‘จัดการทุกอย่างเรียบร้อยหรือยัง’
‘เรียบร้อยแล้วค่ะ’
‘อย่าให้มีอะไรผิดพลาดล่ะ’
‘ไม่มีแน่นอนครับ’
เสียงโต้ตอบของพนักงานศิวานันท์ดังขึ้นเป็นระยะพร้อมกับความวุ่นวายของคนที่เดินสวนกันไปมา ท่ามกลางใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขมิกา
“แหม... มีความสุขจังเลยนะ” อินทุอร เพื่อนสาวคนสนิทของหญิงสาวเอ่ยล้ออย่างอดใจไม่ไหว ที่เห็นเพื่อนของเธอยิ้มกว้างกว่าครั้งไหน ๆ อันที่จริงเธอก็มีความสุขกับเพื่อนมาก เพราะรอยยิ้มสดใสเต็มใบหน้าแบบนี้เธอไม่ได้เห็นมันมา 6 ปีแล้ว ขณะเดียวกันเธอก็มีความสุขแบบไม่สุด มันมีความกังวลเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาในใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม จู่ ๆ ความรู้สึกแบบนี้ก็เกิดขึ้นมาพร้อมกับความคิดที่ว่า
ไม่อยากให้เขมิกาเจอกับทิวากรอีกครั้งเลย...
แต่บางทีเธออาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ มันคงไม่มีอะไรหรอก... มั้ง?
“ปกติน่าอิน” หญิงสาวปฏิเสธทว่าทั้งปากและดวงตาก็ยิ้มพราวระยับจนหนุ่ม ๆ หลายคนที่มองมาทางนี้ระทวยกันเป็นแถบ ๆ
“เฮ้อ แกนี่นะ เขม ฉันถามแกตรง ๆ นะ แกได้เผื่อใจไว้บ้างหรือเปล่า เผื่อว่าบางทีพี่ทิวเขาอาจมีคนใหม่ไปแล้ว”
เขมิกาชะงักไปเสี้ยววินาทีก่อนจะยิ้มบางแล้วตอบกลับไปว่า “นิดหน่อยน่ะ แต่คุณป้าก็บอกแล้วว่าพี่ทิวยังไม่มีใคร...”
“ถึงจะไม่มีใครแต่แกคิดว่าเขาจะยังเหมือนเดิมอยู่เหรอ”
ใบหน้าของเขมิกาเหยเก และตอบอะไรกลับไปไม่ได้ เนื่องจากรู้ดีว่าทิวากรคงจะไม่ใช่ ‘พี่ทิวของเธอ’ อีกต่อไปแล้ว และเขาต้องไม่เหมือนเดิมแน่ ๆ เห็นชายอื่นอยู่ในห้องของเธอในสภาพสวมเสื้อคลุมอาบน้ำแบบนั้น จะยังเหมือนเดิมได้อย่างไร ไหนจะคำพูดสุดท้ายที่พูดกับเธอนั่นอีก
เรื่องนี้เธอทำใจยอมรับมาแล้วละ แค่ยังแอบคาดหวังเล็ก ๆ ว่าเขาจะให้อภัยกัน ไม่โกรธเกลียดเธอดังปากว่า ส่วนเรื่องความรัก... ให้มันเป็นไปตามที่ควรเป็นเถอะ เธอไม่กล้าคาดหวังขนาดนั้น แค่เขายอมรับเธอในฐานะรุ่นน้องหรือน้องสาวก็นับว่าเขาใจกว้างมากแล้ว
“เอาละ ๆ ไม่ต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้นก็ได้ ขอโทษนะที่ทำให้ไม่สบายใจ” อินทุอรรีบพูดเมื่อเห็นใบหน้าสวยของเพื่อนสนิทเศร้าสร้อย
เขมิกาส่ายหน้าเบา ๆ พลางตอบ “ไม่เป็นไรเลย แกไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย ไม่ต้องขอโทษหรอก มาดูความเรียบร้อยของทุกอย่างกันดีกว่า”
“ฉันละเสียดายความสวยของแกจริง ๆ เลยยัยเขม ผู้ชายรูปหล่อโปรไฟล์ดีจีบตั้งกี่คน ๆ ก็ปฏิเสธเขาหมด ไม่รู้จะปฏิเสธทำไม”
“แกก็รู้เหตุผลดีนี่ยังจะถาม”
“ย่ะ! แม่มั่นคงในรัก แม่รักมั่น แม่ยึดติด อวยยศ!” อินทุอรถลึงตาและพูดแกมหมั่นไส้ ยิ่งเห็นอีกฝ่ายยิ้มรับบาง ๆ ไม่ปฏิเสธก็ยิ่งขัดใจ เป็นเธอหน่อยไม่ได้ แม่จะใช้ความสวยให้คุ้มเชียว
“ไม่ต้องมาหน้างอ ว่าแต่ฉันตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“อะไร เหมือนตรงไหน”
“เหมือนตรงที่ใครจีบแกก็ไม่เอาไง เลือกเยอะ ติดนั่นติดนี่ เป็นไงล่ะตอนนี้ก็โสดเหมือนฉันไม่ใช่หรือไง”
“ยัยเขม! ยัยคนปากร้าย! ฮึ่ย! ถ้าหนุ่ม ๆ ที่ชอบแกมาได้ยินแกพูดแบบนี้อยากรู้นักว่าพวกนั้นยังจะชอบแกอยู่ไหม”
ใบหน้างอเง้าของอินทุอรประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวเขียวทำให้เขมิกาหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ซึ่งไม่นานเพื่อนสนิทของเธอก็ร่วมวงหัวเราะด้วย
“คุยอะไรกันอยู่ครับสาว ๆ หัวเราะน่าสนุกเชียว ขอร่วมวงด้วยคนได้ไหมครับ” ดนุภพ หัวหน้าฝ่ายการเงินของศิวานันท์เข้ามาทักทายสองสาวอย่างสนิทสนมและเป็นกันเอง น้ำเสียงจึงติดหยอกล้ออยู่ในที
