แชร์

ใจอ่อน

ผู้เขียน: ต๋อง น่ะ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-27 01:28:18

ต้อมนั่งมองดำที่กำลังกินข้าวต้มแบบฝืนกินยากพอสมควร สายตาอันเล็กหรี่จ้องไม่กระพริบตา ส่วนริมฝีปากเล็กรอยหยักคอยเตรียมพูดทันทีเมื่อใดดำหยุดกินข้าวต้ม และมือน้อยอันเรียวงามเทน้ำจากขวดใส่แก้วไว้เตรียมพร้อม รวมทั้งยาแก้ไข้อีกสองเม็ดวางไว้ใกล้ๆ กัน

“กินให้หมดนะ” ต้อมพูดทันทีเมื่อดำหยุดกินข้าว

“พี่อิ่มแล้ว” ดำถอดถอนหายใจ เพราะเขาไม่รู้สึกอยากกินข้าวแต่อย่างใด ถึงแม้จะพยายามฝืนทนกินแต่ไม่สามารถกินได้มากกว่านี้

“ก็ได้ ถ้างั้นก็กินยาซะ” ต้อมพูดเสียงนิ่งๆ ให้ดูเข้มเข้าไว้ แต่เสียงเล็กอันใสหาเป็นใจไม่

สายตาของต้อมยังมองดำตลอดเวลา ด้วยกลัวว่าจะแอบนำยาไปทิ้งขว้างไม่ยอมกิน ดำเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกจ้องมอง จนอดคิดไม่ได้ว่าต้อมไม่เหมือนน้องแต่เหมือนพี่สาวมากกว่า

“พอใจหรือยัง” ดำพูดทันทีเมื่อได้กลืนยาลงคอ

“พอใจมาก”

“ถ้างั้นก็กลับไปได้พี่จะนอน” ดำพูดเสียงห้วนๆ

“ก็นอนสิ ผมก็จะอยู่ที่นี่”

“ห้องตัวเองมีทำไมไม่นอน” ดำแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน

คำพูดของดำที่ไม่เกรงใจและสนความรู้สึกคนฟัง ทำให้ต้อมนั้นใจอุ่นๆ ขึ้นมาอยู่เหมือนกัน ขนาดป่วยยังไม่วายพูดจาไม่น่าฟังเลยสำหรับความคิดของต้อม

“ความจริงก็ไม่ได้อยากนอนกับพี่หรอก แต่พี่สันต์น่ะสิให้มาคอยดูแลพี่ดำ”

“ถ้าพี่สันต์ไม่บอกก็จะไม่มาดูแลพี่ใช่ไหม” ดำหน้าบึ่งรู้สึกโกรธเมื่อได้ยินคำพูดนี้

“พี่สันต์ไม่ได้บอกผมก็ต้องมาดูพี่อยู่แล้ว นอนเถอะอย่ามัวพูดมากเลย พี่ต้องพักผ่อนเยอะๆ”

ดำมีความรู้สึกแปลกๆ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ อารมณ์ของเขาเปลื่ยนทิศทางทันที ยิ่งได้มองสายตาของต้อมที่เล็กหรี่แท่บจะไม่เห็นความนัยน์ เขาก็อดยิ้มในใจไม่ได้

“นอนสิพี่ดำมองอะไร”

“อืม” ดำนั่งนิ่งชั่วครู่ก่อนล้มตัวลงนอนอย่างไว เพราะด้วยร่างกายอันอ่อนล้าเต็มทน นั่นมาจากพิษไข้ที่รุมเล้า กับสภาพจิตใจพึ่งอกหักได้ไม่กี่วัน

ต้อมมองดำสักพักก่อน หลังจากนั้นเขาก็จัดแจงทำความสะอาดห้องที่สกปรกมาก มีแต่ขยะและฝุ่นละอองข้าวของใช้วางไม่เป็นที่เป็นทาง ไหนจะเสื้อผ้ากองเป็นภูเขาน้อยๆ อีก ต้อมจึงใช้เวลาที่ดำหลับอยู่ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่ดำตื่นขึ้นมา

เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นสะอาดเรียบร้อยหมดจด ช่วงแรกต้อมจะไปพักผ่อนยังห้องของตัวเอง แต่เมื่อคิดอีกทีด้วยความเป็นห่วงดำ เขาจึงเปลื่ยนใจทันทีล้มตัวลงนอนกับพื้นข้างๆ ดำที่กำลังหลับสนิทเพราะพิษไข้ ไม่นานเท่าไรต้อมก็หลับตามดำไปในไม่ช้า ด้วยความเหนื่อยอ่อนแรงและนอนไม่เต็มอิ่ม

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนเกือบเย็น ต้อมเริ่มรู้สึกตัวและได้ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่ทำต้อมรีบหันไปมองดำ แต่ไร้เรือนร่างนั้นนอนอยู่ข้างๆ ร่างกายอันบอบบางเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที พร้อมส่งเสียงเรียกขานหาคนหาย

“พี่ดำ” ต้อมมองซ้ายมองขวามองรอบๆ ห้องแต่ไร้เวี่แววของดำ

สักพักความตื่นตระหนกตกใจได้จางหาย เพราะดำได้เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเปลืยนกายท่อนบน มีเพียงกางเกงบอลใส่ตัวเดียว

“เรียกซะดังเลย” ดำเดินเข้ามานั่งบนเตียงข้างๆ ต้อม

“ผมก็นึกว่าพี่หายไปไหน”

“มันห้องของพี่จะไปไหนได้ พี่รู้สึกดีขึ้นจึงเข้าไปอาบน้ำ”

“พี่ดำ ทำไมไม่เช็ดตัวพึ่งหายป่วยเดี๋ยวไข้กลับมาอีกทำไง” ต้อมมีสีหน้าที่หงุดหงิดขึ้นมาทันที

“อย่ามารู้ดีกว่าตัวพี่ ตอนนี้พี่ดีขึ้นมาก”

“ดีขึ้นมากก็ดีแล้ว หวังว่าคงไม่ดื่มเหล้าอีกนะ”

“รู้ได้ไง” ดำมีสีหน้ามึนงง

“ขวดเหล้าเต็มห้องไปหมด เป็นอะไรหนักหนาดื่มแทนน้ำเลย”

