หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
ฉันเดินเข้าบริษัทตามเคย แต่เพราะหลายวันมานี้ ฉันนอนไม่ค่อยหลับ นอกจากพวกผีตามทางจะคอยแวะเวียนมาหาแล้ว เรื่องเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนก็ยังตามมากวนใจเสมอ ฉันสลัดดวงตาดุดันนั้นไม่ออกเลย ราวกับมันเป็นรอยประทับที่เมื่อเห็นเพียงครั้งก็จะจดจำไปจนตายซะอย่างนั้น
“อั่ก...” เป็นเพราะฉันเหม่อ ขณะที่จะเดินไปยังห้องของท่านประธาน ทำให้เดินชนใครสักคนอย่างจัง ให้ตายเถอะต้องเรียกสติตัวเองให้กลับมาหน่อยแล้ว
“ขอโทษทีค่ะ เป็นฉันไม่ระวังเอง” ฉันหันไปสบตาก่อนที่จะเอื้อมมือไปช่วยเขา แต่ไม่รู้เพราะใบหน้าของฉันที่มันดูตาขวาง ดุดัน แถมไม่ได้นอน ทำให้คนตรงหน้าตกใจตื่นกลัวจนตัวสั่น พูดจาฟังไม่รู้เรื่อง
“ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ ผมผิดเองที่เดินชนผู้จัดการ”
“หืม...เรียกฉันว่าผู้จัดการแบบนี้ แสดงว่าพนักงานใหม่สินะ”
“ครับ” ชายตรงหน้ายืนสำรวมก้มหน้า กุมมือตัวสั่นงึก ๆ ดูท่าฝ่ายอบรมคงเอาฉันไปพูดอะไรไม่เข้าท่าให้คนตื่นกลัวแบบนี้อีกแล้วนะสิ เอาซะตอนนี้คนทั้งบริษัทที่อยู่ใต้อำนาจมองฉันเป็นนางยักษ์นางมารกันหมดแล้ว
ไม่นานเลขาของไอ้กรณ์ ก็เดินผ่านเข้ามาพอดี เมื่อเธอเห็นฉันประจันหน้าเด็กใหม่ก็แลดูตกใจจนต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย
“เกิดอะไรขึ้นคะ คุณฟ้า”
“ไม่มีอะไร แค่เดินชนกัน” เลขาได้ยินดังนั้นก็หันไปขึ้นเสียงกับพนักงานใหม่
“นายเดินชน คุณฟ้าเหรอ ขอโทษรึยัง”
“ใจเย็น ๆ ฉันเป็นฝ่ายเดินชนเขาเอง ไม่มีอะไรหรอก กลับไปทำงานเถอะ”ฉันหันไปพูดกับพนักงานใหม่ก่อนจะหันกลับมาพูดกับเลขาของไอ้กรณ์มัน “ว่าแต่กรณ์มาทำงานรึยัง”
“ท่านประธาน มาแล้วค่ะคุณฟ้า”
“ฉันมีเรื่องต้องปรึกษากับกรณ์ เธอช่วยชงกาแฟเข้ามาให้ฉันด้วยได้มั้ย”
“ได้ค่ะ คุณฟ้า”
“ขอบใจมากนะ” ฉันตบไหล่เธอเบา ๆ ก่อนจะตรงไปยังห้องประธานของตึกนี้ ชั้นบนสุดอย่างเคย
ณ.ห้องประธานบริษัท
“ทำไมมาหาแต่เช้า ฉันยังไม่ได้เรียกซะหน่อย” ไอ้กรณ์ที่กำลังหัวหมุนกับเอกสารกองโตตรงหน้า
“ฉันจะมาถามว่า ไอ้โครงการนั่นที่เรายื่นเสนอไปมีข่าวคราวคืบหน้าจากทางกลุ่มนักลงทุนนั่นรึเปล่า” ฉันพูดพลางหย่อนตัวลงบนโซฟาด้านข้าง ก่อนที่เลขาของกรณ์จะนำกาแฟร้อนมาให้
“ยังเลย ไม่มีอะไรคืบหน้าสักนิดดูท่าบริษัทเราคงไม่ถูกเลือกให้รับโครงการนี้แล้วล่ะ” กรณ์ละสายตาจากเอกสารเท้าคางมองฉันอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“เฮ้อ...เอานา..บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งนั้นที่ยื่นเสนอตัวทำโครงการ แค่เห็นชื่อบริษัทก็คงปัดเอกสารเราทิ้งแหละ” ฉันเองก็รู้สึกหงุดหงิดเหมือนกัน การที่ต้องยื่นเสนอแผนโครงการ แต่กลับไม่ได้แม้แต่จะอธิบายมันจะไปสำเร็จได้ยังไง เสียดายชะมัด
“โอ๊ย เงินพันล้านของกู เวรเอ้ย” หึ...ซีอีโอ อย่างไอ้กรณ์หัวร้อนออกมาต่อหน้าฉัน อย่างไม่ปิดบัง ภาพลักษณ์แบบนี้ ทั้งบริษัทก็มีแต่ฉันนี่แหละที่ได้เห็นมัน
“ช่างเถอะ งานในมือของเราก็ล้นอยู่แล้ว ไว้โอกาสหน้าค่อยว่ากันใหม่”
“แต่นั่นพันล้านเชียวนะ งานที่เรามีอยู่รวมกันยังไม่ถึงเลย” กรณ์หน้าค้อนใส่ฉัน ก็รู้ว่าเสียดายแต่จะทำไงได้
“อย่าโลภเลยมึง บริษัทของแกเพิ่งก่อตั้งแยกจากบริษัทพ่อมึงมาไม่นาน เติบโตเกินตัวมันจะลำบากเอาได้นะ มีกูอยู่เดี๋ยวไว้จะไปหาดีลโครงการดี ๆ มาให้อีก” ฉันพูดพลางจิบกาแฟไป
“เฮ้อ บริษัทฉันถ้าขาดมึงไปคงแย่แน่ว่ะ อย่าทิ้งกันนะเว้ย” ไอ้กรณ์พูดพลางจ้องมองส่งสายตาน่าสงสาร ตลกเว่อร์
“ฮ่า....จะทิ้งได้ไง ร่วมหัวจมท้ายกันมาขนาดนี้”
“มึงพูดแบบนี้กูก็สบายใจ ถ้าไม่มีมึง พ่อกูก็คงไม่ยอมปล่อยให้มานั่งบริหารเองแบบนี้หรอก”
“เอาล่ะ ในเมื่อมันไม่คืบหน้ากูขอตัวไปจัดการงานอื่น ๆ ต่อก่อน” ฉันที่กำลังจะลุกจากโซฟา จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของกรณ์ก็ดังขึ้น น่าจะเป็นการโอนสายมาจากเลขาของมันเอง
“สวัสดีครับ”
(...)
