เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว

เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว

โดย:   ปู้ปู้เซิงฮวา  อัปเดตเมื่อครู่นี้
ภาษา: Thai
goodnovel4goodnovel
คะแนนไม่เพียงพอ
40บท
12views
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

แชร์:  

รายงาน
ภาพรวม
แค็ตตาล็อก
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป

ฉันรักเจียงอวี้เหิงมาสิบปี แต่ได้กลับมาเพียงหนึ่งประโยค “อาหารจืดชืด ไม่น่าสนใจ” แล้วเขาก็หันกลับไปใช้เวลากับผู้หญิงอีกคนทั้งคืน... ความรักตั้งแต่วัยเยาว์กลับไม่ผลิบาน ฉันไม่อยากเป็นตัวสำรองอีกต่อไปแล้ว หลังจากนั้น ฉันก็แต่งงานกับคนอื่น กลางดึก เจียงอวี้เหิงเคาะประตูห้องของฉัน “ซานซาน...” “คุณเจียงมีธุระอะไร?” ฉันเพิ่งเปล่งเสียงออกไป เสียงเซ็กซี่ของชายในห้องนอนก็ดังขึ้นมา “ที่รัก คุณวางชุดชั้นในของผมไว้ตรงไหน?” เจียงอวี้เหิงโซเซเล็กน้อย แทบจะกระอักเลือดออกมาตรงหน้าฉัน... หลังจากนั้นไม่นาน ฉันก็เห็นโพสต์ของเจียงอวี้เหิง เขาบอกว่า... บางคนทำพลาดไปแล้วก็คือพลาดทั้งชีวิต ตอนนี้เธอรักนาย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะรักนายไปตลอด ดังนั้นต้องรักและทะนุถนอมเอาไว้ให้ดี

ดูเพิ่มเติม

บทล่าสุด

การดูตัวอย่างฟรี

บทที่ 1

“นายบอกมาตามตรงเถอะ เคยทำกับเฉียวซานไหม?”น้ำเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังออกมาจากรอยแยกของประตู ทำให้ฉันที่กำลังจะเข้าไปหยุดชะงักการเคลื่อนไหวฉันเห็นเจียงอวี้เหิงนั่งเม้มริมฝีปากบางอยู่ที่ตำแหน่งด้านบนผ่านรอยแยกของประตู “เธอเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน แต่ฉันไม่สนใจ”“เจียงอวี้เหิง นายอย่าดูถูกคนขนาดนั้นสิ เฉียวซานเป็นคนสวยที่ได้รับการยอมรับในแวดวงของพวกเรา มีคนไม่น้อยเลยนะที่สนใจเธอ”คนที่พูดคือเซี่ยเซียวเพื่อนสนิทของเจียงอวี้เหิง ทั้งยังเป็นสักขีพยานในความรู้สึกสิบปีระหว่างฉันกับเจียงอวี้เหิงด้วย“คุ้นเคยกันเกินไป นายเข้าใจไหม?” เจียงอวี้เหิงขมวดคิ้วตอนที่ฉันอายุสิบสี่ปี ก็ถูกส่งมาที่ตระกูลเจียง และเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอเจียงอวี้เหิง ตอนนั้นทุกคนบอกฉันว่าคนที่ฉันจะต้องแต่งงานด้วยในอนาคตก็คือเจียงอวี้เหิงนับตั้งแต่นั้นมาพวกเราก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน จนผ่านมาถึงสิบปี“ก็ใช่ พวกนายทำงานในบริษัทด้วยกันทุกวัน เจอหน้ากันอยู่ตลอด ตอนเย็นก็กลับไปกินข้าวด้วยกัน เกรงว่าแม้แต่วันหนึ่งอีกฝ่ายผายลมหรือถ่ายหนักกี่ครั้งก็ยังรู้อย่างละเอียดด้วยซ้ำ”เซี่ยเซียวล้อเล่นจบก็จิ๊ปากสองครั้ง “ตอนนี้ไม่ใช่ยุคท...

