ตั้งแต่ถูกทิวากรพูดจาร้าย ๆ ใส่ เขมิกาก็เริ่มปรับตัวและจุดยืนของตัวเองอีกครั้ง ในคราแรกเธอตั้งใจทำดีกับเขาให้มากเพื่อให้เขายกโทษให้ ไม่หวังให้ตัวเองกลับไปเป็นคนรัก แค่หวังให้เขาไม่โกรธเกลียดเธอแล้วก็พอ ทว่าหลังจากเห็นปฏิกิริยาที่ชายหนุ่มมีต่อตัวเองแล้ว หญิงสาวก็ได้แต่ทำใจ
ในเมื่อเขารังเกียจเธอเสียยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน เธอก็จะไม่ยุ่งวุ่นวายให้เขารำคาญใจ ทำหน้าที่เลขาของตัวเองให้ดีก็พอ
พอคิดได้แบบนั้น ความรู้สึกมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ในอกค่อย ๆ เบาบางลง ไม่ใช่ว่าไม่รัก ไม่ใช่ว่าทำใจหรือตัดใจได้ ที่ต้องวางเฉยก็เพื่อไม่ให้เขาเกลียดเธอไปมากกว่านี้
เขมิกายืนทอดถอนใจอยู่หน้าบริษัทศิวานันท์กรุป ดวงตากลมโตจับจ้องประตูเข้าบริษัทอย่างละล้าละลัง ความคิดแรกที่จะตั้งใจทำหน้าที่เลขาของตัวเองให้ดี ไม่สนใจเรื่องเก่าก่อนหรือปัจจุบันระหว่างเธอและเขาอีก พอเอาเข้าจริงกลับทำไม่ง่ายเสียเลย แค่คิดว่าต้องเห็นหน้าเขาใจดวงน้อยก็แปลบไปทั้งดวง
เฮ้อ จะถอยก็ไม่ได้ ได้แต่ก้มหน้าจำทนนั่นแหละนะ
“น้องเขม มายืนทำเอ็มวีอะไรอยู่ตรงนี้ครับ ใกล้เวลาเริ่มงานแล้วนะ เดี๋ยวเข้าไปช้าก็โดนท่านรองประธานดุเอาอีกหรอก” ระหว่างที่หญิงสาวจมอยู่กับความคิดตัวเอง เสียงทักทายของดนุภพก็ดังขึ้นด้านหลัง
หญิงสาวหันกลับไปยิ้มบาง ๆ รับคำก่อนตอบไปว่า “เปล่าค่ะพี่ภพ เขมแค่คิดอะไรเพลิน ๆ น่ะค่ะ นี่ก็ว่ากำลังจะเข้าไปแล้วเหมือนกัน แต่พี่ภพทักขึ้นพอดี”
“อย่างนั้นเหรอครับ” ชายหนุ่มถามอย่างไม่เชื่อ เมื่อครู่เขาเห็นตำตาว่าเธอกำลังเหม่อลอยแค่ไหน
“ค่ะ” เอาเถอะ ในเมื่อหญิงสาวตอบว่าไม่มีอะไรก็คงไม่มีอะไรแหละ เรื่องส่วนตัวของคนอื่น หากเขาไม่ขอความช่วยเหลือเราก็ยื่นมือเข้าไปยุ่งไม่ได้ แม้เขาจะสถาปนาตัวเองเป็นพี่ชายของสาวน้อยหน้าหวานแม่สื่อคนสำคัญคนนี้แล้วก็ตาม
“โอเคครับ งั้นเราก็เข้าไปพร้อมกันเถอะ ว่าแต่น้องเขมเห็นอินไหมครับ พี่ยังไม่เห็นเลย ปกติเวลานี้เจ้าตัวต้องมาทำงานแล้วนี่นา” ดนุภพถามถึงสาวที่ชอบที่เขาตามจีบมาหลายเดือน
“เห็นยัยอินบอกว่าจะไปทำธุระที่ธนาคารก่อนน่ะค่ะแล้วถึงจะเข้าบริษัท”
“อย่างนั้นเหรอครับ... ทำไมไม่บอกกันเลยนะ” ท้ายประโยคชายหนุ่มคล้ายพึมพำกับตัวเอง แต่เขมิกาก็ได้ยินอยู่ดีเพราะเดินข้างกัน
“คงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรมากมั้งคะ ยัยอินเลยไม่บอก พี่ภพทำใจนะคะ เพื่อนเขมคนนี้ปากแข็งปากหนักมาก แต่ถ้าถามเขมว่ามันคิดยังไงกับพี่ เขมบอกได้เลยค่ะว่ามันสนใจในตัวพี่ ตอนนี้อาจจะชอบแล้วด้วยซ้ำ อ้อ ยัยอินชอบคนสม่ำเสมอ ยังไงก็สู้ ๆ นะคะ เขมเอาใจช่วย เขมขอตัวก่อนนะคะ”
พูดจบก็เดินแยกมา เนื่องจากชั้นทำงานของแผนกการเงินกับผู้บริหารมันคนละชั้นกัน
หญิงสาวเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองอย่างไม่รีบร้อน ยังไม่ทันได้วางกระเป๋าดี เสียงของเจ้านายก็ดังขึ้นเรียกเธอเข้าไปพบเสียก่อน
“คุณเขมิกาเข้ามาพบผมในห้องด้วยครับ” ร่างบางถอนหายใจ ก่อนเดินไปหยุดหน้าประตูห้องทำงานของอดีตชายคนรักผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัท เจ้านายปัจจุบันของเธอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
มือบางยกขึ้นเคาะประตูเป็นจังหวะสามครั้งอย่างคนมีมารยาทก่อนเปิดและเดินเข้าไป
“สวัสดีค่ะ ท่านรองเรียกเขมไม่ทราบว่ามีอะไรจะใช้งานเขมเหรอคะ”
ปากถามทว่าหน้ากลับก้มไม่ยอมมองทำเจ้าของห้องคิ้วกระตุกชักสีหน้าไม่พอใจ
“พูดกับผมก็มองหน้าผมด้วยครับ ไม่มีใครสอนเหรอว่าให้มองหน้าคู่สนทนา ทำตัวไม่มีมารยาทไร้การศึกษาไปได้”
