“ท่านรองคิดจะทำอะไรคะ” เขมิกาเอ่ยขึ้นหลังกลับมาถึงบริษัทแล้ว
ทิวากรหันกลับไปมองคนตัวเล็กที่กล้าตั้งคำถามกับเขา “ทำอะไร ฉันเปล่า” พูดแล้วเดินหนีเข้าห้องโดยมีเขมิกาสาวเท้าตามเข้ามาติด ๆ
“จะเปล่าได้ยังไงคะ ก็ในเมื่อฉันเห็น” หญิงสาวไม่พูดต่อเธอเม้มริมฝีปากแน่น
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มทรุดกายนั่งบนโซฟาเอนแผ่นหลังพิงพนักโซฟาด้วยท่วงท่าผ่อนคลายหลังเข้ามาด้านในห้องทำงานแล้ว “เห็นอะไร ทำไมไม่พูดต่อล่ะ”
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนผ่อนออกช้า ๆ
“พี่ทิว”
“ฉันไม่ใช่พี่เธอ อย่ามาเรียกฉันว่าพี่” ชายหนุ่มพูดแทรกเสียงแข็งตวัดสายตาวาวโรจน์มองร่างบางที่บังอาจเรียกเขาว่าพี่
เขมิกาเจ็บแปลบแต่ก็พยักหน้ารับคำ “ค่ะ ท่านรองคะ ถ้าท่านรองแค้นเขม ก็แก้แค้นเขม อย่าดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเอี่ยวกับเรื่องนี้เลยได้ไหมคะ ถือว่าเขมขอ” เธอขอร้องเขาพร้อมมองอย่างอ้อนวอน แต่คนที่มีอคติบังตาหรือจะฟัง
“หึ ของั้นเหรอ”
“ค่ะ”
“ฝันไปเถอะ”
“หมายความว่าท่านรองจะใช้ยัยวาดแก้เเค้นเขมงั้นเหรอคะ”
“ฉลาดดีนี่ รู้ไหม ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดอะไรยุ่งยากหรอก แค่อยากทำให้เธอเจ็บเล่น ๆ เจ็บแปลบ ๆ แต่พอเห็นเธอดิ้นแบบนี้แล้วมันก็ทำให้ฉันคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้ เพื่อนของเธอที่ชื่อปานวาดเป็นหมากที่ดีเลยนะว่าไหม คิดดูสิ อะไรมันจะทำให้เธอเจ็บไปกว่าการที่ฉันเข้าไปยุ่งกับคนที่เธอรัก”
“ท่านรอง! ยัยวาดไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้” หญิงสาวกัดฟันกรอดกำมือแน่นพูดเสียงรอดไรฟันจ้องตาเขาเขม็ง
“ทำไม กลัวอะไรงั้นเหรอ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ทำร้ายเพื่อนเธอหรอกน่า”
“ไม่ทำร้าย แต่คุณกำลังใช้เธอเป็นหมากในการทำร้ายเขม เขมขอละนะคะ ปล่อยยัยวาดไปเถอะ เขมไม่เชื่อว่าคุณดูไม่ออกว่ายัยวาดชอบคุณ”
“โอ เปลี่ยนคำเรียกขานจากท่านรองเป็นคุณแล้วเหรอ ช่างเถอะ จะเรียกยังไงก็เรื่องของเธอ ส่วนเรื่องดูออกไหม แน่นอนสิ มองฉันตาเป็นมันโดยไม่สนใจเธอแบบนั้นใครบ้างจะดูไม่ออก จะว่าไป เพื่อนของเธอคนนี้ก็ดูจะชื่นชอบฉันมากเหมือนกันนะ เกมนี้ดูสนุกขึ้นเยอะเลยจริงไหม”
ทิวากรรู้สึกสนุกที่ทำให้เขมิกาเดือดพล่านขึ้นมาได้ ยอมรับตามตรงอย่างไม่อายเลยว่า พอเห็นหน้าปานวาดครั้งแรกและได้รู้ว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของอดีตคนรัก เขาไม่ได้คิดจะใช้เธอเป็นหมากหรืออะไร แต่พอเห็นประกายในแววตาที่หญิงสาวมองเขา พร้อมท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนของเขมิกา ความคิดชั่ว ๆ ก็ผุดขึ้นมาในบัดดล หมากสำคัญในการทำให้เขมิกาเจ็บเห็นทีจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากปานวาดแล้วละ ซวยหน่อยนะที่ดันเป็นเพื่อนของผู้หญิงคนนี้
เขมิกามองใบหน้าเปื้อนยิ้มแต่ดูชั่วร้ายของทิวากรด้วยความเจ็บใจ “คุณทิว ถือว่าเขมขอร้องนะคะ คุณจะแกล้งเขมยังไงก็ได้ แต่อย่าไปยุ่งกับยัยวาดเลยนะ อย่าให้ความหวังมันหรือแสดงออกว่าคุณชอบมันเลยนะคะ เขมไม่อยากเห็นเพื่อนเขมเจ็บตอนรู้ความจริงว่าคุณไม่ได้คิดอะไรและไม่เคยจริงจังกับเจ้าตัว การทำให้คนคนหนึ่งรู้สึกชอบจนรักแล้วทำลายความหวังของเขา ทำร้ายความรู้สึกของเขา มันทรมานและเจ็บปวดมากนะคะ ได้โปรดเห็นแก่เขมสักครั้ง”
“เห็นแก่เธอเหรอ เเล้วเธอล่ะเคยเห็นแกฉันบ้างไหม เธอทำให้ฉันชอบ ทำให้ฉันรัก แล้วก็ทิ้งฉันไปไม่ใยดี ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของฉัน ทำร้ายความรู้สึกฉัน มาตอนนี้บอกให้ฉันเห็นใจ เธอจะบ้าเหรอ เธอคิดว่าฉันเป็นพระหรือไงถึงจะปล่อยวางให้ศัตรูคนที่ฉันแค้นและชิงชังมีความสุขน่ะหา!” ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นจากโซฟาตวาดเสียงกร้าว จับจ้องหญิงสาวด้วยไฟโทสะ พร้อมยกมือขึ้นชี้หน้า
“ในเมื่อตอนเธอทำก็ไม่เคยเห็นใจฉัน เพราะฉะนั้นก็อย่าฝันว่าฉันจะเห็นใจเธอ เตรียมตัวเห็นเพื่อนเธอเจ็บปวดเจียนตายเพราะฉันได้เลย เพราะฉันจะไม่หยุด จนกว่าฉันจะสะใจ!”