“สวัสดีค่ะพี่ภพ กลับมาทำงานแล้วเหรอคะ ไม่สบายเป็นยังไงบ้างคะ” อินทุอรกล่าวทักทายและถามถึงสุขภาพของอีกฝ่ายที่ลางานเพราะป่วย ส่วนเขมิกาแม้ไม่ได้ถามแต่ก็ยิ้มรับคำพร้อมมองตารอฟังคำตอบของรุ่นพี่ในที่ทำงาน
“หายแล้วครับ ขอบคุณมากครับที่เป็นห่วง... จริง ๆ ถ้ามีคนดูแลก็คงจะหายเร็วกว่านี้ น่าเสียดายที่พี่ไม่มีใคร” พูดแล้วมองอินทุอรอย่างสื่อความหมาย จนเจ้าหล่อนไปต่อไม่เป็น ทั้ง ๆ ที่ปกติเป็นคนพูดมาก
“อื้อ นั่นสินะคะ ถ้ามีคนดูแล… พี่ภพคงหายเร็วกว่านี้” เขมิกาพูดเป็นนัยแล้วมองเพื่อนล้อ ๆ
“มองอะไรยัยเขม!” เพื่อนสาวก๋ากั่นที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยยามนี้เสียอาการอีกแล้ว จึงอดไม่ได้ที่เขมิกาจะแกล้งเย้าแหย่ผสมโรงกับดนุภพต่อ
“ก็ที่พี่ภพพูดไง พี่เขายังขาดคนดูแล... แกไม่สนใจบ้างเหรอ ดูสิเนี่ยทั้งหล่อทั้งดี ใครได้พี่ภพเป็นแฟนโชคดีเป็นบ้าเลยน้า”
“แกสนก็เอาไปคนเดียวสิ ยัยเขม ยัยเพื่อนบ้า! ฉันไม่คุยกับแกแล้ว ไปดีกว่า ชิส์!” พูดจบก็สะบัดหน้าออกไปอย่างแง่งอน ทิ้งเขมิกาและดนุภพหัวเราะตามหลัง
“ขอบคุณนะครับน้องเขม” ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณรุ่นน้องสาวที่ช่วยเชียร์ตนให้กับเพื่อนสนิท
“ไม่เป็นไรค่ะ นาน ๆ ทีจะเห็นยัยอินเสียอาการ... สู้ ๆ นะคะ เขมเป็นกำลังใจให้”
“ขอบคุณครับ พี่จะพยายามให้เต็มที่ เดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ อย่าลืมมารอรับท่านรองประธานลูกชายท่านประธานนะคะ”
“ไม่ลืมแน่นอนครับ” ชายหนุ่มยิ้มแล้วเดินไปยังทิศทางที่อินทุอรเดินไปทันที
เขมิกามองตามแล้วก็ยกยิ้มอย่างมีความสุข ดนุภพจีบอินทุอรมา 4 เดือนแล้ว แต่เพื่อนของเธอก็ยังไม่ยอมตกลงปลงใจสักที ทั้ง ๆ ที่ใครก็ดูออกว่าตัวเองก็ชอบชายหนุ่มไม่ต่างกัน ‘ปากแข็ง ท่ายาก ลีลาเยอะ’ เป็นนิยามที่เธอพอจะสรุปอาการเพื่อนสนิทของตัวเองได้คร่าว ๆ
หญิงสาวเดินเช็กความเรียบร้อยอีกนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงมายืนร่วมกับพนักงานคนอื่น ๆ ที่มายืนรอรับท่านรองประธาน หรือลูกชายท่านประธานบริษัทศิวานันท์ ที่เข้ามารับตำแหน่งวันแรก ยิ่งใกล้ได้เวลาปกติเป็นประจำของทุกวันที่รถของคุณทิพย์ประภาจะมาจอดหน้าประตู เขมิกายิ่งกระวนกระวายใจ เริ่มทำตัวและปั้นหน้าไม่ถูก ทั้งตื่นเต้นยินดี กังวลและหวาดกลัวที่จะได้เจอผู้ชายที่เธอรักอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันเลยตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
“เขม แกไหวเปล่า สีหน้าแกดูไม่ดีเลยนะ” อินทุอรเห็นเพื่อนหน้าซีดจึงไต่ถามด้วยความเป็นห่วง
“อื้ม ไหวสิ ฉันโอเค แกไม่ต้องเป็นห่วง”
“ถ้าไม่ไหวก็บอกแล้วกัน” ในเมื่อเพื่อนบอกไหวเธอจึงไม่มากความอีก ซึ่งนั่นเป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงพนักงานบางส่วนที่มาต้อนรับรองประธานบริษัทดังขึ้นพอดี
‘นั่นใช่คุณทิว ทิวากร ลูกชายของท่านประธานหรือเปล่า เธ๊อ หล่อมากกก หล่อกว่าในรูปที่เคยเห็นตามหน้าข่าวบันเทิงอีก’
‘ใช่ หล่ออะไรขนาดนี้อะ พ่อของลูกชัด ๆ’
‘หล่อจริง ๆ นั่นแหละ ผมเป็นผู้ชายยังอดที่จะชมไม่ได้เลย’
เขมิกามองไปยังหน้าประตูอย่างรวดเร็ว ครั้นเห็นคนที่เป็นเจ้าของหัวใจในชุดสูทสีดำเรียบหรูก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายก็เต้นกระหน่ำ มุมปากกดลึกก่อนจะฉีกยิ้มออกมาบาง ๆ ทว่ายังไม่ทันได้ยิ้มอย่างเต็มใบหน้าก็ต้องชะงักกับภาพตรงหน้า
ทิวากรกำลังประคับประคองใครบางคนลงมาจากรถ ใครคนนั้นเป็นผู้หญิง และไม่ใช่คุณทิพย์ประภา...
เขมิกาค่อย ๆ หุบยิ้มลง นัยน์ตาหวานทอประกายความเศร้าวูบหนึ่งก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว เพราะเธอทำใจไว้แล้วว่าอาจต้องเจอกับภาพแบบนี้...
