แชร์

บทที่ 38

ผู้เขียน: ปู้ปู้เซิงฮวา
คืนนี้ฉันนอนหลับสนิทจนกระทั่งได้ยินเสียงหนวกหูดังมาจากด้านนอก

ไม่ใช่ฉินโม่ที่กำลังพูด แต่เป็นผู้หญิงที่พูดติดสำเนียงท้องถิ่น

ฟังจากเสียงของเธอแล้ว เธอไม่ใช่เด็ก

เสียงของเด็กผู้หญิงจะนุ่มนวลและสดใส ในขณะที่เสียงของผู้หญิงโดยทั่วไปแล้วจะทุ้มและหยาบกว่า

ฉันเป็นคนที่สามารถแยกคนได้จากเสียง แต่กลับไม่สามารถแยกได้ว่าชายที่ฉันรักมาเป็นสิบปีนั้นเป็นไอ้ผู้ชายเจ้าชู้สารเลว

เขาว่ากันว่าการลืมใครสักคนคือการไม่คิดถึงเขาบ่อยๆ ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะทำไม่ได้

ฉันยังคิดถึงเจียงอวี้เหิงโดยไม่รู้ตัวอยู่เสมอ ถึงจะไม่ใช่ความรัก เป็นเพียงความรู้สึกโกรธแค้น ฉันก็ยังคิดถึงเขาอยู่เป็นครั้งคราว

ฉันไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียง เพียงแต่เงี่ยหูฟังเสียงจากข้างนอก

“คุณยาย ฉินโม่ล่ะคะ?” หญิงคนนั้นถาม

“ออกไปแล้ว ตั้งแต่เช้าก็ออกไปแล้ว” คุณยายดูเหมือนกำลังล้างอะไรบางอย่างอยู่ มีเสียงน้ำดังเข้ามา

“ไปแล้วหรอ ฉันก็นึกว่าเขายังไม่ตื่น” เสียงของหญิงสาวมีความตลกขบขันแทรกอยู่

“ยัยหมูสามชั้น เสี่ยวฉินจะตื่นหรือไม่ตื่นแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ เขาไม่ได้ชอบเธอ เธอก็อย่าคิดให้รกสมองเปล่าๆ เลย” คุณยายพูดออกมาตรงๆ

คนปก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 39

    ฉันหยิบแก้วแปรงสีฟันขึ้นมา เติมน้ำแล้วแปรงฟัน ตลอดเวลาที่แปรงฟัน ฉันไม่ได้มองที่ยัยหมูสามชั้นเลย แต่สายตาของเธอไม่เคยละไปจากฉันแม้แต่วินาทีเดียว เธอมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็จากปลายเท้าขึ้นไปถึงศีรษะ“เสี่ยวเฉียวเฉียว นี่คือหมูสามชั้น” คุณยายแนะนำเธอฉันอมยาสีฟันไว้ในปากแล้วพยักหน้าไปทางยัยหมูสามชั้นเธอมีใบหน้ากลม แต่ไม่ถึงกับอ้วน เธอสวมชุดเดรสลายดอกไม้และแต่งหน้า เห็นได้ชัดว่าเธอแต่งตัวมาอย่างจริงจัง“หมูสามชั้น นี่คือเสี่ยวเฉียวเฉียวที่เธออยากเจอ ฉันพูดถูกไหม ดูสิว่าผิวเธอนุ่มลื่มชุ่มชื้นแค่ไหน” คุณยายกำลังซักผ้าอยู่ ซักด้วยมือเปล่าเมื่อหมูสามชั้นกับฉันสบตากัน เธอมีความไม่มั่นใจฉายแวบขึ้นในดวงตาเมื่อถูกเปรียบเทียบกับฉัน แต่ปากกลับไม่ยอมรับ “เธอยังเด็ก ผิวก็ต้องนุ่มชุ่มชื้นอยู่แล้ว ตอนฉันอายุเท่าเธอก็ประมาณนี้แหละ”คุณยายเบะปาก หมูสามชั้นก็กลอกตามองบน การต่อสู้แบบเงียบๆ ระหว่างทั้งสองทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังดูโชว์ตลกอยู่เมื่อฉันแปรงฟันเสร็จ หมูสามชั้นก็พูดขึ้นมาว่า “คุณเฉียว มาที่นี่เพื่อเยี่ยมญาติหรือมาเที่ยวเล่น?”“มาเที่ยวเล่น” ฉันเปิดก๊อกน้ำและล้างแก้วแปรงสีฟัน“ม

