9
- ร่วมมือ –
“เดี๋ยวสิครับ พวกคุณจะปฏิเสธผมเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้ ขอร้องเถอะครับ บริษัทผมอยากร่วมโครงการนี้จริง ๆ โปรดให้อภัยผมเถอะครับ” แม้นักธุรกิจคนนั้นจะวิงวอนเท่าไหร่ แต่ทางกลุ่มนายทุน ก็จับเขาโยนออกไปนอกประตูอย่างเลือดเย็น
นักธุรกิจหลายบริษัทที่พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม ตอนนี้กลับมีท่าทีหวั่นเกรง กับกลุ่มนายทุนร่ำรวยนี้ จากที่มั่นอกมั่นใจว่าเขาต้องเลือก กลายเป็นภาวนาให้บริษัทของตนได้อยู่ในสายตาบ้างก็พอแล้ว
“กรณ์ แกว่าพวกเราจะได้ร่วมงานมั้ยเนี่ย ดูท่าไม่ง่ายอย่างที่คิดนะ”
“อืม ก็ว่างั้น ยังไงพวกเราดูท่าทีไปก่อน ไม่ได้ก็ช่างมัน ตอนนี้ขอแค่ไม่ทำให้อับอายต่อหน้าคนบริษัทอื่น ๆ ก็พอ” ฉันกับไอ้กรณ์พยักหน้าเห็นด้วย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาห่วงว่าได้งานรึเปล่า แต่กลับต้องมาห่วงภาพลักษณ์ขององค์กรต่อหน้าบริษัทอื่นแทน ‘ดูท่างานนี้ไม่ใช่เรื่องกล้วย ๆ ซะแล้ว’
เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย กลับเข้าสู่สถานะปกติ ทางกลุ่มนายทุนจึงได้ประชุมต่อ
“ผมหวังว่าพวกคุณที่อยู่ในนี้จะไม่เอ่ยถามหาประธานของเรา”
“...” ทุกคนในที่ประชุมเงียบเฉียบตั้งใจฟัง
“ทางเราจะเรียกบริษัทที่เราจัดลำดับไว้เข้าพบเพื่อให้ท่านได้นำเสนอแผนงานที่มีต่อเราส่วนตัว บริษัทแรกเชิญครับ” เมื่อบริษัทแรกถูกเรียกเข้าไป ทำให้บริษัทอื่น ๆ ต่างก็ผ่อนคลายลง ร่วมทั้งฉันกับกรณ์
“เฮ้อ...เป็นการมาดีลงานที่เหมือนมาเข้าสอบ อึดอัดชะมัดเลย”
“เอานาฟ้า คิดไว้ว่าเงินพันล้านกองอยู่ตรงหน้าเรา” ไอ้กรณ์พูดพลางทำหน้าระยิบระยับ ให้ตายเถอะ ถ้ามันง่ายแบบอย่างที่คิดก็คงดีสิยะ
พวกเรายังคงนั่งรออยู่แบบนั้น หลายบริษัทที่เข้าไป ก็ออกมาด้วยใบหน้านิ่งขรึมจนดูไม่ออกว่าบริษัทพวกเขาได้ร่วมงานรึเปล่า ชักเริ่มสงสัยแล้วสิ
“บริษัท KR GROUP จำกัด เชิญครับ”
ฉันกับไอ้กรณ์ลุกขึ้นเดินอย่างสง่าเพื่อไปยังห้องเสนอแผนงาน แต่ทันใดนั้น คนของกลุ่มนายทุนก็ยกมือห้ามให้พวกเราหยุดก่อนที่เขาจะได้รับสายจากใครบางคน
“ครับท่าน”
(...)
“ใช่ครับ บริษัท KR GROUP จำกัด ครับ”
(...)
“ท่านจะคุยด้วยตนเองเหรอครับ”
(...)
“ได้ครับท่าน”
สิ้นคำสนทนาของพวกเรา คนของกลุ่มนายทุนก็เอ่ยกับพวกฉัน
“เชิญคุณทั้งสองคน ไปห้องด้านโน้นครับ เดี๋ยวผมจะพาไป”
“เอ่อ...คือว่าพวกเรายังไม่ได้เสนอแผนงานที่ตั้งใจทำมาให้เลยนะครับ” กรณ์เอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะจู่ ๆ จากที่เราต้องเข้าไปเสนอแผนงานที่ห้องนั้น กลับถูกเปลี่ยนให้ไปอีกห้อง
“คุณทั้งสองไม่ต้องกังวลนะครับ บริษัทพวกคุณเป็นกรณีพิเศษ เชิญทางนี้เลยครับ”
“ค่ะ” “ครับ” ฉันกับไอ้กรณ์มองหน้ากันไปมา คนบริษัทอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ ก็พากันสงสัย
พวกเรามีแต่ต้องจำยอมเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะหากพวกเราดันดื้อตั้งคำถามก็กลัวจะเหมือนกับบริษัทก่อนหน้าที่ถูกลากออกนอกห้องนะสิ
เราถูกพาออกมายังห้องรับรองห้องหนึ่งที่ดูโอ่อ่า เกินกว่าจะเป็นห้องประชุม เมื่อเดินเข้าไป ก็พบกับชายสวมแว่นคนหนึ่งที่คุ้นหน้า และมีชายร่างใหญ่ที่กำลังหันหลังยืนอย่างสง่า ทั้งฉันและไอ้กรณ์ต่างก็ตัวเกร็งกันไปหมด
แต่น่าแปลกทำไมนะ แผ่นหลังนี้ดูคุ้นตาเป็นพิเศษ
“ท่านครับ คนจาก บริษัท KR GROUP จำกัด มาแล้วครับ” สิ้นเสียงชายใส่แว่นที่ยืนรับตั้งแต่หน้าประตู ก็เอ่ยต่อคนที่เป็นหัวหน้าของเขา
เพียงคน ๆ นั้นเดินพร้อมหันมานั่งยังโซฟา หัวใจของฉันก็แทบหล่นไปอยู่บนตาตุ่ม
‘นี่มันคุณเอ็ดเวิร์ดไม่ใช่เหรอ ทำไมพวกเราถึงโดนพามาหาเขาได้ล่ะ’ ฉันได้แต่คิดในใจไปต่าง ๆ นานา
“เชิญทั้งสองนั่งลงก่อนครับ”
