Share

บทที่ 8

Author: ปู้ปู้เซิงฮวา
“พี่ซาน ประธานเจียงโทรหาพี่”

หยวนเสี่ยวไต้เดินตามฉันมา ยกโทรศัพท์ไว้ตรงหน้าฉัน

ฉันประเมินความพยายามของเจียงอวี้เหิงต่ำเกินไป ในสถานการณ์แบบนี้ฉันทำได้เพียงรับโทรศัพท์ และพูดอย่างเป็นทางการมากว่า “ประธานเจียง มีอะไรจะสั่งเหรอคะ?”

“ซานซาน” น้ำเสียงของเจียงอวี้เหิงแหบต่ำ และแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดอย่างชัดเจน “วันนี้ทำไมคุณถึงออกไปเร็วขนาดนี้ล่ะ ผมกลับมาบ้านไม่ทันรับคุณเลย”

ฟังออกว่าเขาไม่ได้พูดเรื่องงาน ฉันจึงเดินออกมาไกลขึ้นเล็กน้อย “ออกมากินข้าวเช้า”

“ขอโทษนะ ผม เมื่อคืน...ปลีกตัวไปไม่ได้จริง ๆ ก็เลยไม่ได้กลับไป”

หัวใจของฉันเย็นเฉียบ มุมปากหัวเราะเย้ยหยันออกมา “ทำไมถึงปลีกตัวออกมาไม่ได้ล่ะ?”

เจียงอวี้เหิง “...”

ฉันกลั้นหายใจ ก่อนจะช่วยเขาพูด “หาพยาบาลดูแลไม่ได้เหรอ?”

“...ใช่”

ฉันไม่ได้พูดอะไรอีก เจียงอวี้เหิงเอ่ยว่า “ซานซาน คุณจะเสร็จธุระทางนั้นเมื่อไหร่ ผมจะไปรับคุณ ตอนเที่ยงพวกเราไปกินข้าวด้วยกันดีไหม?”

ฉันไม่ได้กินข้าวกับเขามานานมากแล้ว จากที่โจวเหย่พูดเมื่อคืน เขามักจะไปอยู่กับโจวถงเสมอ

วันนี้จู่ ๆ ก็นัดกินข้าวกับฉัน เป็นเพราะจะชดเชยที่หยุดกลางคันเมื่อคืน หรือจู่ ๆ ก็มีจิตสำนึกขึ้นมาตอนนี้กันแน่?

ฉันไม่รู้ ทั้งยังไม่อยากเสียเวลาไปกับการคาดเดา จึงตอบกลับอย่างเฉยชา “ไม่แน่ใจว่าเสร็จธุระเมื่อไหร่ บางทีตอนบ่าย...ก็อาจจะยังไม่เสร็จ อีกอย่างไม่ใช่ว่าช่วงนี้ตอนเที่ยงคุณมีธุระต้องไปทำอยู่ทุกวันเหรอ?”

“ซานซาน” เจียงอวี้เหิงคงฟังการเหน็บแนมของฉันออก จึงเรียกฉันเสียงหนักแน่น หลังจากนั้นก็เงียบไปสองวินาที “คุณอย่าคิดมาก”

เมื่อคืนเขาลุกจากเตียงฉันไปหาคนอื่นได้ ฉันจะยังไม่คิดอะไรได้อีกเหรอ?

ตอนนี้เป็นเวลาทำงาน ฉันไม่อยากคุยเรื่องส่วนตัวกับเขา “ตอนนี้ฉันทำงานอยู่ ถ้าไม่มีธุระขอวางสายนะคะ”

เขาไม่ได้พูดอะไร ฉันจึงวางสาย

งานนอกสถานที่วันนี้เป็นการหารือเรื่องการร่วมมือของทั้งสองฝ่าย ทั้งยังเป็นการตรวจสอบสถานที่จริงด้วย ตอนสิบโมงการหารือของทั้งสองฝ่ายก็สิ้นสุดลง ฉันกับหยวนเสี่ยวไต้จึงไปที่สถานที่จริง

นี่เป็นโครงการก่อสร้างสวนสนุก ฉันรับผิดชอบการดำเนินการของโครงการทั้งหมด ตอนนี้เสร็จสิ้นไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว มีความคลาดเคลื่อนของแบบแปลนกับงานที่เสร็จแล้วหรือไม่ ฉันต้องไปตรวจสอบดูที่ไซต์ก่อสร้าง

คู่ค้าทำตามแบบแปลนอย่างสมบูรณ์ โอกาสที่จะเกิดปัญหามีน้อยมาก แต่หากมีปัญหาในกระบวนการ ฉันก็ต้องไปจัดการ

มารอบนี้เท้าฉันไม่ใช่แค่บวม แต่ปลายเท้ายังเจ็บไปหมดด้วย

ฉันหาที่นั่งพัก หยวนเสี่ยวไต้เห็นความผิดปกติของฉัน “พี่ซาน พี่ไม่สบายเหรอ?”

“อืม เจ็บเท้า” ฉันไม่ได้ปิดบัง หากไม่ใช่เพราะอยู่นอกสถานที่ ฉันก็อยากจะถอดรองเท้าออกและผ่อนคลายเท้าตัวเองสักหน่อย

“อ้อ” หยวนเสี่ยวไต้มองใบหน้าของฉัน “พี่ซาน นอกจากไม่สบายเท้าแล้ว พี่ยังรู้สึกไม่สบายตัวด้วยไหม?”

ฉันชะงักไปเล็กน้อย หยวนเสี่ยวไต้ชี้ที่ใบหน้าของฉัน “สีหน้าพี่ซานดูไม่ค่อยดีเลย”

เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ ถ้าสบายดีก็แปลกแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงหากอารมณ์ไม่ดี ต่อให้จะแต่งหน้าดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์

“อาจเป็นเพราะประจำเดือนใกล้มา” ฉันหาข้ออ้าง หลังจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแสร้งทำเป็นจัดการข้อความ

หยวนเสี่ยวไต้เป็นผู้หญิงช่างพูด ฉันกลัวว่าเธอจะถามต่อ และฉันคงจะโกหกไม่ออก

ทันใดนั้นก็มีเงาทอดลงมาตรงหน้าฉัน เพราะคิดว่าเป็นหยวนเสี่ยวไต้จึงไม่ได้สนใจ จนกระทั่งข้อเท้ารู้สึกอุ่นขึ้น ฉันจึงเพิ่งเห็นมือใหญ่ที่คุ้นเคย

เจียงอวี้เหิงถอดรองเท้าของฉันออก และวางเท้าของฉันไว้บนเข่าของเขา ก่อนจะนวดให้ฉัน “รองเท้าไม่พอดีเท้าหรือเปล่า?”

