แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: ปู้ปู้เซิงฮวา
โจวถงปลอดภัย เด็กก็ได้รับการช่วยเหลือแล้ว เธอจึงกลับมาที่ห้องผู้ป่วย

สีหน้าของเธอซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำ กอปรกับรูปลักษณ์แสงจันทร์ขาวของเธอ ทำให้ดูอ่อนแอน่าสงสารจริง ๆ

“คุณไม่ต้องคิดมาก เด็กไม่เป็นไรแล้ว” เจียงอวี้เหิงปลอบใจ

“อวี้เหิง ฉันกลัวมากเลย” โจงถงน้ำตาไหลออกมา

เจียงอวี้เหิงหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้เธอ โจวถงรับทิชชู่ไป ทั้งยังจับมือเขาไว้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาอิงอยู่บนหลังมือของเขา

แม้เธอจะน่าสงสาร แต่เพราะน่าสงสารแล้วจะมาทำเหมือนคู่หมั้นของคนอื่นเป็นผู้ชายของตัวเองได้หรือ?

ฉันเดินเข้าไป “พี่สะใภ้ หมอบอกว่าอารมณ์แปรปรวนของหญิงตั้งครรภ์จะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อเด็กด้วย คุณรักษาเด็กเอาไว้ได้อย่างยากลำบาก ถ้าร้องไห้แบบนี้อาจจะเกิดปัญหาขึ้นอีกก็ได้”

ฉันพูดพลางยื่นมือออกไปจับเธอ และดึงเธอออกเงียบ ๆ

เพียงแต่เมื่อเห็นน้ำตาบนหลังมือของเจียงอวี้เหิง ในใจก็ยังรู้สึกไม่สบายใจนัก และมักจะรู้สึกว่าของของตัวเองถูกคนอื่นทำให้แปดเปื้อน

ฉันเป็นคนรักความสะอาด ทั้งการใช้ชีวิต และความรู้สึกก็ด้วย

โจวถงราวกับคิดไม่ถึงว่าฉันจะเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ สีหน้าแข็งค้างไปอย่างเห็นได้ชัด แต่เพียงพริบตาเดียวก็ปรับอารมณ์ได้

“อวี้เหิง ขอโทษนะ ดูฉันสิ...”

พูดไปก็หยิบทิชชู่กำลังจะเช็ดมือให้เจียงอวี้เหิง

ฉันขวางไว้ “พี่สะใภ้ ตอนนี้คุณอย่าเพิ่งขยับตัวซี้ซั้วเลย”

สีหน้าของโจวถงแข็งค้างไปเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างซึ่งเต็มไปด้วยน้ำตามองไปทางเจียงอวี้เหิง ซึ่งแววตาแฝงไปด้วยความรักอย่างชัดเจน

“โจวถงชอบคุณเหรอ?” เมื่อออกมาจากห้องผู้ป่วย ฉันก็ถามเจียงอวี้เหิงตามตรง

“ไม่ใช่!”

เจียงอวี้เหิงปฏิเสธ

“ถ้าอย่างนั้นคุณล่ะ ชอบเธอไหม?”

อยากถามออกไปครั้งเดียวให้ชัดเจนเลย ฉันไม่อยากรู้สึกค้างคาใจ

สีหน้าของเจียงอวี้เหิงแข็งค้างไปอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นหลายวินาทีจึงเพิ่งพูดด้วยเสียงต่ำว่า “พวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน...”

เป็นแค่เพื่อนเหรอ?

“หลินหยางไม่อยู่แล้ว ตอนที่กำลังจะตายก็จับมือผมไว้ บอกว่าต้องการให้ผมดูแลเธอ...” น้ำเสียงของเจียงอวี้เหิงสั่นเทา แม้แต่มือที่ทิ้งตัวลงก็เช่นกัน

ดูเหมือนเมื่อพูดเรื่องการตายของหลินหยาง เขาก็มักจะหวั่นไหวเสมอ และมันไม่ได้หยุดเพียงครั้งเดียว

หัวใจของฉันหดเกร็งเพราะท่าทางแบบนี้ของเขา “ฉันไม่ได้มีความคิดอย่างอื่นเลย แค่เห็นว่าโจวถงพึ่งพาคุณมากเกินไป”

“เธอ...คงเป็นเพราะกำลังท้องอยู่ อยู่ตัวคนเดียวก็เลยรู้สึกไม่ปลอดภัย” เจียงอวี้เหิงแก้ต่างแทนเธอ ดวงตาที่มืดหม่นจ้องมาที่ใบหน้าของฉัน “ซานซาน หลังจากนี้ผมจะระวัง”

เขาพูดมาแบบนี้แล้ว ฉันยังจะพูดอะไรได้อีก แต่ฉันก็ยังเตือนหนึ่งประโยคว่า “ถึงแม้คุณจะดูแลเธอเพื่อหลินหยาง แต่ชายหญิงก็แตกต่างกัน”

ภาพแบบเมื่อครู่ฉันไม่อยากเห็นอีก และไม่อยากทำให้ตัวเองรู้สึกไม่สบายใจด้วย

“อืม ผมรู้แล้ว...”

ทันทีที่เขาพูดจบ ก็มีเสียงล้อรถเข็นเสียดสีกับพื้นดังขึ้นอย่างเร่งรีบมาจากไม่ไกล

ฉันหันไปมอง ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังรีบร้อนเข็นรถฉุกเฉินเข้ามาทางด้านนี้อย่างรีบร้อน

ฉันกำลังจะหลบ ก็ได้ยินเสียงหนักแน่นของเจียงอวี้เหิงบอกว่า “ระวัง” ครั้งหนึ่ง จากนั้นร่างของฉันก็ถูกเขาดึงไว้ทันที ขณะเดียวกัน รถพยาบาลก็แล่นผ่านด้านหลังเราไปอย่างรวดเร็ว

ฉันอิงอยู่ในอ้อมกอดของเขา ข้างหูได้ยินเสียงเต้นของหัวใจดังเสียดแทง

เสียงนี้ทำให้ฉันนึกถึงตอนที่เพิ่งมาถึงตระกูลเจียงได้ไม่นาน มีครั้งหนึ่งฉันเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียน ผลคือไม่ทันระวังจนตกลงมาจากที่สูง

ตอนนั้นเจียงอวี้เหิงวิ่งเข้ามากอดฉัน บอกฉันว่าไม่ต้องกลัว และอุ้มฉันวิ่งไปที่ห้องพยาบาล

นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงหัวใจของเขา เต้นเร็วตื่นตระหนกมากเหลือเกิน...