“ครับ” “ค่ะ” ไอ้กรณ์กับฉันขานรับไปตามมารยาท แม้ตอนนี้สีหน้าของฉันแทบจะเก็บอาการประหม่าไม่มิดก็ตาม จนไอ้กรณ์ต้องสะกิดให้ฉันรู้สึกตัว
เรานั่งลงโซฟา โดยมีคุณเอ็ดเวิร์ดนั่งอยู่ด้านหน้า กรณ์มีสีหน้าท่าทางเป็นมิตรเป็นบุคลิกที่ซีอีโอพึงมี ส่วนฉันตอนนี้ชักทำตัวไม่ถูก ก็เพิ่งผ่านคืนนั้นมานิหว่า ใครจะคิดว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้
“ทำตัวตามสบายนะครับ ผมเพียงสนใจแผนโครงการของบริษัทคุณเป็นพิเศษเท่านั้น”
“ไม่ทราบว่า คุณคือ...” ไอ้กรณ์เอ่ยถามตามมารยาท
“ผมเอ็ดเวิร์ดครับ หนึ่งในผู้บริหารของโครงการนี้” ไอ้กรณ์ทำหน้าตกใจ ก่อนจะหันมาสะกิดฉัน ฉันเองที่ได้ยินก็ตกใจไม่น้อย ไหนเขาเคยบอกว่าถูกเชิญมาพักผ่อนเท่านั้น ใครจะคิดว่านี่คือหนึ่งในเจ้าของโครงการนี้กันเล่า
เมื่อคืนฉันเองก็ทำตัวอวดดีไปไม่น้อยเลยเชียว ให้ตายเถอะดูท่าโครงการนี้ได้ล้มแน่ ขอโทษนะกรณ์
“ผมกรณ์ครับ เป็นซีอีโอ ของบริษัท KR GROUP จำกัด ส่วนนี่ GM ของบริษัทผม”
“ฉัน ฟ้าครามค่ะ General Manager ของบริษัทค่ะ”
“คุณฟ้าคราม คุณเอาเอกสารให้คุณเอ็ดเวิร์ดสิ”
“ค่ะท่าน” ฉันตอบรับไอ้กรณ์ก่อนจะนำเอกสารยื่นให้กับคุณเอ็ดเวิร์ดที่อยู่ตรงหน้า สายตายิ้มร้ายนี่มันอะไรกัน เขากำลังคิดหาทางฆ่าฉันอยู่รึเปล่าวะเนี่ย “นี่ค่ะ เอกสารนี้เป็นแผนเสนอสำหรับโครงการปรับปรุงที่พักของโรงแรมค่ะ”
“ไม่ทราบว่าแผนนี้ใครเป็นคนทำครับ” เอ็ดเวิร์ดที่รับเอกสารไป เปิดดูคร่าว ๆ ก่อนจะเอ่ยถาม
“ฟ้าครามครับ เธอเป็นคนรับผิดชอบในโครงการนี้โดยเฉพาะ เธอเป็นมือหนึ่งของบริษัทเราเลยนะครับ” ไอ้กรณ์มันจะพูดเกินไปแล้ว แถมสายตาของคุณเอ็ดเวิร์ดมองมาที่ฉันเหมือนจะยกยิ้มมุมปาก
“ผมเชื่อครับ เพราะเพียงแค่ดูเอกสารก็รับรู้ได้ถึงความใส่ใจ และศึกษาโครงการที่เคยเจ๊งแห่งนี้มาเป็นอย่างดี เอาเป็นว่าทางเรายินดีที่จะได้บริษัทคุณมาร่วมงานนะครับ” คุณเอ็ดเวิร์ด ยืนขึ้นยื่นมือมาตรงหน้าก่อน
“ยินดีร่วมงานเป็นอย่างยิ่งครับ บริษัทเราจะทำงานให้อย่างเต็มที่แน่นอนครับ ” ไอ้กรณ์เองก็รีบลุกขึ้นจับมือเพื่อตอบรับการร่วมงานใหญ่ในครั้งนี้
“แต่ผมต้องแจ้งคุณกรณ์ไว้ก่อนนะครับ เนื่องจากบริษัทคุณได้รับผิดชอบส่วนงานที่ค่อนข้างใหญ่ มูลค่าสูงถึงพันล้าน ในการทำงานจะยุ่งยาก ต้องเจอกันและร่วมประชุมกับทางบริษัทเราตลอด คนที่เป็นหัวหลักของงานอาจจะต้องมาทำงานที่โรงแรมแห่งนี้จนกว่าจะเสร็จเรียบร้อยนะครับ”
“อะไรนะคะ ต้องมาทำงานที่นี่เหรอคะ” ฉันที่ฟังอย่างเงียบ ๆ อุทานออกมาด้วยความตกใจ อย่างลืมตัว
“คุณฟ้าครามไม่สะดวกเหรอครับ” เอ็ดเวิร์ดมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่เหนือกว่า
“เปล่าหรอกครับ ฟ้าครามอาจแค่ตกใจเล็กน้อย แน่นอนว่า ผมจะให้ฟ้าครามร่วมงานกับคุณที่นี่อย่างแน่นอนครับ”
ฉันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไอ้กรณ์ เอื้อมมือไปหยิกแขนมัน แต่ดูท่าไอ้กรณ์เองก็คงปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ
“คุณฟ้าครามว่าไงครับ งานของพวกเราจำเป็นต้องร่วมมือกันจริงจังนะครับ หากคุณปฏิเสธพวกเราก็ต้องหาบริษัทที่พร้อมจะร่วมงาน”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะคุณเอ็ดเวิร์ด ฟ้าเต็มใจและพร้อมจะทำงานให้อย่างสุดความสามารถที่มีแน่นอนค่ะ ต้องขออภัยที่ทำตัวเสียมารยาท พอดีฟ้าไม่เคยทำงานห่างจากบ้านเท่าไหร่นะคะ หวังว่าคุณเอ็ดเวิร์ดจะไม่ถือสา”
“งั้นผมถือว่า พวกคุณตกลงกับข้อเสนอนี้นะครับ เริ่มงานวันมะรืน พรุ่งนี้ทางเราจะส่งคนไปรับคุณฟ้าครามนะครับ”
“มะ..ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้ามาเองได้”
“นี่เป็นสวัสดิการของเรา คุณฟ้ารับไว้เถอะครับ เอาล่ะผมต้องขอตัวก่อน เมื่อคืนผมหนักไปหน่อยต้องการพักผ่อนครับ”
แล้วทำไมในขณะเขาพูดต้องหันมามองฉัน แถมเอามือลูบต้นคอ ให้เห็นรอยพวกนั้นด้วย ไม่อายรึไงกัน ทำเอาภาพเมื่อคืนก็ลอยมาในหัวฉันอีกครั้งให้ตายเถอะ