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 40

    ฉันเงยหน้าขึ้น เห็นใบหน้าที่มีเหลี่ยมมุมของฉินโม่ที่ชัดเจนเขาไม่ใช่แค่พยุงฉันไว้ แต่ยังรับแตงโมในมือฉันไว้ได้อีกด้วยภาพที่ดูเหมือนฝันเช่นนี้เป็นสิ่งที่ได้จากการจงใจถ่ายทางโทรทัศน์เท่านั้น แต่ตอนนี้มันกำลังเกิดขึ้นกับฉันจริงๆเขาพยุงฉันให้ยืนตัวตรง คลายมือที่จับไว้ แต่ทันทีที่ฉันเคลื่อนไหว ฉันก็รู้สึกเจ็บแปลบเหมือนโดนเข็มทิ่มที่ข้อเท้าฉันคว้าแขนของเขาไว้แล้วพูดว่า “เจ็บ…”เขามองไปตามสายตาของฉัน เห็นข้อเท้าขาวบางของฉันกลายเป็นสีแดง "ข้อเท้าพลิกเหรอ?"ฉินโม่อยู่ใกล้ฉันมาก เสียงทุ้มต่ำของเขามันช่างน่าฟังมากเป็นพิเศษฉันตอบอืม วินาทีต่อมาเขาก็ยัดแตงโมใส่มาในมือฉันแล้วอุ้มฉันขึ้นมาฉันกับเจียงอวี้เหิงคบกันมาหลายปี แต่เขาไม่เคยอุ้มฉันแบบนี้เลย ในตอนนี้ ฉินโม่กลับอุ้มฉันในท่าเจ้าหญิง มันทำให้หัวใจฉันเต้นแรงขึ้น ถึงขั้นมีเหงื่อซึมออกมาที่ปีกจมูก...ฉันเป็นแบบนี้แหละ เวลาตื่นเต้นหรือประหม่า เหงื่อจะออกปลายจมูกในตอนนี้ ฉันก็ได้ยินเสียงถอนหายใจ เป็นเสียงจากคนในละแวกนั้นและผู้คนที่เดินผ่านไปมาอาจเป็นเพราะมณฑลเล็กๆ เช่นนี้ ผู้คนคงยังไม่ชินกับพฤติกรรมเช่นนี้ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงฉิ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 1

    “นายบอกมาตามตรงเถอะ เคยทำกับเฉียวซานไหม?”น้ำเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังออกมาจากรอยแยกของประตู ทำให้ฉันที่กำลังจะเข้าไปหยุดชะงักการเคลื่อนไหวฉันเห็นเจียงอวี้เหิงนั่งเม้มริมฝีปากบางอยู่ที่ตำแหน่งด้านบนผ่านรอยแยกของประตู “เธอเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน แต่ฉันไม่สนใจ”“เจียงอวี้เหิง นายอย่าดูถูกคนขนาดนั้นสิ เฉียวซานเป็นคนสวยที่ได้รับการยอมรับในแวดวงของพวกเรา มีคนไม่น้อยเลยนะที่สนใจเธอ”คนที่พูดคือเซี่ยเซียวเพื่อนสนิทของเจียงอวี้เหิง ทั้งยังเป็นสักขีพยานในความรู้สึกสิบปีระหว่างฉันกับเจียงอวี้เหิงด้วย“คุ้นเคยกันเกินไป นายเข้าใจไหม?” เจียงอวี้เหิงขมวดคิ้วตอนที่ฉันอายุสิบสี่ปี ก็ถูกส่งมาที่ตระกูลเจียง และเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอเจียงอวี้เหิง ตอนนั้นทุกคนบอกฉันว่าคนที่ฉันจะต้องแต่งงานด้วยในอนาคตก็คือเจียงอวี้เหิงนับตั้งแต่นั้นมาพวกเราก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน จนผ่านมาถึงสิบปี“ก็ใช่ พวกนายทำงานในบริษัทด้วยกันทุกวัน เจอหน้ากันอยู่ตลอด ตอนเย็นก็กลับไปกินข้าวด้วยกัน เกรงว่าแม้แต่วันหนึ่งอีกฝ่ายผายลมหรือถ่ายหนักกี่ครั้งก็ยังรู้อย่างละเอียดด้วยซ้ำ”เซี่ยเซียวล้อเล่นจบก็จิ๊ปากสองครั้ง “ตอนนี้ไม่ใช่ยุคท