“อย่ามายุ่งเรื่องของพี่” ดำพูดขึ้นห้วน

“ทำคุณบูชาโทษ เราอุตส่าห์มาดูแลทำความสะอาดห้องให้ เสื้อผ้าก็ซักจนหมดตะกร้า” หน้าตาของต้อมบูดขึ้นอย่างกะทันหัน

“มันคนละเรื่องกัน พี่ไมได้บอกให้ทำซะหน่อย ต้อมทำให้พี่ทำไม”

“มันอดไม่ได้ ห้องสกปรกมากเสื้อผ้าก็ไม่ได้ซัก เดี๋ยวไม่มีใส่ไปทำงานหรอก เขาอุตส่าห์หวังดี ขอบใจซะคำก็ไม่มีดันมาว่าเราอีก” ต้อมลุกขึ้นทันทีด้วยความน้อยใจเล็กๆ

“จะไปไหน” ดำจับมือของต้อมไว้ เมื่อเห็นเขากำลังก้าวเท้าออกเดินห่างออกไป

“กลับห้องสิ จะอยู่ทำไมในเมื่อหายดีแล้ว คงดูแลตัวเองได้”

“ขอบใจนะ” ดำพูดขึ้นด้วยเสียงนิ่มขึ้น แต่ใบหน้ายังนิ่งเฉยอยู่เหมือนเดิม

จากคำขอบใจที่ได้ยินทำให้ต้อมนั้นอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง แต่ยังขุ่นนิดๆ เพราะใบหน้าของดำยังนิ่งเฉยไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งเขาก็พอเข้าใจได้เนื่องด้วยพึ่งฟื้นไข้ และอกหักจากแฟนสาวอย่างทราบข่าว

“ไม่เป็นไรหรอก ในเมื่อพี่ช่วยสอนผมทำงาน ถือว่าเป็นการตอบแทนก็แล้วกัน”

“พี่ขอโทษด้วยเรื่องงาน ที่ไม่ได้ตั้งใจสอนเท่าไร แถมบอกให้ต้อมลาออกอีก” ดำก้มหน้าต่ำลงด้วยสำนึกได้ว่าไม่น่าทำอย่างนั้นลงไปได้เลย

“ไม่เป็นไรหรอกครับ พักผ่อนให้สบายกายเถอะ แต่ใจต้องใช้เวลาเท่านั้นถึงจะหาย” ต้อมหันมามองใบหน้าอันคมเข้มมีหนวดเคราขึ้นมานิดหน่อย

ถึงแม้ช่วงเวลานั้นต้อมจะโกรธอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อมาเห็นสภาพของดำตอนนี้จึงทำให้โกรธไม่ลง และด้วยนิสัยของต้อมส่วนหนึ่งที่ไม่ค่อยถือสาหรือโกรธใครง่ายๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วยเหมือนกัน

“พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไง” ดำสงสัยคำพูดของต้อมยิ่งนัก และอดสงสัยและเคลือบแคลงว่าต้อมรู้อะไรมาถึงกล้าพูดออกมาเช่นนี้

“พี่ก็น่าจะรู้ดีเพราะอะไร”

“มันเรื่องของพี่ไม่เกี่ยวกับใคร ทำอย่างกับตัวเองมีประสบการณ์มาก่อนอย่างนั้นนั่นแหละ”

“ก็มีน่ะสิ” ต้อมหวนคิดถึงความหลังที่เกิดขึ้นไม่นาน และนี่เป็นสาเหตุให้ต้อมมาถึงลำพูน

“ไม่อยากจะเชื่อว่ามีจริง”

“ทำอย่างกับพี่มีความรักและอกหักได้คนเดียว คนอื่นเขาก็เป็นเหมือนกัน”

“ก็ไม่เห็นมีท่าทีเศร้าอะไรเลยนิ”

“เศร้าสิ ก็ไม่ต่างจากพี่หรอก ผมถึงบอกไงว่าเวลาเท่านั้นแหละถึงรักษาแผลใจได้”

เมื่อได้กลับมาพูดคิดเรื่องนี้อีกครั้ง จิตใจของต้อมเริ่มห่อเหี่ยวขึ้นมา เพราะลึกๆ เขายังไม่ลืมสน เพราะผ่านความลำบากมาด้วยกัน และเกิดเป็นความรักและผูกพันขึ้นมา

“เหรอ ถ้าพี่จะถามอะไรได้ไหม”

“ได้ พี่มีอะไรก็พูดมาเลย”

“ผู้หญิงหรือผู้ชายที่ทำให้ต้อมอกหัก” ดำพูดขึ้นหน้าตานิ่งเฉย

“พี่ดำ” ต้อมพูดห้วนๆ

“พี่อยู่ตรงนี้ทำไมต้องเรียกซะดังเลย ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบก็ได้มั้ง เพราะพี่ก็พอดูออกอยู่”

“ดูออกแล้วถามทำไม หรือว่าพี่รังเกียจผมที่เป็นแบบนี้” ต้อมแกะมือของดำออกทันที เพราะพูดคุยกันนานจนมารู้สึกตัวดำยังจับมือของเขาไว้อยู่

“เปล่า”

“อ่อ ผมเข้าใจแล้ว ที่พี่ให้ผมออกจากงาน แสดงว่าพี่รังเกียจไม่อยากสอนงามผม เพราะว่าผมเป็นแบบนี้ใช่ไหม”

“เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ”

“เอาล่ะ ผมเข้าใจความคิดพี่แล้ว ผมก็ไม่อยากรู้หรอกว่าพี่คิดอย่างไงกับผม อยากคิดแบบไหนอยากไม่ชอบหรืออะไรก็แล้วแต่ ตามสบายพี่ดำก็แล้วกัน ผมจะกลับห้องพี่ดำก็พักผ่อนเถอะ”

“เดี๋ยวก่อน” ดำจับมือของต้อมไว้อีกครั้ง

“พี่ขอโทษก็แล้วกัน”

“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ปล่อยมือผมได้แล้ว”

“ได้”

“พี่ไม่ต้องมาอยากรู้เรื่องของผมหรอก เอาเรื่องของพี่ให้รอดเถอะ”

หลังจากสิ้นสุดคำพูดของตัวเอง ต้อมก็เดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวดำไม่พอใจที่พูดไปเช่นนั้น เมื่อพ้นจากห้องไม่เห็นดำพูดและเดินตามมา ความสบายใจจึงเข้ามาแทนที่ หลังจากนั้นต้อมจึงรีบเดินไปยังห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว

เมื่อต้อมออกไปจากห้องแล้ว ดำได้คิดเรื่องราวที่ผ่านมา ตั้งแต่วันแรกได้เจอต้อมจนกระทั่งถึงวันนี้ เขารู้สึกเสียใจพอสมควรที่ได้แสดงอาการต่างๆ ไม่ดีออกไป นับแต่วันนี้เป็นต้นไปดำจึงอยากทำดีๆ กับต้อมให้มากขึ้น และเปลื่ยนทัศนคติใหม่เมื่อได้เห็นความดีที่มีให้ และทำทุกสิ่งทุกอย่างให้โดยไม่รังเกียจแม้แต่น้อย

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เรารักกันไม่ได้   ความรู้สึกที่เปลื่ยนไป

    ตอนที่25 ความรู้สึกที่เปลื่ยนไป หลังจากหยุดงานมาหลายวันดำก็มาทำงานตามปกติ โดยก่อนหน้านี้ต้อมได้มีคนมาสอนงานให้ เป็นรุ่นพี่ร่วมแผนกเข้ามาทำงานพร้อมกับดำ ซึ่งซันนั้นได้สอนต้อมทำงานอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง จนทำให้ต้อมเริ่มทำงานได้คล่องมากยิ่งขึ้น “ถ้าไม่ได้พี่ซันผมคงแย่แน่เลย”ต้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดจาอย่างอ่อนน้อม “เอ้า ไอ้ดำหายดีแล้วเหรอว่ะทั้งกายทั้งใจ”ซันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นดำเดินเข้ามาที่ทั้งสองยืนคุยกันก่อนเข้างาน “ปากดีนะมึงนะ”ดำมองตาขวางใส่ซัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้พูดเล่นแรงกว่าหลายเท่า “มึงเป็นอะไรว่ะ ไปกินรังแตนมาจากไหน”ซันมีสีหน้ามึนงง “ไม่เป็นไรหรอก แค่ เอ่อ ไม่มีอะไร”ดำมองไปยังต้อมแว่บหนึ่งก่อนหันมามองซันต่อด้วยความแสนจะหงุดหงิด โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไรกัน “สงสัยจะฟื้นไข้ยังไม่หายดี นี่ก็ใกล้เวลางานแล้ว ต่อจากนี้ไปกูส่งน้องต้อมให้มึงดูแลต่อ และอีกอย่างน้องต้อมต้องดูแลพี่ดำดีๆนะ เดี๋ยวพิษไข้กำเริบพี่ไม่ได้กลัวไข้กายหรอก กลัวไข้ใจมากกว่าถ้ามีเวลาก็ค่อยๆดามใจมันก็ได้”ซันหัวเราร่วนก่อนรี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-28
  • เรารักกันไม่ได้   ชุลมุนวุ่นรัก

    ช่วงค่ำๆ ต้อมได้แต่งตัวอย่างน่ารักสดใส เพื่อไปเที่ยวกับเสกผู้จัดการฝ่ายบุคคลวัยสี่สิบกว่า ใจหนึ่งก็ไม่อยากไปแต่อีกใจหนึ่งก็เกรงใจ แต่ถึงอย่างนั้นต้อมพยายามคิดในแง่ดี จะได้ไปเที่ยวยามค่ำคืนแห่งเมืองลำพูนในระหว่างที่ต้อมเดินออกจากห้องไปยังหน้าประตูห้องเช่า บังเอิญดำเดินออกมาพอดีเพื่อไปกินข้าวมื้อเย็น ซึ่งทำให้เจอต้อมโดนบังเอิญ“แต่งตัวซะหล่อเลย จะไปไหนน่ะ” ดำยืนนิ่งๆ ข้างๆ ต้อมที่ใบหน้าขาวใสยังกับหญิงสาว“ไปกินข้าวน่ะ” ต้อมมองมาทางดำร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มผิวคล้ำ“กินข้าวแค่นี้แต่งตัวซะเหมือนไปเที่ยวเลย”“ก็ใช่น่ะสิพี่ดำ คืนนี้ผมต้องไปกินข้าวในตัวเมือง”“รถก็ไม่มีจะไปได้อย่างไร จากนี้ไปในเมืองไม่ใช่ใกล้เลย”“ไปกับพี่เสก”“อ่ะ พี่เสกผู้จัดการฝ่ายบุคคลนั่นเหรอ” ดำมีสีหน้าสงสัยยิ่งยวด“ใช่ ทำไมพี่ดำต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วย”“รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเหรอ”“เปล่า”“แล้วจะไปได้ไง ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว”“พี่เขาชวนไป ถ้าไม่ไปก็น่าเกลียดแย่เลย”“พี่เสกมาพอดีเลย ผมไปก่อนนะพรุ่งนี้เจอกัน” ต้อมหันมายิ้มให้ดำ ที่ยืนนิ่งมองต้อมขิ้นรถและแล่นจากไป ด้วยความรู้สึกแปลกสองด้าน อย่างแรกทำไมเสกต้องพาต้อม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-29
  • เรารักกันไม่ได้   เจอกันอีกครั้งในวันที่สายไป

    ชายหนุ่มวัยเกือบห้าสิบเดินดูสินค้าในตลาดสด อันเต็มไปด้วยของกินของใช้มากมายเรียงรายทั่วบริเวณ สายตาจับจ้องไปยังอาหารนานาชนิด ด้วยไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้างสักเท่าไร ยิ่งเดินมาเลือกซื้อกับข้าวมื้อเย็น จึงจำเป็นต้องรีบซื้อเพราะเวลามีน้อย หนุ่มใหญ่ผู้นี้จึงเลิกแกงไว้สองอย่าง ส่วนเท้าทั้งสองข้างขยับไปเหยียบสาวใหญ่วัยเดียวก่อน“อุ๊ย ขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจครับ” ต้อมเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยสายตาอันบ่งบอกว่ายอมรับผิด“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวรุ่นเดียวกันยิ้มให้พร้อมพยักหน้าเป็นการให้อภัย“ต้อมใช่ไหม” ชายหนุ่มยืนข้างหญิงสาวพูดขึ้น“นาย เอ่อ อาคมใช่ไหม” ต้อมมองตาค้างและรู้สึกประหลาดใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย“อือ เราไม่ได้เจอกันนานเลยหนอ ตอนนี้นายทำอะไรอยู่” อาคมถามด้วยความสงสัย“เรากลับมาอยู่บ้านทำสวนน่ะ นายล่ะทำงานอะไร” ต้อมถามด้วยความอยากรู้“เราเป็นนายก อบต ส่วนเวลาว่างเราทำนา”“อือ ดีจัง กลับบ้านมาคราวนี้ไม่เสียเที่ยว”“เราก็ดีใจที่เจอนายนะ เพื่อนๆ ถามหานายกันยกใหญ่เลย เอ่อ เราลืมแนะนำนี่เมียเราชื่อส้ม”“ยินดีที่รู้จักนะ” ต้อมยิ้มให้อย่างยินดี“เช่นกันค่ะ”“เราขอเบอร์หน่อย เฟส ด้วย”“ตรงน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • เรารักกันไม่ได้   คืนแรกหอพักชาย