เจ็บ... ริมฝีปากบางได้รูปเม้มแน่นหากแก้ตัวไม่ได้เพราะที่เขาพูดมามันเป็นเรื่องจริง
“ขอโทษค่ะ เขมจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก” เธอเอ่ยขอโทษพร้อมสบตาคมอย่างหวาดหวั่น
“ดี! ผมไม่อยากมีเลขาไม่รู้ความ”
“...” เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ เธอและเขาจ้องตากันไร้ซึ่งคำพูด สุดท้ายก็เป็นเธอที่ทนความอึดอัดนี้ไม่ไหวเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา
“แล้วที่ท่านรองเรียกเขมเข้ามาไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเหรอคะ”
“หึ จะเรื่องอะไรละ ฉันก็เรียกเธอมาตำหนิน่ะสิ”
“ตำหนิ?” หญิงสาวเอียงคอถามอย่างฉงน ในหัวพลันขบคิด เธอทำอะไรผิด เขาจะตำหนิเธอเรื่องอะไร
“ใช่ ไม่ต้องมาทำหน้าซื่อตาใส มันใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอกนะ สำหรับฉันแค่ครั้งเดียวก็เกินพอ” ไม่พูดเปล่ายังมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยันอีกด้วย คนถูกว่ากระทบเริ่มทำตัวไม่ถูก ก้มหน้าหลุบตาลงต่ำกะพริบตารัว ๆ เพื่อไม่ให้หยาดน้ำตาที่เอ่อคลอไหลลงมา
“เหอะ พูดนิดพูดหน่อยก็จะร้องไห้ เจ้าน้ำตาจริงนะ เสแสร้งสิ้นดี” คนเจ้าอารมณ์ต่อว่าต่อขานไม่เลิก มองหญิงสาวอย่างไม่สบอารมณ์นักพลางคิดในใจ คงจะใช้มุกนี้ในการล่อลวงผู้ชายบ่อยสิท่า การแสดงออกถึงได้เป็นธรรมชาติมากขนาดนี้
“เอาละ เลิกเสแสร้งทำตัวอ่อนแอต่อหน้าฉันสักที บอกแล้วไงว่ามันใช้ไม่ได้ผล” เขาหยุดไปครู่ก่อนเอ่ยถึงเรื่องที่เรียกหญิงสาวเข้ามาพบ
“ที่ฉันเรียกเธอเข้ามาก็เพื่อจะตำหนิเรื่องเวลาทำงาน ฉันไม่รู้หรอกนะว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เธอทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาของคุณแม่เธอมาสายแบบนี้หรือเปล่า ซึ่งฉันจะไม่พูดในส่วนนั้น แต่อยากย้ำให้เธอเข้าใจว่าตอนนี้เธอเป็นเลขาของฉัน ซึ่งฉันไม่ชอบคนไม่ตรงต่อเวลา เพราะสำหรับฉันเวลามีค่าเสมอ ต่อให้เธอจะมาสายไปเพียงวินาทีเดียว พึงระลึกไว้ว่าวินาทีนั้นก็สำคัญ งานบางอย่างมันรอให้เธอมาทำไม่ได้ตลอดหรอกนะ หากเธอยังไม่ปรับปรุงตัว ตำแหน่งเลขาที่เธอกอดไว้อยู่อาจหลุดไปหาคนที่เหมาะสม” ทิวากรร่ายยาวสายตาคมกริบจับจ้องไปยังร่างบางที่ยืนก้มหน้ากุมมือฟังเขาอย่างสงบ
“เข้าใจที่ผมพูดไหม”
“เข้าใจค่ะท่านรอง เขมจะปรับปรุงตัวค่ะ”
“ดี ออกไปได้แล้ว เห็นหน้าแล้วอยากจะอาเจียน” ชายหนุ่มพูดแบบไม่รักษาน้ำใจจนหัวใจของหญิงสาวชาหนึบไปทั้งดวง
“ค่ะ ท่านรอง” เธอครางรับเสียงแผ่วแล้วเดินหันหลังตรงไปที่ประตู ขณะที่มือบางกำลังจะดึงประตูให้เปิดออก เสียงทุ้มต่ำแฝงตำหนิก็ดังขึ้นอยู่ใกล้ ๆ ใบหู
“ทีหน้าทีหลังอย่าไปยืนอ่อยผู้ชายที่หน้าบริษัทอีก มันน่าสมเพช เธอจะไปอ่อยใครที่ไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่บริษัทของฉันจำไว้”
“คะ ค่ะ” หญิงสาวตอบรับท่าทีลุกลี้ลุกลนแล้วเปิดประตูออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มไป
เขมิกาตื่นตระหนก เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเขามายืนชิดเเผ่นหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้ใบหูแล้ว
หญิงสาวทรุดนั่งที่เก้าอี้ทำงานด้วยกายใจสั่นระรัว ใจสั่นเพราะความใกล้ชิดที่ทำเธอรู้สึกหวั่นไหวทั้งที่รู้ว่าเขาไม่คิดอะไร กายสั่นเพราะโกรธจนน้อยใจจากคำพูดของเขา
เธอไปยืนอ่อยผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเธอจำไม่ได้เลยว่าเคยทำตัวแบบนั้น?
หากเป็นเหตุการณ์เมื่อเช้า เธอก็แค่เผลอคิดอะไรเพลิน ๆ จนพี่ภพเข้ามาทักไม่ใช่เหรอ เธอไม่ได้ยืนอ่อยใครสักหน่อย
คนใจร้าย เกลียดเธอจนถึงกับต้องใส่ร้ายป้ายสีกันเลยเหรอ...