ฉันชอบเขาจริง ๆ ตั้งแต่วินาทีนั้น...

ตอนนี้หัวใจก็ยังคงเต้นเร็วแรง ทั้งยังเป็นเพราะฉันด้วย

ฉันหลับตาลง ทำให้ตัวเองไม่คิดถึงเรื่องอื่นจนวุ่นวายอีก ใบหน้าเอนลงไปในอ้อมกอดของเจียงอวี้เหิง “พวกเรากลับบ้านกันเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว”

“ได้ ผมจะไปบอกโจวถงก่อน” ตอนที่เจียงอวี้เหิงปล่อยฉัน ก็จุมพิตบนหน้าผากของฉัน

ฉันไม่ได้เข้าไปในห้องผู้ป่วย และรออยู่ที่หน้าประตู

เจียงอวี้เหิงกับโจวถงพูดอะไร ฉันไม่ได้ยิน แต่ตอนที่เขาออกมา ฉันได้ยินเสียงสะอื้นของโจวถง

ตอนที่ฉันกับเจียงอวี้เหิงกลับมาตระกูลเจียง พ่อแม่ของเขาต่างก็ยังไม่หลับ และกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา โดยที่ไม่มีใครพูดกับใคร

ปกติระหว่างพวกเขาก็พูดคุยกันน้อยมาก ฉันเคยถามแม่เจียง เธอบอกว่าสามีภรรยาที่ได้เจอหน้ากันทุกวัน จะยังมีอะไรให้พูดคุยกันอีก?

เจียงอวี้เหิงเคยบอกฉันว่าความรักของพวกเขาตอนยังเป็นวัยหนุ่มสาวนั้นสดใสมาก แต่สุดท้ายก็จืดจางลง

บางทีนี่อาจเป็นลักษณะของความรักในท้ายที่สุด

“พ่อ แม่!”

“คุณป้า คุณลุง!”

ฉันกับเจียงอวี้เหิงแยกกันทักทายพวกเขา

“พวกลูกสองคนกินข้าวหรือยัง ถ้ายังไม่กิน ยังมีกับข้าวเหลือให้พวกลูกอยู่นะ” แม่เจียงพูดอย่างอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง

“กินแล้วครับ” เจียงอวี้เหิงตอบเสร็จก็มองฉัน “คุณหิวไหม ยังอยากกินอีกหน่อยหรือเปล่า?”

มื้อเย็นฉันแทบไม่ได้กินอะไรเลย แต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกหิวแม้แต่น้อย “ไม่กินแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นพวกลูกก็ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ อีกเดี๋ยวจะให้แม่บ้านเอานมวัวขึ้นไปให้พวกลูก” แม่เจียงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า

ไม่รู้ว่าฉันมองผิดไปหรือเปล่า ฉันรู้สึกได้ถึงความผิดปกติเล็กน้อยจากรอยยิ้มนี้ แต่ก็ขึ้นไปชั้นบนโดยไม่ได้คิดมาก เพียงแต่เมื่อฉันผลักประตูกลับต้องหยุดชะงักครู่หนึ่ง และหันไปมองเจียงอวี้เหิง

เขายืนอยู่ที่ประตูห้อง ทั้งยังหันกลับมามองฉันเช่นกัน

ไม่รอให้ฉันลงไปชั้นล่าง แม่เจียงก็ขึ้นมาแล้ว “ซานซาน เมื่อกี้ลืมบอกหนูไป ห้องของอวี้เหิงกำลังเก็บกวาดเพื่อใช้เป็นห้องหลังแต่งงานของพวกลูก ตอนนี้ให้อวี้เหิงอยู่ห้องหนูไปก่อนนะ”

“แม่ หลังผมกับซานซานแต่งงานกันก็ต้องออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว จะยังเก็บกวาดที่นี่ไว้เป็นห้องหลังแต่งงานอะไรอีกครับ?” เจียงอวี้เหิงถามกลับ

“ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วเสียหน่อย ช่วงปีใหม่ช่วงเทศกาล หรือบางทีตอนดึกก็อาจจะอยากมาพักที่นี่ก็ได้” แม่เจียงจ้องเขม็ง และดึงเขามาที่ประตูห้องฉัน “พวกลูกกำลังจะจดทะเบียนสมรสกันแล้ว อยู่ด้วยกันก็ไม่เป็นไรหรอก”

“ซานซาน หนูมีความเห็นอะไรไหม?” แม่เจียงถามฉันอีกครั้ง

ฉันได้ยินเสียงสะท้อนของคำพูดระหว่างเจียงอวี้เหิงกับเซี่ยเซียว ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าควรตอบว่าอย่างไรดี

“ไม่มีปัญหาครับ” เจียงอวี้เหิงตอบกลับแทนฉัน

ฉันเงยหน้ามองเขา วินาทีต่อมามือของเขาก็วางลงบนไหล่ของฉันและเดินเข้าไปในห้อง

“แม่ ราตรีสวัสดิ์ครับ!” หลังจากพูดประโยคหนึ่งเจียงอวี้เหิงก็ปิดประตูห้อง

ฉันกับเจียงอวี้เหิงต่างไม่ได้พูดอะไรกัน บรรยากาศกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ทั้งยังคลุมเครืออยู่บ้าง

โดยเฉพาะบนเตียงใหญ่ซึ่งปูด้วยผ้าปูสีแดง ราวกับวันนี้เป็นคืนแต่งงานร่วมหอของพวกเรา

หน้าของฉันแดงก่ำ “ถ้าอย่างนั้น... ฉันไปเปลี่ยน...”

ฉันดิ้นออกจากมือของเจียงอวี้เหิง ทว่าเจียงอวี้เหิงกลับจับฉันไว้ เมื่อสบเข้ากับแววตาลึกล้ำของเขา หัวใจของฉันก็เต้นแรงและว้าวุ่นขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ลมหายใจหนักหน่วงขึ้นเช่นกัน

ลูกกระเดือกของเจียงอวี้เหิงขยับ ก่อนที่ร่างจะก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง ประสาทสัมผัสทั้งร่างของฉันล้วนหดเกร็งเล็กน้อย

เขาเข้ามาหาฉันใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ จับที่มือบอบบางของฉันทั้งยังเลื่อนขึ้นมาอย่างอ่อนโยน จนมาอยู่ที่ไหล่ของฉัน ท้ายทอยของฉัน และใบหน้าของเขาก็กดลงมาเช่นกัน

มือของฉันจับเขาไว้แน่น “เจียง...”