“ใช่ครับ”
(...)
“อะไรนะครับ” จู่ ๆ ไอ้กรณ์ก็ลุกขึ้นพรวด ใบหน้าเบิกตาโพลงราวกับได้ยินสิ่งที่ตกใจจนเก็บสีหน้าไว้ไม่ได้ มันจ้องมาที่ฉัน จากใบหน้าแน่นิ่ง ตอนนี้เรียวปากของไอ้กรณ์ก็ค่อย ๆ ปรากฏเป็นรอยยิ้มขึ้นมา
(...)
“ได้ครับ ทางเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่จะได้ไปเยี่ยมชม”
(...)
“ได้ครับ ขอบคุณมากครับ ผมจะไปตามวันเวลาที่กำหนดแน่นอนครับ”
สิ้นการสนทนาไอ้กรณ์ยืนตัวแข็งทื่อก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ไปทั้งอย่างนั้น
“เป็นอะไรไปมึง ใครโทรมา ทำหน้าอารมณ์ดีเชียว” ฉันถามเพราะดูสภาพตอนนี้ของไอ้กรณ์แล้วเหมือนคนสติเลอะเลือน แถมตอนนี้ยังเงยหน้า เอามือปิดตาอีกก่อนจะหัวเราะออกมาลั่น นี่มันไอ้กรณ์จริง ๆ เหรอเนี่ย
“ฮ่ะ...ฮ่ะ...ฮ่า...” เสียงหัวเราะที่ฟังแล้วขนลุกแปลก ๆ
“เห้ย อย่าทำให้งงดิ เกิดอะไรขึ้น”
“ฟ้าคราม พวกเราจะรวยแล้วเว้ย”
“รวย? ที่เป็นอยู่ยังรวยไม่พอเหรอ”
“ไม่ ๆ ฉันหมายถึงบริษัทเรากำลังจะทำกำไรสูงสุดแล้วเว้ย”
“กำไร เดี๋ยวนะหรือว่าที่โทรมาเมื่อกี้ คือ...”
“ใช่ พวกเราทำได้เขาเลือกบริษัทเราเป็นส่วนหนึ่งของโครงการยักษ์ใหญ่นี่แล้ว”
ฉันที่นั่งฟังอยู่ ก็รู้สึกดีใจไปด้วย เงินพันล้านท่องไว้ พันล้านมันมากองอยู่ตรงหน้าบริษัทเราแล้วจริง ๆ เหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะเลือกบริษัทขนาดกลางแบบนี้
“ไม่อยากจะเชื่อ” ฉันที่กำลังจะลุกออกไปสุดท้ายก็หย่อนตัวนั่งลงโซฟาตามเดิม
“อีก 3 วันเตรียมตัวเลยนะ เราสองคนต้องออกเดินทางไปยังเกาะที่ตั้งของโรงแรมนั่น ดูเหมือนจะได้นอนค้างด้วยราว 3 วัน 2 คืน”
“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ กูไม่จำเป็นต้องไปก็ได้มั้ง”
“ไม่ แกต้องไป ทางโน้นแจ้งว่าต้องเป็นคนที่ไปโรงแรมวันก่อนด้วยเท่านั้น”
“แปลกแหะ แต่ไปก็ได้ 3 วันใช่มั้ย กูจะได้เตรียมเอกสารให้พร้อมเผื่อรับมือด้วย”
“มีเพื่อนเก่งนี่มันดีจริง ๆ”
“มึงก็ด้วย ไปจัดการงานกองโตซะ ถ้าเราได้งานนี้ขึ้นมา ดูท่าต้องทุ่มให้กับงานนี้หลายเดือนแน่” เราสองคนคุยกันไปยิ้มกันไปด้วยความอารมณ์ดี ตามประสาคนกำลังจะรวยเป็นกอบเป็นกำ (รวยอยู่แล้ว แต่รวยขึ้นไปอีกไงล่ะ อิอิ)
ณ.ท่าเรือฉันกับไอ้กรณ์เรามาถึงยังจุดนัดพบ คราวแรกนึกว่าจะมีคนไม่เท่าไหร่ แต่จากที่ดู คนทั้งหมดในบริเวณนี้กลับมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือเกาะโรงแรมที่พวกเรากำลังจะไป“ไอ้กรณ์ แกแน่ใจนะว่าเราดีลได้งาน ดูท่าเหมือนแค่เรียกเราไปเพื่ออวดโรงแรมเฉย ๆ รึเปล่า”“ไม่หรอก เขาบอกว่าบริษัทเราจะเป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุงโรงแรมเลยนะ”“เอาเถอะ ก็ขอให้ไม่ไปเสียเที่ยวละกัน ได้งานติดมือมาสักหน่อยก็ยังดี แต่มันน่าแปลกอยู่อย่างนะ”“ยังไง” ไอ้กรณ์หันมาพูดกับฉันเพราะไม่เข้าใจเรื่องที่ฉันจะสื่อ“ทุกบริษัทที่เขาชวนมา ทำไมต้องมีผู้หญิงอยู่ด้วยทุกคนวะ ขนาดแกเองยังต้องมีฉันเลยแปลก ๆ”“...” ไอ้กรณ์ทำหน้าคิดตาม “จริงแหะ พอสังเกตแล้ว เหมือนผู้หญิงจะเยอะกว่าผู้ชายด้วย สวยทั้งนั้น หวานหมู”“ไอ้กรณ์ ช่วยเป็นการเป็นงานหน่อยเถอะ”“ฟ้าคราม มึงอย่าคิดมากเลย ไม่มีอะไรหรอก”“เฮ้อ...เออ ไม่คิดก็ได้”ตอนนี้ทุกคนอยู่บนเรือกันหมดแล้ว เรือลำใหญ่ลำนี้ก็กำลังฝ่าคลื่นมุ่งหน้าไปยังเกาะขนาดใหญ่ที่เป็นจุดหมายปลายทางไ