“คุณเขมิกาช่วยชงกาแฟมาให้ผมใหม่ด้วยครับ ถ้วยนี้เย็นชืดหมดแล้ว”วันนี้ก็เป็นเหมือนหลาย ๆ วันที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่เธอมาทำงานเป็นเลขาของเขาก็ถูกเจ้านายคนใหม่กลั่นแกล้งอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เฮ้อ! หญิงสาวถอนหายใจด้วยความปลดปลง ครั้งนี้เป็นรอบที่สามแล้วที่เสียงคนด้านในห้องทำงานใหญ่สั่งให้เธอชงกาแฟเข้าไปให้ ครั้งแรกบอกว่าหวานไป ทั้ง ๆ ที่เธอชงแต่กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล สูตรประจำที่เขาชอบ ครั้งที่สองบอกขมไปให้ไปชงให้ใหม่ ส่วนครั้งนี้บอกเย็นชืด แต่สิ่งที่เธอเห็นมันยังร้อนอยู่เลยนะ เขมิกาตวัดตามองเจ้าของคำสั่งด้วยความคับข้องใจ“ทำไม มีปัญหา?” ทิวากรถามเสียงเข้มหาเรื่อง“ค่ะ มีปัญหา” แล้วต้องแปลกใจเมื่อคนที่ไม่เคยมีปากเสียงมาตลอดสัปดาห์ยอมรับตรง ๆ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากเลิกคิ้ว วางมือจากงานเอกสารที่ทำ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ยกมือกอดอก สายตาคมปลาบจับจ้องไปยังดวงหน้าหวานที่เขาชื่นชอบ ไม่สิ เคยชื่นชอบให้พูดต่อเขมิกาทำใจกล้าเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดออกไปตรง ๆ ตามความรู้สึกว่า “ท่านรองจะกลั่นแกล้งเขมไปถึงไหนคะ สัปดาห์ก่อนเรียกเขมไปตำหนิเรื่องมาสาย สัปดาห์นี้ให้เขมเอาเอกสารเก่า ๆ มานั่งสรุปให้ ไม่ก็สั่งงานก่อน
“ท่านรองคะ วันนี้บ่ายโมงตรงท่านรองมีนัดกับหุ้นส่วนนะคะ เพื่อพูดคุยทำข้อตกลงโครงการใหม่ที่ทางนั้นเสนอมาให้เราร่วมลงทุนค่ะ”ทิวากรชะงักมือที่กำลังจรดปลายปากกาบนเอกสารสำคัญ ชายหนุ่มคิดเล็กน้อยก่อนถาม “โครงการรีสอร์ตที่เชียงรายที่ทางนั้นไปเทคโอเวอร์มาใช่ไหม”“ค่ะ”“เข้าใจแล้ว เธอก็ไปด้วยละ แต่งตัวให้มันดี ๆ ฉันไม่อยากให้ใครมาสบประมาทฉันได้ว่าใช้งานเลขาหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง น่าเบื่อชะมัดแค่นี้ก็ต้องให้บอก” ชายหนุ่มบอกพลางบ่นอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นเลขาคนสวยผมเผ้าไม่เรียบร้อย“ค่ะ” หญิงสาวกัดฟันตอบรับ นึกแค้นในใจ ไอ้ที่สภาพเธอเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เพราะเขาใช้งานเธอจนหัวหมุนหรือไง ยังไม่ทันเที่ยงเธอก็ใช้มือขยี้หัวตัวเองไม่รู้กี่รอบแล้ว ถ้าผมยังอยู่ทรงเหมือนตอนมาก็บ้าแล้ว!“ออกไปได้แล้ว เอากาแฟมาให้ฉันด้วย ชงมาให้ดีละ ถ้าครั้งนี้เธอพยศใส่เกลือมาให้ฉันกินเหมือนคราวก่อนละก็ เธอเจอดีแน่” ชายหนุ่มขู่คนตัวเล็ก ที่ตอนแรกเหมือนจะยอมรับชะตากรรมให้เขาแกล้ง ที่ไหนได้ผ่านไปไม่ทันไรก็พยศขึ้นมา เธอช่างกล้าเอาเกลือใส่กาแฟให้เขากิน ยังจำรสชาติเค็มบาดจิตบาดใจไม่หายเลย นี่โรคไตไม่ถามหาก็ถือว่าเขาโชคดีสุด ๆ แ
“ท่านรองคิดจะทำอะไรคะ” เขมิกาเอ่ยขึ้นหลังกลับมาถึงบริษัทแล้วทิวากรหันกลับไปมองคนตัวเล็กที่กล้าตั้งคำถามกับเขา “ทำอะไร ฉันเปล่า” พูดแล้วเดินหนีเข้าห้องโดยมีเขมิกาสาวเท้าตามเข้ามาติด ๆ “จะเปล่าได้ยังไงคะ ก็ในเมื่อฉันเห็น” หญิงสาวไม่พูดต่อเธอเม้มริมฝีปากแน่นชายหนุ่มกระตุกยิ้มทรุดกายนั่งบนโซฟาเอนแผ่นหลังพิงพนักโซฟาด้วยท่วงท่าผ่อนคลายหลังเข้ามาด้านในห้องทำงานแล้ว “เห็นอะไร ทำไมไม่พูดต่อล่ะ”หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนผ่อนออกช้า ๆ“พี่ทิว”“ฉันไม่ใช่พี่เธอ อย่ามาเรียกฉันว่าพี่” ชายหนุ่มพูดแทรกเสียงแข็งตวัดสายตาวาวโรจน์มองร่างบางที่บังอาจเรียกเขาว่าพี่เขมิกาเจ็บแปลบแต่ก็พยักหน้ารับคำ “ค่ะ ท่านรองคะ ถ้าท่านรองแค้นเขม ก็แก้แค้นเขม อย่าดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเอี่ยวกับเรื่องนี้เลยได้ไหมคะ ถือว่าเขมขอ” เธอขอร้องเขาพร้อมมองอย่างอ้อนวอน แต่คนที่มีอคติบังตาหรือจะฟัง“หึ ของั้นเหรอ”“ค่ะ”“ฝันไปเถอะ”“หมายความว่าท่านรองจะใช้ยัยวาดแก้เเค้นเขมงั้นเหรอคะ”“ฉลาดดีนี่ รู้ไหม ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดอะไรยุ่งยากหรอก แค่อยากทำให้เธอเจ็บเล่น ๆ เจ็บแปลบ ๆ แต่พอเห็นเธอดิ้นแบบนี้แล้วมันก็ทำให้ฉันคิดอะไรดี ๆ