“งั้นพวกเราขอตัวนะครับ”
“เชิญครับ” เขาเอ่ย ก่อนที่ไอ้กรณ์จะหันหลังเดินออกไปก่อนส่วนฉันก็กำลังจะลุกตาม แต่จู่ ๆ เขาก็เอื้อมมือมาจับมือฉัน
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับ” เขากระชับมือฉัน ก่อนที่ฉันจะพยายามคลี่มือให้ออกจากมือเขา
“ค่ะ ไว้เจอกันค่ะ” ฉันยิ้มพอเป็นพิธีก่อนจะรีบหันหลังเดินตามไอ้กรณ์ออกไป
และแล้ว บริษัทเราก็ดีลงานได้สำเร็จแบบแทบไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ มันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ แล้วทำไม บริษัทอื่น ๆ ถึงทำหน้าเคร่งเครียดกันมากขนาดนั้น ไอ้กรณ์เองก็ไม่เอะใจอะไร เอาแต่ยิ้มกรุ่นอารมณ์ดี ส่วนฉันนั้นหลังจากนี้ ต้องเผชิญหน้ากับเขาตลอดจนกว่างานจะเสร็จ พ่อแก้วแม่แก้ว โปรดช่วยให้ลูกช้างผ่านพ้นกับงานนี้ไปได้ด้วยดีเถิดนะเจ้าค่ะ
ฝากนิยาย ของไรต์กะหล่ำหมีด้วยนะคะ อีกเรื่องคือ หมอมาดนิ่งกับยัยวิศวะมาดดุ
10 - อภิสิทธ์ชั้น 8 – วันรุ่งขึ้น ฉันที่ตระเตรียมกระเป๋าเดินทางพร้อมกับชุดมากมายและสิ่งของจำเป็นเรียบร้อยแล้ว ไม่นานรถเก๋งคันหรูก็มารับถึงหน้าบ้าน สวัสดิการจะดีไปไหนเนี่ย ฉันถูกพาข้ามฟากด้วยเรือยอร์ชที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ จู่ ๆ ก็รู้สึกพะอืดพะอม มวนท้องจนอยากจะอ้วก เพราะเรือขับด้วยความเร็วสูงมาก เมื่อเรือมาถึงโรงแรมบนเกาะและจอดเทียบท่า ฉันก็รีบลงจากเรือทันทีก่อนจะดิ่งไปยังม้านั่งที่อยู่ไม่ไกลนัก “คุณฟ้าครามครับ ไหวรึเปล่าครับ” “เวียนหัวนิดหน่อยค่ะ ถ้าไม่รบกวนช่วยนำกระเป๋าเข้าไปให้ก่อนได้มั้ยคะ ฟ้าขออนุญาต นั่งพักตรงนี้สักครู่หน่อยน่ะค่ะ” “ได้ครับเดี๋ยวผมจะบอกให้เจ้าหน้าที่โรงแรมจัดการเรื่องที่พักพร้อมนำกระเป๋าไว้ที่ห้องให้นะครับ หากคุณฟ้าครามดีขึ้นแล้วสามารถเข้าไปรับกุญแจที่เจ้าหน้าที่โรงแรมที่เคาน์เตอร์ได้นะครับ” “ได้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” หลังจากที่คนของนายทุนกลับไปฉันก็นั่งอยู่ตรงม้านั่ง พักสูดอากาศหายใจอาการเวียนหัวเจียนจะอ้วก เริ่มดีขึ้น แต่ยังคงมวนท้องอยู่หน่อย ๆ ทะเลตรงหน้าที่สวยงามพอเยียวยาให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้างล่ะนะ “คุณลุงคะทำไมถึงยังนั่งอยู่ตรงนี้คะ” ‘...’ “งั้นเหร
11- วันแรก –เช้าตรู่เวลา07.00 น. ฉันตื่นตามนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้ แต่งตัวด้วยชุดเสื้อสูทกระโปรงทรงเอ รวบผมให้เข้าที่ แต่งหน้าอ่อน ๆ ไม่ฉูดฉาดมากนัก ให้สมกับมาทำงานนั่นแหละฉันออกจากห้องของตัวเอง พอได้ลองสังเกตดี ๆ ชั้นแปดมีไม่กี่ห้องเองแหะ แถมไม่ค่อยมีใครอยู่ชั้นนี้เลย แล้วคนจากบริษัทอื่นที่ได้มาร่วมงานในช่วงเวลาการปรับปรุงโครงการนี้เขาพักกันชั้นไหนกันนะ“ช่างเถอะ รีบไปรายงานตัวก่อนไม่งั้นคงไม่ดีกับภาพลักษณ์บริษัทแน่”ฉันเดินลงไปยังห้องประชุมเดิมที่เคยมาก่อนหน้า เริ่มเห็นคนจากบริษัทอื่นที่ต้องมาทำงานอยู่ที่นี่ ต่างคนต่างมองหน้ากันไปมาอย่างช่างใจ แต่ก็ไม่ได้มองเขม่นกันหรอก เพราะยังไงแต่ละคนก็รับผิดชอบงานกันแต่ละส่วนอยู่แล้วทุกคนนั่งลงรอภายในห้องประชุมก่อนที่จะมีพนักงานจากกลุ่มนายทุนเข้ามาแจกแจงให้เราไปยังจุดที่แต่ละบริษัทต้องรับผิดชอบบริษัทของฉันที่ได้รับผิดชอบโครงการใหญ่ในการออกแบบห้องพักทั้งตึกB ทั้งหมดนั้น จำเป็นที่จะต้องเดินสำรวจให้ทั่ว คำนวณขนาดห้องแต่ล่ะชั้นเพื่อให้ออกแบบได้เหมาะสม และสามารถแบ่งเป็นสัดส่วนในแต่ละราคาได้สินะแผนงานคร่าว ๆ ที่ทางเจ้าของโครงการต้องการก็ไกด์ไลน