ใบหน้าหล่อคมคาย สายตาน่าลุ่มหลง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ กับหุ่นที่น่า... ขนาดนี้ เท่าที่เคยพบในชีวิตนี้ก็มีอยู่คนเดียว คนที่ทำให้ตกหลุมรัก และอยากหลีกหนีไปพร้อม ๆ กัน“เจอกันอีกแล้วนะ” เขาพิงหลังไปตามราวระเบียงโดยที่มือทั้งสองจับราวไว้ ทำเป็นเท่(แต่ก็เท่จริงแหละ เฮ้อ)“เออ...คือว่าฉันมาผิดทาง ขอตัวก่อนค่ะ” ฉันรีบหันหลังให้อย่างไวก่อนที่จะมีเสียงเรียก ถ้าเป็นตามปกติแล้วฉันคงเดินหนีไปไม่ยาก แต่เสียงเรียกของเขามันดุดัน แถมแรงกดดันบางอย่างทำให้ฉันตัวหนักอึ้งจนก้าวขาไม่ออก ‘ให้ตายเถอะ ทำไมซวยแบบนี้ ไม่รู้ว่าไปทำเวรทำกรรมกับเขาไว้ตอนไหน’“ผมบอกให้คุณหยุด...เดี๋ยวนี้” ฉันได้ยินดังนั้นก็หันหน้ากลับมามองเขาราวกับกำลังถูกมนต์สะกด ฉันไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา เพราะเขาเองก็เพ่งมองฉันด้วยสายตาที่ทำเอาหัวใจเต้นแทบจะหลุดออกจากอก“คะ...คุณมีอะไรกับฉันเหรอคะ”“คุณชื่ออะไร” เสียงอันนุ่มลึกนั่นถามฉันด้วยท่าทีที่เริ่มเป็นมิตร“ฟ้าครามค่ะ” ฉันตอบไปแบบเก้ง ๆ กัง ๆ“อืม” เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองทะเลอันกว้างไกล“ฉันไปได้แล้วใช่มั้ยคะ”
8- เมาขาดสติ -(- -) (o o) (0 0) นี่คือสีหน้าของฉันเมื่อลืมตาตื่นขึ้น‘เชี่ยแล้ว ยัยฟ้า ตัวแกทำอะไรลงไปเนี่ย’ ดวงตาฉันเบิกกว้าง ร่างกายที่รู้สึกว่าไร้การห่อหุ้มจากเสื้อผ้า เมื่อเปิดดูร่างกายตัวเองภายใต้ผ้าห่มที่คลุมอยู่ ก็รับรู้ได้ถึงความเย็นวาบจากร่างกายเปลือยเปล่า ดูเหมือนจะมีรอยไปทั่วตัว ‘ระ..รุนแรงอะไรอย่างนี้’ ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก และค่อยๆ หันมองไปยังคนที่นอนข้าง ๆ‘คุณพระ!!! นี่มันคุณเอ็ดเวิร์ด’ ฉันยกมือปิดปากตัวเองทันที จากที่สะลืมสะลือ ตอนนี้รู้สึกตื่นเต็มที่ชนิดที่อยากจะวาปหนีจากตรงนี้ไปให้ไกลแล้วรอยตามตัวเขานั่นมันอะไรกันทำไมถึงเยอะขนาดนั้น คราวก่อนที่เคยเจอกัน แม้เขาจะกำลังมีเซ็กซ์กับผู้หญิงหลายคน แต่ตอนนั้นร่างกายเขาแทบขาวสะอาด ไร้รอยประทับด้วยซ้ำ แม้แต่รอยลิปสติกยังไม่มี แต่คราวนี้ตามตัวเขาดันเป็นรอยใหม่ ๆ ซะด้วย เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่า เป็นฉันที่ฝากไว้ ยัยหื่น ยัยเรื้อน ยัยลามกเอ้ย คอแกได้ขาดสะบั้นแน่ถ้าเขาตื่นทั้งที่รู้ว่าฉันเมาแล้วฉันจะเป็นแบบนี้ ฉันก็ยังดื่มเหล้ากับคนที่พึ่งพบกันครั้งแรกอีก เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้เลยนอกจากตัวฉันเองคุณเอ็ดเวิร์ดคงไม่คิดอะไร ไม่งั้นค
9- ร่วมมือ – “เดี๋ยวสิครับ พวกคุณจะปฏิเสธผมเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้ ขอร้องเถอะครับ บริษัทผมอยากร่วมโครงการนี้จริง ๆ โปรดให้อภัยผมเถอะครับ” แม้นักธุรกิจคนนั้นจะวิงวอนเท่าไหร่ แต่ทางกลุ่มนายทุน ก็จับเขาโยนออกไปนอกประตูอย่างเลือดเย็นนักธุรกิจหลายบริษัทที่พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม ตอนนี้กลับมีท่าทีหวั่นเกรง กับกลุ่มนายทุนร่ำรวยนี้ จากที่มั่นอกมั่นใจว่าเขาต้องเลือก กลายเป็นภาวนาให้บริษัทของตนได้อยู่ในสายตาบ้างก็พอแล้ว“กรณ์ แกว่าพวกเราจะได้ร่วมงานมั้ยเนี่ย ดูท่าไม่ง่ายอย่างที่คิดนะ”“อืม ก็ว่างั้น ยังไงพวกเราดูท่าทีไปก่อน ไม่ได้ก็ช่างมัน ตอนนี้ขอแค่ไม่ทำให้อับอายต่อหน้าคนบริษัทอื่น ๆ ก็พอ” ฉันกับไอ้กรณ์พยักหน้าเห็นด้วย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาห่วงว่าได้งานรึเปล่า แต่กลับต้องมาห่วงภาพลักษณ์ขององค์กรต่อหน้าบริษัทอื่นแทน ‘ดูท่างานนี้ไม่ใช่เรื่องกล้วย ๆ ซะแล้ว’เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย กลับเข้าสู่สถานะปกติ ทางกลุ่มนายทุนจึงได้ประชุมต่อ“ผมหวังว่าพวกคุณที่อยู่ในนี้จะไม่เอ่ยถามหาประธานของเรา”“...” ทุกคนในที่ประชุมเงียบเฉียบตั้งใจฟัง“ทางเราจะเรียกบริษัทที่เราจัดลำดับไว้เข้าพบเพื่อให้ท่านได้นำ
