Home / วาย / เรารักกันไม่ได้ / ความรักกำลังเปลื่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

Share

ความรักกำลังเปลื่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

last update Last Updated: 2024-12-10 20:24:08

วันหยุดยาวต้อมได้กลับบ้านสองวันทีแรกกะสามวัน แต่ทนความคิดถึงสนไม่ไหวเขาจึงกลับมาก่อนเวลา และอีกอย่างหนึ่งเพื่อสืบสาวราวเรื่องของสนว่าเป็นเช่นไรโดยไม่ได้โทรบอกสนไว้แม้แต่น้อย และต้อมไม่ยอมกลับห้องของตัวเองด้วย เลยรวดไปยังห้องพักของสนเพื่อจับผิดหรือถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถือว่าเป็นไปหาคนรักแค่นั้นไม่ได้มีอะไรเสียหายหรือเสียเวลา

เมื่อมาถึงต้อมรีบไปยังห้องเช่าของสน ด้วยไปหาสนเป็นบางครั้งต้อมจึงมีกุญแจ และยามคุ้นหน้าเป็นอย่างดี จึงเข้าออกง่ายไม่มีปัญหาแต่อย่างใด พอถึงหน้าประตูต้อมจึงหยิบกุญแจมาเปิดเข้าไปในห้อง โดยไม่ได้เคาะเรียกขานแต่อย่างใด เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็ไม่ได้พบกับอะไรผิดปกติ เห็นเพียงแต่สนนั่งดูทีวีอย่างสบายอารมณ์

“อ้าว ไหนบอกว่าจะกลับบ้านไปสามวันไง” สนมีสีหน้าไม่สู้ดีนักและรีบลุกขึ้นยืนทันใด

“ทนคิดถึงนายไม่ไหวไง” ต้อมเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ

“ใครมาสน” หญิงสาวนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเกาะอกออกมาจากห้องน้ำและรีบเดินมาเกาะแขนสน ที่อยู่ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันกายท่อนล่าง

“เพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันนะ” สนจ้องมองต้อมไม่วางสายตา เพราะกลัวต้อมพูดอะไรออกมา

“ต้อมนี่คือ เอ่อ” สนอ้ำอึ้ง

“แฟนสน ยินดีที่รู้จัก หน้าตาน่ารักดีนะเพื่อนสนคนนี้ ใช่คนที่เคยเล่าให้ฟังไหมว่าเคยลำบากมาด้วยกัน ตอนหางานใหม่ๆ” หญิงสาวยิ้มให้ต้อมอย่างเป็นกันเอง

“ใช่ คนที่เราเล่าให้ฟังนี่แหละ”

ต้อมไม่สามารถที่จะยืนอยู่ตรงนี้ได้อีก เพราะหัวใจได้แตกสลายสูญสิ้นดับทันใด ห้วงความรู้สึกผิดหวังเสียใจถาโถมเข้ามา แต่ด้วยความรักที่มีต่อสนเขาจึงไม่สามารถทำร้ายสนด้วยวาจาได้

“เราเอาของฝากมาให้” ต้อมวางมะขามแก้วสี่รสไว้บนโต๊ะ

“ขอบใจมากนะ” ในแววสายตาของสนไม่ได้ขอบใจของฝาก แต่แฝงไว้ด้วยคำขอบคุณอย่างอื่น

“เราไปก่อนนะ” ต้อมหันหลังกลับอย่างใจร้าวราน

ร่างที่เหมือนไร้วิญญาณเดินลงมาจากแมนชั่น อย่างหมดอาลัยตายอยากไม่เหลือความหวังใดๆ ให้ก้าวเดินต่อไป ถึงจะเป็นอย่างนั้นต้อมก็ยังต้องไปข้างหน้า จนกระทั่งถึงปากทาง ต้อมจึงกวักมือเรียกแท็กซี่ เพื่อไปยังห้องพักที่มีความเงียบเหงารออยู่

เมื่อไปถึงห้องพักร่างอันไร้ความรู้สึกล้มลงนอนบนเตียง ด้วยความรู้สึกแสนสาหัสที่ได้รับมาเมื่อครู่ น้ำตาไหลรินร่วงหล่นอย่างต่อเนื่องดั่งสายน้ำ ความรู้สึกโหยหาโหยคำนึงคิดถึงคนที่รัก ผิดหวังเสียใจเศร้าอย่างสุดอาลัย ความทุกข์ระทมเจ็บปวดที่ได้รับนั้นเกินความเยียวยาในบัดดล

ความอ่อนเพลียอ่อนแอทั้งกายและใจเข้ามาอย่างกระหน่ำ จนยากจะทนไว้ทำให้เผลอหลับไปในที่สุด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไร้ความทรมานทางจิตใจอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง

“อา คิดอะไรอยู่” อาคารเด็กหนุ่มส่งเสียงเรียกเมื่อเห็นต้อมนั่งซึม และเป็นจังหวะเดียวกันกับส้มซื้อของเสร็จและเดินเข้ามาหา

“ไม่เป็นอะไรอาคิดอะไรเรื่อยเปื่อย” ต้อมหันมายิ้มให้อาคารลูกชายของเพื่อนรัก

“ขอบใจมากนะที่ให้ผัก ไปกันเถอะอาคาร” ส้มเอ่ยขึ้น

“ผมกลับก่อนนะครับ” อาคารยกมือไหว้ก่อนเดินจากไปพร้อมส้มผู้เป็นแม่

เมื่อสองแม่ลูกเดินไปจนลับตา ต้อมจึงหวนมาคิดเรื่องราวต่ออีกครั้ง เพราะตั้งแต่วันนั้นต้อมได้รับคำแนะนำจากแหวนอีกครั้งให้ตัดใจและจากมา ห้ามติดต่อสนอีกไม่ว่ากรณีใดๆ ซึ่งต้อมทำตามอย่างคำแนะนำของเพื่อนรัก

พอวันรุ่งขึ้นต้อมลาออกจากงานทันที และขายของทุกสิ่งที่เอาไปด้วยไม่ได้ เพื่อเป็นทุนการเดินทางครั้งใหม่ ต้อมจึงตัดสินใจไปทำงานนิคมอุตสหกรรมที่ลำพูน ตามคำแนะนำของแหวน ให้หนีห่างให้ไกลเพราะจะได้ลืมความเจ็บปวดได้ไว

