Home / โรแมนติก / Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก / 08 - ดอกไห่ถังที่โรยรา

Share

08 - ดอกไห่ถังที่โรยรา

Author: WangFei
last update Last Updated: 2025-03-29 21:24:55

กองทัพเสวียนอู่เดินทางมาถึงที่หมาย ตอนนี้การจลาจลทั้งหมดถูกควบคุมเอาไว้หมดแล้ว โดยรองแม่ทัพที่เขามอบหมายให้ประจำการอยู่ที่นี่ ระหว่างที่เขาประทับอยู่ในเมืองหลวง ด้วยเกรงว่าพวกกบฏที่จับกุมตัวเอาไว้ได้นั้นจะก่อความวุ่นวาย แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจากไปไม่กี่วัน กลับเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นทันที

ลู่เฟยหลงก้าวลงจากหลังม้า ส่งมอบม้าให้กับจางซินเฉิงแล้วถือกระบี่เดินเข้ามาในกระโจมหลังใหญ่ของตนเอง ตอนนี้เหล่าเชลยบางส่วนที่ก่อกบฏล้วนถูกขังรอการตัดสินโทษอยู่จากเขา

“ชาวเมืองในตำบลซ่างจิ่งนี้ จะให้กระหม่อมจัดการอย่างไรพะยะค่ะ” รองแม่ทัพใหญ่เอ่ยถามน้ำเสียงหนักแน่น

ลู่เฟยหลงมองด้วยสายตาคมปลาบ “ให้ประหารตัวการที่ก่อกบฏครั้งนี้ ส่วนชาวบ้านที่บริสุทธิ์ให้ปล่อยไป ทหารของพวกกบฏนั่นให้เกณฑ์มาเป็นแรงงาน ส่วนเด็ก สตรีและคนชรา ให้ปล่อยพวกเขาไป”

          “พระองค์แน่ใจหรือพะยะค่ะว่าเด็กและสตรีพวกนั้นจะไม่เป็นภัยในภายหลัง” รองแม่ทัพใหญ่ถามอย่างไม่ไว้ใจนัก

          “พวกเขาล้วนแต่เป็นเด็กและสตรี เรี่ยวแรงก็หามีมาต่อกรไม่ ปล่อย

พวกเขากลับไปซะ นี่เป็นบัญชาของข้า” ลู่เฟยหลงสั่งเสียงเข้ม เพียงเท่านั้นรองแม่ทัพใหญ่จึงไม่กล้าเอ่ยวาจาอันใดอีก เพียงแต่ทำตามพระบัญชาเท่านั้น เด็กและสตรีเหล่านี้ภายภาคหน้าพวกเขาอาจเกรงว่าเป็นภัย แต่หากนึกถึงอีกมุมหนึ่ง เด็กและสตรีเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่อ่อนแอ ตกเป็นเชลยจากสงครามจงโจวทั้งสิ้น แค่เพียงปล่อยกลับไปก็เพียงพอ หากนำมาไว้ในค่ายทหารก็ไม่เห็นประโยชน์อันใด เล็งแต่จะเป็นภาระเสียมากกว่า

          ลู่เฟยหลงนั่งขัดดาบของตนเองเงียบๆ ภายในกระโจมหลังใหญ่ เขาหยิบดอกไห่ถังที่อวี๋ฟางหรงมอบให้ออกมาจากอกเสื้อ ก่อนหน้านั้นเขาเห็นเฟิ่งหรั่นก็มีดอกไม้ชนิดนี้เช่นกัน แม้จะไม่ได้พึงพอใจหรือพิศวาสใดในผู้มอบดอกไม้นี้ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องอันใดกับเขาและเฟิ่งหรั่น

          ชะตาวาสนาของเขากับนางนั้นจบสิ้นลงแล้ว นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป นางจะเป็นพระชายาเอกของอ๋องเก้า น้องชายต่างมารดาอย่างสมบูรณ์ ส่วนเขาอาจจะประจำการที่เมืองจงโจวอย่างถาวร ส่วนตำแหน่งรัชทายาทนั้นก็คงมอบต่อให้ลู่เสวียนหลานชายที่ยังเยาว์วัยของตน

          ชายหนุ่มนำดอกไห่ถังนั้นปักเอาไว้ในแจกันลายเงินครามตรงมุมหนึ่งของกระโจมใหญ่ โดยไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติที่มาจากดอกไม้ชนิดนี้เลยสักนิด ราวกับดอกไห่ถังนี้มีมนต์มายาบางอย่างที่เจ้าของดอกไม้ไม่อาจสังเกตเห็นได้ หรืออาจจะเพียงเพราะรอวันเวลาที่เหมาะสมกันนะ

          พิธีอภิเษกสมรสระหว่างลู่อ๋องกับเฟิ่งหรั่นถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ สีพระพักตร์กังวลของเซียวฮองเฮา ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้พระพักตร์อ่อนหวานที่ส่งยิ้มละไมให้กับคู่บ่าวสาวคู่ใหม่ ลู่อ๋องดำเนินการตามขนบธรรมเนียมสามหนังสือหกพิธีการจนหมดสิ้น บัดนี้เฟิ่งหรั่นสตรีงามล่มเมืองกำลังจะกลายเป็นชายาของเขา เสริมฐานอำนาจให้เขาแล้ว

          แม้งานแต่งนี้จะเคยกำหนดให้บุตรีและภรรยาเอกกับภรรยารองของขุนนางเข้าร่วมงาน แต่เนื่องด้วยใต้เท้าเฟิ่งผู้นี้มีอนุภรรยาหลายคนนัก ไทเฮาจึงทรงอนุญาตให้บรรดาอนุภรรยาและบุตรสาวของอนุภรรยาเข้าร่วมงานอภิเษกครั้งนี้ได้ แต่จัดที่นั่งตามลำดับฐานะที่เหมาะสมเท่านั้น

          เฟิ่งเจาหรงและมารดานั่งด้านหลังถัดจากเฟิ่งอี้ เฟิ่งเจาหรงมองพิธีการเบื้องหน้าด้วยแววตาริษยาเฟิ่งหรั่น แม้อีกฝ่ายจะไม่เคยเข้ามาวุ่นวายให้พวกนางต้องลำบากหรือหาเรื่องพวกนาง แต่การเห็นบุตรีของฮูหยินใหญ่ได้ดิบได้ดี ได้ในสิ่งที่พวกนางไม่มีวันอาจเอื้อม น่ารังเกียจยิ่ง!

          อนุผู้เป็นมารดาของเฟิ่งเจาหรงเข้าใจทุกความคิดของบุตรสาว แต่เดิมทีนางก็เป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้ข้างกายของฮูหยินใหญ่เท่านั้น ทว่าต่อมานางกลับถูกยกเป็นอนุภรรยาของใต้เท้าเฟิ่งเพียงเพราะนางกำลังตั้งครรภ์บุตรสาวของเขาซึ่งก็คือเฟิ่งเจาหรง แม้ฮูหยินใหญ่จะไม่ดีกับนางและลูก แต่นางก็ไม่อยากให้ลูกหวังในสิ่งที่ไม่อาจเอื้อมถึง

          “เก็บสายตาแบบนั้นของเจ้าเสียหรงเอ๋อร์” มารดาของเฟิ่งเจาหรงกล่าวเตือนบุตรสาวด้วยท่าทีนิ่งๆ และน้ำเสียงแผ่วเบา นางเกรงว่าหากฮูหยิน

เอกมาเห็นแบบนี้ นางกับลูกคงไม่พ้นโดนรังแกอีกเป็นแน่

          เฟิ่งเจาหรงเชิดสายตาขึ้นเล็กน้อย ต่อให้ฮูหยินใหญ่จะเห็นแววตาของนางแล้วอย่างไร นางก็ไม่กลัวเช่นกัน ยิ่งเฟิ่งหรั่นได้ดิบได้ดีมากเท่าไหร่นางก็ยิ่งอยากทะยานไปให้สูงกว่านั้น นางมองด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก แต่เห็นงานแต่งงานที่ใหญ่โตแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้จริงๆ

          หากลู่เฟยหลงมิใช่พวกตัดแขนเสื้อตนเอง ก็คงจะดีสำหรับนาง..