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 2

    เจียงอวี้เหิงได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้น สายตาจ้องมาที่ใบหน้าของฉัน ไม่ต้องมองฉันก็รู้ว่าสีหน้าของฉันแย่มากแค่ไหน“ไม่สบายเหรอ?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยฉันเดินไปที่หน้าโต๊ะทำงานของเขาอย่างเงียบ ๆ และกล้ำกลืนความขมขื่นในลำคอ “ถ้าคุณไม่อยากแต่งงานกับฉัน ฉันกลับไปบอกคุณแม่เจียงก็ได้”รอยย่นระหว่างคิ้วของเจียงอวี้เหิงลึกกว่าเดิม เขารู้ว่าฉันได้ยินบทสนทนาของเขากับเซี่ยเซียวในลำคอของฉันฝาดเฝื่อน “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตอนนี้จะกลายเป็นคนจืดชืด เจียงอวี้...”“ในสายตาของทุกคน พวกเราเป็นสามีภรรยากันตั้งนานแล้ว” เจียงอวี้เหิงขัดจังหวะเสียงพูดของฉันแล้วยังไงล่ะ?เขาจะแต่งงานกับฉันเพื่อทุกคนเหรอ?ฉันคิดว่าเป็นเพราะเขารักฉัน จึงอยากแต่งงานกับฉันและอยู่กับฉันไปทั้งชีวิตเจียงอวี้เหิงปิดปากกาในมือเสียงดังเป๊าะ สายตาตกลงมาที่ทะเบียนบ้านในมือของฉัน “วันพุธหน้าพวกเราจะไปจดทะเบียนสมรสกัน”คำพูดนี้คือสิ่งที่ฉันต้องการ แต่ตอนนี้กลับทำให้ฉันลำบากใจมาก อึดอัดมาก...ฉันก้มหน้า ส่ายหัวเบา ๆ “เจียงอวี้เหิง คุณไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองหรอก ฉันก็ไม่ได้ต้องการความเห็นใจแบบนี้จากคุณ”“เฉียวซาน!” เขาเรียกชื่อของฉันด

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 3

    ทั้งวันฉันคิดเกี่ยวกับคำถามนี้ จนกระทั่งเขามาเรียกฉันตอนบ่าย ฉันยังไม่มีคำตอบ แต่ก็ยังเดินตามเขาไปความเคยชินเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก ช่วงเวลาสิบปี ทำให้ฉันเคยชินกับเขาแล้ว ทั้งยังเคยชินกับการต้องกลับไปตระกูลเจียงหลังเลิกงานด้วย“ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ?” ระหว่างทางกลับไป เจียงอวี้เหิงคงจะรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ไม่ดีของฉัน จึงเป็นฝ่ายถามฉันก่อนฉันเงียบไปหลายวินาที “เจียงอวี้เหิง หรือว่าพวกเรา...”ประโยคหลังฉันยังไม่ทันพูดออกมา โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เบอร์ที่แสดงบนหน้าจอไม่ได้บันทึกชื่อเอาไว้ แต่ฉันมองออกอย่างชัดเจนว่ามือของเจียงอวี้เหิงกำที่พวงมาลัยแน่นขึ้นเขากังวล ซึ่งเห็นได้ไม่บ่อยนักฉันมองใบหน้าของเขาโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็รีบปิดการรับสายจากรถ เปลี่ยนไปเป็นบลูทูธ “ฮัลโหล...ได้ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”คุยโทรศัพท์เพียงสั้น ๆ เขาก็วางสายไปและมองมาทางฉัน “ซานซาน ผมมีธุระด่วนนิดหน่อยต้องไปจัดการ คงไปส่งคุณที่บ้านไม่ได้”ความจริงต่อให้เขาไม่พูด ฉันก็รู้ว่าเขาจะทิ้งฉันไว้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกทว่าก่อนที่เขาจะพูด ฉันก็ยังจินตนาการอยู่เลยว่าเขาจะไปส่งฉันก่อนส่วนลึกของหัวใจ รู้สึกเจ็บปวดขึ้นม

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 4

    ชีวิตนี้ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาเข้าคุกข้อหาอนาจารฉันล้มใส่เด็กวัยรุ่นที่เพิ่งอายุสิบเจ็ดปีซึ่งยังเป็นผู้เยาว์ เขายืนกรานว่าฉันมีเจตนาที่ไม่ดีต่อเขาแม้ฉันจะปฏิเสธ แต่เขาก็ยังยืนกรานว่าฉันลูบคลำเขา“เธอลูบนายตรงไหน?” ตำรวจซักถามอย่างละเอียดมากเด็กหนุ่มชื่อโจวเหย่ เขามองฉัน และชี้ไปที่หน้าอกตัวเอง รวมถึงเอวของตัวเองด้วย “ตรงนี้กับตรงนี้...เธอลูบหมดเลยครับ”พูดบ้าอะไรเนี่ย!ฉันเกือบจะด่าออกมา เจียงอวี้เหิงเป็นผู้ชายที่หล่อขนาดนั้นฉันยังไม่เคยแตะต้องเลย เขาที่เป็นแค่เด็กหน้าเหม็นยังไม่โตเต็มที่ ฉันจะไปแตะต้องเขาทำไม?ตำรวจมองฉันอีกครั้ง ไม่รอให้เขาถามฉันก็ปฏิเสธออกไปก่อน “ฉันไม่ได้แตะต้องเขา แค่บังเอิญชนเขาเท่านั้นค่ะ”“คุณดื่มเหล้ามาเหรอ?” ตำรวจมองฉันด้วยแววตาแฝงความนัยในสังคมนี้ ผู้ชายจะเมาแค่ไหนก็เป็นเรื่องปกติ แต่แค่ผู้หญิงดื่มนิดหน่อยก็ล้วนถูกมองว่าไม่ได้ความแล้วฉันพยักหน้า “ดื่มค่ะ”“ดื่มมากแค่ไหน?” ตำรวจถามคำถามนี้ ซึ่งฉันไม่รู้จริง ๆ ว่ามันเกี่ยวอะไรกับเรื่องตอนนี้ทว่าฉันก็ยังตอบไปตามตรง “เบียร์หนึ่งขวดค่ะ”ตำรวจเผยแววตาไม่เชื่อออกมา ฉันนึกถึงเพื่อนสนิทขอ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 5