ทิวากรโมโหจนมือสั่นระริกมองหญิงสาวด้วยแววตาแข็งกร้าว เธอกล้าดียังไงมาขอความเห็นใจจากเขา กล้าดียังไงมาสอนเขาว่าการทำร้ายความรู้สึกของคนอื่นมันทรมาน เหอะ ไม่ต้องมาสอนหรอก เพราะเขาเข้าใจดี เป็นเธอไม่ใช่หรือไงที่ทำให้เขาเผชิญกับความรู้สึกนั้น
ผู้หญิงเห็นแก่ตัวหน้าไม่อายอย่างเธอ กล้าดีอย่างไรมาสั่งสอนและขอร้องเขากัน เหอะ ทำราวกับว่าตัวเองเป็นคนดีนักหนา ขอโทษนะ เขาไม่อิน ไม่หลงเชื่อเธออีกแล้ว เชิญไปหลอกคนอื่นเถอะ!
เขมิกาที่ถูกเขาชี้หน้าและตวาดใส่ก็สะดุ้งโหยง ตั้งแต่รู้จักกันมาและกลับมาเจอกันอีกครั้ง ไม่มีสักครั้งที่เขาจะโมโหร้ายแบบนี้ หญิงสาวชักเท้าถอยหลังด้วยความรู้สึกผวาและหวาดกลัว แต่ตาก็ยังจ้องเขาไม่ห่าง
“ฉันจะบอกเพื่อนฉันเรื่องของฉันกับคุณ” แม้ว่าจะกลัวสักแค่ไหนแต่ความเป็นห่วงเพื่อนดันมีมากกว่า หญิงสาวทำใจกล้ากลั่นกรองคำพูดออกมาจนคนฟังอดหัวเราะไม่ได้
“เหอะ ตลกเหรอ อยากบอกก็บอกไป เธอคิดว่าปานวาดจะสนใจไหม อย่างมากก็แค่ตงิดใจที่คนอย่างเธอเป็นแฟนเก่าฉันเท่านั้นแหละ ย้ำว่าแฟนเก่านะ คนเราน่ะ ถ้ามันได้ชอบไปแล้วมันไม่สนใจหรอกว่าอดีตจะเป็นยังไง ต่อให้ฆ่าคนตายมาถ้าคนมันชอบมันก็ชอบอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ แล้วอาการเพื่อนเธอที่ฉันเห็นวันนี้บอกเลยว่าเธอไม่สนใจหรอกว่าฉันกับเธอจะเคยคบกันมาก่อนหรือเปล่า ผู้หญิงอย่างปานวาดแค่มองก็รู้แล้วว่าสนใจแค่ปัจจุบัน หากเธอมั่นใจว่าเพื่อนจะเชื่อคำพูดตัวเองและฟังสิ่งที่เธอเตือน ก็เชิญวิ่งโร่ไปฟ้องได้เลย ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว”
เขมิกานิ่งงันกับคำพูดของเขา เธอรู้ดีว่าปานวาดเป็นคนเช่นไร ที่ชายหนุ่มพูดมาถูกต้องทุกอย่าง ต่อให้เธอบอกว่าเคยคบหากับทิวากร ถ้าเพื่อนของเธอพอใจ อดีตก็ไม่สำคัญ เธอสนที่ปัจจุบันมากกว่า หากปัจจุบันทำให้เธอมีความสุขได้ เธอจะสนใจอดีตทำไม นั่นคือนิสัยส่วนหนึ่งของปานวาด
แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ บอกเพื่อนว่าทิวากรตั้งใจใช้เธอเป็นหมากในการแก้แค้นตัวเอง เหอะ นอกจากจะไม่เชื่อแล้ว ปานวาดคงหัวเราะเยาะหาว่าเธอกุเรื่องขึ้นมาสิไม่ว่า
อีกอย่างเธอไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างทิวากรจะอยู่เฉย ๆ ให้เธอไปเตือนปานวาด ไม่แน่ว่าเขาจะเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเพื่อนของเธอก่อนเธอเสียเอง
“ไง เงียบไปเลย ฉันพูดถูกล่ะสิ ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไปได้แล้ว แล้วทีหน้าทีหลังอย่าได้สะเออะมาสอนฉันหรือบอกฉันว่าห้ามทำร้ายความรู้สึกของใครอีก ตัวเธอเองยังทำไม่ได้ ดันมาบอกคนอื่น เหอะ น่าสมเพชชะมัด”
เขมิกาเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มด้วยอาการเลื่อนลอย หญิงสาวมืดแปดด้าน ไม่รู้จะเอาอย่างไรดีกับเรื่องนี้ ถ้าเขาแก้แค้นเธอโดยตรงไม่เอาคนอื่นมาเกี่ยวข้องเธอจะไม่เครียดเท่านี้เลย แต่นี่...