เขมิกามองไปยังหน้าประตูอีกครั้งด้วยแววตาสงบนิ่งทั้ง ๆ ที่ในใจรวดร้าวกับภาพความสนิทสนมของเขากับหญิงสาวชาวลูกครึ่ง เธอคนนั้นควงแขนชายหนุ่มอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทั้งยังฉีกยิ้มหวานให้เป็นรางวัลเมื่อถูกเขาเอาใจ ภาพตรงหน้าทำเอาเธอแทบรับไม่ไหวทว่าต้องทนมองให้ได้ มองให้รู้ว่าเขาไม่ใช่ของเธออีกต่อไปแล้วไม่มีพี่ทิวของเธออีกแล้วมีแต่พี่ทิวของคนอื่น...“ยินดีต้อนรับค่ะ/ครับคุณทิวากร” เสียงพนักงานทั้งหมดกล่าวขึ้นพร้อมกัน ฉุดรั้งสติของเขมิกาให้กลับคืน เธอมองไปที่เขาอีกครั้งเห็นว่าเขามองเธออยู่เช่นกัน แต่สายตากลับต่างกันไป“เขม! เอาดอกไม้ไปให้ท่านรองได้แล้ว”“อะ อื้ม” หญิงสาวถูกเพื่อนสะกิดจึงเดินออกไปเบื้องหน้าก่อนจะหยุดตรงหน้าชายหนุ่มสองตาสบประสานกัน หนึ่งรักและรู้สึกผิด หนึ่งเย็นชายิ่งกว่าคืนวันในฤดูหนาวเขมิกากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะถอนสายตาออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อทนเห็นสายตาเย็นชาของเขาไม่ไหว รวมทั้งต้องรักษากิริยาเมื่อหญิงสาวที่ชายหนุ่มควงมาในวันนี้มองมาที่เธอเหมือนไม่พอใจ“ยินดีต้อนรับค่ะท่านรอง” คำพูดที่ตั้งใจจะเอื้อนเอ่ยยืดยาวกลับสั้นเพียงนิดเดียว ทั้งน้ำเสียงยังสั่นอยู่กลาย ๆ
‘คนสำคัญของฉัน’เขมิกานั่งนิ่งวนเวียนคิดถึงแต่คำพูดของบุคคลด้านในห้องทำงาน รวมถึงสายตาที่ใช้มองเธอในวันนี้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอกัน บอกตามตรงว่าเสียใจ ถึงจะคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แต่เอาเข้าจริงเธอกลับรับไม่ได้ เธอทนเห็นเขาใช้สายตาเย็นชาระคนรังเกียจไม่ได้จริง ๆ แต่จะทำอะไรได้เล่า เธอไม่มีสิทธิ์เรียกร้องใด ๆ อยู่แล้ว ที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวเธอเองไม่ใช่เหรอถ้าวันนั้นเธอเลือกที่จะคุยกับเขา อธิบายทุกอย่างให้เขาเข้าใจ มันคงไม่เป็นแบบนี้... มาคิดได้ตอนนี้ก็สายไปแล้วละ ในเมื่อแก้ไขไม่ได้ก็ต้องจำทนยอมรับและเผชิญหน้ากับมัน ส่วนความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา เห็นทีต้องกดเอาไว้ให้อยู่ลึกที่สุด เพื่อที่ใครอีกคนจะได้ไม่เสียใจหรือหวาดระแวงเรื่องในอดีตระหว่างตัวเธอกับทิวากรอีกอย่าง การมีอยู่ของผู้หญิงที่ชื่อแพทริเซีย นับเป็นเรื่องดีสำหรับเธอเหมือนกัน เพราะเธอจะได้ตระหนักรู้ ว่าข้างกายเขา มันไม่มีที่ว่างสำหรับเธออีกต่อไปแล้ว เป็นการตอกย้ำให้เธอเตือนตัวเอง ว่าไม่ควรรู้สึกกับเขาไปมากกว่านี้ถ้าไม่ต้องการเจ็บ ใช่ เพื่อความปลอดภัยต่อความรู้สึกแสนเปราะบาง เธอต้องไม่ถลำลึก และหยุดทุกอย่างไ
ทิวากรตีหน้ายุ่งปฏิเสธเสียงแข็ง ยิ่งเห็นเพื่อนสาวคนสนิทยังยิ้มล้อเลียนไม่เลิกก็ยิ่งไม่พอใจ พลันนึกถึงคนที่ทำให้เขาโดนเซ้าซี้ก็ยิ่งหงุดหงิดมากกว่าเดิม ‘เป็นเพราะเธอคนเดียวเขมิกา ออกไปแล้วยังสร้างความยุ่งยากใจให้ฉันอีก’“คิดอะไรอยู่”“ก็คิดถึงเรื่องที่ต้องประชุมไง ถามอะไรนักหนา นู่น! กลับไปนั่งที่โซฟาได้แล้ว มายืนทำไมตรงนี้ เกะกะ”“อ้าว! ยูเป็นคนลากไอมาเองนะ ใช้งานเสร็จแล้วชิ่งเหรอ” แพทริเซียพูดเสียงเขียวหากชายหนุ่มกลับไม่สนใจ ก้มหน้าอ่านเอกสารที่ผู้ช่วยส่วนตัวหยิบมาให้เมื่อครู่ เห็นดังนั้นหญิงสาวยิ่งฮึดฮัดใจ“เหอะ” หญิงสาวร้องในลำคอแล้วเดินทิ้งส้นไปกระแทกก้นนั่งที่โซฟา ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำหญิงสาวจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นและคุยกับ ‘พ่อ’ ไปพลาง ๆทิวากรเหลือบสายตามองเพื่อนสาวคนสนิทเล็กน้อย เห็นอีกคนคุยโทรศัพท์แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็ไม่สนใจอีก เขาแสร้งก้มหน้าอ่านเอกสารในมือ ทว่าแท้จริงแล้วหาได้สนใจตัวอักษรที่ปรากฏอยู่บนเนื้อกระดาษนั้นไม่ ชายหนุ่มหลุบสายตาครุ่นคิดกับตัวเอง‘สายตาเจ็บปวดแบบนั้นเธอก็แค่แกล้งทำ คงจะหวังให้ฉันตกลงไปในหลุมพรางของเธอล่ะสิ เสียใจด้วยเขมิกา ครั้งนี้ฉันไม่โง่! ฉั