12- ขอให้โชคดี –ฉันข้ามฝากมาอีกฝั่งในตัวเมือง เพราะการนัดเจอกับคนใหญ่คนโตครั้งนี้ เป็นคลับหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ที่คุณเอ็ดเวิร์ดไม่ได้นัดเจอพวกเขาที่โรงแรมบนเกาะเพราะตอนนี้ยังอยู่ในช่วงรีโนเวทอยู่แหละนะหลังจากลงจากเรือฉันก็เดินไปยังรถเก๋งสีดำที่จอดเทียบอยู่“คุ...คุณเอ็ดเวิร์ด ทำไมอยู่ตรงนี้คะ”“ทำไมผมจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้ นี่มันรถผม”“เปล่าค่ะ ดิฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ดิฉันนึกว่าคุณเอ็ดเวิร์ดไปคลับก่อนแล้วน่ะค่ะ”“รีบขึ้นรถเถอะ เวลาของผมมีค่า”“ขอโทษค่ะ” ฉันรีบวิ่งจะอ้อมไปนั่งด้านหน้า แต่จู่ ๆ ก็โดนลูกน้องของคุณเอ็ดเวิร์ดห้ามไม่ให้เปิดประตูด้านหน้า“คุณฟ้าครามต้องนั่งด้านหลังครับ”“ให้ฉันนั่งข้างคุณเอ็ดเวิร์ดไม่ดีมั้งคะ”“มัวทำอะไรอยู่” สิ้นคำ เสียงอันบาดลึกก็เปล่งออกมาด้วยความหงุดหงิด“คุณฟ้ารีบขึ้นเถอะครับถ้าบอสโกรธผมตายแน่”“ค่ะ..ค่ะ” ฉันรีบเปิดประตูรถด้านหลังก่อนจะรีบนั่งลงไป ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองคนข้าง ๆ ภายในรถเงียบเฉียบ แค่เผลอกลืนน้ำลายก็ทำเอาได้ยินชัดเจน“จำเป็นต้องพก เครื่องดื่มมาคลับด้วยเหรอ”“เอ๊ะ จริงสิ!! คุณเอ็ดเวิร์ดคะ ช่วยแวะที่หนึ่งได้มั้ยคะ เป็นทางผ่าน 10 นาที
13- คนของฉัน –“คุณเอ็ด ฉันดื่มได้มั้ย ส่วนที่ฉันดื่มฉันจ่ายเองก็ได้” ฉันหันไปเอ่ยกับเขา มันน่าเบื่อเกินไปถ้าจะให้ฉันนั่งเฉย ๆ ในเมื่อพวกเขาไม่คุยงานกันแล้ว ฉันก็ไม่เกรงใจแล้วล่ะเขาหันมาหาฉันก่อนที่จะวางแก้วเหล้าของตัวเอง“แน่ใจว่าคุณจะดื่ม”“ค่ะ ในเมื่อพวกคุณไม่คุยงานกันแล้ว และคุณเอ็ดเวิร์ดไม่ให้ฉันกลับฉันก็จะนั่งดื่มเงียบ ๆ ส่วนคุณจะอยู่กับสาว ๆ เหมือนเพื่อน ๆ ของคุณก็เต็มที่ได้เลยค่ะ”“...” เขาเงียบไป แต่เพื่อนนัยน์ตาหวานที่มองอยู่ ก็คว้าขวดเหล้า แล้วผสมเหล้า เทลงแก้วนำมาวางตรงหน้าฉัน“เรื่องแค่นั้นคุณไม่ต้องถามไอ้เอ็ดมันหรอก ดื่มเถอะครับ ผมผสมให้”“เอ่อ.. ขอบคุณค่ะ”“ว่าแต่คุณชื่ออะไรครับ ผมมาติน”“ฉันชื่อฟ้าครามค่ะ”“ชื่อเพราะดีครับ นี่แก้วเหล้าของคุณฟ้าครับ”“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับมันมาพร้อมส่งยิ้มให้ตามมารยาท“น้อย ๆ หน่อยไอ้ติน ก่อนที่ไอ้เอ็ดมันจะอารมณ์เสีย” ชายคิ้วบากเอ่ยท้วง ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างไม่ใส่ใจนักฉันคว้าแก้วเหล้าก่อนจะดื่มมันลงไป เข้มจริง แต่ก็อร่อยมาก ๆ นี่คือรสชาติของเหล้าแพง ๆ เหรอเนี่ย ทำเอาหยุดดื่มไม่ได้เลยแหะ“ผู้หญิงนายดื่มเก่งนะเนี่ย แต่ช่วยเตือนเธอหน่อย
14- เหยียบกับระเบิด – ฉันถึงกับต้องอ้าปากค้าง นิ่งทื่อราวกับโดนตอกเสาเข็มปักหมุดให้ขยับไปไหนไม่ได้ อยากปฏิเสธใจจะขาด แต่มันมีหนทางให้ฉันพูดออกไปว่าไม่ทำได้ยังไง ในเมื่อเป็นฉันเองที่ จุดชนวนนี้มันกับมือ “คุณเอ็ดเวิร์ด คุณพูดผิดรึเปล่าคะ ให้ฉันเนี่ยนะมานอนห้องนี้กับคุณ” “ใช่...” ฉันจ้องมองไปที่เขา สีหน้าสุขุมจริงจังแบบนั้น แถมยังกอดอกพยักหน้ายืนยันว่าฉันไม่ได้ฟังผิด และเข้าใจถูกต้องแล้ว“ทำไมคะ ทำไมฉันต้องมานอนห้องนี้กับคุณ เอ่อ คุณเอ็ดเองก็ใช้บริการสาว ๆ ปกติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ก็เรียกใช้อย่างที่เคย ๆ ไปสิคะ” ฉันพูดออกไปตรง ๆ แน่ล่ะ ฉันน่ะเห็นผู้หญิงเข้าออกห้องเขาก็บ่อย แถมยังไม่เคยจะซ้ำหน้ากันเลยสักคนขนาดนั้น ถึงฉันจะเคยพลาด (มั้ง) นอนกับเขาไปสองสามหน แต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะลดตัวไปเป็นนางบำเรอประจำตัวให้เขาซะหน่อย “...” แต่แทนที่เขาจะพูดอะไรออกมาสักคำ เขากลับจ้องมองฉันด้วยสายตาดุดัน ราวกับว่าคำพูดของเขานั้นคือคำสั่ง “โอเคค่ะ มานอนห้องนี้ก็ได้ค่ะ งั้นฉันกลับห้องของฉันได้แล้วใช่มั้ยคะ” เขาลุกขึ้นหันจ้องมองฉัน