“พ่อค้าซื้อบวบ” ลูกค้ารายหนึ่งยืนเลือกบวบ

ต้อมจึงต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งไป และหันมาตั้งหน้าตั้งตาตาขายผักตามเดิม ซึ่งใช้เวลาไม่นานผักเหล่านั้นก็ขายหมด ไม่มีเหลือแม้แต่อย่างเดียว ต้อมจึงเก็บข้าวของกลับบ้านเพื่อไปพักผ่อน ก่อนหาผักผลไม้ในสวนมาขายอีกในวันพรุ่งนี้

ช่วงเวลาค่ำคืนมาเยือนอีกครั้ง ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวเหงาเศร้าใจ เคว้งดิ่งเข้ามาอยู่ในความคิดอย่างต่อเนื่อง เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง รู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก แต่เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงก็ไม่เป็นอะไร เพราะเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเขามาหลายครั้งหลายคราตอนอยู่ที่เชียงใหม่ พอกลับมาบ้านยังมีอาการอยู่เหมือนเดิม และอดคิดเรื่องราวค่างๆ ไม่ได้ คิดแล้วคิดอีกคิดอยู่นั้นคิดไม่จบไม่สิ้น คิดทุกวันทุกคืนทุกเวลาที่ว่าง จนไม่สามารถสลัดความคิดนั้นไปได้ ไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรือหลายคนก็ตามแต่

ยิ่งช่วงเวลานี้คงเดชไม่ได้ติดต่อมา ความคิดของต้อมจึงไม่จางหาย คิดหลายสิ่งหลายอย่างหลายเหตุการณ์หลายวัน จนเขาอดใจไม่ไหวที่จะติดต่อเพื่อรับรู้ว่าคงเดชยังอยู่ และไม่ได้โกรธหรือเคืองเขา เช้าวันนี้ต้อมจึงส่งสติกเกอร์สวัสดีวันจันทร์ และนั่งเฝ้ารอว่าจะส่งกลับมาเมื่อใด หลายวินาทีผ่านไปหลายนาทีตามมาหลายชั่วโมงเลยไป จนแล้วจนรอดคงเดชยังไม่ได้ส่งสวัสดีวันจันทร์กลับมาช่วงเย็น พอถึงช่วงค่ำต้อมทนไม่ไหวส่งข้อความไปหาคนเคยรัก

“ทำอะไรอยู่”

การรอคอยมาอีกครั้ง รอเสียงดังของข้อความ แต่ละที่ได้ยินเสียงนั้นต้องเปิดดู แล้วผิดหวังเรื่อยมา ไม่ไช่ข้อความที่เฝ้ารอจนตัดสินใจจะนอนกอน จูจู่เสียงเฝ้ารอดังขึ้นมาถี่ๆ สองสามครั้งติดๆ กัน

“ตอนนี้เลี้ยงลูกและหลับไปแล้ว”

“มีอะไรเหรอ”

สองมือกำโทรศัพท์ไว้แน่นพร้อมรอยยิ้มอย่างชื่นใจ สายตาหวานฉ่ำบนข้อความ สมองกำลังคิดจะส่งข้อความใดกลับไป

“เงียบ”

“ไม่มีอะไรหรอก เหงาๆ เลยส่งข้อความไปหา”

“เหงาทำไมไม่หาแฟนล่ะ เพื่อนช่วยอะไรไม่ได้หรอก”

“ช่วยได้ แค่ได้คุยเราก็มีความสุขแล้ว”

“อืม”

“คิดถึงเรื่องเก่าๆ หนอ นายล่ะคิดถึงบ้างไหม”

“ไม่คิดถึงอะไรทั้งนั้น เพราะเรื่องมันผ่านมาแล้ว เราไม่สามารถจะย้อนเวลานั้นไปได้อีกครั้ง นอกจากทำใจอย่างเดียว”

“แค่คิดจินตนาการ เราก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องพบกับความเป็นจริงหรอก คนเราอยู่ได้ด้วยความฝันนะ”

“แต่ไม่ใช่เรา เพราะเราอยู่บนความเป็นจริง ถึงความจริงนั้นจะทำให้เราเจ็บปวดก็ตาม นายก็ควรจะอยู่กับความเป็นจริงนะ”

“ทำไมเราต้องอยู่กับความเป็นจริงด้วยล่ะ ในเมื่อเราสามารถอยู่กับความฝันความหวังได้นี่ ถึงแม้มันจะไม่จริงอย่างน้อยยังทำให้เรามีชีวิตต่อไป ถ้าอยู่กับความเป็นจริงแล้วมันเศร้าจะอยู่กับมันไปทำไม”

“นายมีเรื่องจะพูดกับเราแค่นี้เหรอ”

“เปล่ามีหลายเรื่องที่อยากพูดกับนายน่ะ”

“เหรอ พูดแบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไร ตอนเมื่อเวลาเอื้ออำนวยให้พูด ทำไมนายไม่พูดล่ะ ปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน พอมาตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว จะมาพูดให้มันซ้ำใจทำไม”

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพูดเรื่องปัจจุบันดีกว่า”

“ว่ามา”

“นายเคยพูดว่า ถ้าเราว่างให้ไปที่ยวที่ระยอง ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ไหมถ้าเราไป”

“ไม่มีปัญหาอะไรนิ อยากมาก็มาเราจะพาไปเลี้ยงเหล้า ไปเที่ยวทะเลนายเคยมาไหม”

“ไม่เคยนะ ส่วนใหญ่เราอยู่ที่เหนือ”

“ถ้านายมา เราจะพาไปเที่ยว ไปกับครอบครัวของเรา”

“เหรอ”

“อืม

“ถ้าเราไปจะบอกนะ แต่ยังไม่ใช่ใกล้ๆ นี้หรอก คงอีกพักใหญ่ๆ กว่าจะได้ไป”

“ไม่เป็นไร ตอนไหนก็ได้ แค่นี้ก่อนนะเราเริ่มง่วงนอนแล้ว และอีกอย่างเดี๋ยวเมียเราสงสัยหาว่าคุยกับสาว”

“เคร”

