ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดสบาย ๆ ของแบรนด์ดัง อย่างเสื้อยืดกางเกงยีน และรองเท้าผ้าใบรุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน เดินออกมาจากช่องทางผู้โดยสารขาเข้าพร้อมกับผู้ใช้บริการสนามบินอีกหลายคน ทว่าเขากลับโดดเด่นที่สุดในกลุ่มคนเหล่านั้น ด้วยครอบครองความสูงเกินมาตรฐานชายไทย ท่าทางการเดินองอาจผึ่งผาย ดูทระนงตนและเย่อหยิ่ง กอปรกับใบหน้าคมคายภายใต้แว่นกันแดดสีดำ ยิ่งทำให้เขามีเสน่ห์เพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว
ดวงตาคมเข้มมองตรงไปเบื้องหน้า พลางกวาดตามองสำรวจด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งคิดถึงและห่วงหา ทว่าที่เด่นชัดที่สุดกลับเป็นความโกรธแค้นและเกลียดชัง จากผลการกระทำของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง คนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดอยากสร้างครอบครัวด้วย…
น่าขัน ที่เขาคิดวาดฝันไปเองฝ่ายเดียว หลงในความใสซื่อบริสุทธิ์จนเป็นไอ้โง่ ถูกนอกใจและนอกกาย ยิ่งคิดถึงหญิงไร้ยางอายคนนั้น ความแค้นก็ลุกโชนในดวงตาราวกับไฟที่กำลังรอการปะทุ ทุกความเจ็บปวด ความเสียใจ ที่เขาเคยได้รับ เขาจะคืนมันให้เธอทั้งหมด จะแก้แค้นเธออย่างสาสม! ให้สมกับที่เธอเคยทำไว้กับเขา ทำกับทิวากรคนนี้!
ทิวากร ศิวานันท์ ทายาทเพียงคนเดียวของศิวานันท์ บุตรชายของคุณทิพย์ประภา ที่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทของครอบครัวอยู่ตอนนี้ ทิวากรเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ 22 ปี จนตอนนี้เขาอายุ 28 ปีแล้ว ชายหนุ่มเรียนจบปริญญาโทตั้งแต่ 2 ปีแรกที่ไปถึง ก่อนจะใช้เวลาอีก 4 ปี ศึกษาดูงาน สั่งสมประสบการณ์เพื่อนำกลับมาพัฒนาธุรกิจของครอบครัว และตอนนี้เขากลับมาแล้ว กลับมาพร้อมความแค้นที่สุมอยู่ในอก
6 ปีที่จากไป ไม่มีวันไหนเลยที่เขาไม่คิดถึงบ้านเกิด และไม่มีวันไหนที่เขาจะลืมต้นเหตุที่ทำให้จำต้องจากครอบครัวไปไกล โดยเฉพาะสภาพเหมือนหมาที่ขึ้นเครื่องบินวันนั้น วันที่เขาหอบทุกความเจ็บปวด ความผิดหวังจากคนรัก หลบไปรักษาแผลใจไกลถึงต่างประเทศ!
“หกปีแล้วสินะที่ฉันจากไป... หวังว่าเธอจะเตรียมตัวเตรียมใจไว้พร้อมสำหรับการกลับมาของฉันนะเขมิกา เพราะจากวันนี้ไป จะเป็นการทวงแค้นของฉันทั้งหมด!” น้ำเสียงนุ่มทุ้มแฝงความเคียดแค้นไม่ดังไม่เบา ทว่าคนที่เพิ่งเดินกลับมาจากการไปเข้าห้องน้ำกลับได้ยินชัดเจน
“เฮ้! ยู ทำไมยูพูดแบบนั้นล่ะ ยูควรจะมีความสุขที่ได้กลับบ้านเกิดของยูสิ” เจ้าของน้ำเสียงแปร่งหูสำเนียงไทยไม่ชัดชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่อมาทันได้ยินคำพูดของเพื่อนสนิทเข้าพอดี
ทิวากรเหลือบตามองหญิงสาวข้างกายด้วยสายตาเรียบเฉยก่อนจะตอบไปว่า “ยูไม่เข้าใจไอหรอกแพตตี้ ไอเป็นผู้ถูกกระทำ จะไม่ให้เคียดแค้นชิงชังเลยคงไม่ได้ สภาพตอนนั้นของไอเป็นยังไงยูก็เห็น”
“เฮ้อ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงวันนี้ก็เป็นวันแรกที่ยูกลับไทยนะ ไอว่ายูควรจะยิ้มหน่อย ส่วนความแค้นอะไรพวกนั้นก็วางไว้ก่อนเถอะ ถ้ายูเป็นแบบนี้ไอจะเที่ยวอย่างมีความสุขได้ยังไง” เจ้าของใบหน้าสวยเฉี่ยวทอดถอนใจและกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอที่เป็นคนไทย
แพทริเซีย วาร์ด ลูกครึ่งสาวสวยเจ้าของดวงตาสีฟ้าเช่นเดียวกับบิดาชาวอังกฤษ และมีเส้นผมสีดำสนิทเช่นเดียวกับมารดาชาวไทยที่จากไปตั้งแต่เธออายุ 10 ขวบ เป็นเหตุให้ภาษาไทยของเธอไม่ค่อยแข็งแรง เพิ่งมาดีขึ้นก็ตอนรู้จักกับทิวากร ทว่ายังคงมีสำเนียงแปร่งหูและบางคำที่ยังพูดไม่ชัด
แพทริเซียรู้จักกับทิวากรเมื่อ 6 ปีก่อน ณ สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ยามนั้นเธอเห็นชายหนุ่มกระดกวอดก้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดต่าง ๆ อยู่คนเดียวหน้าบาร์ จึงได้เข้าไปทัก เพราะความเมาเป็นเหตุ ทิวากรจึงหลุดปากเล่าสิ่งที่ตนพบเจอมาหมดเปลือก และตัดพ้อต่อว่าหญิงสาวปริศนาที่เธอไม่เคยเห็นหน้าให้ฟังด้วยสภาพน่าสงสาร แพทริเซียรู้สึกเห็นใจหนุ่มต่างบ้านต่างเมืองคนนี้มาก ยิ่งเห็นว่าเขาเป็นคนเอเชียมาจากประเทศไทย ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของมารดา หญิงสาวจึงเต็มใจดูแลมากกว่าเดิม หลังจากวันนั้นทั้งเธอและเขาจึงตัดสินใจคบหากัน จนกลายมาเป็นยิ่งกว่าเพื่อนสนิทในวันนี้
6 ปีที่รู้จักกันมา ทำไมแพทริเซียจะไม่รู้ว่าทิวากรเป็นคนอย่างไร ความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเขาทำให้เธอไม่สบายใจ และกังวลว่าการกลับประเทศไทยของชายหนุ่มครั้งนี้ จะทำให้เพื่อนของเธอต้องเจ็บมากกว่าเดิม ซึ่งเธอไม่อยากให้เขาเจ็บ...
