เรื่องราวเกี่ยวกับเทพเซียนจากสวรรค์ที่ต้องลงเผชิญด่านเคราะห์รัก จากบุพกรรมที่เคยกระทำไว้ในอดีต
Lihat lebih banyakโรงเตี๊ยมแห่งนี้แม้จะเล็กไปหน่อย แต่ก็เป็นแหล่งรวบรวมข่าวสารชั้นดีเช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วลู่เฟยหลงนั้นอยู่เบื้องหลังการชำระล้างมลทินให้เฟิ่งหรั่น มีแต่คนกล่าวเพียงว่าอัครมหาเสนาบดีเฟิ่งผู้เป็นบิดาที่คอยหาหลักฐานมากมายร่วมสามปี จนได้หลักฐานว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการใส่ร้ายอดีตพระชายาเก้าจนถึงแก่ความตาย ก็คือขันทีคนสนิทของลู่อ๋อง แม้จะไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ก็มีหลายคำถามมากมายที่ผู้คนต่างกล่าวขานกัน ว่าเป็นเพราะลู่อ๋องต้องหลงเสน่ห์ชายารององค์ใหม่เป็นแน่ เฟิ่งหรั่นยกยิ้มอย่างพึงใจ อย่างน้อยสามปีที่นางหายไปท่านพ่อท่านแม่ก็ยังคงทวงความยุติธรรมให้นางมาตลอด การกลับมาคราวนี้นางจะต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีที่เคยถูกย่ำยีกลับคืนมา เปิดโปงความชั่วของพวกมันทั้งสองคนในชั่วพริบตานางย่อมทำได้ แต่หากทำเช่นนั้นศัตรูที่นางเคียดแค้นชิงชังจะตายง่ายไป นางต้องการแย่งชิงสิ่งที่พวกมันหมายปองให้มาอยู่แทบเท้านาง ในเมื่อเคยเป็นคนดีแต่กลับถูกคนชั่วหลอกใช้ นางก็ขอกลายเ
ไป๋ลู่หัวเสียอย่างยิ่ง หากนางทำสิ่งใดทำไมต้องมีคนมาขัดจังหวะนางตลอดเวลานะ! เซียนสาวหันมาเผชิญหน้ากับผู้มาเยือนทางด้านหลัง นางยิ้มแหยๆ ให้กับจูเชว่อย่างอารมณ์ดี เขาอายุมากกว่านางหลายพันปีอีกทั้งยังเป็นคนที่คอยขัดขวางนางทุกเรื่องหากนางคิดอ่านสิ่งใด เขาทำตนราวกับตนเองมีเนตรทิพย์แดนสวรรค์ที่สามารถมองเห็นทุกสรรพสิ่งได้ นางเกลียดยิ่งนัก! “เซียนที่ต้องทัณฑ์ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาแดนสวรรค์ และยิ่งไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าหอชะตาเซียน เจ้าบังอาจฝ่าฝืนกฎเช่นนี้ ไม่กลัวสวรรค์ลงทัณฑ์หรือไร?”จูเชว่ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม หากเขาไม่สะกดรอยมาเห็นนางเสียก่อน เกรงว่านางคงทำเรื่องไม่น่าให้อภัยไปแล้ว “แล้วท่านแม่ทัพเล่า มีเวลาว่างมากนักรึถึงมาตามจับผิดข้า คราวก่อนก็ครั้งนึงแล้ว ท่านตามติดข้าเป็นเงาเช่นนี้ คงมิใช่ทำร้ายอันใดกับข้าอยู่ใช่มั้ย?” พยัคฆ์สาวแสร้งเอ่ยปกปิดเรื่องราวของตน และได้ผล...แม้ว่าจูเชว่จะชอบขัดขวางนาง แต่ทว่าไม่เคยตาม
บริเวณลานประหาร ร่างบอบบางที่ถูกตรึงด้วยไม้กางเขน สภาพร่างกายของนางอันบอบบางราวกิ่งหลิวเปียกชุ่มไปด้วยคราบโลหิตจากทัณฑ์ทรมาน เส้นผมที่เคยถูกรวบเกล้าประดับด้วยเครื่องประดับอันงดงาม บัดนี้กลับหลุดลุ่ยปรกใบหน้า ดวงตาที่เคยอ่อนหวานในยามนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้น ที่ไม่มีโอกาสได้มอบความตายคืนให้กับคนที่กระทำนาง ‘เฟิ่งหรั่น’ คือบุตรีของอัครมหาเสนาบดี นางผู้เปี่ยมด้วยรูปโฉมอันงดงามและอำนาจบารมีของบิดา