Share

บทที่ 9

Author: ปู้ปู้เซิงฮวา
“กินด้วยกันสิ!”

เจียงอวี้เหิงไม่ได้ถามความเห็นของฉันก็ตอบรับไปแล้ว

โจวถงนั่งลง มองอาหารตรงหน้าด้วยสีหน้าอยากกิน “ปลาเผาเหรอ ช่วงนี้ฉันกำลังอยากกินอยู่พอดี”

“ถ้างั้นสั่งฟัวกราส์อีกชิ้นให้คุณดีไหม?” ท่าทางที่เจียงอวี้เหิงถามดูเป็นธรรมชาติมาก

“เพิ่มของหวานด้วย เอาเป็นไอศกรีมโยเกิร์ตราดซอสสตรอว์เบอร์รี น้ำผลไม้ฉันดื่มน้ำส้ม” โจวถงพูดจบก็ยังมองมาทางฉันด้วย “เฉียวซาน คุณอยากดื่มน้ำส้มสักแก้วไหม?”

“ไม่ต้องหรอก ฉันจะดื่มน้ำเปล่า” พูดจบ ฉันก็เอาฟัวกราส์บนส้อมใส่เข้าปาก

นุ่มละเอียด ทั้งยังมีกลิ่นหอมจางๆ...

“อาเหิง ฟัวกราส์ที่คุณเอามาให้ฉันหลายครั้งก่อนหน้านี้ก็มาจากร้านนี้ใช่ไหม?” คำพูดของโจวถงทำให้ฉันหยุดเคี้ยวฟัวกราส์

ฉันมองเขา ก็เห็นเขามีท่าทีไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย “...อืม”

มิน่าล่ะ เขาถึงได้รู้ว่าฟัวกราส์ร้านนี้อร่อย ที่แท้ก็เป็นเพราะเขาเคยซื้อให้คนอื่นหลายครั้งแล้ว แต่วันนี้เพิ่งเป็นครั้งแรกของฉัน

หรือเขาต้องการชดเชยความรู้สึกผิดในใจ

ในชั่วพริบตาเดียว ฟัวกราส์ในปากของฉันก็รสชาติเปลี่ยนไป ถึงขั้นที่ทำให้ฉันกลืนไม่ลง

“มิน่าล่ะ ตอนที่ฉันผ่านร้านนี้ถึงได้กลิ่นฟัวกราส์ที่คุ้นเคยมาก” โจวถงยิ้มพลางมองเจียงอวี้เหิง ความอ่อนโยนแสนละเอียดอ่อนในแววตาราวกับตาข่ายผืนหนึ่ง ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย และหายใจไม่ออกขึ้นมา

เธอมองมาทางฉันอีกครั้ง “เฉียวซาน อาเหิงต้องพาคุณมากินบ่อยแน่ ๆ เพราะแบบนั้นก็เลยรู้ว่าฟัวกราส์ร้านนี้อร่อยแล้วเอามาให้ฉัน”

ส่วนลึกในใจถูกเสียดแทงไม่พอ ยังถูกบิดซ้ำอีกสองรอบ นี่คือความรู้สึกอะไร ตอนนี้ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจนแล้ว

ฉันมองไปทางเจียงอวี้เหิงอีกครั้ง “เปล่า นี่เป็นครั้งแรก ฉันไม่ได้โชคดีเท่าพี่สะใภ้หรอก”

รอยยิ้มของโจวถงแข็งค้าง จากนั้นก็หลุบตาลง ก่อนจะได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือราวกับเส้นด้ายของเธอ “หลินหยางจากฉันกับ...ลูกไปแล้ว จะโชคดีได้ยังไง?”

พูดจบ น้ำตาของเธอก็เริ่มไหลออกมา

ฉันชะงักค้าง แค่ประโยคเดียวทำไมถึงร้องไห้ได้?

“เฉียวซาน!”

เจียงอวี้เหิงเรียกฉันเสียงดัง จากนั้นก็หยิบทิชชู่มาส่งให้โจวถง “อย่าคิดมากเลย ตอนนี้คุณจะร้องไห้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะไม่ดีต่อเด็ก”

“ถ้าตอนนี้หลินหยางยังอยู่ ฉันคงไม่ต้องกินข้าวคนเดียว” โจวถงพูดพลางหยิบทิชชู่ที่เจียงอวี้เหิงส่งให้ไปเช็ดน้ำตา “ขอโทษนะ ฉันท้องก็เลยอารมณ์อ่อนไหว ทำลายความสุขของพวกคุณเลย ฉันไปดีกว่า...”

เธอพูดและกำลังจะยืนขึ้น แต่เจียงอวี้เหิงยื่นมือไปดึงเธอไว้ “คุณคิดมากเกินไปแล้ว แล้วก็สั่งอาหารมาให้คุณแล้วด้วย คุณลองชิมปลาย่างนี่ก่อน อร่อยมากนะ”

เจียงอวี้เหิงปล่อยเธอและคีบเนื้อปลาขึ้นมากำลังจะวางไว้ในจานของเธอ ฉันจึงเอ่ยว่า “เจียงอวี้เหิง ทำไมคุณถึงใช้ตะเกียบของตัวเองคีบอาหารให้พี่สะใภ้ล่ะ? ใช้ตะเกียบกลางสิ”

คำพูดของฉันทำให้มือที่คีบเนื้อปลาของเจียงอวี้เหิงชะงักกลางอากาศ และบรรยากาศก็หนักอึ้งในชั่วพริบตา

โจวถงเหลือบมองเจียงอวี้เหิง ก่อนจะพูดอย่างเกรงใจ “อาเหิง ไม่ต้องคีบให้ฉันหรอก ฉันคีบเองได้”

เจียงอวี้เหิงวางเนื้อปลาบนจานตัวเอง แต่เขาก็หยิบจานของฉันไป คีบเนื้อปลาขึ้นมา ทั้งยังเลาะก้างปลาออกและส่งให้ฉัน

เมื่อก่อนฉันเคยก้างปลาติดคอ หลังจากนั้นตราบใดที่มีเจียงอวี้เหิงอยู่ ตอนที่ฉันกินปลาเขาก็มักจะเลาะก้างปลาออกให้ฉัน

เจียงอวี้เหิงมักจะเป็นแบบนี้ ตบหัวแล้วลูบหลังฉันตลอด

“เฉียวซาน อาเหิงดีต่อคุณมากจริงๆ” โจวถงทอดถอนใจ

“ถ้าเขาไม่ดีต่อฉันจะให้ดีต่อใครล่ะ” ฉันคีบเนื้อปลาเข้าปาก ก่อนจะจิบน้ำและพูดต่อว่า “ถ้าเขาทำดีต่อคนอื่นเหมือนกัน แบบนั้นคงไม่ถูก ใช่ไหมคะพี่สะใภ้?”

