ถ้าคนหนึ่งเห็นผี แล้ว อีกคนเป็นโรคนอนไม่หลับ ต้องมาเจอกันคุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างล่ะ เมื่อเธอทำให้เขานอนหลับสนิท และเขาทำให้เธอหลุดพ้นจากแดนคนตาย พาร์ทเนอร์จึงบังเกิดขึ้น หรือนี่จะนำไปสู่การเป็นคู่จริงกันน่ะ
View More‘ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...’ เสียงเคาะประตูดังสนั่นไปทั่วบ้าน ฉันที่กำลังล้างจานอยู่ จึงต้องรีบล้างมือ เพื่อเดินออกไปเปิดประตู ดูว่าใครกันที่มาหากันตั้งแต่เช้าในวันหยุดแบบนี้
ฉันเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนในยามเช้า ที่แท้ก็เป็นคุณป้าข้างบ้านคนดังนี่เอง ท่าทีของเขาดูสั่นกลัวเล็กน้อย มือสองข้างกุมกันแน่นถนัด แถมสายตายังไม่กล้าจะสบตาฉันด้วยซ้ำ
“มีอะไรเหรอคะ คุณป้า” ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเย็นเฉียบ
“หนูฟ้าครามจ๊ะ คือว่า....”
“...” ฉันเงียบ กอดอกมองดูคุณป้าตรงหน้าอย่างเฉยเมย
ที่เห็นว่าเขามีท่าทีกลัวฉันแบบนี้ แท้จริงแล้วคุณป้าข้างบ้านกับฉันเรามีเรื่องกันมา
ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อนป้าคนนี้อาละวาดด่ากราดหน้าปากซอยใส่คนไปทั่ว จนคนในซอยนี้เอือมระอากรนด่าหนักแต่สุดท้ายก็ไม่มีใครจะต้านสกิลปากร้ายของป้าเขาได้เลย
ฉันเพิ่งเลิกจากที่ทำงานต้องเดินผ่านตรงที่เกิดเรื่องพอดี กลับมัวเดินสนใจแต่มือถือ จึงกลายเป็นว่าฉันเดินชนป้าเขาอย่างจัง จากนั้นฉันจึงกลายเป็นเป้าสนามอารมณ์ให้กรนด่าหน้าปากซอยในวันนั้นให้คนเห็นกันไปทั่วจนเป็นจุดสนใจ
ฉันโดนป้าคนนี้ยืนด่าฉอด ๆ หาว่าไร้มารยาท แม้จะกล่าวขอโทษไปแล้ว แต่ป้าคนนี้ก็สรรหาคำด่า ขุดมาตั้งแต่พระเจ้าเหาขนมาสาดด่าหมดทุกเม็ด ฉันเองก็พยายามไม่สนใจอยากเดินผ่าน แต่ก็ถูกป้าดึงมือรั้งเพื่ออยากจะด่าต่อ
ความอดทนคนเรามันมีขีดจำกัด บวกกับเพิ่งกลับมาจากการทำงานที่แสนเหนื่อยล้า ฉันที่ยืนเงียบมาสักพัก จึงกัดฟันเอียงตัวเข้าไปกระซิบข้างหูคุณป้าเบา ๆ เพียงไม่กี่ประโยค
เมื่อคุณป้าได้ยินดังนั้นก็ยืนนิ่งสีหน้าแห้งเผือกปล่อยฉันให้เดินเข้าซอยแต่โดยดี แม้คนรอบข้างจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าทำไมจู่ ๆ ป้าปากแซ่บคนนี้ถึงเงียบไป แต่เชื่อได้เลยว่าป้าตรงหน้าจะไม่แสดงกิริยาต่ำ ๆ ไล่ด่าคนอื่นอีกแล้ว
และการที่ป้าหอบตัวเองมายืนตัวสั่นถึงหน้าบ้านฉันแบบนี้ นั่นแสดงว่าที่ฉันพูดไปเป็นความจริงทั้งหมด