“ไม่ต้องห่วงไอหรอกแพตตี้ ไอไม่เป็นอะไรหรอก ยูไปเที่ยวอย่างสบายใจเถอะ” ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทเป็นห่วง แต่หากจะให้เขาวางความแค้นลง ละทิ้งทุกอย่างเริ่มต้นใหม่เขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน และเขามั่นใจว่าครั้งนี้คนที่เจ็บจะไม่ใช่เขาแน่นอน
“เฮ้อ ยูนี่นะ ไอไม่พูดกับยูแล้ว ไหนอะคนรถบ้านยูมารับหรือยัง ไอร้อนจะตายอยู่แล้วเนี่ย ประเทศไทยนี่แดดแรงจริง ๆ” รู้ว่าห้ามไปก็ไม่ฟัง แพทริเซียจึงหยุดพูดเรื่องที่จะทำให้ไม่สบายใจไปชั่วคราว แล้วถามหาคนขับรถของชายหนุ่มแทน ไม่วายบ่นอุบอิบให้กับอากาศร้อนที่กำลังเผชิญ
“น่าจะมาแล้วแหละ รอหน่อย” จบคำพูดของทิวากรก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“คุณทิวหรือเปล่าครับ ผมกายลูกตาเก่ง เอ่อ คุณพ่อน่ะครับ ท่านให้ผบมารับคุณทิว เพราะพ่อของผมต้องขับรถพาคุณท่านไปคุยงานข้างนอกน่ะครับ ทำให้มารับคุณทิวเองไม่ได้ แล้วต้องขอโทษที่มาช้านะครับ พอดีผมไปเข้าห้องน้ำมา” ชายหนุ่มร่ายยาวบอกความเป็นมาของตนพร้อมเหตุผลที่มาช้าทันที
“ลูกลุงเก่งงั้นเหรอ”
“ครับ”
ทิวากรนิ่งคิดไปชั่วครู่ ครั้นจำได้ว่าลุงเก่งเคยบอกว่ามีลูกชายอยู่ต่างจังหวัดคนหนึ่งจึงพยักหน้ารับ แล้วบอกให้กายนำไปที่รถ และตรงกลับบ้านทันที
บ้านศิวานันท์ ทิวากรมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าด้วยอารมณ์หลากความรู้สึก ก่อนที่เขาจะตรงไปที่สวนด้านข้างเพื่อดูอดีตต้นไม้ที่เขาเคยชอบ... ปล่อยให้กายทำหน้าที่ยกกระเป๋าเดินทางไปเก็บให้พุ่มไม้เล็ก ๆ สีเขียวที่ถูกตัดแต่งกิ่งอย่างดีปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้ความทรงจำที่เขาพยายามลืมแวบเข้ามา‘ชอบมันมากเลยเหรอครับ’‘ค่ะ เขมชอบมันมาก ว่ากันว่าต้นแก้วเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง นิยมปลูกกลางแจ้ง หากบ้านไหนปลูกก็จะส่งเสริมให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา แต่เขมไม่ได้สนใจเรื่องนั้นหรอกค่ะ เขมชอบเพราะรู้สึกว่ามันเหมือนเขม พี่ทิวรู้ไหมคะว่าต้นแก้วเนี่ย ดูแลง่ายมาก ๆ เลยนะคะ ทั้งยังทนแดดด้วย แล้วเวลาออกดอกนอกจากจะมีสีขาวดูบริสุทธิ์สวยแล้วยังหอมมาก ๆ ด้วยนะคะ สรรพคุณของต้นแก้วก็มีหลากหลายและมีประโยชน์สุด ๆ ไปเลยค่ะ ต้นแก้วนี้เขมให้พี่ทิวแล้วไม่รับคืนนะคะ ดูแลมันให้ดี ๆ ด้วย ไม่งั้นเขมไม่ยอมแน่’‘อ้อ พี่เข้าใจละ’‘เข้าใจว่าอะไรคะ’‘เข้าใจว่าที่พูดมายืดยาวเป็นเพราะอยากให้พี่ดูแลมันให้ดีนี่เอง ทั้งยังเจ้าเล่ห์แอบขู่พี่กลาย ๆ ว่าจะไม่ยอมถ้าไม่ดูแลมันให้ดี พูดแบบนี้หมายถึงต้นไม้หรือหมายถึงเขมกันแน่ครับ’‘ฮึ่ย พี่ทิวอะ ก็ต้องหมายถ
‘จัดการทุกอย่างเรียบร้อยหรือยัง’‘เรียบร้อยแล้วค่ะ’‘อย่าให้มีอะไรผิดพลาดล่ะ’‘ไม่มีแน่นอนครับ’เสียงโต้ตอบของพนักงานศิวานันท์ดังขึ้นเป็นระยะพร้อมกับความวุ่นวายของคนที่เดินสวนกันไปมา ท่ามกลางใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขมิกา“แหม... มีความสุขจังเลยนะ” อินทุอร เพื่อนสาวคนสนิทของหญิงสาวเอ่ยล้ออย่างอดใจไม่ไหว ที่เห็นเพื่อนของเธอยิ้มกว้างกว่าครั้งไหน ๆ อันที่จริงเธอก็มีความสุขกับเพื่อนมาก เพราะรอยยิ้มสดใสเต็มใบหน้าแบบนี้เธอไม่ได้เห็นมันมา 6 ปีแล้ว ขณะเดียวกันเธอก็มีความสุขแบบไม่สุด มันมีความกังวลเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาในใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม จู่ ๆ ความรู้สึกแบบนี้ก็เกิดขึ้นมาพร้อมกับความคิดที่ว่าไม่อยากให้เขมิกาเจอกับทิวากรอีกครั้งเลย...