“เขม... แกไม่สบายหรือเปล่า ฉันเห็นอาการแกไม่ค่อยดีมาหลายวันแล้วนะ” อินทุอรเอ่ยถามเพื่อนสนิทระหว่างรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันอย่างนึกเป็นห่วง หลายวันมาแล้วที่เขมิกามีท่าทีเคร่งเครียด คล้ายมีอะไรในใจและมีเรื่องให้ต้องขบคิดอยู่ตลอดเวลาคนถูกถามส่ายหน้าตอบ “เปล่า”“เปล่าอะไร แกไม่เคยเป็นแบบนี้มานานแล้วนะเขม แล้วข้าวน่ะจะเขี่ยอีกนานไหม แกต้องกินเยอะ ๆ นะ อย่าลืมสิว่าแกต้องไปสู้รบกับท่านรองประธานอีก ท่านรองก็ช่างกระไร แกล้งแกอยู่ทุกวัน ไม่เห็นใจกันบ้างเลยหรือไง อย่างน้อยก็น่าจะนึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่เคยมีร่วมกันบ้าง แกก็เหลือทน ยอมให้เขาโขกสับอยู่ได้”อินทุอรแหวออกมาอย่างคนไม่สบอารมณ์ หญิงสาวไม่พอใจกับการที่ทิวากรกลั่นแกล้งเพื่อนของเธอ และไม่ชอบที่เพื่อนของเธอยอมให้เขากระทำ ขัดใจสายปะฉะดะอย่างเธอจริง ๆ เหนือสิ่งอื่นใดก็เป็นห่วงเพื่อนสนิทของตัวเองนั่นแหละเขมิกาได้ยินคำพูดเพื่อนสนิทแล้วหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจมอยู่กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง‘ไม่ปกติแล้วละ’ อินทุอรคิดพลางหันไปมองหน้าดนุภพที่นั่งอยู่ข้างกัน ซึ่งชายหนุ่มก็ส่ายหน้าไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเช่นกัน สายตามีความห่วงใยให้คนที่เข
“ว่าไงครับ จะถามหรือเปล่า ถ้าไม่ถามตอนนี้มาถามทีหลังผมไม่ตอบแล้วนะ” เสียงนุ่มทุ้มละมุนของเขาดังขึ้นอีกครั้ง ปานวาดสูดลมหายใจเข้าลึกเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาก่อนมองหน้าและถามเขาตรง ๆ ว่า“ขอโทษนะคะคุณทิว คือ เอ่อ” พอจะถามเข้าจริง ๆ กลับหาเสียงตัวเองไม่เจอ หญิงสาวรู้สึกเก้อกระดาก จะว่าไปสิ่งที่เธอกำลังจะถามมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา หากถามไป ชายหนุ่มจะหาว่าเธอละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่า ถึงเขาจะอนุญาตแล้วก็เถอะ ยิ่งคิดคิ้วเรียวของเธอยิ่งกดเข้าหากันทิวากรเห็นหญิงสาวไม่กล้าถามจึงเอ่ยสิ่งที่ปานวาดจะถามขึ้นมาเอง “คุณวาดจะถามผมเรื่องผมกับเขมิกาหรือเปล่าครับ”“ชะ ใช่ค่ะ คุณทิว คือว่าวาด” หญิงสาวไม่พูดต่อ ช้อนดวงตากลมโตมองเขาอย่างไม่มั่นใจ ครั้นเห็นเขาไม่มีกิริยาผิดแปลก ทั้งยังมีท่าทีสบาย ราวกับเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพื่อคลายข้อสงสัยของตัวเอง หญิงสาวจึงตัดสินใจถามขึ้น“ยัยเขมบอกวาดว่าคุณทิวกับยัยเขมเคยคบหากัน แล้วมีเหตุให้ต้องเลิกกันโดยที่ยัยเขมเป็นคนบอกเลิก สุดท้ายก็ไม่ได้เจอกันนานหลายปี คุณทิวรู้สึกเจ็บแค้นพอกลับมาเจอกันครั้งนี้ เลยคิดหาทางเอาคืนเขม ประจวบกับเห็นว่าวาดเป็นเพื่
“เขม!” อินทุอรที่เพิ่งออกมาจากส่วนของห้องครัวเรียกเจ้าของห้องเสียงดัง เมื่อเห็นเพื่อนตัวเองยกมือกุมขมับทั้งน้ำตายังรินไหล หญิงสาวปรี่เข้าหาร่างของเพื่อนอย่างรวดเร็ว“เขม แกเป็นอะไร เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ปวดหัวเหรอ เดี๋ยวฉันไปเอายามาให้นะ” ถามอย่างร้อนใจเพราะเป็นห่วงเพื่อนมาก ตั้งท่าจะไปหยิบน้ำกับยากลับถูกเขมิการั้งเอาไว้หมับ!อินทุอรชะงักเท้ามองเพื่อนด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม เขมิกาไม่พูดอะไรเธอโถมกายกอดเพื่อนเอาไว้แล้วร้องไห้ออกมาเงียบ ๆเนิ่นนานที่อินทุอรนั่งนิ่ง ๆ ให้เขมิกากอด ครั้นเห็นเพื่อนเหมือนจะดีขึ้นจึงผละมือที่ลูบหลังออกมาจับที่ต้นแขนทั้งสองข้างของเพื่อนดันออกจากตัว พลางส่งสายตาคาดคั้นคำตอบ ใบหน้าก็ฉายความเคร่งเครียดไม่แพ้กัน เพราะนานแล้วที่เธอไม่เห็นเขมิกาแสดงท่าทีอ่อนแอหรืออับจนปัญญาแบบนี้ ครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นก็ตอนที่เจ้าตัวบอกเลิกทิวากรคิดถึงชายหนุ่มใจของอินทุอรก็แกว่ง หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด แต่แล้วความหวังของเธอกลับพังทลายเมื่อเพื่อนสนิทพูดว่า“คุณทิวต้องการแก้แค้นฉันเรื่องที่ฉันบอกเลิกเขา อิน เขาคิดจะใช้ยัยวาดเป็นหมากในการทำให้ฉันเจ็บ ฉันพยายามเตือนยัยวาดแล้ว แต