10 - อภิสิทธ์ชั้น 8 – วันรุ่งขึ้น ฉันที่ตระเตรียมกระเป๋าเดินทางพร้อมกับชุดมากมายและสิ่งของจำเป็นเรียบร้อยแล้ว ไม่นานรถเก๋งคันหรูก็มารับถึงหน้าบ้าน สวัสดิการจะดีไปไหนเนี่ย ฉันถูกพาข้ามฟากด้วยเรือยอร์ชที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ จู่ ๆ ก็รู้สึกพะอืดพะอม มวนท้องจนอยากจะอ้วก เพราะเรือขับด้วยความเร็วสูงมาก เมื่อเรือมาถึงโรงแรมบนเกาะและจอดเทียบท่า ฉันก็รีบลงจากเรือทันทีก่อนจะดิ่งไปยังม้านั่งที่อยู่ไม่ไกลนัก “คุณฟ้าครามครับ ไหวรึเปล่าครับ” “เวียนหัวนิดหน่อยค่ะ ถ้าไม่รบกวนช่วยนำกระเป๋าเข้าไปให้ก่อนได้มั้ยคะ ฟ้าขออนุญาต นั่งพักตรงนี้สักครู่หน่อยน่ะค่ะ” “ได้ครับเดี๋ยวผมจะบอกให้เจ้าหน้าที่โรงแรมจัดการเรื่องที่พักพร้อมนำกระเป๋าไว้ที่ห้องให้นะครับ หากคุณฟ้าครามดีขึ้นแล้วสามารถเข้าไปรับกุญแจที่เจ้าหน้าที่โรงแรมที่เคาน์เตอร์ได้นะครับ” “ได้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” หลังจากที่คนของนายทุนกลับไปฉันก็นั่งอยู่ตรงม้านั่ง พักสูดอากาศหายใจอาการเวียนหัวเจียนจะอ้วก เริ่มดีขึ้น แต่ยังคงมวนท้องอยู่หน่อย ๆ ทะเลตรงหน้าที่สวยงามพอเยียวยาให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้างล่ะนะ “คุณลุงคะทำไมถึงยังนั่งอยู่ตรงนี้คะ” ‘...’ “งั้นเหร
11- วันแรก –เช้าตรู่เวลา07.00 น. ฉันตื่นตามนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้ แต่งตัวด้วยชุดเสื้อสูทกระโปรงทรงเอ รวบผมให้เข้าที่ แต่งหน้าอ่อน ๆ ไม่ฉูดฉาดมากนัก ให้สมกับมาทำงานนั่นแหละฉันออกจากห้องของตัวเอง พอได้ลองสังเกตดี ๆ ชั้นแปดมีไม่กี่ห้องเองแหะ แถมไม่ค่อยมีใครอยู่ชั้นนี้เลย แล้วคนจากบริษัทอื่นที่ได้มาร่วมงานในช่วงเวลาการปรับปรุงโครงการนี้เขาพักกันชั้นไหนกันนะ“ช่างเถอะ รีบไปรายงานตัวก่อนไม่งั้นคงไม่ดีกับภาพลักษณ์บริษัทแน่”ฉันเดินลงไปยังห้องประชุมเดิมที่เคยมาก่อนหน้า เริ่มเห็นคนจากบริษัทอื่นที่ต้องมาทำงานอยู่ที่นี่ ต่างคนต่างมองหน้ากันไปมาอย่างช่างใจ แต่ก็ไม่ได้มองเขม่นกันหรอก เพราะยังไงแต่ละคนก็รับผิดชอบงานกันแต่ละส่วนอยู่แล้วทุกคนนั่งลงรอภายในห้องประชุมก่อนที่จะมีพนักงานจากกลุ่มนายทุนเข้ามาแจกแจงให้เราไปยังจุดที่แต่ละบริษัทต้องรับผิดชอบบริษัทของฉันที่ได้รับผิดชอบโครงการใหญ่ในการออกแบบห้องพักทั้งตึกB ทั้งหมดนั้น จำเป็นที่จะต้องเดินสำรวจให้ทั่ว คำนวณขนาดห้องแต่ล่ะชั้นเพื่อให้ออกแบบได้เหมาะสม และสามารถแบ่งเป็นสัดส่วนในแต่ละราคาได้สินะแผนงานคร่าว ๆ ที่ทางเจ้าของโครงการต้องการก็ไกด์ไลน
