ้า..เหยาเหยา..” เขาครางแหบพร่าไป๋อวิ๋นเหยาแทบอยากจะกรีดร้อง เพราะรู้สึกว่าความร้อนแท่งใหญ่ที่ค่อยๆ ซึมเข้ามา เหมือนเปลวเพลิงกำลังกัดกิน ทุกอณูของร่างเริ่มร้อนจนเหมือนจะระเบิด ความกำหนัดที่เขาเพาะบ่มตลอดการย่างกำลังทวีขึ้น ความรู้สึกถูกเผาผลาญนั้นเหมือนจี้ถูกจุดร่างกายของไป๋อวิ๋นเหยาสั่นระริกโดยไม่อาจควบคุม พวยพุ่งความสุขสมออกมาจนท่วมรอบเอวสามี เขาไม่ได้รังเกียจ อีกทั้งยังกอดนางแน่นยิ่งขึ้น งัดเอวขึ้นเพื่อกดแท่งหยกซ้ำๆ บนจุดแสนหวานในร่องรักของภรรยา “เหยาเหยากล้าพวยพุ่งน้ำพุใส่ข้าแล้วหรือ” เขาล้อเลียน ยิ้ม บางเบาพึงพอใจ ระหว่างที่ยังคงบดสะโพกต่อไป ไป๋อวิ๋นเหยาใบหน้าแดงก่ำอยากร้องไห้ นางสั่นระริกสุขสมไปทั่วร่าง เขายังกล้าล้อเล่นเช่นนี้อีก เมื่อก่อนเขาชอบขอจะดูนางปลดเบา อย่างไรนางก็ไม่ให้ เขาจึงได้แต่ทำใจ วันนี้นางพวยพุ่งใส่เขาเช่นนี้ ไม่ใช่นางกล้าหาญหรือจงใจ แต่เพราะนางควบคุมไม่ได้จริงๆ และนางกล้าสาบานว่านี่ไม่ใช่การปลดเบาเขาต่างหากที่ทำให้นางควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้!“ชู่ว..ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือ เหยาเหยาเย้ายวนยิ่ง” เขาชื่นชม ก้มลงจูบซับน้ำที่เอ่อล้นขอบตาของภรรยา ลิ้มเลียน้ำตาของ

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 12 ขับยาพิษและหมูยาง

    มือของเขาเคลื่อนไปจับมือของนางที่อ่อนปวกเปียกเพราะพิษกำยาน และเริ่มนวดเบาๆ ที่ปลายนิ้ว ไล่ไปจนถึงฝ่ามืออย่างทะนุถนอม แม้มือของเขาเองจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่มันกลับไม่หยุดความพยายามของเขาแม้แต่น้อย ราวกับจะทำทุกวิถีทางให้นางรู้สึกร้อนรุ่มขึ้น นางได้แต่มองเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอึดอัดปนความสับสน แม้จะอยากปฏิเสธ แต่ความรู้สึกอ่อนโยนที่เขามอบให้ กลับทำให้นางไม่อาจห้ามหัวใจของตัวเองไม่ให้เต้นระรัว เด็กสารเลวนี่ วางแผนจะรวบนางนานแล้วหรือ! นางคิดว่าท่านพ่อบังคับเขาให้แต่งเสียอีก ที่แท้เขาก็ไม่ได้ใสซื่อมือของเฉินซูเหยาค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาที่ปลายเท้าของนางเขาเริ่มนวดที่ฝ่าเท้า ไล่ขึ้นไปจนถึงข้อเท้าอย่างแผ่วเบา สัมผัสของเขาช่างอ่อนโยนและตั้งใจ เหมือนพยายามจะบรรเทาความชาและขับพิษให้นางให้ได้มากที่สุด แต่สายตาหื่นกระหายกลับพูดสิ่งอื่น “เลือดลมของเจ้าจะต้องรีบขับออก” เขาพูดเบาๆ พลางจ้องมองใบหน้าของนางที่เริ่มแดงจนคล้ำ แม้ในใจไป๋อวิ๋นเหยาจะยังคงประท้วงอยู่ แต่ร่างกายกลับยอมรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ นางหลับตาลงเล็กน้อย ปล่อยให้ความร้อนรุ่มจากพิษสมุนไพรและสัมผัสของเขาไหลเวียนไปทั่วร่าง ท่ามกล