ต้อมกดปิดแอปพลิเคชันแล้ววางมือถือลงไว้บนหัวเตียง ส่วนตัวเขาก็ล้มลงนอนอย่างผิดหวังและรู้สึกผิด ที่ได้คิดไม่ดีและอยากทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม แต่เขาไม่สามารถห้ามจิตใจนั้นไม่ให้คิดได้ เขาจึงคิดวนมาวนไปอยู่หลายครั้งจนกว่าจะหลับกินเวลาหลายชั่วโมง แต่นั่นยังไม่เท่ากับต้องตื่นกลางดึก เพราะถ้าตื่นแล้วไม่สามารถจะหลับได้อีก กัสจึงคิดวนทุกเรื่องทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมาอย่างไม่ยอมหยุด จนกระทั่งได้มีแสงสว่างเริ่มสาดส่องเข้ามาภายในห้องแต่เช้าตรู่ ต้อมลุกขึ้นอย่างมึนเมาหัวเพราะพักผ่อนได้น้อย แต่ก็ต้องฝืนทนสู้ลุกขึ้นนั่งและยืนก้าวเท้าไปยังห้องน้ำ

Related chapters

  • เรารักกันไม่ได้   เริ่มต้นใหม่

    เนื่องด้วยสภาพจิตใจของต้อมไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาจึงไม่ค่อยได้ออกไปทำงาน มีแต่นอนและพักผ่อนให้ร่างกายฟื้นตัว ยามค่ำคืนก่อนนอนต้อมได้หยิบอัลบั้มรูปขึ้นมาเปิดตัว และได้เห็นรูปผู้ชายคนหนึ่งที่เขาถ่ายตอนหลับ ต้อมจำได้ดีรักครั้งนี้เขาจึงหวนคิดถึงอีกครั้งหลังจากผิดหวังในรักที่มีต่อสน ทำให้ต้อมได้ติดสินใจก้าวเดินต่อไป เพื่อลืมเลือนรักอันเจ็บปวด ต้อมได้ขึ้นมาทำงานทางเหนือตามคำแนะนำของแหวน เพราะเพื่อนร่วมรุ่นได้ออกงานจากที่นี่จึงมีตำแหน่งว่างพอดีเมื่อไปถึงเมืองลำพูนต้อมได้หาห้องเช่าไม่ไกลจากแหล่งนิคมอุตสาหกรรมเท่าไรนัก มีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุดและที่นอนสำหรับไว้เอนกายพักผ่อนยามต้องการ พอรุ่งเช้าต้อมเดินทางไปสมัครงานในนิคมอุตสหกรรม เป็นโรงงานเกี่ยวกับผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยามเข้าไปนิคมและได้กรอกใบสมั8รและรอสัมภาษณ์เลย เพราะต้องการด่วนซึ่งไม่แตกต่างจากต้อมก็อยากได้งานโดยไวเหมือนกัน เมื่อเข้าไปก็เจอผู้จัดการฝ่ายบุคคล ต้อมยกมือไหว้ชายหนุ่มวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่าๆ รูปร่างสูงโปร่งขาวนัยน์ตาเล็ก“สวัสดีครับ” ต้อมยกมือไหว้“นั่งลงได้” ชายหนุ่มผู้นั้นมองต้อมไม่วางสายตา“ดูจากประวัติการทำงาน เปล

    Last Updated : 2024-12-14
  • เรารักกันไม่ได้   ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

    วันนี้ต้อมมีความรู้สึกแปลกๆ เพราะดำไม่ได้มาทำงาน สาเหตุใดต้อมไม่สามารถรู้ได้ เพราะดำสั่งห้ามให้อยู่ทางใครทางมัน จึงเป็นเหตุให้ต้อมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับดำ ถึงแม้วันนี้หลายต่อหลายคนจะถามไถ่ จึงได้แต่ปฏิเสธท่าเดียวไม่รู้ จนกระทั่งก่อนกลับบ้านสันต์หัวหน้างานของเขาได้เอ่ยขึ้นมา“กลับไปห้องก็ไปดูดำมันหน่อยนะ มันพึ่งเลิกกับแฟนช่วงนี้มันเศร้าๆ ไหนๆ ก็ทำงานที่เดียวกัน” สันต่์เอ่ยขึ้นก่อนเดินจากไป“ครับ” ต้อมรับคำด้วยความยินดี แต่ใจหนึ่งก็อยากจะบอกว่า ดำต่างหากที่ไม่ยอมให้เข้าใกล้ ส่วนตัวเขาเองนั้นอยากสนิทสนมด้วยใจจะขาดในช่วงที่ต้อมเดินออกจากโรงงานไปยังที่จอดรถ ในขณะที่เขากำลังคิดเรื่องของดำเพลินๆ ว่าจะจัดการอย่างไรดี ก็มีรถเก๋งคนงามจอดอยู่ข้างๆ เขา ต้อมจึงหันมามองและเป็นจังหวะเดียวกันที่กระจกเปิดออกพอดี“ต้อมขึ้นมาบนรถก่อนสิ” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเรียกเขาแบบหน้านิ่งเหมือนตอนที่กำลังสัมภาษณ์งาน“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกลับเองได้ครับ” ต้อมกำลังจะเดินจากไป“บอกให้ขึ้นมาก็ขึ้นมาสิ” เสียงของผู้จัดการฝ่ายบุคคลเริ่มห้วนขึ้น“ครับ” ต้อมเดินอ้อมรถไปอีกด้านและเปิดประตูขึ้นไปในรถเมื่อต้อมขึ้นไปเขาก็นั่งนิ