    ห้องประชุมหอพักชายอยู่ชั้นล่างสุด มีอาณาบริเวณกว้างพอสมควร ในช่วงเวลานี้ประมาณหนึ่งทุ่ม ได้มีบรรดาน้องใหม่และรุ่นพี่นั่งกับพื้น เรียงแถวตามหมายเลขห้อง ต้อมนักศึกษาหนุ่มน้อยวัยสิบแปด หน้าตาใสซื่อบริสุทธิไร้เดียงสา นั่งแถวสุดท้ายและอยู่คนหลังสุด สายตาอันเล็กหรี่มองเพื่อนๆนักศึกษารุ่นเดียวกันออกไปแนะนำตัวทีละห้อง จนมาถึงห้องสุดท้าย ต้อมได้เดินออกไปพร้อมกับเพื่อนร่วมห้องอีกห้าคน เมื่อไปถึงยังหน้าบรรดาเพื่อนร่วมหอพักชาย ต่างยืนเรียงแถวแนะนำตัวกันทีละคน โดยมีต้อมยืนเป็นคนสุดท้าย ส่วนสนยืนอยู่คนที่ห้า “ผมชื่อสนธิ มงคลดี ชื่อเล่น สน เรียนคณะเกษตรศาสตร์ เอก ประมงครับ”สนพูดเสียงดังฟังชัดเจน สิ้นเสียงของสนต่อไปต้อมต้องแนะนำตัว ริมฝีปากอันแสนบางสีชมพูอ่อนๆค่อยๆเปล่งเสียงออกมาอย่างอ่อนโยน “ผมชื่อ อนันตชัย ถาวรสกุลดี ชื่อเล่น ต้อม เรียนคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เอก ไฟฟ้าครับ”สิ้นเสียงของต้อมแต่กับมีเสียงอื่นมาแทน นั่นคือเสียงหัวเราะเบาๆของนักศึกษารวมหอพัก “พูดเสียงดังฟังชัดๆหน่อย พูดค่อยแบบนี้ ระวังพรุ่งนี้จะโดนเพื่อนๆที่คณะแกล้งนะ”สมพงษ์ประธานหอพั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • เรารักกันไม่ได้   ความทรงจำครั้งแรกที่พบเจอ

    วันแรกก่อนถึงคาบหนึ่งของต้อมต้องนั่งอยู่เพียงคนเดียว มองไปทางไหนไม่รู้จักใครสักคนด้วยเป็นคนอีกจังหวัด ต้อมเห็นเพื่อนใหม่นั่งเป็นกลุ่มๆ อยู่หลายคน บ้างนั่งสองคนเป็นที่ๆ ไป คนเดียวอยู่เดี่ยวๆ มีพอสมควร รวมทั้งตัวต้อมเองด้วยนั่งเหงาๆ เพียงลำพัง“นั่งด้วยนะ”“อือ”“เราชื่ออาคมนายล่ะ”“เราชื่อต้อม”“นายมาจากไหน”“พิจิตร”“จังหวะดเดียวกันนิ”ต้อมยิ้มได้ในทันทีด้วยเจอคนบ้านเดียวกัน ในมหาวิทยาลัยฟ้าครามที่อยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ไม่ไกลจากพิจิตรมากนัก มีอยู่หลายคนเหมือนกันในหอพักชายที่มาจากจังหวัดเดียวกัน“เขานั่งเป็นกลุ่มๆ กันน่าอิจฉา” อาคมพูดคุยพร้อมมองไปยังเพื่อนร่วมคณะ“อีกสักพักคงสนิทกันใหม่ๆ ก็แบบนี้แหละ”“อือ จริงอย่างนายเนาะ”สายตาของต้อมมองเพื่อนๆ ทุกคน สะดุดตามีอยู่สี่คน นั่งไม่ไกลเขามากนักซึ่งมองอย่างไงก็เป็นแบบเขาออกชัดเจนยิ่งกว่า ไม่ว่าจะท่าทางรูปร่างและการแต่งหน้าจัด ส่วนอีกสองเป็นหญิงสาวหน้าตาถือว่าทั่วๆ ไป สามคนที่ว่าไม่มีอะไรน่าสนใจมากกว่านี้สำหรับต้อม มีเพียงคนเดียวในกลุ่มใหญ่ห้าหกคนมีความหล่อคมคาย ทะลึ่งตึงตังขึ้เล่นเห็นได้อย่างเด่นชัด“มองอะไร” อาคมมองตามสายตาของต้อม“ไม่มีอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • เรารักกันไม่ได้   ย้อนความทรงจำที่ไม่ลืมเลือน