12- ขอให้โชคดี –ฉันข้ามฝากมาอีกฝั่งในตัวเมือง เพราะการนัดเจอกับคนใหญ่คนโตครั้งนี้ เป็นคลับหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ที่คุณเอ็ดเวิร์ดไม่ได้นัดเจอพวกเขาที่โรงแรมบนเกาะเพราะตอนนี้ยังอยู่ในช่วงรีโนเวทอยู่แหละนะหลังจากลงจากเรือฉันก็เดินไปยังรถเก๋งสีดำที่จอดเทียบอยู่“คุ...คุณเอ็ดเวิร์ด ทำไมอยู่ตรงนี้คะ”“ทำไมผมจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้ นี่มันรถผม”“เปล่าค่ะ ดิฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ดิฉันนึกว่าคุณเอ็ดเวิร์ดไปคลับก่อนแล้วน่ะค่ะ”“รีบขึ้นรถเถอะ เวลาของผมมีค่า”“ขอโทษค่ะ” ฉันรีบวิ่งจะอ้อมไปนั่งด้านหน้า แต่จู่ ๆ ก็โดนลูกน้องของคุณเอ็ดเวิร์ดห้ามไม่ให้เปิดประตูด้านหน้า“คุณฟ้าครามต้องนั่งด้านหลังครับ”“ให้ฉันนั่งข้างคุณเอ็ดเวิร์ดไม่ดีมั้งคะ”“มัวทำอะไรอยู่” สิ้นคำ เสียงอันบาดลึกก็เปล่งออกมาด้วยความหงุดหงิด“คุณฟ้ารีบขึ้นเถอะครับถ้าบอสโกรธผมตายแน่”“ค่ะ..ค่ะ” ฉันรีบเปิดประตูรถด้านหลังก่อนจะรีบนั่งลงไป ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองคนข้าง ๆ ภายในรถเงียบเฉียบ แค่เผลอกลืนน้ำลายก็ทำเอาได้ยินชัดเจน“จำเป็นต้องพก เครื่องดื่มมาคลับด้วยเหรอ”“เอ๊ะ จริงสิ!! คุณเอ็ดเวิร์ดคะ ช่วยแวะที่หนึ่งได้มั้ยคะ เป็นทางผ่าน 10 นาที
13- คนของฉัน –“คุณเอ็ด ฉันดื่มได้มั้ย ส่วนที่ฉันดื่มฉันจ่ายเองก็ได้” ฉันหันไปเอ่ยกับเขา มันน่าเบื่อเกินไปถ้าจะให้ฉันนั่งเฉย ๆ ในเมื่อพวกเขาไม่คุยงานกันแล้ว ฉันก็ไม่เกรงใจแล้วล่ะเขาหันมาหาฉันก่อนที่จะวางแก้วเหล้าของตัวเอง“แน่ใจว่าคุณจะดื่ม”“ค่ะ ในเมื่อพวกคุณไม่คุยงานกันแล้ว และคุณเอ็ดเวิร์ดไม่ให้ฉันกลับฉันก็จะนั่งดื่มเงียบ ๆ ส่วนคุณจะอยู่กับสาว ๆ เหมือนเพื่อน ๆ ของคุณก็เต็มที่ได้เลยค่ะ”“...” เขาเงียบไป แต่เพื่อนนัยน์ตาหวานที่มองอยู่ ก็คว้าขวดเหล้า แล้วผสมเหล้า เทลงแก้วนำมาวางตรงหน้าฉัน“เรื่องแค่นั้นคุณไม่ต้องถามไอ้เอ็ดมันหรอก ดื่มเถอะครับ ผมผสมให้”“เอ่อ.. ขอบคุณค่ะ”“ว่าแต่คุณชื่ออะไรครับ ผมมาติน”“ฉันชื่อฟ้าครามค่ะ”“ชื่อเพราะดีครับ นี่แก้วเหล้าของคุณฟ้าครับ”“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับมันมาพร้อมส่งยิ้มให้ตามมารยาท“น้อย ๆ หน่อยไอ้ติน ก่อนที่ไอ้เอ็ดมันจะอารมณ์เสีย” ชายคิ้วบากเอ่ยท้วง ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างไม่ใส่ใจนักฉันคว้าแก้วเหล้าก่อนจะดื่มมันลงไป เข้มจริง แต่ก็อร่อยมาก ๆ นี่คือรสชาติของเหล้าแพง ๆ เหรอเนี่ย ทำเอาหยุดดื่มไม่ได้เลยแหะ“ผู้หญิงนายดื่มเก่งนะเนี่ย แต่ช่วยเตือนเธอหน่อย
เมื่อขึ้นลิฟท์และเดินมาจนถึงหน้าห้องของคุณเอ็ดเวิร์ดนั้น ก็พบว่ามีลูกน้องจำนวนหนึ่งยืนเฝ้าประตูอย่างรัดกุมอยากจะบ้าแบบนี้เข้าไปในนั้น คนของเขาก็รู้กันหมดนะสิ แล้วฉันจะถูกมองต่างอะไรจากสาว ๆ พวกนั้นกัน ไม่สิฉันยังดูแย่กว่าพวกสาว ๆ นั่นอีก อย่างน้อยพวกเขาก็คงได้เงินเป็นฟ่อน แล้วฉันมานอนกับเขาได้อะไร... แค่ได้เอาเนี่ยนะฉันยืนนิ่งคิดไปต่าง ๆ นา ๆ แบบนั้น จนพวกลูกน้องของเขาต้องเอ่ยเรียก ให้ฉันตื่นจากภวังค์ความคิดบ้า ๆ พวกนี้“คุณฟ้าครับ เชิญด้านในครับ นายรออยู่”“ค่า.......” ฉันเดินไปแบบหน้าเซง ๆ แต่ก่อนเข้าไป ฉันต้องหันไปพูดกับพวกลูกน้องเขาก่อน ฉันว่าพวกนี้ต้องเอาฉันไปซุบซิบเม้ามอยในกอไผ่แน่ ๆ“เอ่อ...พวกคุณคะ”“ครับ”“อย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันไม่ได้มาขายตัว”“คุณฟ้าอย่าได้กังวลครับ พวกเราไม่มีอำนาจหรือพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับนายท่านได้ รวมถึงคนที่เกี่ยวข้องกับนายครับ คุณฟ้ารีบเข้าไปดีกว่าครับ ก่อนที่นายท่านจะอารมณ์เสีย”“ค่ะ ถ้าคุณพูดแบบนี้ฉันก็สบายใจ ขอโทษที่รบกวนนะคะ” ฉันยิ้มให้เขาก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องของคุณเอ็ดเวิร์ด เพียงเปิดประตูเข้าไปฉันก็ค่อย ๆ เดินมองซ้ายมองขวาไปทั่วบริเวณ“ไม่อ