    Last Updated : 2024-12-27
  • เรารักกันไม่ได้   ใจอ่อน

    ต้อมนั่งมองดำที่กำลังกินข้าวต้มแบบฝืนกินยากพอสมควร สายตาอันเล็กหรี่จ้องไม่กระพริบตา ส่วนริมฝีปากเล็กรอยหยักคอยเตรียมพูดทันทีเมื่อใดดำหยุดกินข้าวต้ม และมือน้อยอันเรียวงามเทน้ำจากขวดใส่แก้วไว้เตรียมพร้อม รวมทั้งยาแก้ไข้อีกสองเม็ดวางไว้ใกล้ๆ กัน“กินให้หมดนะ” ต้อมพูดทันทีเมื่อดำหยุดกินข้าว“พี่อิ่มแล้ว” ดำถอดถอนหายใจ เพราะเขาไม่รู้สึกอยากกินข้าวแต่อย่างใด ถึงแม้จะพยายามฝืนทนกินแต่ไม่สามารถกินได้มากกว่านี้“ก็ได้ ถ้างั้นก็กินยาซะ” ต้อมพูดเสียงนิ่งๆ ให้ดูเข้มเข้าไว้ แต่เสียงเล็กอันใสหาเป็นใจไม่สายตาของต้อมยังมองดำตลอดเวลา ด้วยกลัวว่าจะแอบนำยาไปทิ้งขว้างไม่ยอมกิน ดำเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกจ้องมอง จนอดคิดไม่ได้ว่าต้อมไม่เหมือนน้องแต่เหมือนพี่สาวมากกว่า“พอใจหรือยัง” ดำพูดทันทีเมื่อได้กลืนยาลงคอ“พอใจมาก”“ถ้างั้นก็กลับไปได้พี่จะนอน” ดำพูดเสียงห้วนๆ“ก็นอนสิ ผมก็จะอยู่ที่นี่”“ห้องตัวเองมีทำไมไม่นอน” ดำแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจนคำพูดของดำที่ไม่เกรงใจและสนความรู้สึกคนฟัง ทำให้ต้อมนั้นใจอุ่นๆ ขึ้นมาอยู่เหมือนกัน ขนาดป่วยยังไม่วายพูดจาไม่น่าฟังเลยสำหรับความคิดของต้อม“ความจริงก็ไม่ได้อยากนอน

    Last Updated : 2024-12-27
  • เรารักกันไม่ได้   ความรู้สึกที่เปลื่ยนไป

    ตอนที่25 ความรู้สึกที่เปลื่ยนไป หลังจากหยุดงานมาหลายวันดำก็มาทำงานตามปกติ โดยก่อนหน้านี้ต้อมได้มีคนมาสอนงานให้ เป็นรุ่นพี่ร่วมแผนกเข้ามาทำงานพร้อมกับดำ ซึ่งซันนั้นได้สอนต้อมทำงานอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง จนทำให้ต้อมเริ่มทำงานได้คล่องมากยิ่งขึ้น “ถ้าไม่ได้พี่ซันผมคงแย่แน่เลย”ต้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดจาอย่างอ่อนน้อม “เอ้า ไอ้ดำหายดีแล้วเหรอว่ะทั้งกายทั้งใจ”ซันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นดำเดินเข้ามาที่ทั้งสองยืนคุยกันก่อนเข้างาน “ปากดีนะมึงนะ”ดำมองตาขวางใส่ซัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้พูดเล่นแรงกว่าหลายเท่า “มึงเป็นอะไรว่ะ ไปกินรังแตนมาจากไหน”ซันมีสีหน้ามึนงง “ไม่เป็นไรหรอก แค่ เอ่อ ไม่มีอะไร”ดำมองไปยังต้อมแว่บหนึ่งก่อนหันมามองซันต่อด้วยความแสนจะหงุดหงิด โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไรกัน “สงสัยจะฟื้นไข้ยังไม่หายดี นี่ก็ใกล้เวลางานแล้ว ต่อจากนี้ไปกูส่งน้องต้อมให้มึงดูแลต่อ และอีกอย่างน้องต้อมต้องดูแลพี่ดำดีๆนะ เดี๋ยวพิษไข้กำเริบพี่ไม่ได้กลัวไข้กายหรอก กลัวไข้ใจมากกว่าถ้ามีเวลาก็ค่อยๆดามใจมันก็ได้”ซันหัวเราร่วนก่อนรี

    Last Updated : 2024-12-28
  • เรารักกันไม่ได้   ชุลมุนวุ่นรัก

    ช่วงค่ำๆ ต้อมได้แต่งตัวอย่างน่ารักสดใส เพื่อไปเที่ยวกับเสกผู้จัดการฝ่ายบุคคลวัยสี่สิบกว่า ใจหนึ่งก็ไม่อยากไปแต่อีกใจหนึ่งก็เกรงใจ แต่ถึงอย่างนั้นต้อมพยายามคิดในแง่ดี จะได้ไปเที่ยวยามค่ำคืนแห่งเมืองลำพูนในระหว่างที่ต้อมเดินออกจากห้องไปยังหน้าประตูห้องเช่า บังเอิญดำเดินออกมาพอดีเพื่อไปกินข้าวมื้อเย็น ซึ่งทำให้เจอต้อมโดนบังเอิญ“แต่งตัวซะหล่อเลย จะไปไหนน่ะ” ดำยืนนิ่งๆ ข้างๆ ต้อมที่ใบหน้าขาวใสยังกับหญิงสาว“ไปกินข้าวน่ะ” ต้อมมองมาทางดำร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มผิวคล้ำ“กินข้าวแค่นี้แต่งตัวซะเหมือนไปเที่ยวเลย”“ก็ใช่น่ะสิพี่ดำ คืนนี้ผมต้องไปกินข้าวในตัวเมือง”“รถก็ไม่มีจะไปได้อย่างไร จากนี้ไปในเมืองไม่ใช่ใกล้เลย”“ไปกับพี่เสก”“อ่ะ พี่เสกผู้จัดการฝ่ายบุคคลนั่นเหรอ” ดำมีสีหน้าสงสัยยิ่งยวด“ใช่ ทำไมพี่ดำต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วย”“รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเหรอ”“เปล่า”“แล้วจะไปได้ไง ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว”“พี่เขาชวนไป ถ้าไม่ไปก็น่าเกลียดแย่เลย”“พี่เสกมาพอดีเลย ผมไปก่อนนะพรุ่งนี้เจอกัน” ต้อมหันมายิ้มให้ดำ ที่ยืนนิ่งมองต้อมขิ้นรถและแล่นจากไป ด้วยความรู้สึกแปลกสองด้าน อย่างแรกทำไมเสกต้องพาต้อม