หญิงสาวทรุดกายนั่งเก้าอี้ทำงานด้วยความเหนื่อยอ่อน ผินหน้ามองไปยังประตูห้องชายหนุ่มด้วยสายตาแน่วแน่ เธอตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เธอจะบอกเรื่องของนี้ให้ปานวาดรับรู้ หากเตือนแล้วเพื่อนสนิทไม่ยอมฟังก็สุดแท้แต่วาสนาและเวรกรรมเถิด
“เขม... แกไม่สบายหรือเปล่า ฉันเห็นอาการแกไม่ค่อยดีมาหลายวันแล้วนะ” อินทุอรเอ่ยถามเพื่อนสนิทระหว่างรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันอย่างนึกเป็นห่วง หลายวันมาแล้วที่เขมิกามีท่าทีเคร่งเครียด คล้ายมีอะไรในใจและมีเรื่องให้ต้องขบคิดอยู่ตลอดเวลาคนถูกถามส่ายหน้าตอบ “เปล่า”“เปล่าอะไร แกไม่เคยเป็นแบบนี้มานานแล้วนะเขม แล้วข้าวน่ะจะเขี่ยอีกนานไหม แกต้องกินเยอะ ๆ นะ อย่าลืมสิว่าแกต้องไปสู้รบกับท่านรองประธานอีก ท่านรองก็ช่างกระไร แกล้งแกอยู่ทุกวัน ไม่เห็นใจกันบ้างเลยหรือไง อย่างน้อยก็น่าจะนึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่เคยมีร่วมกันบ้าง แกก็เหลือทน ยอมให้เขาโขกสับอยู่ได้”อินทุอรแหวออกมาอย่างคนไม่สบอารมณ์ หญิงสาวไม่พอใจกับการที่ทิวากรกลั่นแกล้งเพื่อนของเธอ และไม่ชอบที่เพื่อนของเธอยอมให้เขากระทำ ขัดใจสายปะฉะดะอย่างเธอจริง ๆ เหนือสิ่งอื่นใดก็เป็นห่วงเพื่อนสนิทของตัวเองนั่นแหละเขมิกาได้ยินคำพูดเพื่อนสนิทแล้วหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจมอยู่กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง‘ไม่ปกติแล้วละ’ อินทุอรคิดพลางหันไปมองหน้าดนุภพที่นั่งอยู่ข้างกัน ซึ่งชายหนุ่มก็ส่ายหน้าไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเช่นกัน สายตามีความห่วงใยให้คนที่เข
“ว่าไงครับ จะถามหรือเปล่า ถ้าไม่ถามตอนนี้มาถามทีหลังผมไม่ตอบแล้วนะ” เสียงนุ่มทุ้มละมุนของเขาดังขึ้นอีกครั้ง ปานวาดสูดลมหายใจเข้าลึกเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาก่อนมองหน้าและถามเขาตรง ๆ ว่า“ขอโทษนะคะคุณทิว คือ เอ่อ” พอจะถามเข้าจริง ๆ กลับหาเสียงตัวเองไม่เจอ หญิงสาวรู้สึกเก้อกระดาก จะว่าไปสิ่งที่เธอกำลังจะถามมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา หากถามไป ชายหนุ่มจะหาว่าเธอละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่า ถึงเขาจะอนุญาตแล้วก็เถอะ ยิ่งคิดคิ้วเรียวของเธอยิ่งกดเข้าหากันทิวากรเห็นหญิงสาวไม่กล้าถามจึงเอ่ยสิ่งที่ปานวาดจะถามขึ้นมาเอง “คุณวาดจะถามผมเรื่องผมกับเขมิกาหรือเปล่าครับ”“ชะ ใช่ค่ะ คุณทิว คือว่าวาด” หญิงสาวไม่พูดต่อ ช้อนดวงตากลมโตมองเขาอย่างไม่มั่นใจ ครั้นเห็นเขาไม่มีกิริยาผิดแปลก ทั้งยังมีท่าทีสบาย ราวกับเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพื่อคลายข้อสงสัยของตัวเอง หญิงสาวจึงตัดสินใจถามขึ้น“ยัยเขมบอกวาดว่าคุณทิวกับยัยเขมเคยคบหากัน แล้วมีเหตุให้ต้องเลิกกันโดยที่ยัยเขมเป็นคนบอกเลิก สุดท้ายก็ไม่ได้เจอกันนานหลายปี คุณทิวรู้สึกเจ็บแค้นพอกลับมาเจอกันครั้งนี้ เลยคิดหาทางเอาคืนเขม ประจวบกับเห็นว่าวาดเป็นเพื่
“เขม!” อินทุอรที่เพิ่งออกมาจากส่วนของห้องครัวเรียกเจ้าของห้องเสียงดัง เมื่อเห็นเพื่อนตัวเองยกมือกุมขมับทั้งน้ำตายังรินไหล หญิงสาวปรี่เข้าหาร่างของเพื่อนอย่างรวดเร็ว“เขม แกเป็นอะไร เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ปวดหัวเหรอ เดี๋ยวฉันไปเอายามาให้นะ” ถามอย่างร้อนใจเพราะเป็นห่วงเพื่อนมาก ตั้งท่าจะไปหยิบน้ำกับยากลับถูกเขมิการั้งเอาไว้หมับ!อินทุอรชะงักเท้ามองเพื่อนด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม เขมิกาไม่พูดอะไรเธอโถมกายกอดเพื่อนเอาไว้แล้วร้องไห้ออกมาเงียบ ๆเนิ่นนานที่อินทุอรนั่งนิ่ง ๆ ให้เขมิกากอด ครั้นเห็นเพื่อนเหมือนจะดีขึ้นจึงผละมือที่ลูบหลังออกมาจับที่ต้นแขนทั้งสองข้างของเพื่อนดันออกจากตัว พลางส่งสายตาคาดคั้นคำตอบ ใบหน้าก็ฉายความเคร่งเครียดไม่แพ้กัน เพราะนานแล้วที่เธอไม่เห็นเขมิกาแสดงท่าทีอ่อนแอหรืออับจนปัญญาแบบนี้ ครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นก็ตอนที่เจ้าตัวบอกเลิกทิวากรคิดถึงชายหนุ่มใจของอินทุอรก็แกว่ง หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด แต่แล้วความหวังของเธอกลับพังทลายเมื่อเพื่อนสนิทพูดว่า“คุณทิวต้องการแก้แค้นฉันเรื่องที่ฉันบอกเลิกเขา อิน เขาคิดจะใช้ยัยวาดเป็นหมากในการทำให้ฉันเจ็บ ฉันพยายามเตือนยัยวาดแล้ว แต
