เมื่อความสัมพันธ์มาถึงจุดเปลี่ยน... เปลี่ยนจาก ‘คนรัก’ กลายเป็น ‘คนอื่น’ จากคนอื่นเป็น ‘คนใจร้าย...’ กว่าจะรู้ตัวว่ารักมากแค่ไหน ก็เกือบสูญเสียคนสำคัญของหัวใจไปแล้ว
View Moreณ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ถูกจัดขึ้นที่ห้องบอลรูมของโรงแรมในเครือศิวานันท์กรุป โดยมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน ไล่ตั้งแต่พนักงานระดับล่างตลอดจนพนักงานระดับสูง ทั้งยังรวมไปถึงผู้บริหารตำแหน่งต่าง ๆ และหุ้นส่วนบริษัทคนสำคัญซึ่งงานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากเป็นการจัดเลี้ยงครบรอบไตรมาสของบริษัทแล้ว ยังเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ในบริษัทอีกด้วยร่างสูงในชุดเรียบหรูสมกับตำแหน่งประธานบริษัท นั่งอยู่บริเวณโต๊ะด้านหน้าเวที ควงคู่มากับสองสาวต่างวัย ขวามือเป็นมารดาที่อยู่ในชุดหรูหราตามวัย ซ้ายมือคือร่างระหงของเขมิกาที่อยู่ในชุดเดรสยาวของแบรนด์ดังยี่ห้อหนึ่ง ขับเน้นให้เจ้าของร่างแบบบางดูสวยสง่า และน่าทะนุถนอมไปในตัว ซึ่งแขกเหรื่อคนอื่น ๆ ก็นั่งโต๊ะถัดไปตามตำแหน่งเมื่อถึงเวลาหลักของการจัดงาน พิธีกรมืออาชีพเริ่มหน้าที่ของตนเอง ตั้งแต่เชิญทิวากรไปกล่าวเปิดงาน ตลอดจนประกาศมอบรางวัลให้พนักงาน เช่น พนักงานดีเด่นประจำบริษัท ประกาศเลื่อนตำแหน่งของพนักงานบางคน ตลอดจนอื่น ๆ ก่อนจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกที่ทุกคนรอคอย นั่นคือการจับฉลากแลกของขวัญ บ้างได้ชิ้
วันเวลาเลื่อนผ่าน ทิวากรกับเขมิกาปลูกต้นรักด้วยกันมาร่วมปีแล้ว เส้นทางรักครั้งนี้ไม่ได้ฉาบฉวยหากเต็มไปด้วยความรักความเข้าใจ มีแง่งอนบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายก็เข้ากันได้ดี และทุกครั้งหลังจากที่ทะเลาะ ทั้งสองจะรักและเข้าใจกันมากกว่าเดิม ซ้ำบรรยากาศที่แผ่ออกมายังหวานชื่นไม่เปลี่ยนเสียจนคนรอบข้างยังลอบอิจฉาเรียกได้ว่าความรักของพวกเขาสุกงอมเต็มที่ หลาย ๆ คนต่างเฝ้ารอข่าวดี และเป็นที่จับตามองเนื่องจากทิวากรเป็นลูกชายเพียงคนเดียว และทายาทสายตรงของศิวานันท์ ทั้งนี้ชายหนุ่มยังเข้ารับตำแหน่ง CEO เป็นประธานบริษัทศิวานันท์แบบเต็มตัวแล้วด้วย ในวันประกาศขึ้นรับตำแหน่งจากมารดา นอกจากชายหนุ่มจะเอ่ยเกี่ยวกับการรับผิดชอบหน้าที่ของตน ให้ผู้บริหารรวมถึงหุ้นส่วนคนสำคัญต่าง ๆ มั่นใจกับการทำงานของตนเองแล้ว เขายังประกาศเปิดตัวคนรักอย่างเอิกเกริก จนเกิดแฮชแท็กทายาทศิวานันท์เปิดตัวคนรัก ดังขึ้นมาแซงข่าวการขึ้นรับตำแหน่งของตัวเองเสียอีก สาวน้อยสาวใหญ่ที่เคยจ้องเขาก่อนหน้านี้ต่างอกหักไปตาม ๆ กัน แน่นอนชายหนุ่มไม่ได้สนใจใครนอกจากแฟนสาวเขมิกากลายเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาของใครหลาย ๆ คนไปทันที เช่นเดิม มีคน