    มือของฉันซึ่งถูกจับไว้รู้สึกเจ็บปวด เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธอยู่นี่คือหึงกันเหรอ?เสียงในใจของฉันเพิ่งแวบขึ้นมา เจียงอวี้เหิงก็ปล่อยมือของฉัน ขณะที่มีสายตาเย็นชา “เฉียวซาน เพราะคำพูดแค่ประโยคเดียวของผม คุณถึงกับต้องโต้ตอบผมแบบนี้เลยเหรอ?”ฉันชะงักไป คาดไม่ถึงว่าเขาจะคิดแบบนี้“ไม่ใช่นะ ฉัน...” คำอธิบายของฉันยังไม่ทันจบก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน“คุณไปแตะต้องเขาตรงไหน? ไปแตะต้องเขาตรงนั้นจริงเหรอ?” เจียงอวี้เหิงกัดกรามแน่น แววตาดุดันราวกับจะกินคนเขาเป็นแบบนี้อย่างหาได้ยาก คงจะหึงจริง ๆทันใดนั้น ความทุกข์ที่ก้นบึ้งในใจฉันก็หายไปมาก ดูเหมือนเขาจะยังใส่ใจฉันอยู่ถ้าคิดว่าฉันเป็นเพียงน้องสาวหรือเพื่อน คงไม่สนใจที่ฉันไปแตะต้องผู้ชายคนอื่น“เปล่า” ฉันปฏิเสธอีกครั้งพูดจบ โจวเหย่ที่ออกมาจากด้านในก็พ่นคำพูดใส่ฉัน “ยัยโรคจิต มายุ่งอะไรกับพี่เขยฉัน?”คนพาลย่อมไม่อาจพูดคำพูดดี ๆ ออกมาได้ คำพูดนี้ไม่เกินจริงเลยสักนิดเห็นโจวเหย่มองฉันด้วยท่าทางพาลหาเรื่อง ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าเคยไปเป็นศัตรูกับเขาเมื่อชาติปางไหน?เห็นพี่สาวน้องชายเดินมาหาฉัน โดยเฉพาะเมื่อเห็นท่าทางที่เหมือนแสงจันทร์ขาวของโจวถง

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 6

    โจวถงปลอดภัย เด็กก็ได้รับการช่วยเหลือแล้ว เธอจึงกลับมาที่ห้องผู้ป่วยสีหน้าของเธอซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำ กอปรกับรูปลักษณ์แสงจันทร์ขาวของเธอ ทำให้ดูอ่อนแอน่าสงสารจริง ๆ“คุณไม่ต้องคิดมาก เด็กไม่เป็นไรแล้ว” เจียงอวี้เหิงปลอบใจ“อวี้เหิง ฉันกลัวมากเลย” โจงถงน้ำตาไหลออกมาเจียงอวี้เหิงหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้เธอ โจวถงรับทิชชู่ไป ทั้งยังจับมือเขาไว้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาอิงอยู่บนหลังมือของเขาแม้เธอจะน่าสงสาร แต่เพราะน่าสงสารแล้วจะมาทำเหมือนคู่หมั้นของคนอื่นเป็นผู้ชายของตัวเองได้หรือ?ฉันเดินเข้าไป “พี่สะใภ้ หมอบอกว่าอารมณ์แปรปรวนของหญิงตั้งครรภ์จะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อเด็กด้วย คุณรักษาเด็กเอาไว้ได้อย่างยากลำบาก ถ้าร้องไห้แบบนี้อาจจะเกิดปัญหาขึ้นอีกก็ได้”ฉันพูดพลางยื่นมือออกไปจับเธอ และดึงเธอออกเงียบ ๆเพียงแต่เมื่อเห็นน้ำตาบนหลังมือของเจียงอวี้เหิง ในใจก็ยังรู้สึกไม่สบายใจนัก และมักจะรู้สึกว่าของของตัวเองถูกคนอื่นทำให้แปดเปื้อนฉันเป็นคนรักความสะอาด ทั้งการใช้ชีวิต และความรู้สึกก็ด้วยโจวถงราวกับคิดไม่ถึงว่าฉันจะเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ สีหน้าแข็งค้างไปอย่างเห็นได้ชัด แต่เพียงพริบตาเดีย