ประโยคหลังถูกเขาปิดริมฝีปาก จุมพิตของเขาเร่าร้อนดุดัน แบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

พวกเราอยู่ด้วยกันมาหลายปี ย่อมต้องเคยจูบกันแน่นอน

แต่ทุกครั้งเขาล้วนสัมผัสอย่างแผ่วเบา ปลายลิ้นไม่เคยแตะที่ริมฝีปากและฟันของฉันเลย ทว่าคืนนี้เขาต่างออกไป จูบของเขาเร่าร้อนอย่างชัดเจน

ทว่าฉันกลับรู้สึกประหม่าจนฟันกระทบกัน ทำให้เขาไม่อาจทำอย่างลึกซึ้งได้มากเท่าที่คิดไว้

เจียงอวี้เหิงไม่ได้ทำต่อ และกระซิบที่ข้างหูของฉัน “ผ่อนคลายหน่อยสิ”

พูดจบ ฉันก็รู้สึกว่าร่างกายผ่อนคลายลง เขาอุ้มฉันขึ้นมาวางไว้บนเตียง เมื่อนิ้วของเขาปลดกระดุมชุดของฉัน นิ้วเท้าของฉันก็หดเกร็งไปหมด...

ฉันเห็นเส้นเลือดบนหน้าผากของเขานูนขึ้นมา ขณะที่ลูกกระเดือกก็ขยับไปมาเช่นกัน

แม้ฉันจะไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ระหว่างชายหญิง แต่ต่อให้ไม่เคยกินเนื้อหมูก็ย่อมเคยเห็นหมูวิ่ง ฉันรู้ว่าตอนนี้เขากับฉันต่างก็เหมือนกัน หวั่นไหว...

บางทีการที่เขาบอกว่าไม่สนใจ อาจเพียงเพราะไม่เคยลองก็ได้

แต่ก็มีคำกล่าวที่ว่า เมื่อได้ลิ้มรสก็ยากจะถอนตัวไม่ใช่หรือ?

ฉันหลับตา รอความสัมพันธ์อันแนบแน่นของฉันกับเจียงอวี้เหิง

ขณะที่ร่างของฉันเย็นลง เพราะเสื้อผ้าของฉันถูกเขาถอดออก ริมฝีปากของเขาก็ประทับลงมาที่คอของฉัน

โทรศัพท์ของเจียงอวี้เหิงดังขึ้น

ฉันสะดุ้งเฮือก ก่อนจะดึงมือเขาไว้ตามสัญชาตญาณ “เจียงอวี้เหิง...”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 7

    แม้ตอนนี้ฉันจะไม่ได้หวั่นไหวจนควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ตอนนี้หากเขารับโทรศัพท์หรือออกไป ฉันย่อมรู้สึกอับอายลูกกระเดือกของเขาขยับ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาตัดสายทิ้ง แล้วจูบลงบนคอกับกระดูกไหปลาร้าของฉันต่อ...ทว่าโทรศัพท์ก็ยังดังต่ออีกครู่หนึ่ง ฉันรู้ว่าหากไม่รับสายนี้ เกรงว่าฉันกับเจียงอวี้เหิงคงไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุขฉันหันไปพูดว่า “คุณรับสายเถอะ”เจียงอวี้เหิงมีสีหน้าไม่สบายใจเล็กน้อย ก่อนจะดึงผ้าห่มด้านข้างมาคลุมฉันไว้ และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนเดินไปทางระเบียงแม้เขาจะปิดประตูเลื่อนของระเบียงแล้ว แต่เสียงทุ้มต่ำของเขาก็ยังดังมาถึงฉัน“ผมไม่ไปแล้ว ให้พยาบาลช่วยดูแลคุณเถอะ”“ผมไม่ได้บอกว่าไม่สนใจคุณ... ผมรู้ว่าเป็นความผิดของผม... ได้ คุณอย่าร้องไห้เลย ผมจะไป จะไปตอนนี้เลย...”หลังจากนั้น ฉันก็ไม่ได้ยินเสียงพูดอีก ได้ยินเพียงเสียงจุดไฟแช็กเท่านั้นเจียงอวี้เหิงสูบบุหรี่เป็นครั้งแรกที่สูบบุหรี่ในบ้านประมาณสิบนาทีเจียงอวี้เหิงจึงจะกลับมา พร้อมกับกลิ่นบุหรี่ที่อบอวลอยู่ในอากาศเขามองฉันด้วยแววตาไม่สบายใจ “คือ...ผมต้องออกไปหน่อย โจวถง เธออยู่โรงพยาบาลไม่มีคนดูแล...”หาได้ยากที่เขาจ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 8

    “พี่ซาน ประธานเจียงโทรหาพี่”หยวนเสี่ยวไต้เดินตามฉันมา ยกโทรศัพท์ไว้ตรงหน้าฉันฉันประเมินความพยายามของเจียงอวี้เหิงต่ำเกินไป ในสถานการณ์แบบนี้ฉันทำได้เพียงรับโทรศัพท์ และพูดอย่างเป็นทางการมากว่า “ประธานเจียง มีอะไรจะสั่งเหรอคะ?”“ซานซาน” น้ำเสียงของเจียงอวี้เหิงแหบต่ำ และแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดอย่างชัดเจน “วันนี้ทำไมคุณถึงออกไปเร็วขนาดนี้ล่ะ ผมกลับมาบ้านไม่ทันรับคุณเลย”ฟังออกว่าเขาไม่ได้พูดเรื่องงาน ฉันจึงเดินออกมาไกลขึ้นเล็กน้อย “ออกมากินข้าวเช้า”“ขอโทษนะ ผม เมื่อคืน...ปลีกตัวไปไม่ได้จริง ๆ ก็เลยไม่ได้กลับไป”หัวใจของฉันเย็นเฉียบ มุมปากหัวเราะเย้ยหยันออกมา “ทำไมถึงปลีกตัวออกมาไม่ได้ล่ะ?”เจียงอวี้เหิง “...”ฉันกลั้นหายใจ ก่อนจะช่วยเขาพูด “หาพยาบาลดูแลไม่ได้เหรอ?”“...ใช่”ฉันไม่ได้พูดอะไรอีก เจียงอวี้เหิงเอ่ยว่า “ซานซาน คุณจะเสร็จธุระทางนั้นเมื่อไหร่ ผมจะไปรับคุณ ตอนเที่ยงพวกเราไปกินข้าวด้วยกันดีไหม?”ฉันไม่ได้กินข้าวกับเขามานานมากแล้ว จากที่โจวเหย่พูดเมื่อคืน เขามักจะไปอยู่กับโจวถงเสมอวันนี้จู่ ๆ ก็นัดกินข้าวกับฉัน เป็นเพราะจะชดเชยที่หยุดกลางคันเมื่อคืน หรือจู่ ๆ ก็มีจิ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 9