หนังสือน่าสนใจจากยุคเดียวกัน

ความคิดเห็น

ไม่มีความคิดเห็น
40
บทที่ 1
“นายบอกมาตามตรงเถอะ เคยทำกับเฉียวซานไหม?”น้ำเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังออกมาจากรอยแยกของประตู ทำให้ฉันที่กำลังจะเข้าไปหยุดชะงักการเคลื่อนไหวฉันเห็นเจียงอวี้เหิงนั่งเม้มริมฝีปากบางอยู่ที่ตำแหน่งด้านบนผ่านรอยแยกของประตู “เธอเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน แต่ฉันไม่สนใจ”“เจียงอวี้เหิง นายอย่าดูถูกคนขนาดนั้นสิ เฉียวซานเป็นคนสวยที่ได้รับการยอมรับในแวดวงของพวกเรา มีคนไม่น้อยเลยนะที่สนใจเธอ”คนที่พูดคือเซี่ยเซียวเพื่อนสนิทของเจียงอวี้เหิง ทั้งยังเป็นสักขีพยานในความรู้สึกสิบปีระหว่างฉันกับเจียงอวี้เหิงด้วย“คุ้นเคยกันเกินไป นายเข้าใจไหม?” เจียงอวี้เหิงขมวดคิ้วตอนที่ฉันอายุสิบสี่ปี ก็ถูกส่งมาที่ตระกูลเจียง และเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอเจียงอวี้เหิง ตอนนั้นทุกคนบอกฉันว่าคนที่ฉันจะต้องแต่งงานด้วยในอนาคตก็คือเจียงอวี้เหิงนับตั้งแต่นั้นมาพวกเราก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน จนผ่านมาถึงสิบปี“ก็ใช่ พวกนายทำงานในบริษัทด้วยกันทุกวัน เจอหน้ากันอยู่ตลอด ตอนเย็นก็กลับไปกินข้าวด้วยกัน เกรงว่าแม้แต่วันหนึ่งอีกฝ่ายผายลมหรือถ่ายหนักกี่ครั้งก็ยังรู้อย่างละเอียดด้วยซ้ำ”เซี่ยเซียวล้อเล่นจบก็จิ๊ปากสองครั้ง “ตอนนี้ไม่ใช่ยุคท
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 2
เจียงอวี้เหิงได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้น สายตาจ้องมาที่ใบหน้าของฉัน ไม่ต้องมองฉันก็รู้ว่าสีหน้าของฉันแย่มากแค่ไหน“ไม่สบายเหรอ?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยฉันเดินไปที่หน้าโต๊ะทำงานของเขาอย่างเงียบ ๆ และกล้ำกลืนความขมขื่นในลำคอ “ถ้าคุณไม่อยากแต่งงานกับฉัน ฉันกลับไปบอกคุณแม่เจียงก็ได้”รอยย่นระหว่างคิ้วของเจียงอวี้เหิงลึกกว่าเดิม เขารู้ว่าฉันได้ยินบทสนทนาของเขากับเซี่ยเซียวในลำคอของฉันฝาดเฝื่อน “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตอนนี้จะกลายเป็นคนจืดชืด เจียงอวี้...”“ในสายตาของทุกคน พวกเราเป็นสามีภรรยากันตั้งนานแล้ว” เจียงอวี้เหิงขัดจังหวะเสียงพูดของฉันแล้วยังไงล่ะ?เขาจะแต่งงานกับฉันเพื่อทุกคนเหรอ?ฉันคิดว่าเป็นเพราะเขารักฉัน จึงอยากแต่งงานกับฉันและอยู่กับฉันไปทั้งชีวิตเจียงอวี้เหิงปิดปากกาในมือเสียงดังเป๊าะ สายตาตกลงมาที่ทะเบียนบ้านในมือของฉัน “วันพุธหน้าพวกเราจะไปจดทะเบียนสมรสกัน”คำพูดนี้คือสิ่งที่ฉันต้องการ แต่ตอนนี้กลับทำให้ฉันลำบากใจมาก อึดอัดมาก...ฉันก้มหน้า ส่ายหัวเบา ๆ “เจียงอวี้เหิง คุณไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองหรอก ฉันก็ไม่ได้ต้องการความเห็นใจแบบนี้จากคุณ”“เฉียวซาน!” เขาเรียกชื่อของฉันด