แผนการต่าง ๆ ดำเนินไปตามที่ทิวากรวางแผนไว้เป็นอย่างดี น่าแปลกที่สุดท้ายแล้วเป็นเขาเองที่ไม่มีความสุข เป็นเขาที่หงุดหงิดอารมณ์เสียเมื่อไม่เห็นเขมิกาเป็นทุกข์ตามที่ใจวาดหวัง กระวนกระวายไม่สบอารมณ์ยามเห็นเธอคุยกับผู้ชายคนอื่น ทั้ง ๆ ที่เธอก็ติดต่อแค่เรื่องงาน ชายหนุ่มรู้สึกโมโหตัวเองที่รู้สึกแบบนั้น หากไม่แสดงออกไปให้เธอได้รับรู้ตุบ!ทิวากรกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานด้วยความหงุดหงิดใจ ทั้งตอนนี้ยังต้องมานั่งรำคาญกับความจู้จี้จุกจิกวุ่นวายเกินพอดีของปานวาดอีก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่สมอารมณ์กับเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าระคนเสียงสายเรียกเข้าที่ดังแทรกขึ้นมา ตาคมปรายมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาเป็นต้องกลอกตา เหอะ น่ารำคาญเป็นบ้าชายหนุ่มสบถ คิดว่าปานวาดจะว่าง่ายกว่านี้เสียอีก ที่ไหนได้กลับทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขา ทั้งที่สถานะก็เป็นได้แค่คนคุยใช่ เขาคุยกับเธอมาร่วมเดือนแล้ว เป็นร่วมเดือนที่เขาพยายามเอาอกเอาใจหญิงสาวหวังให้ใครอีกคนเจ็บ แต่มันกลับไม่ได้ผล ในเมื่อหมากอย่างปานวาดใช้งานไม่ได้ เขาจะยังใช้ต่อไปทำไมทิวากรรอจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์หยุดลงเขาถึงหยิบมันขึ
เข้าใจว่าตัวเองเข้มแข็งพอและไม่ได้คิดอะไรกับทิวากรแล้ว แต่พอมาเห็นเขาจูบกับหญิงอื่นแบบนี้ ถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย ที่เห็นนิ่งเฉยก็แค่เกาะป้องกันที่เธอสร้างขึ้นมาปกป้องตัวเอง สุดท้ายเธอก็ยังเป็นคนอ่อนแอและรักเขาอยู่...เขมิการู้สึกเจ็บปวดกับภาพบาดตาตรงหน้ามาก เหมือนโดนคมมีดกรีดลงกลางหัวใจแล้วตัดออกมาเป็นชิ้น ๆ ดวงตาหญิงสาวไหวระริกพยายามหักห้ามความรู้สึก แต่!มันช่างยากเหลือเกิน...ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันลำคอตีบตันจนเปล่งเสียงพูดออกมาไม่ได้ คนทั้งสองก็ราวกับไม่รับรู้ว่าเธอเข้ามา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเคาะประตูห้องแล้วหญิงสาวยืนนิ่งมองภาพบาดตาของชายหญิงทั้งสองอยู่อย่างนั้นอย่างคนทำอะไรไม่ถูก สมองสั่งให้ออกไปจากที่นี่ แต่ขากลับก้าวไม่ออก หัวใจชาหนึบเหมือนหยุดเต้นเอาเสียดื้อ ๆทำไมเธอต้องมาเห็นภาพนี้ทำไมต้องเป็นปานวาดทำไมต้องเป็นเพื่อนสนิทของเธอด้วยคนใจร้าย เขมเจ็บจะตายอยู่แล้วนะเขมิกาบริภาษทิวากรอยู่ในใจ เธอมองทั้งสองคนด้วยสายตาตัดพ้อ อยากพ่นคำทั้งหมดออกไปตามความรู้สึกอัดอั้นที่มีแต่ก็ไม่รู้จะพูดในฐานะอะไรเจ็บปวดเหลือเกินกับความรู้สึกนี้ ความรู้สึกของคนที่ยังรักแต่
เช้าวันใหม่ของการทำงานมาถึง เขมิกาถึงได้รู้จักผู้หญิงอีกคนของทิวากรหญิงสาวมองคู่ควงคนใหม่ของชายหนุ่มที่เจ้าตัวควงมาวันนี้ด้วยใบหน้าฉงนสายตาเต็มไปด้วยความสงสัย ความคิดแล่นเร็วรี่ก่อนดวงตาคู่งามจะเข้มขึ้นที่แท้เขาก็มีผู้หญิงอีกคน!คนเลว! มีคนของตัวเองอยู่แล้วยังหว่านเสน่ห์ไปทั่ว ให้ความหวังเพื่อนเธอแล้วก็ไม่สนใจใยดี ก่อนหน้านี้ก็แพทริเซีย ตอนนี้ยังเป็นผู้หญิงหน้าเหวี่ยงสายตาร้ายกาจคนนี้อีก!ทิวากร คนเลว คุณมันเลวที่สุด!