    Last Updated : 2024-12-29
  • เรารักกันไม่ได้   เจอกันอีกครั้งในวันที่สายไป

    ชายหนุ่มวัยเกือบห้าสิบเดินดูสินค้าในตลาดสด อันเต็มไปด้วยของกินของใช้มากมายเรียงรายทั่วบริเวณ สายตาจับจ้องไปยังอาหารนานาชนิด ด้วยไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้างสักเท่าไร ยิ่งเดินมาเลือกซื้อกับข้าวมื้อเย็น จึงจำเป็นต้องรีบซื้อเพราะเวลามีน้อย หนุ่มใหญ่ผู้นี้จึงเลิกแกงไว้สองอย่าง ส่วนเท้าทั้งสองข้างขยับไปเหยียบสาวใหญ่วัยเดียวก่อน“อุ๊ย ขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจครับ” ต้อมเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยสายตาอันบ่งบอกว่ายอมรับผิด“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวรุ่นเดียวกันยิ้มให้พร้อมพยักหน้าเป็นการให้อภัย“ต้อมใช่ไหม” ชายหนุ่มยืนข้างหญิงสาวพูดขึ้น“นาย เอ่อ อาคมใช่ไหม” ต้อมมองตาค้างและรู้สึกประหลาดใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย“อือ เราไม่ได้เจอกันนานเลยหนอ ตอนนี้นายทำอะไรอยู่” อาคมถามด้วยความสงสัย“เรากลับมาอยู่บ้านทำสวนน่ะ นายล่ะทำงานอะไร” ต้อมถามด้วยความอยากรู้“เราเป็นนายก อบต ส่วนเวลาว่างเราทำนา”“อือ ดีจัง กลับบ้านมาคราวนี้ไม่เสียเที่ยว”“เราก็ดีใจที่เจอนายนะ เพื่อนๆ ถามหานายกันยกใหญ่เลย เอ่อ เราลืมแนะนำนี่เมียเราชื่อส้ม”“ยินดีที่รู้จักนะ” ต้อมยิ้มให้อย่างยินดี“เช่นกันค่ะ”“เราขอเบอร์หน่อย เฟส ด้วย”“ตรงน

    Last Updated : 2024-12-06
  • เรารักกันไม่ได้   คืนแรกหอพักชาย

    ห้องประชุมหอพักชายอยู่ชั้นล่างสุด มีอาณาบริเวณกว้างพอสมควร ในช่วงเวลานี้ประมาณหนึ่งทุ่ม ได้มีบรรดาน้องใหม่และรุ่นพี่นั่งกับพื้น เรียงแถวตามหมายเลขห้อง ต้อมนักศึกษาหนุ่มน้อยวัยสิบแปด หน้าตาใสซื่อบริสุทธิไร้เดียงสา นั่งแถวสุดท้ายและอยู่คนหลังสุด สายตาอันเล็กหรี่มองเพื่อนๆนักศึกษารุ่นเดียวกันออกไปแนะนำตัวทีละห้อง จนมาถึงห้องสุดท้าย ต้อมได้เดินออกไปพร้อมกับเพื่อนร่วมห้องอีกห้าคน เมื่อไปถึงยังหน้าบรรดาเพื่อนร่วมหอพักชาย ต่างยืนเรียงแถวแนะนำตัวกันทีละคน โดยมีต้อมยืนเป็นคนสุดท้าย ส่วนสนยืนอยู่คนที่ห้า “ผมชื่อสนธิ มงคลดี ชื่อเล่น สน เรียนคณะเกษตรศาสตร์ เอก ประมงครับ”สนพูดเสียงดังฟังชัดเจน สิ้นเสียงของสนต่อไปต้อมต้องแนะนำตัว ริมฝีปากอันแสนบางสีชมพูอ่อนๆค่อยๆเปล่งเสียงออกมาอย่างอ่อนโยน “ผมชื่อ อนันตชัย ถาวรสกุลดี ชื่อเล่น ต้อม เรียนคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เอก ไฟฟ้าครับ”สิ้นเสียงของต้อมแต่กับมีเสียงอื่นมาแทน นั่นคือเสียงหัวเราะเบาๆของนักศึกษารวมหอพัก “พูดเสียงดังฟังชัดๆหน่อย พูดค่อยแบบนี้ ระวังพรุ่งนี้จะโดนเพื่อนๆที่คณะแกล้งนะ”สมพงษ์ประธานหอพั

    Last Updated : 2024-12-10
  • เรารักกันไม่ได้   ความทรงจำครั้งแรกที่พบเจอ

    วันแรกก่อนถึงคาบหนึ่งของต้อมต้องนั่งอยู่เพียงคนเดียว มองไปทางไหนไม่รู้จักใครสักคนด้วยเป็นคนอีกจังหวัด ต้อมเห็นเพื่อนใหม่นั่งเป็นกลุ่มๆ อยู่หลายคน บ้างนั่งสองคนเป็นที่ๆ ไป คนเดียวอยู่เดี่ยวๆ มีพอสมควร รวมทั้งตัวต้อมเองด้วยนั่งเหงาๆ เพียงลำพัง“นั่งด้วยนะ”“อือ”“เราชื่ออาคมนายล่ะ”“เราชื่อต้อม”“นายมาจากไหน”“พิจิตร”“จังหวะดเดียวกันนิ”ต้อมยิ้มได้ในทันทีด้วยเจอคนบ้านเดียวกัน ในมหาวิทยาลัยฟ้าครามที่อยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ไม่ไกลจากพิจิตรมากนัก มีอยู่หลายคนเหมือนกันในหอพักชายที่มาจากจังหวัดเดียวกัน“เขานั่งเป็นกลุ่มๆ กันน่าอิจฉา” อาคมพูดคุยพร้อมมองไปยังเพื่อนร่วมคณะ“อีกสักพักคงสนิทกันใหม่ๆ ก็แบบนี้แหละ”“อือ จริงอย่างนายเนาะ”สายตาของต้อมมองเพื่อนๆ ทุกคน สะดุดตามีอยู่สี่คน นั่งไม่ไกลเขามากนักซึ่งมองอย่างไงก็เป็นแบบเขาออกชัดเจนยิ่งกว่า ไม่ว่าจะท่าทางรูปร่างและการแต่งหน้าจัด ส่วนอีกสองเป็นหญิงสาวหน้าตาถือว่าทั่วๆ ไป สามคนที่ว่าไม่มีอะไรน่าสนใจมากกว่านี้สำหรับต้อม มีเพียงคนเดียวในกลุ่มใหญ่ห้าหกคนมีความหล่อคมคาย ทะลึ่งตึงตังขึ้เล่นเห็นได้อย่างเด่นชัด“มองอะไร” อาคมมองตามสายตาของต้อม“ไม่มีอ