14- เหยียบกับระเบิด – ฉันถึงกับต้องอ้าปากค้าง นิ่งทื่อราวกับโดนตอกเสาเข็มปักหมุดให้ขยับไปไหนไม่ได้ อยากปฏิเสธใจจะขาด แต่มันมีหนทางให้ฉันพูดออกไปว่าไม่ทำได้ยังไง ในเมื่อเป็นฉันเองที่ จุดชนวนนี้มันกับมือ “คุณเอ็ดเวิร์ด คุณพูดผิดรึเปล่าคะ ให้ฉันเนี่ยนะมานอนห้องนี้กับคุณ” “ใช่...” ฉันจ้องมองไปที่เขา สีหน้าสุขุมจริงจังแบบนั้น แถมยังกอดอกพยักหน้ายืนยันว่าฉันไม่ได้ฟังผิด และเข้าใจถูกต้องแล้ว“ทำไมคะ ทำไมฉันต้องมานอนห้องนี้กับคุณ เอ่อ คุณเอ็ดเองก็ใช้บริการสาว ๆ ปกติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ก็เรียกใช้อย่างที่เคย ๆ ไปสิคะ” ฉันพูดออกไปตรง ๆ แน่ล่ะ ฉันน่ะเห็นผู้หญิงเข้าออกห้องเขาก็บ่อย แถมยังไม่เคยจะซ้ำหน้ากันเลยสักคนขนาดนั้น ถึงฉันจะเคยพลาด (มั้ง) นอนกับเขาไปสองสามหน แต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะลดตัวไปเป็นนางบำเรอประจำตัวให้เขาซะหน่อย “...” แต่แทนที่เขาจะพูดอะไรออกมาสักคำ เขากลับจ้องมองฉันด้วยสายตาดุดัน ราวกับว่าคำพูดของเขานั้นคือคำสั่ง “โอเคค่ะ มานอนห้องนี้ก็ได้ค่ะ งั้นฉันกลับห้องของฉันได้แล้วใช่มั้ยคะ” เขาลุกขึ้นหันจ้องมองฉัน
13- คนของฉัน –“คุณเอ็ด ฉันดื่มได้มั้ย ส่วนที่ฉันดื่มฉันจ่ายเองก็ได้” ฉันหันไปเอ่ยกับเขา มันน่าเบื่อเกินไปถ้าจะให้ฉันนั่งเฉย ๆ ในเมื่อพวกเขาไม่คุยงานกันแล้ว ฉันก็ไม่เกรงใจแล้วล่ะเขาหันมาหาฉันก่อนที่จะวางแก้วเหล้าของตัวเอง“แน่ใจว่าคุณจะดื่ม”“ค่ะ ในเมื่อพวกคุณไม่คุยงานกันแล้ว และคุณเอ็ดเวิร์ดไม่ให้ฉันกลับฉันก็จะนั่งดื่มเงียบ ๆ ส่วนคุณจะอยู่กับสาว ๆ เหมือนเพื่อน ๆ ของคุณก็เต็มที่ได้เลยค่ะ”“...” เขาเงียบไป แต่เพื่อนนัยน์ตาหวานที่มองอยู่ ก็คว้าขวดเหล้า แล้วผสมเหล้า เทลงแก้วนำมาวางตรงหน้าฉัน“เรื่องแค่นั้นคุณไม่ต้องถามไอ้เอ็ดมันหรอก ดื่มเถอะครับ ผมผสมให้”“เอ่อ.. ขอบคุณค่ะ”“ว่าแต่คุณชื่ออะไรครับ ผมมาติน”“ฉันชื่อฟ้าครามค่ะ”“ชื่อเพราะดีครับ นี่แก้วเหล้าของคุณฟ้าครับ”“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับมันมาพร้อมส่งยิ้มให้ตามมารยาท“น้อย ๆ หน่อยไอ้ติน ก่อนที่ไอ้เอ็ดมันจะอารมณ์เสีย” ชายคิ้วบากเอ่ยท้วง ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างไม่ใส่ใจนักฉันคว้าแก้วเหล้าก่อนจะดื่มมันลงไป เข้มจริง แต่ก็อร่อยมาก ๆ นี่คือรสชาติของเหล้าแพง ๆ เหรอเนี่ย ทำเอาหยุดดื่มไม่ได้เลยแหะ“ผู้หญิงนายดื่มเก่งนะเนี่ย แต่ช่วยเตือนเธอหน่อย
12- ขอให้โชคดี –ฉันข้ามฝากมาอีกฝั่งในตัวเมือง เพราะการนัดเจอกับคนใหญ่คนโตครั้งนี้ เป็นคลับหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ที่คุณเอ็ดเวิร์ดไม่ได้นัดเจอพวกเขาที่โรงแรมบนเกาะเพราะตอนนี้ยังอยู่ในช่วงรีโนเวทอยู่แหละนะหลังจากลงจากเรือฉันก็เดินไปยังรถเก๋งสีดำที่จอดเทียบอยู่“คุ...คุณเอ็ดเวิร์ด ทำไมอยู่ตรงนี้คะ”“ทำไมผมจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้ นี่มันรถผม”“เปล่าค่ะ ดิฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ดิฉันนึกว่าคุณเอ็ดเวิร์ดไปคลับก่อนแล้วน่ะค่ะ”“รีบขึ้นรถเถอะ เวลาของผมมีค่า”“ขอโทษค่ะ” ฉันรีบวิ่งจะอ้อมไปนั่งด้านหน้า แต่จู่ ๆ ก็โดนลูกน้องของคุณเอ็ดเวิร์ดห้ามไม่ให้เปิดประตูด้านหน้า“คุณฟ้าครามต้องนั่งด้านหลังครับ”“ให้ฉันนั่งข้างคุณเอ็ดเวิร์ดไม่ดีมั้งคะ”“มัวทำอะไรอยู่” สิ้นคำ เสียงอันบาดลึกก็เปล่งออกมาด้วยความหงุดหงิด“คุณฟ้ารีบขึ้นเถอะครับถ้าบอสโกรธผมตายแน่”“ค่ะ..ค่ะ” ฉันรีบเปิดประตูรถด้านหลังก่อนจะรีบนั่งลงไป ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองคนข้าง ๆ ภายในรถเงียบเฉียบ แค่เผลอกลืนน้ำลายก็ทำเอาได้ยินชัดเจน“จำเป็นต้องพก เครื่องดื่มมาคลับด้วยเหรอ”“เอ๊ะ จริงสิ!! คุณเอ็ดเวิร์ดคะ ช่วยแวะที่หนึ่งได้มั้ยคะ เป็นทางผ่าน 10 นาที