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 11 ยาแรง

    “...” ไป๋อวิ๋นเหยาส่งสายตาขุ่นเคืองไปยังเขา แต่กลับทำให้เขายิ่งหัวเราะชอบใจ “ดื่มเถิด ข้าจะช่วยพยุงเจ้าเอง” เขาประคองนางขึ้นอย่างระมัดระวัง แม้บาดแผลของเขาจะส่งผลให้ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไป ด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่แสดงอาการใดๆ เพียงใช้แขนที่มั่นคงรองรับร่างของนางไว้ริมฝีปากของนางสัมผัสกับของเหลวสีเขียวเข้ม กลิ่นของมันไม่ชวนดื่มเอาเสียเลย ทว่าด้วยแรงผลักดันจากแววตาที่มุ่งมั่นน่ารัdของเขา ไป๋อวิ๋นเหยาจึงกล้ำกลืนมันลงคอไปอย่างยากลำบากเมื่อนางยอมดื่มจนหมด เฉินซูเหยาก็โยนถ้วยใบไม้ทิ้ง จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตนาง เรียวลิ้นกวาดสัมผัสยาสมุนไพรขมๆ ในปากอิ่มของภรรยาอย่างหิวโหย ไป๋อวิ๋นเหยาเบิกตาโพลง ตกใจราวสาวน้อยที่เพิ่งเคยจุมพิตนางรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปพบกับเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดที่ขโมยจุมพิตแรกของนาง ราวเด็กหนุ่มเอาแต่ใจผู้นั้นยังคงอยู่ไม่หายไปไหน “เจ้ายังขยับไม่ได้ แต่เลือดเริ่มไหลเวียนดีขึ้นแล้ว อีกไม่นานเจ้าจะหาย” เขากระซิบบนริมฝีปากของภรรยา เหมือนปลอบเด็กน้อย เขาชอบทำเช่นนี้เสมอ ป้อนยานางและตามด้วยจุมพิตขมปนหวาน เขาทำเช่นนี้ทุกครั้งที่นางป่วย เอาใจใส่นางและกลั่นแกล้งนาง ร่างแน่นิ่งซึ่

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 10 สามีวางยา

    เปลวไฟเริ่มลุกลามไปตามต้นไม้แห้งบนเขาอย่างรวดเร็ว ควันดำพวยพุ่งขึ้นปกคลุมท้องฟ้า ความร้อนระอุค่อยๆ แผ่ขยายออกไปขณะที่เสียงสัตว์ป่ากรีดร้องดังขึ้นทั่วภูเขา สัตว์ต่างๆ วิ่งพล่านออกจากป่าด้วยความตื่นตระหนก บ้างสะดุดล้ม บ้างถูกไฟคลอกจนสิ้นใจ พวกมันพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด แต่ไม่มีตัวไหนหลุดรอดจากเงื้อมมือเปลวเพลิง ในขณะที่ไฟกำลังโหมกระหน่ำบนเขา เฉินซูเหยาและไป๋อวิ๋นเหยาหยุดอยู่ปลายแม่น้ำที่ทอดตัวไกลจากเขาลูกนั้น ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเซียว แต่แววตายังคงมุ่งมั่น เขามองยอดเขาที่กลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงฉาน ลุกไหม้ราวกับต้องการกลืนกินทุกสิ่ง“พวกมันไม่ยอมปล่อยเรา” เขาพึมพำ ขณะสายตายังจับจ้องภาพโหดร้ายตรงหน้า ไป๋อวิ๋นเหยาเงียบงัน ยืนนิ่งอยู่ข้างเขา น้ำใสเย็นจากแม่น้ำไหลเชี่ยวอยู่รอบข้อเท้าทั้งสอง แต่กลับไม่อาจดับความร้อนแรงจากเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ภูเขาอยู่เบื้องหน้าได้ สองเท้าของนางหนาวเย็นจนเริ่มไร้ความรู้สึก สองมือของนางเริ่มเป็นเหน็บชา เฉินซูเหยาไม่ได้เอ่ยคำใดอีก เขาเพียงจับมือภรรยาแน่น และพาก้าวเดินต่อไป มุ่งหน้าสู่ที่ปลอดภัย โดยปล่อยให้ภูเขาที่ลุกโชนคงอยู่เป็นสัญลักษณ์แห่งความอำมหิตของศัตรูที