“ป้ามาทำอะไร จะพูดหรือไม่พูดเนี่ยเสียเวลาฉันนะ” ฉันเท้าสะเอวมองอย่างหาเรื่อง
“หนูฟ้าครามคนงาม ป้ามาดีนะมาดี ป้าแค่อยากรู้ว่า...เอ่อ...” ป้าเขายังไม่กล้ามองหน้าฉัน น่ารำคาญชะมัด
“ป้าจะถามฉัน ว่าทำไมฉันถึงรู้ว่า ป้าเคยมีผัวเก่าแถมยังตายไปแล้วใช่มั้ย”
“ใช่จ๊ะ ตั้งแต่ป้ามาอยู่ที่นี่ไม่เคยมีใครรู้ว่าป้าเคยมีผัวเก่าที่ตายแล้ว ป้าเลยสงสัย เรื่องนี้ป้าไม่เคยบอกใครเลย”
“นั่นไง...” ฉันพยักเพยิดใบหน้าไปด้านหลังของป้า เธอหันหลังไปตามที่ฉันมอง
“หนูฟ้าคราม ป้าไม่เห็นอะไรเลย ยะ...อย่าทำให้กลัวสิ” สีหน้าคุณป้าเริ่มซีดเผือก
“ป้าไม่เห็น ใช่ว่าคนอื่นจะไม่เห็น ก็ผัวเก่าป้า เขายืนอยู่ข้างหลังคุณป้าทนโท่ ฉันเห็นตั้งแต่สองวันก่อนแล้วด้วย ตามติดป้าตลอด ดูลุงเขารักป้าเนอะ” ฉันพูดไปตามความจริง แม้ว่าสีหน้าของคุณลุงที่มองคุณป้าคนนี้จะออกไปทางอาฆาตมากกว่า
“อะไรนะ!!!!!” คุณป้าเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ถอยเซล้มลงพื้นด้วยความตกใจ ดวงตาเบิกโพลง ตัวสั่นระริก ฉันเห็นดังนั้นจึงนั่งยอง ๆ ลงต่อหน้าป้าคนนี้
“ป้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่คุณลุงตอนเสียชีวิตใส่เสื้อลายทาง เสียคาทีในบ้านใช่มั้ยล่ะ จะให้ฉันพูดด้วยมั้ยว่า เขาตาย...ยัง...ไง” ฉันจ้องมองป้ามองลึกเข้าไปยังดวงตาของเธอที่มีแต่ความวิตกจนน้ำตาคลอเบ้า
“ปะ...ป้าไม่ได้ทำอะไรนะ ป้าแค่...”
“ป้าไม่ต้องเล่าให้ฉันฟัง ฉันไม่ใช่นักสืบ หรือตำรวจ ฉันแค่รำคาญป้าที่ยืนด่าคนอื่นฉอด ๆ ก็เท่านั้น อีกอยากคุณลุงผัวเก่าป้าก็ตามมายุ่งวุ่นวายให้ฉันมาบอกป้าเนี่ย”
“ขะ..เขาอยากบอกว่าอะไร” สายตาป้ามองฉันด้วยความกลัวและวิงวอน
“อะแฮ่ม มึงเอาเงินที่มึงขโมยกูมาเสพสุขกับผัวใหม่ ไปคืนให้แม่กูเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นกูจะคอยตามจองล้างจองผลาญมึงให้ไม่ตายดีทั้งมึงและผัวใหม่มึงแน่” ฉันเลียนเสียงผู้ชาย แม้จะฟังดูแปลก ๆ ไปหน่อย แต่ก็อยากถ่ายทอดออกมาให้เหมือนที่สุด “คุณลุงว่ามาแบบนั้นแหละป้า”
“ห๊ะ!!!!! ไม่จริงงงงงงงงง ฉะ...ฉันไม่อยากตาย!!!” คุณป้าร้องเสียงสติไปแล้ว แต่การที่เขามากรีดร้องหน้าบ้านฉันแบบนี้ไม่ดีแน่ ฉันจึงต้องเขย่าตัวป้าที่นั่งกับพื้นให้เขาได้สติ