โจวถงเหลือบมองเจียงอวี้เหิง และพูดเสียงอ่อน “ใช่”

ความรู้สึกที่แสดงผ่านสีหน้านี้ ถ้าฉันมองไม่เห็นก็คงตาบอดแล้ว

“พี่สะใภ้ เด็กอายุกี่เดือนแล้วเหรอ?” ฉันเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

แต่ทันทีที่ฉันพูดจบ เจียงอวี้เหิงก็เรียกฉันครั้งหนึ่ง “ซานซาน ถ้ายังไม่กินอีกฟัวกราส์ของคุณจะเย็นแล้วนะ รสชาติก็จะแย่ลงด้วย”

ฉันไม่ได้โง่ ย่อมฟังออกว่าเขาขวางเรื่องที่ฉันถามโจวถง

แต่เขาเคยบอกว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา แล้วทำไมถึงถามไม่ได้ล่ะ?

ถ้าเด็กคนนี้ไม่ได้มีความลับอะไรที่บอกคนอื่นไม่ได้ ก็คงเป็นเพราะเขาให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนนี้มากเกินไป

แต่ฉันต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของเขา

“ตอนนี้ก็ไม่อร่อยแล้ว”

หลังจากได้ยินว่าเขาเคยเอาฟัวกราส์ไปให้โจวถง ฉันก็ไม่อยากกินต่อแม้แต่คำเดียว

เจียงอวี้เหิงฟังออกว่าน้ำเสียงของฉันไม่ค่อยดี จึงมองมาทางฉัน ฉันก็มองเขาเช่นกัน ฉันกับเขาเผชิญหน้ากันเงียบ ๆ

ไม่มีความอบอุ่นและความสุขเหมือนตอนที่เพิ่งเข้ามาในร้านอาหารอีกต่อไป

โลกของคนทั้งสองคน ไม่อาจมีบุคคลที่สามได้

ทันใดนั้นเอง ฟัวกราส์ ของหวาน และน้ำผลไม้ของโจวถงก็มาเสิร์ฟพอดี พนักงานเสิร์ฟวางเสร็จก็ถามอย่างสุภาพว่า “ไม่ทราบว่าให้หั่นฟัวกราส์ด้วยไหมครับ?”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ” โจวถงปฏิเสธ จากนั้นก็มองไปทางเจียงอวี้เหิง “อาเหิงหั่นให้ฉันหน่อยสิ ก่อนหน้านี้นายก็ช่วยฉันหั่นตลอด ขนาดมันพอดีเลย”

“พี่สะใภ้” ฉันพูดอีกครั้ง “ร้านอาหารมีบริการหั่นให้ ก็อย่ารบกวนอวี้เหิงจะดีกว่า ถึงยังไงเขาก็ยังต้องเลาะก้างปลาออกให้ฉันด้วย คงไม่ว่างหรอก”

โจวถงกัดริมฝีปาก “ขอโทษนะเฉียวซาน เป็นฉันคิดน้อยเกินไปเอง ฉันหั่นเองได้”

“เฉียวซาน!”

เจียงอวี้เหิงเรียกฉันเสียงดังอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว

“โจวถงไม่สบายใจที่จะกินอาหารจากมือคนอื่น ตอนนี้เธอกำลังท้องจึงต้องระวังเป็นพิเศษ”

“เหอะ” ฉันหัวเราะออกมา “แล้วอาหารตรงหน้าเธอไม่เคยผ่านมือคนอื่นเลยเหรอ?”

เจียงอวี้เหิงพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง

โจวถงเผยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจและตื่นตระหนกออกมา “ขอโทษนะ เป็นฉันไม่ดีเอง อาเหิง คุณอย่าโกรธเฉียวซานเลยนะ ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นฉันไปดีกว่า”

เธอพูดและกำลังจะยืนขึ้น แต่เจียงอวี้เหิงดึงเธอไว้อีกครั้ง “อย่าถือสาเธอเลย เธอเป็นประจำเดือนก็เลยอารมณ์ไม่ดี ปกติก็พูดจาแบบนี้อยู่แล้ว”

ช่างสมพรปากของเจียงอวี้เหิงจริง ๆ ทันทีที่เขาพูดจบ ฉันก็รู้สึกถึงความร้อนจากร่างกายท่อนล่างทันที

ฉันมองเจียงอวี้เหิง “คุณพูดถูก ประจำเดือนฉันมาจริง ๆ แต่ไม่ได้เอาผ้าอนามัยมา คุณไปซื้อให้ฉันสักห่อสิ”

เจียงอวี้เหิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณรู้ว่าประจำเดือนจะมาช่วงนี้ ทำไมถึงไม่เตรียมไว้ในกระเป๋าล่ะ?”

“ไม่ใช่ว่าฉันมีคู่หมั้นอย่างคุณที่จำได้แม้กระทั่งรอบเดือนของฉันอยู่เหรอ?” ฉันยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มไปไม่ถึงดวงตา

แม้เจียงอวี้เหิงจะดูโกรธ แต่ก็ยังลุกขึ้น “พวกคุณกินกันไปก่อน ผมจะไปสักเดี๋ยว”

บนโต๊ะอาหารเหลือเพียงฉันกับโจวถงสองคน แต่พวกเราสองคนไม่ได้กินอะไรเลย เพียงแค่นิ่งเงียบเท่านั้น

หลังจากผ่านไปหลายวินาที โจวถงก็เอ่ยขึ้นมา “เฉียวซาน ตอนนี้คุณเกลียดฉันใช่ไหม?”

