“คุณเขมิกาช่วยชงกาแฟมาให้ผมใหม่ด้วยครับ ถ้วยนี้เย็นชืดหมดแล้ว”
วันนี้ก็เป็นเหมือนหลาย ๆ วันที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่เธอมาทำงานเป็นเลขาของเขาก็ถูกเจ้านายคนใหม่กลั่นแกล้งอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เฮ้อ! หญิงสาวถอนหายใจด้วยความปลดปลง ครั้งนี้เป็นรอบที่สามแล้วที่เสียงคนด้านในห้องทำงานใหญ่สั่งให้เธอชงกาแฟเข้าไปให้ ครั้งแรกบอกว่าหวานไป ทั้ง ๆ ที่เธอชงแต่กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล สูตรประจำที่เขาชอบ ครั้งที่สองบอกขมไปให้ไปชงให้ใหม่ ส่วนครั้งนี้บอกเย็นชืด แต่สิ่งที่เธอเห็นมันยังร้อนอยู่เลยนะ เขมิกาตวัดตามองเจ้าของคำสั่งด้วยความคับข้องใจ
“ทำไม มีปัญหา?” ทิวากรถามเสียงเข้มหาเรื่อง
“ค่ะ มีปัญหา” แล้วต้องแปลกใจเมื่อคนที่ไม่เคยมีปากเสียงมาตลอดสัปดาห์ยอมรับตรง ๆ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากเลิกคิ้ว วางมือจากงานเอกสารที่ทำ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ยกมือกอดอก สายตาคมปลาบจับจ้องไปยังดวงหน้าหวานที่เขาชื่นชอบ ไม่สิ เคยชื่นชอบให้พูดต่อ
เขมิกาทำใจกล้าเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดออกไปตรง ๆ ตามความรู้สึกว่า “ท่านรองจะกลั่นแกล้งเขมไปถึงไหนคะ สัปดาห์ก่อนเรียกเขมไปตำหนิเรื่องมาสาย สัปดาห์นี้ให้เขมเอาเอกสารเก่า ๆ มานั่งสรุปให้ ไม่ก็สั่งงานก่อนเวลาเลิกงานเพียงชั่วโมงเดียวแล้วบอกว่าต้องเสร็จ ไม่เสร็จก็ยังไม่ต้องกลับ มาวันนี้ใช้ให้ชงกาแฟ รอบนี้รอบที่สามแล้วนะคะ เห็น ๆ อยู่ว่ากาแฟมันไม่ได้เย็นชืดอย่างที่ท่านรองว่าเลยสักนิด ท่านรองจะเอายังไงกันแน่คะ ถ้าไม่พอใจเขม เขมจะได้ไปบอกท่านประธาน ท่านจะได้จัดหาเลขาคนใหม่ที่ตรงใจของท่านรองมาให้ ท่านรองจะได้ไม่หงุดหงิดเวลาเจอหน้าเขมและทำงานอย่างมีความสุข เขมก็จะได้สงบสุขเสียที”
พูดไปแล้ว เธอพูดมันออกไปแล้ว ใจของเขมิกาเต้นตุบตุบรัวแรงให้กับความใจกล้าของเธอ อย่างว่าโดนกลั่นแกล้งมาเกือบสองอาทิตย์ถ้าไม่พูดมันออกมาเธอคงอกแตกตายสักวัน
ทิวากรฟังคนร่ายยาวด้วยท่าทีเรียบเฉยหากแววตากลับฉายถึงความสนุกที่ทำให้คนตัวเล็กไม่สงบสุข
“จะเปลี่ยนทำไม ในเมื่อเธอตรงใจฉันที่สุดแล้ว” เงียบไปนานก่อนที่เขาจะพูดขึ้น ใบหน้าของเขมิกาเริ่มร้อนฉ่าเพราะประโยคคำพูดนั้น หากยังไม่ทันได้มีความสุขกับความคิดเข้าข้างตัวเองอย่างไร้สาระกลับถูกเขากระชากตกจากที่สูงด้วยประโยคถัดมา
“โดนแค่นี้ทำเป็นโอดครวญ ฉันโดนมากกว่านี้ยังไม่บ่นสักคำเลยนะ แล้วนั่นหน้าแดงทำไม ฉันไม่ได้สารภาพว่าชอบเธอสักหน่อย ผู้หญิงอย่างเธอฉันชอบไม่ลงหรอก ไม่รู้ว่าสกปรกไปถึงไหนแล้ว น่ารังเกียจจริง ๆ ที่ทนให้เธอทำงานตำแหน่งเลขาอยู่ตอนนี้เพราะอยากจะเอาคืนหรอกนะ”
“เอาคืนเหรอคะ” ถามเสียงแผ่วพร้อมทั้งครุ่นคิดก่อนเบิกตากว้างมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
“ใช่! แต่นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง เธอก็มาโอดครวญซะแล้ว นี่! ตอนฉันถูกเธอบอกเลิก มันทรมานมากกว่าการกลั่นแกล้งแบบเด็ก ๆ อย่างที่เธอโดนตอนนี้อีกนะเขมิกา ตอนนั้นเธอไม่เห็นใจฉัน แล้วตอนนี้จะมาขอให้ฉันเห็นใจเธอให้มันได้อะไรขึ้นมา หืม ไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยหรือไง”
จากสายตาสนุกเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ ร่างสูงผุดลุกจากเก้าอี้เเล้วเดินเข้าหาร่างบางช้า ๆ ขณะที่หญิงสาวชักเท้าถอยหลังทีละก้าวเช่นเดียวกัน
หัวใจของร่างบางเต้นรัวแรงแทบทะลุอก ไม่ใช่เพราะดีใจแต่เป็นหวาดกลัวต่อคนตรงหน้ามากต่างหาก สายตาที่จะฆ่าเธอทั้งเป็นได้แบบนี้เธอไม่เคยเผชิญมันมาก่อนเลย
สายตาที่มีไฟลุกโชนอยู่ในนั้น...