แผนการต่าง ๆ ดำเนินไปตามที่ทิวากรวางแผนไว้เป็นอย่างดี น่าแปลกที่สุดท้ายแล้วเป็นเขาเองที่ไม่มีความสุข เป็นเขาที่หงุดหงิดอารมณ์เสียเมื่อไม่เห็นเขมิกาเป็นทุกข์ตามที่ใจวาดหวัง กระวนกระวายไม่สบอารมณ์ยามเห็นเธอคุยกับผู้ชายคนอื่น ทั้ง ๆ ที่เธอก็ติดต่อแค่เรื่องงาน ชายหนุ่มรู้สึกโมโหตัวเองที่รู้สึกแบบนั้น หากไม่แสดงออกไปให้เธอได้รับรู้ตุบ!ทิวากรกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานด้วยความหงุดหงิดใจ ทั้งตอนนี้ยังต้องมานั่งรำคาญกับความจู้จี้จุกจิกวุ่นวายเกินพอดีของปานวาดอีก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่สมอารมณ์กับเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าระคนเสียงสายเรียกเข้าที่ดังแทรกขึ้นมา ตาคมปรายมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาเป็นต้องกลอกตา เหอะ น่ารำคาญเป็นบ้าชายหนุ่มสบถ คิดว่าปานวาดจะว่าง่ายกว่านี้เสียอีก ที่ไหนได้กลับทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขา ทั้งที่สถานะก็เป็นได้แค่คนคุยใช่ เขาคุยกับเธอมาร่วมเดือนแล้ว เป็นร่วมเดือนที่เขาพยายามเอาอกเอาใจหญิงสาวหวังให้ใครอีกคนเจ็บ แต่มันกลับไม่ได้ผล ในเมื่อหมากอย่างปานวาดใช้งานไม่ได้ เขาจะยังใช้ต่อไปทำไมทิวากรรอจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์หยุดลงเขาถึงหยิบมันขึ
เข้าใจว่าตัวเองเข้มแข็งพอและไม่ได้คิดอะไรกับทิวากรแล้ว แต่พอมาเห็นเขาจูบกับหญิงอื่นแบบนี้ ถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย ที่เห็นนิ่งเฉยก็แค่เกาะป้องกันที่เธอสร้างขึ้นมาปกป้องตัวเอง สุดท้ายเธอก็ยังเป็นคนอ่อนแอและรักเขาอยู่...เขมิการู้สึกเจ็บปวดกับภาพบาดตาตรงหน้ามาก เหมือนโดนคมมีดกรีดลงกลางหัวใจแล้วตัดออกมาเป็นชิ้น ๆ ดวงตาหญิงสาวไหวระริกพยายามหักห้ามความรู้สึก แต่!มันช่างยากเหลือเกิน...ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันลำคอตีบตันจนเปล่งเสียงพูดออกมาไม่ได้ คนทั้งสองก็ราวกับไม่รับรู้ว่าเธอเข้ามา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเคาะประตูห้องแล้วหญิงสาวยืนนิ่งมองภาพบาดตาของชายหญิงทั้งสองอยู่อย่างนั้นอย่างคนทำอะไรไม่ถูก สมองสั่งให้ออกไปจากที่นี่ แต่ขากลับก้าวไม่ออก หัวใจชาหนึบเหมือนหยุดเต้นเอาเสียดื้อ ๆทำไมเธอต้องมาเห็นภาพนี้ทำไมต้องเป็นปานวาดทำไมต้องเป็นเพื่อนสนิทของเธอด้วยคนใจร้าย เขมเจ็บจะตายอยู่แล้วนะเขมิกาบริภาษทิวากรอยู่ในใจ เธอมองทั้งสองคนด้วยสายตาตัดพ้อ อยากพ่นคำทั้งหมดออกไปตามความรู้สึกอัดอั้นที่มีแต่ก็ไม่รู้จะพูดในฐานะอะไรเจ็บปวดเหลือเกินกับความรู้สึกนี้ ความรู้สึกของคนที่ยังรักแต่
ณ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ถูกจัดขึ้นที่ห้องบอลรูมของโรงแรมในเครือศิวานันท์กรุป โดยมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน ไล่ตั้งแต่พนักงานระดับล่างตลอดจนพนักงานระดับสูง ทั้งยังรวมไปถึงผู้บริหารตำแหน่งต่าง ๆ และหุ้นส่วนบริษัทคนสำคัญซึ่งงานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากเป็นการจัดเลี้ยงครบรอบไตรมาสของบริษัทแล้ว ยังเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ในบริษัทอีกด้วยร่างสูงในชุดเรียบหรูสมกับตำแหน่งประธานบริษัท นั่งอยู่บริเวณโต๊ะด้านหน้าเวที