“ปกติพี่ทิวก็ดูฉลาดนะคะ ทำไมตอนนี้ถึงซื่อบื้อจังเลยล่ะ” เขมิกาไม่ตอบแต่ตั้งคำถามแทนชายหนุ่มที่ตั้งใจฟังและกำลังจะตอบทันเอะใจ เมื่อครู่เธอเรียกเขาว่าพี่และแทนตัวเองว่าเขมใช่ไหม?“เมื่อกี้เขมเรียกพี่ว่าอะไรนะครับ” เพื่อความแน่ใจจึงรัวคำถามทันที“เรียกว่าพี่ทิวค่ะ”หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงก่อนถามอีกครั้ง “แล้วแทนตัวเองว่าอะไรนะครับ”“เขมค่ะ”ได้ฟังคำตอบรอยยิ้มจึงปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา “ เขม... เขมเรียกแทนตัวเองว่าเขม และเรียกพี่ว่าพี่”“ก็ใช่ไงคะ ตกใจอะไรกัน”“ก็ ก็พี่คิดว่าเขมจะโกรธเกลียดพี่นี่ แต่ว่าเขมเรียกพี่แบบนี้แสดงว่าเขมไม่ได้โกรธเกลียดพี่จริง ๆ ใช่ไหมครับ”เขมิกาลอบกลอกตา “ก็ถ้าโกรธถ้าเกลียดเมื่อคืนจะยอมให้ทำอะไรเหรอคะ”ทิวากรชะงัก “เขม! นี่หมายความว่าเขมให้โอกาสพี่แล้วใช่ไหมครับ”“อื้อ” ตอบพลางพยักหน้า“ให้โอกาสที่หมายถึง ยินดีคบหากับพี่เป็นคนรัก เป็นแฟนกันแล้วใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามรัวเร็วไม่เก็บกิริยา จากที่นอนกอดหญิงสาวอยู่ก็ผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็ว จับไหล่คนตัวเล็กทั้งสองข้างรั้งเธอออกจากตัวเล็กน้อย แล้วก้มหน้ามองสบตากับหญิงสาวด้วยความคาดหวังกับคำตอบเขมิกาแม้จะขวยอาย ที่ถูกถามตอ
ค่ำคืนสุดเร่าร้อนผ่านไปเช้าวันใหม่ก็มาเยือน ทิวากรนอนก่ายหน้าผาก กลัดกลุ้มกับเหตุการณ์เมื่อคืน เขาไม่ได้เสียใจที่กระทำการร่วมรักเป็นหนึ่งเดียวกันกับเธอ หากแต่กังวลกลัวว่าเขมิกาจะเกลียดตัวเอง ที่ฉวยโอกาสตอนเธอไม่ได้สติ ทว่าหากย้อนเวลากลับไปเขาก็จะทำมันเช่นเดิมเสียงครวญครางแว่วหวานใต้ร่างทำให้เขามีความสุขมาก มีความสุขมากเสียจนเคี่ยวกรำเธอทั้งคืนรังแกจนตัวเธอแดงไปหมดทั้งตัว!ไม่มีตรงไหนของร่างกายที่เขาไม่ทิ้งรอยรักเอาไว้ รอยแดงสีกุหลาบที่เห็นได้ชัดที่สุดคงจะเป็นเนินอก ส่วนลำคอระหงเขาทิ้งไว้นิดหน่อย อยากประกาศให้รู้ว่าเขมิกามีเจ้าของแล้ว หากไม่กล้าทิ้งไว้มากและชัดเกินไปนัก มันจึงกลายเป็นรอยจาง ๆ ที่หากไม่ตั้งใจมองก็คงไม่เห็นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนความสุขพลันเอ่อล้น ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้ม แววตาของเขาระยิบระยับระคนอ่อนโยนยามมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆเขมของเขาน่ารักจริง ๆใช่เมื่อคืนเธอน่ารัก แต่ไม่รู้ตื่นมาจะยังน่ารักอยู่ไหม เขากลัวเธอกลายร่างจริง ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรับมือเธออย่างไร แล้วถ้าเกิดเธอโกรธเกลียดตัวเองขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น เฮ้อ! ปวดหัวจริง ๆคิดดูแล้วความสุขที่มีกลับไม่เต็มร้