แต่บางทีเธออาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ มันคงไม่มีอะไรหรอก... มั้ง?“ปกติน่าอิน” หญิงสาวปฏิเสธทว่าทั้งปากและดวงตาก็ยิ้มพราวระยับจนหนุ่ม ๆ หลายคนที่มองมาทางนี้ระทวยกันเป็นแถบ ๆ “เฮ้อ แกนี่นะ เขม ฉันถามแกตรง ๆ นะ แกได้เผื่อใจไว้บ้างหรือเปล่า เผื่อว่าบางทีพี่ทิวเขาอาจมีคนใหม่ไปแล้ว”เขมิกาชะงักไปเสี้ยววินาทีก่อนจะยิ้มบางแล้วตอบกลับไปว่า “นิดหน่อยน่ะ แต่คุณป้าก็บอกแล้วว่าพี
เขมิกามองไปยังหน้าประตูอีกครั้งด้วยแววตาสงบนิ่งทั้ง ๆ ที่ในใจรวดร้าวกับภาพความสนิทสนมของเขากับหญิงสาวชาวลูกครึ่ง เธอคนนั้นควงแขนชายหนุ่มอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทั้งยังฉีกยิ้มหวานให้เป็นรางวัลเมื่อถูกเขาเอาใจ ภาพตรงหน้าทำเอาเธอแทบรับไม่ไหวทว่าต้องทนมองให้ได้ มองให้รู้ว่าเขาไม่ใช่ของเธออีกต่อไปแล้วไม่มีพี่ทิวของเธออีกแล้วมีแต่พี่ทิวของคนอื่น...“ยินดีต้อนรับค่ะ/ครับคุณทิวากร” เสียงพนักงานทั้งหมดกล่าวขึ้นพร้อมกัน ฉุดรั้งสติของเขมิกาให้กลับคืน เธอมองไปที่เขาอีกครั้งเห็นว่าเขามองเธออยู่เช่นกัน แต่สายตากลับต่างกันไป“เขม! เอาดอกไม้ไปให้ท่านรองได้แล้ว”“อะ อื้ม” หญิงสาวถูกเพื่อนสะกิดจึงเดินออกไปเบื้องหน้าก่อนจะหยุดตรงหน้าชายหนุ่มสองตาสบประสานกัน หนึ่งรักและรู้สึกผิด หนึ่งเย็นชายิ่งกว่าคืนวันในฤดูหนาวเขมิกากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะถอนสายตาออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อทนเห็นสายตาเย็นชาของเขาไม่ไหว รวมทั้งต้องรักษากิริยาเมื่อหญิงสาวที่ชายหนุ่มควงมาในวันนี้มองมาที่เธอเหมือนไม่พอใจ“ยินดีต้อนรับค่ะท่านรอง” คำพูดที่ตั้งใจจะเอื้อนเอ่ยยืดยาวกลับสั้นเพียงนิดเดียว ทั้งน้ำเสียงยังสั่นอยู่กลาย ๆ
‘คนสำคัญของฉัน’เขมิกานั่งนิ่งวนเวียนคิดถึงแต่คำพูดของบุคคลด้านในห้องทำงาน รวมถึงสายตาที่ใช้มองเธอในวันนี้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอกัน บอกตามตรงว่าเสียใจ ถึงจะคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แต่เอาเข้าจริงเธอกลับรับไม่ได้ เธอทนเห็นเขาใช้สายตาเย็นชาระคนรังเกียจไม่ได้จริง ๆ แต่จะทำอะไรได้เล่า เธอไม่มีสิทธิ์เรียกร้องใด ๆ อยู่แล้ว ที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวเธอเองไม่ใช่เหรอถ้าวันนั้นเธอเลือกที่จะคุยกับเขา อธิบายทุกอย่างให้เขาเข้าใจ มันคงไม่เป็นแบบนี้... มาคิดได้ตอนนี้ก็สายไปแล้วละ ในเมื่อแก้ไขไม่ได้ก็ต้องจำทนยอมรับและเผชิญหน้ากับมัน ส่วนความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา เห็นทีต้องกดเอาไว้ให้อยู่ลึกที่สุด เพื่อที่ใครอีกคนจะได้ไม่เสียใจหรือหวาดระแวงเรื่องในอดีตระหว่างตัวเธอกับทิวากรอีกอย่าง การมีอยู่ของผู้หญิงที่ชื่อแพทริเซีย นับเป็นเรื่องดีสำหรับเธอเหมือนกัน เพราะเธอจะได้ตระหนักรู้ ว่าข้างกายเขา มันไม่มีที่ว่างสำหรับเธออีกต่อไปแล้ว เป็นการตอกย้ำให้เธอเตือนตัวเอง ว่าไม่ควรรู้สึกกับเขาไปมากกว่านี้ถ้าไม่ต้องการเจ็บ ใช่ เพื่อความปลอดภัยต่อความรู้สึกแสนเปราะบาง เธอต้องไม่ถลำลึก และหยุดทุกอย่างไ