เมื่อขึ้นลิฟท์และเดินมาจนถึงหน้าห้องของคุณเอ็ดเวิร์ดนั้น ก็พบว่ามีลูกน้องจำนวนหนึ่งยืนเฝ้าประตูอย่างรัดกุมอยากจะบ้าแบบนี้เข้าไปในนั้น คนของเขาก็รู้กันหมดนะสิ แล้วฉันจะถูกมองต่างอะไรจากสาว ๆ พวกนั้นกัน ไม่สิฉันยังดูแย่กว่าพวกสาว ๆ นั่นอีก อย่างน้อยพวกเขาก็คงได้เงินเป็นฟ่อน แล้วฉันมานอนกับเขาได้อะไร... แค่ได้เอาเนี่ยนะฉันยืนนิ่งคิดไปต่าง ๆ นา ๆ แบบนั้น จนพวกลูกน้องของเขาต้องเอ่ยเรียก ให้ฉันตื่นจากภวังค์ความคิดบ้า ๆ พวกนี้“คุณฟ้าครับ เชิญด้านในครับ นายรออยู่”“ค่า.......” ฉันเดินไปแบบหน้าเซง ๆ แต่ก่อนเข้าไป ฉันต้องหันไปพูดกับพวกลูกน้องเขาก่อน ฉันว่าพวกนี้ต้องเอาฉันไปซุบซิบเม้ามอยในกอไผ่แน่ ๆ“เอ่อ...พวกคุณคะ”“ครับ”“อย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันไม่ได้มาขายตัว”“คุณฟ้าอย่าได้กังวลครับ พวกเราไม่มีอำนาจหรือพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับนายท่านได้ รวมถึงคนที่เกี่ยวข้องกับนายครับ คุณฟ้ารีบเข้าไปดีกว่าครับ ก่อนที่นายท่านจะอารมณ์เสีย”“ค่ะ ถ้าคุณพูดแบบนี้ฉันก็สบายใจ ขอโทษที่รบกวนนะคะ” ฉันยิ้มให้เขาก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องของคุณเอ็ดเวิร์ด เพียงเปิดประตูเข้าไปฉันก็ค่อย ๆ เดินมองซ้ายมองขวาไปทั่วบริเวณ“ไม่อ
‘ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...’ เสียงเคาะประตูดังสนั่นไปทั่วบ้าน ฉันที่กำลังล้างจานอยู่ จึงต้องรีบล้างมือ เพื่อเดินออกไปเปิดประตู ดูว่าใครกันที่มาหากันตั้งแต่เช้าในวันหยุดแบบนี้ฉันเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนในยามเช้า ที่แท้ก็เป็นคุณป้าข้างบ้านคนดังนี่เอง ท่าทีของเขาดูสั่นกลัวเล็กน้อย มือสองข้างกุมกันแน่นถนัด แถมสายตายังไม่กล้าจะสบตาฉันด้วยซ้ำ“มีอะไรเหรอคะ คุณป้า” ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเย็นเฉียบ“หนูฟ้าครามจ๊ะ คือว่า....”“...” ฉันเงียบ กอดอกมองดูคุณป้าตรงหน้าอย่างเฉยเมยที่เห็นว่าเขามีท่าทีกลัวฉันแบบนี้ แท้จริงแล้วคุณป้าข้างบ้านกับฉันเรามีเรื่องกันมาย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อนป้าคนนี้อาละวาดด่ากราดหน้าปากซอยใส่คนไปทั่ว จนคนในซอยนี้เอือมระอากรนด่าหนักแต่สุดท้ายก็ไม่มีใครจะต้านสกิลปากร้ายของป้าเขาได้เลยฉันเพิ่งเลิกจากที่ทำงานต้องเดินผ่านตรงที่เกิดเรื่องพอดี กลับมัวเดินสนใจแต่มือถือ จึงกลายเป็นว่าฉันเดินชนป้าเขาอย่างจัง จากนั้นฉันจึงกลายเป็นเป้าสนามอารมณ์ให้กรนด่าหน้าปากซอยในวันนั้นให้คนเห็นกันไปทั่วจนเป็นจุดสนใจฉันโดนป้าคนนี้ยืนด่าฉอด ๆ หาว่าไร้มารยาท แม้จะกล่าวขอโทษไ
ณ. บริษัท“ขออเมริกาโน่เย็นคั่วเข้มไม่ใส่น้ำตาลหนึ่งแก้วค่ะ” ฉันเอ่ยกับบาริสต้าร้านกาแฟใต้ตึกที่ทำงาน เพื่อสั่งกาแฟ“วันนี้คุณฟ้าเปลี่ยนเมล็ดสินะคะ” บาริสต้าเอ่ยทักเพราะโดยปกติแล้วฉันจะทานคั่วกลางเป็นประจำ“พอดีอยากได้รสชาติเข้ม ๆ ขม ๆ กว่าปกติหน่อยค่ะ”“ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณฟ้านั่งรอสักครู่นะคะ” ฉันส่งยิ้มให้ก่อนจะหาเก้าอี้นั่งเพื่อรอกาแฟบรรยากาศในบริษัท ผู้คนคึกคักเนืองแน่น เวลาแปดโมงเช้าเป็นเวลาที่พนักงานหลายคนกำลังทยอยกันเข้าบริษัท ฉันเองก็ไม่เคยขาดลามาสายเท่าไหร่ แม้ตำแหน่งที่เป็นอยู่จะสูง แต่ฉันก็เดินเตร็ดเตร่ไม่ต่างจากพนักงานทั่ว ๆ ไปจนพวกเขาชินตากันแล้วรูปลักษณ์ของฉัน ที่ใคร ๆ ในบริษัทต่างอธิบายกันปากต่อปากบอกว่าฉันเป็นคนหน้าดุ แต่ดวงตาก็คมสวย ผิวขาวค่อนไปซีด ผมยาวเกือบเอวสีดำขลับ หน้าม้าตัดตรงสวยเฉี่ยว นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนชวนให้ลุ่มหลงจนเผลอจ้องไม่กะพริบตาดูท่าคำพูดเหล่านี้สำหรับฉันมันออกจะเกินไปหน่อยละนะ ถ้าในเรื่องรูปลักษณ์ทุกคนก็พูดไปในทางที่ดีแหละแต่เมื่อเป็นเรื่องนิสัยใจคอล่ะก็คนละขั้วกันเลย บ้างก็บอกว่าฉันเป็นคนน่ากลัว เหี้ยมโหด ขึงขัง พูดกันปากต่อปาก จนทำให้พนักงานที่ไม