ฉันไม่ได้พูดอะไร ลำคอของฉันตีบตัน เขาเงยหน้ามองมาทางฉัน น้ำเสียงทุ้มต่ำเป็นอย่างมาก “ยังโกรธอยู่เหรอ?”

“เปล่า” ฉันพูดพลางดึงเท้ากลับ

เจียงอวี้เหิงกลับไม่ปล่อยมือ ทั้งยังลูบให้ฉัน “หลังจากนี้จะไม่ทำแล้ว”

วันนี้เจียงอวี้เหิงสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม กับเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน กระดุมข้อมือที่สั่งทำเป็นพิเศษบนเสื้อเชิ้ตเปล่งประกายภายใต้แสงอาทิตย์ เช่นเดียวกับตัวเขา

เขาลูบเท้าซ้ายของฉันทั้งยังลูบเท้าขวาของฉันด้วย แม้จะมีคนเดินผ่านไปมาด้านข้าง เขาก็ไม่สนใจ

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสาวน้อยบางคนเผยแววตาอิจฉาออกมา ถึงขั้นซุบซิบบอกว่าในที่สุดก็เจอผู้ชายที่ทั้งหล่อทั้งรักแฟนสาวในชีวิตจริง

ฉันยอมรับว่ารู้สึกซาบซึ้ง แต่ส่วนลึกในใจก็ยังไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่บ้าง ตอนที่เขาลูบเท้าของฉัน ก็นวดให้ด้วย

“พี่ พี่โชคดีจริงๆ!” หยวนเสี่ยวไต้ขยับปากพูดด้วยริมฝีปากอยู่ไม่ไกล

เจียงอวี้เหิงทำถึงขนาดนี้แล้ว หากฉันยังนึกถึงเรื่องเมื่อคืนไม่หยุด นอกจากฉันจะดูใจแคบแล้ว ก็เหมือนกับว่าฉันโหยหาสิ่งนั้นมากเหลือเกิน

“ตอนกลางวันอยากกินอะไร?” เจียงอวี้เหิงถามฉัน

“อะไรก็ได้” ฉันไม่ค่อยหิวจริง ๆ แม้ว่าตอนนี้ฉันจะอารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้วก็ตาม

“พาคุณไปกินปลาย่างก็แล้วกัน ร้านนั้นมีฟัวกราส์ย่างด้วย รสชาติอร่อยมาก” เจียงอวี้เหิงพาฉันไปขึ้นรถ

ฉันกำลังจะรัดเข็มขัดนิรภัย เขาก็โน้มตัวเข้ามาแล้ว กลิ่นสบู่ลอยมาแตะจมูกของฉัน ทำให้ฉันหายใจติดขัด

บางทีเขาอาจจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของฉัน เขายิ้มออกมา ก่อนจะเอื้อมมือมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้ ขณะที่นั่งตัวตรงกลับไป เขาก็โน้มตัวลงมาแตะริมฝีปากลงบนแก้มฉันเบาๆ “ซานซาน ตอนคุณเขิน เหมือนตอนเด็กๆ เลย”

ฉัน “...”

แม้จะเป็นเพียงสัมผัสที่แผ่วเบา แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก

ฉันมักจะหมดท่าแบบนี้เสมอ

แค่เขาดีต่อฉันเล็กน้อย ฉันก็ดีใจจนแทบบ้าแล้ว

เมื่อนึกถึงโจวถง ฉันก็ถามว่า “ตอนนี้โจวถงเป็นยังไงบ้าง?”

“...ไม่เป็นไร ออกจากโรงพยาบาลแล้ว”

ฉันไม่ได้พูดอะไรอีก เจียงอวี้เหิงเหลือบมองฉัน “ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ?”

“ไม่รู้จะพูดอะไร” ฉันพูดความจริง

แต่ตอนที่พูดคำนี้ออกไป ข้างหูของฉันก็เหมือนจะได้ยินประโยคนั้นที่เขาเคยพูดว่า ‘คุ้นเคยกันเกินไป’ ขึ้นมา

ถูกต้อง ระหว่างฉันกับเขาคุ้นเคยกันมากเกินไป เรื่องที่เกี่ยวกับทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างก็รู้หมด คุ้นเคยจนไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว

เจียงอวี้เหิงพาฉันไปที่ร้านอาหาร พนักงานนำพวกเราไปยังที่นั่งข้างหน้าต่าง บนนั้นมีช่อกุหลาบสีขาวที่ฉันชอบวางไว้ ฉันจึงเพิ่งรู้ว่าเขาจองที่นั่งไว้ล่วงหน้าแล้ว

ปลาย่างและฟัวกราส์ถูกนำมาเสิร์ฟ รวมถึงของหวานที่ฉันชอบด้วย

มองออกได้เลยว่ามื้อนี้มีความใส่ใจอยู่

ฉันถ่ายรูป โพสต์ลงอินสตาแกรม อาหารน่ากิน ดอกไม้สด รวมถึงมือที่เรียวยาวดูดีอย่างไร้ที่ติของเจียงอวี้เหิง

เพื่อนร่วมงานที่บริษัทต่างกดไลก์ หยวนเสี่ยวไต้ส่งอิโมจิท่าทางฮึดฮัดมา ตามด้วยประโยค ‘ไม่พาฉันไปด้วยเลย’

ตอนที่เรามาถึงเมื่อกี้ เจียงอวี้เหิงบอกให้เธอจัดการเอง แล้วค่อยเอาบิลมาเบิกทีหลัง

เวินเหลียงก็เห็นแล้วเช่นกัน เธอไม่ได้กดไลก์ และส่งข้อความส่วนตัวมาหาฉันว่า ‘ดูเหมือนจะจริงใจและรู้สึกผิดนะ ก็ไม่แย่ แล้วก็ฉันถามพยาบาลที่เฝ้าเวรเมื่อคืนแล้ว เขาอยู่ในห้องผู้ป่วยเป็นเพื่อน แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น’

ฉัน “...”