ทิวากรตีหน้ายุ่งปฏิเสธเสียงแข็ง ยิ่งเห็นเพื่อนสาวคนสนิทยังยิ้มล้อเลียนไม่เลิกก็ยิ่งไม่พอใจ พลันนึกถึงคนที่ทำให้เขาโดนเซ้าซี้ก็ยิ่งหงุดหงิดมากกว่าเดิม ‘เป็นเพราะเธอคนเดียวเขมิกา ออกไปแล้วยังสร้างความยุ่งยากใจให้ฉันอีก’“คิดอะไรอยู่”“ก็คิดถึงเรื่องที่ต้องประชุมไง ถามอะไรนักหนา นู่น! กลับไปนั่งที่โซฟาได้แล้ว มายืนทำไมตรงนี้ เกะกะ”“อ้าว! ยูเป็นคนลากไอมาเองนะ ใช้งานเสร็จแล้วชิ่งเหรอ” แพทริเซียพูดเสียงเขียวหากชายหนุ่มกลับไม่สนใจ ก้มหน้าอ่านเอกสารที่ผู้ช่วยส่วนตัวหยิบมาให้เมื่อครู่ เห็นดังนั้นหญิงสาวยิ่งฮึดฮัดใจ“เหอะ” หญิงสาวร้องในลำคอแล้วเดินทิ้งส้นไปกระแทกก้นนั่งที่โซฟา ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำหญิงสาวจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นและคุยกับ ‘พ่อ’ ไปพลาง ๆทิวากรเหลือบสายตามองเพื่อนสาวคนสนิทเล็กน้อย เห็นอีกคนคุยโทรศัพท์แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็ไม่สนใจอีก เขาแสร้งก้มหน้าอ่านเอกสารในมือ ทว่าแท้จริงแล้วหาได้สนใจตัวอักษรที่ปรากฏอยู่บนเนื้อกระดาษนั้นไม่ ชายหนุ่มหลุบสายตาครุ่นคิดกับตัวเอง‘สายตาเจ็บปวดแบบนั้นเธอก็แค่แกล้งทำ คงจะหวังให้ฉันตกลงไปในหลุมพรางของเธอล่ะสิ เสียใจด้วยเขมิกา ครั้งนี้ฉันไม่โง่! ฉั
ตั้งแต่ถูกทิวากรพูดจาร้าย ๆ ใส่ เขมิกาก็เริ่มปรับตัวและจุดยืนของตัวเองอีกครั้ง ในคราแรกเธอตั้งใจทำดีกับเขาให้มากเพื่อให้เขายกโทษให้ ไม่หวังให้ตัวเองกลับไปเป็นคนรัก แค่หวังให้เขาไม่โกรธเกลียดเธอแล้วก็พอ ทว่าหลังจากเห็นปฏิกิริยาที่ชายหนุ่มมีต่อตัวเองแล้ว หญิงสาวก็ได้แต่ทำใจในเมื่อเขารังเกียจเธอเสียยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน เธอก็จะไม่ยุ่งวุ่นวายให้เขารำคาญใจ ทำหน้าที่เลขาของตัวเองให้ดีก็พอ พอคิดได้แบบนั้น ความรู้สึกมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ในอกค่อย ๆ เบาบางลง ไม่ใช่ว่าไม่รัก ไม่ใช่ว่าทำใจหรือตัดใจได้ ที่ต้องวางเฉยก็เพื่อไม่ให้เขาเกลียดเธอไปมากกว่านี้เขมิกายืนทอดถอนใจอยู่หน้าบริษัทศิวานันท์กรุป ดวงตากลมโตจับจ้องประตูเข้าบริษัทอย่างละล้าละลัง ความคิดแรกที่จะตั้งใจทำหน้าที่เลขาของตัวเองให้ดี ไม่สนใจเรื่องเก่าก่อนหรือปัจจุบันระหว่างเธอและเขาอีก พอเอาเข้าจริงกลับทำไม่ง่ายเสียเลย แค่คิดว่าต้องเห็นหน้าเขาใจดวงน้อยก็แปลบไปทั้งดวงเฮ้อ จะถอยก็ไม่ได้ ได้แต่ก้มหน้าจำทนนั่นแหละนะ“น้องเขม มายืนทำเอ็มวีอะไรอยู่ตรงนี้ครับ ใกล้เวลาเริ่มงานแล้วนะ เดี๋ยวเข้าไปช้าก็โดนท่านรองประธานดุเอาอีกหรอก” ระหว่างที่ห
“คุณเขมิกาช่วยชงกาแฟมาให้ผมใหม่ด้วยครับ ถ้วยนี้เย็นชืดหมดแล้ว”วันนี้ก็เป็นเหมือนหลาย ๆ วันที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่เธอมาทำงานเป็นเลขาของเขาก็ถูกเจ้านายคนใหม่กลั่นแกล้งอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เฮ้อ! หญิงสาวถอนหายใจด้วยความปลดปลง ครั้งนี้เป็นรอบที่สามแล้วที่เสียงคนด้านในห้องทำงานใหญ่สั่งให้เธอชงกาแฟเข้าไปให้ ครั้งแรกบอกว่าหวานไป ทั้ง ๆ ที่เธอชงแต่กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล สูตรประจำที่เขาชอบ ครั้งที่สองบอกขมไปให้ไปชงให้ใหม่ ส่วนครั้งนี้บอกเย็นชืด แต่สิ่งที่เธอเห็นมันยังร้อนอยู่เลยนะ เขมิกาตวัดตามองเจ้าของคำสั่งด้วยความคับข้องใจ“ทำไม มีปัญหา?” ทิวากรถามเสียงเข้มหาเรื่อง“ค่ะ มีปัญหา” แล้วต้องแปลกใจเมื่อคนที่ไม่เคยมีปากเสียงมาตลอดสัปดาห์ยอมรับตรง ๆ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากเลิกคิ้ว วางมือจากงานเอกสารที่ทำ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ยกมือกอดอก สายตาคมปลาบจับจ้องไปยังดวงหน้าหวานที่เขาชื่นชอบ ไม่สิ เคยชื่นชอบให้พูดต่อเขมิกาทำใจกล้าเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดออกไปตรง ๆ ตามความรู้สึกว่า “ท่านรองจะกลั่นแกล้งเขมไปถึงไหนคะ สัปดาห์ก่อนเรียกเขมไปตำหนิเรื่องมาสาย สัปดาห์นี้ให้เขมเอาเอกสารเก่า ๆ มานั่งสรุปให้ ไม่ก็สั่งงานก่อน