“อ๊ะ!” เขมิกาอุทานออกมาเมื่อเธอถอยหลังจนสะดุดโซฟาแล้วร่างของเธอก็ล้มนั่งได้พอดิบพอดี ซึ่งท่วงท่ามันออกจะเชิญชวนอยู่ในที
“หึหึ” เสียงหัวเราะหยันดังขึ้นพลางมองเธอด้วยสายตาดูถูก ก่อนพ่นวาจาร้ายกาจทำร้ายจิตใจของอย่างไม่รีรอ
“ไง? นี่เป็นมุกที่เธอคิดได้เมื่อกี้เหรอ พอผู้ชายเข้าหาก็แสร้งทำเป็นหวาดกลัวคล้ายกระต่ายตื่นตระหนกตอนเจอหมาป่า ล่อลวงให้มันตามติด ก่อนส่งสายตาอ้อนวอนร้องขอเอาชีวิตรอดด้วยท่วงท่าเชิญชวน”
แปะ แปะ แปะ
“ฉันปรบมือให้กับความคิดและชื่นชมการแสดงของเธอเลยนะเขมิกา เพียงแต่ฉันไม่ใช่หมาป่าหน้าโง่คนเดิมที่เคยหลงในบ่วงคนใสซื่ออีกต่อไปแล้วน่ะสิ เธอรู้ไหม ยิ่งเธอทำตัวแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้ฉันขยะแขยงเธอไปกันใหญ่”
หญิงสาวร้อนวาบไปทั้งใบหน้าจากคำพูดและสายตาดูถูกดูแคลนของเขา มือบางสั่นระริกข่มกลั้นอารมณ์ไม่ให้เข้าประทุษร้ายคนที่เอาแต่พ่นวาจาเจ็บแสบใส่กัน
ทิวากรมองหญิงสาวที่นั่งบนโซฟาตรง ๆ มุมปากหยักยกยิ้ม หากสายตากลับอัดอั้นไปด้วยความคั่งแค้น จนหญิงสาวผงะไป
“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันไม่มีอารมณ์ทำอะไรเธอหรอก ถึงมีก็ทำไม่ลง เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดีเถอะ เพราะนี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น เธอยังต้องเจออีกมาก และต่อให้เธอไปฟ้องคุณแม่เธอก็หนีฉันไม่พ้น ความเจ็บปวดที่ฉันเคยได้รับ ฉันจะสนองคืนเธอทุกระเบียบนิ้วเลย ต่อให้เธอหนีไปสุดหล้า ฉันจะตามจองล้างจองผลาญเพื่อลากเธอกลับมาชดใช้ให้กับฉัน จำใส่หัวเอาไว้ให้ดีเขมิกา เธอต้องชดใช้ให้ฉัน!”
ยิ่งพูดยิ่งเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ ดวงตาของชายหนุ่มแดงก่ำด้วยไฟแค้น พยายามหักห้ามใจอย่างมากไม่ให้ตัวเองเผลอบีบคอผู้หญิงตรงหน้า
ทิวากรสะบัดหน้าหนีเธอแล้วเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานดังเดิม คล้ายกลัวว่าหากมองดวงหน้าหวานนานกว่านี้จะเผลอลงมือกับเธอเอาได้ ซึ่งถ้าทำเเบบนั้นเขาคงสะใจ แต่ก็แค่แวบเดียว คนอย่างเขมิกาต้องทรมานมากกว่านี้มันถึงจะสาสม
ขณะเดียวกันเขมิกาตกใจกับความแค้นที่ทิวากรมีต่อเธอ ทั้งสายตาและคำพูดมันไม่มีตรงไหนเลยที่บอกว่าเขาพูดเล่น เธอรู้ว่าเขาเอาจริง และดูเหมือนว่าเขาจะเกลียดเธอมากจริง ๆ ตอนแรกก็ไม่แน่ชัด แต่ตอนนี้เธอแน่ใจแล้ว ทิวากรไม่มีวันอภัยให้เธอจนกว่าเขาจะได้เอาคืน
หยดน้ำตาสีใสร่วงเผาะอาบแก้มนวลกับสิ่งที่เธอกำลังเผชิญ ดวงตาหวานช้อนมองชายหนุ่มด้วยน้ำตาเอ่อคลอจนภาพตรงหน้าพร่าเบลอ
นี่เขาเกลียดเธอจนอยากทำร้ายกันมากขนาดนี้เลยหรือ ไม่คิดบ้างหรือว่าเธอก็เจ็บปวดเป็นเหมือนกัน ใช่ว่าเขาต้องเจ็บปวดอยู่คนเดียวเสียหน่อย เธอเป็นคนมีความจิตใจมีความรู้สึกเหมือนกันนะ ร่างเล็กทำได้แค่ตัดพ้ออยู่ในใจเท่านั้น
เขมิการู้สึกรับไม่ไหว หัวใจเธอกำลังบอบช้ำ ยิ่งมองหน้าเขาน้ำตาที่เคยอดกลั้นมาหลายวันยิ่งพานไหล สุดท้ายก็สะอื้นไห้ออกมา เพียงดวงตาคมตวัดมามองด้วยสายตาแข็งกร้าว เธอก็ผุดลุกจากโซฟาและออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“ฮึก ฮือ” เขมิกาตรงเข้าห้องน้ำจัดการล็อกประตูแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น มือขวายกขึ้นกุมที่หน้าอกข้างซ้ายไว้แน่น หวังให้มันบรรเทาความเจ็บปวด หากไม่ช่วยอะไร อยากลืมถ้อยคำร้ายกาจ และสายตาทิ่มแทงของเขาวันนี้ให้สิ้น กลับยิ่งจำและเด่นชัดเหลือเกิน
เขมิกาเจ็บปวดจนอยากออกไปจากจุดนี้ แต่รู้ดีว่าต่อให้เธอหนีไปจริง เขาก็ต้องตามหาและหาวิธีแก้แค้นเธออยู่ดี ยิ่งถ้าเกิดเธอหนีแล้วเขาจับได้ การแก้แค้นของเขามันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
เขมิการู้ดีว่าคนอย่างทิวากรไม่ได้ขู่ แต่เขากำลังเอาจริง ที่เขาพูดมันออกมาวันนี้เพียงเพื่อให้เธอทำใจและยอมรับชะตากรรมเท่านั้น แม้ใจหนึ่งอยากคัดค้าน แต่ความรู้สึกผิดที่อยู่กับเธอมาตลอดหลายปีกลับรั้งเอาไว้ เป็นเธอเองที่บอกเลิกเขาโดยไม่ได้อธิบายอะไร ที่เขาเจ็บแค้นก็สมควรแล้ว
หากการที่เขากลั่นแกล้งรังแกเธอจะคลายความโกรธและความเกลียดชังที่เขามีต่อเธอลงได้บ้าง เธอก็ยินดีที่จะยอมรับมัน หวังว่าเมื่อเขาสาสมใจพอแล้ว เขาจะปล่อยเธอไป ไม่ทำร้ายกันอีกก็พอ...