    Last Updated : 2024-12-10

Latest chapter

  • เรารักกันไม่ได้   ชุลมุนวุ่นรัก

    ช่วงค่ำๆ ต้อมได้แต่งตัวอย่างน่ารักสดใส เพื่อไปเที่ยวกับเสกผู้จัดการฝ่ายบุคคลวัยสี่สิบกว่า ใจหนึ่งก็ไม่อยากไปแต่อีกใจหนึ่งก็เกรงใจ แต่ถึงอย่างนั้นต้อมพยายามคิดในแง่ดี จะได้ไปเที่ยวยามค่ำคืนแห่งเมืองลำพูนในระหว่างที่ต้อมเดินออกจากห้องไปยังหน้าประตูห้องเช่า บังเอิญดำเดินออกมาพอดีเพื่อไปกินข้าวมื้อเย็น ซึ่งทำให้เจอต้อมโดนบังเอิญ“แต่งตัวซะหล่อเลย จะไปไหนน่ะ” ดำยืนนิ่งๆ ข้างๆ ต้อมที่ใบหน้าขาวใสยังกับหญิงสาว“ไปกินข้าวน่ะ” ต้อมมองมาทางดำร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มผิวคล้ำ“กินข้าวแค่นี้แต่งตัวซะเหมือนไปเที่ยวเลย”“ก็ใช่น่ะสิพี่ดำ คืนนี้ผมต้องไปกินข้าวในตัวเมือง”“รถก็ไม่มีจะไปได้อย่างไร จากนี้ไปในเมืองไม่ใช่ใกล้เลย”“ไปกับพี่เสก”“อ่ะ พี่เสกผู้จัดการฝ่ายบุคคลนั่นเหรอ” ดำมีสีหน้าสงสัยยิ่งยวด“ใช่ ทำไมพี่ดำต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วย”“รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเหรอ”“เปล่า”“แล้วจะไปได้ไง ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว”“พี่เขาชวนไป ถ้าไม่ไปก็น่าเกลียดแย่เลย”“พี่เสกมาพอดีเลย ผมไปก่อนนะพรุ่งนี้เจอกัน” ต้อมหันมายิ้มให้ดำ ที่ยืนนิ่งมองต้อมขิ้นรถและแล่นจากไป ด้วยความรู้สึกแปลกสองด้าน อย่างแรกทำไมเสกต้องพาต้อม

  • เรารักกันไม่ได้   ความรู้สึกที่เปลื่ยนไป

    ตอนที่25 ความรู้สึกที่เปลื่ยนไป หลังจากหยุดงานมาหลายวันดำก็มาทำงานตามปกติ โดยก่อนหน้านี้ต้อมได้มีคนมาสอนงานให้ เป็นรุ่นพี่ร่วมแผนกเข้ามาทำงานพร้อมกับดำ ซึ่งซันนั้นได้สอนต้อมทำงานอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง จนทำให้ต้อมเริ่มทำงานได้คล่องมากยิ่งขึ้น “ถ้าไม่ได้พี่ซันผมคงแย่แน่เลย”ต้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดจาอย่างอ่อนน้อม “เอ้า ไอ้ดำหายดีแล้วเหรอว่ะทั้งกายทั้งใจ”ซันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นดำเดินเข้ามาที่ทั้งสองยืนคุยกันก่อนเข้างาน “ปากดีนะมึงนะ”ดำมองตาขวางใส่ซัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้พูดเล่นแรงกว่าหลายเท่า “มึงเป็นอะไรว่ะ ไปกินรังแตนมาจากไหน”ซันมีสีหน้ามึนงง “ไม่เป็นไรหรอก แค่ เอ่อ ไม่มีอะไร”ดำมองไปยังต้อมแว่บหนึ่งก่อนหันมามองซันต่อด้วยความแสนจะหงุดหงิด โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไรกัน “สงสัยจะฟื้นไข้ยังไม่หายดี นี่ก็ใกล้เวลางานแล้ว ต่อจากนี้ไปกูส่งน้องต้อมให้มึงดูแลต่อ และอีกอย่างน้องต้อมต้องดูแลพี่ดำดีๆนะ เดี๋ยวพิษไข้กำเริบพี่ไม่ได้กลัวไข้กายหรอก กลัวไข้ใจมากกว่าถ้ามีเวลาก็ค่อยๆดามใจมันก็ได้”ซันหัวเราร่วนก่อนรี

  • เรารักกันไม่ได้   ใจอ่อน

    ต้อมนั่งมองดำที่กำลังกินข้าวต้มแบบฝืนกินยากพอสมควร สายตาอันเล็กหรี่จ้องไม่กระพริบตา ส่วนริมฝีปากเล็กรอยหยักคอยเตรียมพูดทันทีเมื่อใดดำหยุดกินข้าวต้ม และมือน้อยอันเรียวงามเทน้ำจากขวดใส่แก้วไว้เตรียมพร้อม รวมทั้งยาแก้ไข้อีกสองเม็ดวางไว้ใกล้ๆ กัน“กินให้หมดนะ” ต้อมพูดทันทีเมื่อดำหยุดกินข้าว“พี่อิ่มแล้ว” ดำถอดถอนหายใจ เพราะเขาไม่รู้สึกอยากกินข้าวแต่อย่างใด ถึงแม้จะพยายามฝืนทนกินแต่ไม่สามารถกินได้มากกว่านี้“ก็ได้ ถ้างั้นก็กินยาซะ” ต้อมพูดเสียงนิ่งๆ ให้ดูเข้มเข้าไว้ แต่เสียงเล็กอันใสหาเป็นใจไม่สายตาของต้อมยังมองดำตลอดเวลา ด้วยกลัวว่าจะแอบนำยาไปทิ้งขว้างไม่ยอมกิน ดำเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกจ้องมอง จนอดคิดไม่ได้ว่าต้อมไม่เหมือนน้องแต่เหมือนพี่สาวมากกว่า“พอใจหรือยัง” ดำพูดทันทีเมื่อได้กลืนยาลงคอ“พอใจมาก”“ถ้างั้นก็กลับไปได้พี่จะนอน” ดำพูดเสียงห้วนๆ“ก็นอนสิ ผมก็จะอยู่ที่นี่”“ห้องตัวเองมีทำไมไม่นอน” ดำแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจนคำพูดของดำที่ไม่เกรงใจและสนความรู้สึกคนฟัง ทำให้ต้อมนั้นใจอุ่นๆ ขึ้นมาอยู่เหมือนกัน ขนาดป่วยยังไม่วายพูดจาไม่น่าฟังเลยสำหรับความคิดของต้อม“ความจริงก็ไม่ได้อยากนอน