“ท่านรองคะ วันนี้บ่ายโมงตรงท่านรองมีนัดกับหุ้นส่วนนะคะ เพื่อพูดคุยทำข้อตกลงโครงการใหม่ที่ทางนั้นเสนอมาให้เราร่วมลงทุนค่ะ”ทิวากรชะงักมือที่กำลังจรดปลายปากกาบนเอกสารสำคัญ ชายหนุ่มคิดเล็กน้อยก่อนถาม “โครงการรีสอร์ตที่เชียงรายที่ทางนั้นไปเทคโอเวอร์มาใช่ไหม”“ค่ะ”“เข้าใจแล้ว เธอก็ไปด้วยละ แต่งตัวให้มันดี ๆ ฉันไม่อยากให้ใครมาสบประมาทฉันได้ว่าใช้งานเลขาหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง น่าเบื่อชะมัดแค่นี้ก็ต้องให้บอก” ชายหนุ่มบอกพลางบ่นอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นเลขาคนสวยผมเผ้าไม่เรียบร้อย“ค่ะ” หญิงสาวกัดฟันตอบรับ นึกแค้นในใจ ไอ้ที่สภาพเธอเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เพราะเขาใช้งานเธอจนหัวหมุนหรือไง ยังไม่ทันเที่ยงเธอก็ใช้มือขยี้หัวตัวเองไม่รู้กี่รอบแล้ว ถ้าผมยังอยู่ทรงเหมือนตอนมาก็บ้าแล้ว!“ออกไปได้แล้ว เอากาแฟมาให้ฉันด้วย ชงมาให้ดีละ ถ้าครั้งนี้เธอพยศใส่เกลือมาให้ฉันกินเหมือนคราวก่อนละก็ เธอเจอดีแน่” ชายหนุ่มขู่คนตัวเล็ก ที่ตอนแรกเหมือนจะยอมรับชะตากรรมให้เขาแกล้ง ที่ไหนได้ผ่านไปไม่ทันไรก็พยศขึ้นมา เธอช่างกล้าเอาเกลือใส่กาแฟให้เขากิน ยังจำรสชาติเค็มบาดจิตบาดใจไม่หายเลย นี่โรคไตไม่ถามหาก็ถือว่าเขาโชคดีสุด ๆ แ
ณ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ งานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ถูกจัดขึ้นที่ห้องบอลรูมของโรงแรมในเครือศิวานันท์กรุป โดยมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน ไล่ตั้งแต่พนักงานระดับล่างตลอดจนพนักงานระดับสูง ทั้งยังรวมไปถึงผู้บริหารตำแหน่งต่าง ๆ และหุ้นส่วนบริษัทคนสำคัญซึ่งงานเลี้ยงบริษัทศิวานันท์ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากเป็นการจัดเลี้ยงครบรอบไตรมาสของบริษัทแล้ว ยังเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ในบริษัทอีกด้วยร่างสูงในชุดเรียบหรูสมกับตำแหน่งประธานบริษัท นั่งอยู่บริเวณโต๊ะด้านหน้าเวที ควงคู่มากับสองสาวต่างวัย ขวามือเป็นมารดาที่อยู่ในชุดหรูหราตามวัย ซ้ายมือคือร่างระหงของเขมิกาที่อยู่ในชุดเดรสยาวของแบรนด์ดังยี่ห้อหนึ่ง ขับเน้นให้เจ้าของร่างแบบบางดูสวยสง่า และน่าทะนุถนอมไปในตัว ซึ่งแขกเหรื่อคนอื่น ๆ ก็นั่งโต๊ะถัดไปตามตำแหน่งเมื่อถึงเวลาหลักของการจัดงาน พิธีกรมืออาชีพเริ่มหน้าที่ของตนเอง ตั้งแต่เชิญทิวากรไปกล่าวเปิดงาน ตลอดจนประกาศมอบรางวัลให้พนักงาน เช่น พนักงานดีเด่นประจำบริษัท ประกาศเลื่อนตำแหน่งของพนักงานบางคน ตลอดจนอื่น ๆ ก่อนจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกที่ทุกคนรอคอย นั่นคือการจับฉลากแลกของขวัญ บ้างได้ชิ้