อย่างน้อยเธอก็รู้ตัวอยู่บ้าง

ฉันเองก็ไม่คิดจะเสแสร้ง “ไม่ถึงกับเกลียดหรอก แต่คุณทำให้ฉันอึดอัดจริงๆ”

ฉันเม้มริมฝีปาก มองท่าทางน่าสงสารของเธอ “เจียงอวี้เหิงเป็นคู่หมั้นของฉัน พวกเรากำลังจะจดทะเบียนสมรสกัน คุณคอยตามเขาไปทุกที่ ถึงขั้นเรียกเขาไปกลางดึก ไม่รู้สึกว่าล้ำเส้นเกินไปหน่อยเหรอ? ถ้าเป็นคุณคุณจะยอมไหม?”

Related chapters

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 10

    สีหน้าของโจวถงดูไม่น่ามองอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่เดิมทีขาวอยู่แล้วยิ่งขาวซีดมากขึ้นหลายส่วนมือที่ถือน้ำผลไม้อยู่สั่นเทา “ขอโทษนะ ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ”เธอดูบอบบางน่าสงสารมาก ราวกับฉันพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด จนทำให้เธอเจ็บปวดทว่าฉันยังไม่หยุด ในเมื่อพูดไปแล้วจึงพูดต่อไปให้หมด “บางทีคุณอาจจะไม่ได้ตั้งใจ แต่มันส่งผลกระทบต่อพวกเราจริง ๆ ในเมื่อพี่สะใภ้ไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนี้ก็ระวังด้วย ไม่ต้องขอโทษหรอก”“ถ้าหลินหยางยังอยู่ ฉันจะไม่รบกวนอาเหิงเด็ดขาด” โจวถงพูดขณะที่น้ำตาไหลรินอีกครั้งผู้หญิงเกิดจากน้ำ คำนี้ได้รับการพิสูจน์จากตัวเธอแล้วเธอพูดได้แยบยลมาก จนฉันเองก็ไม่รู้จะตอบอะไรดี“เฉียวซาน” โจวถงมองฉัน ขณะที่แววตาเป็นประกาย “ฉันไปหาอาเหิง เพราะหลินหยางสั่งเสียไว้ และอาเหิงก็ตอบรับแล้ว”มือของเธอลูบแก้วน้ำไม่หยุด “ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ ฉันก็ไม่ไปหาอาเหิงหรอก”เธอกำลังแก้ตัวให้ตัวเอง ทั้งยังพูดเหน็บแนมฉันด้วยทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ใครจะไม่มีเล่ห์เหลี่ยมบ้าง?“พี่สะใภ้ อวี้เหิงรับปากสามีคุณว่าจะดูแลคุณ แต่การดูแลก็ต้องมีขอบเขต ถึงยังไงตอนนี้คุณก็ตัวคนเดียว อย่าให้คนอื่นเห็นค

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 11

    เจียงอวี้เหิงหันหน้ามองฉัน นัยน์ตาลุ่มลึกสั่นเทาด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็เป็นความโกรธและหงุดหงิด“เฉียวซาน คุณจะเอาแต่ใจก็ช่วยแยกแยะเวลาหน่อย โจวถงเธอ...”“ฉันต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของคุณ” ฉันพูดขัดจังหวะเขาคำพูดนี้ทำให้ฉันดูต่ำต้อยเหลือเกินเคยดูโทรทัศน์ พอเห็นพล็อตแบบนี้ ฉันก็จะรู้สึกว่านางเอกไร้ประโยชน์เหลือเกิน ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาทะเลาะเพื่อผู้ชายแบบนี้เลยด้วยซ้ำตอนนี้เปลี่ยนเป็นฉัน จึงได้เข้าใจรสชาติแบบนั้น“โจวถงท้องอยู่ จะเป็นอะไรไปไม่ได้!” เจียงอวี้เหิงกล่าวพลางถอยหลังไปสองสามก้าวจากนั้น เขาหมุนตัวแล้วสาวเท้ายาววิ่งไปข้างนอกสุดท้ายแล้วระหว่างฉันกับโจวถง เขาก็เลือกคนอื่นฉันนั่งอยู่ตรงนั้น เห็นเขาไล่ตามโจวถงไปชัดเจน เห็นเขายื้อยุดฉุดกระชากโจวถง สุดท้ายโจวถงก็จับเสื้อของเขาแล้วซบอยู่ในอ้อมอกของเขา...ฉันก้มหน้า ไม่กล้ามองต่อไปอีกไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรระหว่างพวกเขาหรือไม่ การเลือกของเขาในวันนี้ทำให้หัวใจที่ลังเลของฉันได้คำตอบสักทีสุดท้าย ฉันแทบจะไม่ได้กินข้าวมื้อนี้เลยสักคำ กลับจ่ายค่าอาหารไปหนึ่งหมื่นห้าพันบาทฉันไม่ได้กลับตระกูลเจียง แต่ไปหาเวินเหลียง“ตัดสินใ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 12

    สีหน้าของเขาตึงเครียดเล็กน้อย “เมื่อคืนในสถานการณ์แบบนั้น ผมกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป หลินหยางที่คุณรู้จักเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของพ่อแม่เขา ลูกที่อยู่ในห้องโจวถงตอนนี้คือความหวังทั้งหมดของตระกูลหลิน ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริง...”เขาไม่ได้พูดต่อ แต่ฉันรู้“ดังนั้นต่อจากนี้ไป ตราบใดที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับเธอ คุณก็จะให้ความสำคัญเพียงแค่เธอเท่านั้น ถูกต้องไหม?” ฉันถามอย่างเย็นชาเจียงอวี้เหิงเงียบไปสองวินาที “รอให้คลอดเด็กออกมาก็เรียบร้อยแล้ว”ฉันหัวเราะชั่วพริบตาที่หันหน้า ดวงอาทิตย์ที่เพิ่งขึ้นก็ทิ่มแทงจนรู้สึกเจ็บตาฉันมองดูเขา “เจียงอวี้เหิง เด็กออกมาแล้วก็ยังจะมีปัญหาตามมา จะป่วย จะมีอุบัติเหตุ ตราบใดที่คุณใช้เด็กคนนี้เป็นข้ออ้าง ถ้าอย่างนั้นคุณกับโจวถงก็จะเกี่ยวพันกันไปตลอด และฉันก็จะเป็นคนคนนั้นที่ถูกคุณทอดทิ้งตลอดไป”เจียงอวี้เหิงโดนฉันว่าจนเงียบไปเลยฉันแสดงจุดยืนของตัวเองไปอย่างชัดเจนด้วย “เจียงอวี้เหิง ถ้าพวกเราแต่งงานกันไป ฉันไม่อยากให้สามีของตัวเองดูแลผู้หญิงคนอื่นเกือบทุกวันหรอกนะ”“เฉียวซาน คุณให้เวลาผมหน่อยนะ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย” แววตาลึก ๆ ของเจียง