ตั้งแต่ถูกทิวากรพูดจาร้าย ๆ ใส่ เขมิกาก็เริ่มปรับตัวและจุดยืนของตัวเองอีกครั้ง ในคราแรกเธอตั้งใจทำดีกับเขาให้มากเพื่อให้เขายกโทษให้ ไม่หวังให้ตัวเองกลับไปเป็นคนรัก แค่หวังให้เขาไม่โกรธเกลียดเธอแล้วก็พอ ทว่าหลังจากเห็นปฏิกิริยาที่ชายหนุ่มมีต่อตัวเองแล้ว หญิงสาวก็ได้แต่ทำใจในเมื่อเขารังเกียจเธอเสียยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน เธอก็จะไม่ยุ่งวุ่นวายให้เขารำคาญใจ ทำหน้าที่เลขาของตัวเองให้ดีก็พอ พอคิดได้แบบนั้น ความรู้สึกมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ในอกค่อย ๆ เบาบางลง ไม่ใช่ว่าไม่รัก ไม่ใช่ว่าทำใจหรือตัดใจได้ ที่ต้องวางเฉยก็เพื่อไม่ให้เขาเกลียดเธอไปมากกว่านี้เขมิกายืนทอดถอนใจอยู่หน้าบริษัทศิวานันท์กรุป ดวงตากลมโตจับจ้องประตูเข้าบริษัทอย่างละล้าละลัง ความคิดแรกที่จะตั้งใจทำหน้าที่เลขาของตัวเองให้ดี ไม่สนใจเรื่องเก่าก่อนหรือปัจจุบันระหว่างเธอและเขาอีก พอเอาเข้าจริงกลับทำไม่ง่ายเสียเลย แค่คิดว่าต้องเห็นหน้าเขาใจดวงน้อยก็แปลบไปทั้งดวงเฮ้อ จะถอยก็ไม่ได้ ได้แต่ก้มหน้าจำทนนั่นแหละนะ“น้องเขม มายืนทำเอ็มวีอะไรอยู่ตรงนี้ครับ ใกล้เวลาเริ่มงานแล้วนะ เดี๋ยวเข้าไปช้าก็โดนท่านรองประธานดุเอาอีกหรอก” ระหว่างที่ห
“คุณเขมิกาช่วยชงกาแฟมาให้ผมใหม่ด้วยครับ ถ้วยนี้เย็นชืดหมดแล้ว”วันนี้ก็เป็นเหมือนหลาย ๆ วันที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่เธอมาทำงานเป็นเลขาของเขาก็ถูกเจ้านายคนใหม่กลั่นแกล้งอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เฮ้อ! หญิงสาวถอนหายใจด้วยความปลดปลง ครั้งนี้เป็นรอบที่สามแล้วที่เสียงคนด้านในห้องทำงานใหญ่สั่งให้เธอชงกาแฟเข้าไปให้ ครั้งแรกบอกว่าหวานไป ทั้ง ๆ ที่เธอชงแต่กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล สูตรประจำที่เขาชอบ ครั้งที่สองบอกขมไปให้ไปชงให้ใหม่ ส่วนครั้งนี้บอกเย็นชืด แต่สิ่งที่เธอเห็นมันยังร้อนอยู่เลยนะ เขมิกาตวัดตามองเจ้าของคำสั่งด้วยความคับข้องใจ“ทำไม มีปัญหา?” ทิวากรถามเสียงเข้มหาเรื่อง“ค่ะ มีปัญหา” แล้วต้องแปลกใจเมื่อคนที่ไม่เคยมีปากเสียงมาตลอดสัปดาห์ยอมรับตรง ๆ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากเลิกคิ้ว วางมือจากงานเอกสารที่ทำ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ยกมือกอดอก สายตาคมปลาบจับจ้องไปยังดวงหน้าหวานที่เขาชื่นชอบ ไม่สิ เคยชื่นชอบให้พูดต่อเขมิกาทำใจกล้าเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดออกไปตรง ๆ ตามความรู้สึกว่า “ท่านรองจะกลั่นแกล้งเขมไปถึงไหนคะ สัปดาห์ก่อนเรียกเขมไปตำหนิเรื่องมาสาย สัปดาห์นี้ให้เขมเอาเอกสารเก่า ๆ มานั่งสรุปให้ ไม่ก็สั่งงานก่อน
“ท่านรองคะ วันนี้บ่ายโมงตรงท่านรองมีนัดกับหุ้นส่วนนะคะ เพื่อพูดคุยทำข้อตกลงโครงการใหม่ที่ทางนั้นเสนอมาให้เราร่วมลงทุนค่ะ”ทิวากรชะงักมือที่กำลังจรดปลายปากกาบนเอกสารสำคัญ ชายหนุ่มคิดเล็กน้อยก่อนถาม “โครงการรีสอร์ตที่เชียงรายที่ทางนั้นไปเทคโอเวอร์มาใช่ไหม”“ค่ะ”“เข้าใจแล้ว เธอก็ไปด้วยละ แต่งตัวให้มันดี ๆ ฉันไม่อยากให้ใครมาสบประมาทฉันได้ว่าใช้งานเลขาหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง น่าเบื่อชะมัดแค่นี้ก็ต้องให้บอก” ชายหนุ่มบอกพลางบ่นอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นเลขาคนสวยผมเผ้าไม่เรียบร้อย“ค่ะ” หญิงสาวกัดฟันตอบรับ นึกแค้นในใจ ไอ้ที่สภาพเธอเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เพราะเขาใช้งานเธอจนหัวหมุนหรือไง ยังไม่ทันเที่ยงเธอก็ใช้มือขยี้หัวตัวเองไม่รู้กี่รอบแล้ว ถ้าผมยังอยู่ทรงเหมือนตอนมาก็บ้าแล้ว!“ออกไปได้แล้ว เอากาแฟมาให้ฉันด้วย ชงมาให้ดีละ ถ้าครั้งนี้เธอพยศใส่เกลือมาให้ฉันกินเหมือนคราวก่อนละก็ เธอเจอดีแน่” ชายหนุ่มขู่คนตัวเล็ก ที่ตอนแรกเหมือนจะยอมรับชะตากรรมให้เขาแกล้ง ที่ไหนได้ผ่านไปไม่ทันไรก็พยศขึ้นมา เธอช่างกล้าเอาเกลือใส่กาแฟให้เขากิน ยังจำรสชาติเค็มบาดจิตบาดใจไม่หายเลย นี่โรคไตไม่ถามหาก็ถือว่าเขาโชคดีสุด ๆ แ