“ท่านรองคะ วันนี้บ่ายโมงตรงท่านรองมีนัดกับหุ้นส่วนนะคะ เพื่อพูดคุยทำข้อตกลงโครงการใหม่ที่ทางนั้นเสนอมาให้เราร่วมลงทุนค่ะ”ทิวากรชะงักมือที่กำลังจรดปลายปากกาบนเอกสารสำคัญ ชายหนุ่มคิดเล็กน้อยก่อนถาม “โครงการรีสอร์ตที่เชียงรายที่ทางนั้นไปเทคโอเวอร์มาใช่ไหม”“ค่ะ”“เข้าใจแล้ว เธอก็ไปด้วยละ แต่งตัวให้มันดี ๆ ฉันไม่อยากให้ใครมาสบประมาทฉันได้ว่าใช้งานเลขาหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง น่าเบื่อชะมัดแค่นี้ก็ต้องให้บอก” ชายหนุ่มบอกพลางบ่นอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นเลขาคนสวยผมเผ้าไม่เรียบร้อย“ค่ะ” หญิงสาวกัดฟันตอบรับ นึกแค้นในใจ ไอ้ที่สภาพเธอเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เพราะเขาใช้งานเธอจนหัวหมุนหรือไง ยังไม่ทันเที่ยงเธอก็ใช้มือขยี้หัวตัวเองไม่รู้กี่รอบแล้ว ถ้าผมยังอยู่ทรงเหมือนตอนมาก็บ้าแล้ว!“ออกไปได้แล้ว เอากาแฟมาให้ฉันด้วย ชงมาให้ดีละ ถ้าครั้งนี้เธอพยศใส่เกลือมาให้ฉันกินเหมือนคราวก่อนละก็ เธอเจอดีแน่” ชายหนุ่มขู่คนตัวเล็ก ที่ตอนแรกเหมือนจะยอมรับชะตากรรมให้เขาแกล้ง ที่ไหนได้ผ่านไปไม่ทันไรก็พยศขึ้นมา เธอช่างกล้าเอาเกลือใส่กาแฟให้เขากิน ยังจำรสชาติเค็มบาดจิตบาดใจไม่หายเลย นี่โรคไตไม่ถามหาก็ถือว่าเขาโชคดีสุด ๆ แ
“ท่านรองคิดจะทำอะไรคะ” เขมิกาเอ่ยขึ้นหลังกลับมาถึงบริษัทแล้วทิวากรหันกลับไปมองคนตัวเล็กที่กล้าตั้งคำถามกับเขา “ทำอะไร ฉันเปล่า” พูดแล้วเดินหนีเข้าห้องโดยมีเขมิกาสาวเท้าตามเข้ามาติด ๆ “จะเปล่าได้ยังไงคะ ก็ในเมื่อฉันเห็น” หญิงสาวไม่พูดต่อเธอเม้มริมฝีปากแน่นชายหนุ่มกระตุกยิ้มทรุดกายนั่งบนโซฟาเอนแผ่นหลังพิงพนักโซฟาด้วยท่วงท่าผ่อนคลายหลังเข้ามาด้านในห้องทำงานแล้ว “เห็นอะไร ทำไมไม่พูดต่อล่ะ”หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนผ่อนออกช้า ๆ“พี่ทิว”“ฉันไม่ใช่พี่เธอ อย่ามาเรียกฉันว่าพี่” ชายหนุ่มพูดแทรกเสียงแข็งตวัดสายตาวาวโรจน์มองร่างบางที่บังอาจเรียกเขาว่าพี่เขมิกาเจ็บแปลบแต่ก็พยักหน้ารับคำ “ค่ะ ท่านรองคะ ถ้าท่านรองแค้นเขม ก็แก้แค้นเขม อย่าดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเอี่ยวกับเรื่องนี้เลยได้ไหมคะ ถือว่าเขมขอ” เธอขอร้องเขาพร้อมมองอย่างอ้อนวอน แต่คนที่มีอคติบังตาหรือจะฟัง“หึ ของั้นเหรอ”“ค่ะ”“ฝันไปเถอะ”“หมายความว่าท่านรองจะใช้ยัยวาดแก้เเค้นเขมงั้นเหรอคะ”“ฉลาดดีนี่ รู้ไหม ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดอะไรยุ่งยากหรอก แค่อยากทำให้เธอเจ็บเล่น ๆ เจ็บแปลบ ๆ แต่พอเห็นเธอดิ้นแบบนี้แล้วมันก็ทำให้ฉันคิดอะไรดี ๆ
“เขม... แกไม่สบายหรือเปล่า ฉันเห็นอาการแกไม่ค่อยดีมาหลายวันแล้วนะ” อินทุอรเอ่ยถามเพื่อนสนิทระหว่างรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันอย่างนึกเป็นห่วง หลายวันมาแล้วที่เขมิกามีท่าทีเคร่งเครียด คล้ายมีอะไรในใจและมีเรื่องให้ต้องขบคิดอยู่ตลอดเวลาคนถูกถามส่ายหน้าตอบ “เปล่า”“เปล่าอะไร แกไม่เคยเป็นแบบนี้มานานแล้วนะเขม แล้วข้าวน่ะจะเขี่ยอีกนานไหม แกต้องกินเยอะ ๆ นะ อย่าลืมสิว่าแกต้องไปสู้รบกับท่านรองประธานอีก ท่านรองก็ช่างกระไร แกล้งแกอยู่ทุกวัน ไม่เห็นใจกันบ้างเลยหรือไง อย่างน้อยก็น่าจะนึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่เคยมีร่วมกันบ้าง แกก็เหลือทน ยอมให้เขาโขกสับอยู่ได้”อินทุอรแหวออกมาอย่างคนไม่สบอารมณ์ หญิงสาวไม่พอใจกับการที่ทิวากรกลั่นแกล้งเพื่อนของเธอ และไม่ชอบที่เพื่อนของเธอยอมให้เขากระทำ ขัดใจสายปะฉะดะอย่างเธอจริง ๆ เหนือสิ่งอื่นใดก็เป็นห่วงเพื่อนสนิทของตัวเองนั่นแหละเขมิกาได้ยินคำพูดเพื่อนสนิทแล้วหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจมอยู่กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง‘ไม่ปกติแล้วละ’ อินทุอรคิดพลางหันไปมองหน้าดนุภพที่นั่งอยู่ข้างกัน ซึ่งชายหนุ่มก็ส่ายหน้าไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเช่นกัน สายตามีความห่วงใยให้คนที่เข