บทล่าสุด

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 40

    ฉันเงยหน้าขึ้น เห็นใบหน้าที่มีเหลี่ยมมุมของฉินโม่ที่ชัดเจนเขาไม่ใช่แค่พยุงฉันไว้ แต่ยังรับแตงโมในมือฉันไว้ได้อีกด้วยภาพที่ดูเหมือนฝันเช่นนี้เป็นสิ่งที่ได้จากการจงใจถ่ายทางโทรทัศน์เท่านั้น แต่ตอนนี้มันกำลังเกิดขึ้นกับฉันจริงๆเขาพยุงฉันให้ยืนตัวตรง คลายมือที่จับไว้ แต่ทันทีที่ฉันเคลื่อนไหว ฉันก็รู้สึกเจ็บแปลบเหมือนโดนเข็มทิ่มที่ข้อเท้าฉันคว้าแขนของเขาไว้แล้วพูดว่า “เจ็บ…”เขามองไปตามสายตาของฉัน เห็นข้อเท้าขาวบางของฉันกลายเป็นสีแดง "ข้อเท้าพลิกเหรอ?"ฉินโม่อยู่ใกล้ฉันมาก เสียงทุ้มต่ำของเขามันช่างน่าฟังมากเป็นพิเศษฉันตอบอืม วินาทีต่อมาเขาก็ยัดแตงโมใส่มาในมือฉันแล้วอุ้มฉันขึ้นมาฉันกับเจียงอวี้เหิงคบกันมาหลายปี แต่เขาไม่เคยอุ้มฉันแบบนี้เลย ในตอนนี้ ฉินโม่กลับอุ้มฉันในท่าเจ้าหญิง มันทำให้หัวใจฉันเต้นแรงขึ้น ถึงขั้นมีเหงื่อซึมออกมาที่ปีกจมูก...ฉันเป็นแบบนี้แหละ เวลาตื่นเต้นหรือประหม่า เหงื่อจะออกปลายจมูกในตอนนี้ ฉันก็ได้ยินเสียงถอนหายใจ เป็นเสียงจากคนในละแวกนั้นและผู้คนที่เดินผ่านไปมาอาจเป็นเพราะมณฑลเล็กๆ เช่นนี้ ผู้คนคงยังไม่ชินกับพฤติกรรมเช่นนี้ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงฉิ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 39

    ฉันหยิบแก้วแปรงสีฟันขึ้นมา เติมน้ำแล้วแปรงฟัน ตลอดเวลาที่แปรงฟัน ฉันไม่ได้มองที่ยัยหมูสามชั้นเลย แต่สายตาของเธอไม่เคยละไปจากฉันแม้แต่วินาทีเดียว เธอมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็จากปลายเท้าขึ้นไปถึงศีรษะ“เสี่ยวเฉียวเฉียว นี่คือหมูสามชั้น” คุณยายแนะนำเธอฉันอมยาสีฟันไว้ในปากแล้วพยักหน้าไปทางยัยหมูสามชั้นเธอมีใบหน้ากลม แต่ไม่ถึงกับอ้วน เธอสวมชุดเดรสลายดอกไม้และแต่งหน้า เห็นได้ชัดว่าเธอแต่งตัวมาอย่างจริงจัง“หมูสามชั้น นี่คือเสี่ยวเฉียวเฉียวที่เธออยากเจอ ฉันพูดถูกไหม ดูสิว่าผิวเธอนุ่มลื่มชุ่มชื้นแค่ไหน” คุณยายกำลังซักผ้าอยู่ ซักด้วยมือเปล่าเมื่อหมูสามชั้นกับฉันสบตากัน เธอมีความไม่มั่นใจฉายแวบขึ้นในดวงตาเมื่อถูกเปรียบเทียบกับฉัน แต่ปากกลับไม่ยอมรับ “เธอยังเด็ก ผิวก็ต้องนุ่มชุ่มชื้นอยู่แล้ว ตอนฉันอายุเท่าเธอก็ประมาณนี้แหละ”คุณยายเบะปาก หมูสามชั้นก็กลอกตามองบน การต่อสู้แบบเงียบๆ ระหว่างทั้งสองทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังดูโชว์ตลกอยู่เมื่อฉันแปรงฟันเสร็จ หมูสามชั้นก็พูดขึ้นมาว่า “คุณเฉียว มาที่นี่เพื่อเยี่ยมญาติหรือมาเที่ยวเล่น?”“มาเที่ยวเล่น” ฉันเปิดก๊อกน้ำและล้างแก้วแปรงสีฟัน“ม