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 3
ทั้งวันฉันคิดเกี่ยวกับคำถามนี้ จนกระทั่งเขามาเรียกฉันตอนบ่าย ฉันยังไม่มีคำตอบ แต่ก็ยังเดินตามเขาไปความเคยชินเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก ช่วงเวลาสิบปี ทำให้ฉันเคยชินกับเขาแล้ว ทั้งยังเคยชินกับการต้องกลับไปตระกูลเจียงหลังเลิกงานด้วย“ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ?” ระหว่างทางกลับไป เจียงอวี้เหิงคงจะรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ไม่ดีของฉัน จึงเป็นฝ่ายถามฉันก่อนฉันเงียบไปหลายวินาที “เจียงอวี้เหิง หรือว่าพวกเรา...”ประโยคหลังฉันยังไม่ทันพูดออกมา โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เบอร์ที่แสดงบนหน้าจอไม่ได้บันทึกชื่อเอาไว้ แต่ฉันมองออกอย่างชัดเจนว่ามือของเจียงอวี้เหิงกำที่พวงมาลัยแน่นขึ้นเขากังวล ซึ่งเห็นได้ไม่บ่อยนักฉันมองใบหน้าของเขาโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็รีบปิดการรับสายจากรถ เปลี่ยนไปเป็นบลูทูธ “ฮัลโหล...ได้ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”คุยโทรศัพท์เพียงสั้น ๆ เขาก็วางสายไปและมองมาทางฉัน “ซานซาน ผมมีธุระด่วนนิดหน่อยต้องไปจัดการ คงไปส่งคุณที่บ้านไม่ได้”ความจริงต่อให้เขาไม่พูด ฉันก็รู้ว่าเขาจะทิ้งฉันไว้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกทว่าก่อนที่เขาจะพูด ฉันก็ยังจินตนาการอยู่เลยว่าเขาจะไปส่งฉันก่อนส่วนลึกของหัวใจ รู้สึกเจ็บปวดขึ้นม
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 4
ชีวิตนี้ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาเข้าคุกข้อหาอนาจารฉันล้มใส่เด็กวัยรุ่นที่เพิ่งอายุสิบเจ็ดปีซึ่งยังเป็นผู้เยาว์ เขายืนกรานว่าฉันมีเจตนาที่ไม่ดีต่อเขาแม้ฉันจะปฏิเสธ แต่เขาก็ยังยืนกรานว่าฉันลูบคลำเขา“เธอลูบนายตรงไหน?” ตำรวจซักถามอย่างละเอียดมากเด็กหนุ่มชื่อโจวเหย่ เขามองฉัน และชี้ไปที่หน้าอกตัวเอง รวมถึงเอวของตัวเองด้วย “ตรงนี้กับตรงนี้...เธอลูบหมดเลยครับ”พูดบ้าอะไรเนี่ย!ฉันเกือบจะด่าออกมา เจียงอวี้เหิงเป็นผู้ชายที่หล่อขนาดนั้นฉันยังไม่เคยแตะต้องเลย เขาที่เป็นแค่เด็กหน้าเหม็นยังไม่โตเต็มที่ ฉันจะไปแตะต้องเขาทำไม?ตำรวจมองฉันอีกครั้ง ไม่รอให้เขาถามฉันก็ปฏิเสธออกไปก่อน “ฉันไม่ได้แตะต้องเขา แค่บังเอิญชนเขาเท่านั้นค่ะ”“คุณดื่มเหล้ามาเหรอ?” ตำรวจมองฉันด้วยแววตาแฝงความนัยในสังคมนี้ ผู้ชายจะเมาแค่ไหนก็เป็นเรื่องปกติ แต่แค่ผู้หญิงดื่มนิดหน่อยก็ล้วนถูกมองว่าไม่ได้ความแล้วฉันพยักหน้า “ดื่มค่ะ”“ดื่มมากแค่ไหน?” ตำรวจถามคำถามนี้ ซึ่งฉันไม่รู้จริง ๆ ว่ามันเกี่ยวอะไรกับเรื่องตอนนี้ทว่าฉันก็ยังตอบไปตามตรง “เบียร์หนึ่งขวดค่ะ”ตำรวจเผยแววตาไม่เชื่อออกมา ฉันนึกถึงเพื่อนสนิทขอ