เมื่อขึ้นลิฟท์และเดินมาจนถึงหน้าห้องของคุณเอ็ดเวิร์ดนั้น ก็พบว่ามีลูกน้องจำนวนหนึ่งยืนเฝ้าประตูอย่างรัดกุมอยากจะบ้าแบบนี้เข้าไปในนั้น คนของเขาก็รู้กันหมดนะสิ แล้วฉันจะถูกมองต่างอะไรจากสาว ๆ พวกนั้นกัน ไม่สิฉันยังดูแย่กว่าพวกสาว ๆ นั่นอีก อย่างน้อยพวกเขาก็คงได้เงินเป็นฟ่อน แล้วฉันมานอนกับเขาได้อะไร... แค่ได้เอาเนี่ยนะฉันยืนนิ่งคิดไปต่าง ๆ นา ๆ แบบนั้น จนพวกลูกน้องของเขาต้องเอ่ยเรียก ให้ฉันตื่นจากภวังค์ความคิดบ้า ๆ พวกนี้“คุณฟ้าครับ เชิญด้านในครับ นายรออยู่”“ค่า.......” ฉันเดินไปแบบหน้าเซง ๆ แต่ก่อนเข้าไป ฉันต้องหันไปพูดกับพวกลูกน้องเขาก่อน ฉันว่าพวกนี้ต้องเอาฉันไปซุบซิบเม้ามอยในกอไผ่แน่ ๆ“เอ่อ...พวกคุณคะ”“ครับ”“อย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันไม่ได้มาขายตัว”“คุณฟ้าอย่าได้กังวลครับ พวกเราไม่มีอำนาจหรือพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับนายท่านได้ รวมถึงคนที่เกี่ยวข้องกับนายครับ คุณฟ้ารีบเข้าไปดีกว่าครับ ก่อนที่นายท่านจะอารมณ์เสีย”“ค่ะ ถ้าคุณพูดแบบนี้ฉันก็สบายใจ ขอโทษที่รบกวนนะคะ” ฉันยิ้มให้เขาก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องของคุณเอ็ดเวิร์ด เพียงเปิดประตูเข้าไปฉันก็ค่อย ๆ เดินมองซ้ายมองขวาไปทั่วบริเวณ“ไม่อ
14- เหยียบกับระเบิด – ฉันถึงกับต้องอ้าปากค้าง นิ่งทื่อราวกับโดนตอกเสาเข็มปักหมุดให้ขยับไปไหนไม่ได้ อยากปฏิเสธใจจะขาด แต่มันมีหนทางให้ฉันพูดออกไปว่าไม่ทำได้ยังไง ในเมื่อเป็นฉันเองที่ จุดชนวนนี้มันกับมือ “คุณเอ็ดเวิร์ด คุณพูดผิดรึเปล่าคะ ให้ฉันเนี่ยนะมานอนห้องนี้กับคุณ” “ใช่...” ฉันจ้องมองไปที่เขา สีหน้าสุขุมจริงจังแบบนั้น แถมยังกอดอกพยักหน้ายืนยันว่าฉันไม่ได้ฟังผิด และเข้าใจถูกต้องแล้ว“ทำไมคะ ทำไมฉันต้องมานอนห้องนี้กับคุณ เอ่อ คุณเอ็ดเองก็ใช้บริการสาว ๆ ปกติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ก็เรียกใช้อย่างที่เคย ๆ ไปสิคะ” ฉันพูดออกไปตรง ๆ แน่ล่ะ ฉันน่ะเห็นผู้หญิงเข้าออกห้องเขาก็บ่อย แถมยังไม่เคยจะซ้ำหน้ากันเลยสักคนขนาดนั้น ถึงฉันจะเคยพลาด (มั้ง) นอนกับเขาไปสองสามหน แต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะลดตัวไปเป็นนางบำเรอประจำตัวให้เขาซะหน่อย “...” แต่แทนที่เขาจะพูดอะไรออกมาสักคำ เขากลับจ้องมองฉันด้วยสายตาดุดัน ราวกับว่าคำพูดของเขานั้นคือคำสั่ง “โอเคค่ะ มานอนห้องนี้ก็ได้ค่ะ งั้นฉันกลับห้องของฉันได้แล้วใช่มั้ยคะ” เขาลุกขึ้นหันจ้องมองฉัน
13- คนของฉัน –“คุณเอ็ด ฉันดื่มได้มั้ย ส่วนที่ฉันดื่มฉันจ่ายเองก็ได้” ฉันหันไปเอ่ยกับเขา มันน่าเบื่อเกินไปถ้าจะให้ฉันนั่งเฉย ๆ ในเมื่อพวกเขาไม่คุยงานกันแล้ว ฉันก็ไม่เกรงใจแล้วล่ะเขาหันมาหาฉันก่อนที่จะวางแก้วเหล้าของตัวเอง“แน่ใจว่าคุณจะดื่ม”“ค่ะ ในเมื่อพวกคุณไม่คุยงานกันแล้ว และคุณเอ็ดเวิร์ดไม่ให้ฉันกลับฉันก็จะนั่งดื่มเงียบ ๆ ส่วนคุณจะอยู่กับสาว ๆ เหมือนเพื่อน ๆ ของคุณก็เต็มที่ได้เลยค่ะ”“...” เขาเงียบไป แต่เพื่อนนัยน์ตาหวานที่มองอยู่ ก็คว้าขวดเหล้า แล้วผสมเหล้า เทลงแก้วนำมาวางตรงหน้าฉัน“เรื่องแค่นั้นคุณไม่ต้องถามไอ้เอ็ดมันหรอก ดื่มเถอะครับ ผมผสมให้”“เอ่อ.. ขอบคุณค่ะ”“ว่าแต่คุณชื่ออะไรครับ ผมมาติน”“ฉันชื่อฟ้าครามค่ะ”“ชื่อเพราะดีครับ นี่แก้วเหล้าของคุณฟ้าครับ”“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับมันมาพร้อมส่งยิ้มให้ตามมารยาท“น้อย ๆ หน่อยไอ้ติน ก่อนที่ไอ้เอ็ดมันจะอารมณ์เสีย” ชายคิ้วบากเอ่ยท้วง ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างไม่ใส่ใจนักฉันคว้าแก้วเหล้าก่อนจะดื่มมันลงไป เข้มจริง แต่ก็อร่อยมาก ๆ นี่คือรสชาติของเหล้าแพง ๆ เหรอเนี่ย ทำเอาหยุดดื่มไม่ได้เลยแหะ“ผู้หญิงนายดื่มเก่งนะเนี่ย แต่ช่วยเตือนเธอหน่อย
