4 - ตามแอบสืบ
ยิ่งใกล้งานวันยี่เป็งยิ่งวุ่นวาย ดวงฤทัยเตรียมผ้าไหมจำนวนหนึ่งและแผ่นพับโฆษณาเพื่อเตรียมไปนำเสนอโรงแรมหลายที่ซึ่งเธอติดต่อไว้ล่วงหน้า แล้วยังช่วยชาวบ้านเตรียมทำโคมขนาดยักษ์รูปกระทงสูงราวสองเมตรที่จะยกขึ้นตั้งบนรถกระบะของผู้ใหญ่บ้าน โดยเมื่อถึงเวลางานเธอต้องขึ้นไปนั่งอยู่ข้างในด้วยชุดไทยล้านนา
“ดวง ลูกจะเข้าเมืองวันไหนลูก”
“เย็นนี้เลยค่ะคุณแม่ ไม่อยากให้ถึงค่ำนักคงออกสักราวบ่ายสี่โมง ไปถึงพระอาทิตย์คงยังไม่ตกดิน”
“งั้นลูกเอาน้ำพริกหนุ่มกับผักสดติดไปสักหน่อยนะลูก ไปฝากแม่อุ๊ยคำ”
“ค่ะ เออ คุณแม่คะ รอบนี้ดวงอาจไปนานหน่อยนะคะ ต้องไปคุยงานกับโรงแรมเรื่องขอเข้าร่วมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และอาจต้องไปสมาคมการท่องเที่ยวการโรงแรมของจังหวัดด้วยค่ะ”
“อ้อ ไม่งั้นลูกเอาน้ำพริกไปฝากบ้านพ่อเลี้ยงนฤเบศร์ด้วยสิลูก”
ดวงฤทัยส่ายหน้ายิ้มอ่อนให้แม่ดวงใจก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“ลูกว่าอย่าดีกว่าค่ะคุณแม่ ยิ่งดวงกำลังจะขึ้นรถแห่ ทางบ้านสินธุคงไม่ยอม เผลอ ๆ จะมาอาลวาดถึงคุ้มเลยค่ะ”
“ตามใจ งั้นลูกเก็บเสื้อผ้าเถอะจ๊ะ แม่ไม่กวนแล้ว”
ดวงฤทัยเปิดกระเป๋าใบใหญ่เตรียมเสื้อผ้าสำหรับทำงาน และเผื่อชุดออกงานไปสักชุด ส่วนเครื่องประดับเอาไปไม่มาก แต่ไม่ลืมหยิบชุดสร้อยทับทิมสยามชุดใหญ่ที่พ่อเลี้ยงนฤนารทให้เป็นสินสอด ซึ่งเป็นสินสอดเดียวที่เล็ดรอดมาถึงมือเธอ เพราะนอกเหนือจากนั้นทางบ้านใหญ่เก็บกลับไปจนหมด และเธอคาดว่าคงไม่มีหลงเหลือแล้ว
ที่คุ้มเจ้าจอมอินเธอมีแม่อุ๊ยคำ ป้ออุ๊ยเจียม สองสามีภรรยาอายุราวหกสิบปีแต่ยังสุขภาพแข็งแรง และหลานสาวที่ลูกของแม่อุ๊ยป้ออุ๊ยทิ้งไว้ให้เรียนหนังสือที่ในเมือง คอยช่วยดูแลคุ้ม
“ดวง! กระเป๋าใบใหญ่ขนาดนี้ ลูกจะไปนานเหรอลูก”
เสียงแม่เอ่ยทักขึ้นเมื่อมองกระเป๋าใบใหญ่ของดวงฤทัย เธอยิ้มบางเบาให้แม่ดวงใจยื่นมือไปหยิบถุงใส่น้ำพริกหนุ่ม
“ดวงไม่รู้ว่างานที่ตั้งใจไปเจรจาจะสำเร็จเมื่อไรค่ะคุณแม่ ถ้าเผื่อโรงแรมที่ทำดวงหมายตาไว้ไม่เอาด้วย ดวงคงต้องไปที่อื่นค่ะ อีกอย่างดวงขึ้นรถแห่แบบนี้คนในเมืองก็คงเห็นแล้วว่าดวงอยู่ในเมือง ดวงก็เลยเตรียมชุดงานกลางคืนไปบ้างเผื่อมีนัดกินเลี้ยงกับผู้หลักผู้ใหญ่”
“อืม ระวังตัวด้วยนะลูก ถ้ายังไงไปไหนก็ชวนหนูแก้วไปด้วย”
“ว่าจะโทรไปหาเหมือนกันค่ะ แต่ไม่รู้ว่าแก้วจะว่างหรือเปล่า ดวงไปก่อนนะคะคุณแม่”