  • เรารักกันไม่ได้   ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

    วันนี้ต้อมมีความรู้สึกแปลกๆ เพราะดำไม่ได้มาทำงาน สาเหตุใดต้อมไม่สามารถรู้ได้ เพราะดำสั่งห้ามให้อยู่ทางใครทางมัน จึงเป็นเหตุให้ต้อมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับดำ ถึงแม้วันนี้หลายต่อหลายคนจะถามไถ่ จึงได้แต่ปฏิเสธท่าเดียวไม่รู้ จนกระทั่งก่อนกลับบ้านสันต์หัวหน้างานของเขาได้เอ่ยขึ้นมา“กลับไปห้องก็ไปดูดำมันหน่อยนะ มันพึ่งเลิกกับแฟนช่วงนี้มันเศร้าๆ ไหนๆ ก็ทำงานที่เดียวกัน” สันต่์เอ่ยขึ้นก่อนเดินจากไป“ครับ” ต้อมรับคำด้วยความยินดี แต่ใจหนึ่งก็อยากจะบอกว่า ดำต่างหากที่ไม่ยอมให้เข้าใกล้ ส่วนตัวเขาเองนั้นอยากสนิทสนมด้วยใจจะขาดในช่วงที่ต้อมเดินออกจากโรงงานไปยังที่จอดรถ ในขณะที่เขากำลังคิดเรื่องของดำเพลินๆ ว่าจะจัดการอย่างไรดี ก็มีรถเก๋งคนงามจอดอยู่ข้างๆ เขา ต้อมจึงหันมามองและเป็นจังหวะเดียวกันที่กระจกเปิดออกพอดี“ต้อมขึ้นมาบนรถก่อนสิ” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเรียกเขาแบบหน้านิ่งเหมือนตอนที่กำลังสัมภาษณ์งาน“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกลับเองได้ครับ” ต้อมกำลังจะเดินจากไป“บอกให้ขึ้นมาก็ขึ้นมาสิ” เสียงของผู้จัดการฝ่ายบุคคลเริ่มห้วนขึ้น“ครับ” ต้อมเดินอ้อมรถไปอีกด้านและเปิดประตูขึ้นไปในรถเมื่อต้อมขึ้นไปเขาก็นั่งนิ

  • เรารักกันไม่ได้   เริ่มต้นใหม่

    เนื่องด้วยสภาพจิตใจของต้อมไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาจึงไม่ค่อยได้ออกไปทำงาน มีแต่นอนและพักผ่อนให้ร่างกายฟื้นตัว ยามค่ำคืนก่อนนอนต้อมได้หยิบอัลบั้มรูปขึ้นมาเปิดตัว และได้เห็นรูปผู้ชายคนหนึ่งที่เขาถ่ายตอนหลับ ต้อมจำได้ดีรักครั้งนี้เขาจึงหวนคิดถึงอีกครั้งหลังจากผิดหวังในรักที่มีต่อสน ทำให้ต้อมได้ติดสินใจก้าวเดินต่อไป เพื่อลืมเลือนรักอันเจ็บปวด ต้อมได้ขึ้นมาทำงานทางเหนือตามคำแนะนำของแหวน เพราะเพื่อนร่วมรุ่นได้ออกงานจากที่นี่จึงมีตำแหน่งว่างพอดีเมื่อไปถึงเมืองลำพูนต้อมได้หาห้องเช่าไม่ไกลจากแหล่งนิคมอุตสาหกรรมเท่าไรนัก มีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุดและที่นอนสำหรับไว้เอนกายพักผ่อนยามต้องการ พอรุ่งเช้าต้อมเดินทางไปสมัครงานในนิคมอุตสหกรรม เป็นโรงงานเกี่ยวกับผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยามเข้าไปนิคมและได้กรอกใบสมั8รและรอสัมภาษณ์เลย เพราะต้องการด่วนซึ่งไม่แตกต่างจากต้อมก็อยากได้งานโดยไวเหมือนกัน เมื่อเข้าไปก็เจอผู้จัดการฝ่ายบุคคล ต้อมยกมือไหว้ชายหนุ่มวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่าๆ รูปร่างสูงโปร่งขาวนัยน์ตาเล็ก“สวัสดีครับ” ต้อมยกมือไหว้“นั่งลงได้” ชายหนุ่มผู้นั้นมองต้อมไม่วางสายตา“ดูจากประวัติการทำงาน เปล

  • เรารักกันไม่ได้   ความรักกำลังเปลื่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

    วันหยุดยาวต้อมได้กลับบ้านสองวันทีแรกกะสามวัน แต่ทนความคิดถึงสนไม่ไหวเขาจึงกลับมาก่อนเวลา และอีกอย่างหนึ่งเพื่อสืบสาวราวเรื่องของสนว่าเป็นเช่นไรโดยไม่ได้โทรบอกสนไว้แม้แต่น้อย และต้อมไม่ยอมกลับห้องของตัวเองด้วย เลยรวดไปยังห้องพักของสนเพื่อจับผิดหรือถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถือว่าเป็นไปหาคนรักแค่นั้นไม่ได้มีอะไรเสียหายหรือเสียเวลาเมื่อมาถึงต้อมรีบไปยังห้องเช่าของสน ด้วยไปหาสนเป็นบางครั้งต้อมจึงมีกุญแจ และยามคุ้นหน้าเป็นอย่างดี จึงเข้าออกง่ายไม่มีปัญหาแต่อย่างใด พอถึงหน้าประตูต้อมจึงหยิบกุญแจมาเปิดเข้าไปในห้อง โดยไม่ได้เคาะเรียกขานแต่อย่างใด เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็ไม่ได้พบกับอะไรผิดปกติ เห็นเพียงแต่สนนั่งดูทีวีอย่างสบายอารมณ์“อ้าว ไหนบอกว่าจะกลับบ้านไปสามวันไง” สนมีสีหน้าไม่สู้ดีนักและรีบลุกขึ้นยืนทันใด“ทนคิดถึงนายไม่ไหวไง” ต้อมเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ“ใครมาสน” หญิงสาวนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเกาะอกออกมาจากห้องน้ำและรีบเดินมาเกาะแขนสน ที่อยู่ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันกายท่อนล่าง“เพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันนะ” สนจ้องมองต้อมไม่วางสายตา เพราะกลัวต้อมพูดอะไรออกมา“ต้อมนี่คือ เอ่อ” สนอ้ำ