    “กินด้วยกันสิ!”เจียงอวี้เหิงไม่ได้ถามความเห็นของฉันก็ตอบรับไปแล้วโจวถงนั่งลง มองอาหารตรงหน้าด้วยสีหน้าอยากกิน “ปลาเผาเหรอ ช่วงนี้ฉันกำลังอยากกินอยู่พอดี”“ถ้างั้นสั่งฟัวกราส์อีกชิ้นให้คุณดีไหม?” ท่าทางที่เจียงอวี้เหิงถามดูเป็นธรรมชาติมาก“เพิ่มของหวานด้วย เอาเป็นไอศกรีมโยเกิร์ตราดซอสสตรอว์เบอร์รี น้ำผลไม้ฉันดื่มน้ำส้ม” โจวถงพูดจบก็ยังมองมาทางฉันด้วย “เฉียวซาน คุณอยากดื่มน้ำส้มสักแก้วไหม?”“ไม่ต้องหรอก ฉันจะดื่มน้ำเปล่า” พูดจบ ฉันก็เอาฟัวกราส์บนส้อมใส่เข้าปากนุ่มละเอียด ทั้งยังมีกลิ่นหอมจางๆ...“อาเหิง ฟัวกราส์ที่คุณเอามาให้ฉันหลายครั้งก่อนหน้านี้ก็มาจากร้านนี้ใช่ไหม?” คำพูดของโจวถงทำให้ฉันหยุดเคี้ยวฟัวกราส์ฉันมองเขา ก็เห็นเขามีท่าทีไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย “...อืม”มิน่าล่ะ เขาถึงได้รู้ว่าฟัวกราส์ร้านนี้อร่อย ที่แท้ก็เป็นเพราะเขาเคยซื้อให้คนอื่นหลายครั้งแล้ว แต่วันนี้เพิ่งเป็นครั้งแรกของฉันหรือเขาต้องการชดเชยความรู้สึกผิดในใจในชั่วพริบตาเดียว ฟัวกราส์ในปากของฉันก็รสชาติเปลี่ยนไป ถึงขั้นที่ทำให้ฉันกลืนไม่ลง“มิน่าล่ะ ตอนที่ฉันผ่านร้านนี้ถึงได้กลิ่นฟัวกราส์ที่คุ้นเคยมาก”

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 10

    สีหน้าของโจวถงดูไม่น่ามองอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่เดิมทีขาวอยู่แล้วยิ่งขาวซีดมากขึ้นหลายส่วนมือที่ถือน้ำผลไม้อยู่สั่นเทา “ขอโทษนะ ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ”เธอดูบอบบางน่าสงสารมาก ราวกับฉันพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด จนทำให้เธอเจ็บปวดทว่าฉันยังไม่หยุด ในเมื่อพูดไปแล้วจึงพูดต่อไปให้หมด “บางทีคุณอาจจะไม่ได้ตั้งใจ แต่มันส่งผลกระทบต่อพวกเราจริง ๆ ในเมื่อพี่สะใภ้ไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนี้ก็ระวังด้วย ไม่ต้องขอโทษหรอก”“ถ้าหลินหยางยังอยู่ ฉันจะไม่รบกวนอาเหิงเด็ดขาด” โจวถงพูดขณะที่น้ำตาไหลรินอีกครั้งผู้หญิงเกิดจากน้ำ คำนี้ได้รับการพิสูจน์จากตัวเธอแล้วเธอพูดได้แยบยลมาก จนฉันเองก็ไม่รู้จะตอบอะไรดี“เฉียวซาน” โจวถงมองฉัน ขณะที่แววตาเป็นประกาย “ฉันไปหาอาเหิง เพราะหลินหยางสั่งเสียไว้ และอาเหิงก็ตอบรับแล้ว”มือของเธอลูบแก้วน้ำไม่หยุด “ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ ฉันก็ไม่ไปหาอาเหิงหรอก”เธอกำลังแก้ตัวให้ตัวเอง ทั้งยังพูดเหน็บแนมฉันด้วยทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ใครจะไม่มีเล่ห์เหลี่ยมบ้าง?“พี่สะใภ้ อวี้เหิงรับปากสามีคุณว่าจะดูแลคุณ แต่การดูแลก็ต้องมีขอบเขต ถึงยังไงตอนนี้คุณก็ตัวคนเดียว อย่าให้คนอื่นเห็นค

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 11

    เจียงอวี้เหิงหันหน้ามองฉัน นัยน์ตาลุ่มลึกสั่นเทาด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็เป็นความโกรธและหงุดหงิด“เฉียวซาน คุณจะเอาแต่ใจก็ช่วยแยกแยะเวลาหน่อย โจวถงเธอ...”“ฉันต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของคุณ” ฉันพูดขัดจังหวะเขาคำพูดนี้ทำให้ฉันดูต่ำต้อยเหลือเกินเคยดูโทรทัศน์ พอเห็นพล็อตแบบนี้ ฉันก็จะรู้สึกว่านางเอกไร้ประโยชน์เหลือเกิน ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาทะเลาะเพื่อผู้ชายแบบนี้เลยด้วยซ้ำตอนนี้เปลี่ยนเป็นฉัน จึงได้เข้าใจรสชาติแบบนั้น“โจวถงท้องอยู่ จะเป็นอะไรไปไม่ได้!” เจียงอวี้เหิงกล่าวพลางถอยหลังไปสองสามก้าวจากนั้น เขาหมุนตัวแล้วสาวเท้ายาววิ่งไปข้างนอกสุดท้ายแล้วระหว่างฉันกับโจวถง เขาก็เลือกคนอื่นฉันนั่งอยู่ตรงนั้น เห็นเขาไล่ตามโจวถงไปชัดเจน เห็นเขายื้อยุดฉุดกระชากโจวถง สุดท้ายโจวถงก็จับเสื้อของเขาแล้วซบอยู่ในอ้อมอกของเขา...ฉันก้มหน้า ไม่กล้ามองต่อไปอีกไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรระหว่างพวกเขาหรือไม่ การเลือกของเขาในวันนี้ทำให้หัวใจที่ลังเลของฉันได้คำตอบสักทีสุดท้าย ฉันแทบจะไม่ได้กินข้าวมื้อนี้เลยสักคำ กลับจ่ายค่าอาหารไปหนึ่งหมื่นห้าพันบาทฉันไม่ได้กลับตระกูลเจียง แต่ไปหาเวินเหลียง“ตัดสินใ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 12