“นี่ป้า จะมาร้องหน้าบ้านคนอื่นหาพระแสงอะไรคะ แทนที่จะมากรีดร้องสู้ไปทำให้มันเข้าที่เข้าทางให้คุณลุงไปสู่สุคติ สำนึกผิด ไม่ดีกว่ารึไง”
“ป้าต้องทำไงบ้างหนูฟ้าคราม ช่วยป้าเถอะ ป้าขอร้อง ให้ป้าทำอะไรก็ยอม” คุณป้าจับมือฉันก้มหน้าวิงวอนด้วยน้ำตา เฮ้อปกติก็ไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งอะไรสักหน่อย
“เรื่องกล้วย ๆ หนึ่งป้าต้องเอาเงินไปคืนแม่ของคุณลุง สองป้าต้องไปทำบุญให้คุณลุงด้วยความตั้งใจจริง ขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน และสามเลิกทำตัวไปด่ากราดชาวบ้านได้แล้ว คุณลุงขอมาเท่านี้”
“ได้จ๊ะ ฝากบอกเขาทีป้าจะทำทุกอย่างเลย ป้าสำนึกแล้ว”
“ในเมื่อป้ารับปากแล้ว ก็ลุกขึ้นมาก่อน ใครเดินผ่านมา จะหาว่าฉันมีเรื่องกับป้าได้”
“จ๊ะ” ฉันพยุงคุณป้ายืนขึ้น ป้าปัดฝุ่นตามตัวก่อนจะขอตัวกลับ ในเมื่อความเกลียดชังหายกันแล้ว ฉันจึงเดินไปส่งป้าที่ประตูรั้วหน้าบ้านตัวเอง
เมื่อกำลังจะเดินเข้าประตูบ้าน คุณลุงก็มองฉัน จากใบหน้านิ่งงันก็ค่อย ๆ ยิ้มให้แล้วร่างของคุณลุงก็สลายหายไปกับตา
“ขอให้คุณลุงไปสู่สุคตินะคะ สาธุ” นั่นคือสิ่งที่ฉันจะทำให้พวกเขาได้ พวกเขาเหล่านั้นแค่ต้องการความช่วยเหลือ และฉันก็เป็นอีกหนึ่งคนที่สามารถมองเห็นความต้องการของพวกเขาได้ก็เท่านั้นเอง
พอถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยสินะ อย่างนั้นฉันจะขอแนะนำตัวก่อนนะ ฉันชื่อวิกานดา หรือเรียกว่าฟ้าครามก็ได้ค่ะ เห็นฉันอยู่บ้านหลังเล็ก ๆ ในซอยหมู่บ้านแออัดแบบนี้ จริง ๆ ฉันรวยมากนะขอบอก พ่อแม่ฉันเสียไปแล้วเนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อ ห้าปีก่อน ในขณะที่ฉันกำลังเรียนมหาวิทยาลัย และได้ทิ้งสมบัติมากมายไว้ให้ฉัน ซึ่งฉันก็เก็บมันไว้ใช้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันฉันอายุ 28 ปี ทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งในตำแหน่ง GM ซึ่งมี CEO เป็นเพื่อนสนิทชนิดที่ว่าฉันเป็นคนเดียวที่สามารถขึ้น มึง กู กับมันได้เป็นเรื่องปกติ และฉันเองก็มีหุ้นอยู่ที่นั่นนิดหน่อยด้วย เลยเป็นการทำงานที่ค่อนข้างสบายใจ และไม่กดดัน
นั่นอาจดูเป็นประวัติคร่าว ๆ ทั่วไป แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าฉันน่ะมีความสามารถพิเศษไม่เหมือนใคร และคงไม่มีใครอยากจะเหมือน นั่นคือฉันมีสัมผัสที่หก ไม่สิหรืออาจจะมากกว่านั้นเพราะดวงตาสีอ่อนของฉันเห็นมันอย่างจังไม่ว่าจะกลางวันกลางคืน จนตอนนี้แทบแยกไม่ออกแล้วว่า ใครเป็นผี ใครเป็นคน บางครั้งจึงสร้างความสับสนให้คนรอบข้าง ว่าฉันคุยกับใคร และดูมีนิสัยแปลกในสายตาของคนปกติ(ที่ไม่เห็นวิญญาณ)