“ท่านรองคิดจะทำอะไรคะ” เขมิกาเอ่ยขึ้นหลังกลับมาถึงบริษัทแล้วทิวากรหันกลับไปมองคนตัวเล็กที่กล้าตั้งคำถามกับเขา “ทำอะไร ฉันเปล่า” พูดแล้วเดินหนีเข้าห้องโดยมีเขมิกาสาวเท้าตามเข้ามาติด ๆ “จะเปล่าได้ยังไงคะ ก็ในเมื่อฉันเห็น” หญิงสาวไม่พูดต่อเธอเม้มริมฝีปากแน่นชายหนุ่มกระตุกยิ้มทรุดกายนั่งบนโซฟาเอนแผ่นหลังพิงพนักโซฟาด้วยท่วงท่าผ่อนคลายหลังเข้ามาด้านในห้องทำงานแล้ว “เห็นอะไร ทำไมไม่พูดต่อล่ะ”หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนผ่อนออกช้า ๆ“พี่ทิว”“ฉันไม่ใช่พี่เธอ อย่ามาเรียกฉันว่าพี่” ชายหนุ่มพูดแทรกเสียงแข็งตวัดสายตาวาวโรจน์มองร่างบางที่บังอาจเรียกเขาว่าพี่เขมิกาเจ็บแปลบแต่ก็พยักหน้ารับคำ “ค่ะ ท่านรองคะ ถ้าท่านรองแค้นเขม ก็แก้แค้นเขม อย่าดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเอี่ยวกับเรื่องนี้เลยได้ไหมคะ ถือว่าเขมขอ” เธอขอร้องเขาพร้อมมองอย่างอ้อนวอน แต่คนที่มีอคติบังตาหรือจะฟัง“หึ ของั้นเหรอ”“ค่ะ”“ฝันไปเถอะ”“หมายความว่าท่านรองจะใช้ยัยวาดแก้เเค้นเขมงั้นเหรอคะ”“ฉลาดดีนี่ รู้ไหม ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดอะไรยุ่งยากหรอก แค่อยากทำให้เธอเจ็บเล่น ๆ เจ็บแปลบ ๆ แต่พอเห็นเธอดิ้นแบบนี้แล้วมันก็ทำให้ฉันคิดอะไรดี ๆ
“เขม... แกไม่สบายหรือเปล่า ฉันเห็นอาการแกไม่ค่อยดีมาหลายวันแล้วนะ” อินทุอรเอ่ยถามเพื่อนสนิทระหว่างรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันอย่างนึกเป็นห่วง หลายวันมาแล้วที่เขมิกามีท่าทีเคร่งเครียด คล้ายมีอะไรในใจและมีเรื่องให้ต้องขบคิดอยู่ตลอดเวลาคนถูกถามส่ายหน้าตอบ “เปล่า”“เปล่าอะไร แกไม่เคยเป็นแบบนี้มานานแล้วนะเขม แล้วข้าวน่ะจะเขี่ยอีกนานไหม แกต้องกินเยอะ ๆ นะ อย่าลืมสิว่าแกต้องไปสู้รบกับท่านรองประธานอีก ท่านรองก็ช่างกระไร แกล้งแกอยู่ทุกวัน ไม่เห็นใจกันบ้างเลยหรือไง อย่างน้อยก็น่าจะนึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่เคยมีร่วมกันบ้าง แกก็เหลือทน ยอมให้เขาโขกสับอยู่ได้”อินทุอรแหวออกมาอย่างคนไม่สบอารมณ์ หญิงสาวไม่พอใจกับการที่ทิวากรกลั่นแกล้งเพื่อนของเธอ และไม่ชอบที่เพื่อนของเธอยอมให้เขากระทำ ขัดใจสายปะฉะดะอย่างเธอจริง ๆ เหนือสิ่งอื่นใดก็เป็นห่วงเพื่อนสนิทของตัวเองนั่นแหละเขมิกาได้ยินคำพูดเพื่อนสนิทแล้วหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจมอยู่กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง‘ไม่ปกติแล้วละ’ อินทุอรคิดพลางหันไปมองหน้าดนุภพที่นั่งอยู่ข้างกัน ซึ่งชายหนุ่มก็ส่ายหน้าไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเช่นกัน สายตามีความห่วงใยให้คนที่เข
ณ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ถูกจัดขึ้นที่ห้องบอลรูมของโรงแรมในเครือศิวานันท์กรุป โดยมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน ไล่ตั้งแต่พนักงานระดับล่างตลอดจนพนักงานระดับสูง ทั้งยังรวมไปถึงผู้บริหารตำแหน่งต่าง ๆ และหุ้นส่วนบริษัทคนสำคัญซึ่งงานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากเป็นการจัดเลี้ยงครบรอบไตรมาสของบริษัทแล้ว ยังเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ในบริษัทอีกด้วยร่างสูงในชุดเรียบหรูสมกับตำแหน่งประธานบริษัท นั่งอยู่บริเวณโต๊ะด้านหน้าเวที ควงคู่มากับสองสาวต่างวัย