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 13

    ทว่าสวนสนุกใกล้จะเสร็จแล้ว ฉันไม่อยากจากไปเวลานี้เลยตอนเที่ยง ฉันกำลังจัดการงานที่อยู่ในมือตัวเองอยู่ หยวนเสี่ยวไต้วิ่งมาด้วยท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ “พี่ซาน เมื่อวานพี่เป็นประจำเดือนใช่ไหม?”ฉันเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ฉันเป็นไม่ได้?”“ไม่ใช่สักหน่อย” หยวนเสี่ยวไต้ส่ายหน้าเหมือนกลองป๋องแป๋ง “ถึงว่าทำไมวันนี้ประธานเจียงอารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้ ที่แท้ก็ไม่พอใจนี่เอง”ฉันตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นได้สติว่าเธอหมายความว่าอะไรฉันหยิบปากกาโขกหัวเธอไปที “เวลาทำงานก็ต้องใช้สมองกับการทำงาน คิดเหลวไหลให้น้อย ๆ หน่อย”หยวนเสี่ยวไต้หัวเราะฮิ ๆ และให้รายงานที่พวกเราไปดูหน้างานด้วยกันเมื่อวานให้ฉัน “ฉันไม่ได้คิดเหลวไหลนะคะ ทุกคนโดนประธานเจียงด่าจนกลัวไปหมดแล้วจริง ๆ วันนี้ขอแค่เข้าไปห้องทำงานเขา ไม่มีคนเดินยิ้มออกมาเลยสักคน”เบื้องหน้าฉันปรากฏภาพที่เมื่อเช้าวันนี้เจียงอวี้เหิงทิ้งดอกกุหลาบด้วยความโมโห ไม่รู้ว่าที่เขาอารมณ์เสียวันนี้ เป็นเพราะฉันไม่ได้ง้อง่าย ๆ เหมือนตามปกติ หรือว่าฉันขอเลิก“พี่ซาน พี่คงจะไม่ได้ทะเลาะกับประธานเจียงหรอกนะ?” หยวนเสี่ยวไต้ซุบซิบฉันได้สติกลับมา “เอาล่ะ ๆ ไปทำงานได้แล้ว ไม่อย่

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 14

    ใบหน้าเล็ก ๆ ของโจวถงขาวซีดทันที น้ำตาคลออยู่ในดวงตาจะร่วงอยู่รอมร่อ ไม่ต้องพูดว่าน่าเอ็นดูขนาดไหน“อาเหิง ในที่สุดคุณก็รำคาญฉันแล้ว ใช่ไหมล่ะ?” น้ำตาของโจวถงไหลแหมะ ๆ ด้วย ตอนที่พูดออกมาเจียงอวี้เหิงไม่ได้พูด ทั้งร่างกายเป็นความกดอากาศต่ำ“ถ้าหลินหยางไม่เป็นไร ฉันก็จะไม่รบกวนคุณหรอก...” เสียงโจวถงพึมพำ แต่คำพูดนี้กลับมีความรู้สึกกดดันอยู่“คุณรบกวนผมก็ช่าง อย่าไปรบกวนเธอ” เขาที่เจียงอวี้เหิงว่าก็คือหมายถึงฉันพวกเขาจะทะเลาะกันแล้ว ในทีแรกฉันไม่รู้ว่าต้องยืนอยู่ตรงนี้หรือควรไปดี“ฉันรู้แล้ว จากนี้ฉันจะไม่รบกวนคุณอีก และจะไม่มารบกวนพวกคุณด้วย” โจวถงกล่าวแล้วหมุนตัวเดินจ้ำอ้าวไปข้างนอกคราวนี้เจียงอวี้เหิงไม่ได้ไล่ตามออกไป แต่มองมาที่ฉัน ฉันก้มหน้าเล็กน้อย สาวเท้าเดินไปข้างนอกเจียงอวี้เหิงตามฉันมาติด ๆ เราเดินออกจากคาเฟ่ จังหวะนี้ได้ยินเสียงเบรกแสบแก้วหูดังเอี๊ยดฉันกับเจียงอวี้เหิงเงยหน้าพร้อมกัน ก็เห็นโจวถงโดนรถคันหนึ่งที่ออกมาจากโรงรถชนจนล้มอยู่ที่พื้น“โจวถง!” เจียงอวี้เหิงตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ เจ้าตัววิ่งไปอย่างรวดเร็วฉันอึ้งไปสักสองสามวินาที แล้วรีบตามไปด้วย“อาเหิง

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 15

    เวินเหลียงฟังออกว่าฉันไม่ได้พูดความจริง และไม่ได้ซักไซ้ เอ่ยเพียงว่า “ได้ มีข่าวคราวแล้วจะบอกเธอ จริงสิ วันนี้เธอไปที่ไหน ถ้ายังไม่อยากกลับตระกูลเจียงก็มาหาฉันได้นะ”วันนี้เวินเหลียงเข้ากะกลางคืน ฉันไปหาเธอเหมาะสมที่สุดฉันไม่อยากกลับตระกูลเจียงจริง ๆ โดยเฉพาะการที่ฉันต้องนอนห้องเดียวกับเจียงอวี้เหิงในตอนนี้แต่ฉันไปพักอยู่กับเวินเหลียงตลอดก็ไม่เหมาะสมเหมือนกัน แม้ว่าเธอจะไม่มีแฟน แต่ทุกคนต่างไม่หวังให้พื้นที่ส่วนตัวของตัวเองถูกคนอื่นรบกวนหรอก“ได้” ฉันไม่ปฏิเสธ อย่างน้อยก่อนหน้าที่ฉันจะหาที่พักอยู่ ไปพักที่เธอก็ดีกว่าพักอยู่โรงแรมมากถึงแม้จะมีหลักมีแหล่งที่นอนกลางคืนแล้ว ฉันก็ไม่ได้ไปในทันที แต่ขับรถไปชานเมืองที่นี่เป็นเมืองเก่าแล้ว แต่คนที่พักอยู่ไม่น้อยเลย ส่วนมากเป็นผู้เช่า เพราะค่าเช่าถูกและที่ฉันมาที่นี่เป็นเพราะบ้านของฉันอยู่ที่นี่ ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะจากไป พวกเราสามคนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่กันทั้งครอบครัว ตอนนั้นที่นี่ยังไม่ได้เป็นเมืองเก่า เศรษฐกิจและการคมนาคมสะดวกมาก เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรืองมากแต่เวลาสิบปีมานี้ ที่นี่ไม่เจริญรุ่งเรืองเหมือนอย่างที่เคยเป็นแล้วบ้านที่ชุ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 16