    ท้องฟ้ายังไม่กระจ่างชัดปกคลุมกึ่งความมืดปนสว่าง ต้อมเดินไปยังสวนมะม่วงที่เขาปลูกเมื่อสองสามปีก่อน จนตอนนี้ได้เนื้อได้ผลมากินและขายเพื่อยังชีพ กว่าจะจัดการเก็บมะม่วงเสร็จเกือบเที่ยง แต่ยังดีมีรถมารับผลผลิตถึงสวน เขาเลยสบายกายไม่หนักมาก เมื่อรับเงินมาก้อนหนึ่งจึงรีบไปฝากยังธนาคาร หลังจากนั้นต้อมจึงรีบไปหาอาคมที่บ้านสองเท้าของต้อมก้าวเข้าไปยังบ้านจัดสรรพ ทำเลนั้นอยู่ห่างตัวเมืองพอสมควร ไกลจากบ้านของเขาอยู่หลายกิโลเมตร ต้อมจึงไม่แปลกใจแม้แต่น้อยทำไมถึงไม่เคยเจอกันก่อนหน้านี้ แต่ฟ้ายังเป็นใจให้ได้พบเจอเพื่อนเก่า“เข้ามาก่อนสิต้อม” อาคมเปิดประตูรั้วและเชื้อเชิญต้อมมายังห้องรับแขก“บ้านนายน่าอยู่จัง” ต้อมนั่งลงบนโซฟา“น่าอยู่แต่หนักมาก ผ่อนธนาคารเดือนหนึ่งเป็นหมื่น ไม่เหมือนนายมีบ้านพ่อบ้านแม่ให้อยู่ เอ่อ ลืมถามมีเมียหรือเปล่า เราจะได้วางตัวถูก” อาคมอมยิ้มนิดๆ“ไม่มี”ไม่มีคำถามต่อจากนี้ด้วยอาคมรู้อยู่แล้ว ต้อมจึงสบายใจมากขึ้นเมื่อไร้การถามต่อ เพราะเป็นสิ่งอันอึดอัดพอสมควรถ้าต้องตอบคำถาม ว่าทำไมไม่มีเมียต้อมยังไม่แปลกใจไม่หาย ทั้งที่รู้อยู่ว่าเขาเป็นแบบนั้นใยต้องถามกันตลอดเมื่อพานพบ“ตั้งแต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • เรารักกันไม่ได้   เลี้ยงรุ่นเรียกความทรงจำกลับคืนมา

    วันเวลาที่ต้อมรอคอยมาถึงวันนี้จะได้เจอเพื่อนเก่าอีกหลายคน หนึ่งในนั้นที่อยากเจอมากเขายังไม่แน่ใจว่าจะมาหรือไม่ เพราะต้อมมาในงานร่วมชั่วโมงยังไม่เห็นวี่แวว มีเพียง อาคม โบ้ผู้ทะเล้น จืดกับแฟนสาวนั่นคือปิ่นเพื่อนร่วมคณะนั่นเอง และอีกหลายคนต่างนั่งเรียงรายสองแถวหันหน้าเข้าหากัน โดยต้อมนั่งติดอาคมส่วนอีกข้างยังว่างเปล่าไม่มีใครมานั่ง“หายไปนานเลยนะไอ้ต้อม เรานึกว่าไปอยู่กับแฟนที่ต่างประเทศเหมือนแหวนแล้ว” โบ้พูดขึ้นมาโดยยังคงเอกลักษณ์ความเป็นขึ้เล่นเหมือนเดิม“เพื่อนเราได้ดีแล้วไม่เคยรู้มาก่อนเลย” ต้อมมีสีหน้าท่าทางประหลาดใจพอสมควร“ใช่ เหลือแต่นายนั่นแหละ เขามีครอบครัวกันหมดแล้วนายมัวรออะไรอยู่ หรือรอใครเอ่ยอยากรู้จัง”“เปล่า ยังไม่เจอคนที่ใช่มั้ง”ต้อมพูดจบชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เดินเข้ามายืนข้างๆ สายตาของต้อมเห็นเพื่อนร่วมห้องมองมายังใกล้บริเวณที่นั่งอยู่ ต้อมผิดสังเกตเลยหันหน้ามองและเงยขึ้น“พระเอกของเราทำไมมาช้าจังเลย” โบ้เอ่ยขึ้นทันใดเมื่อคงเดชนั่งลงข้างๆ ต้อม“เราพึ่งมาถึงเลยต้องไปส่งเมียกับลูกที่บ้านก่อน” คงเดชพูดจบแล้วหันหน้ามามองต้อมที่นั่งนิ่งๆคำพูดและท่าทางนิ่งๆ ของคงเดชทำให้ความร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • เรารักกันไม่ได้   จูบนั้นมีความหมาย

    ดวงตาที่เล็กหรี่ลงจนหลับ แต่ริมฝีปากบนแก้มยังอยู่อย่างเดิมเป็นเวลา ต้อมเริ่มลืมตาขึ้นทีละนิดแล้วหันหน้ามา คงเดชได้หยุดสัมผัสแก้มอันผ่องใส“ไอ้เดชนายจะจูบไอ้ต้อมอะไรทุกวัน” โบ้ไม่วายพูดทุกวันตอนเช้าต้อมไม่รู้จะทำเช่นไร เพราะทุกเช้าคงเดชจะมาจูบมาหอมแก้มอยู่ประจำ จนเขาเคยชินไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากนัก ต้อมมองเห็นสองสาวหนึ่งหนุ่มหวานนั่งอยู่อีกโต๊ะ เขาจึงเดินเข้าไปหาเพื่อเข้ากลุ่มนี้ เพราะคิดว่าน่าจะเหมาะกว่ามาอยู่กับชายแท้นับสิบ“นั่งลงสิ ไปนั่งตรงนั้นอยู่ได้” ปื่นสาวผิวเข้มเอ่ยขึ้น“เป็นอะไรหรือเปล่าจิตดีนั่งเงียบไปเลย” ต้อมผิดสังเกตเห็นจิตดี มีท่าทีซึมลงจนเขาแปลกใจ“เรามาเรียนวันนี้เป็นสุดท้ายนะที่เรามานี่จะบอกพวกเธอนั่นแหละ เดี๋ยวจะกลับแล้วเพราะอยู่ถึงเย็นก็ไม่มีความหมายอะไร”“ทำไม เพราะอะไรเหรอ” ดวงตาที่ค้างและริมฝีปากอันอ้าขึ้นเล็กน้อย มองใบหน้าอันขาวใสที่ปนด้วยความเศร้า“เราคิดว่า เรียนคณะนี้คงไม่เหมาะกับเรา ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่ เดี่ยวเราไปช่วยแม่ขายของดีกว่า” มือของจิตดีประสานกันส่วนนิ้วหัวมือถือถูสัมผัสกันไปมา“ลองคิดๆ ดีนะ เรียนไปก่อนถ้าไม่ไหวจริงๆ ปีหน้าค่อยออกก็ได้ และอีกอย่างปีแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10