12- ขอให้โชคดี –ฉันข้ามฝากมาอีกฝั่งในตัวเมือง เพราะการนัดเจอกับคนใหญ่คนโตครั้งนี้ เป็นคลับหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ที่คุณเอ็ดเวิร์ดไม่ได้นัดเจอพวกเขาที่โรงแรมบนเกาะเพราะตอนนี้ยังอยู่ในช่วงรีโนเวทอยู่แหละนะหลังจากลงจากเรือฉันก็เดินไปยังรถเก๋งสีดำที่จอดเทียบอยู่“คุ...คุณเอ็ดเวิร์ด ทำไมอยู่ตรงนี้คะ”“ทำไมผมจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้ นี่มันรถผม”“เปล่าค่ะ ดิฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ดิฉันนึกว่าคุณเอ็ดเวิร์ดไปคลับก่อนแล้วน่ะค่ะ”“รีบขึ้นรถเถอะ เวลาของผมมีค่า”“ขอโทษค่ะ” ฉันรีบวิ่งจะอ้อมไปนั่งด้านหน้า แต่จู่ ๆ ก็โดนลูกน้องของคุณเอ็ดเวิร์ดห้ามไม่ให้เปิดประตูด้านหน้า“คุณฟ้าครามต้องนั่งด้านหลังครับ”“ให้ฉันนั่งข้างคุณเอ็ดเวิร์ดไม่ดีมั้งคะ”“มัวทำอะไรอยู่” สิ้นคำ เสียงอันบาดลึกก็เปล่งออกมาด้วยความหงุดหงิด“คุณฟ้ารีบขึ้นเถอะครับถ้าบอสโกรธผมตายแน่”“ค่ะ..ค่ะ” ฉันรีบเปิดประตูรถด้านหลังก่อนจะรีบนั่งลงไป ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองคนข้าง ๆ ภายในรถเงียบเฉียบ แค่เผลอกลืนน้ำลายก็ทำเอาได้ยินชัดเจน“จำเป็นต้องพก เครื่องดื่มมาคลับด้วยเหรอ”“เอ๊ะ จริงสิ!! คุณเอ็ดเวิร์ดคะ ช่วยแวะที่หนึ่งได้มั้ยคะ เป็นทางผ่าน 10 นาที
11- วันแรก –เช้าตรู่เวลา07.00 น. ฉันตื่นตามนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้ แต่งตัวด้วยชุดเสื้อสูทกระโปรงทรงเอ รวบผมให้เข้าที่ แต่งหน้าอ่อน ๆ ไม่ฉูดฉาดมากนัก ให้สมกับมาทำงานนั่นแหละฉันออกจากห้องของตัวเอง พอได้ลองสังเกตดี ๆ ชั้นแปดมีไม่กี่ห้องเองแหะ แถมไม่ค่อยมีใครอยู่ชั้นนี้เลย แล้วคนจากบริษัทอื่นที่ได้มาร่วมงานในช่วงเวลาการปรับปรุงโครงการนี้เขาพักกันชั้นไหนกันนะ“ช่างเถอะ รีบไปรายงานตัวก่อนไม่งั้นคงไม่ดีกับภาพลักษณ์บริษัทแน่”ฉันเดินลงไปยังห้องประชุมเดิมที่เคยมาก่อนหน้า เริ่มเห็นคนจากบริษัทอื่นที่ต้องมาทำงานอยู่ที่นี่ ต่างคนต่างมองหน้ากันไปมาอย่างช่างใจ แต่ก็ไม่ได้มองเขม่นกันหรอก เพราะยังไงแต่ละคนก็รับผิดชอบงานกันแต่ละส่วนอยู่แล้วทุกคนนั่งลงรอภายในห้องประชุมก่อนที่จะมีพนักงานจากกลุ่มนายทุนเข้ามาแจกแจงให้เราไปยังจุดที่แต่ละบริษัทต้องรับผิดชอบบริษัทของฉันที่ได้รับผิดชอบโครงการใหญ่ในการออกแบบห้องพักทั้งตึกB ทั้งหมดนั้น จำเป็นที่จะต้องเดินสำรวจให้ทั่ว คำนวณขนาดห้องแต่ล่ะชั้นเพื่อให้ออกแบบได้เหมาะสม และสามารถแบ่งเป็นสัดส่วนในแต่ละราคาได้สินะแผนงานคร่าว ๆ ที่ทางเจ้าของโครงการต้องการก็ไกด์ไลน
10 - อภิสิทธ์ชั้น 8 – วันรุ่งขึ้น ฉันที่ตระเตรียมกระเป๋าเดินทางพร้อมกับชุดมากมายและสิ่งของจำเป็นเรียบร้อยแล้ว ไม่นานรถเก๋งคันหรูก็มารับถึงหน้าบ้าน สวัสดิการจะดีไปไหนเนี่ย ฉันถูกพาข้ามฟากด้วยเรือยอร์ชที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ จู่ ๆ ก็รู้สึกพะอืดพะอม มวนท้องจนอยากจะอ้วก เพราะเรือขับด้วยความเร็วสูงมาก เมื่อเรือมาถึงโรงแรมบนเกาะและจอดเทียบท่า ฉันก็รีบลงจากเรือทันทีก่อนจะดิ่งไปยังม้านั่งที่อยู่ไม่ไกลนัก “คุณฟ้าครามครับ ไหวรึเปล่าครับ” “เวียนหัวนิดหน่อยค่ะ ถ้าไม่รบกวนช่วยนำกระเป๋าเข้าไปให้ก่อนได้มั้ยคะ ฟ้าขออนุญาต นั่งพักตรงนี้สักครู่หน่อยน่ะค่ะ” “ได้ครับเดี๋ยวผมจะบอกให้เจ้าหน้าที่โรงแรมจัดการเรื่องที่พักพร้อมนำกระเป๋าไว้ที่ห้องให้นะครับ หากคุณฟ้าครามดีขึ้นแล้วสามารถเข้าไปรับกุญแจที่เจ้าหน้าที่โรงแรมที่เคาน์เตอร์ได้นะครับ” “ได้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” หลังจากที่คนของนายทุนกลับไปฉันก็นั่งอยู่ตรงม้านั่ง พักสูดอากาศหายใจอาการเวียนหัวเจียนจะอ้วก เริ่มดีขึ้น แต่ยังคงมวนท้องอยู่หน่อย ๆ ทะเลตรงหน้าที่สวยงามพอเยียวยาให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้างล่ะนะ “คุณลุงคะทำไมถึงยังนั่งอยู่ตรงนี้คะ” ‘...’ “งั้นเหร