    “เฉียวซาน คุณอย่าเข้าใจผิดนะ”คำพูดนี้ของโจวถงทำให้ฉันอยากหัวเราะนึกถึงคำพูดที่เธอพูดตอนเลือกเครื่องนอน ที่แท้แฟนที่เธอยอมรับโดยปริยายถึงกับเป็นเจียงอวี้เหิง“นี่ซื้อให้เจียงอวี้เหิงเหรอ?” ฉันเหลือบมองเครื่องนอนที่เธอเลือก สีฟ้าเทา เป็นโทนสีที่เจียงอวี้เหิงชื่นชอบจริง ๆแต่นั่นเป็นเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้ภายใต้อิทธิพลของฉัน สีสันของเขาก็สดใสขึ้นมากแล้วโจวถงกัดริมฝีปากล่าง ลังเลอยู่สักสองสามวินาทีจึงจะส่ายหน้า “...ไม่ใช่นะ คุณอย่าเข้าใจผิด ฉันเลือกให้น้องชายฉัน”การแสดงปาหี่พรรค์นี้ ฉันขี้เกียจที่จะไปโต้เถียงกับเธอ เลยพูดไปตามตรง “เจียงอวี้เหิงจะอยู่ด้วยกันกับคุณแล้ว?”เขาว่าให้ลูกของโจวถงเป็นอะไรไปไม่ได้เลยไม่ใช่หรือไง การปกป้องอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเหมาะสมที่สุด“เฉียวซาน ทำไมคุณพูดจาแบบนี้?” โจวถงเผยความตื่นเต้นออกมา“คุณซื้อให้เขาแม้กระทั่งของใช้บนเตียง ทำไมฉันจะพูดแบบนี้ไม่ได้?” ฉันย้อนถามแบบกวน ๆ“เฉียวซาน คุณขี้อิจฉาเกินไปแล้ว แบบนี้อาเหิงจะไม่ชอบเอานะ” คำพูดของโจวถงทำให้ฉันหัวเราะ“คุณหัวเราะอะไร ?” ดวงตาคู่นั้นของเธอมองฉันด้วยความระแวดระวังและไร้เดียงสาฉันลูบเส้นผม

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 17

    ถึงแม้การซื้อของจะโดนผู้หญิงอย่างโจวถงมาทำให้รู้สึกขยะแขยง แต่ไม่ได้กระทบกระเทือนกะจิตกะใจในการกินข้าวของฉัน ฉันกินโจ๊กไส้หมูไปชามใหญ่ชามหนึ่งจึงจะกลับบริษัท เพิ่งถึงบริษัทก็รับสายโทรศัพท์ที่โทรมาจากจวงลี่คุณแม่ของเจียงอวี้เหิงฉันไม่ได้กลับบ้านสองวัน เธอจะโทรศัพท์มาหาฉันก็ปกติมาก “คุณป้า”“ซานซาน อย่าเอาแต่พักอยู่ที่บ้านเพื่อนสนิทหนูสิ วันนี้กลับบ้านเถอะ ป้าห่อเกี๊ยวไส้หมูไว้” คำพูดของจวงลี่ทำให้ฉันอยากหัวเราะดูท่าเจียงอวี้เหิงหาข้ออ้างที่ฉันไม่กลับบ้านแล้วฉันตัดสินใจจะย้ายกลับมาพักที่บ้านของคุณพ่อคุณแม่ฉัน ก็ต้องกลับไปเก็บของที่ตระกูลเจียงอยู่แล้ว ฉันไม่ได้พูดอย่างอื่น “คุณป้าคะ คืนนี้หนูจะกลับไปค่ะ”ตอนใกล้เลิกงาน หยวนเสี่ยวไต้เข้ามาหา “พี่ซาน พี่สบายดีไหม?”“ทำไมเหรอ?” ฉันทำหน้าไม่เข้าใจ“คนในบริษัทชอบซุบซิบนินทาไปเรื่อย พี่อย่าไปสนใจพวกนั้นเลย ประธานเจียงเอาใจพี่มากแค่ไหน ฉันได้เห็นด้วยตาตัวเองเลยเชียวนะ” คำพูดของหยวนเสี่ยวไต้ทำให้ฉันยื่นมือไปให้เธอเธอเอาโทรศัพท์มือถือซ่อนไว้ด้านหลังอย่างเข้าใจ ฉันพูดด้วยสีหน้านิ่ง “เอามาให้ฉัน”หยวนเสี่ยวไต้ให้ฉันจากการที่โดนบังคับ แล