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 38

    คืนนี้ฉันนอนหลับสนิทจนกระทั่งได้ยินเสียงหนวกหูดังมาจากด้านนอกไม่ใช่ฉินโม่ที่กำลังพูด แต่เป็นผู้หญิงที่พูดติดสำเนียงท้องถิ่นฟังจากเสียงของเธอแล้ว เธอไม่ใช่เด็กเสียงของเด็กผู้หญิงจะนุ่มนวลและสดใส ในขณะที่เสียงของผู้หญิงโดยทั่วไปแล้วจะทุ้มและหยาบกว่าฉันเป็นคนที่สามารถแยกคนได้จากเสียง แต่กลับไม่สามารถแยกได้ว่าชายที่ฉันรักมาเป็นสิบปีนั้นเป็นไอ้ผู้ชายเจ้าชู้สารเลวเขาว่ากันว่าการลืมใครสักคนคือการไม่คิดถึงเขาบ่อยๆ ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะทำไม่ได้ฉันยังคิดถึงเจียงอวี้เหิงโดยไม่รู้ตัวอยู่เสมอ ถึงจะไม่ใช่ความรัก เป็นเพียงความรู้สึกโกรธแค้น ฉันก็ยังคิดถึงเขาอยู่เป็นครั้งคราวฉันไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียง เพียงแต่เงี่ยหูฟังเสียงจากข้างนอก“คุณยาย ฉินโม่ล่ะคะ?” หญิงคนนั้นถาม“ออกไปแล้ว ตั้งแต่เช้าก็ออกไปแล้ว” คุณยายดูเหมือนกำลังล้างอะไรบางอย่างอยู่ มีเสียงน้ำดังเข้ามา“ไปแล้วหรอ ฉันก็นึกว่าเขายังไม่ตื่น” เสียงของหญิงสาวมีความตลกขบขันแทรกอยู่“ยัยหมูสามชั้น เสี่ยวฉินจะตื่นหรือไม่ตื่นแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ เขาไม่ได้ชอบเธอ เธอก็อย่าคิดให้รกสมองเปล่าๆ เลย” คุณยายพูดออกมาตรงๆคนปก

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 37

    ฉันตอบอืมไปเบาๆ “เป็นข้อเสนอที่ไม่เลวเลย ฉันจะเก็บไปพิจารณาดู”“ต้องคิดแบบจริงจังนะ” เวินเหลียงพูดจบก็ชะงักไปชั่วขณะ “ซานซาน วิธีที่จะลืมใครสักคนกับความรักที่ดีที่สุดก็คือการหาใครสักคนมาแทน แล้วก็รีบเริ่มต้นความรักใหม่โดยเร็ว”“โอเคค่ะอาจารย์เวิน ฉันเข้าใจแล้ว” หลังจากวางสาย ฉันก็นอนลงบนเตียงอย่างเหม่อลอยฝีเท้าของฉินโม่ข้างนอกดังเข้ามา ฉันรู้ได้ในทันที มันทั้งหนักแน่นและทรงพลังผ่านไปสักพักก็มีเสียงก๊อกน้ำดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงบ่นพึมพำของคุณยายเจ้าของบ้าน "ทำไมมีแค่นายคนเดียว? เสี่ยวเฉียวเฉียวล่ะ?"ฉันไม่ได้ยินคำตอบของฉินโม่ ได้ยินเพียงแค่ที่เขาพูดว่า "อย่าใส่ผักชีในซุปปลา"เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันก็หัวเราะ หัวเราะไปหัวเราะมาก็น้ำตาไหลออกมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่ตระกูลเจียง ฉันกินผักชี แต่ในอดีตตอนที่อยู่กับพ่อแม่ ฉันไม่เคยกินเลยมีสำนวนที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม แม้ว่าตอนนั้นฉันจะย้ายเข้ามาอยู่ในตระกูลเจียงในฐานะคู่หมั้นของเจียงอวี้เหิง คุณแม่เจียงก็บอกว่าฉันเป็นลูกสาวของเธอ แต่ฉันก็ไม่ได้เป็นคนในครอบครัวตระกูลเจียงอยู่ดี ฉันรู้ดีอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่แก่ใจในเรื

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 36

    ในชีวิตนี้ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายที่ฉันเคยพบหน้าเพียงสองครั้งจะอยากจดทะเบียนแต่งงานกับฉันแต่ผู้ชายที่คบกับฉันมาสิบปีกลับไปมีชู้ลับหลังฉันหลังจากตกใจไปชั่วขณะ ฉันก็เม้มริมฝีปากและยิ้ม "คุณฉินคะ นี่มันกะทันหันเกินไปหน่อยไหม?"สีหน้าของฉินโม่ยังเหมือนเดิม ดูค่อนข้างจริงจัง “คนเราคบกันก็เพื่อแต่งงานกันไม่ใช่เหรอ ในเมื่อคุณไม่อยากคบ งั้นก็แต่งงานเลย”คำพูดนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไรแต่คนที่พูดดูเหมือนว่าจะมีปัญหา คนปกติจู่ๆ จะมาแต่งงานกับคนแปลกหน้าไหมล่ะ?นิยายสมัยนี้นิยมโครงเรื่องแบบนี้ แต่มันก็เป็นแค่นิยายเท่านั้นคิ้วของฉันขมวด มุมปากปรากฏรอยยิ้มเยาะ "คุณฉินตรงไปตรงมาขนาดนี้กับคู่นัดดูตัวทุกคนเลยเหรอคะ?"ขณะนี้ พระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าส่องแสงมาที่ตัวของพวกเราพอดี เงาของฉินโม่ปกคลุมฉันไว้ “คุณเป็นคนแรก” ฉันรู้สึกคันคอ “เรา…แทบจะไม่รู้จักกันเลย”ฉินโม่ไม่ได้พูดอะไรอีก เรายืนหันหน้าเข้าหากัน ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าทั่วทั้งร่างกายของฉันร้อนผ่าวเล็กน้อย แม้แต่ปลายจมูกก็มีเหงื่อซึมออกมาในขณะที่ฉันกำลังขูดกำแพงที่อยู่ด้านหลังฉัน คิดว่าจะพูดอะไร