วาสนาชีวิตที่เคยเป็นถึงพระชายาอ๋อง บัดนี้กลับตกต่ำกลายเป็นนักโทษประหารความผิดไม่น่าให้อภัย ดวงตางดงามค่อยๆ ลืมตาขึ้นทีละนิดมองสภาพแวดล้อมรายรอบที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่รุมสาปแช่งนาง นางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันในโชคชะตาของตนเอง นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าวาสนาที่ตนเองเคยเป็นชายาของอ๋องเก้าบุรุษที่ยิ่งใหญ่ บัดนี้จะตกต่ำเป็นถึงนักโทษประหาร คิดแล้วช่างน่าเจ็บปวดใจยิ่งนัก
ลู่เฟยหลงลอบเดินออกมาทางด้านหลังตำหนัก ซึ่งเป็นช่องทางลับที่เขาแอบสร้างเอาไว้นานแล้ว ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะได้ใช้ช่องทางลับนี้ ช่องทางลับที่แม้แต่ฝ่าบาทกับพระมารดาก็ไม่ทรงทราบ ซ่งหลานบอกเขาว่าเฟิ่งหรั่นถูกนำตัวไปขังในคุกใต้ดินที่มืดที่สุดของคุกหลวง คุกที่ไม่มีแม้กระทั่งแสงเดือนหรือแสงตะวันสาดส่อง ชายหนุ่มลอบย่องเข้ามาเงียบๆ วรยุทธ์ของเขานั้นสูงส่งเกินกว่าที่ทหารยามจะคาดเดาได้ เขานำห่อผ้าห่มผืนใหญ่มาด้วยเพื่อหวังจะโอบนางให้คลายความหนาวแล้วพาหนีออกจากคุกแห่งนี้ แต่ทว่าเขาต้องหยุดฝีเท้าเมื่อเจอกับสตรีอีกหนึ่งนางกำลังตรงไปที่ห้องขังเฟิ่งหรั่น เฟิ่งอี้! ชายหนุ่มกำหมัดแน่นเมื่อเห็นสตรีตัวต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด กำลังเดินอย่างแช่มช้ามิรู้ร้อนรู้หนาวอันใด กริยาท่าทางราวกับคนใจเย็นสุขุม ทั้งๆ ที่บิดาและมารดาของนางกำลังร้อนรนเพราะหาทางช่วยเฟิ่งหรั่น แต่นางคนนี้กลับมีท่าทีราวกับเบิกบานใจ
เฟิ่งหรั่นถูกคุมขังอยู่ในตำหนักหลายวัน ขณะที่ลู่อ๋องไม่สนใจความเป็นความตายของนาง เขากลับแต่งตั้งเฟิ่งอี้น้องสาวนางเป็นพระชายารอง ให้ดูแลงานทุกอย่างภายในวังอ๋องแทนนางที่ถูกคุมขังในตำหนัก แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตากับนางอยู่บ้าง กงกงของวังหาได้เชื่อว่านางเป็นคนทรยศ จึงคอยลอบส่งข่าวสารผ่านจิงเจียวถึงแผนการของลู่อ๋อง “เจ้าคนชั่ว!” เฟิ่งหรั่นเปล่งวาจาด้วยบันดาลโทสะ ฝ่ามือบางที่เคยขาวผ่อง ตอนนี้กลับชุ่มโชกไปด้วยเลือดเนื่องจากนางฟาดฝ่ามือของตนเองเข้ากับผนังกำแพงโดยไม่นึกถึงความเจ็บปวดเลยสักนิด “พระชายาเพคะ” จิงเจียวมองนายของตนด้วยความสงสาร ทั้งหมดนั่นคือการใส่ร้ายกันชัดๆ เจ้านายของนางไม่เคยกระทำตนออกนอกลู่นอกทาง ทุกอย่างเป็นแผนการใส่ร้ายทั้งสิ้น ลู่อ๋องใส่ร้ายเจ้านายของนางจนต้องโดนลงทัณฑ์เช่นนี้! “ข้าแต่งงานกับเขาก็เพื่อหวังช่วยเสริมฐานอำนาจให้เ