ขวามือเป็นมารดาที่อยู่ในชุดหรูหราตามวัย ซ้ายมือคือร่างระหงของเขมิกาที่อยู่ในชุดเดรสยาวของแบรนด์ดังยี่ห้อหนึ่ง ขับเน้นให้เจ้าของร่างแบบบางดูสวยสง่า และน่าทะนุถนอมไปในตัว ซึ่งแขกเหรื่อคนอื่น ๆ ก็นั่งโต๊ะถัดไปตามตำแหน่งเมื่อถึงเวลาหลักของการจัดงาน พิธีกรมืออาชีพเริ่มหน้าที่ของตนเอง ตั้งแต่เชิญทิวากรไปกล่าวเปิดงาน ตลอดจนประกาศมอบรางวัลให้พนักงาน เช่น พนักงานดีเด่นประจำบริษัท ประกาศเลื่อนตำแหน่งของพนักงานบางคน ตลอดจนอื่น ๆ ก่อนจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกที่ทุกคนรอคอย นั่นคือการจับฉลากแลกของขวัญ บ้างได้ชิ้
วันเวลาเลื่อนผ่าน ทิวากรกับเขมิกาปลูกต้นรักด้วยกันมาร่วมปีแล้ว เส้นทางรักครั้งนี้ไม่ได้ฉาบฉวยหากเต็มไปด้วยความรักความเข้าใจ มีแง่งอนบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายก็เข้ากันได้ดี และทุกครั้งหลังจากที่ทะเลาะ ทั้งสองจะรักและเข้าใจกันมากกว่าเดิม ซ้ำบรรยากาศที่แผ่ออกมายังหวานชื่นไม่เปลี่ยนเสียจนคนรอบข้างยังลอบอิจฉาเรียกได้ว่าความรักของพวกเขาสุกงอมเต็มที่ หลาย ๆ คนต่างเฝ้ารอข่าวดี และเป็นที่จับตามองเนื่องจากทิวากรเป็นลูกชายเพียงคนเดียว และทายาทสายตรงของศิวานันท์ ทั้งนี้ชายหนุ่มยังเข้ารับตำแหน่ง CEO เป็นประธานบริษัทศิวานันท์แบบเต็มตัวแล้วด้วย ในวันประกาศขึ้นรับตำแหน่งจากมารดา นอกจากชายหนุ่มจะเอ่ยเกี่ยวกับการรับผิดชอบหน้าที่ของตน ให้ผู้บริหารรวมถึงหุ้นส่วนคนสำคัญต่าง ๆ มั่นใจกับการทำงานของตนเองแล้ว เขายังประกาศเปิดตัวคนรักอย่างเอิกเกริก จนเกิดแฮชแท็กทายาทศิวานันท์เปิดตัวคนรัก ดังขึ้นมาแซงข่าวการขึ้นรับตำแหน่งของตัวเองเสียอีก สาวน้อยสาวใหญ่ที่เคยจ้องเขาก่อนหน้านี้ต่างอกหักไปตาม ๆ กัน แน่นอนชายหนุ่มไม่ได้สนใจใครนอกจากแฟนสาวเขมิกากลายเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาของใครหลาย ๆ คนไปทันที เช่นเดิม มีคน
“ปกติพี่ทิวก็ดูฉลาดนะคะ ทำไมตอนนี้ถึงซื่อบื้อจังเลยล่ะ” เขมิกาไม่ตอบแต่ตั้งคำถามแทนชายหนุ่มที่ตั้งใจฟังและกำลังจะตอบทันเอะใจ เมื่อครู่เธอเรียกเขาว่าพี่และแทนตัวเองว่าเขมใช่ไหม?“เมื่อกี้เขมเรียกพี่ว่าอะไรนะครับ” เพื่อความแน่ใจจึงรัวคำถามทันที“เรียกว่าพี่ทิวค่ะ”หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงก่อนถามอีกครั้ง “แล้วแทนตัวเองว่าอะไรนะครับ”“เขมค่ะ”ได้ฟังคำตอบรอยยิ้มจึงปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา “ เขม... เขมเรียกแทนตัวเองว่าเขม และเรียกพี่ว่าพี่”“ก็ใช่ไงคะ ตกใจอะไรกัน”“ก็ ก็พี่คิดว่าเขมจะโกรธเกลียดพี่นี่ แต่ว่าเขมเรียกพี่แบบนี้แสดงว่าเขมไม่ได้โกรธเกลียดพี่จริง ๆ ใช่ไหมครับ”เขมิกาลอบกลอกตา “ก็ถ้าโกรธถ้าเกลียดเมื่อคืนจะยอมให้ทำอะไรเหรอคะ”ทิวากรชะงัก “เขม! นี่หมายความว่าเขมให้โอกาสพี่แล้วใช่ไหมครับ”“อื้อ” ตอบพลางพยักหน้า“ให้โอกาสที่หมายถึง ยินดีคบหากับพี่เป็นคนรัก เป็นแฟนกันแล้วใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามรัวเร็วไม่เก็บกิริยา จากที่นอนกอดหญิงสาวอยู่ก็ผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็ว จับไหล่คนตัวเล็กทั้งสองข้างรั้งเธอออกจากตัวเล็กน้อย แล้วก้มหน้ามองสบตากับหญิงสาวด้วยความคาดหวังกับคำตอบเขมิกาแม้จะขวยอาย ที่ถูกถามตอ