ดวงใจเดินไปส่งลูกช่วยยกกระเป๋าขึ้นรถกระบะตอนเดียวคันกลางเก่ากลางใหม่ที่เหมาะสมสำหรับใช้เดินทางเข้ามาในหุบเขา ถนนเข้ามายังหม่อนไหมแม้ว่าไม่ลึกมากนักจากถนนใหญ่ แต่ค่อนข้างชันและคดเคี้ยวในบางช่วง จึงจำเป็นต้องใช้รถที่สมบุกสมบัน
ลูกสาวของเธอยอมแต่งงานกับพ่อเลี้ยงนฤนารทเพียงเพราะต้องการหนีไปจากคุ้มเวียงอินที่เริ่มระรานมากขึ้น ยิ่งตัวชุมแสงเองจากเดิมเคยดีมาตลอดกลับกลายมาทวงบุญคุณทุกวัน จะให้คุณยายเฟื่อนและเธอย้ายออกจนดวงฤทัยจำต้องยอมตกลง
พ่อเลี้ยงนฤนารทถือว่าเป็นคนดีพอสมควร เขาไม่เคยข่มเหงรังแกลูกสาวของเธอ ซ้ำยังให้เกียรติตลอดเวลาที่แต่งงานกันมาเจ็ดปี เธอรู้ว่าลูกสาวของเธอต้องการอิสระและพ่อเลี้ยงยินยอมให้อิสระนั่นแกดวงฤทัย ลูกสาวเธอได้เรียนต่อในมหาวิทยาลัยเอกชนจนจบปริญญาตรีในสาขาภาษาศาสตร์ วันรับปริญญาคุณยายเฟื่อนยังมีชีวิตอยู่ทันได้เห็นความสำเร็จของหลานสาวเพียงคนเดียว
อีกเดือนกว่าก็ครบหนึ่งปีที่พ่อเลี้ยงนฤนารทจากไป ดวงฤทัยเองจะเป็นอิสระจากการไว้ทุกข์มานานพอสมควรแล้ว คนเป็นแม่พลันนึกถึงเรื่องเก่า เธอจำได้ว่าลูกสาวของเธอเคยมีชายหนุ่มมาติดพันสักพักแล้วก็หายไป ในครานั้นลูกสาวเธอดูสดชื่นและดวงตาบ่งบอกว่ากำลังมีความรัก
น่าเสียดายที่ลูกสาวของเธอเลยผ่านช่วงชีวิตวัยรุ่นไปกับการดูแลพ่อเลี้ยงนฤนารท เธอหวังแต่เพียงว่าดวงฤทัยจะยอมมองผู้ชายคนใหม่และยอมให้ตัวเองมีความรักเสียที
“พ่อเลี้ยง”
คิ้วเข้มเฉียงขึ้นดั่งกระบี่ขมวดเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงานเมื่อคนสนิทที่เป็นดั่งบอดี้การ์ดและเพื่อนเอ่ยเรียก
“แสงทัด เมื่อไรนายจะเลิกเรียกฉันแบบนั้นเสียที”
ชายหนุ่มร่างใหญ่สันทัดแต่ไม่สูงมากนัก ผิวขาวตาตี๋หน้าเหลี่ยม ดูเพียงผิวเผินก็ทราบว่าเป็นชนชาติไทใหญ่ที่มาอาศัยอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย นั่งลงตรงข้ามพร้อมใบหน้ายิ้มกริ่ม
“เรียกให้ชินปาก เวลาอยู่ต่อหน้าคนจะได้ไม่เผลอหลุด”
“มีอะไรคืบหน้าบ้าง”
เหนือหัวปิดแฟ้มเอกสารเสนอราคาซื้อคุ้มเวียงอินที่เลขานุการอริสราแจกแจงรายละเอียดเสียยิบ ขนาดราคาอ่างปูนลายโบราณสำหรับล้างเท้าหน้าบันไดยังแจงมาด้วย
“ฟาร์มหม่อนไหมสินธุอยู่ห่างออกไปทางดอยอินทนนท์แค่ยี่สิบกว่ากิโล แต่ทางเข้าต้องลงไปในหุบเขา ชื่อหมู่บ้านห้วยแตง เรียกตามห้วยที่ไหลลงมาจากดอย”
แสงทัดยื่นซองสีน้ำตาลในมือเลื่อนไปกลางโต๊ะพยักหน้าให้เหนือหัวเปิดออกดู ชายหนุ่มร่างสูงกว่าผิวเข้มหยิบซองเปิดออก มีรูปพิมพ์สีขนาดเท่ากระดาษเอกสารหลายใบ