ควงคู่มากับสองสาวต่างวัย ขวามือเป็นมารดาที่อยู่ในชุดหรูหราตามวัย ซ้ายมือคือร่างระหงของเขมิกาที่อยู่ในชุดเดรสยาวของแบรนด์ดังยี่ห้อหนึ่ง ขับเน้นให้เจ้าของร่างแบบบางดูสวยสง่า และน่าทะนุถนอมไปในตัว ซึ่งแขกเหรื่อคนอื่น ๆ ก็นั่งโต๊ะถัดไปตามตำแหน่งเมื่อถึงเวลาหลักของการจัดงาน พิธีกรมืออาชีพเริ่มหน้าที่ของตนเอง ตั้งแต่เชิญทิวากรไปกล่าวเปิดงาน ตลอดจนประกาศมอบรางวัลให้พนักงาน เช่น พนักงานดีเด่นประจำบริษัท ประกาศเลื่อนตำแหน่งของพนักงานบางคน ตลอดจนอื่น ๆ ก่อนจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกที่ทุกคนรอคอย นั่นคือการจับฉลากแลกของขวัญ บ้างได้ชิ้
วันเวลาเลื่อนผ่าน ทิวากรกับเขมิกาปลูกต้นรักด้วยกันมาร่วมปีแล้ว เส้นทางรักครั้งนี้ไม่ได้ฉาบฉวยหากเต็มไปด้วยความรักความเข้าใจ มีแง่งอนบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายก็เข้ากันได้ดี และทุกครั้งหลังจากที่ทะเลาะ ทั้งสองจะรักและเข้าใจกันมากกว่าเดิม ซ้ำบรรยากาศที่แผ่ออกมายังหวานชื่นไม่เปลี่ยนเสียจนคนรอบข้างยังลอบอิจฉาเรียกได้ว่าความรักของพวกเขาสุกงอมเต็มที่ หลาย ๆ คนต่างเฝ้ารอข่าวดี และเป็นที่จับตามองเนื่องจากทิวากรเป็นลูกชายเพียงคนเดียว และทายาทสายตรงของศิวานันท์ ทั้งนี้ชายหนุ่มยังเข้ารับตำแหน่ง CEO เป็นประธานบริษัทศิวานันท์แบบเต็มตัวแล้วด้วย ในวันประกาศขึ้นรับตำแหน่งจากมารดา นอกจากชายหนุ่มจะเอ่ยเกี่ยวกับการรับผิดชอบหน้าที่ของตน ให้ผู้บริหารรวมถึงหุ้นส่วนคนสำคัญต่าง ๆ มั่นใจกับการทำงานของตนเองแล้ว เขายังประกาศเปิดตัวคนรักอย่างเอิกเกริก จนเกิดแฮชแท็กทายาทศิวานันท์เปิดตัวคนรัก ดังขึ้นมาแซงข่าวการขึ้นรับตำแหน่งของตัวเองเสียอีก สาวน้อยสาวใหญ่ที่เคยจ้องเขาก่อนหน้านี้ต่างอกหักไปตาม ๆ กัน แน่นอนชายหนุ่มไม่ได้สนใจใครนอกจากแฟนสาวเขมิกากลายเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาของใครหลาย ๆ คนไปทันที เช่นเดิม มีคน
“ปกติพี่ทิวก็ดูฉลาดนะคะ ทำไมตอนนี้ถึงซื่อบื้อจังเลยล่ะ” เขมิกาไม่ตอบแต่ตั้งคำถามแทนชายหนุ่มที่ตั้งใจฟังและกำลังจะตอบทันเอะใจ เมื่อครู่เธอเรียกเขาว่าพี่และแทนตัวเองว่าเขมใช่ไหม?“เมื่อกี้เขมเรียกพี่ว่าอะไรนะครับ” เพื่อความแน่ใจจึงรัวคำถามทันที“เรียกว่าพี่ทิวค่ะ”หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงก่อนถามอีกครั้ง “แล้วแทนตัวเองว่าอะไรนะครับ”“เขมค่ะ”ได้ฟังคำตอบรอยยิ้มจึงปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา “ เขม... เขมเรียกแทนตัวเองว่าเขม และเรียกพี่ว่าพี่”“ก็ใช่ไงคะ ตกใจอะไรกัน”“ก็ ก็พี่คิดว่าเขมจะโกรธเกลียดพี่นี่ แต่ว่าเขมเรียกพี่แบบนี้แสดงว่าเขมไม่ได้โกรธเกลียดพี่จริง ๆ ใช่ไหมครับ”เขมิกาลอบกลอกตา “ก็ถ้าโกรธถ้าเกลียดเมื่อคืนจะยอมให้ทำอะไรเหรอคะ”ทิวากรชะงัก “เขม! นี่หมายความว่าเขมให้โอกาสพี่แล้วใช่ไหมครับ”“อื้อ” ตอบพลางพยักหน้า“ให้โอกาสที่หมายถึง ยินดีคบหากับพี่เป็นคนรัก เป็นแฟนกันแล้วใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามรัวเร็วไม่เก็บกิริยา จากที่นอนกอดหญิงสาวอยู่ก็ผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็ว จับไหล่คนตัวเล็กทั้งสองข้างรั้งเธอออกจากตัวเล็กน้อย แล้วก้มหน้ามองสบตากับหญิงสาวด้วยความคาดหวังกับคำตอบเขมิกาแม้จะขวยอาย ที่ถูกถามตอ