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 5
มือของฉันซึ่งถูกจับไว้รู้สึกเจ็บปวด เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธอยู่นี่คือหึงกันเหรอ?เสียงในใจของฉันเพิ่งแวบขึ้นมา เจียงอวี้เหิงก็ปล่อยมือของฉัน ขณะที่มีสายตาเย็นชา “เฉียวซาน เพราะคำพูดแค่ประโยคเดียวของผม คุณถึงกับต้องโต้ตอบผมแบบนี้เลยเหรอ?”ฉันชะงักไป คาดไม่ถึงว่าเขาจะคิดแบบนี้“ไม่ใช่นะ ฉัน...” คำอธิบายของฉันยังไม่ทันจบก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน“คุณไปแตะต้องเขาตรงไหน? ไปแตะต้องเขาตรงนั้นจริงเหรอ?” เจียงอวี้เหิงกัดกรามแน่น แววตาดุดันราวกับจะกินคนเขาเป็นแบบนี้อย่างหาได้ยาก คงจะหึงจริง ๆทันใดนั้น ความทุกข์ที่ก้นบึ้งในใจฉันก็หายไปมาก ดูเหมือนเขาจะยังใส่ใจฉันอยู่ถ้าคิดว่าฉันเป็นเพียงน้องสาวหรือเพื่อน คงไม่สนใจที่ฉันไปแตะต้องผู้ชายคนอื่น“เปล่า” ฉันปฏิเสธอีกครั้งพูดจบ โจวเหย่ที่ออกมาจากด้านในก็พ่นคำพูดใส่ฉัน “ยัยโรคจิต มายุ่งอะไรกับพี่เขยฉัน?”คนพาลย่อมไม่อาจพูดคำพูดดี ๆ ออกมาได้ คำพูดนี้ไม่เกินจริงเลยสักนิดเห็นโจวเหย่มองฉันด้วยท่าทางพาลหาเรื่อง ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าเคยไปเป็นศัตรูกับเขาเมื่อชาติปางไหน?เห็นพี่สาวน้องชายเดินมาหาฉัน โดยเฉพาะเมื่อเห็นท่าทางที่เหมือนแสงจันทร์ขาวของโจวถง
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 6
โจวถงปลอดภัย เด็กก็ได้รับการช่วยเหลือแล้ว เธอจึงกลับมาที่ห้องผู้ป่วยสีหน้าของเธอซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำ กอปรกับรูปลักษณ์แสงจันทร์ขาวของเธอ ทำให้ดูอ่อนแอน่าสงสารจริง ๆ“คุณไม่ต้องคิดมาก เด็กไม่เป็นไรแล้ว” เจียงอวี้เหิงปลอบใจ“อวี้เหิง ฉันกลัวมากเลย” โจงถงน้ำตาไหลออกมาเจียงอวี้เหิงหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้เธอ โจวถงรับทิชชู่ไป ทั้งยังจับมือเขาไว้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาอิงอยู่บนหลังมือของเขาแม้เธอจะน่าสงสาร แต่เพราะน่าสงสารแล้วจะมาทำเหมือนคู่หมั้นของคนอื่นเป็นผู้ชายของตัวเองได้หรือ?ฉันเดินเข้าไป “พี่สะใภ้ หมอบอกว่าอารมณ์แปรปรวนของหญิงตั้งครรภ์จะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อเด็กด้วย คุณรักษาเด็กเอาไว้ได้อย่างยากลำบาก ถ้าร้องไห้แบบนี้อาจจะเกิดปัญหาขึ้นอีกก็ได้”ฉันพูดพลางยื่นมือออกไปจับเธอ และดึงเธอออกเงียบ ๆเพียงแต่เมื่อเห็นน้ำตาบนหลังมือของเจียงอวี้เหิง ในใจก็ยังรู้สึกไม่สบายใจนัก และมักจะรู้สึกว่าของของตัวเองถูกคนอื่นทำให้แปดเปื้อนฉันเป็นคนรักความสะอาด ทั้งการใช้ชีวิต และความรู้สึกก็ด้วยโจวถงราวกับคิดไม่ถึงว่าฉันจะเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ สีหน้าแข็งค้างไปอย่างเห็นได้ชัด แต่เพียงพริบตาเดีย