วันเวลาเลื่อนผ่าน ทิวากรกับเขมิกาปลูกต้นรักด้วยกันมาร่วมปีแล้ว เส้นทางรักครั้งนี้ไม่ได้ฉาบฉวยหากเต็มไปด้วยความรักความเข้าใจ มีแง่งอนบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายก็เข้ากันได้ดี และทุกครั้งหลังจากที่ทะเลาะ ทั้งสองจะรักและเข้าใจกันมากกว่าเดิม ซ้ำบรรยากาศที่แผ่ออกมายังหวานชื่นไม่เปลี่ยนเสียจนคนรอบข้างยังลอบอิจฉาเรียกได้ว่าความรักของพวกเขาสุกงอมเต็มที่ หลาย ๆ คนต่างเฝ้ารอข่าวดี และเป็นที่จับตามองเนื่องจากทิวากรเป็นลูกชายเพียงคนเดียว และทายาทสายตรงของศิวานันท์ ทั้งนี้ชายหนุ่มยังเข้ารับตำแหน่ง CEO เป็นประธานบริษัทศิวานันท์แบบเต็มตัวแล้วด้วย ในวันประกาศขึ้นรับตำแหน่งจากมารดา นอกจากชายหนุ่มจะเอ่ยเกี่ยวกับการรับผิดชอบหน้าที่ของตน ให้ผู้บริหารรวมถึงหุ้นส่วนคนสำคัญต่าง ๆ มั่นใจกับการทำงานของตนเองแล้ว เขายังประกาศเปิดตัวคนรักอย่างเอิกเกริก จนเกิดแฮชแท็กทายาทศิวานันท์เปิดตัวคนรัก ดังขึ้นมาแซงข่าวการขึ้นรับตำแหน่งของตัวเองเสียอีก สาวน้อยสาวใหญ่ที่เคยจ้องเขาก่อนหน้านี้ต่างอกหักไปตาม ๆ กัน แน่นอนชายหนุ่มไม่ได้สนใจใครนอกจากแฟนสาวเขมิกากลายเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาของใครหลาย ๆ คนไปทันที เช่นเดิม มีคน
“ปกติพี่ทิวก็ดูฉลาดนะคะ ทำไมตอนนี้ถึงซื่อบื้อจังเลยล่ะ” เขมิกาไม่ตอบแต่ตั้งคำถามแทนชายหนุ่มที่ตั้งใจฟังและกำลังจะตอบทันเอะใจ เมื่อครู่เธอเรียกเขาว่าพี่และแทนตัวเองว่าเขมใช่ไหม?“เมื่อกี้เขมเรียกพี่ว่าอะไรนะครับ” เพื่อความแน่ใจจึงรัวคำถามทันที“เรียกว่าพี่ทิวค่ะ”หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงก่อนถามอีกครั้ง “แล้วแทนตัวเองว่าอะไรนะครับ”“เขมค่ะ”ได้ฟังคำตอบรอยยิ้มจึงปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา “ เขม... เขมเรียกแทนตัวเองว่าเขม และเรียกพี่ว่าพี่”“ก็ใช่ไงคะ ตกใจอะไรกัน”“ก็ ก็พี่คิดว่าเขมจะโกรธเกลียดพี่นี่ แต่ว่าเขมเรียกพี่แบบนี้แสดงว่าเขมไม่ได้โกรธเกลียดพี่จริง ๆ ใช่ไหมครับ”เขมิกาลอบกลอกตา “ก็ถ้าโกรธถ้าเกลียดเมื่อคืนจะยอมให้ทำอะไรเหรอคะ”ทิวากรชะงัก “เขม! นี่หมายความว่าเขมให้โอกาสพี่แล้วใช่ไหมครับ”“อื้อ” ตอบพลางพยักหน้า“ให้โอกาสที่หมายถึง ยินดีคบหากับพี่เป็นคนรัก เป็นแฟนกันแล้วใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามรัวเร็วไม่เก็บกิริยา จากที่นอนกอดหญิงสาวอยู่ก็ผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็ว จับไหล่คนตัวเล็กทั้งสองข้างรั้งเธอออกจากตัวเล็กน้อย แล้วก้มหน้ามองสบตากับหญิงสาวด้วยความคาดหวังกับคำตอบเขมิกาแม้จะขวยอาย ที่ถูกถามตอ
ค่ำคืนสุดเร่าร้อนผ่านไปเช้าวันใหม่ก็มาเยือน ทิวากรนอนก่ายหน้าผาก กลัดกลุ้มกับเหตุการณ์เมื่อคืน เขาไม่ได้เสียใจที่กระทำการร่วมรักเป็นหนึ่งเดียวกันกับเธอ หากแต่กังวลกลัวว่าเขมิกาจะเกลียดตัวเอง ที่ฉวยโอกาสตอนเธอไม่ได้สติ ทว่าหากย้อนเวลากลับไปเขาก็จะทำมันเช่นเดิมเสียงครวญครางแว่วหวานใต้ร่างทำให้เขามีความสุขมาก มีความสุขมากเสียจนเคี่ยวกรำเธอทั้งคืนรังแกจนตัวเธอแดงไปหมดทั้งตัว!ไม่มีตรงไหนของร่างกายที่เขาไม่ทิ้งรอยรักเอาไว้ รอยแดงสีกุหลาบที่เห็นได้ชัดที่สุดคงจะเป็นเนินอก ส่วนลำคอระหงเขาทิ้งไว้นิดหน่อย อยากประกาศให้รู้ว่าเขมิกามีเจ้าของแล้ว หากไม่กล้าทิ้งไว้มากและชัดเกินไปนัก มันจึงกลายเป็นรอยจาง ๆ ที่หากไม่ตั้งใจมองก็คงไม่เห็นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนความสุขพลันเอ่อล้น ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้ม แววตาของเขาระยิบระยับระคนอ่อนโยนยามมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆเขมของเขาน่ารักจริง ๆใช่เมื่อคืนเธอน่ารัก แต่ไม่รู้ตื่นมาจะยังน่ารักอยู่ไหม เขากลัวเธอกลายร่างจริง ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรับมือเธออย่างไร แล้วถ้าเกิดเธอโกรธเกลียดตัวเองขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น เฮ้อ! ปวดหัวจริง ๆคิดดูแล้วความสุขที่มีกลับไม่เต็มร้