    สีหน้าของเขาตึงเครียดเล็กน้อย “เมื่อคืนในสถานการณ์แบบนั้น ผมกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป หลินหยางที่คุณรู้จักเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของพ่อแม่เขา ลูกที่อยู่ในห้องโจวถงตอนนี้คือความหวังทั้งหมดของตระกูลหลิน ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริง...”เขาไม่ได้พูดต่อ แต่ฉันรู้“ดังนั้นต่อจากนี้ไป ตราบใดที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับเธอ คุณก็จะให้ความสำคัญเพียงแค่เธอเท่านั้น ถูกต้องไหม?” ฉันถามอย่างเย็นชาเจียงอวี้เหิงเงียบไปสองวินาที “รอให้คลอดเด็กออกมาก็เรียบร้อยแล้ว”ฉันหัวเราะชั่วพริบตาที่หันหน้า ดวงอาทิตย์ที่เพิ่งขึ้นก็ทิ่มแทงจนรู้สึกเจ็บตาฉันมองดูเขา “เจียงอวี้เหิง เด็กออกมาแล้วก็ยังจะมีปัญหาตามมา จะป่วย จะมีอุบัติเหตุ ตราบใดที่คุณใช้เด็กคนนี้เป็นข้ออ้าง ถ้าอย่างนั้นคุณกับโจวถงก็จะเกี่ยวพันกันไปตลอด และฉันก็จะเป็นคนคนนั้นที่ถูกคุณทอดทิ้งตลอดไป”เจียงอวี้เหิงโดนฉันว่าจนเงียบไปเลยฉันแสดงจุดยืนของตัวเองไปอย่างชัดเจนด้วย “เจียงอวี้เหิง ถ้าพวกเราแต่งงานกันไป ฉันไม่อยากให้สามีของตัวเองดูแลผู้หญิงคนอื่นเกือบทุกวันหรอกนะ”“เฉียวซาน คุณให้เวลาผมหน่อยนะ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย” แววตาลึก ๆ ของเจียง

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 13

    ทว่าสวนสนุกใกล้จะเสร็จแล้ว ฉันไม่อยากจากไปเวลานี้เลยตอนเที่ยง ฉันกำลังจัดการงานที่อยู่ในมือตัวเองอยู่ หยวนเสี่ยวไต้วิ่งมาด้วยท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ “พี่ซาน เมื่อวานพี่เป็นประจำเดือนใช่ไหม?”ฉันเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ฉันเป็นไม่ได้?”“ไม่ใช่สักหน่อย” หยวนเสี่ยวไต้ส่ายหน้าเหมือนกลองป๋องแป๋ง “ถึงว่าทำไมวันนี้ประธานเจียงอารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้ ที่แท้ก็ไม่พอใจนี่เอง”ฉันตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นได้สติว่าเธอหมายความว่าอะไรฉันหยิบปากกาโขกหัวเธอไปที “เวลาทำงานก็ต้องใช้สมองกับการทำงาน คิดเหลวไหลให้น้อย ๆ หน่อย”หยวนเสี่ยวไต้หัวเราะฮิ ๆ และให้รายงานที่พวกเราไปดูหน้างานด้วยกันเมื่อวานให้ฉัน “ฉันไม่ได้คิดเหลวไหลนะคะ ทุกคนโดนประธานเจียงด่าจนกลัวไปหมดแล้วจริง ๆ วันนี้ขอแค่เข้าไปห้องทำงานเขา ไม่มีคนเดินยิ้มออกมาเลยสักคน”เบื้องหน้าฉันปรากฏภาพที่เมื่อเช้าวันนี้เจียงอวี้เหิงทิ้งดอกกุหลาบด้วยความโมโห ไม่รู้ว่าที่เขาอารมณ์เสียวันนี้ เป็นเพราะฉันไม่ได้ง้อง่าย ๆ เหมือนตามปกติ หรือว่าฉันขอเลิก“พี่ซาน พี่คงจะไม่ได้ทะเลาะกับประธานเจียงหรอกนะ?” หยวนเสี่ยวไต้ซุบซิบฉันได้สติกลับมา “เอาล่ะ ๆ ไปทำงานได้แล้ว ไม่อย่

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 14

    ใบหน้าเล็ก ๆ ของโจวถงขาวซีดทันที น้ำตาคลออยู่ในดวงตาจะร่วงอยู่รอมร่อ ไม่ต้องพูดว่าน่าเอ็นดูขนาดไหน“อาเหิง ในที่สุดคุณก็รำคาญฉันแล้ว ใช่ไหมล่ะ?” น้ำตาของโจวถงไหลแหมะ ๆ ด้วย ตอนที่พูดออกมาเจียงอวี้เหิงไม่ได้พูด ทั้งร่างกายเป็นความกดอากาศต่ำ“ถ้าหลินหยางไม่เป็นไร ฉันก็จะไม่รบกวนคุณหรอก...” เสียงโจวถงพึมพำ แต่คำพูดนี้กลับมีความรู้สึกกดดันอยู่“คุณรบกวนผมก็ช่าง อย่าไปรบกวนเธอ” เขาที่เจียงอวี้เหิงว่าก็คือหมายถึงฉันพวกเขาจะทะเลาะกันแล้ว ในทีแรกฉันไม่รู้ว่าต้องยืนอยู่ตรงนี้หรือควรไปดี“ฉันรู้แล้ว จากนี้ฉันจะไม่รบกวนคุณอีก และจะไม่มารบกวนพวกคุณด้วย” โจวถงกล่าวแล้วหมุนตัวเดินจ้ำอ้าวไปข้างนอกคราวนี้เจียงอวี้เหิงไม่ได้ไล่ตามออกไป แต่มองมาที่ฉัน ฉันก้มหน้าเล็กน้อย สาวเท้าเดินไปข้างนอกเจียงอวี้เหิงตามฉันมาติด ๆ เราเดินออกจากคาเฟ่ จังหวะนี้ได้ยินเสียงเบรกแสบแก้วหูดังเอี๊ยดฉันกับเจียงอวี้เหิงเงยหน้าพร้อมกัน ก็เห็นโจวถงโดนรถคันหนึ่งที่ออกมาจากโรงรถชนจนล้มอยู่ที่พื้น“โจวถง!” เจียงอวี้เหิงตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ เจ้าตัววิ่งไปอย่างรวดเร็วฉันอึ้งไปสักสองสามวินาที แล้วรีบตามไปด้วย“อาเหิง