11- วันแรก –เช้าตรู่เวลา07.00 น. ฉันตื่นตามนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้ แต่งตัวด้วยชุดเสื้อสูทกระโปรงทรงเอ รวบผมให้เข้าที่ แต่งหน้าอ่อน ๆ ไม่ฉูดฉาดมากนัก ให้สมกับมาทำงานนั่นแหละฉันออกจากห้องของตัวเอง พอได้ลองสังเกตดี ๆ ชั้นแปดมีไม่กี่ห้องเองแหะ แถมไม่ค่อยมีใครอยู่ชั้นนี้เลย แล้วคนจากบริษัทอื่นที่ได้มาร่วมงานในช่วงเวลาการปรับปรุงโครงการนี้เขาพักกันชั้นไหนกันนะ“ช่างเถอะ รีบไปรายงานตัวก่อนไม่งั้นคงไม่ดีกับภาพลักษณ์บริษัทแน่”ฉันเดินลงไปยังห้องประชุมเดิมที่เคยมาก่อนหน้า เริ่มเห็นคนจากบริษัทอื่นที่ต้องมาทำงานอยู่ที่นี่ ต่างคนต่างมองหน้ากันไปมาอย่างช่างใจ แต่ก็ไม่ได้มองเขม่นกันหรอก เพราะยังไงแต่ละคนก็รับผิดชอบงานกันแต่ละส่วนอยู่แล้วทุกคนนั่งลงรอภายในห้องประชุมก่อนที่จะมีพนักงานจากกลุ่มนายทุนเข้ามาแจกแจงให้เราไปยังจุดที่แต่ละบริษัทต้องรับผิดชอบบริษัทของฉันที่ได้รับผิดชอบโครงการใหญ่ในการออกแบบห้องพักทั้งตึกB ทั้งหมดนั้น จำเป็นที่จะต้องเดินสำรวจให้ทั่ว คำนวณขนาดห้องแต่ล่ะชั้นเพื่อให้ออกแบบได้เหมาะสม และสามารถแบ่งเป็นสัดส่วนในแต่ละราคาได้สินะแผนงานคร่าว ๆ ที่ทางเจ้าของโครงการต้องการก็ไกด์ไลน
10 - อภิสิทธ์ชั้น 8 – วันรุ่งขึ้น ฉันที่ตระเตรียมกระเป๋าเดินทางพร้อมกับชุดมากมายและสิ่งของจำเป็นเรียบร้อยแล้ว ไม่นานรถเก๋งคันหรูก็มารับถึงหน้าบ้าน สวัสดิการจะดีไปไหนเนี่ย ฉันถูกพาข้ามฟากด้วยเรือยอร์ชที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ จู่ ๆ ก็รู้สึกพะอืดพะอม มวนท้องจนอยากจะอ้วก เพราะเรือขับด้วยความเร็วสูงมาก เมื่อเรือมาถึงโรงแรมบนเกาะและจอดเทียบท่า ฉันก็รีบลงจากเรือทันทีก่อนจะดิ่งไปยังม้านั่งที่อยู่ไม่ไกลนัก “คุณฟ้าครามครับ ไหวรึเปล่าครับ” “เวียนหัวนิดหน่อยค่ะ ถ้าไม่รบกวนช่วยนำกระเป๋าเข้าไปให้ก่อนได้มั้ยคะ ฟ้าขออนุญาต นั่งพักตรงนี้สักครู่หน่อยน่ะค่ะ” “ได้ครับเดี๋ยวผมจะบอกให้เจ้าหน้าที่โรงแรมจัดการเรื่องที่พักพร้อมนำกระเป๋าไว้ที่ห้องให้นะครับ หากคุณฟ้าครามดีขึ้นแล้วสามารถเข้าไปรับกุญแจที่เจ้าหน้าที่โรงแรมที่เคาน์เตอร์ได้นะครับ” “ได้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” หลังจากที่คนของนายทุนกลับไปฉันก็นั่งอยู่ตรงม้านั่ง พักสูดอากาศหายใจอาการเวียนหัวเจียนจะอ้วก เริ่มดีขึ้น แต่ยังคงมวนท้องอยู่หน่อย ๆ ทะเลตรงหน้าที่สวยงามพอเยียวยาให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้างล่ะนะ “คุณลุงคะทำไมถึงยังนั่งอยู่ตรงนี้คะ” ‘...’ “งั้นเหร