ค่ำคืนสุดเร่าร้อนผ่านไปเช้าวันใหม่ก็มาเยือน ทิวากรนอนก่ายหน้าผาก กลัดกลุ้มกับเหตุการณ์เมื่อคืน เขาไม่ได้เสียใจที่กระทำการร่วมรักเป็นหนึ่งเดียวกันกับเธอ หากแต่กังวลกลัวว่าเขมิกาจะเกลียดตัวเอง ที่ฉวยโอกาสตอนเธอไม่ได้สติ ทว่าหากย้อนเวลากลับไปเขาก็จะทำมันเช่นเดิมเสียงครวญครางแว่วหวานใต้ร่างทำให้เขามีความสุขมาก มีความสุขมากเสียจนเคี่ยวกรำเธอทั้งคืนรังแกจนตัวเธอแดงไปหมดทั้งตัว!ไม่มีตรงไหนของร่างกายที่เขาไม่ทิ้งรอยรักเอาไว้ รอยแดงสีกุหลาบที่เห็นได้ชัดที่สุดคงจะเป็นเนินอก ส่วนลำคอระหงเขาทิ้งไว้นิดหน่อย อยากประกาศให้รู้ว่าเขมิกามีเจ้าของแล้ว หากไม่กล้าทิ้งไว้มากและชัดเกินไปนัก มันจึงกลายเป็นรอยจาง ๆ ที่หากไม่ตั้งใจมองก็คงไม่เห็นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนความสุขพลันเอ่อล้น ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้ม แววตาของเขาระยิบระยับระคนอ่อนโยนยามมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆเขมของเขาน่ารักจริง ๆใช่เมื่อคืนเธอน่ารัก แต่ไม่รู้ตื่นมาจะยังน่ารักอยู่ไหม เขากลัวเธอกลายร่างจริง ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรับมือเธออย่างไร แล้วถ้าเกิดเธอโกรธเกลียดตัวเองขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น เฮ้อ! ปวดหัวจริง ๆคิดดูแล้วความสุขที่มีกลับไม่เต็มร้
“อืม... ทั้งหวานทั้งหอม เขมหวานไปทั้งตัวเลยครับ” เขาครวญครางเสียงพร่า แต่หญิงสาวไม่มีสติรับรู้อะไรอีกแล้ว ความเสียวที่เธอไม่เคยสัมผัสมาทั้งชีวิต กำลังเล่นงานเธออย่างหนัก จนเกือบจะถึงฝั่งฝัน แต่กลับถูกคนตัวโตกลั่นแกล้ง หยุดการกระทำวาบหวาม จนเธอต้องเขม่นมองแรงด้วยความขัดใจ ทิวากรดึงมือออกจากร่องรูแสนคับแคบ คว้าถุงยางอนามัยขึ้นมาฉีก ก่อนสวมมันกับแก่นกายที่แข็งตัวพร้อมรบทิวากรรูดรั้งแก่นกายของตัวเองสองสามที จ่อปลายหัวบานหยักกับปากทางเล็ก ค่อย ๆ เสือกหัวใหญ่เข้าไปในช่องทางแสนคับแคบ“อื้อ! เจ็บ เขมเจ็บ” คนตัวเล็กร้องลั่นพร้อมทั้งพยายามที่จะถอยหนีหากไม่พ้น เพราะถูกชายหนุ่มจับยึดเอวคอดกิ่วไว้ เขาขบกรามแน่นกับความตอดรัดทั้ง ๆ ที่มันเพิ่งเข้าได้แค่หัว เห็นใบหน้าสวยอาบด้วยน้ำตาพลันสงสาร แต่ถ้าจะให้หยุดตอนนี้ เขาไม่ยอมแน่ทิวากรไม่ฝืนดันทุรังฝ่าเข้าไปทันที เข้าเลือกที่จะครอบโพรงปากยังยอดอกสีชมพู แล้วออกแรงดูดดึง ในขณะที่มือขวาไม่หยุดขยี้ปุ่มกระสันเรียกน้ำหวานให้อาบชโลมไปทั่วร่องรักเขมิกาซ่านเสียวจนลืมความเจ็บปวด ช่องทางรักชื้นแฉะเต็มไปด้วยน้ำหวาน ยิ่งนานยิ่งเสียวจนเธอต้องหาทางระบายออก โดยการจิ
“อ๊ะ” เขมิกาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวทาบลงมาที่ลำคอขาว ก่อนเอียงคออำนวยความสะดวกให้เขาด้วยความยินดี แขนเรียวยกคล้องต้นคอหนาของเขาในเวลาต่อมาทิวากรมีสติครบถ้วน แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปก่อนหน้าไม่อาจทำให้เขามึนเมาได้ ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังเมาเมารัก...เมาเขมิกา...ทิวากรอยากให้ครั้งแรกของเราเป็นไปอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม อยากให้ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยความลึกซึ้งตรึงใจ หากความรู้สึกวาบหวามที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาไม่อาจทำได้อย่างใจหวัง ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยพายุเฮอริเคนที่พร้อมโหมกระหน่ำทุกช่วงเวลา แทนที่จะเป็นสัมผัสหวานล้ำตรึงใจอย่างที่ตั้งใจทิวากรไม่ปิดบังความต้องการพอ ๆ กับเขมิกาที่พร้อมเปิดรับทุกสัมผัสจากเขามือหนาลูบไล้สัมผัสไปทั่วเรือนกายบอบบาง ก่อนที่จะถอดชุดของเธอที่แสนจะเกะกะในสายตาทิ้งไปอย่างไม่ไยดี โดยมีเจ้าของร่างให้ความร่วมมือเต็มที่ทันทีที่ชุดหลุดออกไปจากร่างระหง ลำคอของชายหนุ่มแห้งผากจนเขาต้องรีบกลืนน้ำลาย ก่อนเข้าจู่โจมที่เนินอกสล้างอย่างที่ใจต้องการสองมือกอบกุมบีบเคล้นความนุ่มเด้ง จรดริมฝีปากขบเม้มดูดดึงเนื้อขาวจนเกิดรอยแดง ก่อนที่โพรงปากอุ่นร้อนจะเข้