บทล่าสุด

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 40

    ฉันเงยหน้าขึ้น เห็นใบหน้าที่มีเหลี่ยมมุมของฉินโม่ที่ชัดเจนเขาไม่ใช่แค่พยุงฉันไว้ แต่ยังรับแตงโมในมือฉันไว้ได้อีกด้วยภาพที่ดูเหมือนฝันเช่นนี้เป็นสิ่งที่ได้จากการจงใจถ่ายทางโทรทัศน์เท่านั้น แต่ตอนนี้มันกำลังเกิดขึ้นกับฉันจริงๆเขาพยุงฉันให้ยืนตัวตรง คลายมือที่จับไว้ แต่ทันทีที่ฉันเคลื่อนไหว ฉันก็รู้สึกเจ็บแปลบเหมือนโดนเข็มทิ่มที่ข้อเท้าฉันคว้าแขนของเขาไว้แล้วพูดว่า “เจ็บ…”เขามองไปตามสายตาของฉัน เห็นข้อเท้าขาวบางของฉันกลายเป็นสีแดง "ข้อเท้าพลิกเหรอ?"ฉินโม่อยู่ใกล้ฉันมาก เสียงทุ้มต่ำของเขามันช่างน่าฟังมากเป็นพิเศษฉันตอบอืม วินาทีต่อมาเขาก็ยัดแตงโมใส่มาในมือฉันแล้วอุ้มฉันขึ้นมาฉันกับเจียงอวี้เหิงคบกันมาหลายปี แต่เขาไม่เคยอุ้มฉันแบบนี้เลย ในตอนนี้ ฉินโม่กลับอุ้มฉันในท่าเจ้าหญิง มันทำให้หัวใจฉันเต้นแรงขึ้น ถึงขั้นมีเหงื่อซึมออกมาที่ปีกจมูก...ฉันเป็นแบบนี้แหละ เวลาตื่นเต้นหรือประหม่า เหงื่อจะออกปลายจมูกในตอนนี้ ฉันก็ได้ยินเสียงถอนหายใจ เป็นเสียงจากคนในละแวกนั้นและผู้คนที่เดินผ่านไปมาอาจเป็นเพราะมณฑลเล็กๆ เช่นนี้ ผู้คนคงยังไม่ชินกับพฤติกรรมเช่นนี้ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงฉิ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 39

    ฉันหยิบแก้วแปรงสีฟันขึ้นมา เติมน้ำแล้วแปรงฟัน ตลอดเวลาที่แปรงฟัน ฉันไม่ได้มองที่ยัยหมูสามชั้นเลย แต่สายตาของเธอไม่เคยละไปจากฉันแม้แต่วินาทีเดียว เธอมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็จากปลายเท้าขึ้นไปถึงศีรษะ“เสี่ยวเฉียวเฉียว นี่คือหมูสามชั้น” คุณยายแนะนำเธอฉันอมยาสีฟันไว้ในปากแล้วพยักหน้าไปทางยัยหมูสามชั้นเธอมีใบหน้ากลม แต่ไม่ถึงกับอ้วน เธอสวมชุดเดรสลายดอกไม้และแต่งหน้า เห็นได้ชัดว่าเธอแต่งตัวมาอย่างจริงจัง“หมูสามชั้น นี่คือเสี่ยวเฉียวเฉียวที่เธออยากเจอ ฉันพูดถูกไหม ดูสิว่าผิวเธอนุ่มลื่มชุ่มชื้นแค่ไหน” คุณยายกำลังซักผ้าอยู่ ซักด้วยมือเปล่าเมื่อหมูสามชั้นกับฉันสบตากัน เธอมีความไม่มั่นใจฉายแวบขึ้นในดวงตาเมื่อถูกเปรียบเทียบกับฉัน แต่ปากกลับไม่ยอมรับ “เธอยังเด็ก ผิวก็ต้องนุ่มชุ่มชื้นอยู่แล้ว ตอนฉันอายุเท่าเธอก็ประมาณนี้แหละ”คุณยายเบะปาก หมูสามชั้นก็กลอกตามองบน การต่อสู้แบบเงียบๆ ระหว่างทั้งสองทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังดูโชว์ตลกอยู่เมื่อฉันแปรงฟันเสร็จ หมูสามชั้นก็พูดขึ้นมาว่า “คุณเฉียว มาที่นี่เพื่อเยี่ยมญาติหรือมาเที่ยวเล่น?”“มาเที่ยวเล่น” ฉันเปิดก๊อกน้ำและล้างแก้วแปรงสีฟัน“ม

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 38

    คืนนี้ฉันนอนหลับสนิทจนกระทั่งได้ยินเสียงหนวกหูดังมาจากด้านนอกไม่ใช่ฉินโม่ที่กำลังพูด แต่เป็นผู้หญิงที่พูดติดสำเนียงท้องถิ่นฟังจากเสียงของเธอแล้ว เธอไม่ใช่เด็กเสียงของเด็กผู้หญิงจะนุ่มนวลและสดใส ในขณะที่เสียงของผู้หญิงโดยทั่วไปแล้วจะทุ้มและหยาบกว่าฉันเป็นคนที่สามารถแยกคนได้จากเสียง แต่กลับไม่สามารถแยกได้ว่าชายที่ฉันรักมาเป็นสิบปีนั้นเป็นไอ้ผู้ชายเจ้าชู้สารเลวเขาว่ากันว่าการลืมใครสักคนคือการไม่คิดถึงเขาบ่อยๆ ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะทำไม่ได้ฉันยังคิดถึงเจียงอวี้เหิงโดยไม่รู้ตัวอยู่เสมอ ถึงจะไม่ใช่ความรัก เป็นเพียงความรู้สึกโกรธแค้น ฉันก็ยังคิดถึงเขาอยู่เป็นครั้งคราวฉันไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียง เพียงแต่เงี่ยหูฟังเสียงจากข้างนอก“คุณยาย ฉินโม่ล่ะคะ?” หญิงคนนั้นถาม“ออกไปแล้ว ตั้งแต่เช้าก็ออกไปแล้ว” คุณยายดูเหมือนกำลังล้างอะไรบางอย่างอยู่ มีเสียงน้ำดังเข้ามา“ไปแล้วหรอ ฉันก็นึกว่าเขายังไม่ตื่น” เสียงของหญิงสาวมีความตลกขบขันแทรกอยู่“ยัยหมูสามชั้น เสี่ยวฉินจะตื่นหรือไม่ตื่นแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ เขาไม่ได้ชอบเธอ เธอก็อย่าคิดให้รกสมองเปล่าๆ เลย” คุณยายพูดออกมาตรงๆคนปก