บทล่าสุด

  • เรารักกันไม่ได้   ชุลมุนวุ่นรัก

    ช่วงค่ำๆ ต้อมได้แต่งตัวอย่างน่ารักสดใส เพื่อไปเที่ยวกับเสกผู้จัดการฝ่ายบุคคลวัยสี่สิบกว่า ใจหนึ่งก็ไม่อยากไปแต่อีกใจหนึ่งก็เกรงใจ แต่ถึงอย่างนั้นต้อมพยายามคิดในแง่ดี จะได้ไปเที่ยวยามค่ำคืนแห่งเมืองลำพูนในระหว่างที่ต้อมเดินออกจากห้องไปยังหน้าประตูห้องเช่า บังเอิญดำเดินออกมาพอดีเพื่อไปกินข้าวมื้อเย็น ซึ่งทำให้เจอต้อมโดนบังเอิญ“แต่งตัวซะหล่อเลย จะไปไหนน่ะ” ดำยืนนิ่งๆ ข้างๆ ต้อมที่ใบหน้าขาวใสยังกับหญิงสาว“ไปกินข้าวน่ะ” ต้อมมองมาทางดำร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มผิวคล้ำ“กินข้าวแค่นี้แต่งตัวซะเหมือนไปเที่ยวเลย”“ก็ใช่น่ะสิพี่ดำ คืนนี้ผมต้องไปกินข้าวในตัวเมือง”“รถก็ไม่มีจะไปได้อย่างไร จากนี้ไปในเมืองไม่ใช่ใกล้เลย”“ไปกับพี่เสก”“อ่ะ พี่เสกผู้จัดการฝ่ายบุคคลนั่นเหรอ” ดำมีสีหน้าสงสัยยิ่งยวด“ใช่ ทำไมพี่ดำต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วย”“รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเหรอ”“เปล่า”“แล้วจะไปได้ไง ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว”“พี่เขาชวนไป ถ้าไม่ไปก็น่าเกลียดแย่เลย”“พี่เสกมาพอดีเลย ผมไปก่อนนะพรุ่งนี้เจอกัน” ต้อมหันมายิ้มให้ดำ ที่ยืนนิ่งมองต้อมขิ้นรถและแล่นจากไป ด้วยความรู้สึกแปลกสองด้าน อย่างแรกทำไมเสกต้องพาต้อม

  • เรารักกันไม่ได้   ความรู้สึกที่เปลื่ยนไป

    ตอนที่25 ความรู้สึกที่เปลื่ยนไป หลังจากหยุดงานมาหลายวันดำก็มาทำงานตามปกติ โดยก่อนหน้านี้ต้อมได้มีคนมาสอนงานให้ เป็นรุ่นพี่ร่วมแผนกเข้ามาทำงานพร้อมกับดำ ซึ่งซันนั้นได้สอนต้อมทำงานอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง จนทำให้ต้อมเริ่มทำงานได้คล่องมากยิ่งขึ้น “ถ้าไม่ได้พี่ซันผมคงแย่แน่เลย”ต้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดจาอย่างอ่อนน้อม “เอ้า ไอ้ดำหายดีแล้วเหรอว่ะทั้งกายทั้งใจ”ซันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นดำเดินเข้ามาที่ทั้งสองยืนคุยกันก่อนเข้างาน “ปากดีนะมึงนะ”ดำมองตาขวางใส่ซัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้พูดเล่นแรงกว่าหลายเท่า “มึงเป็นอะไรว่ะ ไปกินรังแตนมาจากไหน”ซันมีสีหน้ามึนงง “ไม่เป็นไรหรอก แค่ เอ่อ ไม่มีอะไร”ดำมองไปยังต้อมแว่บหนึ่งก่อนหันมามองซันต่อด้วยความแสนจะหงุดหงิด โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไรกัน “สงสัยจะฟื้นไข้ยังไม่หายดี นี่ก็ใกล้เวลางานแล้ว ต่อจากนี้ไปกูส่งน้องต้อมให้มึงดูแลต่อ และอีกอย่างน้องต้อมต้องดูแลพี่ดำดีๆนะ เดี๋ยวพิษไข้กำเริบพี่ไม่ได้กลัวไข้กายหรอก กลัวไข้ใจมากกว่าถ้ามีเวลาก็ค่อยๆดามใจมันก็ได้”ซันหัวเราร่วนก่อนรี

  • เรารักกันไม่ได้   ใจอ่อน

    ต้อมนั่งมองดำที่กำลังกินข้าวต้มแบบฝืนกินยากพอสมควร สายตาอันเล็กหรี่จ้องไม่กระพริบตา ส่วนริมฝีปากเล็กรอยหยักคอยเตรียมพูดทันทีเมื่อใดดำหยุดกินข้าวต้ม และมือน้อยอันเรียวงามเทน้ำจากขวดใส่แก้วไว้เตรียมพร้อม รวมทั้งยาแก้ไข้อีกสองเม็ดวางไว้ใกล้ๆ กัน“กินให้หมดนะ” ต้อมพูดทันทีเมื่อดำหยุดกินข้าว“พี่อิ่มแล้ว” ดำถอดถอนหายใจ เพราะเขาไม่รู้สึกอยากกินข้าวแต่อย่างใด ถึงแม้จะพยายามฝืนทนกินแต่ไม่สามารถกินได้มากกว่านี้“ก็ได้ ถ้างั้นก็กินยาซะ” ต้อมพูดเสียงนิ่งๆ ให้ดูเข้มเข้าไว้ แต่เสียงเล็กอันใสหาเป็นใจไม่สายตาของต้อมยังมองดำตลอดเวลา ด้วยกลัวว่าจะแอบนำยาไปทิ้งขว้างไม่ยอมกิน ดำเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกจ้องมอง จนอดคิดไม่ได้ว่าต้อมไม่เหมือนน้องแต่เหมือนพี่สาวมากกว่า“พอใจหรือยัง” ดำพูดทันทีเมื่อได้กลืนยาลงคอ“พอใจมาก”“ถ้างั้นก็กลับไปได้พี่จะนอน” ดำพูดเสียงห้วนๆ“ก็นอนสิ ผมก็จะอยู่ที่นี่”“ห้องตัวเองมีทำไมไม่นอน” ดำแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจนคำพูดของดำที่ไม่เกรงใจและสนความรู้สึกคนฟัง ทำให้ต้อมนั้นใจอุ่นๆ ขึ้นมาอยู่เหมือนกัน ขนาดป่วยยังไม่วายพูดจาไม่น่าฟังเลยสำหรับความคิดของต้อม“ความจริงก็ไม่ได้อยากนอน