“ว่าไงครับ จะถามหรือเปล่า ถ้าไม่ถามตอนนี้มาถามทีหลังผมไม่ตอบแล้วนะ” เสียงนุ่มทุ้มละมุนของเขาดังขึ้นอีกครั้ง ปานวาดสูดลมหายใจเข้าลึกเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาก่อนมองหน้าและถามเขาตรง ๆ ว่า“ขอโทษนะคะคุณทิว คือ เอ่อ” พอจะถามเข้าจริง ๆ กลับหาเสียงตัวเองไม่เจอ หญิงสาวรู้สึกเก้อกระดาก จะว่าไปสิ่งที่เธอกำลังจะถามมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา หากถามไป ชายหนุ่มจะหาว่าเธอละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่า ถึงเขาจะอนุญาตแล้วก็เถอะ ยิ่งคิดคิ้วเรียวของเธอยิ่งกดเข้าหากันทิวากรเห็นหญิงสาวไม่กล้าถามจึงเอ่ยสิ่งที่ปานวาดจะถามขึ้นมาเอง “คุณวาดจะถามผมเรื่องผมกับเขมิกาหรือเปล่าครับ”“ชะ ใช่ค่ะ คุณทิว คือว่าวาด” หญิงสาวไม่พูดต่อ ช้อนดวงตากลมโตมองเขาอย่างไม่มั่นใจ ครั้นเห็นเขาไม่มีกิริยาผิดแปลก ทั้งยังมีท่าทีสบาย ราวกับเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพื่อคลายข้อสงสัยของตัวเอง หญิงสาวจึงตัดสินใจถามขึ้น“ยัยเขมบอกวาดว่าคุณทิวกับยัยเขมเคยคบหากัน แล้วมีเหตุให้ต้องเลิกกันโดยที่ยัยเขมเป็นคนบอกเลิก สุดท้ายก็ไม่ได้เจอกันนานหลายปี คุณทิวรู้สึกเจ็บแค้นพอกลับมาเจอกันครั้งนี้ เลยคิดหาทางเอาคืนเขม ประจวบกับเห็นว่าวาดเป็นเพื่
“เขม!” อินทุอรที่เพิ่งออกมาจากส่วนของห้องครัวเรียกเจ้าของห้องเสียงดัง เมื่อเห็นเพื่อนตัวเองยกมือกุมขมับทั้งน้ำตายังรินไหล หญิงสาวปรี่เข้าหาร่างของเพื่อนอย่างรวดเร็ว“เขม แกเป็นอะไร เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ปวดหัวเหรอ เดี๋ยวฉันไปเอายามาให้นะ” ถามอย่างร้อนใจเพราะเป็นห่วงเพื่อนมาก ตั้งท่าจะไปหยิบน้ำกับยากลับถูกเขมิการั้งเอาไว้หมับ!อินทุอรชะงักเท้ามองเพื่อนด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม เขมิกาไม่พูดอะไรเธอโถมกายกอดเพื่อนเอาไว้แล้วร้องไห้ออกมาเงียบ ๆเนิ่นนานที่อินทุอรนั่งนิ่ง ๆ ให้เขมิกากอด ครั้นเห็นเพื่อนเหมือนจะดีขึ้นจึงผละมือที่ลูบหลังออกมาจับที่ต้นแขนทั้งสองข้างของเพื่อนดันออกจากตัว พลางส่งสายตาคาดคั้นคำตอบ ใบหน้าก็ฉายความเคร่งเครียดไม่แพ้กัน เพราะนานแล้วที่เธอไม่เห็นเขมิกาแสดงท่าทีอ่อนแอหรืออับจนปัญญาแบบนี้ ครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นก็ตอนที่เจ้าตัวบอกเลิกทิวากรคิดถึงชายหนุ่มใจของอินทุอรก็แกว่ง หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด แต่แล้วความหวังของเธอกลับพังทลายเมื่อเพื่อนสนิทพูดว่า“คุณทิวต้องการแก้แค้นฉันเรื่องที่ฉันบอกเลิกเขา อิน เขาคิดจะใช้ยัยวาดเป็นหมากในการทำให้ฉันเจ็บ ฉันพยายามเตือนยัยวาดแล้ว แต
แผนการต่าง ๆ ดำเนินไปตามที่ทิวากรวางแผนไว้เป็นอย่างดี น่าแปลกที่สุดท้ายแล้วเป็นเขาเองที่ไม่มีความสุข เป็นเขาที่หงุดหงิดอารมณ์เสียเมื่อไม่เห็นเขมิกาเป็นทุกข์ตามที่ใจวาดหวัง กระวนกระวายไม่สบอารมณ์ยามเห็นเธอคุยกับผู้ชายคนอื่น ทั้ง ๆ ที่เธอก็ติดต่อแค่เรื่องงาน ชายหนุ่มรู้สึกโมโหตัวเองที่รู้สึกแบบนั้น หากไม่แสดงออกไปให้เธอได้รับรู้ตุบ!ทิวากรกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานด้วยความหงุดหงิดใจ ทั้งตอนนี้ยังต้องมานั่งรำคาญกับความจู้จี้จุกจิกวุ่นวายเกินพอดีของปานวาดอีก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่สมอารมณ์กับเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าระคนเสียงสายเรียกเข้าที่ดังแทรกขึ้นมา ตาคมปรายมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาเป็นต้องกลอกตา เหอะ น่ารำคาญเป็นบ้าชายหนุ่มสบถ คิดว่าปานวาดจะว่าง่ายกว่านี้เสียอีก ที่ไหนได้กลับทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขา ทั้งที่สถานะก็เป็นได้แค่คนคุยใช่ เขาคุยกับเธอมาร่วมเดือนแล้ว เป็นร่วมเดือนที่เขาพยายามเอาอกเอาใจหญิงสาวหวังให้ใครอีกคนเจ็บ แต่มันกลับไม่ได้ผล ในเมื่อหมากอย่างปานวาดใช้งานไม่ได้ เขาจะยังใช้ต่อไปทำไมทิวากรรอจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์หยุดลงเขาถึงหยิบมันขึ