          เฟิ่งหรั่นเดินเข้ามาในลานพิธีพร้อมกับลู่อ๋องในชุดสีแดงเพลิงงดงาม ชุดนี้ซู่ไท่เฟยทรงพระราชทานให้เป็นพิเศษ ลู่อ๋องมองเจ้าสาวของตนเองอย่างสมใจ อีกไม่กี่เพลาหลังผ่านฤกษ์เข้าหอไปแล้วทุกอย่างจะเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์ เขาจะได้ดำเนินตามแผนการที่วางเอาไว้มาหลายปีเสียที

          นับว่าการลงทุนลงแรงกับเฟิ่งหรั่นไปนั้น คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปจริงๆ

          ทางกรมพิธีการดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง จนกระทั่งถึงช่วงเวลาแห่งการคำนับ ทั้งสองคู่บ่าวสาวหันมาทางซู่ไท่เฟยซึ่งเป็นขั้นตอนการคำนับบิดามารดา ก่อนจะหันมาคำนับไทเฮารองลงมา เนื่องจากการคำนับบิดามารดาผู้ให้กำเนิดนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จะขาดพิธีเช่นนี้ไปไม่ได้

          สกุลอวี๋ของเจ้ากรมอาญาเองก็มาร่วมงานนี้ มีอวี๋ฟางหรงนั่งอยู่ด้านหน้ามองเฟิ่งหรั่นที่กำลังทำพิธีคำนับฟ้าดิน ยามนี้แสงตะวันเริ่มฉายฉานจนร้อนผ่าว หยาดเหงื่อเริ่มปรากฏให้เห็นบนใบหน้าหล่อเหลาของลู่อ๋อง อวี๋ฟางหรงหยิบดอกไห่ถังของตนเองขึ้นมา ดอกไม้ที่ผูกชะตาเซียนของท่านผู้เฒ่าจันทราแดงเอาไว้ ตอนนี้กลีบของมันกลับเริ่มเปลี่ยนสีคล้ายกับจะโรยรา

ตามฤดูกาล แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะดอกไม้นี้เชื่อมต่อวาสนา แต่หากไร้วาสนาต่อกันก็จักโรยราทันที

          พิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของเฟิ่งหรั่นกับลู่อ๋องถูกแพร่สะพัดไปทั่วแผ่นดินจงหยวน ลู่ฮ่องเต้ทรงให้ม้าเร็วส่งสาสน์มาแจ้งแก่พระอนุชาเรื่องนี้ ลู่เฟยหลงอ่านข้อความในสาสน์ก็สัมผัสได้ถึงความปวดใจของตนเองที่ค่อยๆ เผยออกมา จางซินเฉิงกับรองแม่ทัพองครักษ์ซ่งสัมผัสได้ถึงความปวดใจของผู้เป็นนาย

          จางซินเฉิงทราบมาจากรองแม่ทัพองครักษ์ว่าลู่เฟยหลงนั้นหลงรักเฟิ่งหรั่นมานาน แต่กลับไร้ซึ่งวาสนาได้เคียงคู่ เรื่องนี้นี่เองที่ทำให้เขาคลายประเด็นสงสัยเรื่องที่อีกฝ่ายถามถึงเรื่องเก่าของตนเองกับอดีตคนรักที่กลายมาเป็นพี่สะใภ้ ทั้งสองได้แต่มองผู้เป็นนายด้วยความสงสารจับใจ แต่ก็ไม่อาจช่วยสิ่งใดได้เลย

          “จางซินเฉิง เจ้าให้คนเขียนสาสน์ส่งไปที่เมืองหลวง ข้าแสดงความยินดีกับการแต่งงานของลู่อ๋องและแม่นางเฟิ่ง แต่หากไม่มีพระบัญชาหรือเรื่องใดสำคัญข้าจะไม่กลับไปเมืองหลวงเด็ดขาด ข้าตัดสินใจจะยั้งทัพอยู่ที่นี่” ลู่เฟยหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ตอนนี้เขาไม่อาจทำใจเรื่องเฟิ่งหรั่นได้ แค่ไม่มีวาสนากับนางก็เจ็บปวดใจพออยู่แล้ว หากจะต้องเห็นนางนั่งเคียงข้างกับลู่อ๋อง เกรงว่าคงไม่อาจทนได้

          เก้าเดือนผ่านไป อวี๋ฟางหรงเดินทางมาถึงแดนสวรรค์ เพื่อมาเข้าพบผู้เฒ่าจันทรา ซึ่งเป็นผู้ผูกชะตาด้ายแดงแห่งรักให้กับคู่รักบนโลกมนุษย์ ภารกิจของนางยังไม่ลุล่วง หากเฟิ่งหรั่นยังไม่พ้นชะตาจากลู่อ๋อง ผู้เฒ่าจันทราเล่นตลกอันใดกันถึงปล่อยเวลามาล่วงเลยถึงเก้าเดือนเพียงนี้ นับจากที่เฟิ่งหรั่นแต่งงานกับลู่อ๋อง นางก็ไม่เห็นวี่แววแห่งโชคชะตาของอีกฝ่ายเลย

          เทพนักษัตรสาวมาหยุดอยู่หน้าตำหนักของผู้เฒ่าจันทรา แม้จะรู้ว่านี่คือการฝ่าฝืนกฎอย่างหนึ่งของสวรรค์ขณะที่นางรับโทษทัณฑ์บนโลกมนุษย์อยู่ แต่นางไม่อาจทนรอไหวอีกต่อไปแล้ว อวี๋ฟางหรงเดินเข้ามาในตำหนักของผู้เฒ่าจันทราหรือเทพบุพเพอย่างถือวิสาสะ นางเห็นผู้ที่ตนอยากพบกำลังมองด้ายแดงหลายเส้นที่ถูกผูกร้อยเรียงเอาไว้ มีเพียงสองเส้นเท่านั้นที่แปลกแยกจากเส้นอื่น

          “ใจร้อนเสียจริงเทพนักษัตรหญิง” อวี๋ฟางหรง หรือเทพนักษัตรปีเสือเดิมในอดีตนางมีนามว่าไป๋ลู่ เป็นน้องสาวของไป๋หู่หนึ่งในสี่แม่ทัพแดนสวรรค์แห่งกองทัพฝั่งทิศประจิมนางเดินเข้ามา ก็เจอผู้เฒ่าจันทราหรือเทพบุพเพทักทายด้วยน้ำเสียงอันสดใส

          “ท่านเล่นตลกอันใดกับโชคชะตาของเฟิ่งหรั่นกัน เก้าเดือนแล้วนะ ท่านจะให้ข้าอดทนรอถึงเมื่อไหร่” อวี๋ฟางหรงหรือไป๋ลู่ถามด้วยความร้อนใจ ตอนนี้จิตใจของนางไม่เป็นปกติสุขแล้วหากเทพบุพเพยังคงเล่นสนุกอยู่เช่นนี้ “หรือว่าเทียนโฮ่วทรงให้ท่านเล่นตลกอันใดกัน?”

          เฒ่าจันทรายิ้ม “เทียนโฮ่วจะเล่นตลกอันใดกับชะตาของธิดาพระองค์เล่า เทพไป๋หู่ก็เป็นพี่ชายของเจ้ามีเหตุผลอันใดที่ข้าจะต้องเล่นตลกกับเจ้าด้วยเล่าไป๋ลู่”

          เซียนไป๋ลู่ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย

          “ข้าต้องรีบจบภารกิจนี้ เพื่อชดใช้ความผิดในอดีตของข้า เทียนตี้กับ

เทียนโฮ่วทรงไม่รู้ว่าข้าลอบขึ้นมาบนสวรรค์ ข้าเองก็อยากให้ท่านเห็นใจข้า ช่วยข้าให้บรรลุภารกิจเร็วขึ้นเถิด”

          “เจ้าไม่กลัวว่าเฟิ่งหรั่นจะต้องทุกข์ใจหรือ หรือว่าเจ้าไม่กลัวเรื่องร้ายในภายภาคหน้าที่จะเกิดขึ้น เจ้าจะรับผลจากความใจร้อนของเจ้าได้หรือไม่” ผู้เฒ่าจันทราถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ไป๋ลู่เดิมทีใจร้อนเป็นทุนเดิม

แต่หารู้ไม่ว่าความใจร้อนนี้อาจนำภัยมาสู่ตัว

          “ข้าจะแบกรับผลของการกระทำเอาไว้เอง ดีกว่าต้องทนรอแล้วไปรับเคราะห์สิบชาติ แต่หากการตัดสินใจครั้งนี้มีผลผิดพลาดในภายภาคหน้า ข้ายินดีจะลงไปรับเคราะห์สิบชาติเอง” อวี๋ฟางหรงยืนกรานหนักแน่น นางต้องการจบเรื่องวุ่นวายทุกอย่างให้รวดเร็วที่สุด ก่อนที่นางจะไม่มีโอกาสกลับมาแดนสวรรค์อีก แต่นางจะรู้หรือไม่...ว่ามีเรื่องราวร้ายกาจมากกว่านั้นซ่อนอยู่ด้านหลัง

          “ข้าเป็นเฒ่าแห่งจันทรา หาใช่เซียนแห่งกาลเวลาที่จะสามารถทำสิ่งใดได้ ข้าบอกได้แต่เพียงว่าอีกไม่นาน แต่หากเจ้าลงมือก่อนถึงเวลาอันควร ผลตอบแทนของเจ้ามันร้ายกาจยิ่งกว่า” ราวกับเป็นใบเบิกทาง เซียนไป๋ลู่เบิกตาโตราวกับนึกออก ใช่แล้ว...เซียนแห่งกาลเวลา!