  • เรารักกันไม่ได้   ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

    วันนี้ต้อมมีความรู้สึกแปลกๆ เพราะดำไม่ได้มาทำงาน สาเหตุใดต้อมไม่สามารถรู้ได้ เพราะดำสั่งห้ามให้อยู่ทางใครทางมัน จึงเป็นเหตุให้ต้อมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับดำ ถึงแม้วันนี้หลายต่อหลายคนจะถามไถ่ จึงได้แต่ปฏิเสธท่าเดียวไม่รู้ จนกระทั่งก่อนกลับบ้านสันต์หัวหน้างานของเขาได้เอ่ยขึ้นมา“กลับไปห้องก็ไปดูดำมันหน่อยนะ มันพึ่งเลิกกับแฟนช่วงนี้มันเศร้าๆ ไหนๆ ก็ทำงานที่เดียวกัน” สันต่์เอ่ยขึ้นก่อนเดินจากไป“ครับ” ต้อมรับคำด้วยความยินดี แต่ใจหนึ่งก็อยากจะบอกว่า ดำต่างหากที่ไม่ยอมให้เข้าใกล้ ส่วนตัวเขาเองนั้นอยากสนิทสนมด้วยใจจะขาดในช่วงที่ต้อมเดินออกจากโรงงานไปยังที่จอดรถ ในขณะที่เขากำลังคิดเรื่องของดำเพลินๆ ว่าจะจัดการอย่างไรดี ก็มีรถเก๋งคนงามจอดอยู่ข้างๆ เขา ต้อมจึงหันมามองและเป็นจังหวะเดียวกันที่กระจกเปิดออกพอดี“ต้อมขึ้นมาบนรถก่อนสิ” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเรียกเขาแบบหน้านิ่งเหมือนตอนที่กำลังสัมภาษณ์งาน“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกลับเองได้ครับ” ต้อมกำลังจะเดินจากไป“บอกให้ขึ้นมาก็ขึ้นมาสิ” เสียงของผู้จัดการฝ่ายบุคคลเริ่มห้วนขึ้น“ครับ” ต้อมเดินอ้อมรถไปอีกด้านและเปิดประตูขึ้นไปในรถเมื่อต้อมขึ้นไปเขาก็นั่งนิ

  • เรารักกันไม่ได้   เริ่มต้นใหม่

    เนื่องด้วยสภาพจิตใจของต้อมไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาจึงไม่ค่อยได้ออกไปทำงาน มีแต่นอนและพักผ่อนให้ร่างกายฟื้นตัว ยามค่ำคืนก่อนนอนต้อมได้หยิบอัลบั้มรูปขึ้นมาเปิดตัว และได้เห็นรูปผู้ชายคนหนึ่งที่เขาถ่ายตอนหลับ ต้อมจำได้ดีรักครั้งนี้เขาจึงหวนคิดถึงอีกครั้งหลังจากผิดหวังในรักที่มีต่อสน ทำให้ต้อมได้ติดสินใจก้าวเดินต่อไป เพื่อลืมเลือนรักอันเจ็บปวด ต้อมได้ขึ้นมาทำงานทางเหนือตามคำแนะนำของแหวน เพราะเพื่อนร่วมรุ่นได้ออกงานจากที่นี่จึงมีตำแหน่งว่างพอดีเมื่อไปถึงเมืองลำพูนต้อมได้หาห้องเช่าไม่ไกลจากแหล่งนิคมอุตสาหกรรมเท่าไรนัก มีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุดและที่นอนสำหรับไว้เอนกายพักผ่อนยามต้องการ พอรุ่งเช้าต้อมเดินทางไปสมัครงานในนิคมอุตสหกรรม เป็นโรงงานเกี่ยวกับผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยามเข้าไปนิคมและได้กรอกใบสมั8รและรอสัมภาษณ์เลย เพราะต้องการด่วนซึ่งไม่แตกต่างจากต้อมก็อยากได้งานโดยไวเหมือนกัน เมื่อเข้าไปก็เจอผู้จัดการฝ่ายบุคคล ต้อมยกมือไหว้ชายหนุ่มวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่าๆ รูปร่างสูงโปร่งขาวนัยน์ตาเล็ก“สวัสดีครับ” ต้อมยกมือไหว้“นั่งลงได้” ชายหนุ่มผู้นั้นมองต้อมไม่วางสายตา“ดูจากประวัติการทำงาน เปล

  • เรารักกันไม่ได้   ความรักกำลังเปลื่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

    วันหยุดยาวต้อมได้กลับบ้านสองวันทีแรกกะสามวัน แต่ทนความคิดถึงสนไม่ไหวเขาจึงกลับมาก่อนเวลา และอีกอย่างหนึ่งเพื่อสืบสาวราวเรื่องของสนว่าเป็นเช่นไรโดยไม่ได้โทรบอกสนไว้แม้แต่น้อย และต้อมไม่ยอมกลับห้องของตัวเองด้วย เลยรวดไปยังห้องพักของสนเพื่อจับผิดหรือถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถือว่าเป็นไปหาคนรักแค่นั้นไม่ได้มีอะไรเสียหายหรือเสียเวลาเมื่อมาถึงต้อมรีบไปยังห้องเช่าของสน ด้วยไปหาสนเป็นบางครั้งต้อมจึงมีกุญแจ และยามคุ้นหน้าเป็นอย่างดี จึงเข้าออกง่ายไม่มีปัญหาแต่อย่างใด พอถึงหน้าประตูต้อมจึงหยิบกุญแจมาเปิดเข้าไปในห้อง โดยไม่ได้เคาะเรียกขานแต่อย่างใด เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็ไม่ได้พบกับอะไรผิดปกติ เห็นเพียงแต่สนนั่งดูทีวีอย่างสบายอารมณ์“อ้าว ไหนบอกว่าจะกลับบ้านไปสามวันไง” สนมีสีหน้าไม่สู้ดีนักและรีบลุกขึ้นยืนทันใด“ทนคิดถึงนายไม่ไหวไง” ต้อมเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ“ใครมาสน” หญิงสาวนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเกาะอกออกมาจากห้องน้ำและรีบเดินมาเกาะแขนสน ที่อยู่ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันกายท่อนล่าง“เพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันนะ” สนจ้องมองต้อมไม่วางสายตา เพราะกลัวต้อมพูดอะไรออกมา“ต้อมนี่คือ เอ่อ” สนอ้ำ