“เลิกดูโทรศัพท์ได้แล้ว กินก่อนเถอะ” ขณะที่เจียงอวี้เหิงเตือนฉัน ก็เอาฟัวกราส์ที่เขาหั่นแล้วมาวางตรงหน้าฉัน

ฉันหยิบส้อมขึ้นมา ขณะที่กำลังจะเอาใส่ปาก ร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งก็ปรากฏเข้ามาในสายตาของฉัน

โจวถงก็เห็นฉันเช่นกัน เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “คุณเฉียว”

พูดจบ เธอก็หันไปมองเจียงอวี้เหิง “อาเหิง คุณก็อยู่ที่นี่เหรอ?”

คำพูดนี้ ถ้าคู่หมั้นของฉันไม่อยู่แต่คนอื่นอยู่ตรงนี้แทน มันจะไม่แปลกกว่าหรอกเหรอ?

“บังเอิญมากคุณโจว คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอ?” ฉันถามอย่างตรงไปตรงมา

“ฉันไปที่หลุมศพของหลินหยางมา บังเอิญผ่านมาทางนี้ ได้กลิ่นฟัวกราส์หอม ๆ ก็เลยมาถึงที่นี่” โจวถงมีผิวขาวละเอียดอ่อน แม้แต่เสียงเวลาพูดก็นุ่มนวลราวกับเส้นไหม

“คุณมาคนเดียวเหรอ?” เจียงอวี้เหิงพูด

“อืม ถ้าพวกคุณไม่รังเกียจ ฉันขอกินด้วยคนได้ไหม?” โจวถงพูดขณะที่วางเสื้อคลุมลงบนเก้าอี้ข้างเจียงอวี้เหิง

Related chapters

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 9

    “กินด้วยกันสิ!”เจียงอวี้เหิงไม่ได้ถามความเห็นของฉันก็ตอบรับไปแล้วโจวถงนั่งลง มองอาหารตรงหน้าด้วยสีหน้าอยากกิน “ปลาเผาเหรอ ช่วงนี้ฉันกำลังอยากกินอยู่พอดี”“ถ้างั้นสั่งฟัวกราส์อีกชิ้นให้คุณดีไหม?” ท่าทางที่เจียงอวี้เหิงถามดูเป็นธรรมชาติมาก“เพิ่มของหวานด้วย เอาเป็นไอศกรีมโยเกิร์ตราดซอสสตรอว์เบอร์รี น้ำผลไม้ฉันดื่มน้ำส้ม” โจวถงพูดจบก็ยังมองมาทางฉันด้วย “เฉียวซาน คุณอยากดื่มน้ำส้มสักแก้วไหม?”“ไม่ต้องหรอก ฉันจะดื่มน้ำเปล่า” พูดจบ ฉันก็เอาฟัวกราส์บนส้อมใส่เข้าปากนุ่มละเอียด ทั้งยังมีกลิ่นหอมจางๆ...“อาเหิง ฟัวกราส์ที่คุณเอามาให้ฉันหลายครั้งก่อนหน้านี้ก็มาจากร้านนี้ใช่ไหม?” คำพูดของโจวถงทำให้ฉันหยุดเคี้ยวฟัวกราส์ฉันมองเขา ก็เห็นเขามีท่าทีไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย “...อืม”มิน่าล่ะ เขาถึงได้รู้ว่าฟัวกราส์ร้านนี้อร่อย ที่แท้ก็เป็นเพราะเขาเคยซื้อให้คนอื่นหลายครั้งแล้ว แต่วันนี้เพิ่งเป็นครั้งแรกของฉันหรือเขาต้องการชดเชยความรู้สึกผิดในใจในชั่วพริบตาเดียว ฟัวกราส์ในปากของฉันก็รสชาติเปลี่ยนไป ถึงขั้นที่ทำให้ฉันกลืนไม่ลง“มิน่าล่ะ ตอนที่ฉันผ่านร้านนี้ถึงได้กลิ่นฟัวกราส์ที่คุ้นเคยมาก”

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 10

    สีหน้าของโจวถงดูไม่น่ามองอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่เดิมทีขาวอยู่แล้วยิ่งขาวซีดมากขึ้นหลายส่วนมือที่ถือน้ำผลไม้อยู่สั่นเทา “ขอโทษนะ ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ”เธอดูบอบบางน่าสงสารมาก ราวกับฉันพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด จนทำให้เธอเจ็บปวดทว่าฉันยังไม่หยุด ในเมื่อพูดไปแล้วจึงพูดต่อไปให้หมด “บางทีคุณอาจจะไม่ได้ตั้งใจ แต่มันส่งผลกระทบต่อพวกเราจริง ๆ ในเมื่อพี่สะใภ้ไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนี้ก็ระวังด้วย ไม่ต้องขอโทษหรอก”“ถ้าหลินหยางยังอยู่ ฉันจะไม่รบกวนอาเหิงเด็ดขาด” โจวถงพูดขณะที่น้ำตาไหลรินอีกครั้งผู้หญิงเกิดจากน้ำ คำนี้ได้รับการพิสูจน์จากตัวเธอแล้วเธอพูดได้แยบยลมาก จนฉันเองก็ไม่รู้จะตอบอะไรดี“เฉียวซาน” โจวถงมองฉัน ขณะที่แววตาเป็นประกาย “ฉันไปหาอาเหิง เพราะหลินหยางสั่งเสียไว้ และอาเหิงก็ตอบรับแล้ว”มือของเธอลูบแก้วน้ำไม่หยุด “ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ ฉันก็ไม่ไปหาอาเหิงหรอก”เธอกำลังแก้ตัวให้ตัวเอง ทั้งยังพูดเหน็บแนมฉันด้วยทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ใครจะไม่มีเล่ห์เหลี่ยมบ้าง?“พี่สะใภ้ อวี้เหิงรับปากสามีคุณว่าจะดูแลคุณ แต่การดูแลก็ต้องมีขอบเขต ถึงยังไงตอนนี้คุณก็ตัวคนเดียว อย่าให้คนอื่นเห็นค