“อืม... ทั้งหวานทั้งหอม เขมหวานไปทั้งตัวเลยครับ” เขาครวญครางเสียงพร่า แต่หญิงสาวไม่มีสติรับรู้อะไรอีกแล้ว ความเสียวที่เธอไม่เคยสัมผัสมาทั้งชีวิต กำลังเล่นงานเธออย่างหนัก จนเกือบจะถึงฝั่งฝัน แต่กลับถูกคนตัวโตกลั่นแกล้ง หยุดการกระทำวาบหวาม จนเธอต้องเขม่นมองแรงด้วยความขัดใจ ทิวากรดึงมือออกจากร่องรูแสนคับแคบ คว้าถุงยางอนามัยขึ้นมาฉีก ก่อนสวมมันกับแก่นกายที่แข็งตัวพร้อมรบทิวากรรูดรั้งแก่นกายของตัวเองสองสามที จ่อปลายหัวบานหยักกับปากทางเล็ก ค่อย ๆ เสือกหัวใหญ่เข้าไปในช่องทางแสนคับแคบ“อื้อ! เจ็บ เขมเจ็บ” คนตัวเล็กร้องลั่นพร้อมทั้งพยายามที่จะถอยหนีหากไม่พ้น เพราะถูกชายหนุ่มจับยึดเอวคอดกิ่วไว้ เขาขบกรามแน่นกับความตอดรัดทั้ง ๆ ที่มันเพิ่งเข้าได้แค่หัว เห็นใบหน้าสวยอาบด้วยน้ำตาพลันสงสาร แต่ถ้าจะให้หยุดตอนนี้ เขาไม่ยอมแน่ทิวากรไม่ฝืนดันทุรังฝ่าเข้าไปทันที เข้าเลือกที่จะครอบโพรงปากยังยอดอกสีชมพู แล้วออกแรงดูดดึง ในขณะที่มือขวาไม่หยุดขยี้ปุ่มกระสันเรียกน้ำหวานให้อาบชโลมไปทั่วร่องรักเขมิกาซ่านเสียวจนลืมความเจ็บปวด ช่องทางรักชื้นแฉะเต็มไปด้วยน้ำหวาน ยิ่งนานยิ่งเสียวจนเธอต้องหาทางระบายออก โดยการจิ
“อ๊ะ” เขมิกาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวทาบลงมาที่ลำคอขาว ก่อนเอียงคออำนวยความสะดวกให้เขาด้วยความยินดี แขนเรียวยกคล้องต้นคอหนาของเขาในเวลาต่อมาทิวากรมีสติครบถ้วน แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปก่อนหน้าไม่อาจทำให้เขามึนเมาได้ ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังเมาเมารัก...เมาเขมิกา...ทิวากรอยากให้ครั้งแรกของเราเป็นไปอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม อยากให้ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยความลึกซึ้งตรึงใจ หากความรู้สึกวาบหวามที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาไม่อาจทำได้อย่างใจหวัง ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยพายุเฮอริเคนที่พร้อมโหมกระหน่ำทุกช่วงเวลา แทนที่จะเป็นสัมผัสหวานล้ำตรึงใจอย่างที่ตั้งใจทิวากรไม่ปิดบังความต้องการพอ ๆ กับเขมิกาที่พร้อมเปิดรับทุกสัมผัสจากเขามือหนาลูบไล้สัมผัสไปทั่วเรือนกายบอบบาง ก่อนที่จะถอดชุดของเธอที่แสนจะเกะกะในสายตาทิ้งไปอย่างไม่ไยดี โดยมีเจ้าของร่างให้ความร่วมมือเต็มที่ทันทีที่ชุดหลุดออกไปจากร่างระหง ลำคอของชายหนุ่มแห้งผากจนเขาต้องรีบกลืนน้ำลาย ก่อนเข้าจู่โจมที่เนินอกสล้างอย่างที่ใจต้องการสองมือกอบกุมบีบเคล้นความนุ่มเด้ง จรดริมฝีปากขบเม้มดูดดึงเนื้อขาวจนเกิดรอยแดง ก่อนที่โพรงปากอุ่นร้อนจะเข้