เข้าใจว่าตัวเองเข้มแข็งพอและไม่ได้คิดอะไรกับทิวากรแล้ว แต่พอมาเห็นเขาจูบกับหญิงอื่นแบบนี้ ถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย ที่เห็นนิ่งเฉยก็แค่เกาะป้องกันที่เธอสร้างขึ้นมาปกป้องตัวเอง สุดท้ายเธอก็ยังเป็นคนอ่อนแอและรักเขาอยู่...เขมิการู้สึกเจ็บปวดกับภาพบาดตาตรงหน้ามาก เหมือนโดนคมมีดกรีดลงกลางหัวใจแล้วตัดออกมาเป็นชิ้น ๆ ดวงตาหญิงสาวไหวระริกพยายามหักห้ามความรู้สึก แต่!มันช่างยากเหลือเกิน...ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันลำคอตีบตันจนเปล่งเสียงพูดออกมาไม่ได้ คนทั้งสองก็ราวกับไม่รับรู้ว่าเธอเข้ามา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเคาะประตูห้องแล้วหญิงสาวยืนนิ่งมองภาพบาดตาของชายหญิงทั้งสองอยู่อย่างนั้นอย่างคนทำอะไรไม่ถูก สมองสั่งให้ออกไปจากที่นี่ แต่ขากลับก้าวไม่ออก หัวใจชาหนึบเหมือนหยุดเต้นเอาเสียดื้อ ๆทำไมเธอต้องมาเห็นภาพนี้ทำไมต้องเป็นปานวาดทำไมต้องเป็นเพื่อนสนิทของเธอด้วยคนใจร้าย เขมเจ็บจะตายอยู่แล้วนะเขมิกาบริภาษทิวากรอยู่ในใจ เธอมองทั้งสองคนด้วยสายตาตัดพ้อ อยากพ่นคำทั้งหมดออกไปตามความรู้สึกอัดอั้นที่มีแต่ก็ไม่รู้จะพูดในฐานะอะไรเจ็บปวดเหลือเกินกับความรู้สึกนี้ ความรู้สึกของคนที่ยังรักแต่
เช้าวันใหม่ของการทำงานมาถึง เขมิกาถึงได้รู้จักผู้หญิงอีกคนของทิวากรหญิงสาวมองคู่ควงคนใหม่ของชายหนุ่มที่เจ้าตัวควงมาวันนี้ด้วยใบหน้าฉงนสายตาเต็มไปด้วยความสงสัย ความคิดแล่นเร็วรี่ก่อนดวงตาคู่งามจะเข้มขึ้นที่แท้เขาก็มีผู้หญิงอีกคน!คนเลว! มีคนของตัวเองอยู่แล้วยังหว่านเสน่ห์ไปทั่ว ให้ความหวังเพื่อนเธอแล้วก็ไม่สนใจใยดี ก่อนหน้านี้ก็แพทริเซีย ตอนนี้ยังเป็นผู้หญิงหน้าเหวี่ยงสายตาร้ายกาจคนนี้อีก!ทิวากร คนเลว คุณมันเลวที่สุด!หญิงสาวโกรธจนตัวสั่นหากทำอะไรไม่ได้ หญิงโฉดชายชั่วเดินผ่านหน้าเธอเข้าห้องไปอย่างไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่กำลังทำ ทั้งยังปรายตามองเธอด้วยสายตาขบขันแกมเย้ยหยันอีกต่างหากเขมิกาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกำมือแน่นก่อนเดินไปกระแทกก้นนั่งที่เก้าอี้ทำงาน ในหัวเอาแต่ขบคิดว่าจะจัดการคนใจดำอย่างไรดี คิดยังไม่ทันไรเสียงเรียกใช้สั่งงานเธอก็ดังขึ้น“เอาน้ำส้ม กาแฟ และคุกกี้เข้ามารับรองแขกของฉันด้วย”เขมิกาหัวเราะในลำคอกระนั้นก็เดินไปเตรียมทุกอย่างเข้าไปให้เขา ต่อให้ไม่พอใจอย่างไร เธอก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดี ไม่ให้เขาหาเรื่องมาด่าหรือเล่นงานเธอในภายหลังได้“มาแล้วเหรอ ช้าจริง!” น้ำเสียงแห
ณ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ถูกจัดขึ้นที่ห้องบอลรูมของโรงแรมในเครือศิวานันท์กรุป โดยมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน ไล่ตั้งแต่พนักงานระดับล่างตลอดจนพนักงานระดับสูง ทั้งยังรวมไปถึงผู้บริหารตำแหน่งต่าง ๆ และหุ้นส่วนบริษัทคนสำคัญซึ่งงานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากเป็นการจัดเลี้ยงครบรอบไตรมาสของบริษัทแล้ว ยังเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ในบริษัทอีกด้วยร่างสูงในชุดเรียบหรูสมกับตำแหน่งประธานบริษัท นั่งอยู่บริเวณโต๊ะด้านหน้าเวที ควงคู่มากับสองสาวต่างวัย