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 35

    เมื่อได้ยินเสียง ฉันจึงโยนโทรศัพท์ทิ้ง “เรียบร้อยแล้วค่ะ”พูดจบ ฉันก็ถอดรองเท้า เปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะแล้วเปิดประตู จากนั้นก็เห็นฉินโม่กำลังตักน้ำอยู่ในลานบ้านถังน้ำสีขาวหลายใบวางเรียงกันเป็นแถว ไม่นานน้ำก็เต็มถัง เขายกถังขึ้นมา กล้ามเนื้อที่ไหล่แนบกับเสื้อผ้าจนสามารถมองเห็นได้กล้ามเนื้อกับพละกำลังนั้นเป็นของคู่กันจริงๆ“ตักน้ำมาเยอะขนาดนี้ทำไม น้ำจะไม่ไหลเหรอ?” ฉันเดินไปถามสายตาของคุณยายมองไปที่รองเท้าแตะของฉัน และกลอกตาอย่างเงียบๆฉินโม่ไม่ได้ตอบอะไร คุณยายพูดแทน "เผื่อโดนตัดน้ำจ้ะ"พูดจบ เธอก็ตีฉินโม่ “เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะทำซุปปลาให้นะ พวกเธอช่วยไปซื้อปลากะพงมาหน่อย ขอสดๆนะ แล้วก็ซื้อผักชีกับกระเทียมมาด้วย”นี่เป็นการไปซื้อของที่ไหนกันล่ะ มันคือการให้เราสองคนออกไปคุยกันชัดๆเพียงแต่ฉันใส่รองเท้าแตะขนาดใหญ่อยู่ จึงไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่การจะเข้าไปเปลี่ยนในบ้านก็ดูไม่เหมาะสมเช่นกัน“ไปเปลี่ยนรองเท้า” ฉินโม่พูดเช่นนั้นในเวลาแบบนี้ ถ้าให้ฉันไปเปลี่ยนรองเท้า มันจะยิ่งทำให้ฉันรู้สึกอับอายมากขึ้น ดังนั้นฉันจึงยิ้มเยาะ “ไม่ต้องหรอก”ฉินโม่ไม่พูดอะไรอีก เขายกขาขึ้นเตรียมจะเดินออกไ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 34

    ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณยายจะบอกว่าจะเป็นแม่สื่อให้ฉัน ใบหน้าที่เย็นชาแข็งกระด้างของฉินโม่แวบผ่านหน้าฉันขึ้นมาเมื่อนึกถึงความตรงไปตรงมาและเย็นชาของเขาที่ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนห้องกับฉัน จู่ๆ ฉันก็รู้สึกอยากเล่นสนุกขึ้นมา และตอบกลับไปอย่างเบิกบานสำราญใจไปสองคำว่า "ได้เลยค่ะ"ถึงฉันจะตกลง แต่มันก็เป็นเพียงคำพูดที่พูดไปเรื่อยที่ฉันไม่ได้เก็บมาใส่ใจหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉันก็ยืมจักรยานในบ้านคุณยายมาคันหนึ่งและปั่นไปรอบๆ มณฑลเล็กๆ แห่งนี้เมื่อฉันกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ฉันมีสิ่งที่ต่างจากตอนที่ออกไปในตอนเช้า ซึ่งก็คือมีกระดานวาดภาพเพิ่มมาฉันรักการวาดภาพ ก่อนที่พ่อแม่ของฉันจะเสีย พวกเขาให้ฉันไปสมัครเรียนคลาสเต้น คลาสวาดภาพ และการเขียนพู่กันจีน อีกทั้งยังให้ฉันเรียนกู่เจิงด้วยแต่สิ่งเหล่านี้ล้วนจบลงหลังจากที่พวกเขาจากโลกไป แต่สิ่งเดียวที่ยังไม่จบลงก็คือการวาดภาพ เพราะมันง่ายมาก เพียงแค่มีปากกาหนึ่งด้ามและกระดาษหนึ่งแผ่นก็เพียงพอแล้วทั้งวันวันนี้ที่ฉันออกไปข้างนอก นอกจากการมองชมวิวรอบๆ แล้ว ฉันก็ได้วาดรูปมารูปหนึ่ง ก็คือรูปเขตชิงผิงใหม่ความปรารถนาสูงสุดของพ่อแม่ของฉันค