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 11

    เจียงอวี้เหิงหันหน้ามองฉัน นัยน์ตาลุ่มลึกสั่นเทาด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็เป็นความโกรธและหงุดหงิด“เฉียวซาน คุณจะเอาแต่ใจก็ช่วยแยกแยะเวลาหน่อย โจวถงเธอ...”“ฉันต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของคุณ” ฉันพูดขัดจังหวะเขาคำพูดนี้ทำให้ฉันดูต่ำต้อยเหลือเกินเคยดูโทรทัศน์ พอเห็นพล็อตแบบนี้ ฉันก็จะรู้สึกว่านางเอกไร้ประโยชน์เหลือเกิน ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาทะเลาะเพื่อผู้ชายแบบนี้เลยด้วยซ้ำตอนนี้เปลี่ยนเป็นฉัน จึงได้เข้าใจรสชาติแบบนั้น“โจวถงท้องอยู่ จะเป็นอะไรไปไม่ได้!” เจียงอวี้เหิงกล่าวพลางถอยหลังไปสองสามก้าวจากนั้น เขาหมุนตัวแล้วสาวเท้ายาววิ่งไปข้างนอกสุดท้ายแล้วระหว่างฉันกับโจวถง เขาก็เลือกคนอื่นฉันนั่งอยู่ตรงนั้น เห็นเขาไล่ตามโจวถงไปชัดเจน เห็นเขายื้อยุดฉุดกระชากโจวถง สุดท้ายโจวถงก็จับเสื้อของเขาแล้วซบอยู่ในอ้อมอกของเขา...ฉันก้มหน้า ไม่กล้ามองต่อไปอีกไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรระหว่างพวกเขาหรือไม่ การเลือกของเขาในวันนี้ทำให้หัวใจที่ลังเลของฉันได้คำตอบสักทีสุดท้าย ฉันแทบจะไม่ได้กินข้าวมื้อนี้เลยสักคำ กลับจ่ายค่าอาหารไปหนึ่งหมื่นห้าพันบาทฉันไม่ได้กลับตระกูลเจียง แต่ไปหาเวินเหลียง“ตัดสินใ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 12

    สีหน้าของเขาตึงเครียดเล็กน้อย “เมื่อคืนในสถานการณ์แบบนั้น ผมกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป หลินหยางที่คุณรู้จักเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของพ่อแม่เขา ลูกที่อยู่ในห้องโจวถงตอนนี้คือความหวังทั้งหมดของตระกูลหลิน ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริง...”เขาไม่ได้พูดต่อ แต่ฉันรู้“ดังนั้นต่อจากนี้ไป ตราบใดที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับเธอ คุณก็จะให้ความสำคัญเพียงแค่เธอเท่านั้น ถูกต้องไหม?” ฉันถามอย่างเย็นชาเจียงอวี้เหิงเงียบไปสองวินาที “รอให้คลอดเด็กออกมาก็เรียบร้อยแล้ว”ฉันหัวเราะชั่วพริบตาที่หันหน้า ดวงอาทิตย์ที่เพิ่งขึ้นก็ทิ่มแทงจนรู้สึกเจ็บตาฉันมองดูเขา “เจียงอวี้เหิง เด็กออกมาแล้วก็ยังจะมีปัญหาตามมา จะป่วย จะมีอุบัติเหตุ ตราบใดที่คุณใช้เด็กคนนี้เป็นข้ออ้าง ถ้าอย่างนั้นคุณกับโจวถงก็จะเกี่ยวพันกันไปตลอด และฉันก็จะเป็นคนคนนั้นที่ถูกคุณทอดทิ้งตลอดไป”เจียงอวี้เหิงโดนฉันว่าจนเงียบไปเลยฉันแสดงจุดยืนของตัวเองไปอย่างชัดเจนด้วย “เจียงอวี้เหิง ถ้าพวกเราแต่งงานกันไป ฉันไม่อยากให้สามีของตัวเองดูแลผู้หญิงคนอื่นเกือบทุกวันหรอกนะ”“เฉียวซาน คุณให้เวลาผมหน่อยนะ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย” แววตาลึก ๆ ของเจียง

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 13

    ทว่าสวนสนุกใกล้จะเสร็จแล้ว ฉันไม่อยากจากไปเวลานี้เลยตอนเที่ยง ฉันกำลังจัดการงานที่อยู่ในมือตัวเองอยู่ หยวนเสี่ยวไต้วิ่งมาด้วยท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ “พี่ซาน เมื่อวานพี่เป็นประจำเดือนใช่ไหม?”ฉันเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ฉันเป็นไม่ได้?”“ไม่ใช่สักหน่อย” หยวนเสี่ยวไต้ส่ายหน้าเหมือนกลองป๋องแป๋ง “ถึงว่าทำไมวันนี้ประธานเจียงอารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้ ที่แท้ก็ไม่พอใจนี่เอง”ฉันตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นได้สติว่าเธอหมายความว่าอะไรฉันหยิบปากกาโขกหัวเธอไปที “เวลาทำงานก็ต้องใช้สมองกับการทำงาน คิดเหลวไหลให้น้อย ๆ หน่อย”หยวนเสี่ยวไต้หัวเราะฮิ ๆ และให้รายงานที่พวกเราไปดูหน้างานด้วยกันเมื่อวานให้ฉัน “ฉันไม่ได้คิดเหลวไหลนะคะ ทุกคนโดนประธานเจียงด่าจนกลัวไปหมดแล้วจริง ๆ วันนี้ขอแค่เข้าไปห้องทำงานเขา ไม่มีคนเดินยิ้มออกมาเลยสักคน”เบื้องหน้าฉันปรากฏภาพที่เมื่อเช้าวันนี้เจียงอวี้เหิงทิ้งดอกกุหลาบด้วยความโมโห ไม่รู้ว่าที่เขาอารมณ์เสียวันนี้ เป็นเพราะฉันไม่ได้ง้อง่าย ๆ เหมือนตามปกติ หรือว่าฉันขอเลิก“พี่ซาน พี่คงจะไม่ได้ทะเลาะกับประธานเจียงหรอกนะ?” หยวนเสี่ยวไต้ซุบซิบฉันได้สติกลับมา “เอาล่ะ ๆ ไปทำงานได้แล้ว ไม่อย่