หญิงสาวโกรธจนตัวสั่นหากทำอะไรไม่ได้ หญิงโฉดชายชั่วเดินผ่านหน้าเธอเข้าห้องไปอย่างไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่กำลังทำ ทั้งยังปรายตามองเธอด้วยสายตาขบขันแกมเย้ยหยันอีกต่างหากเขมิกาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกำมือแน่นก่อนเดินไปกระแทกก้นนั่งที่เก้าอี้ทำงาน ในหัวเอาแต่ขบคิดว่าจะจัดการคนใจดำอย่างไรดี คิดยังไม่ทันไรเสียงเรียกใช้สั่งงานเธอก็ดังขึ้น“เอาน้ำส้ม กาแฟ และคุกกี้เข้ามารับรองแขกของฉันด้วย”เขมิกาหัวเราะในลำคอกระนั้นก็เดินไปเตรียมทุกอย่างเข้าไปให้เขา ต่อให้ไม่พอใจอย่างไร เธอก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดี ไม่ให้เขาหาเรื่องมาด่าหรือเล่นงานเธอในภายหลังได้“มาแล้วเหรอ ช้าจริง!” น้ำเสียงแห
จวนจะใกล้เวลาเลิกงานมีนาถึงยอมกลับไป ใบหน้าทิวากรฉายแววหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกหญิงสาววอแวไม่เลิก ชายหนุ่มยกมือปัดไปตามเนื้อผ้าของตัวเองให้เข้ารูปเข้ารอย พลางครุ่นคิดถึงมีนาจะน่าหงุดหงิดและทำอะไรเกินคำสั่งไปบ้างแต่ก็นับว่าการกระทำของเธอได้ผลดีทีเดียว เขามั่นใจว่าอีกไม่นานเขมิกาต้องเข้ามาในห้องเขาแน่ แววตาของเธอก่อนวิ่งออกจากห้องไปมันบอกเขาแบบนั้นอ้อ กรุณาเข้าใจให้ถูก เขาไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากับมีนาในห้องทำงานหรอกนะ หลังเขมิกาออกไปเขาก็ไล่มีนาไปนั่งโซฟา ส่วนเขาก็ทำงาน ไม่สนใจใบหน้าบูดบึ้งแววตาหงุดหงิดของเจ้าหล่อนสักนิดผัวะ!รอไม่นานประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างแรง ไร้ซึ่งเสียงเคาะประตูขออนุญาตแบบเช่นเคยทิวากรเลิกคิ้วมองคนเข้ามาใหม่ด้วยสายตาคำถาม ซึ่งเขมิกาก็ไม่รอช้า“เขมไม่สนว่าคุณจะมีผู้หญิงในสต๊อกอีกกี่คน แต่คุณต้องไปเคลียร์กับยัยวาดให้ชัดเจน ในเมื่อคุณให้สถานะเพื่อนเขมไม่ได้ คุณก็ไปบอกเธอเลิกให้ความหวังลม ๆ แร้ง ๆ กับเธอเสียที”“เรื่อง? ทำไมฉันต้องทำตามความต้องการของเธอด้วย ไม่คิดว่าเเบบนี้มันสนุกเหรอ ดูเธอสิ ดิ้นเป็นเจ้าเข้าเชียว”“คุณทิว! เขมไม่ตลกกับคุณด้วยนะคะ”“แล้วเธอค
“หนูเขม ลูกค้าที่ป้าให้หนูเขมไปจัดการเป็นยังไงบ้างจ๊ะ” คุณทิพย์ประภาถามขึ้น เนื่องจากหลายวันก่อนท่านมอบหมายหน้าที่ให้เขมิกาไปเสนอขายบ้านของโครงการบ้านจัดสรรที่กำลังสร้างขึ้นในพื้นที่แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ“ลูกค้าให้ความสนใจนะคะคุณป้า แต่ว่าวันนี้เขมต้องเอาแผนรายละเอียดของโครงการไปให้ลูกค้าดูอีกรอบค่ะ”“อ้าว แล้วครั้งที่แล้วหนูเขมไม่ได้ให้ไว้เหรอคะ”“ไม่ได้ให้ไว้ค่ะคุณป้า คุณวีเขาติดธุระก่อนแล้วนัดให้เขมไปคุยรายละเอียดใหม่อีกทีตอนสิบเอ็ดโมงเช้าของวันนี้ค่ะ”“งั้นเหรอจ๊ะ”“ค่ะคุณป้า”“ตกลงจ้ะ ป้าฝากด้วยนะหนูเขม ถ้าคุณวีเขาตกลงเซ็นสัญญาจับจองไว้ หลังอื่น ๆ ในโครงการก็ไม่ต้องห่วงแล้วละว่าจะขายไม่ได้”“ค่ะคุณป้า เขมจะทำให้เต็มที่ ไม่ทำให้คุณป้าผิดหวังแน่นอนค่ะ” เขมิการับคำหนักแน่นวี หรือวีรภาพ ชายหนุ่มลูกหลานตระกูลผู้ดีเก่า หากทำให้เขาตกลงซื้อบ้านในโครงการได้ บ้านหลังอื่น ๆ ในโครงการบ้านจัดสรรที่กำลังก่อสร้างนี้ก็จะขายออกง่ายขึ้นความจริงโครงการดังกล่าวก็ได้รับการจับตามองจากบรรดาลูกท่านหลานเธออยู่แล้ว เพียงแต่การก่อสร้างเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น แม้ภาษีศิวานันท์จะดี แต่จะมีสักกี่คนที่ลงชื่อจับจ