23:45 น.ทิวากรขับรถพาคนเมามาส่งที่คอนโดมิเนียม เขารู้ว่าเธอไม่ได้เมาเต็มที่เพียงแค่กรึ่ม ๆ ทว่าเขาไม่กล้าพูดคุยอะไรกับเธอมากนัก ดังนั้นตลอดการเดินทางจึงมีเพียงเสียงเพลงสากลที่เขาเปิดคลอเท่านั้น“ถึงแล้วครับ” ชายหนุ่มบอกคนที่นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ“อืม คุณก็ขับรถไปจอดสิ จะได้เข้าไปคุยกันในห้อง”ทิวากรตาวาวเมื่อเธอพูดว่าให้เขาเข้าไปในห้องได้ ทว่าเพียงแวบเดียวเท่านั้น ไอ้ดีใจก็ดีใจอยู่หรอก แต่ดูจากปฏิกิริยาของเธอแล้ว กลัวเรื่องที่คุยมันจะไม่ดีอย่างที่คิดน่ะสิชายหนุ่มรู้สึกหวาดหวั่นแต่ไม่ปฏิเสธ ขับรถเข้าไปจอดยังลานจอดรถ ก่อนเดินเข้าคอนโดมิเนียมพร้อมกันทิวากรมองสำรวจห้องของเขมิกาอย่างถ้วนถี่ หลังจากพาตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องของเธอได้แล้ว โทนห้องสีขาวสะอาดตา ตกแต่งเรียบง่ายไม่หวือหวา ด้วยสไตล์มินิมอลอย่างที่เจ้าของห้องชอบ ทว่ากลับน่าอยู่จนเขาอยากหอบเสื้อผ้ามานอนกับเธอมาก ๆ “น้ำ” เขมิกาพูดพลางยื่นแก้วน้ำให้ ก่อนหย่อนก้นนั่งที่โซฟาตัวเดียวกันจนชายหนุ่มเกร็งขึ้นมาทิวากรไม่ได้ดื่มน้ำในทันที เขามองหน้าหญิงสาวอย่างกระวนกระวายรีบร้อนอธิบายให้เธอเข้าใจ“พี่ไม่ได้มีอะไรกับเขาจริง ๆ นะครับเขม เขามาอ่
ณ ห้องน้ำผับ ทิวากรเช็ดเสื้อที่เปียกด้วยความหงุดหงิด เขาไม่ได้บรรจงมากนักเพราะเป็นห่วงเขมิกา กลัวเธอจะได้รับอันตราย ตั้งใจว่ารีบเช็ดให้เสร็จจะได้รีบกลับไปนั่งดูเธอต่อ ทว่าใครจะคาดคิดเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำก็ชนเข้ากับผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่คนหนึ่ง“โอ๊ย!”“ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบนิ่งมองคนที่ตั้งใจชนเขาอย่างเย็นชาหญิงสาวปริศนาที่ชนเขาช้อนตามองอย่างมีจริตจะก้าน รอยยิ้มยั่วเย้าสายตายั่วยวนถูกส่งออกไปหวังให้คนตรงหน้าหลงใหล“ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วก็หลีกทางด้วยครับ แฟนผมรออยู่” ชายหนุ่มแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่ปรารถนาสานต่อความสัมพันธ์ หากหญิงสาวตรงหน้าไม่สะทกสะท้าน เธอบิดรอยยิ้มทรงเสน่ห์ เดินเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพง ของผู้ชายที่เธอต้องมาเล่นบททดสอบ‘เรนนี่’ ที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะอ่อยเฉย ๆ ประหวัดไปถึงคำพูดของปานวาดที่ส่งเธอมายั่วยวนคนตรงหน้า รู้สึกไม่อยากทำแค่ยั่วยวนเสียแล้ว กลิ่นกายบุรุษเพศ หน้าตาผิวพรรณของเขาตรงใจเธอจริง ๆ เธออยากได้เขา!ความปรารถนาของเธอแสดงออกชัดเจนผ่านม่านดวงตา หากทิวากรเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบค่อนไปทางรำคาญ เขาตัดปัญหาโดยการเดินเลี่ยงไปอีกท
“คืนนี้ไม่ต้องโทรหานะคะ ไม่รับ” หญิงสาวพูดขึ้นระหว่างรอหมูสุกคิ้วเข้มขมวดเป็นปมพลางถาม “ทำไมล่ะครับ”“คืนนี้ฉันจะไปเที่ยวกับเพื่อนค่ะ”“กับใครครับ”“เพื่อนค่ะ”“ไม่ใช่ครับ พี่หมายถึงเพื่อนคนไหน”เขมิกาเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างพิจารณา นอกจากสายตาที่แสดงออกว่าเป็นห่วงเธอแล้ว ก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจอะไรจึงระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนพูด“กับยัยอิน ยัยวาดค่ะ”“ไปกันแค่สามคน ทั้งยังมีแต่ผู้หญิงเนี่ยนะ!” คราวนี้คิ้วชายหนุ่มผูกเป็นโบมากกว่าเดิม ความไม่สบายใจแทรกซึมเข้ามาจนสลัดทิ้งไม่ได้“ค่ะ อยากเที่ยวตามประสาผู้หญิง”“ไม่ได้ครับ พี่ไม่โอเคเลย”“มะ...” พูดยังไม่ทันจบประโยคเขาก็แทรกขึ้น“พี่รู้ว่าตอนนี้พี่ยังไม่มีสิทธิ์ แต่ที่พี่ห้ามเพราะพี่เป็นห่วง กลางค่ำกลางคืนไปกันแค่สามคนทั้งยังมีแต่ผู้หญิงอันตรายตายเลย พี่เป็นห่วง และไม่สบายใจครับ”“...” เขมิกาไม่พูดเข้าใจในความรู้สึกเขา แต่ถ้าไม่ให้เธอไปก็ไม่ยอมเช่นกัน เธอนัดกันไว้แล้ว อย่างไรนัดนี้ต้องไม่ล่ม “เอางี้ ถ้าเขมอยากไปพี่จะไปด้วย สัญญาว่าจะไม่ยุ่งวุ่นวาย ไม่ก้าวก่าย จะปล่อยให้เขมสนุกกับเพื่อนอย่างเต็มที่โอเคไหมครับ”“แน่นะ” ถามด้วยความไม่เชื่อว