Latest chapter

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 40

    ฉันเงยหน้าขึ้น เห็นใบหน้าที่มีเหลี่ยมมุมของฉินโม่ที่ชัดเจนเขาไม่ใช่แค่พยุงฉันไว้ แต่ยังรับแตงโมในมือฉันไว้ได้อีกด้วยภาพที่ดูเหมือนฝันเช่นนี้เป็นสิ่งที่ได้จากการจงใจถ่ายทางโทรทัศน์เท่านั้น แต่ตอนนี้มันกำลังเกิดขึ้นกับฉันจริงๆเขาพยุงฉันให้ยืนตัวตรง คลายมือที่จับไว้ แต่ทันทีที่ฉันเคลื่อนไหว ฉันก็รู้สึกเจ็บแปลบเหมือนโดนเข็มทิ่มที่ข้อเท้าฉันคว้าแขนของเขาไว้แล้วพูดว่า “เจ็บ…”เขามองไปตามสายตาของฉัน เห็นข้อเท้าขาวบางของฉันกลายเป็นสีแดง "ข้อเท้าพลิกเหรอ?"ฉินโม่อยู่ใกล้ฉันมาก เสียงทุ้มต่ำของเขามันช่างน่าฟังมากเป็นพิเศษฉันตอบอืม วินาทีต่อมาเขาก็ยัดแตงโมใส่มาในมือฉันแล้วอุ้มฉันขึ้นมาฉันกับเจียงอวี้เหิงคบกันมาหลายปี แต่เขาไม่เคยอุ้มฉันแบบนี้เลย ในตอนนี้ ฉินโม่กลับอุ้มฉันในท่าเจ้าหญิง มันทำให้หัวใจฉันเต้นแรงขึ้น ถึงขั้นมีเหงื่อซึมออกมาที่ปีกจมูก...ฉันเป็นแบบนี้แหละ เวลาตื่นเต้นหรือประหม่า เหงื่อจะออกปลายจมูกในตอนนี้ ฉันก็ได้ยินเสียงถอนหายใจ เป็นเสียงจากคนในละแวกนั้นและผู้คนที่เดินผ่านไปมาอาจเป็นเพราะมณฑลเล็กๆ เช่นนี้ ผู้คนคงยังไม่ชินกับพฤติกรรมเช่นนี้ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงฉิ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 39

    ฉันหยิบแก้วแปรงสีฟันขึ้นมา เติมน้ำแล้วแปรงฟัน ตลอดเวลาที่แปรงฟัน ฉันไม่ได้มองที่ยัยหมูสามชั้นเลย แต่สายตาของเธอไม่เคยละไปจากฉันแม้แต่วินาทีเดียว เธอมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็จากปลายเท้าขึ้นไปถึงศีรษะ“เสี่ยวเฉียวเฉียว นี่คือหมูสามชั้น” คุณยายแนะนำเธอฉันอมยาสีฟันไว้ในปากแล้วพยักหน้าไปทางยัยหมูสามชั้นเธอมีใบหน้ากลม แต่ไม่ถึงกับอ้วน เธอสวมชุดเดรสลายดอกไม้และแต่งหน้า เห็นได้ชัดว่าเธอแต่งตัวมาอย่างจริงจัง“หมูสามชั้น นี่คือเสี่ยวเฉียวเฉียวที่เธออยากเจอ ฉันพูดถูกไหม ดูสิว่าผิวเธอนุ่มลื่มชุ่มชื้นแค่ไหน” คุณยายกำลังซักผ้าอยู่ ซักด้วยมือเปล่าเมื่อหมูสามชั้นกับฉันสบตากัน เธอมีความไม่มั่นใจฉายแวบขึ้นในดวงตาเมื่อถูกเปรียบเทียบกับฉัน แต่ปากกลับไม่ยอมรับ “เธอยังเด็ก ผิวก็ต้องนุ่มชุ่มชื้นอยู่แล้ว ตอนฉันอายุเท่าเธอก็ประมาณนี้แหละ”คุณยายเบะปาก หมูสามชั้นก็กลอกตามองบน การต่อสู้แบบเงียบๆ ระหว่างทั้งสองทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังดูโชว์ตลกอยู่เมื่อฉันแปรงฟันเสร็จ หมูสามชั้นก็พูดขึ้นมาว่า “คุณเฉียว มาที่นี่เพื่อเยี่ยมญาติหรือมาเที่ยวเล่น?”“มาเที่ยวเล่น” ฉันเปิดก๊อกน้ำและล้างแก้วแปรงสีฟัน“ม

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 38

    คืนนี้ฉันนอนหลับสนิทจนกระทั่งได้ยินเสียงหนวกหูดังมาจากด้านนอกไม่ใช่ฉินโม่ที่กำลังพูด แต่เป็นผู้หญิงที่พูดติดสำเนียงท้องถิ่นฟังจากเสียงของเธอแล้ว เธอไม่ใช่เด็กเสียงของเด็กผู้หญิงจะนุ่มนวลและสดใส ในขณะที่เสียงของผู้หญิงโดยทั่วไปแล้วจะทุ้มและหยาบกว่าฉันเป็นคนที่สามารถแยกคนได้จากเสียง แต่กลับไม่สามารถแยกได้ว่าชายที่ฉันรักมาเป็นสิบปีนั้นเป็นไอ้ผู้ชายเจ้าชู้สารเลวเขาว่ากันว่าการลืมใครสักคนคือการไม่คิดถึงเขาบ่อยๆ ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะทำไม่ได้ฉันยังคิดถึงเจียงอวี้เหิงโดยไม่รู้ตัวอยู่เสมอ ถึงจะไม่ใช่ความรัก เป็นเพียงความรู้สึกโกรธแค้น ฉันก็ยังคิดถึงเขาอยู่เป็นครั้งคราวฉันไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียง เพียงแต่เงี่ยหูฟังเสียงจากข้างนอก“คุณยาย ฉินโม่ล่ะคะ?” หญิงคนนั้นถาม“ออกไปแล้ว ตั้งแต่เช้าก็ออกไปแล้ว” คุณยายดูเหมือนกำลังล้างอะไรบางอย่างอยู่ มีเสียงน้ำดังเข้ามา“ไปแล้วหรอ ฉันก็นึกว่าเขายังไม่ตื่น” เสียงของหญิงสาวมีความตลกขบขันแทรกอยู่“ยัยหมูสามชั้น เสี่ยวฉินจะตื่นหรือไม่ตื่นแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ เขาไม่ได้ชอบเธอ เธอก็อย่าคิดให้รกสมองเปล่าๆ เลย” คุณยายพูดออกมาตรงๆคนปก