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 9 หนี

    “อย่าขยับ อยู่ตรงนั้น!” เสียงของเขาเด็ดขาดราวกับคำสั่ง แต่กลับเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ปกปิดไม่มิด เฉินซูเหยาก้าวเข้า ประจันหน้ากับคนชุดดำที่เหลือ ท่าทางของเขาแม้จะดูอ่อนล้าลง เพราะบาดแผล แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ลดละ เขาจะไม่มี วันยอมให้ผู้ใดแตะต้องไป๋อวิ๋นเหยาได้เฉินซูเหยาตวัดดาบด้วยความแม่นยำ ร่างของคนชุดดำทั้งสองล้มลงในกระบวนท่าเดียว เลือดสาดกระเซ็นเปรอะพื้น แต่ก่อนที่เขาจะได้พักหายใจ เสียงฝีเท้าของนางรำจำนวนมากก็ดังเข้ามาใกล้ เขาขบฟันแน่น สายตาคมกวาดมองไปทางภรรยาที่เขายังต้องปกป้อง เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว สะบัดมือโยนฮว่าเจ๋อจึ[1]ออกไป จุดไฟขึ้นกลางเรือนด้วยมือที่ยังเปื้อนเลือด เปลวไฟลุกโชนกินเนื้อไม้ จนเสียงแตกเปรี๊ยะดังไปทั่ว คล้ายเขาลงน้ำมันไว้แล้วก่อนหน้าเฉินซูเหยาฉวยมือคว้าเอวไป๋อวิ๋นเหยาแน่น แม้ร่างกายเขา จะอ่อนล้าจากบาดแผล แต่ฝีเท้ายังคงเร่งรีบ ลากนางมุ่งไปทางบ่อน้ำ ด้านหลังเรือน ตลอดทางไป๋อวิ๋นเหยาเห็นว่ามีร่างคนล้มตายเกลื่อนกลาด คล้ายการต่อสู้นี้เกิดขึ้นก่อนที่นางจะเข้ามาแล้ว กลิ่นกำยานเจืออยู่ในอากาศ หญิงสาวในชุดรำที่วิ่งตามมา หอบหายใจรุนแรงก่อนจะทรุดลงทีละคน

  • กระถางบำเพ็ญเพียรของโม่เหนียง (และรวมเรื่องสั้น)   บทที่ 8 ตกใจอะไรก่อนดี

    เมื่อท้องฟ้าสีดำในเมืองหลวงถูกประดับด้วยแสงเรืองรองของโคมไฟ เด็กๆ ต่างส่งเสียงหัวเราะตื่นเต้นรอคอยการเดินทางไปเทศกาล ท่านน้าและสามีของท่านน้าเตรียมรถม้าคันใหญ่สำหรับพาเหล่าลูกหลานออกไปเพลิดเพลิน เหมือนเช่นชาติก่อน ไป๋อวิ๋นเหยามองดูลูกๆ ในชุดใหม่ที่กำลังปีนขึ้นรถม้าอย่างร่าเริง แต่นางกลับอ้างว่าลืมของสำคัญของสตรี และปล่อยให้เด็กๆ ไปเที่ยวกับน้าสาวและน้าชายก่อน นางคิดว่านางจะรีบตามไปหลังจากเตือนสามีและอนุของเขา แล้วค่อยตามไปนอนพักที่บ้านน้องสาวคืนนี้ เหมือนชีวิตในครั้งก่อน เมื่อรถม้าเคลื่อนออกไป ไป๋อวิ๋นเหยามองตามจนสุดสายตา จากนั้นจึงหันหลังกลับ รีบสาวเท้ากลับไปยังจวนไป๋ ความมุ่งมั่นในดวงตาของนางแข็งกร้าวขึ้นทุกย่างก้าว ไป๋อวิ๋นเหยาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เงาของนางทอดยาวไปตามพื้นหินที่เย็นเฉียบ ความเงียบสงบของค่ำคืนคล้ายทำให้นางรู้สึกว่าทุกย่างก้าวของตนหนักอึ้ง หัวใจเต้นระรัวไม่ต่างจากฝีเท้าม้าที่วิ่งลากรถม้าเคลื่อนไปไม่หยุดหย่อน ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อถึงเรือนหลัง นางหยุดหายใจชั่วครู่ก่อนจะก้าวเข้าสู่ความมืดที่ปกคลุมภายใต้เงาไม้ใหญ่ ทุกสิ่งดูเงียบสงัดเกินไป นางมองไปรอบๆ กลับไร้ซึ่งเง

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status