เมื่อขึ้นลิฟท์และเดินมาจนถึงหน้าห้องของคุณเอ็ดเวิร์ดนั้น ก็พบว่ามีลูกน้องจำนวนหนึ่งยืนเฝ้าประตูอย่างรัดกุมอยากจะบ้าแบบนี้เข้าไปในนั้น คนของเขาก็รู้กันหมดนะสิ แล้วฉันจะถูกมองต่างอะไรจากสาว ๆ พวกนั้นกัน ไม่สิฉันยังดูแย่กว่าพวกสาว ๆ นั่นอีก อย่างน้อยพวกเขาก็คงได้เงินเป็นฟ่อน แล้วฉันมานอนกับเขาได้อะไร... แค่ได้เอาเนี่ยนะฉันยืนนิ่งคิดไปต่าง ๆ นา ๆ แบบนั้น จนพวกลูกน้องของเขาต้องเอ่ยเรียก ให้ฉันตื่นจากภวังค์ความคิดบ้า ๆ พวกนี้“คุณฟ้าครับ เชิญด้านในครับ นายรออยู่”“ค่า.......” ฉันเดินไปแบบหน้าเซง ๆ แต่ก่อนเข้าไป ฉันต้องหันไปพูดกับพวกลูกน้องเขาก่อน ฉันว่าพวกนี้ต้องเอาฉันไปซุบซิบเม้ามอยในกอไผ่แน่ ๆ“เอ่อ...พวกคุณคะ”“ครับ”“อย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันไม่ได้มาขายตัว”“คุณฟ้าอย่าได้กังวลครับ พวกเราไม่มีอำนาจหรือพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับนายท่านได้ รวมถึงคนที่เกี่ยวข้องกับนายครับ คุณฟ้ารีบเข้าไปดีกว่าครับ ก่อนที่นายท่านจะอารมณ์เสีย”“ค่ะ ถ้าคุณพูดแบบนี้ฉันก็สบายใจ ขอโทษที่รบกวนนะคะ” ฉันยิ้มให้เขาก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องของคุณเอ็ดเวิร์ด เพียงเปิดประตูเข้าไปฉันก็ค่อย ๆ เดินมองซ้ายมองขวาไปทั่วบริเวณ“ไม่อ
14- เหยียบกับระเบิด – ฉันถึงกับต้องอ้าปากค้าง นิ่งทื่อราวกับโดนตอกเสาเข็มปักหมุดให้ขยับไปไหนไม่ได้ อยากปฏิเสธใจจะขาด แต่มันมีหนทางให้ฉันพูดออกไปว่าไม่ทำได้ยังไง ในเมื่อเป็นฉันเองที่ จุดชนวนนี้มันกับมือ “คุณเอ็ดเวิร์ด คุณพูดผิดรึเปล่าคะ ให้ฉันเนี่ยนะมานอนห้องนี้กับคุณ” “ใช่...” ฉันจ้องมองไปที่เขา สีหน้าสุขุมจริงจังแบบนั้น แถมยังกอดอกพยักหน้ายืนยันว่าฉันไม่ได้ฟังผิด และเข้าใจถูกต้องแล้ว“ทำไมคะ ทำไมฉันต้องมานอนห้องนี้กับคุณ เอ่อ คุณเอ็ดเองก็ใช้บริการสาว ๆ ปกติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ก็เรียกใช้อย่างที่เคย ๆ ไปสิคะ” ฉันพูดออกไปตรง ๆ แน่ล่ะ ฉันน่ะเห็นผู้หญิงเข้าออกห้องเขาก็บ่อย แถมยังไม่เคยจะซ้ำหน้ากันเลยสักคนขนาดนั้น ถึงฉันจะเคยพลาด (มั้ง) นอนกับเขาไปสองสามหน แต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะลดตัวไปเป็นนางบำเรอประจำตัวให้เขาซะหน่อย “...” แต่แทนที่เขาจะพูดอะไรออกมาสักคำ เขากลับจ้องมองฉันด้วยสายตาดุดัน ราวกับว่าคำพูดของเขานั้นคือคำสั่ง “โอเคค่ะ มานอนห้องนี้ก็ได้ค่ะ งั้นฉันกลับห้องของฉันได้แล้วใช่มั้ยคะ” เขาลุกขึ้นหันจ้องมองฉัน
13- คนของฉัน –“คุณเอ็ด ฉันดื่มได้มั้ย ส่วนที่ฉันดื่มฉันจ่ายเองก็ได้” ฉันหันไปเอ่ยกับเขา มันน่าเบื่อเกินไปถ้าจะให้ฉันนั่งเฉย ๆ ในเมื่อพวกเขาไม่คุยงานกันแล้ว ฉันก็ไม่เกรงใจแล้วล่ะเขาหันมาหาฉันก่อนที่จะวางแก้วเหล้าของตัวเอง“แน่ใจว่าคุณจะดื่ม”“ค่ะ ในเมื่อพวกคุณไม่คุยงานกันแล้ว และคุณเอ็ดเวิร์ดไม่ให้ฉันกลับฉันก็จะนั่งดื่มเงียบ ๆ ส่วนคุณจะอยู่กับสาว ๆ เหมือนเพื่อน ๆ ของคุณก็เต็มที่ได้เลยค่ะ”“...” เขาเงียบไป แต่เพื่อนนัยน์ตาหวานที่มองอยู่ ก็คว้าขวดเหล้า แล้วผสมเหล้า เทลงแก้วนำมาวางตรงหน้าฉัน“เรื่องแค่นั้นคุณไม่ต้องถามไอ้เอ็ดมันหรอก ดื่มเถอะครับ ผมผสมให้”“เอ่อ.. ขอบคุณค่ะ”“ว่าแต่คุณชื่ออะไรครับ ผมมาติน”“ฉันชื่อฟ้าครามค่ะ”“ชื่อเพราะดีครับ นี่แก้วเหล้าของคุณฟ้าครับ”“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับมันมาพร้อมส่งยิ้มให้ตามมารยาท“น้อย ๆ หน่อยไอ้ติน ก่อนที่ไอ้เอ็ดมันจะอารมณ์เสีย” ชายคิ้วบากเอ่ยท้วง ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างไม่ใส่ใจนักฉันคว้าแก้วเหล้าก่อนจะดื่มมันลงไป เข้มจริง แต่ก็อร่อยมาก ๆ นี่คือรสชาติของเหล้าแพง ๆ เหรอเนี่ย ทำเอาหยุดดื่มไม่ได้เลยแหะ“ผู้หญิงนายดื่มเก่งนะเนี่ย แต่ช่วยเตือนเธอหน่อย
12- ขอให้โชคดี –ฉันข้ามฝากมาอีกฝั่งในตัวเมือง เพราะการนัดเจอกับคนใหญ่คนโตครั้งนี้ เป็นคลับหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ที่คุณเอ็ดเวิร์ดไม่ได้นัดเจอพวกเขาที่โรงแรมบนเกาะเพราะตอนนี้ยังอยู่ในช่วงรีโนเวทอยู่แหละนะหลังจากลงจากเรือฉันก็เดินไปยังรถเก๋งสีดำที่จอดเทียบอยู่“คุ...คุณเอ็ดเวิร์ด ทำไมอยู่ตรงนี้คะ”“ทำไมผมจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้ นี่มันรถผม”“เปล่าค่ะ ดิฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ดิฉันนึกว่าคุณเอ็ดเวิร์ดไปคลับก่อนแล้วน่ะค่ะ”“รีบขึ้นรถเถอะ เวลาของผมมีค่า”“ขอโทษค่ะ” ฉันรีบวิ่งจะอ้อมไปนั่งด้านหน้า แต่จู่ ๆ ก็โดนลูกน้องของคุณเอ็ดเวิร์ดห้ามไม่ให้เปิดประตูด้านหน้า“คุณฟ้าครามต้องนั่งด้านหลังครับ”“ให้ฉันนั่งข้างคุณเอ็ดเวิร์ดไม่ดีมั้งคะ”“มัวทำอะไรอยู่” สิ้นคำ เสียงอันบาดลึกก็เปล่งออกมาด้วยความหงุดหงิด“คุณฟ้ารีบขึ้นเถอะครับถ้าบอสโกรธผมตายแน่”“ค่ะ..