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 33

    แต่เมื่อฉันนอนลงบนเตียงแข็งๆ ภาพตรงหน้าก็ยุ่งเหยิงและว่างเปล่า ฉันจึงนอนไม่หลับในที่สุด ฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไลน์ เห็นข้อความที่ส่งมาจากหยวนเสี่ยวไต้และเกาหย่วนหยวนเสี่ยวไต้ “พี่ซาน วันนี้ฉันยุ่งจนหัวหมุนทั้งวันเลย แต่งานที่พี่ฝากให้ทำฉันทำเสร็จแล้วนะ พรุ่งนี้ต้องเอาขนมมงคลสมรสมาให้ฉันเป็นรางวัลด้วยนะ พี่ซาน สุขสันต์วันแต่งงาน ขอให้มีความสุขมากๆ ตลอดชีวิตไปจนแก่เลยนะ”เมื่อเห็นข้อความนี้ ฉันก็กระตุกมุมปากเย้ยหยัน แต่ไม่ได้ตอบกลับเกาหย่วน “ผู้ช่วยเฉียว อย่าเข้าใจประธานเจียงผิดนะ อย่าไปมีเรื่องอะไรกับประธานเจียงเด็ดขาด ไม่งั้นความผิดผมได้ใหญ่มหันต์แน่”ฉันก็ไม่ได้ตอบอะไรเช่นกัน เพียงแต่เปิดอินสตาแกรมขึ้นมา แล้วก็เจอรูปเงาที่ฉันถ่ายที่สวนสนุกในอัลบั้ม จากนั้นก็โพสต์ไปข้อความหนึ่งว่า ‘สุขสันต์วันขึ้นปีใหม่!’หลังจากโพสต์แล้ว ฉันก็ลบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจียงอวี้เหิงออกจากอินสตาแกรมของฉันสิ่งที่ฉันทำก็มันก็คล้ายๆ กับสิ่งที่พวกดาราชอบทำในตอนหย่าหรือไม่ก็เลิกกับแฟนเมื่อไม่ได้เป็นคู่รักกัน แล้วก็เป็นคนรักกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นการลบทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับความรักไปก็คงจะดีท

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 32

    “เสี่ยวโม่ นี่คือผู้หญิงที่ฉันบอกเธอว่าอยากเปลี่ยนบ้าน พวกเธอลองคุยกันดูไหม?”คุณยายเจ้าของบ้านพูดขึ้น ทำลายช่วงเวลาการสบสายตาระหว่างฉันกับชายคนนั้นลงฉันเดินเข้าไป “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเฉียวซาน ห้องที่คุณอยู่ห้องนั้น ฉันขอเปลี่ยนได้ไหมคะ?”“ไม่ครับ” การปฏิเสธของเขาเด็ดขาดเหมือนกับตอนที่สระผมเมื่อครู่นี้มุมปากของฉันขยับเล็กน้อย ความรู้สึกไม่พอใจผุดขึ้นในใจเล็กน้อย อีกทั้งความดื้อรั้นก็แสดงออกมา “ทำไมล่ะ?”ชายคนนั้นมองมาที่ฉัน ไม่ได้พูดอะไร เขาเอาผ้าขนหนูสีเขียวลายทหารพาดไหล่แล้วเดินผ่านฉันไปทั้งแบบนั้นไอความเย็นที่แผ่ซ่านมาจากน้ำทำให้ฉันสั่นสะท้านอย่างไม่มีสาเหตุ“เสี่ยว...เสี่ยวเฉียวสินะ?” คุณยายเจ้าของบ้านเดินเข้ามา “อย่าโกรธเลยนะ ฉินโม่น่ะง้อผู้หญิงไม่เป็น เดี๋ยวฉันจะกลับไปคุยกับเขาทีหลัง”ฉันก็อารมณ์ขึ้นเช่นกัน จึงจงใจพูดเสียงดัง “ไม่ต้องหรอกค่ะ อยู่ห้องนั้นก็ไม่ทำให้สูงส่งได้หรอกค่ะ ใครอยากอยู่ก็อยู่ไปเถอะ”พูดจบ คุณยายเจ้าของบ้านก็ดึงฉันไว้แล้วพูดว่า “อย่าดุแบบนี้สิ เขาเคยเป็นทหารที่ผ่านการฝึกหนักมานะ ถ้าเขาโกรธขึ้นมา เขาสามารถแบกเธอขึ้นมาแล้วเอาไปโยนทิ้งที่ข้างนอกได้เลยน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status