ขวามือเป็นมารดาที่อยู่ในชุดหรูหราตามวัย ซ้ายมือคือร่างระหงของเขมิกาที่อยู่ในชุดเดรสยาวของแบรนด์ดังยี่ห้อหนึ่ง ขับเน้นให้เจ้าของร่างแบบบางดูสวยสง่า และน่าทะนุถนอมไปในตัว ซึ่งแขกเหรื่อคนอื่น ๆ ก็นั่งโต๊ะถัดไปตามตำแหน่งเมื่อถึงเวลาหลักของการจัดงาน พิธีกรมืออาชีพเริ่มหน้าที่ของตนเอง ตั้งแต่เชิญทิวากรไปกล่าวเปิดงาน ตลอดจนประกาศมอบรางวัลให้พนักงาน เช่น พนักงานดีเด่นประจำบริษัท ประกาศเลื่อนตำแหน่งของพนักงานบางคน ตลอดจนอื่น ๆ ก่อนจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกที่ทุกคนรอคอย นั่นคือการจับฉลากแลกของขวัญ บ้างได้ชิ้
วันเวลาเลื่อนผ่าน ทิวากรกับเขมิกาปลูกต้นรักด้วยกันมาร่วมปีแล้ว เส้นทางรักครั้งนี้ไม่ได้ฉาบฉวยหากเต็มไปด้วยความรักความเข้าใจ มีแง่งอนบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายก็เข้ากันได้ดี และทุกครั้งหลังจากที่ทะเลาะ ทั้งสองจะรักและเข้าใจกันมากกว่าเดิม ซ้ำบรรยากาศที่แผ่ออกมายังหวานชื่นไม่เปลี่ยนเสียจนคนรอบข้างยังลอบอิจฉาเรียกได้ว่าความรักของพวกเขาสุกงอมเต็มที่ หลาย ๆ คนต่างเฝ้ารอข่าวดี และเป็นที่จับตามองเนื่องจากทิวากรเป็นลูกชายเพียงคนเดียว และทายาทสายตรงของศิวานันท์ ทั้งนี้ชายหนุ่มยังเข้ารับตำแหน่ง CEO เป็นประธานบริษัทศิวานันท์แบบเต็มตัวแล้วด้วย ในวันประกาศขึ้นรับตำแหน่งจากมารดา นอกจากชายหนุ่มจะเอ่ยเกี่ยวกับการรับผิดชอบหน้าที่ของตน ให้ผู้บริหารรวมถึงหุ้นส่วนคนสำคัญต่าง ๆ มั่นใจกับการทำงานของตนเองแล้ว เขายังประกาศเปิดตัวคนรักอย่างเอิกเกริก จนเกิดแฮชแท็กทายาทศิวานันท์เปิดตัวคนรัก ดังขึ้นมาแซงข่าวการขึ้นรับตำแหน่งของตัวเองเสียอีก สาวน้อยสาวใหญ่ที่เคยจ้องเขาก่อนหน้านี้ต่างอกหักไปตาม ๆ กัน แน่นอนชายหนุ่มไม่ได้สนใจใครนอกจากแฟนสาวเขมิกากลายเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาของใครหลาย ๆ คนไปทันที เช่นเดิม มีคน
“ปกติพี่ทิวก็ดูฉลาดนะคะ ทำไมตอนนี้ถึงซื่อบื้อจังเลยล่ะ” เขมิกาไม่ตอบแต่ตั้งคำถามแทนชายหนุ่มที่ตั้งใจฟังและกำลังจะตอบทันเอะใจ เมื่อครู่เธอเรียกเขาว่าพี่และแทนตัวเองว่าเขมใช่ไหม?“เมื่อกี้เขมเรียกพี่ว่าอะไรนะครับ” เพื่อความแน่ใจจึงรัวคำถามทันที“เรียกว่าพี่ทิวค่ะ”หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงก่อนถามอีกครั้ง “แล้วแทนตัวเองว่าอะไรนะครับ”“เขมค่ะ”ได้ฟังคำตอบรอยยิ้มจึงปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา “ เขม... เขมเรียกแทนตัวเองว่าเขม และเรียกพี่ว่าพี่”“ก็ใช่ไงคะ ตกใจอะไรกัน”“ก็ ก็พี่คิดว่าเขมจะโกรธเกลียดพี่นี่ แต่ว่าเขมเรียกพี่แบบนี้แสดงว่าเขมไม่ได้โกรธเกลียดพี่จริง ๆ ใช่ไหมครับ”เขมิกาลอบกลอกตา “ก็ถ้าโกรธถ้าเกลียดเมื่อคืนจะยอมให้ทำอะไรเหรอคะ”ทิวากรชะงัก “เขม! นี่หมายความว่าเขมให้โอกาสพี่แล้วใช่ไหมครับ”“อื้อ” ตอบพลางพยักหน้า“ให้โอกาสที่หมายถึง ยินดีคบหากับพี่เป็นคนรัก เป็นแฟนกันแล้วใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามรัวเร็วไม่เก็บกิริยา จากที่นอนกอดหญิงสาวอยู่ก็ผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็ว จับไหล่คนตัวเล็กทั้งสองข้างรั้งเธอออกจากตัวเล็กน้อย แล้วก้มหน้ามองสบตากับหญิงสาวด้วยความคาดหวังกับคำตอบเขมิกาแม้จะขวยอาย ที่ถูกถามตอ