ค่ะ” ฉันรีบเปิดประตูรถด้านหลังก่อนจะรีบนั่งลงไป ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองคนข้าง ๆ ภายในรถเงียบเฉียบ แค่เผลอกลืนน้ำลายก็ทำเอาได้ยินชัดเจน“จำเป็นต้องพก เครื่องดื่มมาคลับด้วยเหรอ”“เอ๊ะ จริงสิ!! คุณเอ็ดเวิร์ดคะ ช่วยแวะที่หนึ่งได้มั้ยคะ เป็นทางผ่าน 10 นาที
11- วันแรก –เช้าตรู่เวลา07.00 น. ฉันตื่นตามนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้ แต่งตัวด้วยชุดเสื้อสูทกระโปรงทรงเอ รวบผมให้เข้าที่ แต่งหน้าอ่อน ๆ ไม่ฉูดฉาดมากนัก ให้สมกับมาทำงานนั่นแหละฉันออกจากห้องของตัวเอง พอได้ลองสังเกตดี ๆ ชั้นแปดมีไม่กี่ห้องเองแหะ แถมไม่ค่อยมีใครอยู่ชั้นนี้เลย แล้วคนจากบริษัทอื่นที่ได้มาร่วมงานในช่วงเวลาการปรับปรุงโครงการนี้เขาพักกันชั้นไหนกันนะ“ช่างเถอะ รีบไปรายงานตัวก่อนไม่งั้นคงไม่ดีกับภาพลักษณ์บริษัทแน่”ฉันเดินลงไปยังห้องประชุมเดิมที่เคยมาก่อนหน้า เริ่มเห็นคนจากบริษัทอื่นที่ต้องมาทำงานอยู่ที่นี่ ต่างคนต่างมองหน้ากันไปมาอย่างช่างใจ แต่ก็ไม่ได้มองเขม่นกันหรอก เพราะยังไงแต่ละคนก็รับผิดชอบงานกันแต่ละส่วนอยู่แล้วทุกคนนั่งลงรอภายในห้องประชุมก่อนที่จะมีพนักงานจากกลุ่มนายทุนเข้ามาแจกแจงให้เราไปยังจุดที่แต่ละบริษัทต้องรับผิดชอบบริษัทของฉันที่ได้รับผิดชอบโครงการใหญ่ในการออกแบบห้องพักทั้งตึกB ทั้งหมดนั้น จำเป็นที่จะต้องเดินสำรวจให้ทั่ว คำนวณขนาดห้องแต่ล่ะชั้นเพื่อให้ออกแบบได้เหมาะสม และสามารถแบ่งเป็นสัดส่วนในแต่ละราคาได้สินะแผนงานคร่าว ๆ ที่ทางเจ้าของโครงการต้องการก็ไกด์ไลน
10 - อภิสิทธ์ชั้น 8 – วันรุ่งขึ้น ฉันที่ตระเตรียมกระเป๋าเดินทางพร้อมกับชุดมากมายและสิ่งของจำเป็นเรียบร้อยแล้ว ไม่นานรถเก๋งคันหรูก็มารับถึงหน้าบ้าน สวัสดิการจะดีไปไหนเนี่ย ฉันถูกพาข้ามฟากด้วยเรือยอร์ชที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ จู่ ๆ ก็รู้สึกพะอืดพะอม มวนท้องจนอยากจะอ้วก เพราะเรือขับด้วยความเร็วสูงมาก เมื่อเรือมาถึงโรงแรมบนเกาะและจอดเทียบท่า ฉันก็รีบลงจากเรือทันทีก่อนจะดิ่งไปยังม้านั่งที่อยู่ไม่ไกลนัก “คุณฟ้าครามครับ ไหวรึเปล่าครับ” “เวียนหัวนิดหน่อยค่ะ ถ้าไม่รบกวนช่วยนำกระเป๋าเข้าไปให้ก่อนได้มั้ยคะ ฟ้าขออนุญาต นั่งพักตรงนี้สักครู่หน่อยน่ะค่ะ” “ได้ครับเดี๋ยวผมจะบอกให้เจ้าหน้าที่โรงแรมจัดการเรื่องที่พักพร้อมนำกระเป๋าไว้ที่ห้องให้นะครับ หากคุณฟ้าครามดีขึ้นแล้วสามารถเข้าไปรับกุญแจที่เจ้าหน้าที่โรงแรมที่เคาน์เตอร์ได้นะครับ” “ได้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” หลังจากที่คนของนายทุนกลับไปฉันก็นั่งอยู่ตรงม้านั่ง พักสูดอากาศหายใจอาการเวียนหัวเจียนจะอ้วก เริ่มดีขึ้น แต่ยังคงมวนท้องอยู่หน่อย ๆ ทะเลตรงหน้าที่สวยงามพอเยียวยาให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้างล่ะนะ “คุณลุงคะทำไมถึงยังนั่งอยู่ตรงนี้คะ” ‘...’ “งั้นเหร
9- ร่วมมือ – “เดี๋ยวสิครับ พวกคุณจะปฏิเสธผมเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้ ขอร้องเถอะครับ บริษัทผมอยากร่วมโครงการนี้จริง ๆ โปรดให้อภัยผมเถอะครับ” แม้นักธุรกิจคนนั้นจะวิงวอนเท่าไหร่ แต่ทางกลุ่มนายทุน ก็จับเขาโยนออกไปนอกประตูอย่างเลือดเย็นนักธุรกิจหลายบริษัทที่พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม ตอนนี้กลับมีท่าทีหวั่นเกรง กับกลุ่มนายทุนร่ำรวยนี้ จากที่มั่นอกมั่นใจว่าเขาต้องเลือก กลายเป็นภาวนาให้บริษัทของตนได้อยู่ในสายตาบ้างก็พอแล้ว“กรณ์ แกว่าพวกเราจะได้ร่วมงานมั้ยเนี่ย ดูท่าไม่ง่ายอย่างที่คิดนะ”“อืม ก็ว่างั้น ยังไงพวกเราดูท่าทีไปก่อน ไม่ได้ก็ช่างมัน ตอนนี้ขอแค่ไม่ทำให้อับอายต่อหน้าคนบริษัทอื่น ๆ ก็พอ” ฉันกับไอ้กรณ์พยักหน้าเห็นด้วย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาห่วงว่าได้งานรึเปล่า แต่กลับต้องมาห่วงภาพลักษณ์ขององค์กรต่อหน้าบริษัทอื่นแทน ‘ดูท่างานนี้ไม่ใช่เรื่องกล้วย ๆ ซะแล้ว’เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย กลับเข้าสู่สถานะปกติ ทางกลุ่มนายทุนจึงได้ประชุมต่อ“ผมหวังว่าพวกคุณที่อยู่ในนี้จะไม่เอ่ยถามหาประธานของเรา”“...” ทุกคนในที่ประชุมเงียบเฉียบตั้งใจฟัง“ทางเราจะเรียกบริษัทที่เราจัดลำดับไว้เข้าพบเพื่อให้ท่านได้นำ