ในขณะที่ตำหนักหนึ่งกำลังบรรเลงบทเพลงรักอย่างเร่าร้อน ทางด้านตำหนักของเฟิ่งหรั่นกลับเงียบเหงายิ่งนัก หญิงสาวตื่นขึ้นมาในยามดึก เนื่องด้วยเพลานี้นางพักผ่อนจนพิษไข้สร่างลงไปมาก ด้านข้างกันนั้นมีจิงเจียวคอยช่วยตระเตรียมห่อยาและคอยเช็ดตัวให้กับนาง เฟิ่งหรั่นขยี้ตามองสรรพสิ่งรอบๆ กาย นางกลับมาที่ตำหนักตั้งแต่เมื่อไหร่! ครั้งล่าสุดนางจำได้ว่าเฟิ่งอี้พานางไปเดินเล่นแถวๆ เขตตำหนักบูรพา จากนั้นนางก็เมามายจนสติเลือนรางจดจำสิ่งใดไม่ค่อยได้ นางจำได้แค่เพียงว่ากลิ่นกายของบุรุษที่มิใช่ลู่อ๋อง และเสียงทะเลาะกันในขณะนั้นคล้ายกับว่าเป็นห้วงความฝัน แต่เป็นห้วงฝันที่เหมือนจริงเสียเหลือเกิน “พระชายา ทรงตื่นบรรทมแล้วหรือเพคะ ทรงนอนต่ออีกสักหน่อยเถิด อีกหลายชั่วยามเพคะกว่าฟ้าจะสาง” จิงเจียวเอ่ยด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้พระชายาของนางกำลังตกที่นั่งลำบาก นางไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปลอบใจอย่างไรดี “ข้าจะออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย” เฟิ่งหรั่นกำลังจะก้าวขาลงจากเตียงแต่จิงเจียวปรามเอาไว้ก่อน “อย่าเพิ่งเลยเพคะพระชายา ตอนนี้ท่านอ๋องทรงมีคำสั่งกักบริเวณพระองค์เอา
ลู่อ๋องนั่งหน้าดำเคร่งขรึมหลังจากที่เห็นว่าเฟิ่งหรั่นหายไปนานมากแล้ว นางเดินออกไปจากงานพร้อมกับเฟิ่งอี้ตั้งแต่เมื่อหนึ่งเค่อก่อน ยามนี้ก็ยังไม่กลับมา เขาร้อนรนใจยิ่งนักกลัวว่าจะมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น เขากลัวว่านางจะไปเจอลู่เฟยหลงที่ตำหนักบูรพา กลัวว่านางจะลอบคบชู้สู่ชายดังเช่นที่เขาเคยสบประมาทนางเอาไว้ สองฝ่ามือหนากำหมัดเข้าหากันแน่นอย่างเคร่งเครียด สายตาคมปลาบเห็นท่าทีร้อนรนของเฟิ่งอี้ที่วิ่งกระหืดกระหอบมาคนเดียว คิ้วหนาขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์ เขามองเฟิ่งอี้แล้วพลันเกิดลางสังหรณ์บางอย่าง แต่ทันใดนั้นนางกลับวิ่งเข้ามาหาเขา “ท่านอ๋องเพคะ แย่แล้วเพคะ พี่หญิงออกไปเดินเล่นกับหม่อมฉัน ระหว่างทางไปเรือนรับรองก็เกิดพลัดหลงกันในอุทยาน หม่อมฉันตามหานางจนทั่วแต่ก็ตามหาไม่เจอ” เฟิ่งอี้ปั้นแต่งเรื่องราวขึ้นมาได้อย่างแนบเนียน หัวคิ้วของลู่อ๋องขมวดมุ่นแทบจะชนเข้ากัน สองมือกำจอกสุราแน่น เขารู้ดีว่าตอนนี้นางอยู่ที่ใด! สายตาคมปลาบฉาบไปด้วยกลิ่นอายอำมหิตจนเฟิ่งอี้สัมผัสได้ นางลอบยิ้มบางๆ อยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นลู่อ๋องลุกขึ้นยืนอย่างองอาจ กล่าวต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบ
หัวคิ้วของเฟิ่งหรั่นขมวดมุ่นเข้าหากัน หางตาของนางชำเลืองมองลู่อ๋องสามีของนางเป็นระยะ เห็นเขากำลังสนใจนางระบำตรงหน้าจึงพ่นลมหายใจออกมาแผ่วเบา นางมองภาพการร่ายรำเบื้องหน้าสักครู่หนึ่ง แล้วหันมากำชับจิงเจียว “เก็บเรื่องนี้เอาไว้ให้ดี อย่าแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด” จิงเจียวพยักหน้ารับแทนคำตอบ นางกระชับอกเสื้ออย่างดีก่อนจะหันมาสนใจการแสดงร่ายรำตรงหน้า ลู่ฮ่องเต้ทรงยกจอกสุรามงคลขึ้นดื่มต่อหน้าทุกคน ลู่เฟยหลงเป็นตัวแทนเชื้อพระวงศ์ ขุนนางและประชาชนจำนวนมากกล่าวคำอวยพรต่อเบื้องพระพักตร์ ข้างกายของเขานั้นมีลู่เสวียนหลานชายที่ยังเยาว์วัยคอยนั่งอยู่เคียงข้าง “กระหม่อมขอเป็นตัวแทนของทุกท่านในที่นี้ ขอถวายพระพรให้ฝ่าบาททรงมีพระพลานามัยแข็งแรง มากยิ่งด้วยทศพิธราชธรรม ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปีพะยะค่ะ” กล่าวจบแล้วก็ดื่มสุราลงคอเพียงรวดเดียวจนหมดจอก แม้ว่าเฟิ่งหรั่นจะไม่ชื่นชอบการดื่มสุรา แต่ในงานมงคลเช่นนี้นางไม่ควรปฏิเสธให้เสียมารยาท นางจึงฝืนใจกลืนรสขมปร่าของมันลงคอเพียงรวดเดียว ฝ่ามือบางวางกระแทกจอกสุราบนโต๊ะเบื้องหน้าที่เย็นเฉียบเนื่องเพราะลมหนา