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 7
แม้ตอนนี้ฉันจะไม่ได้หวั่นไหวจนควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ตอนนี้หากเขารับโทรศัพท์หรือออกไป ฉันย่อมรู้สึกอับอายลูกกระเดือกของเขาขยับ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาตัดสายทิ้ง แล้วจูบลงบนคอกับกระดูกไหปลาร้าของฉันต่อ...ทว่าโทรศัพท์ก็ยังดังต่ออีกครู่หนึ่ง ฉันรู้ว่าหากไม่รับสายนี้ เกรงว่าฉันกับเจียงอวี้เหิงคงไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุขฉันหันไปพูดว่า “คุณรับสายเถอะ”เจียงอวี้เหิงมีสีหน้าไม่สบายใจเล็กน้อย ก่อนจะดึงผ้าห่มด้านข้างมาคลุมฉันไว้ และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนเดินไปทางระเบียงแม้เขาจะปิดประตูเลื่อนของระเบียงแล้ว แต่เสียงทุ้มต่ำของเขาก็ยังดังมาถึงฉัน“ผมไม่ไปแล้ว ให้พยาบาลช่วยดูแลคุณเถอะ”“ผมไม่ได้บอกว่าไม่สนใจคุณ... ผมรู้ว่าเป็นความผิดของผม... ได้ คุณอย่าร้องไห้เลย ผมจะไป จะไปตอนนี้เลย...”หลังจากนั้น ฉันก็ไม่ได้ยินเสียงพูดอีก ได้ยินเพียงเสียงจุดไฟแช็กเท่านั้นเจียงอวี้เหิงสูบบุหรี่เป็นครั้งแรกที่สูบบุหรี่ในบ้านประมาณสิบนาทีเจียงอวี้เหิงจึงจะกลับมา พร้อมกับกลิ่นบุหรี่ที่อบอวลอยู่ในอากาศเขามองฉันด้วยแววตาไม่สบายใจ “คือ...ผมต้องออกไปหน่อย โจวถง เธออยู่โรงพยาบาลไม่มีคนดูแล...”หาได้ยากที่เขาจ
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 8
“พี่ซาน ประธานเจียงโทรหาพี่”หยวนเสี่ยวไต้เดินตามฉันมา ยกโทรศัพท์ไว้ตรงหน้าฉันฉันประเมินความพยายามของเจียงอวี้เหิงต่ำเกินไป ในสถานการณ์แบบนี้ฉันทำได้เพียงรับโทรศัพท์ และพูดอย่างเป็นทางการมากว่า “ประธานเจียง มีอะไรจะสั่งเหรอคะ?”“ซานซาน” น้ำเสียงของเจียงอวี้เหิงแหบต่ำ และแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดอย่างชัดเจน “วันนี้ทำไมคุณถึงออกไปเร็วขนาดนี้ล่ะ ผมกลับมาบ้านไม่ทันรับคุณเลย”ฟังออกว่าเขาไม่ได้พูดเรื่องงาน ฉันจึงเดินออกมาไกลขึ้นเล็กน้อย “ออกมากินข้าวเช้า”“ขอโทษนะ ผม เมื่อคืน...ปลีกตัวไปไม่ได้จริง ๆ ก็เลยไม่ได้กลับไป”หัวใจของฉันเย็นเฉียบ มุมปากหัวเราะเย้ยหยันออกมา “ทำไมถึงปลีกตัวออกมาไม่ได้ล่ะ?”เจียงอวี้เหิง “...”ฉันกลั้นหายใจ ก่อนจะช่วยเขาพูด “หาพยาบาลดูแลไม่ได้เหรอ?”“...ใช่”ฉันไม่ได้พูดอะไรอีก เจียงอวี้เหิงเอ่ยว่า “ซานซาน คุณจะเสร็จธุระทางนั้นเมื่อไหร่ ผมจะไปรับคุณ ตอนเที่ยงพวกเราไปกินข้าวด้วยกันดีไหม?”ฉันไม่ได้กินข้าวกับเขามานานมากแล้ว จากที่โจวเหย่พูดเมื่อคืน เขามักจะไปอยู่กับโจวถงเสมอวันนี้จู่ ๆ ก็นัดกินข้าวกับฉัน เป็นเพราะจะชดเชยที่หยุดกลางคันเมื่อคืน หรือจู่ ๆ ก็มีจิ
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 9