23:45 น.ทิวากรขับรถพาคนเมามาส่งที่คอนโดมิเนียม เขารู้ว่าเธอไม่ได้เมาเต็มที่เพียงแค่กรึ่ม ๆ ทว่าเขาไม่กล้าพูดคุยอะไรกับเธอมากนัก ดังนั้นตลอดการเดินทางจึงมีเพียงเสียงเพลงสากลที่เขาเปิดคลอเท่านั้น“ถึงแล้วครับ” ชายหนุ่มบอกคนที่นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ“อืม คุณก็ขับรถไปจอดสิ จะได้เข้าไปคุยกันในห้อง”ทิวากรตาวาวเมื่อเธอพูดว่าให้เขาเข้าไปในห้องได้ ทว่าเพียงแวบเดียวเท่านั้น ไอ้ดีใจก็ดีใจอยู่หรอก แต่ดูจากปฏิกิริยาของเธอแล้ว กลัวเรื่องที่คุยมันจะไม่ดีอย่างที่คิดน่ะสิชายหนุ่มรู้สึกหวาดหวั่นแต่ไม่ปฏิเสธ ขับรถเข้าไปจอดยังลานจอดรถ ก่อนเดินเข้าคอนโดมิเนียมพร้อมกันทิวากรมองสำรวจห้องของเขมิกาอย่างถ้วนถี่ หลังจากพาตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องของเธอได้แล้ว โทนห้องสีขาวสะอาดตา ตกแต่งเรียบง่ายไม่หวือหวา ด้วยสไตล์มินิมอลอย่างที่เจ้าของห้องชอบ ทว่ากลับน่าอยู่จนเขาอยากหอบเสื้อผ้ามานอนกับเธอมาก ๆ “น้ำ” เขมิกาพูดพลางยื่นแก้วน้ำให้ ก่อนหย่อนก้นนั่งที่โซฟาตัวเดียวกันจนชายหนุ่มเกร็งขึ้นมาทิวากรไม่ได้ดื่มน้ำในทันที เขามองหน้าหญิงสาวอย่างกระวนกระวายรีบร้อนอธิบายให้เธอเข้าใจ“พี่ไม่ได้มีอะไรกับเขาจริง ๆ นะครับเขม เขามาอ่
ณ ห้องน้ำผับ ทิวากรเช็ดเสื้อที่เปียกด้วยความหงุดหงิด เขาไม่ได้บรรจงมากนักเพราะเป็นห่วงเขมิกา กลัวเธอจะได้รับอันตราย ตั้งใจว่ารีบเช็ดให้เสร็จจะได้รีบกลับไปนั่งดูเธอต่อ ทว่าใครจะคาดคิดเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำก็ชนเข้ากับผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่คนหนึ่ง“โอ๊ย!”“ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบนิ่งมองคนที่ตั้งใจชนเขาอย่างเย็นชาหญิงสาวปริศนาที่ชนเขาช้อนตามองอย่างมีจริตจะก้าน รอยยิ้มยั่วเย้าสายตายั่วยวนถูกส่งออกไปหวังให้คนตรงหน้าหลงใหล“ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วก็หลีกทางด้วยครับ แฟนผมรออยู่” ชายหนุ่มแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่ปรารถนาสานต่อความสัมพันธ์ หากหญิงสาวตรงหน้าไม่สะทกสะท้าน เธอบิดรอยยิ้มทรงเสน่ห์ เดินเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพง ของผู้ชายที่เธอต้องมาเล่นบททดสอบ‘เรนนี่’ ที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะอ่อยเฉย ๆ ประหวัดไปถึงคำพูดของปานวาดที่ส่งเธอมายั่วยวนคนตรงหน้า รู้สึกไม่อยากทำแค่ยั่วยวนเสียแล้ว กลิ่นกายบุรุษเพศ หน้าตาผิวพรรณของเขาตรงใจเธอจริง ๆ เธออยากได้เขา!ความปรารถนาของเธอแสดงออกชัดเจนผ่านม่านดวงตา หากทิวากรเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบค่อนไปทางรำคาญ เขาตัดปัญหาโดยการเดินเลี่ยงไปอีกท