8- เมาขาดสติ -(- -) (o o) (0 0) นี่คือสีหน้าของฉันเมื่อลืมตาตื่นขึ้น‘เชี่ยแล้ว ยัยฟ้า ตัวแกทำอะไรลงไปเนี่ย’ ดวงตาฉันเบิกกว้าง ร่างกายที่รู้สึกว่าไร้การห่อหุ้มจากเสื้อผ้า เมื่อเปิดดูร่างกายตัวเองภายใต้ผ้าห่มที่คลุมอยู่ ก็รับรู้ได้ถึงความเย็นวาบจากร่างกายเปลือยเปล่า ดูเหมือนจะมีรอยไปทั่วตัว ‘ระ..รุนแรงอะไรอย่างนี้’ ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก และค่อยๆ หันมองไปยังคนที่นอนข้าง ๆ‘คุณพระ!!! นี่มันคุณเอ็ดเวิร์ด’ ฉันยกมือปิดปากตัวเองทันที จากที่สะลืมสะลือ ตอนนี้รู้สึกตื่นเต็มที่ชนิดที่อยากจะวาปหนีจากตรงนี้ไปให้ไกลแล้วรอยตามตัวเขานั่นมันอะไรกันทำไมถึงเยอะขนาดนั้น คราวก่อนที่เคยเจอกัน แม้เขาจะกำลังมีเซ็กซ์กับผู้หญิงหลายคน แต่ตอนนั้นร่างกายเขาแทบขาวสะอาด ไร้รอยประทับด้วยซ้ำ แม้แต่รอยลิปสติกยังไม่มี แต่คราวนี้ตามตัวเขาดันเป็นรอยใหม่ ๆ ซะด้วย เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่า เป็นฉันที่ฝากไว้ ยัยหื่น ยัยเรื้อน ยัยลามกเอ้ย คอแกได้ขาดสะบั้นแน่ถ้าเขาตื่นทั้งที่รู้ว่าฉันเมาแล้วฉันจะเป็นแบบนี้ ฉันก็ยังดื่มเหล้ากับคนที่พึ่งพบกันครั้งแรกอีก เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้เลยนอกจากตัวฉันเองคุณเอ็ดเวิร์ดคงไม่คิดอะไร ไม่งั้นค
ใบหน้าหล่อคมคาย สายตาน่าลุ่มหลง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ กับหุ่นที่น่า... ขนาดนี้ เท่าที่เคยพบในชีวิตนี้ก็มีอยู่คนเดียว คนที่ทำให้ตกหลุมรัก และอยากหลีกหนีไปพร้อม ๆ กัน“เจอกันอีกแล้วนะ” เขาพิงหลังไปตามราวระเบียงโดยที่มือทั้งสองจับราวไว้ ทำเป็นเท่(แต่ก็เท่จริงแหละ เฮ้อ)“เออ...คือว่าฉันมาผิดทาง ขอตัวก่อนค่ะ” ฉันรีบหันหลังให้อย่างไวก่อนที่จะมีเสียงเรียก ถ้าเป็นตามปกติแล้วฉันคงเดินหนีไปไม่ยาก แต่เสียงเรียกของเขามันดุดัน แถมแรงกดดันบางอย่างทำให้ฉันตัวหนักอึ้งจนก้าวขาไม่ออก ‘ให้ตายเถอะ ทำไมซวยแบบนี้ ไม่รู้ว่าไปทำเวรทำกรรมกับเขาไว้ตอนไหน’“ผมบอกให้คุณหยุด...เดี๋ยวนี้” ฉันได้ยินดังนั้นก็หันหน้ากลับมามองเขาราวกับกำลังถูกมนต์สะกด ฉันไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา เพราะเขาเองก็เพ่งมองฉันด้วยสายตาที่ทำเอาหัวใจเต้นแทบจะหลุดออกจากอก“คะ...คุณมีอะไรกับฉันเหรอคะ”“คุณชื่ออะไร” เสียงอันนุ่มลึกนั่นถามฉันด้วยท่าทีที่เริ่มเป็นมิตร“ฟ้าครามค่ะ” ฉันตอบไปแบบเก้ง ๆ กัง ๆ“อืม” เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองทะเลอันกว้างไกล“ฉันไปได้แล้วใช่มั้ยคะ”
Comments