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 14

    ใบหน้าเล็ก ๆ ของโจวถงขาวซีดทันที น้ำตาคลออยู่ในดวงตาจะร่วงอยู่รอมร่อ ไม่ต้องพูดว่าน่าเอ็นดูขนาดไหน“อาเหิง ในที่สุดคุณก็รำคาญฉันแล้ว ใช่ไหมล่ะ?” น้ำตาของโจวถงไหลแหมะ ๆ ด้วย ตอนที่พูดออกมาเจียงอวี้เหิงไม่ได้พูด ทั้งร่างกายเป็นความกดอากาศต่ำ“ถ้าหลินหยางไม่เป็นไร ฉันก็จะไม่รบกวนคุณหรอก...” เสียงโจวถงพึมพำ แต่คำพูดนี้กลับมีความรู้สึกกดดันอยู่“คุณรบกวนผมก็ช่าง อย่าไปรบกวนเธอ” เขาที่เจียงอวี้เหิงว่าก็คือหมายถึงฉันพวกเขาจะทะเลาะกันแล้ว ในทีแรกฉันไม่รู้ว่าต้องยืนอยู่ตรงนี้หรือควรไปดี“ฉันรู้แล้ว จากนี้ฉันจะไม่รบกวนคุณอีก และจะไม่มารบกวนพวกคุณด้วย” โจวถงกล่าวแล้วหมุนตัวเดินจ้ำอ้าวไปข้างนอกคราวนี้เจียงอวี้เหิงไม่ได้ไล่ตามออกไป แต่มองมาที่ฉัน ฉันก้มหน้าเล็กน้อย สาวเท้าเดินไปข้างนอกเจียงอวี้เหิงตามฉันมาติด ๆ เราเดินออกจากคาเฟ่ จังหวะนี้ได้ยินเสียงเบรกแสบแก้วหูดังเอี๊ยดฉันกับเจียงอวี้เหิงเงยหน้าพร้อมกัน ก็เห็นโจวถงโดนรถคันหนึ่งที่ออกมาจากโรงรถชนจนล้มอยู่ที่พื้น“โจวถง!” เจียงอวี้เหิงตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ เจ้าตัววิ่งไปอย่างรวดเร็วฉันอึ้งไปสักสองสามวินาที แล้วรีบตามไปด้วย“อาเหิง

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 15

    เวินเหลียงฟังออกว่าฉันไม่ได้พูดความจริง และไม่ได้ซักไซ้ เอ่ยเพียงว่า “ได้ มีข่าวคราวแล้วจะบอกเธอ จริงสิ วันนี้เธอไปที่ไหน ถ้ายังไม่อยากกลับตระกูลเจียงก็มาหาฉันได้นะ”วันนี้เวินเหลียงเข้ากะกลางคืน ฉันไปหาเธอเหมาะสมที่สุดฉันไม่อยากกลับตระกูลเจียงจริง ๆ โดยเฉพาะการที่ฉันต้องนอนห้องเดียวกับเจียงอวี้เหิงในตอนนี้แต่ฉันไปพักอยู่กับเวินเหลียงตลอดก็ไม่เหมาะสมเหมือนกัน แม้ว่าเธอจะไม่มีแฟน แต่ทุกคนต่างไม่หวังให้พื้นที่ส่วนตัวของตัวเองถูกคนอื่นรบกวนหรอก“ได้” ฉันไม่ปฏิเสธ อย่างน้อยก่อนหน้าที่ฉันจะหาที่พักอยู่ ไปพักที่เธอก็ดีกว่าพักอยู่โรงแรมมากถึงแม้จะมีหลักมีแหล่งที่นอนกลางคืนแล้ว ฉันก็ไม่ได้ไปในทันที แต่ขับรถไปชานเมืองที่นี่เป็นเมืองเก่าแล้ว แต่คนที่พักอยู่ไม่น้อยเลย ส่วนมากเป็นผู้เช่า เพราะค่าเช่าถูกและที่ฉันมาที่นี่เป็นเพราะบ้านของฉันอยู่ที่นี่ ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะจากไป พวกเราสามคนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่กันทั้งครอบครัว ตอนนั้นที่นี่ยังไม่ได้เป็นเมืองเก่า เศรษฐกิจและการคมนาคมสะดวกมาก เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรืองมากแต่เวลาสิบปีมานี้ ที่นี่ไม่เจริญรุ่งเรืองเหมือนอย่างที่เคยเป็นแล้วบ้านที่ชุ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 16

    “เฉียวซาน คุณอย่าเข้าใจผิดนะ”คำพูดนี้ของโจวถงทำให้ฉันอยากหัวเราะนึกถึงคำพูดที่เธอพูดตอนเลือกเครื่องนอน ที่แท้แฟนที่เธอยอมรับโดยปริยายถึงกับเป็นเจียงอวี้เหิง“นี่ซื้อให้เจียงอวี้เหิงเหรอ?” ฉันเหลือบมองเครื่องนอนที่เธอเลือก สีฟ้าเทา เป็นโทนสีที่เจียงอวี้เหิงชื่นชอบจริง ๆแต่นั่นเป็นเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้ภายใต้อิทธิพลของฉัน สีสันของเขาก็สดใสขึ้นมากแล้วโจวถงกัดริมฝีปากล่าง ลังเลอยู่สักสองสามวินาทีจึงจะส่ายหน้า “...ไม่ใช่นะ คุณอย่าเข้าใจผิด ฉันเลือกให้น้องชายฉัน”การแสดงปาหี่พรรค์นี้ ฉันขี้เกียจที่จะไปโต้เถียงกับเธอ เลยพูดไปตามตรง “เจียงอวี้เหิงจะอยู่ด้วยกันกับคุณแล้ว?”เขาว่าให้ลูกของโจวถงเป็นอะไรไปไม่ได้เลยไม่ใช่หรือไง การปกป้องอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเหมาะสมที่สุด“เฉียวซาน ทำไมคุณพูดจาแบบนี้?” โจวถงเผยความตื่นเต้นออกมา“คุณซื้อให้เขาแม้กระทั่งของใช้บนเตียง ทำไมฉันจะพูดแบบนี้ไม่ได้?” ฉันย้อนถามแบบกวน ๆ“เฉียวซาน คุณขี้อิจฉาเกินไปแล้ว แบบนี้อาเหิงจะไม่ชอบเอานะ” คำพูดของโจวถงทำให้ฉันหัวเราะ“คุณหัวเราะอะไร ?” ดวงตาคู่นั้นของเธอมองฉันด้วยความระแวดระวังและไร้เดียงสาฉันลูบเส้นผม