“ไม่ได้ส่งให้ทางโทรศัพท์ เพราะคิดว่านายอาจอยากดูแบบนี้มากกว่า”
เหนือหัวเหลือบตามองแสงทัดเมื่อบอดี้การ์ดอธิบายก่อนหลุบตามองภาพถ่ายพิมพ์กระดาษอาร์ตมัน เป็นรูปฟาร์มหม่อนไหมไม่เก่ามากและได้รับการดูแลรักษาอย่างดี สภาพภายในฟาร์มปลูกหม่อนและมีโรงทอผ้า
มือแกร่งชะงักไปเมื่อมาถึงรูปสุดท้าย ภาพดวงฤทัยยืนกำกับแม่อุ๊ยนิ้วมือชี้ไปที่กี่ทอผ้า เธอสวมชุดง่าย ๆ ด้วยกางเกงขายาวสีเข้มสำหรับทำงาน ส่วนท่อนบนเป็นเสื้อผ้าฝ้ายพื้นเมืองสีอ่อน รวบมวยผมอย่างที่เขาเคยเห็นยามเจอกันครั้งแรก มันดำและดกหนา
แม้ว่าเขาเห็นเพียงเสี้ยวด้านข้างแต่ดวงหน้านั่นงดงามยิ่งกว่าที่เขาจำได้ สาววัยสิบแปดหายไปกลายเป็นสาวสะพรั่งมั่นใจในตัวเอง มีบุคลิกผู้นำและปรากฎร่องรอยประสบการณ์บนใบหน้า
“ทำไมนายถึงอยากให้สืบเรื่องแม่เลี้ยงดวงฤทัย นายชอบเธอ?”
เหนือหัวเลื่อนรูปกลับเข้าซองตามเดิมแล้วใส่ไว้ในลิ้นชักล่างสำหรับเก็บของส่วนตัว มือล้วงหยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งตัวแล้วโยนซองบุหรี่ให้แสงทัด
แชะ!! สูด!!
คนที่นั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ยกขาขวาไขว่ห้างทับบนขาซ้ายพ่นควันขาวสายตายังจ้องเพื่อนรักที่ทำเช่นเดียวกับเขา
“มันเป็นเรื่องอดีตที่ฉันไม่เคยได้ ก็แค่นั้น”
“ซี้ด!! ไม่ล่ะมั้งเหนือ จากที่ให้ทั้งฉันและอาริสราไปสืบ ดูท่านายกำลังจริงจัง เขาเป็นแม่หม้ายเนื้อหอมของเมืองนี้ นายอาจต้องลงแรงมากหน่อย”
เหนือหัวหรี่ตาลงเอื้อมมือเคาะขี้บุหรี่ลงจานรอง ทั้งเขาและแสงทัดไม่เคยห่วงเรื่องภาพลักษณ์ของตัวเอง ตอนนี้เขานั่งอยู่ในห้องทำงานชั้นสี่ของโรงแรมชื่อดังที่เพิ่งเข้ามาซื้อกิจการหลายเดือนก่อน
“มีใครบ้าง”
แสงทัดค่อยยิ้มหยันมุมปาก เพ่งมองเหนือหัวที่ยังนั่งหน้านิ่งทั้งที่ใจเพื่อนรักคงกำลังรุ่มร้อน
“มีผู้ชายชื่อกานต์แก้ว เป็นพี่ชายของเพื่อนแม่เลี้ยง”
“คนนี้ฉันรู้จัก ไม่น่ากลัวเท่าไร”
เหนือหัวไพล่นึกไปถึงผู้ชายหน้าจืดเมื่อเจ็ดปีก่อน พี่ชายของแก้วนภา เขาเคยเจออยู่สองสามครั้งในซอยตอนไปหาดวงฤทัยที่คุ้มเจ้าจอมอิน
“อีกคนเป็นลูกเลี้ยง ฮ่า ฮ่า นายได้ยินไม่ผิด นฤเบศร์เองก็ชอบแม่เลี้ยงตัวเอง พยายามตามตื้อหลังจากที่พ่อเลี้ยงเสียชีวิตลงไม่นาน แต่แม่เลี้ยงยังไม่เล่นด้วย แต่ของอย่างนี้มันไม่แน่นอนหรอก ผู้หญิงขาดเรื่องอย่างว่านาน ๆ ไม่ได้”
“โอ๊ย!! ไอ้ห่าเหนือหัว”
พูดไม่ทันขาดคำเหนือหัวหยิบซิบโปขว้างออกไปโดนตัวของแสงทัดอย่างแรงด้วยความโมโห
“พูดอะไรระวังปาก!”