ณ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ถูกจัดขึ้นที่ห้องบอลรูมของโรงแรมในเครือศิวานันท์กรุป โดยมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน ไล่ตั้งแต่พนักงานระดับล่างตลอดจนพนักงานระดับสูง ทั้งยังรวมไปถึงผู้บริหารตำแหน่งต่าง ๆ และหุ้นส่วนบริษัทคนสำคัญซึ่งงานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากเป็นการจัดเลี้ยงครบรอบไตรมาสของบริษัทแล้ว ยังเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ในบริษัทอีกด้วยร่างสูงในชุดเรียบหรูสมกับตำแหน่งประธานบริษัท นั่งอยู่บริเวณโต๊ะด้านหน้าเวที ควงคู่มากับสองสาวต่างวัย ขวามือเป็นมารดาที่อยู่ในชุดหรูหราตามวัย ซ้ายมือคือร่างระหงของเขมิกาที่อยู่ในชุดเดรสยาวของแบรนด์ดังยี่ห้อหนึ่ง ขับเน้นให้เจ้าของร่างแบบบางดูสวยสง่า และน่าทะนุถนอมไปในตัว ซึ่งแขกเหรื่อคนอื่น ๆ ก็นั่งโต๊ะถัดไปตามตำแหน่งเมื่อถึงเวลาหลักของการจัดงาน พิธีกรมืออาชีพเริ่มหน้าที่ของตนเอง ตั้งแต่เชิญทิวากรไปกล่าวเปิดงาน ตลอดจนประกาศมอบรางวัลให้พนักงาน เช่น พนักงานดีเด่นประจำบริษัท ประกาศเลื่อนตำแหน่งของพนักงานบางคน ตลอดจนอื่น ๆ ก่อนจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกที่ทุกคนรอคอย นั่นคือการจับฉลากแลกของขวัญ บ้างได้ชิ้
วันเวลาเลื่อนผ่าน ทิวากรกับเขมิกาปลูกต้นรักด้วยกันมาร่วมปีแล้ว เส้นทางรักครั้งนี้ไม่ได้ฉาบฉวยหากเต็มไปด้วยความรักความเข้าใจ มีแง่งอนบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายก็เข้ากันได้ดี และทุกครั้งหลังจากที่ทะเลาะ ทั้งสองจะรักและเข้าใจกันมากกว่าเดิม ซ้ำบรรยากาศที่แผ่ออกมายังหวานชื่นไม่เปลี่ยนเสียจนคนรอบข้างยังลอบอิจฉาเรียกได้ว่าความรักของพวกเขาสุกงอมเต็มที่ หลาย ๆ คนต่างเฝ้ารอข่าวดี และเป็นที่จับตามองเนื่องจากทิวากรเป็นลูกชายเพียงคนเดียว และทายาทสายตรงของศิวานันท์ ทั้งนี้ชายหนุ่มยังเข้ารับตำแหน่ง CEO เป็นประธานบริษัทศิวานันท์แบบเต็มตัวแล้วด้วย ในวันประกาศขึ้นรับตำแหน่งจากมารดา นอกจากชายหนุ่มจะเอ่ยเกี่ยวกับการรับผิดชอบหน้าที่ของตน ให้ผู้บริหารรวมถึงหุ้นส่วนคนสำคัญต่าง ๆ มั่นใจกับการทำงานของตนเองแล้ว เขายังประกาศเปิดตัวคนรักอย่างเอิกเกริก จนเกิดแฮชแท็กทายาทศิวานันท์เปิดตัวคนรัก ดังขึ้นมาแซงข่าวการขึ้นรับตำแหน่งของตัวเองเสียอีก สาวน้อยสาวใหญ่ที่เคยจ้องเขาก่อนหน้านี้ต่างอกหักไปตาม ๆ กัน แน่นอนชายหนุ่มไม่ได้สนใจใครนอกจากแฟนสาวเขมิกากลายเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาของใครหลาย ๆ คนไปทันที เช่นเดิม มีคน
“ปกติพี่ทิวก็ดูฉลาดนะคะ ทำไมตอนนี้ถึงซื่อบื้อจังเลยล่ะ” เขมิกาไม่ตอบแต่ตั้งคำถามแทนชายหนุ่มที่ตั้งใจฟังและกำลังจะตอบทันเอะใจ เมื่อครู่เธอเรียกเขาว่าพี่และแทนตัวเองว่าเขมใช่ไหม?“เมื่อกี้เขมเรียกพี่ว่าอะไรนะครับ” เพื่อความแน่ใจจึงรัวคำถามทันที“เรียกว่าพี่ทิวค่ะ”หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงก่อนถามอีกครั้ง “แล้วแทนตัวเองว่าอะไรนะครับ”“เขมค่ะ”ได้ฟังคำตอบรอยยิ้มจึงปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา “ เขม... เขมเรียกแทนตัวเองว่าเขม และเรียกพี่ว่าพี่”“ก็ใช่ไงคะ ตกใจอะไรกัน”“ก็ ก็พี่คิดว่าเขมจะโกรธเกลียดพี่นี่ แต่ว่าเขมเรียกพี่แบบนี้แสดงว่าเขมไม่ได้โกรธเกลียดพี่จริง ๆ ใช่ไหมครับ”เขมิกาลอบกลอกตา “ก็ถ้าโกรธถ้าเกลียดเมื่อคืนจะยอมให้ทำอะไรเหรอคะ”ทิวากรชะงัก “เขม! นี่หมายความว่าเขมให้โอกาสพี่แล้วใช่ไหมครับ”“อื้อ” ตอบพลางพยักหน้า“ให้โอกาสที่หมายถึง ยินดีคบหากับพี่เป็นคนรัก เป็นแฟนกันแล้วใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามรัวเร็วไม่เก็บกิริยา จากที่นอนกอดหญิงสาวอยู่ก็ผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็ว จับไหล่คนตัวเล็กทั้งสองข้างรั้งเธอออกจากตัวเล็กน้อย แล้วก้มหน้ามองสบตากับหญิงสาวด้วยความคาดหวังกับคำตอบเขมิกาแม้จะขวยอาย ที่ถูกถามตอ