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 37

    ฉันตอบอืมไปเบาๆ “เป็นข้อเสนอที่ไม่เลวเลย ฉันจะเก็บไปพิจารณาดู”“ต้องคิดแบบจริงจังนะ” เวินเหลียงพูดจบก็ชะงักไปชั่วขณะ “ซานซาน วิธีที่จะลืมใครสักคนกับความรักที่ดีที่สุดก็คือการหาใครสักคนมาแทน แล้วก็รีบเริ่มต้นความรักใหม่โดยเร็ว”“โอเคค่ะอาจารย์เวิน ฉันเข้าใจแล้ว” หลังจากวางสาย ฉันก็นอนลงบนเตียงอย่างเหม่อลอยฝีเท้าของฉินโม่ข้างนอกดังเข้ามา ฉันรู้ได้ในทันที มันทั้งหนักแน่นและทรงพลังผ่านไปสักพักก็มีเสียงก๊อกน้ำดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงบ่นพึมพำของคุณยายเจ้าของบ้าน "ทำไมมีแค่นายคนเดียว? เสี่ยวเฉียวเฉียวล่ะ?"ฉันไม่ได้ยินคำตอบของฉินโม่ ได้ยินเพียงแค่ที่เขาพูดว่า "อย่าใส่ผักชีในซุปปลา"เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันก็หัวเราะ หัวเราะไปหัวเราะมาก็น้ำตาไหลออกมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่ตระกูลเจียง ฉันกินผักชี แต่ในอดีตตอนที่อยู่กับพ่อแม่ ฉันไม่เคยกินเลยมีสำนวนที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม แม้ว่าตอนนั้นฉันจะย้ายเข้ามาอยู่ในตระกูลเจียงในฐานะคู่หมั้นของเจียงอวี้เหิง คุณแม่เจียงก็บอกว่าฉันเป็นลูกสาวของเธอ แต่ฉันก็ไม่ได้เป็นคนในครอบครัวตระกูลเจียงอยู่ดี ฉันรู้ดีอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่แก่ใจในเรื

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 36

    ในชีวิตนี้ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายที่ฉันเคยพบหน้าเพียงสองครั้งจะอยากจดทะเบียนแต่งงานกับฉันแต่ผู้ชายที่คบกับฉันมาสิบปีกลับไปมีชู้ลับหลังฉันหลังจากตกใจไปชั่วขณะ ฉันก็เม้มริมฝีปากและยิ้ม "คุณฉินคะ นี่มันกะทันหันเกินไปหน่อยไหม?"สีหน้าของฉินโม่ยังเหมือนเดิม ดูค่อนข้างจริงจัง “คนเราคบกันก็เพื่อแต่งงานกันไม่ใช่เหรอ ในเมื่อคุณไม่อยากคบ งั้นก็แต่งงานเลย”คำพูดนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไรแต่คนที่พูดดูเหมือนว่าจะมีปัญหา คนปกติจู่ๆ จะมาแต่งงานกับคนแปลกหน้าไหมล่ะ?นิยายสมัยนี้นิยมโครงเรื่องแบบนี้ แต่มันก็เป็นแค่นิยายเท่านั้นคิ้วของฉันขมวด มุมปากปรากฏรอยยิ้มเยาะ "คุณฉินตรงไปตรงมาขนาดนี้กับคู่นัดดูตัวทุกคนเลยเหรอคะ?"ขณะนี้ พระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าส่องแสงมาที่ตัวของพวกเราพอดี เงาของฉินโม่ปกคลุมฉันไว้ “คุณเป็นคนแรก” ฉันรู้สึกคันคอ “เรา…แทบจะไม่รู้จักกันเลย”ฉินโม่ไม่ได้พูดอะไรอีก เรายืนหันหน้าเข้าหากัน ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าทั่วทั้งร่างกายของฉันร้อนผ่าวเล็กน้อย แม้แต่ปลายจมูกก็มีเหงื่อซึมออกมาในขณะที่ฉันกำลังขูดกำแพงที่อยู่ด้านหลังฉัน คิดว่าจะพูดอะไร

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 35

    เมื่อได้ยินเสียง ฉันจึงโยนโทรศัพท์ทิ้ง “เรียบร้อยแล้วค่ะ”พูดจบ ฉันก็ถอดรองเท้า เปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะแล้วเปิดประตู จากนั้นก็เห็นฉินโม่กำลังตักน้ำอยู่ในลานบ้านถังน้ำสีขาวหลายใบวางเรียงกันเป็นแถว ไม่นานน้ำก็เต็มถัง เขายกถังขึ้นมา กล้ามเนื้อที่ไหล่แนบกับเสื้อผ้าจนสามารถมองเห็นได้กล้ามเนื้อกับพละกำลังนั้นเป็นของคู่กันจริงๆ“ตักน้ำมาเยอะขนาดนี้ทำไม น้ำจะไม่ไหลเหรอ?” ฉันเดินไปถามสายตาของคุณยายมองไปที่รองเท้าแตะของฉัน และกลอกตาอย่างเงียบๆฉินโม่ไม่ได้ตอบอะไร คุณยายพูดแทน "เผื่อโดนตัดน้ำจ้ะ"พูดจบ เธอก็ตีฉินโม่ “เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะทำซุปปลาให้นะ พวกเธอช่วยไปซื้อปลากะพงมาหน่อย ขอสดๆนะ แล้วก็ซื้อผักชีกับกระเทียมมาด้วย”นี่เป็นการไปซื้อของที่ไหนกันล่ะ มันคือการให้เราสองคนออกไปคุยกันชัดๆเพียงแต่ฉันใส่รองเท้าแตะขนาดใหญ่อยู่ จึงไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่การจะเข้าไปเปลี่ยนในบ้านก็ดูไม่เหมาะสมเช่นกัน“ไปเปลี่ยนรองเท้า” ฉินโม่พูดเช่นนั้นในเวลาแบบนี้ ถ้าให้ฉันไปเปลี่ยนรองเท้า มันจะยิ่งทำให้ฉันรู้สึกอับอายมากขึ้น ดังนั้นฉันจึงยิ้มเยาะ “ไม่ต้องหรอก”ฉินโม่ไม่พูดอะไรอีก เขายกขาขึ้นเตรียมจะเดินออกไ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 34

    ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณยายจะบอกว่าจะเป็นแม่สื่อให้ฉัน ใบหน้าที่เย็นชาแข็งกระด้างของฉินโม่แวบผ่านหน้าฉันขึ้นมาเมื่อนึกถึงความตรงไปตรงมาและเย็นชาของเขาที่ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนห้องกับฉัน จู่ๆ ฉันก็รู้สึกอยากเล่นสนุกขึ้นมา และตอบกลับไปอย่างเบิกบานสำราญใจไปสองคำว่า "ได้เลยค่ะ"ถึงฉันจะตกลง แต่มันก็เป็นเพียงคำพูดที่พูดไปเรื่อยที่ฉันไม่ได้เก็บมาใส่ใจหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉันก็ยืมจักรยานในบ้านคุณยายมาคันหนึ่งและปั่นไปรอบๆ มณฑลเล็กๆ แห่งนี้เมื่อฉันกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ฉันมีสิ่งที่ต่างจากตอนที่ออกไปในตอนเช้า ซึ่งก็คือมีกระดานวาดภาพเพิ่มมาฉันรักการวาดภาพ ก่อนที่พ่อแม่ของฉันจะเสีย พวกเขาให้ฉันไปสมัครเรียนคลาสเต้น คลาสวาดภาพ และการเขียนพู่กันจีน อีกทั้งยังให้ฉันเรียนกู่เจิงด้วยแต่สิ่งเหล่านี้ล้วนจบลงหลังจากที่พวกเขาจากโลกไป แต่สิ่งเดียวที่ยังไม่จบลงก็คือการวาดภาพ เพราะมันง่ายมาก เพียงแค่มีปากกาหนึ่งด้ามและกระดาษหนึ่งแผ่นก็เพียงพอแล้วทั้งวันวันนี้ที่ฉันออกไปข้างนอก นอกจากการมองชมวิวรอบๆ แล้ว ฉันก็ได้วาดรูปมารูปหนึ่ง ก็คือรูปเขตชิงผิงใหม่ความปรารถนาสูงสุดของพ่อแม่ของฉันค

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 33

    แต่เมื่อฉันนอนลงบนเตียงแข็งๆ ภาพตรงหน้าก็ยุ่งเหยิงและว่างเปล่า ฉันจึงนอนไม่หลับในที่สุด ฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไลน์ เห็นข้อความที่ส่งมาจากหยวนเสี่ยวไต้และเกาหย่วนหยวนเสี่ยวไต้ “พี่ซาน วันนี้ฉันยุ่งจนหัวหมุนทั้งวันเลย แต่งานที่พี่ฝากให้ทำฉันทำเสร็จแล้วนะ พรุ่งนี้ต้องเอาขนมมงคลสมรสมาให้ฉันเป็นรางวัลด้วยนะ พี่ซาน สุขสันต์วันแต่งงาน ขอให้มีความสุขมากๆ ตลอดชีวิตไปจนแก่เลยนะ”เมื่อเห็นข้อความนี้ ฉันก็กระตุกมุมปากเย้ยหยัน แต่ไม่ได้ตอบกลับเกาหย่วน “ผู้ช่วยเฉียว อย่าเข้าใจประธานเจียงผิดนะ อย่าไปมีเรื่องอะไรกับประธานเจียงเด็ดขาด ไม่งั้นความผิดผมได้ใหญ่มหันต์แน่”ฉันก็ไม่ได้ตอบอะไรเช่นกัน เพียงแต่เปิดอินสตาแกรมขึ้นมา แล้วก็เจอรูปเงาที่ฉันถ่ายที่สวนสนุกในอัลบั้ม จากนั้นก็โพสต์ไปข้อความหนึ่งว่า ‘สุขสันต์วันขึ้นปีใหม่!’หลังจากโพสต์แล้ว ฉันก็ลบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจียงอวี้เหิงออกจากอินสตาแกรมของฉันสิ่งที่ฉันทำก็มันก็คล้ายๆ กับสิ่งที่พวกดาราชอบทำในตอนหย่าหรือไม่ก็เลิกกับแฟนเมื่อไม่ได้เป็นคู่รักกัน แล้วก็เป็นคนรักกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นการลบทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับความรักไปก็คงจะดีท

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 32

    “เสี่ยวโม่ นี่คือผู้หญิงที่ฉันบอกเธอว่าอยากเปลี่ยนบ้าน พวกเธอลองคุยกันดูไหม?”คุณยายเจ้าของบ้านพูดขึ้น ทำลายช่วงเวลาการสบสายตาระหว่างฉันกับชายคนนั้นลงฉันเดินเข้าไป “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเฉียวซาน ห้องที่คุณอยู่ห้องนั้น ฉันขอเปลี่ยนได้ไหมคะ?”“ไม่ครับ” การปฏิเสธของเขาเด็ดขาดเหมือนกับตอนที่สระผมเมื่อครู่นี้มุมปากของฉันขยับเล็กน้อย ความรู้สึกไม่พอใจผุดขึ้นในใจเล็กน้อย อีกทั้งความดื้อรั้นก็แสดงออกมา “ทำไมล่ะ?”ชายคนนั้นมองมาที่ฉัน ไม่ได้พูดอะไร เขาเอาผ้าขนหนูสีเขียวลายทหารพาดไหล่แล้วเดินผ่านฉันไปทั้งแบบนั้นไอความเย็นที่แผ่ซ่านมาจากน้ำทำให้ฉันสั่นสะท้านอย่างไม่มีสาเหตุ“เสี่ยว...เสี่ยวเฉียวสินะ?” คุณยายเจ้าของบ้านเดินเข้ามา “อย่าโกรธเลยนะ ฉินโม่น่ะง้อผู้หญิงไม่เป็น เดี๋ยวฉันจะกลับไปคุยกับเขาทีหลัง”ฉันก็อารมณ์ขึ้นเช่นกัน จึงจงใจพูดเสียงดัง “ไม่ต้องหรอกค่ะ อยู่ห้องนั้นก็ไม่ทำให้สูงส่งได้หรอกค่ะ ใครอยากอยู่ก็อยู่ไปเถอะ”พูดจบ คุณยายเจ้าของบ้านก็ดึงฉันไว้แล้วพูดว่า “อย่าดุแบบนี้สิ เขาเคยเป็นทหารที่ผ่านการฝึกหนักมานะ ถ้าเขาโกรธขึ้นมา เขาสามารถแบกเธอขึ้นมาแล้วเอาไปโยนทิ้งที่ข้างนอกได้เลยน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status