          “เซียนแห่งกาลเวลา..จริงด้วย ขอบคุณท่านผู้เฒ่าจันทรา” ไป๋ลู่หรือ อวี๋ฟางหรงก้มหน้าแสดงความขอบคุณน้อยๆ แล้วรีบไปที่ตำหนักของผู้เฒ่าห่งกาลเวลาหรือเซียนแห่งกาลเวลาทันที นางทนอยู่บนโลกมนุษย์ต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว พลังปราณเซียนของนางเหมือนจะลดลงทุกชั่วขณะนางต้องเร่งทำภารกิจบนโลกมนุษย์ แก้ไขความผิดพลาดในอดีตให้ได้ หากนางทำสำเร็จเรื่องที่นางจะยอมรับผลเคราะห์กรรมสิบชาตินั้นก็จะไม่สัมฤทธิ์ผล

          ตำหนักเซียนแห่งกาลเวลา

          ไป๋ลู่หรืออวี๋ฟางหรงต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ จากหูตาอันกว้างไกลของเทียนโฮ่วเพื่อมาหาเซียนแห่งกาลเวลา เนื่องจากเทียนตี้และเทียนโฮ่วห้ามมิให้นางใช้พลังของแดนสวรรค์ในการช่วยเฟิ่งหรั่น ตอนนี้นางไม่มีทางเลือกแล้ว นางต้องเร่งจบเรื่องในอดีตที่ทำผิดกับเฟิ่งหรั่นเอาไว้และกลับคืนสู่แดนสวรรค์โดยเร็ว

          ตำหนักของเซียนแห่งกาลเวลาตั้งอยู่ที่ขุนเขาไท่ซาน ซึ่งเป็นหนึ่งในขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าลูกของแดนสวรรค์ บริเวณขุนเขานี้มีหลายระดับชั้นด้วยกัน ระดับชั้นล่างสุดคือที่อยู่ของเซียนผู้น้อยที่มีหน้าที่รับใช้บรรดาพระโพธิสัตว์และเทพเซียนระดับซ่างเสินและเสินจวินเท่านั้น ส่วนเหนือขึ้นไปหนึ่งระดับ เป็นที่พักของเหรินเซียนและตี้เซียน ซึ่งเป็นเซียนที่พ้นจากสภาวะความเป็นกุ่ยเซียนหรือเซียนผู้น้อยที่สามารถบำเพ็ญเพียรจนบรรลุขั้นเหรินเซียนและตี้เซียน ส่วนระดับเหนือขึ้นไปนั้นเป็นที่พำนักของเหล่าซ่างเสินและเสินจวิน ซึ่งถือเป็นเซียนระดับสูงรองจากเทียนเซียน ซึ่งเซียนเหล่านี้สามารถเดินทางมายังโลกมนุษย์ และยังมีเซียนบริวารเอาไว้รับใช้ได้ตามต้องการ

          เซียนแห่งกาลเวลาเป็นหนึ่งในเสินจวินชั้นสูงที่ประทับอยู่บนขุนเขาไท่ซานแห่งนี้

          ไอหมอกที่ลอยจางๆ ปกคลุมไปทั่วทั้งขุนเขา แต่ทว่ากลับไม่เป็นอุปสรรคสำหรับอวี๋ฟางหรงหรือไป๋ลู่ เพื่อให้ภารกิจบนโลกมนุษย์จบไวๆ นางจำต้องยอมเสี่ยงสักครา

          ‘ข้าขอโทษนะเฟิ่งหรั่น แต่ข้าจำเป็นต้องทำเพื่อตัวข้าจริงๆ’

          อวี๋ฟางหรงมาหยุดที่หน้าตำหนักเซียนอันงดงามของเซียนแห่งกาลเวลา ไอหมอกที่ลอยปกคลุมจางๆ ค่อยๆ สลายหายไปราวกับรู้ถึงการมาเยือนของนาง เซียนสาวกวาดสายตามองแดนทิพย์บนขุนเขาไท่ซานอย่างชื่นชม ครั้งหนึ่งนางเคยมาเที่ยวกับเฟิ่งหรั่นที่นี่ เคยมาโบยบินด้วยกัน ทำให้นาง

คิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ยิ่งนัก

          “คำนับเหล่าจวิน” นี่เป็นคำที่อวี๋ฟางหรงใช้คำนับเซียนแห่งกาลเวลา ซึ่งเป็นเซียนผู้อาวุโสของแดนสวรรค์

          “น้องสาวท่านเทพไป๋หู่มาพบข้า มีเรื่องอันใดหรือ?” ผู้เฒ่าแห่งกาลเวลาหรือเหล่าจวินรู้จุดประสงค์ของอวี๋ฟางหรงหรือไป๋ลู่นานแล้ว แต่ทว่าแค่แสร้งถามลองใจเท่านั้น

          ไป๋ลู่ตอบ “ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าให้บรรลุเป้าหมายภารกิจเรื่องของเฟิ่งหรั่นให้เร็วขึ้น”

          เหล่าจวินแห่งกาลเวลาขมวดคิ้ว ไป๋ลู่กับเฟิ่งหรั่นเคยเป็นสหายที่รักกันมากและสนิทสนมกันมาก นางก่อความผิดจนกระทั่งเทียนตี้ทรงมีบัญชาให้นางไปชดเชยความผิดกับเฟิ่งหรั่นเอาไว้ แต่มาวันนี้กลับจะยอมถอดใจให้เขาเร่งเวลาให้เร็วขึ้นอย่างนั้นหรือ?

          “เทียนตี้ทรงให้เจ้าไปช่วยเฟิ่งหรั่นเพื่อชดเชยความผิดที่ก่อเอาไว้ มาวันนี้เจ้าคิดจะให้ข้าเร่งเวลาบนโลกมนุษย์ให้เร็วขึ้นอย่างนั้นรึ?” เซียนแห่งกาลเวลาถาม คิ้วของเขาชนกันจนเห็นได้ชัด

          ไป๋ลู่พยักหน้าตอบ “หากข้าอยู่บนโลกมนุษย์นานกว่านี้ เกรงว่าพลังปราณเซียนและจินตันจะอ่อนแอมากกว่านี้ ข้ามิใช่เผ่ามารหรือเซียนชั้นสูงที่จะมีจินตันมากพอ หากท่านไม่ช่วยข้า เห็นทีกายทิพย์ของข้าคงดับสลายไปรับเคราะห์สิบชาติเป็นแน่”

          ไป๋ลู่เอ่ยอย่างขอความเห็นใจ นางสบสายตาเหล่าจวินอาวุโส “แต่

หากท่านช่วยข้า เฟิ่งหรั่นก็จะได้กลับแดนสวรรค์เร็วขึ้น เทียนตี้กับเทียนโฮ่วก็คงพอคลายโทสะได้บ้าง”

          เซียนแห่งกาลเวลามองไป๋ลู่ด้วยความสงสารระคนเห็นใจ แต่เรื่อง

ทุกอย่างก็เริ่มต้นมาจากความผิดพลาดของนางเองทั้งนั้น หากนางจะเรียนผูกนางก็ต้องเรียนแก้ด้วยตนเองถึงจะถูก

          “หากข้าช่วยเจ้า เทียนตี้ทรงทราบเข้าข้าก็ไม่พ้นมีความผิด เจ้ากลับไปเถิด ไปที่แคว้นเหลียว แล้วรอฟังข่าวดีที่เจ้าต้องการ” เซียนแห่งกาลเวลาเอ่ยเป็นเชิงไล่ ไป๋ลู่ที่หน้ำง้ำหน้างอด้วยความเบื่อหน่ายกลับฉุกใจคิดขึ้นมา เรื่องอันใดกันที่จะเป็นข่าวดีสำหรับนาง ทั้งตอนนี้ไม่มีเรื่องใดที่น่ายินดีไปกว่าหากนางจะได้กลับสวรรค์ ไม่ต้องรับเคราะห์สิบชาติแล้ว

          “ข่าวดี...” ไป๋ลู่พึมพำในลำคอ นางถามย้ำเหล่าจวิน “ท่านหมายถึงเรื่องใด”

          เหล่าจวินหันมาตอบ “อีกไม่นานเจ้าก็จะรู้ เจ้ากลับไปก่อนที่เทียนตี้จะมาเจอเจ้าเถิด ข้าไม่อยากเดือดร้อน”

          ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องใด แต่ไป๋ลู่หรืออวี๋ฟางหรงก็ยินดีในใจล่วงหน้าเอาไว้แล้ว แสดงว่ามีหนทางที่จะชดใช้ความผิดให้กับเฟิ่งหรั่นและชดใช้ความผิดของตนเองทั้งหมดแล้ว...