ค่ำคืนสุดเร่าร้อนผ่านไปเช้าวันใหม่ก็มาเยือน ทิวากรนอนก่ายหน้าผาก กลัดกลุ้มกับเหตุการณ์เมื่อคืน เขาไม่ได้เสียใจที่กระทำการร่วมรักเป็นหนึ่งเดียวกันกับเธอ หากแต่กังวลกลัวว่าเขมิกาจะเกลียดตัวเอง ที่ฉวยโอกาสตอนเธอไม่ได้สติ ทว่าหากย้อนเวลากลับไปเขาก็จะทำมันเช่นเดิมเสียงครวญครางแว่วหวานใต้ร่างทำให้เขามีความสุขมาก มีความสุขมากเสียจนเคี่ยวกรำเธอทั้งคืนรังแกจนตัวเธอแดงไปหมดทั้งตัว!ไม่มีตรงไหนของร่างกายที่เขาไม่ทิ้งรอยรักเอาไว้ รอยแดงสีกุหลาบที่เห็นได้ชัดที่สุดคงจะเป็นเนินอก ส่วนลำคอระหงเขาทิ้งไว้นิดหน่อย อยากประกาศให้รู้ว่าเขมิกามีเจ้าของแล้ว หากไม่กล้าทิ้งไว้มากและชัดเกินไปนัก มันจึงกลายเป็นรอยจาง ๆ ที่หากไม่ตั้งใจมองก็คงไม่เห็นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนความสุขพลันเอ่อล้น ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้ม แววตาของเขาระยิบระยับระคนอ่อนโยนยามมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆเขมของเขาน่ารักจริง ๆใช่เมื่อคืนเธอน่ารัก แต่ไม่รู้ตื่นมาจะยังน่ารักอยู่ไหม เขากลัวเธอกลายร่างจริง ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรับมือเธออย่างไร แล้วถ้าเกิดเธอโกรธเกลียดตัวเองขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น เฮ้อ! ปวดหัวจริง ๆคิดดูแล้วความสุขที่มีกลับไม่เต็มร้
“อืม... ทั้งหวานทั้งหอม เขมหวานไปทั้งตัวเลยครับ” เขาครวญครางเสียงพร่า แต่หญิงสาวไม่มีสติรับรู้อะไรอีกแล้ว ความเสียวที่เธอไม่เคยสัมผัสมาทั้งชีวิต กำลังเล่นงานเธออย่างหนัก จนเกือบจะถึงฝั่งฝัน แต่กลับถูกคนตัวโตกลั่นแกล้ง หยุดการกระทำวาบหวาม จนเธอต้องเขม่นมองแรงด้วยความขัดใจ ทิวากรดึงมือออกจากร่องรูแสนคับแคบ คว้าถุงยางอนามัยขึ้นมาฉีก ก่อนสวมมันกับแก่นกายที่แข็งตัวพร้อมรบทิวากรรูดรั้งแก่นกายของตัวเองสองสามที จ่อปลายหัวบานหยักกับปากทางเล็ก ค่อย ๆ เสือกหัวใหญ่เข้าไปในช่องทางแสนคับแคบ“อื้อ! เจ็บ เขมเจ็บ” คนตัวเล็กร้องลั่นพร้อมทั้งพยายามที่จะถอยหนีหากไม่พ้น เพราะถูกชายหนุ่มจับยึดเอวคอดกิ่วไว้ เขาขบกรามแน่นกับความตอดรัดทั้ง ๆ ที่มันเพิ่งเข้าได้แค่หัว เห็นใบหน้าสวยอาบด้วยน้ำตาพลันสงสาร แต่ถ้าจะให้หยุดตอนนี้ เขาไม่ยอมแน่ทิวากรไม่ฝืนดันทุรังฝ่าเข้าไปทันที เข้าเลือกที่จะครอบโพรงปากยังยอดอกสีชมพู แล้วออกแรงดูดดึง ในขณะที่มือขวาไม่หยุดขยี้ปุ่มกระสันเรียกน้ำหวานให้อาบชโลมไปทั่วร่องรักเขมิกาซ่านเสียวจนลืมความเจ็บปวด ช่องทางรักชื้นแฉะเต็มไปด้วยน้ำหวาน ยิ่งนานยิ่งเสียวจนเธอต้องหาทางระบายออก โดยการจิ
“อ๊ะ” เขมิกาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวทาบลงมาที่ลำคอขาว ก่อนเอียงคออำนวยความสะดวกให้เขาด้วยความยินดี แขนเรียวยกคล้องต้นคอหนาของเขาในเวลาต่อมาทิวากรมีสติครบถ้วน แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปก่อนหน้าไม่อาจทำให้เขามึนเมาได้ ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังเมาเมารัก...เมาเขมิกา...ทิวากรอยากให้ครั้งแรกของเราเป็นไปอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม อยากให้ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยความลึกซึ้งตรึงใจ หากความรู้สึกวาบหวามที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาไม่อาจทำได้อย่างใจหวัง ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยพายุเฮอริเคนที่พร้อมโหมกระหน่ำทุกช่วงเวลา แทนที่จะเป็นสัมผัสหวานล้ำตรึงใจอย่างที่ตั้งใจทิวากรไม่ปิดบังความต้องการพอ ๆ กับเขมิกาที่พร้อมเปิดรับทุกสัมผัสจากเขามือหนาลูบไล้สัมผัสไปทั่วเรือนกายบอบบาง ก่อนที่จะถอดชุดของเธอที่แสนจะเกะกะในสายตาทิ้งไปอย่างไม่ไยดี โดยมีเจ้าของร่างให้ความร่วมมือเต็มที่ทันทีที่ชุดหลุดออกไปจากร่างระหง ลำคอของชายหนุ่มแห้งผากจนเขาต้องรีบกลืนน้ำลาย ก่อนเข้าจู่โจมที่เนินอกสล้างอย่างที่ใจต้องการสองมือกอบกุมบีบเคล้นความนุ่มเด้ง จรดริมฝีปากขบเม้มดูดดึงเนื้อขาวจนเกิดรอยแดง ก่อนที่โพรงปากอุ่นร้อนจะเข้