9- ร่วมมือ – “เดี๋ยวสิครับ พวกคุณจะปฏิเสธผมเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้ ขอร้องเถอะครับ บริษัทผมอยากร่วมโครงการนี้จริง ๆ โปรดให้อภัยผมเถอะครับ” แม้นักธุรกิจคนนั้นจะวิงวอนเท่าไหร่ แต่ทางกลุ่มนายทุน ก็จับเขาโยนออกไปนอกประตูอย่างเลือดเย็นนักธุรกิจหลายบริษัทที่พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม ตอนนี้กลับมีท่าทีหวั่นเกรง กับกลุ่มนายทุนร่ำรวยนี้ จากที่มั่นอกมั่นใจว่าเขาต้องเลือก กลายเป็นภาวนาให้บริษัทของตนได้อยู่ในสายตาบ้างก็พอแล้ว“กรณ์ แกว่าพวกเราจะได้ร่วมงานมั้ยเนี่ย ดูท่าไม่ง่ายอย่างที่คิดนะ”“อืม ก็ว่างั้น ยังไงพวกเราดูท่าทีไปก่อน ไม่ได้ก็ช่างมัน ตอนนี้ขอแค่ไม่ทำให้อับอายต่อหน้าคนบริษัทอื่น ๆ ก็พอ” ฉันกับไอ้กรณ์พยักหน้าเห็นด้วย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาห่วงว่าได้งานรึเปล่า แต่กลับต้องมาห่วงภาพลักษณ์ขององค์กรต่อหน้าบริษัทอื่นแทน ‘ดูท่างานนี้ไม่ใช่เรื่องกล้วย ๆ ซะแล้ว’เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย กลับเข้าสู่สถานะปกติ ทางกลุ่มนายทุนจึงได้ประชุมต่อ“ผมหวังว่าพวกคุณที่อยู่ในนี้จะไม่เอ่ยถามหาประธานของเรา”“...” ทุกคนในที่ประชุมเงียบเฉียบตั้งใจฟัง“ทางเราจะเรียกบริษัทที่เราจัดลำดับไว้เข้าพบเพื่อให้ท่านได้นำ
8- เมาขาดสติ -(- -) (o o) (0 0) นี่คือสีหน้าของฉันเมื่อลืมตาตื่นขึ้น‘เชี่ยแล้ว ยัยฟ้า ตัวแกทำอะไรลงไปเนี่ย’ ดวงตาฉันเบิกกว้าง ร่างกายที่รู้สึกว่าไร้การห่อหุ้มจากเสื้อผ้า เมื่อเปิดดูร่างกายตัวเองภายใต้ผ้าห่มที่คลุมอยู่ ก็รับรู้ได้ถึงความเย็นวาบจากร่างกายเปลือยเปล่า ดูเหมือนจะมีรอยไปทั่วตัว ‘ระ..รุนแรงอะไรอย่างนี้’ ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก และค่อยๆ หันมองไปยังคนที่นอนข้าง ๆ‘คุณพระ!!! นี่มันคุณเอ็ดเวิร์ด’ ฉันยกมือปิดปากตัวเองทันที จากที่สะลืมสะลือ ตอนนี้รู้สึกตื่นเต็มที่ชนิดที่อยากจะวาปหนีจากตรงนี้ไปให้ไกลแล้วรอยตามตัวเขานั่นมันอะไรกันทำไมถึงเยอะขนาดนั้น คราวก่อนที่เคยเจอกัน แม้เขาจะกำลังมีเซ็กซ์กับผู้หญิงหลายคน แต่ตอนนั้นร่างกายเขาแทบขาวสะอาด ไร้รอยประทับด้วยซ้ำ แม้แต่รอยลิปสติกยังไม่มี แต่คราวนี้ตามตัวเขาดันเป็นรอยใหม่ ๆ ซะด้วย เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่า เป็นฉันที่ฝากไว้ ยัยหื่น ยัยเรื้อน ยัยลามกเอ้ย คอแกได้ขาดสะบั้นแน่ถ้าเขาตื่นทั้งที่รู้ว่าฉันเมาแล้วฉันจะเป็นแบบนี้ ฉันก็ยังดื่มเหล้ากับคนที่พึ่งพบกันครั้งแรกอีก เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้เลยนอกจากตัวฉันเองคุณเอ็ดเวิร์ดคงไม่คิดอะไร ไม่งั้นค
ใบหน้าหล่อคมคาย สายตาน่าลุ่มหลง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ กับหุ่นที่น่า... ขนาดนี้ เท่าที่เคยพบในชีวิตนี้ก็มีอยู่คนเดียว คนที่ทำให้ตกหลุมรัก และอยากหลีกหนีไปพร้อม ๆ กัน“เจอกันอีกแล้วนะ” เขาพิงหลังไปตามราวระเบียงโดยที่มือทั้งสองจับราวไว้ ทำเป็นเท่(แต่ก็เท่จริงแหละ เฮ้อ)“เออ...คือว่าฉันมาผิดทาง ขอตัวก่อนค่ะ” ฉันรีบหันหลังให้อย่างไวก่อนที่จะมีเสียงเรียก ถ้าเป็นตามปกติแล้วฉันคงเดินหนีไปไม่ยาก แต่เสียงเรียกของเขามันดุดัน แถมแรงกดดันบางอย่างทำให้ฉันตัวหนักอึ้งจนก้าวขาไม่ออก ‘ให้ตายเถอะ ทำไมซวยแบบนี้ ไม่รู้ว่าไปทำเวรทำกรรมกับเขาไว้ตอนไหน’“ผมบอกให้คุณหยุด...เดี๋ยวนี้” ฉันได้ยินดังนั้นก็หันหน้ากลับมามองเขาราวกับกำลังถูกมนต์สะกด ฉันไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา เพราะเขาเองก็เพ่งมองฉันด้วยสายตาที่ทำเอาหัวใจเต้นแทบจะหลุดออกจากอก“คะ...คุณมีอะไรกับฉันเหรอคะ”“คุณชื่ออะไร” เสียงอันนุ่มลึกนั่นถามฉันด้วยท่าทีที่เริ่มเป็นมิตร“ฟ้าครามค่ะ” ฉันตอบไปแบบเก้ง ๆ กัง ๆ“อืม” เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองทะเลอันกว้างไกล“ฉันไปได้แล้วใช่มั้ยคะ”