          เซียนสาวคิดอย่างลิงโลดในใจ ก่อนจะลงจากเขาไท่ซานอย่างว่องไวไปที่แคว้นเหลียว...อีกไม่นานแล้ว

ข้าจะต้องเป็นอิสระ...

เฟิ่งหรั่นมองดอกไห่ถังที่สีของมันเริ่มโรยราจนผิดสังเกต กลีบของมันค่อยๆ เหี่ยวเฉาลงไปทีละกลีบ นับตั้งแต่นางอภิเษกเข้าจวนของลู่อ๋องดอกไห่ถังนี้ก็เริ่มโรยราอย่างน่าผิดสังเกต ทั้งๆ ที่นางแม้จะไม่เข้าใจ

จุดประสงค์ที่อวี๋ฟางหรงมอบให้ แต่ก็รักษาและถนอมดอกไห่ถังเป็นอย่างดี

หญิงสาวมองกลีบดอกไห่ถังที่ค่อยๆ เหี่ยวเฉากลีบหนึ่งด้วยแววตา

เลื่อนลอย เป็นเวลากว่าเก้าเดือนแล้วที่นางอภิเษกเข้าจวนของลู่อ๋องในฐานะพระชายาเอก เขารักถนอมและดูแลนางดีทุกอย่าง แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ต่างๆ มากมายเกิดขึ้นระหว่างที่นางอยู่ที่นี่

คืนแรกหลังพิธีแต่งงานผ่านพ้นไป หลังจากส่งตัวเข้าห้องหอแล้ว คืนนั้นเกิดฝนตกหนักราวกับมีอาเพศครั้งใหญ่ นางกับลู่อ๋องที่ควรจะเข้าหอกันก็ต้องถูกเลื่อนวันเข้าหอออกมาอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากราชครูทำนายว่าการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในคืนเข้าหอวันมงคล ย่อมไม่เป็นผลดีต่อการร่วมหอกัน เพราะอาจทำให้เหล่าบรรดาภูตผีเข้ามาเกิดเป็นทารกในครรภ์ได้ คราแรกลู่อ๋องไม่ยอม แต่ทว่าคำกล่าวของนางที่เสริมคำกล่าวของราชครูนั้นมีน้ำหนักมากทีเดียว ในเมื่อนางไม่พร้อมเขาก็ไม่ควรหักหาญน้ำใจนางนั่นก็คือสิ่งที่ถูกต้อง

แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีฤกษ์ร่วมหอที่แน่ชัด แต่ลู่อ๋องก็ยังดีกับนางไม่เคยขาด จัดตำหนักที่ใหญ่โตให้นางอยู่ มีนางกำนัลใหญ่ของวังคอยมาปรนนิบัติไม่ห่างกาย อีกทั้งสิ่งของใดที่นางต้องการล้วนถูกนำมาหามอบให้นางหมด แต่ยิ่งอยู่นานวันเข้านางกลับรู้สึกแปลกประหลาดใจ ร้อนรุ่มในกายอย่างยิ่ง

“พระชายาเพคะ คุณหนูเฟิ่งอี้มาขอเข้าเฝ้าเพคะ” กูกูใหญ่ของวังเดินเข้ามารายงานด้วยท่าทีนอบน้อม นางเปิดทางให้เฟิ่งอี้เดินเข้ามาในวังพร้อมกับตะกร้าไม้อันหนึ่ง ข้างในนั้นคงเป็นขนมที่นางและมารดาทำสินะ

          “พี่หญิง” เฟิ่งอี้วางตะกร้าไม้ลงบนโต๊ะน้ำชาของเฟิ่งหรั่น นางเดินเข้ามานั่งข้างๆ ผู้เป็นพี่สาวแสดงความสนิทสนม แม้กูกูใหญ่ที่ยืนอยู่ในห้องจะรู้สึกขัดใจกับมารยาทเช่นนี้ แต่นางก็ไม่กล้าปริปากเอ่ยคำใด เพราะเนื่องด้วยอีกฝ่ายมีฐานะเป็นน้องสาวของนายหญิงวังนี้

          “วันนี้เจ้ามีเวลาว่างแล้วรึ?” เฟิ่งหรั่นเอ่ยแกมประชดน้อยใจยิ่ง นับจากนางอภิเษกนอกจากนางจะเห็นหน้าสามีน้อยลงแล้ว นางยังเห็นหน้าของน้องสาวตนเองน้อยลงด้วยเช่นกัน

          เฟิ่งอี้เอาใบหน้าซบลงบนบ่าผู้เป็นพี่สาวอย่างสนิทสนม “อย่าโกรธน้องเลยนะเพคะ ช่วงนี้หลังจากพระชายาไม่อยู่ที่จวน น้องก็ต้องช่วยท่านแม่แบ่งเบาภาระของท่านพ่อด้วย ท่านไม่รู้หรอกว่าตั้งแต่ท่านแต่งเข้าวังอ๋องมา พี่หญิงรองเฟิ่งเจาหรงก็แทบตั้งตนเป็นพี่ใหญ่ของข้าแล้ว...”

          เฟิ่งหรั่นเอามือลูบศีรษะเฟิ่งอี้เบาๆ นางสังเกตเห็นปิ่นปักผมของลู่อ๋องที่นางเคยมอบให้เฟิ่งอี้เมื่อนานมาแล้ว

          “ปิ่นของท่านอ๋องที่พี่ให้เจ้าไปนี่นา” เฟิ่งหรั่นมองปิ่นหยกที่ปักบนมวยผมของเฟิ่งอี้

          เฟิ่งอี้แสร้งเอามือคลำปิ่นนั้น “อ้อ จริงด้วยสิ น้องว่าจะคืนให้พี่หญิงนานแล้วแต่ก็ลืมเลยเพคะ”

          โกหก! ใครว่านางจะยอมคืนง่ายๆ กัน...เฟิ่งอี้คิดในใจ

          เฟิ่งหรั่นลูบหัวน้องสาวอย่างไม่คิดสิ่งใด นางมีเครื่องประดับมากมายอยู่แล้ว หากน้องสาวชอบมีหรือนางจะไม่ให้

          “หากเจ้าชอบมีหรือข้าจะไม่ให้ สิ่งใดที่เจ้าปรารถนา หากเจ้าอยาก

ได้ ไม่เกินความสามารถของข้า ข้าก็จะให้เจ้า” เฟิ่งหรั่นคลี่ยิ้มบางๆ ตอบน้องสาว เฟิ่งอี้ยิ้มรับน้ำใจของผู้เป็นพี่สาว แต่เป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความนัยบางอย่าง

          ข้าเช่นกัน...สิ่งใดที่พี่ปรารถนา ข้าจะแย่งมาเป็นของข้า!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    09 - น้องสาวที่รัก