Latest chapter

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 40

    ฉันเงยหน้าขึ้น เห็นใบหน้าที่มีเหลี่ยมมุมของฉินโม่ที่ชัดเจนเขาไม่ใช่แค่พยุงฉันไว้ แต่ยังรับแตงโมในมือฉันไว้ได้อีกด้วยภาพที่ดูเหมือนฝันเช่นนี้เป็นสิ่งที่ได้จากการจงใจถ่ายทางโทรทัศน์เท่านั้น แต่ตอนนี้มันกำลังเกิดขึ้นกับฉันจริงๆเขาพยุงฉันให้ยืนตัวตรง คลายมือที่จับไว้ แต่ทันทีที่ฉันเคลื่อนไหว ฉันก็รู้สึกเจ็บแปลบเหมือนโดนเข็มทิ่มที่ข้อเท้าฉันคว้าแขนของเขาไว้แล้วพูดว่า “เจ็บ…”เขามองไปตามสายตาของฉัน เห็นข้อเท้าขาวบางของฉันกลายเป็นสีแดง "ข้อเท้าพลิกเหรอ?"ฉินโม่อยู่ใกล้ฉันมาก เสียงทุ้มต่ำของเขามันช่างน่าฟังมากเป็นพิเศษฉันตอบอืม วินาทีต่อมาเขาก็ยัดแตงโมใส่มาในมือฉันแล้วอุ้มฉันขึ้นมาฉันกับเจียงอวี้เหิงคบกันมาหลายปี แต่เขาไม่เคยอุ้มฉันแบบนี้เลย ในตอนนี้ ฉินโม่กลับอุ้มฉันในท่าเจ้าหญิง มันทำให้หัวใจฉันเต้นแรงขึ้น ถึงขั้นมีเหงื่อซึมออกมาที่ปีกจมูก...ฉันเป็นแบบนี้แหละ เวลาตื่นเต้นหรือประหม่า เหงื่อจะออกปลายจมูกในตอนนี้ ฉันก็ได้ยินเสียงถอนหายใจ เป็นเสียงจากคนในละแวกนั้นและผู้คนที่เดินผ่านไปมาอาจเป็นเพราะมณฑลเล็กๆ เช่นนี้ ผู้คนคงยังไม่ชินกับพฤติกรรมเช่นนี้ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงฉิ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 39

    ฉันหยิบแก้วแปรงสีฟันขึ้นมา เติมน้ำแล้วแปรงฟัน ตลอดเวลาที่แปรงฟัน ฉันไม่ได้มองที่ยัยหมูสามชั้นเลย แต่สายตาของเธอไม่เคยละไปจากฉันแม้แต่วินาทีเดียว เธอมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็จากปลายเท้าขึ้นไปถึงศีรษะ“เสี่ยวเฉียวเฉียว นี่คือหมูสามชั้น” คุณยายแนะนำเธอฉันอมยาสีฟันไว้ในปากแล้วพยักหน้าไปทางยัยหมูสามชั้นเธอมีใบหน้ากลม แต่ไม่ถึงกับอ้วน เธอสวมชุดเดรสลายดอกไม้และแต่งหน้า เห็นได้ชัดว่าเธอแต่งตัวมาอย่างจริงจัง“หมูสามชั้น นี่คือเสี่ยวเฉียวเฉียวที่เธออยากเจอ ฉันพูดถูกไหม ดูสิว่าผิวเธอนุ่มลื่มชุ่มชื้นแค่ไหน” คุณยายกำลังซักผ้าอยู่ ซักด้วยมือเปล่าเมื่อหมูสามชั้นกับฉันสบตากัน เธอมีความไม่มั่นใจฉายแวบขึ้นในดวงตาเมื่อถูกเปรียบเทียบกับฉัน แต่ปากกลับไม่ยอมรับ “เธอยังเด็ก ผิวก็ต้องนุ่มชุ่มชื้นอยู่แล้ว ตอนฉันอายุเท่าเธอก็ประมาณนี้แหละ”คุณยายเบะปาก หมูสามชั้นก็กลอกตามองบน การต่อสู้แบบเงียบๆ ระหว่างทั้งสองทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังดูโชว์ตลกอยู่เมื่อฉันแปรงฟันเสร็จ หมูสามชั้นก็พูดขึ้นมาว่า “คุณเฉียว มาที่นี่เพื่อเยี่ยมญาติหรือมาเที่ยวเล่น?”“มาเที่ยวเล่น” ฉันเปิดก๊อกน้ำและล้างแก้วแปรงสีฟัน“ม

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 38

    คืนนี้ฉันนอนหลับสนิทจนกระทั่งได้ยินเสียงหนวกหูดังมาจากด้านนอกไม่ใช่ฉินโม่ที่กำลังพูด แต่เป็นผู้หญิงที่พูดติดสำเนียงท้องถิ่นฟังจากเสียงของเธอแล้ว เธอไม่ใช่เด็กเสียงของเด็กผู้หญิงจะนุ่มนวลและสดใส ในขณะที่เสียงของผู้หญิงโดยทั่วไปแล้วจะทุ้มและหยาบกว่าฉันเป็นคนที่สามารถแยกคนได้จากเสียง แต่กลับไม่สามารถแยกได้ว่าชายที่ฉันรักมาเป็นสิบปีนั้นเป็นไอ้ผู้ชายเจ้าชู้สารเลวเขาว่ากันว่าการลืมใครสักคนคือการไม่คิดถึงเขาบ่อยๆ ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะทำไม่ได้ฉันยังคิดถึงเจียงอวี้เหิงโดยไม่รู้ตัวอยู่เสมอ ถึงจะไม่ใช่ความรัก เป็นเพียงความรู้สึกโกรธแค้น ฉันก็ยังคิดถึงเขาอยู่เป็นครั้งคราวฉันไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียง เพียงแต่เงี่ยหูฟังเสียงจากข้างนอก“คุณยาย ฉินโม่ล่ะคะ?” หญิงคนนั้นถาม“ออกไปแล้ว ตั้งแต่เช้าก็ออกไปแล้ว” คุณยายดูเหมือนกำลังล้างอะไรบางอย่างอยู่ มีเสียงน้ำดังเข้ามา“ไปแล้วหรอ ฉันก็นึกว่าเขายังไม่ตื่น” เสียงของหญิงสาวมีความตลกขบขันแทรกอยู่“ยัยหมูสามชั้น เสี่ยวฉินจะตื่นหรือไม่ตื่นแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ เขาไม่ได้ชอบเธอ เธอก็อย่าคิดให้รกสมองเปล่าๆ เลย” คุณยายพูดออกมาตรงๆคนปก