“อืม... ทั้งหวานทั้งหอม เขมหวานไปทั้งตัวเลยครับ” เขาครวญครางเสียงพร่า แต่หญิงสาวไม่มีสติรับรู้อะไรอีกแล้ว ความเสียวที่เธอไม่เคยสัมผัสมาทั้งชีวิต กำลังเล่นงานเธออย่างหนัก จนเกือบจะถึงฝั่งฝัน แต่กลับถูกคนตัวโตกลั่นแกล้ง หยุดการกระทำวาบหวาม จนเธอต้องเขม่นมองแรงด้วยความขัดใจ ทิวากรดึงมือออกจากร่องรูแสนคับแคบ คว้าถุงยางอนามัยขึ้นมาฉีก ก่อนสวมมันกับแก่นกายที่แข็งตัวพร้อมรบทิวากรรูดรั้งแก่นกายของตัวเองสองสามที จ่อปลายหัวบานหยักกับปากทางเล็ก ค่อย ๆ เสือกหัวใหญ่เข้าไปในช่องทางแสนคับแคบ“อื้อ! เจ็บ เขมเจ็บ” คนตัวเล็กร้องลั่นพร้อมทั้งพยายามที่จะถอยหนีหากไม่พ้น เพราะถูกชายหนุ่มจับยึดเอวคอดกิ่วไว้ เขาขบกรามแน่นกับความตอดรัดทั้ง ๆ ที่มันเพิ่งเข้าได้แค่หัว เห็นใบหน้าสวยอาบด้วยน้ำตาพลันสงสาร แต่ถ้าจะให้หยุดตอนนี้ เขาไม่ยอมแน่ทิวากรไม่ฝืนดันทุรังฝ่าเข้าไปทันที เข้าเลือกที่จะครอบโพรงปากยังยอดอกสีชมพู แล้วออกแรงดูดดึง ในขณะที่มือขวาไม่หยุดขยี้ปุ่มกระสันเรียกน้ำหวานให้อาบชโลมไปทั่วร่องรักเขมิกาซ่านเสียวจนลืมความเจ็บปวด ช่องทางรักชื้นแฉะเต็มไปด้วยน้ำหวาน ยิ่งนานยิ่งเสียวจนเธอต้องหาทางระบายออก โดยการจิ
“อ๊ะ” เขมิกาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวทาบลงมาที่ลำคอขาว ก่อนเอียงคออำนวยความสะดวกให้เขาด้วยความยินดี แขนเรียวยกคล้องต้นคอหนาของเขาในเวลาต่อมาทิวากรมีสติครบถ้วน แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปก่อนหน้าไม่อาจทำให้เขามึนเมาได้ ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังเมาเมารัก...เมาเขมิกา...ทิวากรอยากให้ครั้งแรกของเราเป็นไปอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม อยากให้ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยความลึกซึ้งตรึงใจ หากความรู้สึกวาบหวามที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาไม่อาจทำได้อย่างใจหวัง ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยพายุเฮอริเคนที่พร้อมโหมกระหน่ำทุกช่วงเวลา แทนที่จะเป็นสัมผัสหวานล้ำตรึงใจอย่างที่ตั้งใจทิวากรไม่ปิดบังความต้องการพอ ๆ กับเขมิกาที่พร้อมเปิดรับทุกสัมผัสจากเขามือหนาลูบไล้สัมผัสไปทั่วเรือนกายบอบบาง ก่อนที่จะถอดชุดของเธอที่แสนจะเกะกะในสายตาทิ้งไปอย่างไม่ไยดี โดยมีเจ้าของร่างให้ความร่วมมือเต็มที่ทันทีที่ชุดหลุดออกไปจากร่างระหง ลำคอของชายหนุ่มแห้งผากจนเขาต้องรีบกลืนน้ำลาย ก่อนเข้าจู่โจมที่เนินอกสล้างอย่างที่ใจต้องการสองมือกอบกุมบีบเคล้นความนุ่มเด้ง จรดริมฝีปากขบเม้มดูดดึงเนื้อขาวจนเกิดรอยแดง ก่อนที่โพรงปากอุ่นร้อนจะเข้
23:45 น.ทิวากรขับรถพาคนเมามาส่งที่คอนโดมิเนียม เขารู้ว่าเธอไม่ได้เมาเต็มที่เพียงแค่กรึ่ม ๆ ทว่าเขาไม่กล้าพูดคุยอะไรกับเธอมากนัก ดังนั้นตลอดการเดินทางจึงมีเพียงเสียงเพลงสากลที่เขาเปิดคลอเท่านั้น“ถึงแล้วครับ” ชายหนุ่มบอกคนที่นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ“อืม คุณก็ขับรถไปจอดสิ จะได้เข้าไปคุยกันในห้อง”ทิวากรตาวาวเมื่อเธอพูดว่าให้เขาเข้าไปในห้องได้ ทว่าเพียงแวบเดียวเท่านั้น ไอ้ดีใจก็ดีใจอยู่หรอก แต่ดูจากปฏิกิริยาของเธอแล้ว กลัวเรื่องที่คุยมันจะไม่ดีอย่างที่คิดน่ะสิชายหนุ่มรู้สึกหวาดหวั่นแต่ไม่ปฏิเสธ ขับรถเข้าไปจอดยังลานจอดรถ ก่อนเดินเข้าคอนโดมิเนียมพร้อมกันทิวากรมองสำรวจห้องของเขมิกาอย่างถ้วนถี่ หลังจากพาตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องของเธอได้แล้ว โทนห้องสีขาวสะอาดตา ตกแต่งเรียบง่ายไม่หวือหวา ด้วยสไตล์มินิมอลอย่างที่เจ้าของห้องชอบ ทว่ากลับน่าอยู่จนเขาอยากหอบเสื้อผ้ามานอนกับเธอมาก ๆ “น้ำ” เขมิกาพูดพลางยื่นแก้วน้ำให้ ก่อนหย่อนก้นนั่งที่โซฟาตัวเดียวกันจนชายหนุ่มเกร็งขึ้นมาทิวากรไม่ได้ดื่มน้ำในทันที เขามองหน้าหญิงสาวอย่างกระวนกระวายรีบร้อนอธิบายให้เธอเข้าใจ“พี่ไม่ได้มีอะไรกับเขาจริง ๆ นะครับเขม เขามาอ่
ณ ห้องน้ำผับ ทิวากรเช็ดเสื้อที่เปียกด้วยความหงุดหงิด เขาไม่ได้บรรจงมากนักเพราะเป็นห่วงเขมิกา กลัวเธอจะได้รับอันตราย ตั้งใจว่ารีบเช็ดให้เสร็จจะได้รีบกลับไปนั่งดูเธอต่อ ทว่าใครจะคาดคิดเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำก็ชนเข้ากับผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่คนหนึ่ง“โอ๊ย!”“ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบนิ่งมองคนที่ตั้งใจชนเขาอย่างเย็นชาหญิงสาวปริศนาที่ชนเขาช้อนตามองอย่างมีจริตจะก้าน รอยยิ้มยั่วเย้าสายตายั่วยวนถูกส่งออกไปหวังให้คนตรงหน้าหลงใหล“ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วก็หลีกทางด้วยครับ แฟนผมรออยู่” ชายหนุ่มแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่ปรารถนาสานต่อความสัมพันธ์ หากหญิงสาวตรงหน้าไม่สะทกสะท้าน เธอบิดรอยยิ้มทรงเสน่ห์ เดินเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพง ของผู้ชายที่เธอต้องมาเล่นบททดสอบ‘เรนนี่’ ที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะอ่อยเฉย ๆ ประหวัดไปถึงคำพูดของปานวาดที่ส่งเธอมายั่วยวนคนตรงหน้า รู้สึกไม่อยากทำแค่ยั่วยวนเสียแล้ว กลิ่นกายบุรุษเพศ หน้าตาผิวพรรณของเขาตรงใจเธอจริง ๆ เธออยากได้เขา!ความปรารถนาของเธอแสดงออกชัดเจนผ่านม่านดวงตา หากทิวากรเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบค่อนไปทางรำคาญ เขาตัดปัญหาโดยการเดินเลี่ยงไปอีกท
“คืนนี้ไม่ต้องโทรหานะคะ ไม่รับ” หญิงสาวพูดขึ้นระหว่างรอหมูสุกคิ้วเข้มขมวดเป็นปมพลางถาม “ทำไมล่ะครับ”“คืนนี้ฉันจะไปเที่ยวกับเพื่อนค่ะ”“กับใครครับ”“เพื่อนค่ะ”“ไม่ใช่ครับ พี่หมายถึงเพื่อนคนไหน”เขมิกาเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างพิจารณา นอกจากสายตาที่แสดงออกว่าเป็นห่วงเธอแล้ว ก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจอะไรจึงระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนพูด“กับยัยอิน ยัยวาดค่ะ”“ไปกันแค่สามคน ทั้งยังมีแต่ผู้หญิงเนี่ยนะ!” คราวนี้คิ้วชายหนุ่มผูกเป็นโบมากกว่าเดิม ความไม่สบายใจแทรกซึมเข้ามาจนสลัดทิ้งไม่ได้“ค่ะ อยากเที่ยวตามประสาผู้หญิง”“ไม่ได้ครับ พี่ไม่โอเคเลย”“มะ...” พูดยังไม่ทันจบประโยคเขาก็แทรกขึ้น“พี่รู้ว่าตอนนี้พี่ยังไม่มีสิทธิ์ แต่ที่พี่ห้ามเพราะพี่เป็นห่วง กลางค่ำกลางคืนไปกันแค่สามคนทั้งยังมีแต่ผู้หญิงอันตรายตายเลย พี่เป็นห่วง และไม่สบายใจครับ”“...” เขมิกาไม่พูดเข้าใจในความรู้สึกเขา แต่ถ้าไม่ให้เธอไปก็ไม่ยอมเช่นกัน เธอนัดกันไว้แล้ว อย่างไรนัดนี้ต้องไม่ล่ม “เอางี้ ถ้าเขมอยากไปพี่จะไปด้วย สัญญาว่าจะไม่ยุ่งวุ่นวาย ไม่ก้าวก่าย จะปล่อยให้เขมสนุกกับเพื่อนอย่างเต็มที่โอเคไหมครับ”“แน่นะ” ถามด้วยความไม่เชื่อว