    ทั้งสองพี่น้องอยู่สนทนากันสักพัก กูกูใหญ่ของวังก็มารายงานว่าลู่อ๋องนั้นกลับจากวังหลวงแล้ว เฟิ่งอี้จึงจำเป็นต้องลากลับก่อนตามมารยาท ส่วนเฟิ่งหรั่นก็ต้องทำหน้าที่ในฐานะภรรยา จัดหาของว่างและอาหารตระเตรียมให้ผู้เป็นพระสวามีของนาง แต่ทว่าแทนที่เฟิ่งอี้จะรีบกลับ นางกลับเลือกที่จะเดินชมนกชมไม้ในสวนของวังอ๋องอย่างถือวิสาสะ ด้วยถือว่าพี่สาวนั้นมีศักดิ์เปนพระชายาเอกของลู่อ๋อง นางย่อมทำสิ่งใดก็คงไม่มีใครมาห้ามปรามนางแน่ นางจึงเดินชมนกชมไม้อย่างเพลิดเพลินใจ ลู่อ๋องที่เดินทางกลับมาถึงวัง เห็นน้องสาวของชายาตนเองกำลังเดินเล่นอยู่ในอุทยานจึงเข้าไปทักทายในฐานะพี่เขยของนาง “อ๊ะ!” เฟิ่งอี้ที่ไม่ทันระวัง นางเดินถอยหลังชนเข้ากับแผงอกของลู่อ๋องจนเกือบเซล้มลง แต่โชคดีนักที่ลู่อ๋องคว้าเอวของนางเอาไว้ได้ทัน ทั้งสองหันมาสบตากันเพียงชั่วขณะหนึ่ง หัวใจของเฟิ่งอี้เต้นแรงไม่เป็นส่ำยามได้สบสายตาคมปลาบของลู่อ๋องหรืออ๋องเก้า “อะ เอ่อ...” ทั้งสองรีบผละออกจากกันทันที เฟิ่งอี้ตะกุกตะกักด้วยความเขินอาย “หม่อมฉันขอประทานอภัยด้วยเพคะ พอดีมาเยี่ยมพี่สาว แต่ว่าเห็นอุทยานที่นี่ร่มรื่นน

    Last Updated : 2025-03-29
  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    10 - ลู่อ๋อง

    ตับๆๆ เสียงของเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นเป็นจังหวะหฤหรรษ์ในห้องแห่งหนึ่งของของโรงเตี๊ยม ในห้องนั้นปรากฏภาพชายหญิงทั้งสองกำลังร่วมรักกันอย่างมีความสุข เฟิ่งเจาหรงใบหน้าเหยเกด้วยความเสียวซ่านกับความสุขที่อ๋องเก้ามอบให้กับนาง ใบหน้าหล่อเหลาของลู่อ๋องกัดฟันพลางคำรามในลำคอด้วยความเสียวซ่าน เมื่อเขาได้ปลดปล่อยสายธารรักของตนเองเข้าไปในกายของสตรีใต้ร่างอย่างสุขสม เฟิ่งเจาหรงคลายมือออกจากผ้าปูที่นอนเมื่อความหฤหรรษ์นั้นจบลง ใบหน้าของลู่อ๋องซบลงบนหน้าอกอวบใหญ่ของเฟิ่งเจาหรง ก่อนจะใช้ปลายลิ้นสากโลมเลียอย่างเอร็ดอร่อย “ข้าพึงพอใจในรสสวาทของเจ้ายิ่งนัก หรงเอ๋อร์” พูดจบก็ใช้ฝ่ามือลูบไล้ต้นขาของอีกฝ่ายอย่างพึงพอใจ ขณะที่ใช้ปลายลิ้นสากโลมเลียเม็ดทับทิมสีชมพูที่แข็งชันเป็นไต “อ๊า!!!” เฟิ่งเจาหรงร้องครางเสียงดัง เมื่อลู่อ๋องใช้ปลายลิ้นตวัดเลียเต้านมอวบของนางรุนแรงอย่างหิวกระหาย จนใบหน้างดงามของเฟิ่งเจาหรงเหยเกด้วยความเสียวซ่าน นางร้องครางเสียงหวานไม่เป็นภาษาด้วยความสุขสม “หากท่านอ๋องชมชอบ หม่อมฉันก็ยินดีมอบกายถวายใจรับใช้เพคะ” นางเอ่ยพลางใช้มือเรียวของตนเอ

    Last Updated : 2025-03-29
  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    11 - แผนการลับในห้องทรงพระอักษร

    เฟิ่งหรั่นพยายามกลั้นหายใจ! ในยามนี้นางสัมผัสถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวจากสายตาของลู่อ๋อง เขาดูเหมือนไม่ใช่สามีของนางอีกต่อไป เขาที่เคยอ่อนโยนต่อนางแทบไม่มีอีกแล้วนับตั้งแต่แต่งงานด้วยกันมา นางมองสายตาคู่นั้นที่จ้องมองอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ น่าแปลกนักที่แต่งงานกันมานานแล้ว แต่นางไม่มีความรู้สึกพิศวาสในตัวเขาเลยสักนิด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เป็นนางเองที่ยินยอมแต่งงานกับเขา นางพยายามดิ้นเบาๆ ให้หลุดจากอ้อมกอดของลู่อ๋อง แต่ทว่าเขากลับรัดนางแน่นกว่าเดิม ก่อนจะใช้สองมือแกร่งผลักร่างของนางลงบนเตียงแล้วใช้ร่างกายสูงใหญ่กดทับนางเอาไว้ ทำให้นางดิ้นไม่หลุด ลู่อ๋องมองนางที่อยู่ใต้ร่างด้วยความรู้สึกหลากหลาย มีสตรีมากมายที่เขาพิชิตใจได้ แต่กับเฟิ่งหรั่นที่เป็นภรรยานั้นยากเย็นเหลือเกิน จนทำให้เขาต้องไปมีอนุและสตรีมากมายนอกจวนลับหลังนาง! “วันนี้ท่านอ๋องทรงเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ทรงลุกเถิดเพคะ หม่อมฉันจะไปเตรียมน้ำสรงถวาย” เฟิ่งหรั่นกล่าวเสียงแผ่วเบา แต่เป็นน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความหวาดกลัว ใช่! นางหวาดกลัวเขาเหลือเกิน... “เพราะอะไร...” คำถามเพียงสั้นๆ

    Last Updated : 2025-04-19
  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    12 - แดนสวรรค์

    ลู่อ๋องสั่งให้เตรียมของขวัญสำหรับขึ้นทูลเกล้าถวายให้กับลู่ฮ่องเต้ผู้เป็นพระเชษฐาร่วมบิดา ข้าวของมีค่าแต่ละชิ้นล้วนหายากอย่างยิ่ง รวมถึงแจกันหยกปักบุปผาซึ่งเป็นของหายากในแผ่นดินจงหยวน ลู่อ๋องก็ใช้ความพยายามหามาจนได้เพื่อเอาพระทัยฝ่าบาทในงานวันนี้ แม้แต่เฟิ่งหรั่นก็เตรียมของขวัญจำนวนหนึ่งเตรียมถวายให้กับฮ่องเต้และเซียวฮองเฮาเช่นกัน ปิ่นมุกราตรีนั้นหาได้ง่ายยิ่ง แต่ความพิเศษที่ไม่เหมือนใครคือปีกหงส์ที่สยายตรงหัวปิ่นปัก นั้นสื่อถึงพญาหงส์ที่งามสง่าเคียงบัลลังก์ฝ่าบาท ปิ่นนี้คือปิ่นที่เฟิ่งหรั่นตั้งใจสั่งทำเป็นพิเศษขึ้นมาโดยเฉพาะ เฟิ่งอี้ที่ทราบว่าวันนี้พี่สาวของนางต้องเตรียมตัวเข้าวัง นางก็เร่งเดินทางมาวังอ๋องโดยเฉพาะเพื่อช่วยพี่สาวแต่งตัวให้งดงามที่สุด แม้ที่นี่จะมีนางกำนัลมากมาย แต่เรื่องความงดงามของพี่สาวนางนางปรารถนาที่จะดูแลด้วยตนเอง ไม่อยากให้ใครมาทำให้พี่สาวของนางงดงามด้อยไปกว่าสตรีนางอื่น จังหวะที่เฟิ่งอี้กำลังจะเดินทางไปตำหนักของเฟิ่งหรั่น นางพลันเดินสวนกับลู่อ๋องพอดี นัยน์ตาหวานซึ้งเผลอสบตาเข้ากับลู่อ๋องพอดี นางก้มหน้างุดด้วยความเขินอายยา

    Last Updated : 2025-04-19
  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    13 - แผนที่ลับของลู่อ๋อง