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 37

    ฉันตอบอืมไปเบาๆ “เป็นข้อเสนอที่ไม่เลวเลย ฉันจะเก็บไปพิจารณาดู”“ต้องคิดแบบจริงจังนะ” เวินเหลียงพูดจบก็ชะงักไปชั่วขณะ “ซานซาน วิธีที่จะลืมใครสักคนกับความรักที่ดีที่สุดก็คือการหาใครสักคนมาแทน แล้วก็รีบเริ่มต้นความรักใหม่โดยเร็ว”“โอเคค่ะอาจารย์เวิน ฉันเข้าใจแล้ว” หลังจากวางสาย ฉันก็นอนลงบนเตียงอย่างเหม่อลอยฝีเท้าของฉินโม่ข้างนอกดังเข้ามา ฉันรู้ได้ในทันที มันทั้งหนักแน่นและทรงพลังผ่านไปสักพักก็มีเสียงก๊อกน้ำดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงบ่นพึมพำของคุณยายเจ้าของบ้าน "ทำไมมีแค่นายคนเดียว? เสี่ยวเฉียวเฉียวล่ะ?"ฉันไม่ได้ยินคำตอบของฉินโม่ ได้ยินเพียงแค่ที่เขาพูดว่า "อย่าใส่ผักชีในซุปปลา"เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันก็หัวเราะ หัวเราะไปหัวเราะมาก็น้ำตาไหลออกมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่ตระกูลเจียง ฉันกินผักชี แต่ในอดีตตอนที่อยู่กับพ่อแม่ ฉันไม่เคยกินเลยมีสำนวนที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม แม้ว่าตอนนั้นฉันจะย้ายเข้ามาอยู่ในตระกูลเจียงในฐานะคู่หมั้นของเจียงอวี้เหิง คุณแม่เจียงก็บอกว่าฉันเป็นลูกสาวของเธอ แต่ฉันก็ไม่ได้เป็นคนในครอบครัวตระกูลเจียงอยู่ดี ฉันรู้ดีอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่แก่ใจในเรื

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 36

    ในชีวิตนี้ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายที่ฉันเคยพบหน้าเพียงสองครั้งจะอยากจดทะเบียนแต่งงานกับฉันแต่ผู้ชายที่คบกับฉันมาสิบปีกลับไปมีชู้ลับหลังฉันหลังจากตกใจไปชั่วขณะ ฉันก็เม้มริมฝีปากและยิ้ม "คุณฉินคะ นี่มันกะทันหันเกินไปหน่อยไหม?"สีหน้าของฉินโม่ยังเหมือนเดิม ดูค่อนข้างจริงจัง “คนเราคบกันก็เพื่อแต่งงานกันไม่ใช่เหรอ ในเมื่อคุณไม่อยากคบ งั้นก็แต่งงานเลย”คำพูดนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไรแต่คนที่พูดดูเหมือนว่าจะมีปัญหา คนปกติจู่ๆ จะมาแต่งงานกับคนแปลกหน้าไหมล่ะ?นิยายสมัยนี้นิยมโครงเรื่องแบบนี้ แต่มันก็เป็นแค่นิยายเท่านั้นคิ้วของฉันขมวด มุมปากปรากฏรอยยิ้มเยาะ "คุณฉินตรงไปตรงมาขนาดนี้กับคู่นัดดูตัวทุกคนเลยเหรอคะ?"ขณะนี้ พระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าส่องแสงมาที่ตัวของพวกเราพอดี เงาของฉินโม่ปกคลุมฉันไว้ “คุณเป็นคนแรก” ฉันรู้สึกคันคอ “เรา…แทบจะไม่รู้จักกันเลย”ฉินโม่ไม่ได้พูดอะไรอีก เรายืนหันหน้าเข้าหากัน ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าทั่วทั้งร่างกายของฉันร้อนผ่าวเล็กน้อย แม้แต่ปลายจมูกก็มีเหงื่อซึมออกมาในขณะที่ฉันกำลังขูดกำแพงที่อยู่ด้านหลังฉัน คิดว่าจะพูดอะไร

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 35

    เมื่อได้ยินเสียง ฉันจึงโยนโทรศัพท์ทิ้ง “เรียบร้อยแล้วค่ะ”พูดจบ ฉันก็ถอดรองเท้า เปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะแล้วเปิดประตู จากนั้นก็เห็นฉินโม่กำลังตักน้ำอยู่ในลานบ้านถังน้ำสีขาวหลายใบวางเรียงกันเป็นแถว ไม่นานน้ำก็เต็มถัง เขายกถังขึ้นมา กล้ามเนื้อที่ไหล่แนบกับเสื้อผ้าจนสามารถมองเห็นได้กล้ามเนื้อกับพละกำลังนั้นเป็นของคู่กันจริงๆ“ตักน้ำมาเยอะขนาดนี้ทำไม น้ำจะไม่ไหลเหรอ?” ฉันเดินไปถามสายตาของคุณยายมองไปที่รองเท้าแตะของฉัน และกลอกตาอย่างเงียบๆฉินโม่ไม่ได้ตอบอะไร คุณยายพูดแทน "เผื่อโดนตัดน้ำจ้ะ"พูดจบ เธอก็ตีฉินโม่ “เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะทำซุปปลาให้นะ พวกเธอช่วยไปซื้อปลากะพงมาหน่อย ขอสดๆนะ แล้วก็ซื้อผักชีกับกระเทียมมาด้วย”นี่เป็นการไปซื้อของที่ไหนกันล่ะ มันคือการให้เราสองคนออกไปคุยกันชัดๆเพียงแต่ฉันใส่รองเท้าแตะขนาดใหญ่อยู่ จึงไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่การจะเข้าไปเปลี่ยนในบ้านก็ดูไม่เหมาะสมเช่นกัน“ไปเปลี่ยนรองเท้า” ฉินโม่พูดเช่นนั้นในเวลาแบบนี้ ถ้าให้ฉันไปเปลี่ยนรองเท้า มันจะยิ่งทำให้ฉันรู้สึกอับอายมากขึ้น ดังนั้นฉันจึงยิ้มเยาะ “ไม่ต้องหรอก”ฉินโม่ไม่พูดอะไรอีก เขายกขาขึ้นเตรียมจะเดินออกไ

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 34

    ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณยายจะบอกว่าจะเป็นแม่สื่อให้ฉัน ใบหน้าที่เย็นชาแข็งกระด้างของฉินโม่แวบผ่านหน้าฉันขึ้นมาเมื่อนึกถึงความตรงไปตรงมาและเย็นชาของเขาที่ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนห้องกับฉัน จู่ๆ ฉันก็รู้สึกอยากเล่นสนุกขึ้นมา และตอบกลับไปอย่างเบิกบานสำราญใจไปสองคำว่า "ได้เลยค่ะ"ถึงฉันจะตกลง แต่มันก็เป็นเพียงคำพูดที่พูดไปเรื่อยที่ฉันไม่ได้เก็บมาใส่ใจหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉันก็ยืมจักรยานในบ้านคุณยายมาคันหนึ่งและปั่นไปรอบๆ มณฑลเล็กๆ แห่งนี้เมื่อฉันกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ฉันมีสิ่งที่ต่างจากตอนที่ออกไปในตอนเช้า ซึ่งก็คือมีกระดานวาดภาพเพิ่มมาฉันรักการวาดภาพ ก่อนที่พ่อแม่ของฉันจะเสีย พวกเขาให้ฉันไปสมัครเรียนคลาสเต้น คลาสวาดภาพ และการเขียนพู่กันจีน อีกทั้งยังให้ฉันเรียนกู่เจิงด้วยแต่สิ่งเหล่านี้ล้วนจบลงหลังจากที่พวกเขาจากโลกไป แต่สิ่งเดียวที่ยังไม่จบลงก็คือการวาดภาพ เพราะมันง่ายมาก เพียงแค่มีปากกาหนึ่งด้ามและกระดาษหนึ่งแผ่นก็เพียงพอแล้วทั้งวันวันนี้ที่ฉันออกไปข้างนอก นอกจากการมองชมวิวรอบๆ แล้ว ฉันก็ได้วาดรูปมารูปหนึ่ง ก็คือรูปเขตชิงผิงใหม่ความปรารถนาสูงสุดของพ่อแม่ของฉันค

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 33

    แต่เมื่อฉันนอนลงบนเตียงแข็งๆ ภาพตรงหน้าก็ยุ่งเหยิงและว่างเปล่า ฉันจึงนอนไม่หลับในที่สุด ฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไลน์ เห็นข้อความที่ส่งมาจากหยวนเสี่ยวไต้และเกาหย่วนหยวนเสี่ยวไต้ “พี่ซาน วันนี้ฉันยุ่งจนหัวหมุนทั้งวันเลย แต่งานที่พี่ฝากให้ทำฉันทำเสร็จแล้วนะ พรุ่งนี้ต้องเอาขนมมงคลสมรสมาให้ฉันเป็นรางวัลด้วยนะ พี่ซาน สุขสันต์วันแต่งงาน ขอให้มีความสุขมากๆ ตลอดชีวิตไปจนแก่เลยนะ”เมื่อเห็นข้อความนี้ ฉันก็กระตุกมุมปากเย้ยหยัน แต่ไม่ได้ตอบกลับเกาหย่วน “ผู้ช่วยเฉียว อย่าเข้าใจประธานเจียงผิดนะ อย่าไปมีเรื่องอะไรกับประธานเจียงเด็ดขาด ไม่งั้นความผิดผมได้ใหญ่มหันต์แน่”ฉันก็ไม่ได้ตอบอะไรเช่นกัน เพียงแต่เปิดอินสตาแกรมขึ้นมา แล้วก็เจอรูปเงาที่ฉันถ่ายที่สวนสนุกในอัลบั้ม จากนั้นก็โพสต์ไปข้อความหนึ่งว่า ‘สุขสันต์วันขึ้นปีใหม่!’หลังจากโพสต์แล้ว ฉันก็ลบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจียงอวี้เหิงออกจากอินสตาแกรมของฉันสิ่งที่ฉันทำก็มันก็คล้ายๆ กับสิ่งที่พวกดาราชอบทำในตอนหย่าหรือไม่ก็เลิกกับแฟนเมื่อไม่ได้เป็นคู่รักกัน แล้วก็เป็นคนรักกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นการลบทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับความรักไปก็คงจะดีท

  • เลิกเป็นตัวสำรอง คุณหนูเฉียวเปิดตัวกับชายอื่นแล้ว   บทที่ 32

    “เสี่ยวโม่ นี่คือผู้หญิงที่ฉันบอกเธอว่าอยากเปลี่ยนบ้าน พวกเธอลองคุยกันดูไหม?”คุณยายเจ้าของบ้านพูดขึ้น ทำลายช่วงเวลาการสบสายตาระหว่างฉันกับชายคนนั้นลงฉันเดินเข้าไป “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเฉียวซาน ห้องที่คุณอยู่ห้องนั้น ฉันขอเปลี่ยนได้ไหมคะ?”“ไม่ครับ” การปฏิเสธของเขาเด็ดขาดเหมือนกับตอนที่สระผมเมื่อครู่นี้มุมปากของฉันขยับเล็กน้อย ความรู้สึกไม่พอใจผุดขึ้นในใจเล็กน้อย อีกทั้งความดื้อรั้นก็แสดงออกมา “ทำไมล่ะ?”ชายคนนั้นมองมาที่ฉัน ไม่ได้พูดอะไร เขาเอาผ้าขนหนูสีเขียวลายทหารพาดไหล่แล้วเดินผ่านฉันไปทั้งแบบนั้นไอความเย็นที่แผ่ซ่านมาจากน้ำทำให้ฉันสั่นสะท้านอย่างไม่มีสาเหตุ“เสี่ยว...เสี่ยวเฉียวสินะ?” คุณยายเจ้าของบ้านเดินเข้ามา “อย่าโกรธเลยนะ ฉินโม่น่ะง้อผู้หญิงไม่เป็น เดี๋ยวฉันจะกลับไปคุยกับเขาทีหลัง”ฉันก็อารมณ์ขึ้นเช่นกัน จึงจงใจพูดเสียงดัง “ไม่ต้องหรอกค่ะ อยู่ห้องนั้นก็ไม่ทำให้สูงส่งได้หรอกค่ะ ใครอยากอยู่ก็อยู่ไปเถอะ”พูดจบ คุณยายเจ้าของบ้านก็ดึงฉันไว้แล้วพูดว่า “อย่าดุแบบนี้สิ เขาเคยเป็นทหารที่ผ่านการฝึกหนักมานะ ถ้าเขาโกรธขึ้นมา เขาสามารถแบกเธอขึ้นมาแล้วเอาไปโยนทิ้งที่ข้างนอกได้เลยน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status