  • เรารักกันไม่ได้   ความห่างเหิน

    ความสัมพันธ์ทั้งสองเปลื่ยนแปลงทีละน้อย คืบคลานทีละนิดจนต้อมผิดสังเกตขึ้นมาทีละมากๆ ในช่วงเวลาที่ยาวนานหลายเดือน ต้อมยังทำตัวปกติทุกอย่างดูแลสนอย่างดีไม่เปลื่ยนแปลง ในขณะอีกคนมีความเปลื่ยนแปลงไป บางครั้งกลับห้องดึกดื่นบางคราไม่กลับมาเลย บางทีมีความสัมพันธ์ทางกายแบบผ่านๆ เหมือนไม่อยากจะมี ความสุขในรสรักของต้อมจึงลดน้อยลงไปอย่างมาก เพราะสนไม่ใคร่สนใจมอบให้อย่างแต่ก่อนมีอยู่ค่ำคืนหนึ่งสนพูดบางสิ่งออกมาจนต้อมรู้สึกใจหายใจคว่ำ เป็นคำพูดที่ไม่ได้รุนแรงแต่เจ็บลึกอย่างสุดทรวงและลึกสุดใจ“ต้อมเรามีเรื่องจะบอกกับนายนะ” สีหน้าของสนมีความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด“เรื่องอะไร” ต้อมเดินมานั่งบนเตียงในขณะสนนอนนิ่งๆ เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างไว้ในใจ“คือว่า เอ่อ เราสองคนก็โตกันขึ้นเยอะแล้วนะ ต่างคนต่างมีหน้าทีการงานของตัวเอง มีเพื่อนและอยากมีความเป็นส่วนตัว” สนยังไม่กล้าพูดคำใดๆ ออกมาพยายามเกริ่นนำ“นายจะพูดอะไร” ต้อมใจหวั่นหวิว เพราะคำพูดนำทางแบบนี้ เขาคาดคิดว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน“อืม เราคิดว่าต้องแยกห้องกันดีกว่าไหม เพราะเราทั้งคู่ก็โตกันแล้วนะ” สนจ้องหน้าของต้อมเพราะอยากรู้ความรู้สึกที่

  • เรารักกันไม่ได้   สิ้นเดือนที่เปลื่ยนไป

    ความรักทั้งสองคืบหน้าไปอย่างมากในความคิดของต้อม เมื่อถึงเวลาสิ้นเดือนต้อมจึงซื้อของกินของใช้มามากมาย เพื่อเลี้ยงฉลองกับสนคนสำคัญที่สุดในชีวิต ค่ำคืนนี้ต้อมจึงเฝ้ารอการมาของสน แต่สองทุ่มก็แล้วสามทุ่มผ่านไปสี่ทุ่มกำลังจะมาถึง แต่ยังไร้วี่แววของใครบางคน สายตาของต้อมจ้องมองอาหารที่เรียงรายหลายอย่างตรงหน้า จนเวลาเกือบเที่ยงคืนจึงได้ยินเสียงเคาะประตู“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ต้อมเดินไปเปิดประตูด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ“นายไปไหนมาเรานัดกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าวันนี้จะเลี้ยงฉลองเงินเดือนออก” ต้อมมีท่าทีกระฟัดกระเฟียดแสดงท่าทีไม่พอใจ“เราขอโทษ พอดีพี่พี่ทำงานเราเลี้ยงฉลองให้น่ะ เราไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะมีงานนี้” สนเข้ามาโอบกอดจากด้านหลัง พร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้าอันบูดบึ้ง“นายไปดื่มเหล้ามาเหรอ”“นิดหน่อยเอง พี่ๆ เขาบังคับให้เราดื่มน่ะ”“อืม แสดงว่านายกินข้าวมาแล้วใช่ไหม”“ใช่ กินมาแล้ว แต่ตอนนี้อยากกินนายมากกว่า”“แล้วกับข้าวที่เราซื้อมาล่ะ เต็มไปหมดเลย”“ไม่เป็นไรหรอกทิ้งไปซะให้หมด แต่ตอนนี้เราขอกินนายก่อนได้ไหม”สนช้อนร่างของต้อมแล้วอุ้มมาวางบนเสื่อไร้ที่นอน พร้อมจับร่างของต้อมพลิกคว่ำหลังจากนั้นดึงกางเก

  • เรารักกันไม่ได้   ความรักกำลังเดินทาง

    ต้อมตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมาทำกับข้าวให้สนกินก่อนไปทำงาน ซึ่งก็ไม่มีอะไรนอกจากไข่เจียวสองฟอง และในขณะเดียวกันต้อมได้รีดเสื้อกางเกงให้สนอย่างเรียบร้อยแขวนไว้ที่ราวตากผ้า ส่วนรองเท้าขัดจนเงาวับ หลังจากนั้นเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวจนเรียบร้อย เมื่อต้อมทำทุกอย่างเสร็จสิ้นจึงไปปลุกสนที่นอนหลับอย่างสบาย“สนตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปทำงานสายหรอก” ต้อมเขย่าร่างของสน“แจ้งแล้วเหรอ วันนี้ขี้เกียจจังเลย นึกว่านายจะต่ออีกรอบหนึ่งตอนเช้า” สนลุกขึ้นนั่งแล้วหยิกแก้มของต้อมอย่างเอ็นดูใคร่รัก“บ้า เมื่อคืนตั้งสองครั้งแล้ว”“มันต้องสามครั้งกำลังดี”“สามครั้งนายต้องไปทำเองที่ห้องน้ำโน้น ไม่ไหวยังเจ็บอยู่เลยนายทำเราแรงเกินไป” ต้อมแกล้งทำหน้างอ“ขอโทษนะ ต่อไปจะทำค่อยๆ อีกอย่างครั้งแรกของนายก็แบบนี้แหละ ทางแก้มีต้องทำบ่อยๆ จะได้ขยายหลวมๆ แต่เมื่อคืนฟิตเป็นบ้าเลย”“ทะลึ่ง ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าว”“จ๊ะ ที่รัก”สนเรีบลุกขึ้นในสภาพเปลือยเปล่าท่อนเอ็นตั้งชูชัน โดยไม่ได้มีความเขินอายอย่างแต่ก่อน จนทำให้ต้อมรู้สึกแปลกใจอย่างมาก“กางเกงก็ไม่ใส่ไม่อายบ้างเลยเหรอ”“จะมาอายอะไร ตอนนี้เราสองคนไม่เหมือนเดิมแล้วนะ เห็นกันทุกส่วนแล้วไม่

DMCA.com Protection Status