  • เรารักกันไม่ได้   ความห่างเหิน

    ความสัมพันธ์ทั้งสองเปลื่ยนแปลงทีละน้อย คืบคลานทีละนิดจนต้อมผิดสังเกตขึ้นมาทีละมากๆ ในช่วงเวลาที่ยาวนานหลายเดือน ต้อมยังทำตัวปกติทุกอย่างดูแลสนอย่างดีไม่เปลื่ยนแปลง ในขณะอีกคนมีความเปลื่ยนแปลงไป บางครั้งกลับห้องดึกดื่นบางคราไม่กลับมาเลย บางทีมีความสัมพันธ์ทางกายแบบผ่านๆ เหมือนไม่อยากจะมี ความสุขในรสรักของต้อมจึงลดน้อยลงไปอย่างมาก เพราะสนไม่ใคร่สนใจมอบให้อย่างแต่ก่อนมีอยู่ค่ำคืนหนึ่งสนพูดบางสิ่งออกมาจนต้อมรู้สึกใจหายใจคว่ำ เป็นคำพูดที่ไม่ได้รุนแรงแต่เจ็บลึกอย่างสุดทรวงและลึกสุดใจ“ต้อมเรามีเรื่องจะบอกกับนายนะ” สีหน้าของสนมีความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด“เรื่องอะไร” ต้อมเดินมานั่งบนเตียงในขณะสนนอนนิ่งๆ เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างไว้ในใจ“คือว่า เอ่อ เราสองคนก็โตกันขึ้นเยอะแล้วนะ ต่างคนต่างมีหน้าทีการงานของตัวเอง มีเพื่อนและอยากมีความเป็นส่วนตัว” สนยังไม่กล้าพูดคำใดๆ ออกมาพยายามเกริ่นนำ“นายจะพูดอะไร” ต้อมใจหวั่นหวิว เพราะคำพูดนำทางแบบนี้ เขาคาดคิดว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน“อืม เราคิดว่าต้องแยกห้องกันดีกว่าไหม เพราะเราทั้งคู่ก็โตกันแล้วนะ” สนจ้องหน้าของต้อมเพราะอยากรู้ความรู้สึกที่

  • เรารักกันไม่ได้   สิ้นเดือนที่เปลื่ยนไป

    ความรักทั้งสองคืบหน้าไปอย่างมากในความคิดของต้อม เมื่อถึงเวลาสิ้นเดือนต้อมจึงซื้อของกินของใช้มามากมาย เพื่อเลี้ยงฉลองกับสนคนสำคัญที่สุดในชีวิต ค่ำคืนนี้ต้อมจึงเฝ้ารอการมาของสน แต่สองทุ่มก็แล้วสามทุ่มผ่านไปสี่ทุ่มกำลังจะมาถึง แต่ยังไร้วี่แววของใครบางคน สายตาของต้อมจ้องมองอาหารที่เรียงรายหลายอย่างตรงหน้า จนเวลาเกือบเที่ยงคืนจึงได้ยินเสียงเคาะประตู“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ต้อมเดินไปเปิดประตูด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ“นายไปไหนมาเรานัดกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าวันนี้จะเลี้ยงฉลองเงินเดือนออก” ต้อมมีท่าทีกระฟัดกระเฟียดแสดงท่าทีไม่พอใจ“เราขอโทษ พอดีพี่พี่ทำงานเราเลี้ยงฉลองให้น่ะ เราไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะมีงานนี้” สนเข้ามาโอบกอดจากด้านหลัง พร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้าอันบูดบึ้ง“นายไปดื่มเหล้ามาเหรอ”“นิดหน่อยเอง พี่ๆ เขาบังคับให้เราดื่มน่ะ”“อืม แสดงว่านายกินข้าวมาแล้วใช่ไหม”“ใช่ กินมาแล้ว แต่ตอนนี้อยากกินนายมากกว่า”“แล้วกับข้าวที่เราซื้อมาล่ะ เต็มไปหมดเลย”“ไม่เป็นไรหรอกทิ้งไปซะให้หมด แต่ตอนนี้เราขอกินนายก่อนได้ไหม”สนช้อนร่างของต้อมแล้วอุ้มมาวางบนเสื่อไร้ที่นอน พร้อมจับร่างของต้อมพลิกคว่ำหลังจากนั้นดึงกางเก

  • เรารักกันไม่ได้   ความรักกำลังเดินทาง

    ต้อมตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมาทำกับข้าวให้สนกินก่อนไปทำงาน ซึ่งก็ไม่มีอะไรนอกจากไข่เจียวสองฟอง และในขณะเดียวกันต้อมได้รีดเสื้อกางเกงให้สนอย่างเรียบร้อยแขวนไว้ที่ราวตากผ้า ส่วนรองเท้าขัดจนเงาวับ หลังจากนั้นเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวจนเรียบร้อย เมื่อต้อมทำทุกอย่างเสร็จสิ้นจึงไปปลุกสนที่นอนหลับอย่างสบาย“สนตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปทำงานสายหรอก” ต้อมเขย่าร่างของสน“แจ้งแล้วเหรอ วันนี้ขี้เกียจจังเลย นึกว่านายจะต่ออีกรอบหนึ่งตอนเช้า” สนลุกขึ้นนั่งแล้วหยิกแก้มของต้อมอย่างเอ็นดูใคร่รัก“บ้า เมื่อคืนตั้งสองครั้งแล้ว”“มันต้องสามครั้งกำลังดี”“สามครั้งนายต้องไปทำเองที่ห้องน้ำโน้น ไม่ไหวยังเจ็บอยู่เลยนายทำเราแรงเกินไป” ต้อมแกล้งทำหน้างอ“ขอโทษนะ ต่อไปจะทำค่อยๆ อีกอย่างครั้งแรกของนายก็แบบนี้แหละ ทางแก้มีต้องทำบ่อยๆ จะได้ขยายหลวมๆ แต่เมื่อคืนฟิตเป็นบ้าเลย”“ทะลึ่ง ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าว”“จ๊ะ ที่รัก”สนเรีบลุกขึ้นในสภาพเปลือยเปล่าท่อนเอ็นตั้งชูชัน โดยไม่ได้มีความเขินอายอย่างแต่ก่อน จนทำให้ต้อมรู้สึกแปลกใจอย่างมาก“กางเกงก็ไม่ใส่ไม่อายบ้างเลยเหรอ”“จะมาอายอะไร ตอนนี้เราสองคนไม่เหมือนเดิมแล้วนะ เห็นกันทุกส่วนแล้วไม่

DMCA.com Protection Status