“กินด้วยกันสิ!”เจียงอวี้เหิงไม่ได้ถามความเห็นของฉันก็ตอบรับไปแล้วโจวถงนั่งลง มองอาหารตรงหน้าด้วยสีหน้าอยากกิน “ปลาเผาเหรอ ช่วงนี้ฉันกำลังอยากกินอยู่พอดี”“ถ้างั้นสั่งฟัวกราส์อีกชิ้นให้คุณดีไหม?” ท่าทางที่เจียงอวี้เหิงถามดูเป็นธรรมชาติมาก“เพิ่มของหวานด้วย เอาเป็นไอศกรีมโยเกิร์ตราดซอสสตรอว์เบอร์รี น้ำผลไม้ฉันดื่มน้ำส้ม” โจวถงพูดจบก็ยังมองมาทางฉันด้วย “เฉียวซาน คุณอยากดื่มน้ำส้มสักแก้วไหม?”“ไม่ต้องหรอก ฉันจะดื่มน้ำเปล่า” พูดจบ ฉันก็เอาฟัวกราส์บนส้อมใส่เข้าปากนุ่มละเอียด ทั้งยังมีกลิ่นหอมจางๆ...“อาเหิง ฟัวกราส์ที่คุณเอามาให้ฉันหลายครั้งก่อนหน้านี้ก็มาจากร้านนี้ใช่ไหม?” คำพูดของโจวถงทำให้ฉันหยุดเคี้ยวฟัวกราส์ฉันมองเขา ก็เห็นเขามีท่าทีไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย “...อืม”มิน่าล่ะ เขาถึงได้รู้ว่าฟัวกราส์ร้านนี้อร่อย ที่แท้ก็เป็นเพราะเขาเคยซื้อให้คนอื่นหลายครั้งแล้ว แต่วันนี้เพิ่งเป็นครั้งแรกของฉันหรือเขาต้องการชดเชยความรู้สึกผิดในใจในชั่วพริบตาเดียว ฟัวกราส์ในปากของฉันก็รสชาติเปลี่ยนไป ถึงขั้นที่ทำให้ฉันกลืนไม่ลง“มิน่าล่ะ ตอนที่ฉันผ่านร้านนี้ถึงได้กลิ่นฟัวกราส์ที่คุ้นเคยมาก”
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 10
สีหน้าของโจวถงดูไม่น่ามองอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่เดิมทีขาวอยู่แล้วยิ่งขาวซีดมากขึ้นหลายส่วนมือที่ถือน้ำผลไม้อยู่สั่นเทา “ขอโทษนะ ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ”เธอดูบอบบางน่าสงสารมาก ราวกับฉันพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด จนทำให้เธอเจ็บปวดทว่าฉันยังไม่หยุด ในเมื่อพูดไปแล้วจึงพูดต่อไปให้หมด “บางทีคุณอาจจะไม่ได้ตั้งใจ แต่มันส่งผลกระทบต่อพวกเราจริง ๆ ในเมื่อพี่สะใภ้ไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนี้ก็ระวังด้วย ไม่ต้องขอโทษหรอก”“ถ้าหลินหยางยังอยู่ ฉันจะไม่รบกวนอาเหิงเด็ดขาด” โจวถงพูดขณะที่น้ำตาไหลรินอีกครั้งผู้หญิงเกิดจากน้ำ คำนี้ได้รับการพิสูจน์จากตัวเธอแล้วเธอพูดได้แยบยลมาก จนฉันเองก็ไม่รู้จะตอบอะไรดี“เฉียวซาน” โจวถงมองฉัน ขณะที่แววตาเป็นประกาย “ฉันไปหาอาเหิง เพราะหลินหยางสั่งเสียไว้ และอาเหิงก็ตอบรับแล้ว”มือของเธอลูบแก้วน้ำไม่หยุด “ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ ฉันก็ไม่ไปหาอาเหิงหรอก”เธอกำลังแก้ตัวให้ตัวเอง ทั้งยังพูดเหน็บแนมฉันด้วยทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ใครจะไม่มีเล่ห์เหลี่ยมบ้าง?“พี่สะใภ้ อวี้เหิงรับปากสามีคุณว่าจะดูแลคุณ แต่การดูแลก็ต้องมีขอบเขต ถึงยังไงตอนนี้คุณก็ตัวคนเดียว อย่าให้คนอื่นเห็นค
อ่านเพิ่มเติม
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status