ค่ำคืนสุดเร่าร้อนผ่านไปเช้าวันใหม่ก็มาเยือน ทิวากรนอนก่ายหน้าผาก กลัดกลุ้มกับเหตุการณ์เมื่อคืน เขาไม่ได้เสียใจที่กระทำการร่วมรักเป็นหนึ่งเดียวกันกับเธอ หากแต่กังวลกลัวว่าเขมิกาจะเกลียดตัวเอง ที่ฉวยโอกาสตอนเธอไม่ได้สติ ทว่าหากย้อนเวลากลับไปเขาก็จะทำมันเช่นเดิมเสียงครวญครางแว่วหวานใต้ร่างทำให้เขามีความสุขมาก มีความสุขมากเสียจนเคี่ยวกรำเธอทั้งคืนรังแกจนตัวเธอแดงไปหมดทั้งตัว!ไม่มีตรงไหนของร่างกายที่เขาไม่ทิ้งรอยรักเอาไว้ รอยแดงสีกุหลาบที่เห็นได้ชัดที่สุดคงจะเป็นเนินอก ส่วนลำคอระหงเขาทิ้งไว้นิดหน่อย อยากประกาศให้รู้ว่าเขมิกามีเจ้าของแล้ว หากไม่กล้าทิ้งไว้มากและชัดเกินไปนัก มันจึงกลายเป็นรอยจาง ๆ ที่หากไม่ตั้งใจมองก็คงไม่เห็นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนความสุขพลันเอ่อล้น ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้ม แววตาของเขาระยิบระยับระคนอ่อนโยนยามมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆเขมของเขาน่ารักจริง ๆใช่เมื่อคืนเธอน่ารัก แต่ไม่รู้ตื่นมาจะยังน่ารักอยู่ไหม เขากลัวเธอกลายร่างจริง ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรับมือเธออย่างไร แล้วถ้าเกิดเธอโกรธเกลียดตัวเองขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น เฮ้อ! ปวดหัวจริง ๆคิดดูแล้วความสุขที่มีกลับไม่เต็มร้
“อืม... ทั้งหวานทั้งหอม เขมหวานไปทั้งตัวเลยครับ” เขาครวญครางเสียงพร่า แต่หญิงสาวไม่มีสติรับรู้อะไรอีกแล้ว ความเสียวที่เธอไม่เคยสัมผัสมาทั้งชีวิต กำลังเล่นงานเธออย่างหนัก จนเกือบจะถึงฝั่งฝัน แต่กลับถูกคนตัวโตกลั่นแกล้ง หยุดการกระทำวาบหวาม จนเธอต้องเขม่นมองแรงด้วยความขัดใจ ทิวากรดึงมือออกจากร่องรูแสนคับแคบ คว้าถุงยางอนามัยขึ้นมาฉีก ก่อนสวมมันกับแก่นกายที่แข็งตัวพร้อมรบทิวากรรูดรั้งแก่นกายของตัวเองสองสามที จ่อปลายหัวบานหยักกับปากทางเล็ก ค่อย ๆ เสือกหัวใหญ่เข้าไปในช่องทางแสนคับแคบ“อื้อ! เจ็บ เขมเจ็บ” คนตัวเล็กร้องลั่นพร้อมทั้งพยายามที่จะถอยหนีหากไม่พ้น เพราะถูกชายหนุ่มจับยึดเอวคอดกิ่วไว้ เขาขบกรามแน่นกับความตอดรัดทั้ง ๆ ที่มันเพิ่งเข้าได้แค่หัว เห็นใบหน้าสวยอาบด้วยน้ำตาพลันสงสาร แต่ถ้าจะให้หยุดตอนนี้ เขาไม่ยอมแน่ทิวากรไม่ฝืนดันทุรังฝ่าเข้าไปทันที เข้าเลือกที่จะครอบโพรงปากยังยอดอกสีชมพู แล้วออกแรงดูดดึง ในขณะที่มือขวาไม่หยุดขยี้ปุ่มกระสันเรียกน้ำหวานให้อาบชโลมไปทั่วร่องรักเขมิกาซ่านเสียวจนลืมความเจ็บปวด ช่องทางรักชื้นแฉะเต็มไปด้วยน้ำหวาน ยิ่งนานยิ่งเสียวจนเธอต้องหาทางระบายออก โดยการจิ
“อ๊ะ” เขมิกาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวทาบลงมาที่ลำคอขาว ก่อนเอียงคออำนวยความสะดวกให้เขาด้วยความยินดี แขนเรียวยกคล้องต้นคอหนาของเขาในเวลาต่อมาทิวากรมีสติครบถ้วน แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปก่อนหน้าไม่อาจทำให้เขามึนเมาได้ ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังเมาเมารัก...เมาเขมิกา...ทิวากรอยากให้ครั้งแรกของเราเป็นไปอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม อยากให้ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยความลึกซึ้งตรึงใจ หากความรู้สึกวาบหวามที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาไม่อาจทำได้อย่างใจหวัง ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยพายุเฮอริเคนที่พร้อมโหมกระหน่ำทุกช่วงเวลา แทนที่จะเป็นสัมผัสหวานล้ำตรึงใจอย่างที่ตั้งใจทิวากรไม่ปิดบังความต้องการพอ ๆ กับเขมิกาที่พร้อมเปิดรับทุกสัมผัสจากเขามือหนาลูบไล้สัมผัสไปทั่วเรือนกายบอบบาง ก่อนที่จะถอดชุดของเธอที่แสนจะเกะกะในสายตาทิ้งไปอย่างไม่ไยดี โดยมีเจ้าของร่างให้ความร่วมมือเต็มที่ทันทีที่ชุดหลุดออกไปจากร่างระหง ลำคอของชายหนุ่มแห้งผากจนเขาต้องรีบกลืนน้ำลาย ก่อนเข้าจู่โจมที่เนินอกสล้างอย่างที่ใจต้องการสองมือกอบกุมบีบเคล้นความนุ่มเด้ง จรดริมฝีปากขบเม้มดูดดึงเนื้อขาวจนเกิดรอยแดง ก่อนที่โพรงปากอุ่นร้อนจะเข้