9- ร่วมมือ – “เดี๋ยวสิครับ พวกคุณจะปฏิเสธผมเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้ ขอร้องเถอะครับ บริษัทผมอยากร่วมโครงการนี้จริง ๆ โปรดให้อภัยผมเถอะครับ” แม้นักธุรกิจคนนั้นจะวิงวอนเท่าไหร่ แต่ทางกลุ่มนายทุน ก็จับเขาโยนออกไปนอกประตูอย่างเลือดเย็นนักธุรกิจหลายบริษัทที่พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม ตอนนี้กลับมีท่าทีหวั่นเกรง กับกลุ่มนายทุนร่ำรวยนี้ จากที่มั่นอกมั่นใจว่าเขาต้องเลือก กลายเป็นภาวนาให้บริษัทของตนได้อยู่ในสายตาบ้างก็พอแล้ว“กรณ์ แกว่าพวกเราจะได้ร่วมงานมั้ยเนี่ย ดูท่าไม่ง่ายอย่างที่คิดนะ”“อืม ก็ว่างั้น ยังไงพวกเราดูท่าทีไปก่อน ไม่ได้ก็ช่างมัน ตอนนี้ขอแค่ไม่ทำให้อับอายต่อหน้าคนบริษัทอื่น ๆ ก็พอ” ฉันกับไอ้กรณ์พยักหน้าเห็นด้วย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาห่วงว่าได้งานรึเปล่า แต่กลับต้องมาห่วงภาพลักษณ์ขององค์กรต่อหน้าบริษัทอื่นแทน ‘ดูท่างานนี้ไม่ใช่เรื่องกล้วย ๆ ซะแล้ว’เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย กลับเข้าสู่สถานะปกติ ทางกลุ่มนายทุนจึงได้ประชุมต่อ“ผมหวังว่าพวกคุณที่อยู่ในนี้จะไม่เอ่ยถามหาประธานของเรา”“...” ทุกคนในที่ประชุมเงียบเฉียบตั้งใจฟัง“ทางเราจะเรียกบริษัทที่เราจัดลำดับไว้เข้าพบเพื่อให้ท่านได้นำ
8- เมาขาดสติ -(- -) (o o) (0 0) นี่คือสีหน้าของฉันเมื่อลืมตาตื่นขึ้น‘เชี่ยแล้ว ยัยฟ้า ตัวแกทำอะไรลงไปเนี่ย’ ดวงตาฉันเบิกกว้าง ร่างกายที่รู้สึกว่าไร้การห่อหุ้มจากเสื้อผ้า เมื่อเปิดดูร่างกายตัวเองภายใต้ผ้าห่มที่คลุมอยู่ ก็รับรู้ได้ถึงความเย็นวาบจากร่างกายเปลือยเปล่า ดูเหมือนจะมีรอยไปทั่วตัว ‘ระ..รุนแรงอะไรอย่างนี้’ ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก และค่อยๆ หันมองไปยังคนที่นอนข้าง ๆ‘คุณพระ!!! นี่มันคุณเอ็ดเวิร์ด’ ฉันยกมือปิดปากตัวเองทันที จากที่สะลืมสะลือ ตอนนี้รู้สึกตื่นเต็มที่ชนิดที่อยากจะวาปหนีจากตรงนี้ไปให้ไกลแล้วรอยตามตัวเขานั่นมันอะไรกันทำไมถึงเยอะขนาดนั้น คราวก่อนที่เคยเจอกัน แม้เขาจะกำลังมีเซ็กซ์กับผู้หญิงหลายคน แต่ตอนนั้นร่างกายเขาแทบขาวสะอาด ไร้รอยประทับด้วยซ้ำ แม้แต่รอยลิปสติกยังไม่มี แต่คราวนี้ตามตัวเขาดันเป็นรอยใหม่ ๆ ซะด้วย เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่า เป็นฉันที่ฝากไว้ ยัยหื่น ยัยเรื้อน ยัยลามกเอ้ย คอแกได้ขาดสะบั้นแน่ถ้าเขาตื่นทั้งที่รู้ว่าฉันเมาแล้วฉันจะเป็นแบบนี้ ฉันก็ยังดื่มเหล้ากับคนที่พึ่งพบกันครั้งแรกอีก เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้เลยนอกจากตัวฉันเองคุณเอ็ดเวิร์ดคงไม่คิดอะไร ไม่งั้นค
ใบหน้าหล่อคมคาย สายตาน่าลุ่มหลง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ กับหุ่นที่น่า... ขนาดนี้ เท่าที่เคยพบในชีวิตนี้ก็มีอยู่คนเดียว คนที่ทำให้ตกหลุมรัก และอยากหลีกหนีไปพร้อม ๆ กัน“เจอกันอีกแล้วนะ” เขาพิงหลังไปตามราวระเบียงโดยที่มือทั้งสองจับราวไว้ ทำเป็นเท่(แต่ก็เท่จริงแหละ เฮ้อ)“เออ...คือว่าฉันมาผิดทาง ขอตัวก่อนค่ะ” ฉันรีบหันหลังให้อย่างไวก่อนที่จะมีเสียงเรียก ถ้าเป็นตามปกติแล้วฉันคงเดินหนีไปไม่ยาก แต่เสียงเรียกของเขามันดุดัน แถมแรงกดดันบางอย่างทำให้ฉันตัวหนักอึ้งจนก้าวขาไม่ออก ‘ให้ตายเถอะ ทำไมซวยแบบนี้ ไม่รู้ว่าไปทำเวรทำกรรมกับเขาไว้ตอนไหน’“ผมบอกให้คุณหยุด...เดี๋ยวนี้” ฉันได้ยินดังนั้นก็หันหน้ากลับมามองเขาราวกับกำลังถูกมนต์สะกด ฉันไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา เพราะเขาเองก็เพ่งมองฉันด้วยสายตาที่ทำเอาหัวใจเต้นแทบจะหลุดออกจากอก“คะ...คุณมีอะไรกับฉันเหรอคะ”“คุณชื่ออะไร” เสียงอันนุ่มลึกนั่นถามฉันด้วยท่าทีที่เริ่มเป็นมิตร“ฟ้าครามค่ะ” ฉันตอบไปแบบเก้ง ๆ กัง ๆ“อืม” เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองทะเลอันกว้างไกล“ฉันไปได้แล้วใช่มั้ยคะ”