“คืนนี้ไม่ต้องโทรหานะคะ ไม่รับ” หญิงสาวพูดขึ้นระหว่างรอหมูสุกคิ้วเข้มขมวดเป็นปมพลางถาม “ทำไมล่ะครับ”“คืนนี้ฉันจะไปเที่ยวกับเพื่อนค่ะ”“กับใครครับ”“เพื่อนค่ะ”“ไม่ใช่ครับ พี่หมายถึงเพื่อนคนไหน”เขมิกาเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างพิจารณา นอกจากสายตาที่แสดงออกว่าเป็นห่วงเธอแล้ว ก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจอะไรจึงระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนพูด“กับยัยอิน ยัยวาดค่ะ”“ไปกันแค่สามคน ทั้งยังมีแต่ผู้หญิงเนี่ยนะ!” คราวนี้คิ้วชายหนุ่มผูกเป็นโบมากกว่าเดิม ความไม่สบายใจแทรกซึมเข้ามาจนสลัดทิ้งไม่ได้“ค่ะ อยากเที่ยวตามประสาผู้หญิง”“ไม่ได้ครับ พี่ไม่โอเคเลย”“มะ...” พูดยังไม่ทันจบประโยคเขาก็แทรกขึ้น“พี่รู้ว่าตอนนี้พี่ยังไม่มีสิทธิ์ แต่ที่พี่ห้ามเพราะพี่เป็นห่วง กลางค่ำกลางคืนไปกันแค่สามคนทั้งยังมีแต่ผู้หญิงอันตรายตายเลย พี่เป็นห่วง และไม่สบายใจครับ”“...” เขมิกาไม่พูดเข้าใจในความรู้สึกเขา แต่ถ้าไม่ให้เธอไปก็ไม่ยอมเช่นกัน เธอนัดกันไว้แล้ว อย่างไรนัดนี้ต้องไม่ล่ม “เอางี้ ถ้าเขมอยากไปพี่จะไปด้วย สัญญาว่าจะไม่ยุ่งวุ่นวาย ไม่ก้าวก่าย จะปล่อยให้เขมสนุกกับเพื่อนอย่างเต็มที่โอเคไหมครับ”“แน่นะ” ถามด้วยความไม่เชื่อว
‘สำหรับผู้หญิงหน้าซื่อใจคดอย่างเธอ อย่าหวังว่าชาตินี้จะได้พบเจอกับรักแท้เลย ฉันขอให้เธอเจ็บปวดทุรนทุรายมากกว่าฉันร้อยเท่าพันเท่า... แล้วก็จำเอาไว้ ฉันเกลียดเธอ!’เฮือก! หญิงสาวสะดุ้งตัวขึ้นจากเตียงนอน เม็ดเหงื่อผุดซึมไปทั่วดวงหน้างามพลางหายใจหอบเหนื่อย ใบหน้าสวยตื่นตระหนกขณะที่ดวงตาฉายแววเศร้าระคนรู้สึกผิด ครั้นคิดว่ามันคือความฝันจึงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอนแผ่นหลังพิงหัวเตียง พร้อมหลับตาสงบสติอารมณ์ประโยคคำพูดนั้นช่างมีอิทธิพลต่อเธอเหลือเกิน ถึงจะบอกว่ามันเป็นเพียงความฝัน แต่กลับไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นกันว่ามันไม่ใช่ความจริง หญิงสาวเปิดเปลือกตาขึ้น ความเสียใจสะท้อนอยู่ในดวงตากลมโตของเธอ คำพูดของเขาคนนั้นยังดังก้องอยู่ในโสตประสาท เด่นชัดไม่จางหาย และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร เธอก็ไม่เคยลืม ว่าครั้งหนึ่งเคยทำร้ายเขาแม้จะไม่อยากทำก็ตาม...มือบางยกขึ้นลูบหน้าของตัวเองพลางวาดขาลงจากเตียงนอน ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำและกลับออกมาอีกครั้งเมื่อจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว“สู้ ๆ นะเขม ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีเช่นทุกวันนะ” เขมิกา จินดารัตน์ ฉีกยิ้มหวานพลางพูดให้กำลังใจตัวเองอยู่หน้ากระจก...
Comments