    อวี๋ฟางหรงเข้ามาในตำหนักสวรรค์ของเฟิ่งหรั่น สถานที่ที่ในอดีตเฟิ่งหรั่นใช้เป็นที่ประทับส่วนตัว เนื่องจากภายในนี้มีของบางสิ่งที่นางต้องการนางจึงถือโอกาสนี้นำไปให้ได้ หากขาดเจ้าสิ่งนี้เกรงว่าภารกิจของนางอาจไม่สำเร็จลุล่วงโดยง่าย ในเมื่อเทียนโฮ่วทราบว่านางแอบฝ่าฝืนคำสั่ง วันนี้นางก็จะขอฝ่าฝืนคำสั่งอีกสักครั้ง ตำหนักของเฟิ่งหรั่นนี้มีนามว่าตำหนักอิงฮวา ซึ่งเต็มไปด้วยดอกซากุระและดอกไห่ถังบานสะพรั่ง สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่แห่งความทรงจำของเฟิ่งหรั่นและชายคนรักของนางในอดีตชาติ ซึ่งชายคนรักของอีกฝ่ายนั้นก็พี่ชายของอวี๋ฟางหรงหรือไป๋ลู่นั่นเอง เขาคือเทพสงครามแห่งทิศประจิมที่เกรียงไกร ไม่ว่าย่างกรายไปยังพิภพใดล้วนสยบมารศัตรูได้สิ้นซาก สมกับเป็นเทพพยัคฆ์ขาวไป๋หู่ที่เทียนตี้ทรงไว้วางพระทัยที่สุด “เจ้ามาทำอันใดที่ตำหนักอิงฮวา...” น้ำเสียงหนักแน่นของคนผู้หนึ่งดังจากด้านหลัง ไป๋ลู่สูดปากใบหน้าซีดลงอย่างขัดใจ นางอุตส่าห์แนบเนียนที่สุดแล้วเพื่อจะมาเอาของสิ่งหนึ่งในตำหนักอิงฮวามอบให้เฟิ่งหรั่น แต่กลับมีคนมายุ่มย่ามเสียนี่ ไป๋ลู่หันกลับมาตามเสียงเรียก พลางยิ้มแหยๆ ใส่ผู้ที่ข

    Last Updated : 2025-04-19
  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    14 - เมาสุรา

    หัวคิ้วของเฟิ่งหรั่นขมวดมุ่นเข้าหากัน หางตาของนางชำเลืองมองลู่อ๋องสามีของนางเป็นระยะ เห็นเขากำลังสนใจนางระบำตรงหน้าจึงพ่นลมหายใจออกมาแผ่วเบา นางมองภาพการร่ายรำเบื้องหน้าสักครู่หนึ่ง แล้วหันมากำชับจิงเจียว “เก็บเรื่องนี้เอาไว้ให้ดี อย่าแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด” จิงเจียวพยักหน้ารับแทนคำตอบ นางกระชับอกเสื้ออย่างดีก่อนจะหันมาสนใจการแสดงร่ายรำตรงหน้า ลู่ฮ่องเต้ทรงยกจอกสุรามงคลขึ้นดื่มต่อหน้าทุกคน ลู่เฟยหลงเป็นตัวแทนเชื้อพระวงศ์ ขุนนางและประชาชนจำนวนมากกล่าวคำอวยพรต่อเบื้องพระพักตร์ ข้างกายของเขานั้นมีลู่เสวียนหลานชายที่ยังเยาว์วัยคอยนั่งอยู่เคียงข้าง “กระหม่อมขอเป็นตัวแทนของทุกท่านในที่นี้ ขอถวายพระพรให้ฝ่าบาททรงมีพระพลานามัยแข็งแรง มากยิ่งด้วยทศพิธราชธรรม ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปีพะยะค่ะ” กล่าวจบแล้วก็ดื่มสุราลงคอเพียงรวดเดียวจนหมดจอก แม้ว่าเฟิ่งหรั่นจะไม่ชื่นชอบการดื่มสุรา แต่ในงานมงคลเช่นนี้นางไม่ควรปฏิเสธให้เสียมารยาท นางจึงฝืนใจกลืนรสขมปร่าของมันลงคอเพียงรวดเดียว ฝ่ามือบางวางกระแทกจอกสุราบนโต๊ะเบื้องหน้าที่เย็นเฉียบเนื่องเพราะลมหนา

    Last Updated : 2025-04-19
  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    15 - ตำหนักบูรพา

    ลู่อ๋องนั่งหน้าดำเคร่งขรึมหลังจากที่เห็นว่าเฟิ่งหรั่นหายไปนานมากแล้ว นางเดินออกไปจากงานพร้อมกับเฟิ่งอี้ตั้งแต่เมื่อหนึ่งเค่อก่อน ยามนี้ก็ยังไม่กลับมา เขาร้อนรนใจยิ่งนักกลัวว่าจะมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น เขากลัวว่านางจะไปเจอลู่เฟยหลงที่ตำหนักบูรพา กลัวว่านางจะลอบคบชู้สู่ชายดังเช่นที่เขาเคยสบประมาทนางเอาไว้ สองฝ่ามือหนากำหมัดเข้าหากันแน่นอย่างเคร่งเครียด สายตาคมปลาบเห็นท่าทีร้อนรนของเฟิ่งอี้ที่วิ่งกระหืดกระหอบมาคนเดียว คิ้วหนาขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์ เขามองเฟิ่งอี้แล้วพลันเกิดลางสังหรณ์บางอย่าง แต่ทันใดนั้นนางกลับวิ่งเข้ามาหาเขา “ท่านอ๋องเพคะ แย่แล้วเพคะ พี่หญิงออกไปเดินเล่นกับหม่อมฉัน ระหว่างทางไปเรือนรับรองก็เกิดพลัดหลงกันในอุทยาน หม่อมฉันตามหานางจนทั่วแต่ก็ตามหาไม่เจอ” เฟิ่งอี้ปั้นแต่งเรื่องราวขึ้นมาได้อย่างแนบเนียน หัวคิ้วของลู่อ๋องขมวดมุ่นแทบจะชนเข้ากัน สองมือกำจอกสุราแน่น เขารู้ดีว่าตอนนี้นางอยู่ที่ใด! สายตาคมปลาบฉาบไปด้วยกลิ่นอายอำมหิตจนเฟิ่งอี้สัมผัสได้ นางลอบยิ้มบางๆ อยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นลู่อ๋องลุกขึ้นยืนอย่างองอาจ กล่าวต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบ

    Last Updated : 2025-04-20
  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    16 - แผนใส่ร้าย

    ในขณะที่ตำหนักหนึ่งกำลังบรรเลงบทเพลงรักอย่างเร่าร้อน ทางด้านตำหนักของเฟิ่งหรั่นกลับเงียบเหงายิ่งนัก หญิงสาวตื่นขึ้นมาในยามดึก เนื่องด้วยเพลานี้นางพักผ่อนจนพิษไข้สร่างลงไปมาก ด้านข้างกันนั้นมีจิงเจียวคอยช่วยตระเตรียมห่อยาและคอยเช็ดตัวให้กับนาง เฟิ่งหรั่นขยี้ตามองสรรพสิ่งรอบๆ กาย นางกลับมาที่ตำหนักตั้งแต่เมื่อไหร่! ครั้งล่าสุดนางจำได้ว่าเฟิ่งอี้พานางไปเดินเล่นแถวๆ เขตตำหนักบูรพา จากนั้นนางก็เมามายจนสติเลือนรางจดจำสิ่งใดไม่ค่อยได้ นางจำได้แค่เพียงว่ากลิ่นกายของบุรุษที่มิใช่ลู่อ๋อง และเสียงทะเลาะกันในขณะนั้นคล้ายกับว่าเป็นห้วงความฝัน แต่เป็นห้วงฝันที่เหมือนจริงเสียเหลือเกิน “พระชายา ทรงตื่นบรรทมแล้วหรือเพคะ ทรงนอนต่ออีกสักหน่อยเถิด อีกหลายชั่วยามเพคะกว่าฟ้าจะสาง” จิงเจียวเอ่ยด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้พระชายาของนางกำลังตกที่นั่งลำบาก นางไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปลอบใจอย่างไรดี “ข้าจะออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย” เฟิ่งหรั่นกำลังจะก้าวขาลงจากเตียงแต่จิงเจียวปรามเอาไว้ก่อน “อย่าเพิ่งเลยเพคะพระชายา ตอนนี้ท่านอ๋องทรงมีคำสั่งกักบริเวณพระองค์เอา