ค่ำคืนสุดเร่าร้อนผ่านไปเช้าวันใหม่ก็มาเยือน ทิวากรนอนก่ายหน้าผาก กลัดกลุ้มกับเหตุการณ์เมื่อคืน เขาไม่ได้เสียใจที่กระทำการร่วมรักเป็นหนึ่งเดียวกันกับเธอ หากแต่กังวลกลัวว่าเขมิกาจะเกลียดตัวเอง ที่ฉวยโอกาสตอนเธอไม่ได้สติ ทว่าหากย้อนเวลากลับไปเขาก็จะทำมันเช่นเดิมเสียงครวญครางแว่วหวานใต้ร่างทำให้เขามีความสุขมาก มีความสุขมากเสียจนเคี่ยวกรำเธอทั้งคืนรังแกจนตัวเธอแดงไปหมดทั้งตัว!ไม่มีตรงไหนของร่างกายที่เขาไม่ทิ้งรอยรักเอาไว้ รอยแดงสีกุหลาบที่เห็นได้ชัดที่สุดคงจะเป็นเนินอก ส่วนลำคอระหงเขาทิ้งไว้นิดหน่อย อยากประกาศให้รู้ว่าเขมิกามีเจ้าของแล้ว หากไม่กล้าทิ้งไว้มากและชัดเกินไปนัก มันจึงกลายเป็นรอยจาง ๆ ที่หากไม่ตั้งใจมองก็คงไม่เห็นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนความสุขพลันเอ่อล้น ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้ม แววตาของเขาระยิบระยับระคนอ่อนโยนยามมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆเขมของเขาน่ารักจริง ๆใช่เมื่อคืนเธอน่ารัก แต่ไม่รู้ตื่นมาจะยังน่ารักอยู่ไหม เขากลัวเธอกลายร่างจริง ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรับมือเธออย่างไร แล้วถ้าเกิดเธอโกรธเกลียดตัวเองขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น เฮ้อ! ปวดหัวจริง ๆคิดดูแล้วความสุขที่มีกลับไม่เต็มร้
“อืม... ทั้งหวานทั้งหอม เขมหวานไปทั้งตัวเลยครับ” เขาครวญครางเสียงพร่า แต่หญิงสาวไม่มีสติรับรู้อะไรอีกแล้ว ความเสียวที่เธอไม่เคยสัมผัสมาทั้งชีวิต กำลังเล่นงานเธออย่างหนัก จนเกือบจะถึงฝั่งฝัน แต่กลับถูกคนตัวโตกลั่นแกล้ง หยุดการกระทำวาบหวาม จนเธอต้องเขม่นมองแรงด้วยความขัดใจ ทิวากรดึงมือออกจากร่องรูแสนคับแคบ คว้าถุงยางอนามัยขึ้นมาฉีก ก่อนสวมมันกับแก่นกายที่แข็งตัวพร้อมรบทิวากรรูดรั้งแก่นกายของตัวเองสองสามที จ่อปลายหัวบานหยักกับปากทางเล็ก ค่อย ๆ เสือกหัวใหญ่เข้าไปในช่องทางแสนคับแคบ“อื้อ! เจ็บ เขมเจ็บ” คนตัวเล็กร้องลั่นพร้อมทั้งพยายามที่จะถอยหนีหากไม่พ้น เพราะถูกชายหนุ่มจับยึดเอวคอดกิ่วไว้ เขาขบกรามแน่นกับความตอดรัดทั้ง ๆ ที่มันเพิ่งเข้าได้แค่หัว เห็นใบหน้าสวยอาบด้วยน้ำตาพลันสงสาร แต่ถ้าจะให้หยุดตอนนี้ เขาไม่ยอมแน่ทิวากรไม่ฝืนดันทุรังฝ่าเข้าไปทันที เข้าเลือกที่จะครอบโพรงปากยังยอดอกสีชมพู แล้วออกแรงดูดดึง ในขณะที่มือขวาไม่หยุดขยี้ปุ่มกระสันเรียกน้ำหวานให้อาบชโลมไปทั่วร่องรักเขมิกาซ่านเสียวจนลืมความเจ็บปวด ช่องทางรักชื้นแฉะเต็มไปด้วยน้ำหวาน ยิ่งนานยิ่งเสียวจนเธอต้องหาทางระบายออก โดยการจิ
“อ๊ะ” เขมิกาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวทาบลงมาที่ลำคอขาว ก่อนเอียงคออำนวยความสะดวกให้เขาด้วยความยินดี แขนเรียวยกคล้องต้นคอหนาของเขาในเวลาต่อมาทิวากรมีสติครบถ้วน แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปก่อนหน้าไม่อาจทำให้เขามึนเมาได้ ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังเมาเมารัก...เมาเขมิกา...ทิวากรอยากให้ครั้งแรกของเราเป็นไปอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม อยากให้ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยความลึกซึ้งตรึงใจ หากความรู้สึกวาบหวามที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาไม่อาจทำได้อย่างใจหวัง ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยพายุเฮอริเคนที่พร้อมโหมกระหน่ำทุกช่วงเวลา แทนที่จะเป็นสัมผัสหวานล้ำตรึงใจอย่างที่ตั้งใจทิวากรไม่ปิดบังความต้องการพอ ๆ กับเขมิกาที่พร้อมเปิดรับทุกสัมผัสจากเขามือหนาลูบไล้สัมผัสไปทั่วเรือนกายบอบบาง ก่อนที่จะถอดชุดของเธอที่แสนจะเกะกะในสายตาทิ้งไปอย่างไม่ไยดี โดยมีเจ้าของร่างให้ความร่วมมือเต็มที่ทันทีที่ชุดหลุดออกไปจากร่างระหง ลำคอของชายหนุ่มแห้งผากจนเขาต้องรีบกลืนน้ำลาย ก่อนเข้าจู่โจมที่เนินอกสล้างอย่างที่ใจต้องการสองมือกอบกุมบีบเคล้นความนุ่มเด้ง จรดริมฝีปากขบเม้มดูดดึงเนื้อขาวจนเกิดรอยแดง ก่อนที่โพรงปากอุ่นร้อนจะเข้