“เออ! รู้แล้วว่าหวง ต่อไปจะไม่พูดแบบนี้อีก”
“เย็นนี้เตรียมไปงานยี่เป็งด้วย มารับฉันก่อนห้าโมงเย็น”
แสงทัดยกมือวันทยหัตถ์แล้วบี้ดับบุหรี่ ก่อนลุกขึ้นเดินออกจากห้อง ปล่อยให้เจ้านายหนุ่มนั่งคิดวางแผนการในใจอยู่คนเดียว
นฤเบศร์
เสียงทุ้มพึมพำ มองนิ้วของตัวเองที่เคาะขอบโต๊ะอย่างใช้ความคิด ผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนเขา เพียงแต่แสงทัดไม่รู้ ถ้าเกิดนฤเบศร์ชอบดวงฤทัยจริง เขาคงต้องยอมแตกหักกับเพื่อนคนนี้
5- ยี่เป็งเสียงเพลงพื้นเมืองชาวเหนือดังกังวาลไปตลอดทั้งสายบนถนนหลักสำคัญของเมือง บรรดานักท่องเที่ยวขึ้นเหนือมาเที่ยวงานนี้โดยเฉพาะ เพื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายวัฒนธรรมบรรยากาศงานยี่เป็งแบบพื้นเมืองเหนือขณะที่รถของหมู่บ้านห้วยแตงและฟาร์มหม่อนไหมสินธุแล่นผ่านก่อให้เกิดเสียงฮือฮาตลอดทั้งสายเมื่อมองขึ้นไปยังบนรถประดับด้วยโคมทำจากผ้าและกระดาษสารูปดอกบัวสีขาว มีแม่หญิงงดงามยิ่งนั่งอยู่ตรงกลางส่งยิ้มไปโดยรอบรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นแต่มีน้ำมีนวล สวมใส่ชุดแม่หญิงล้านนาโบราณผูกอกสีแดงเลือดหมู นุ่งผ้าซิ่นสีแดงเข้มคาดเข็มขัดทอง มวยผมขึ้นสูงไม่ได้ประดับสิ่งใดนอกจากปิ่นโบราณทำจากทับทิมเข้าชุดกับสร้อยคอและรัดแขนฉลุลายประดับทับทิมสีแดงเช่นกัน แม้มองจากที่ไกลยังพอมองออกว่าเป็นชุดเครื่องประดับโบราณล้ำค่าเสียงผู้คนด้านล่างยังฮือฮาผิดไปจากสาวร่างเล็กบนรถประดับโคม ตอนนี้ดวงฤทัยแสบตาและคอแห้งแต่ยังต้องส่งยิ้มออกมาจนสุด เธอนั่งอยู่บนรถกระบะดัดแปลงตกแต่งโคมประทีปเป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้ว เธอสู้อดทนทั้งจากอารมณ์หงุดหงิดเพราะความหิว และต้องละความหยิ่งทะนงทนนั่งให้คนทั่วเมืองยืนชมความงาม แต่ทั้งหมดที่เธอทำก็เพื่อฟาร์มห
6 – ก็แค่กินข้าวต้นแขนเล็กถูกรวบด้วยมือสีเข้มแกร่งจนดวงฤทัยต้องก้มลงมอง เขาพาเดินไปช้า ๆ“นี่คุณปล่อยได้แล้ว”“หิวข้าวไม่ใช่หรือไง กำลังจะพาไปกินข้าว”“หยุดเลยนะ! ฉันไปเองได้ปล่อย!”คนร่างเล็กยื้อแขนไว้แต่ต้านทานแรงชายไม่ได้ เขายังพาเธอเดินเลาะออกไปกระทั่งถึงมุมมืดลานจอดรถ“นี่จะบ้าเหรอไง จะพาฉันไปไหน เด็กฉันรออยู่”ดวงฤทัยตกใจมองรถหรูที่มีคนรออยู่และเปิดประตูออกโดยเร็วเมื่อเขาพาเธอมาถึง มือแกร่งจับร่างเล็กของเธอยัดเข้าไปในรถแล้วก้มศีรษะลงมุดตามเข้ามาปัง!