    Last Updated : 2025-04-20

Latest chapter

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    21 - หวนคืนสู่นครา

    โรงเตี๊ยมแห่งนี้แม้จะเล็กไปหน่อย แต่ก็เป็นแหล่งรวบรวมข่าวสารชั้นดีเช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วลู่เฟยหลงนั้นอยู่เบื้องหลังการชำระล้างมลทินให้เฟิ่งหรั่น มีแต่คนกล่าวเพียงว่าอัครมหาเสนาบดีเฟิ่งผู้เป็นบิดาที่คอยหาหลักฐานมากมายร่วมสามปี จนได้หลักฐานว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการใส่ร้ายอดีตพระชายาเก้าจนถึงแก่ความตาย ก็คือขันทีคนสนิทของลู่อ๋อง แม้จะไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ก็มีหลายคำถามมากมายที่ผู้คนต่างกล่าวขานกัน ว่าเป็นเพราะลู่อ๋องต้องหลงเสน่ห์ชายารององค์ใหม่เป็นแน่ เฟิ่งหรั่นยกยิ้มอย่างพึงใจ อย่างน้อยสามปีที่นางหายไปท่านพ่อท่านแม่ก็ยังคงทวงความยุติธรรมให้นางมาตลอด การกลับมาคราวนี้นางจะต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีที่เคยถูกย่ำยีกลับคืนมา เปิดโปงความชั่วของพวกมันทั้งสองคนในชั่วพริบตานางย่อมทำได้ แต่หากทำเช่นนั้นศัตรูที่นางเคียดแค้นชิงชังจะตายง่ายไป นางต้องการแย่งชิงสิ่งที่พวกมันหมายปองให้มาอยู่แทบเท้านาง ในเมื่อเคยเป็นคนดีแต่กลับถูกคนชั่วหลอกใช้ นางก็ขอกลายเ

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    20 - เมืองเจี้ยงจู

    ไป๋ลู่หัวเสียอย่างยิ่ง หากนางทำสิ่งใดทำไมต้องมีคนมาขัดจังหวะนางตลอดเวลานะ! เซียนสาวหันมาเผชิญหน้ากับผู้มาเยือนทางด้านหลัง นางยิ้มแหยๆ ให้กับจูเชว่อย่างอารมณ์ดี เขาอายุมากกว่านางหลายพันปีอีกทั้งยังเป็นคนที่คอยขัดขวางนางทุกเรื่องหากนางคิดอ่านสิ่งใด เขาทำตนราวกับตนเองมีเนตรทิพย์แดนสวรรค์ที่สามารถมองเห็นทุกสรรพสิ่งได้ นางเกลียดยิ่งนัก! “เซียนที่ต้องทัณฑ์ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาแดนสวรรค์ และยิ่งไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าหอชะตาเซียน เจ้าบังอาจฝ่าฝืนกฎเช่นนี้ ไม่กลัวสวรรค์ลงทัณฑ์หรือไร?”จูเชว่ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม หากเขาไม่สะกดรอยมาเห็นนางเสียก่อน เกรงว่านางคงทำเรื่องไม่น่าให้อภัยไปแล้ว “แล้วท่านแม่ทัพเล่า มีเวลาว่างมากนักรึถึงมาตามจับผิดข้า คราวก่อนก็ครั้งนึงแล้ว ท่านตามติดข้าเป็นเงาเช่นนี้ คงมิใช่ทำร้ายอันใดกับข้าอยู่ใช่มั้ย?” พยัคฆ์สาวแสร้งเอ่ยปกปิดเรื่องราวของตน และได้ผล...แม้ว่าจูเชว่จะชอบขัดขวางนาง แต่ทว่าไม่เคยตาม

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    19 - ร่างที่ไร้ลมหายใจ

    บริเวณลานประหาร ร่างบอบบางที่ถูกตรึงด้วยไม้กางเขน สภาพร่างกายของนางอันบอบบางราวกิ่งหลิวเปียกชุ่มไปด้วยคราบโลหิตจากทัณฑ์ทรมาน เส้นผมที่เคยถูกรวบเกล้าประดับด้วยเครื่องประดับอันงดงาม บัดนี้กลับหลุดลุ่ยปรกใบหน้า ดวงตาที่เคยอ่อนหวานในยามนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้น ที่ไม่มีโอกาสได้มอบความตายคืนให้กับคนที่กระทำนาง ‘เฟิ่งหรั่น’ คือบุตรีของอัครมหาเสนาบดี นางผู้เปี่ยมด้วยรูปโฉมอันงดงามและอำนาจบารมีของบิดา วาสนาชีวิตที่เคยเป็นถึงพระชายาอ๋อง บัดนี้กลับตกต่ำกลายเป็นนักโทษประหารความผิดไม่น่าให้อภัย ดวงตางดงามค่อยๆ ลืมตาขึ้นทีละนิดมองสภาพแวดล้อมรายรอบที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่รุมสาปแช่งนาง นางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันในโชคชะตาของตนเอง นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าวาสนาที่ตนเองเคยเป็นชายาของอ๋องเก้าบุรุษที่ยิ่งใหญ่ บัดนี้จะตกต่ำเป็นถึงนักโทษประหาร คิดแล้วช่างน่าเจ็บปวดใจยิ่งนัก

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    18 - ทัณฑ์หลิงฉือ

    ลู่เฟยหลงลอบเดินออกมาทางด้านหลังตำหนัก ซึ่งเป็นช่องทางลับที่เขาแอบสร้างเอาไว้นานแล้ว ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะได้ใช้ช่องทางลับนี้ ช่องทางลับที่แม้แต่ฝ่าบาทกับพระมารดาก็ไม่ทรงทราบ ซ่งหลานบอกเขาว่าเฟิ่งหรั่นถูกนำตัวไปขังในคุกใต้ดินที่มืดที่สุดของคุกหลวง คุกที่ไม่มีแม้กระทั่งแสงเดือนหรือแสงตะวันสาดส่อง ชายหนุ่มลอบย่องเข้ามาเงียบๆ วรยุทธ์ของเขานั้นสูงส่งเกินกว่าที่ทหารยามจะคาดเดาได้ เขานำห่อผ้าห่มผืนใหญ่มาด้วยเพื่อหวังจะโอบนางให้คลายความหนาวแล้วพาหนีออกจากคุกแห่งนี้ แต่ทว่าเขาต้องหยุดฝีเท้าเมื่อเจอกับสตรีอีกหนึ่งนางกำลังตรงไปที่ห้องขังเฟิ่งหรั่น เฟิ่งอี้! ชายหนุ่มกำหมัดแน่นเมื่อเห็นสตรีตัวต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด กำลังเดินอย่างแช่มช้ามิรู้ร้อนรู้หนาวอันใด กริยาท่าทางราวกับคนใจเย็นสุขุม ทั้งๆ ที่บิดาและมารดาของนางกำลังร้อนรนเพราะหาทางช่วยเฟิ่งหรั่น แต่นางคนนี้กลับมีท่าทีราวกับเบิกบานใจ

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    17 - ดั่งดวงใจ

    เฟิ่งหรั่นถูกคุมขังอยู่ในตำหนักหลายวัน ขณะที่ลู่อ๋องไม่สนใจความเป็นความตายของนาง เขากลับแต่งตั้งเฟิ่งอี้น้องสาวนางเป็นพระชายารอง ให้ดูแลงานทุกอย่างภายในวังอ๋องแทนนางที่ถูกคุมขังในตำหนัก แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตากับนางอยู่บ้าง กงกงของวังหาได้เชื่อว่านางเป็นคนทรยศ จึงคอยลอบส่งข่าวสารผ่านจิงเจียวถึงแผนการของลู่อ๋อง “เจ้าคนชั่ว!” เฟิ่งหรั่นเปล่งวาจาด้วยบันดาลโทสะ ฝ่ามือบางที่เคยขาวผ่อง ตอนนี้กลับชุ่มโชกไปด้วยเลือดเนื่องจากนางฟาดฝ่ามือของตนเองเข้ากับผนังกำแพงโดยไม่นึกถึงความเจ็บปวดเลยสักนิด “พระชายาเพคะ” จิงเจียวมองนายของตนด้วยความสงสาร ทั้งหมดนั่นคือการใส่ร้ายกันชัดๆ เจ้านายของนางไม่เคยกระทำตนออกนอกลู่นอกทาง ทุกอย่างเป็นแผนการใส่ร้ายทั้งสิ้น ลู่อ๋องใส่ร้ายเจ้านายของนางจนต้องโดนลงทัณฑ์เช่นนี้! “ข้าแต่งงานกับเขาก็เพื่อหวังช่วยเสริมฐานอำนาจให้เ