23:45 น.ทิวากรขับรถพาคนเมามาส่งที่คอนโดมิเนียม เขารู้ว่าเธอไม่ได้เมาเต็มที่เพียงแค่กรึ่ม ๆ ทว่าเขาไม่กล้าพูดคุยอะไรกับเธอมากนัก ดังนั้นตลอดการเดินทางจึงมีเพียงเสียงเพลงสากลที่เขาเปิดคลอเท่านั้น“ถึงแล้วครับ” ชายหนุ่มบอกคนที่นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ“อืม คุณก็ขับรถไปจอดสิ จะได้เข้าไปคุยกันในห้อง”ทิวากรตาวาวเมื่อเธอพูดว่าให้เขาเข้าไปในห้องได้ ทว่าเพียงแวบเดียวเท่านั้น ไอ้ดีใจก็ดีใจอยู่หรอก แต่ดูจากปฏิกิริยาของเธอแล้ว กลัวเรื่องที่คุยมันจะไม่ดีอย่างที่คิดน่ะสิชายหนุ่มรู้สึกหวาดหวั่นแต่ไม่ปฏิเสธ ขับรถเข้าไปจอดยังลานจอดรถ ก่อนเดินเข้าคอนโดมิเนียมพร้อมกันทิวากรมองสำรวจห้องของเขมิกาอย่างถ้วนถี่ หลังจากพาตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องของเธอได้แล้ว โทนห้องสีขาวสะอาดตา ตกแต่งเรียบง่ายไม่หวือหวา ด้วยสไตล์มินิมอลอย่างที่เจ้าของห้องชอบ ทว่ากลับน่าอยู่จนเขาอยากหอบเสื้อผ้ามานอนกับเธอมาก ๆ “น้ำ” เขมิกาพูดพลางยื่นแก้วน้ำให้ ก่อนหย่อนก้นนั่งที่โซฟาตัวเดียวกันจนชายหนุ่มเกร็งขึ้นมาทิวากรไม่ได้ดื่มน้ำในทันที เขามองหน้าหญิงสาวอย่างกระวนกระวายรีบร้อนอธิบายให้เธอเข้าใจ“พี่ไม่ได้มีอะไรกับเขาจริง ๆ นะครับเขม เขามาอ่
ณ ห้องน้ำผับ ทิวากรเช็ดเสื้อที่เปียกด้วยความหงุดหงิด เขาไม่ได้บรรจงมากนักเพราะเป็นห่วงเขมิกา กลัวเธอจะได้รับอันตราย ตั้งใจว่ารีบเช็ดให้เสร็จจะได้รีบกลับไปนั่งดูเธอต่อ ทว่าใครจะคาดคิดเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำก็ชนเข้ากับผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่คนหนึ่ง“โอ๊ย!”“ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบนิ่งมองคนที่ตั้งใจชนเขาอย่างเย็นชาหญิงสาวปริศนาที่ชนเขาช้อนตามองอย่างมีจริตจะก้าน รอยยิ้มยั่วเย้าสายตายั่วยวนถูกส่งออกไปหวังให้คนตรงหน้าหลงใหล“ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วก็หลีกทางด้วยครับ แฟนผมรออยู่” ชายหนุ่มแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่ปรารถนาสานต่อความสัมพันธ์ หากหญิงสาวตรงหน้าไม่สะทกสะท้าน เธอบิดรอยยิ้มทรงเสน่ห์ เดินเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพง ของผู้ชายที่เธอต้องมาเล่นบททดสอบ‘เรนนี่’ ที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะอ่อยเฉย ๆ ประหวัดไปถึงคำพูดของปานวาดที่ส่งเธอมายั่วยวนคนตรงหน้า รู้สึกไม่อยากทำแค่ยั่วยวนเสียแล้ว กลิ่นกายบุรุษเพศ หน้าตาผิวพรรณของเขาตรงใจเธอจริง ๆ เธออยากได้เขา!ความปรารถนาของเธอแสดงออกชัดเจนผ่านม่านดวงตา หากทิวากรเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบค่อนไปทางรำคาญ เขาตัดปัญหาโดยการเดินเลี่ยงไปอีกท
“คืนนี้ไม่ต้องโทรหานะคะ ไม่รับ” หญิงสาวพูดขึ้นระหว่างรอหมูสุกคิ้วเข้มขมวดเป็นปมพลางถาม “ทำไมล่ะครับ”“คืนนี้ฉันจะไปเที่ยวกับเพื่อนค่ะ”“กับใครครับ”“เพื่อนค่ะ”“ไม่ใช่ครับ พี่หมายถึงเพื่อนคนไหน”เขมิกาเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างพิจารณา นอกจากสายตาที่แสดงออกว่าเป็นห่วงเธอแล้ว ก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจอะไรจึงระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนพูด“กับยัยอิน ยัยวาดค่ะ”“ไปกันแค่สามคน ทั้งยังมีแต่ผู้หญิงเนี่ยนะ!” คราวนี้คิ้วชายหนุ่มผูกเป็นโบมากกว่าเดิม ความไม่สบายใจแทรกซึมเข้ามาจนสลัดทิ้งไม่ได้“ค่ะ อยากเที่ยวตามประสาผู้หญิง”“ไม่ได้ครับ พี่ไม่โอเคเลย”“มะ...” พูดยังไม่ทันจบประโยคเขาก็แทรกขึ้น“พี่รู้ว่าตอนนี้พี่ยังไม่มีสิทธิ์ แต่ที่พี่ห้ามเพราะพี่เป็นห่วง กลางค่ำกลางคืนไปกันแค่สามคนทั้งยังมีแต่ผู้หญิงอันตรายตายเลย พี่เป็นห่วง และไม่สบายใจครับ”“...” เขมิกาไม่พูดเข้าใจในความรู้สึกเขา แต่ถ้าไม่ให้เธอไปก็ไม่ยอมเช่นกัน เธอนัดกันไว้แล้ว อย่างไรนัดนี้ต้องไม่ล่ม “เอางี้ ถ้าเขมอยากไปพี่จะไปด้วย สัญญาว่าจะไม่ยุ่งวุ่นวาย ไม่ก้าวก่าย จะปล่อยให้เขมสนุกกับเพื่อนอย่างเต็มที่โอเคไหมครับ”“แน่นะ” ถามด้วยความไม่เชื่อว