23:45 น.ทิวากรขับรถพาคนเมามาส่งที่คอนโดมิเนียม เขารู้ว่าเธอไม่ได้เมาเต็มที่เพียงแค่กรึ่ม ๆ ทว่าเขาไม่กล้าพูดคุยอะไรกับเธอมากนัก ดังนั้นตลอดการเดินทางจึงมีเพียงเสียงเพลงสากลที่เขาเปิดคลอเท่านั้น“ถึงแล้วครับ” ชายหนุ่มบอกคนที่นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ“อืม คุณก็ขับรถไปจอดสิ จะได้เข้าไปคุยกันในห้อง”ทิวากรตาวาวเมื่อเธอพูดว่าให้เขาเข้าไปในห้องได้ ทว่าเพียงแวบเดียวเท่านั้น ไอ้ดีใจก็ดีใจอยู่หรอก แต่ดูจากปฏิกิริยาของเธอแล้ว กลัวเรื่องที่คุยมันจะไม่ดีอย่างที่คิดน่ะสิชายหนุ่มรู้สึกหวาดหวั่นแต่ไม่ปฏิเสธ ขับรถเข้าไปจอดยังลานจอดรถ ก่อนเดินเข้าคอนโดมิเนียมพร้อมกันทิวากรมองสำรวจห้องของเขมิกาอย่างถ้วนถี่ หลังจากพาตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องของเธอได้แล้ว โทนห้องสีขาวสะอาดตา ตกแต่งเรียบง่ายไม่หวือหวา ด้วยสไตล์มินิมอลอย่างที่เจ้าของห้องชอบ ทว่ากลับน่าอยู่จนเขาอยากหอบเสื้อผ้ามานอนกับเธอมาก ๆ “น้ำ” เขมิกาพูดพลางยื่นแก้วน้ำให้ ก่อนหย่อนก้นนั่งที่โซฟาตัวเดียวกันจนชายหนุ่มเกร็งขึ้นมาทิวากรไม่ได้ดื่มน้ำในทันที เขามองหน้าหญิงสาวอย่างกระวนกระวายรีบร้อนอธิบายให้เธอเข้าใจ“พี่ไม่ได้มีอะไรกับเขาจริง ๆ นะครับเขม เขามาอ่
ณ ห้องน้ำผับ ทิวากรเช็ดเสื้อที่เปียกด้วยความหงุดหงิด เขาไม่ได้บรรจงมากนักเพราะเป็นห่วงเขมิกา กลัวเธอจะได้รับอันตราย ตั้งใจว่ารีบเช็ดให้เสร็จจะได้รีบกลับไปนั่งดูเธอต่อ ทว่าใครจะคาดคิดเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำก็ชนเข้ากับผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่คนหนึ่ง“โอ๊ย!”“ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบนิ่งมองคนที่ตั้งใจชนเขาอย่างเย็นชาหญิงสาวปริศนาที่ชนเขาช้อนตามองอย่างมีจริตจะก้าน รอยยิ้มยั่วเย้าสายตายั่วยวนถูกส่งออกไปหวังให้คนตรงหน้าหลงใหล“ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วก็หลีกทางด้วยครับ แฟนผมรออยู่” ชายหนุ่มแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่ปรารถนาสานต่อความสัมพันธ์ หากหญิงสาวตรงหน้าไม่สะทกสะท้าน เธอบิดรอยยิ้มทรงเสน่ห์ เดินเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพง ของผู้ชายที่เธอต้องมาเล่นบททดสอบ‘เรนนี่’ ที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะอ่อยเฉย ๆ ประหวัดไปถึงคำพูดของปานวาดที่ส่งเธอมายั่วยวนคนตรงหน้า รู้สึกไม่อยากทำแค่ยั่วยวนเสียแล้ว กลิ่นกายบุรุษเพศ หน้าตาผิวพรรณของเขาตรงใจเธอจริง ๆ เธออยากได้เขา!ความปรารถนาของเธอแสดงออกชัดเจนผ่านม่านดวงตา หากทิวากรเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบค่อนไปทางรำคาญ เขาตัดปัญหาโดยการเดินเลี่ยงไปอีกท
“คืนนี้ไม่ต้องโทรหานะคะ ไม่รับ” หญิงสาวพูดขึ้นระหว่างรอหมูสุกคิ้วเข้มขมวดเป็นปมพลางถาม “ทำไมล่ะครับ”“คืนนี้ฉันจะไปเที่ยวกับเพื่อนค่ะ”“กับใครครับ”“เพื่อนค่ะ”“ไม่ใช่ครับ พี่หมายถึงเพื่อนคนไหน”เขมิกาเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างพิจารณา นอกจากสายตาที่แสดงออกว่าเป็นห่วงเธอแล้ว ก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจอะไรจึงระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนพูด“กับยัยอิน ยัยวาดค่ะ”“ไปกันแค่สามคน ทั้งยังมีแต่ผู้หญิงเนี่ยนะ!” คราวนี้คิ้วชายหนุ่มผูกเป็นโบมากกว่าเดิม ความไม่สบายใจแทรกซึมเข้ามาจนสลัดทิ้งไม่ได้“ค่ะ อยากเที่ยวตามประสาผู้หญิง”“ไม่ได้ครับ พี่ไม่โอเคเลย”“มะ...” พูดยังไม่ทันจบประโยคเขาก็แทรกขึ้น“พี่รู้ว่าตอนนี้พี่ยังไม่มีสิทธิ์ แต่ที่พี่ห้ามเพราะพี่เป็นห่วง กลางค่ำกลางคืนไปกันแค่สามคนทั้งยังมีแต่ผู้หญิงอันตรายตายเลย พี่เป็นห่วง และไม่สบายใจครับ”“...” เขมิกาไม่พูดเข้าใจในความรู้สึกเขา แต่ถ้าไม่ให้เธอไปก็ไม่ยอมเช่นกัน เธอนัดกันไว้แล้ว อย่างไรนัดนี้ต้องไม่ล่ม “เอางี้ ถ้าเขมอยากไปพี่จะไปด้วย สัญญาว่าจะไม่ยุ่งวุ่นวาย ไม่ก้าวก่าย จะปล่อยให้เขมสนุกกับเพื่อนอย่างเต็มที่โอเคไหมครับ”“แน่นะ” ถามด้วยความไม่เชื่อว