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    16 - แผนใส่ร้าย

    ในขณะที่ตำหนักหนึ่งกำลังบรรเลงบทเพลงรักอย่างเร่าร้อน ทางด้านตำหนักของเฟิ่งหรั่นกลับเงียบเหงายิ่งนัก หญิงสาวตื่นขึ้นมาในยามดึก เนื่องด้วยเพลานี้นางพักผ่อนจนพิษไข้สร่างลงไปมาก ด้านข้างกันนั้นมีจิงเจียวคอยช่วยตระเตรียมห่อยาและคอยเช็ดตัวให้กับนาง เฟิ่งหรั่นขยี้ตามองสรรพสิ่งรอบๆ กาย นางกลับมาที่ตำหนักตั้งแต่เมื่อไหร่! ครั้งล่าสุดนางจำได้ว่าเฟิ่งอี้พานางไปเดินเล่นแถวๆ เขตตำหนักบูรพา จากนั้นนางก็เมามายจนสติเลือนรางจดจำสิ่งใดไม่ค่อยได้ นางจำได้แค่เพียงว่ากลิ่นกายของบุรุษที่มิใช่ลู่อ๋อง และเสียงทะเลาะกันในขณะนั้นคล้ายกับว่าเป็นห้วงความฝัน แต่เป็นห้วงฝันที่เหมือนจริงเสียเหลือเกิน “พระชายา ทรงตื่นบรรทมแล้วหรือเพคะ ทรงนอนต่ออีกสักหน่อยเถิด อีกหลายชั่วยามเพคะกว่าฟ้าจะสาง” จิงเจียวเอ่ยด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้พระชายาของนางกำลังตกที่นั่งลำบาก นางไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปลอบใจอย่างไรดี “ข้าจะออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย” เฟิ่งหรั่นกำลังจะก้าวขาลงจากเตียงแต่จิงเจียวปรามเอาไว้ก่อน “อย่าเพิ่งเลยเพคะพระชายา ตอนนี้ท่านอ๋องทรงมีคำสั่งกักบริเวณพระองค์เอา

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    15 - ตำหนักบูรพา

    ลู่อ๋องนั่งหน้าดำเคร่งขรึมหลังจากที่เห็นว่าเฟิ่งหรั่นหายไปนานมากแล้ว นางเดินออกไปจากงานพร้อมกับเฟิ่งอี้ตั้งแต่เมื่อหนึ่งเค่อก่อน ยามนี้ก็ยังไม่กลับมา เขาร้อนรนใจยิ่งนักกลัวว่าจะมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น เขากลัวว่านางจะไปเจอลู่เฟยหลงที่ตำหนักบูรพา กลัวว่านางจะลอบคบชู้สู่ชายดังเช่นที่เขาเคยสบประมาทนางเอาไว้ สองฝ่ามือหนากำหมัดเข้าหากันแน่นอย่างเคร่งเครียด สายตาคมปลาบเห็นท่าทีร้อนรนของเฟิ่งอี้ที่วิ่งกระหืดกระหอบมาคนเดียว คิ้วหนาขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์ เขามองเฟิ่งอี้แล้วพลันเกิดลางสังหรณ์บางอย่าง แต่ทันใดนั้นนางกลับวิ่งเข้ามาหาเขา “ท่านอ๋องเพคะ แย่แล้วเพคะ พี่หญิงออกไปเดินเล่นกับหม่อมฉัน ระหว่างทางไปเรือนรับรองก็เกิดพลัดหลงกันในอุทยาน หม่อมฉันตามหานางจนทั่วแต่ก็ตามหาไม่เจอ” เฟิ่งอี้ปั้นแต่งเรื่องราวขึ้นมาได้อย่างแนบเนียน หัวคิ้วของลู่อ๋องขมวดมุ่นแทบจะชนเข้ากัน สองมือกำจอกสุราแน่น เขารู้ดีว่าตอนนี้นางอยู่ที่ใด! สายตาคมปลาบฉาบไปด้วยกลิ่นอายอำมหิตจนเฟิ่งอี้สัมผัสได้ นางลอบยิ้มบางๆ อยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นลู่อ๋องลุกขึ้นยืนอย่างองอาจ กล่าวต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบ

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    14 - เมาสุรา

    หัวคิ้วของเฟิ่งหรั่นขมวดมุ่นเข้าหากัน หางตาของนางชำเลืองมองลู่อ๋องสามีของนางเป็นระยะ เห็นเขากำลังสนใจนางระบำตรงหน้าจึงพ่นลมหายใจออกมาแผ่วเบา นางมองภาพการร่ายรำเบื้องหน้าสักครู่หนึ่ง แล้วหันมากำชับจิงเจียว “เก็บเรื่องนี้เอาไว้ให้ดี อย่าแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด” จิงเจียวพยักหน้ารับแทนคำตอบ นางกระชับอกเสื้ออย่างดีก่อนจะหันมาสนใจการแสดงร่ายรำตรงหน้า ลู่ฮ่องเต้ทรงยกจอกสุรามงคลขึ้นดื่มต่อหน้าทุกคน ลู่เฟยหลงเป็นตัวแทนเชื้อพระวงศ์ ขุนนางและประชาชนจำนวนมากกล่าวคำอวยพรต่อเบื้องพระพักตร์ ข้างกายของเขานั้นมีลู่เสวียนหลานชายที่ยังเยาว์วัยคอยนั่งอยู่เคียงข้าง “กระหม่อมขอเป็นตัวแทนของทุกท่านในที่นี้ ขอถวายพระพรให้ฝ่าบาททรงมีพระพลานามัยแข็งแรง มากยิ่งด้วยทศพิธราชธรรม ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปีพะยะค่ะ” กล่าวจบแล้วก็ดื่มสุราลงคอเพียงรวดเดียวจนหมดจอก แม้ว่าเฟิ่งหรั่นจะไม่ชื่นชอบการดื่มสุรา แต่ในงานมงคลเช่นนี้นางไม่ควรปฏิเสธให้เสียมารยาท นางจึงฝืนใจกลืนรสขมปร่าของมันลงคอเพียงรวดเดียว ฝ่ามือบางวางกระแทกจอกสุราบนโต๊ะเบื้องหน้าที่เย็นเฉียบเนื่องเพราะลมหนา

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    13 - แผนที่ลับของลู่อ๋อง

    อวี๋ฟางหรงเข้ามาในตำหนักสวรรค์ของเฟิ่งหรั่น สถานที่ที่ในอดีตเฟิ่งหรั่นใช้เป็นที่ประทับส่วนตัว เนื่องจากภายในนี้มีของบางสิ่งที่นางต้องการนางจึงถือโอกาสนี้นำไปให้ได้ หากขาดเจ้าสิ่งนี้เกรงว่าภารกิจของนางอาจไม่สำเร็จลุล่วงโดยง่าย ในเมื่อเทียนโฮ่วทราบว่านางแอบฝ่าฝืนคำสั่ง วันนี้นางก็จะขอฝ่าฝืนคำสั่งอีกสักครั้ง ตำหนักของเฟิ่งหรั่นนี้มีนามว่าตำหนักอิงฮวา ซึ่งเต็มไปด้วยดอกซากุระและดอกไห่ถังบานสะพรั่ง สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่แห่งความทรงจำของเฟิ่งหรั่นและชายคนรักของนางในอดีตชาติ ซึ่งชายคนรักของอีกฝ่ายนั้นก็พี่ชายของอวี๋ฟางหรงหรือไป๋ลู่นั่นเอง เขาคือเทพสงครามแห่งทิศประจิมที่เกรียงไกร ไม่ว่าย่างกรายไปยังพิภพใดล้วนสยบมารศัตรูได้สิ้นซาก สมกับเป็นเทพพยัคฆ์ขาวไป๋หู่ที่เทียนตี้ทรงไว้วางพระทัยที่สุด “เจ้ามาทำอันใดที่ตำหนักอิงฮวา...” น้ำเสียงหนักแน่นของคนผู้หนึ่งดังจากด้านหลัง ไป๋ลู่สูดปากใบหน้าซีดลงอย่างขัดใจ นางอุตส่าห์แนบเนียนที่สุดแล้วเพื่อจะมาเอาของสิ่งหนึ่งในตำหนักอิงฮวามอบให้เฟิ่งหรั่น แต่กลับมีคนมายุ่มย่ามเสียนี่ ไป๋ลู่หันกลับมาตามเสียงเรียก พลางยิ้มแหยๆ ใส่ผู้ที่ข

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status