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 37

    ฉันตอบอืมไปเบาๆ “เป็นข้อเสนอที่ไม่เลวเลย ฉันจะเก็บไปพิจารณาดู”“ต้องคิดแบบจริงจังนะ” เวินเหลียงพูดจบก็ชะงักไปชั่วขณะ “ซานซาน วิธีที่จะลืมใครสักคนกับความรักที่ดีที่สุดก็คือการหาใครสักคนมาแทน แล้วก็รีบเริ่มต้นความรักใหม่โดยเร็ว”“โอเคค่ะอาจารย์เวิน ฉันเข้าใจแล้ว” หลังจากวางสาย ฉันก็นอนลงบนเตียงอย่างเหม่อลอยฝีเท้าของฉินโม่ข้างนอกดังเข้ามา ฉันรู้ได้ในทันที มันทั้งหนักแน่นและทรงพลังผ่านไปสักพักก็มีเสียงก๊อกน้ำดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงบ่นพึมพำของคุณยายเจ้าของบ้าน "ทำไมมีแค่นายคนเดียว? เสี่ยวเฉียวเฉียวล่ะ?"ฉันไม่ได้ยินคำตอบของฉินโม่ ได้ยินเพียงแค่ที่เขาพูดว่า "อย่าใส่ผักชีในซุปปลา"เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันก็หัวเราะ หัวเราะไปหัวเราะมาก็น้ำตาไหลออกมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่ตระกูลเจียง ฉันกินผักชี แต่ในอดีตตอนที่อยู่กับพ่อแม่ ฉันไม่เคยกินเลยมีสำนวนที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม แม้ว่าตอนนั้นฉันจะย้ายเข้ามาอยู่ในตระกูลเจียงในฐานะคู่หมั้นของเจียงอวี้เหิง คุณแม่เจียงก็บอกว่าฉันเป็นลูกสาวของเธอ แต่ฉันก็ไม่ได้เป็นคนในครอบครัวตระกูลเจียงอยู่ดี ฉันรู้ดีอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่แก่ใจในเรื

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 36

    ในชีวิตนี้ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายที่ฉันเคยพบหน้าเพียงสองครั้งจะอยากจดทะเบียนแต่งงานกับฉันแต่ผู้ชายที่คบกับฉันมาสิบปีกลับไปมีชู้ลับหลังฉันหลังจากตกใจไปชั่วขณะ ฉันก็เม้มริมฝีปากและยิ้ม "คุณฉินคะ นี่มันกะทันหันเกินไปหน่อยไหม?"สีหน้าของฉินโม่ยังเหมือนเดิม ดูค่อนข้างจริงจัง “คนเราคบกันก็เพื่อแต่งงานกันไม่ใช่เหรอ ในเมื่อคุณไม่อยากคบ งั้นก็แต่งงานเลย”คำพูดนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไรแต่คนที่พูดดูเหมือนว่าจะมีปัญหา คนปกติจู่ๆ จะมาแต่งงานกับคนแปลกหน้าไหมล่ะ?นิยายสมัยนี้นิยมโครงเรื่องแบบนี้ แต่มันก็เป็นแค่นิยายเท่านั้นคิ้วของฉันขมวด มุมปากปรากฏรอยยิ้มเยาะ "คุณฉินตรงไปตรงมาขนาดนี้กับคู่นัดดูตัวทุกคนเลยเหรอคะ?"ขณะนี้ พระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าส่องแสงมาที่ตัวของพวกเราพอดี เงาของฉินโม่ปกคลุมฉันไว้ “คุณเป็นคนแรก” ฉันรู้สึกคันคอ “เรา…แทบจะไม่รู้จักกันเลย”ฉินโม่ไม่ได้พูดอะไรอีก เรายืนหันหน้าเข้าหากัน ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าทั่วทั้งร่างกายของฉันร้อนผ่าวเล็กน้อย แม้แต่ปลายจมูกก็มีเหงื่อซึมออกมาในขณะที่ฉันกำลังขูดกำแพงที่อยู่ด้านหลังฉัน คิดว่าจะพูดอะไร

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 35

    เมื่อได้ยินเสียง ฉันจึงโยนโทรศัพท์ทิ้ง “เรียบร้อยแล้วค่ะ”พูดจบ ฉันก็ถอดรองเท้า เปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะแล้วเปิดประตู จากนั้นก็เห็นฉินโม่กำลังตักน้ำอยู่ในลานบ้านถังน้ำสีขาวหลายใบวางเรียงกันเป็นแถว ไม่นานน้ำก็เต็มถัง เขายกถังขึ้นมา กล้ามเนื้อที่ไหล่แนบกับเสื้อผ้าจนสามารถมองเห็นได้กล้ามเนื้อกับพละกำลังนั้นเป็นของคู่กันจริงๆ“ตักน้ำมาเยอะขนาดนี้ทำไม น้ำจะไม่ไหลเหรอ?” ฉันเดินไปถามสายตาของคุณยายมองไปที่รองเท้าแตะของฉัน และกลอกตาอย่างเงียบๆฉินโม่ไม่ได้ตอบอะไร คุณยายพูดแทน "เผื่อโดนตัดน้ำจ้ะ"พูดจบ เธอก็ตีฉินโม่ “เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะทำซุปปลาให้นะ พวกเธอช่วยไปซื้อปลากะพงมาหน่อย ขอสดๆนะ แล้วก็ซื้อผักชีกับกระเทียมมาด้วย”นี่เป็นการไปซื้อของที่ไหนกันล่ะ มันคือการให้เราสองคนออกไปคุยกันชัดๆเพียงแต่ฉันใส่รองเท้าแตะขนาดใหญ่อยู่ จึงไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่การจะเข้าไปเปลี่ยนในบ้านก็ดูไม่เหมาะสมเช่นกัน“ไปเปลี่ยนรองเท้า” ฉินโม่พูดเช่นนั้นในเวลาแบบนี้ ถ้าให้ฉันไปเปลี่ยนรองเท้า มันจะยิ่งทำให้ฉันรู้สึกอับอายมากขึ้น ดังนั้นฉันจึงยิ้มเยาะ “ไม่ต้องหรอก”ฉินโม่ไม่พูดอะไรอีก เขายกขาขึ้นเตรียมจะเดินออกไ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 34

    ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณยายจะบอกว่าจะเป็นแม่สื่อให้ฉัน ใบหน้าที่เย็นชาแข็งกระด้างของฉินโม่แวบผ่านหน้าฉันขึ้นมาเมื่อนึกถึงความตรงไปตรงมาและเย็นชาของเขาที่ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนห้องกับฉัน จู่ๆ ฉันก็รู้สึกอยากเล่นสนุกขึ้นมา และตอบกลับไปอย่างเบิกบานสำราญใจไปสองคำว่า "ได้เลยค่ะ"ถึงฉันจะตกลง แต่มันก็เป็นเพียงคำพูดที่พูดไปเรื่อยที่ฉันไม่ได้เก็บมาใส่ใจหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉันก็ยืมจักรยานในบ้านคุณยายมาคันหนึ่งและปั่นไปรอบๆ มณฑลเล็กๆ แห่งนี้เมื่อฉันกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ฉันมีสิ่งที่ต่างจากตอนที่ออกไปในตอนเช้า ซึ่งก็คือมีกระดานวาดภาพเพิ่มมาฉันรักการวาดภาพ ก่อนที่พ่อแม่ของฉันจะเสีย พวกเขาให้ฉันไปสมัครเรียนคลาสเต้น คลาสวาดภาพ และการเขียนพู่กันจีน อีกทั้งยังให้ฉันเรียนกู่เจิงด้วยแต่สิ่งเหล่านี้ล้วนจบลงหลังจากที่พวกเขาจากโลกไป แต่สิ่งเดียวที่ยังไม่จบลงก็คือการวาดภาพ เพราะมันง่ายมาก เพียงแค่มีปากกาหนึ่งด้ามและกระดาษหนึ่งแผ่นก็เพียงพอแล้วทั้งวันวันนี้ที่ฉันออกไปข้างนอก นอกจากการมองชมวิวรอบๆ แล้ว ฉันก็ได้วาดรูปมารูปหนึ่ง ก็คือรูปเขตชิงผิงใหม่ความปรารถนาสูงสุดของพ่อแม่ของฉันค

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 33

    แต่เมื่อฉันนอนลงบนเตียงแข็งๆ ภาพตรงหน้าก็ยุ่งเหยิงและว่างเปล่า ฉันจึงนอนไม่หลับในที่สุด ฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไลน์ เห็นข้อความที่ส่งมาจากหยวนเสี่ยวไต้และเกาหย่วนหยวนเสี่ยวไต้ “พี่ซาน วันนี้ฉันยุ่งจนหัวหมุนทั้งวันเลย แต่งานที่พี่ฝากให้ทำฉันทำเสร็จแล้วนะ พรุ่งนี้ต้องเอาขนมมงคลสมรสมาให้ฉันเป็นรางวัลด้วยนะ พี่ซาน สุขสันต์วันแต่งงาน ขอให้มีความสุขมากๆ ตลอดชีวิตไปจนแก่เลยนะ”เมื่อเห็นข้อความนี้ ฉันก็กระตุกมุมปากเย้ยหยัน แต่ไม่ได้ตอบกลับเกาหย่วน “ผู้ช่วยเฉียว อย่าเข้าใจประธานเจียงผิดนะ อย่าไปมีเรื่องอะไรกับประธานเจียงเด็ดขาด ไม่งั้นความผิดผมได้ใหญ่มหันต์แน่”ฉันก็ไม่ได้ตอบอะไรเช่นกัน เพียงแต่เปิดอินสตาแกรมขึ้นมา แล้วก็เจอรูปเงาที่ฉันถ่ายที่สวนสนุกในอัลบั้ม จากนั้นก็โพสต์ไปข้อความหนึ่งว่า ‘สุขสันต์วันขึ้นปีใหม่!’หลังจากโพสต์แล้ว ฉันก็ลบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจียงอวี้เหิงออกจากอินสตาแกรมของฉันสิ่งที่ฉันทำก็มันก็คล้ายๆ กับสิ่งที่พวกดาราชอบทำในตอนหย่าหรือไม่ก็เลิกกับแฟนเมื่อไม่ได้เป็นคู่รักกัน แล้วก็เป็นคนรักกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นการลบทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับความรักไปก็คงจะดีท

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 32

    “เสี่ยวโม่ นี่คือผู้หญิงที่ฉันบอกเธอว่าอยากเปลี่ยนบ้าน พวกเธอลองคุยกันดูไหม?”คุณยายเจ้าของบ้านพูดขึ้น ทำลายช่วงเวลาการสบสายตาระหว่างฉันกับชายคนนั้นลงฉันเดินเข้าไป “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเฉียวซาน ห้องที่คุณอยู่ห้องนั้น ฉันขอเปลี่ยนได้ไหมคะ?”“ไม่ครับ” การปฏิเสธของเขาเด็ดขาดเหมือนกับตอนที่สระผมเมื่อครู่นี้มุมปากของฉันขยับเล็กน้อย ความรู้สึกไม่พอใจผุดขึ้นในใจเล็กน้อย อีกทั้งความดื้อรั้นก็แสดงออกมา “ทำไมล่ะ?”ชายคนนั้นมองมาที่ฉัน ไม่ได้พูดอะไร เขาเอาผ้าขนหนูสีเขียวลายทหารพาดไหล่แล้วเดินผ่านฉันไปทั้งแบบนั้นไอความเย็นที่แผ่ซ่านมาจากน้ำทำให้ฉันสั่นสะท้านอย่างไม่มีสาเหตุ“เสี่ยว...เสี่ยวเฉียวสินะ?” คุณยายเจ้าของบ้านเดินเข้ามา “อย่าโกรธเลยนะ ฉินโม่น่ะง้อผู้หญิงไม่เป็น เดี๋ยวฉันจะกลับไปคุยกับเขาทีหลัง”ฉันก็อารมณ์ขึ้นเช่นกัน จึงจงใจพูดเสียงดัง “ไม่ต้องหรอกค่ะ อยู่ห้องนั้นก็ไม่ทำให้สูงส่งได้หรอกค่ะ ใครอยากอยู่ก็อยู่ไปเถอะ”พูดจบ คุณยายเจ้าของบ้านก็ดึงฉันไว้แล้วพูดว่า “อย่าดุแบบนี้สิ เขาเคยเป็นทหารที่ผ่านการฝึกหนักมานะ ถ้าเขาโกรธขึ้นมา เขาสามารถแบกเธอขึ้นมาแล้วเอาไปโยนทิ้งที่ข้างนอกได้เลยน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status