23:45 น.ทิวากรขับรถพาคนเมามาส่งที่คอนโดมิเนียม เขารู้ว่าเธอไม่ได้เมาเต็มที่เพียงแค่กรึ่ม ๆ ทว่าเขาไม่กล้าพูดคุยอะไรกับเธอมากนัก ดังนั้นตลอดการเดินทางจึงมีเพียงเสียงเพลงสากลที่เขาเปิดคลอเท่านั้น“ถึงแล้วครับ” ชายหนุ่มบอกคนที่นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ“อืม คุณก็ขับรถไปจอดสิ จะได้เข้าไปคุยกันในห้อง”ทิวากรตาวาวเมื่อเธอพูดว่าให้เขาเข้าไปในห้องได้ ทว่าเพียงแวบเดียวเท่านั้น ไอ้ดีใจก็ดีใจอยู่หรอก แต่ดูจากปฏิกิริยาของเธอแล้ว กลัวเรื่องที่คุยมันจะไม่ดีอย่างที่คิดน่ะสิชายหนุ่มรู้สึกหวาดหวั่นแต่ไม่ปฏิเสธ ขับรถเข้าไปจอดยังลานจอดรถ ก่อนเดินเข้าคอนโดมิเนียมพร้อมกันทิวากรมองสำรวจห้องของเขมิกาอย่างถ้วนถี่ หลังจากพาตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องของเธอได้แล้ว โทนห้องสีขาวสะอาดตา ตกแต่งเรียบง่ายไม่หวือหวา ด้วยสไตล์มินิมอลอย่างที่เจ้าของห้องชอบ ทว่ากลับน่าอยู่จนเขาอยากหอบเสื้อผ้ามานอนกับเธอมาก ๆ “น้ำ” เขมิกาพูดพลางยื่นแก้วน้ำให้ ก่อนหย่อนก้นนั่งที่โซฟาตัวเดียวกันจนชายหนุ่มเกร็งขึ้นมาทิวากรไม่ได้ดื่มน้ำในทันที เขามองหน้าหญิงสาวอย่างกระวนกระวายรีบร้อนอธิบายให้เธอเข้าใจ“พี่ไม่ได้มีอะไรกับเขาจริง ๆ นะครับเขม เขามาอ่
ณ ห้องน้ำผับ ทิวากรเช็ดเสื้อที่เปียกด้วยความหงุดหงิด เขาไม่ได้บรรจงมากนักเพราะเป็นห่วงเขมิกา กลัวเธอจะได้รับอันตราย ตั้งใจว่ารีบเช็ดให้เสร็จจะได้รีบกลับไปนั่งดูเธอต่อ ทว่าใครจะคาดคิดเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำก็ชนเข้ากับผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่คนหนึ่ง“โอ๊ย!”“ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบนิ่งมองคนที่ตั้งใจชนเขาอย่างเย็นชาหญิงสาวปริศนาที่ชนเขาช้อนตามองอย่างมีจริตจะก้าน รอยยิ้มยั่วเย้าสายตายั่วยวนถูกส่งออกไปหวังให้คนตรงหน้าหลงใหล“ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วก็หลีกทางด้วยครับ แฟนผมรออยู่” ชายหนุ่มแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่ปรารถนาสานต่อความสัมพันธ์ หากหญิงสาวตรงหน้าไม่สะทกสะท้าน เธอบิดรอยยิ้มทรงเสน่ห์ เดินเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพง ของผู้ชายที่เธอต้องมาเล่นบททดสอบ‘เรนนี่’ ที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะอ่อยเฉย ๆ ประหวัดไปถึงคำพูดของปานวาดที่ส่งเธอมายั่วยวนคนตรงหน้า รู้สึกไม่อยากทำแค่ยั่วยวนเสียแล้ว กลิ่นกายบุรุษเพศ หน้าตาผิวพรรณของเขาตรงใจเธอจริง ๆ เธออยากได้เขา!ความปรารถนาของเธอแสดงออกชัดเจนผ่านม่านดวงตา หากทิวากรเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบค่อนไปทางรำคาญ เขาตัดปัญหาโดยการเดินเลี่ยงไปอีกท
“คืนนี้ไม่ต้องโทรหานะคะ ไม่รับ” หญิงสาวพูดขึ้นระหว่างรอหมูสุกคิ้วเข้มขมวดเป็นปมพลางถาม “ทำไมล่ะครับ”“คืนนี้ฉันจะไปเที่ยวกับเพื่อนค่ะ”“กับใครครับ”“เพื่อนค่ะ”“ไม่ใช่ครับ พี่หมายถึงเพื่อนคนไหน”เขมิกาเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างพิจารณา นอกจากสายตาที่แสดงออกว่าเป็นห่วงเธอแล้ว ก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจอะไรจึงระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนพูด“กับยัยอิน ยัยวาดค่ะ”“ไปกันแค่สามคน ทั้งยังมีแต่ผู้หญิงเนี่ยนะ!” คราวนี้คิ้วชายหนุ่มผูกเป็นโบมากกว่าเดิม ความไม่สบายใจแทรกซึมเข้ามาจนสลัดทิ้งไม่ได้“ค่ะ อยากเที่ยวตามประสาผู้หญิง”“ไม่ได้ครับ พี่ไม่โอเคเลย”“มะ...” พูดยังไม่ทันจบประโยคเขาก็แทรกขึ้น“พี่รู้ว่าตอนนี้พี่ยังไม่มีสิทธิ์ แต่ที่พี่ห้ามเพราะพี่เป็นห่วง กลางค่ำกลางคืนไปกันแค่สามคนทั้งยังมีแต่ผู้หญิงอันตรายตายเลย พี่เป็นห่วง และไม่สบายใจครับ”“...” เขมิกาไม่พูดเข้าใจในความรู้สึกเขา แต่ถ้าไม่ให้เธอไปก็ไม่ยอมเช่นกัน เธอนัดกันไว้แล้ว อย่างไรนัดนี้ต้องไม่ล่ม “เอางี้ ถ้าเขมอยากไปพี่จะไปด้วย สัญญาว่าจะไม่ยุ่งวุ่นวาย ไม่ก้าวก่าย จะปล่อยให้เขมสนุกกับเพื่อนอย่างเต็มที่โอเคไหมครับ”“แน่นะ” ถามด้วยความไม่เชื่อว