อวี๋ฟางหรงเข้ามาในตำหนักสวรรค์ของเฟิ่งหรั่น สถานที่ที่ในอดีตเฟิ่งหรั่นใช้เป็นที่ประทับส่วนตัว เนื่องจากภายในนี้มีของบางสิ่งที่นางต้องการนางจึงถือโอกาสนี้นำไปให้ได้ หากขาดเจ้าสิ่งนี้เกรงว่าภารกิจของนางอาจไม่สำเร็จลุล่วงโดยง่าย ในเมื่อเทียนโฮ่วทราบว่านางแอบฝ่าฝืนคำสั่ง วันนี้นางก็จะขอฝ่าฝืนคำสั่งอีกสักครั้ง ตำหนักของเฟิ่งหรั่นนี้มีนามว่าตำหนักอิงฮวา ซึ่งเต็มไปด้วยดอกซากุระและดอกไห่ถังบานสะพรั่ง สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่แห่งความทรงจำของเฟิ่งหรั่นและชายคนรักของนางในอดีตชาติ ซึ่งชายคนรักของอีกฝ่ายนั้นก็พี่ชายของอวี๋ฟางหรงหรือไป๋ลู่นั่นเอง เขาคือเทพสงครามแห่งทิศประจิมที่เกรียงไกร ไม่ว่าย่างกรายไปยังพิภพใดล้วนสยบมารศัตรูได้สิ้นซาก สมกับเป็นเทพพยัคฆ์ขาวไป๋หู่ที่เทียนตี้ทรงไว้วางพระทัยที่สุด “เจ้ามาทำอันใดที่ตำหนักอิงฮวา...” น้ำเสียงหนักแน่นของคนผู้หนึ่งดังจากด้านหลัง ไป๋ลู่สูดปากใบหน้าซีดลงอย่างขัดใจ นางอุตส่าห์แนบเนียนที่สุดแล้วเพื่อจะมาเอาของสิ่งหนึ่งในตำหนักอิงฮวามอบให้เฟิ่งหรั่น แต่กลับมีคนมายุ่มย่ามเสียนี่ ไป๋ลู่หันกลับมาตามเสียงเรียก พลางยิ้มแหยๆ ใส่ผู้ที่ข
บริเวณลานประหาร ร่างบอบบางที่ถูกตรึงด้วยไม้กางเขน สภาพร่างกายของนางอันบอบบางราวกิ่งหลิวเปียกชุ่มไปด้วยคราบโลหิตจากทัณฑ์ทรมาน เส้นผมที่เคยถูกรวบเกล้าประดับด้วยเครื่องประดับอันงดงาม บัดนี้กลับหลุดลุ่ยปรกใบหน้า ดวงตาที่เคยอ่อนหวานในยามนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้น ที่ไม่มีโอกาสได้มอบความตายคืนให้กับคนที่กระทำนาง ‘เฟิ่งหรั่น’ คือบุตรีของอัครมหาเสนาบดี นางผู้เปี่ยมด้วยรูปโฉมอันงดงามและอำนาจบารมีของบิดา วาสนาชีวิตที่เคยเป็นถึงพระชายาอ๋อง บัดนี้กลับตกต่ำกลายเป็นนักโทษประหารความผิดไม่น่าให้อภัย ดวงตางดงามค่อยๆ ลืมตาขึ้นทีละนิดมองสภาพแวดล้อมรายรอบที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่รุมสาปแช่งนาง นางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันในโชคชะตาของตนเอง นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าวาสนาที่ตนเองเคยเป็นชายาของอ๋องเก้าบุรุษที่ยิ่งใหญ่ บัดนี้จะตกต่ำเป็นถึงนักโทษประหาร คิดแล้วช่างน่าเจ็บปวดใจยิ่งนัก ซ่า! เสียงน้ำที่ถูกสาดจากถังน้ำไม้สีน้ำตาลใบใหญ่สาดกระเด็นเข้ามาที่ใบหน้าเปื้อนเลือดของเฟิ่งหรั่น หญิงสาวทำได้แค่หลับตาและเบี่ยงใบหน้าหลบเท่านั้น ความอัปยศในวันนี้ทำให้นางเ...
Komen