เธอรีบขยับตัวกระเถิบไปอีกข้างแต่เขายังดึงไว้แล้วยัดขวดน้ำใส่มือเธอ“ดื่มก่อนจะได้ไม่เป็นลม”ดวงฤทัยมองขวดน้ำในมือเหลือบสายตามองคนตรงหน้าอย่างเคลือบแคลงใจ แต่เพราะไม่ได้ดื่มน้ำมาหลายชั่วโมงจึงยกขวดน้ำขึ้นดื่มอย่างกระหาย ตายังชำเลืองเห็นเขากำลังควานหาบางอย่างหยิบออกมายื่นให้เธอ“กินอันนี้ก่อน เดี๋ยวจะพาไปกินข้าว”ดวงตากลมโตหวานซึ้งมองลูกอมรสสตรอเบอรี่ยี่ห้อดังแกะถุงหุ้มพลาสติกออกแล้วบนนิ้วแกร่ง“ทำไม ไม่กล้าเหรอ ไม่ต้องกลัวหรอก ยังไม่คิดทำอะไรตอนนี้”มุมปากของคนร่างสูงยังยักขึ้นในมุมเดิมด้านซ้าย หลุบตามองลูกอมอีกครั้งก่อนตัดสินใจรับ
7 – คำท้าจากปีศาจหน้าหล่อดวงฤทัยเงยศีรษะขึ้นจากผ้าปูโต๊ะที่เธอจ้องมองมาสักพักแล้วเพื่อเรียกความกล้า ส่งน้ำเสียงราบเรียบด้วยตาคมวาววับ ไม่ปิดบังอารม์หงุดหงิดของตนแม้แต่น้อย“ตอนนี้เรายังชอบกันอยู่”“พ่อเลี้ยง มันเป็นไปไม่ได้หรอก อย่าทำเป็นพูดเหมือนละครน้ำเน่าเลยค่ะ เจ็ดปี...มันนานมาก คุณเองคงเจอผู้หญิงสวยมาเยอะ ทำไมถึงยังอยากกลับมายุ่งเกี่ยวกับฉันค่ะ”“เจ็ดปีมันนานน่ะใช่ แต่พอเราเจอกันอีกครั้ง ดวงเองก็รู้สึกใช่ไหม เหมือนกับว่าเราเองยังชอบกันอยู่”“ไม่! ฉันไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น คุณน่ะคิดเอาเองคนเดียว เฮ้อ! เอาล่ะพูดไปก็เปล่าประโยชน์ เอาเป็นว่าไปส่งฉันกลับบ้าน แล้วเราก็ไม่ต้องเจอกันอีก”เสียงหวานรีบเอ่ยขึ้นอย่างร้อนตัว เหนือหัวพูดจี้ใจดำ ขืนอยู่ใกล้เขานานกว่านี้ นัยน์ตาคมกล้าคงมองเธอออกจนทะลุปรุโปร่ง มือเล็กยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอีกหางตาเห็นคนร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะแล้ว กำลังเดินอ้อมมาทางเธอ“งั้นกลับกันเลย”มือใหญ่ช่วยดึงเก้าอี้ออกเมื่อดวงฤทัยยืนขึ้นอย่างสุภาพบุรุษที่เธอไม่เห็นบ่อยนัก ประคองร่างเธอห่างเล็กน้อยพาออกจากห้องอาหาร“น้องดวง!!”ร่างแกร่งสูงใหญ่ชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของชายค
8 – เจ็ดปีเหมือนไม่ได้ห่างกันเลยเหนือหัวเอ่ยขึ้น ยังนั่งนิ่งรวบร่างอรชรไว้แนบอก การเจรจาต่อรองอยู่ในสายเลือด เขารู้ว่าจะหย่อนหรือดึงให้ตึงตรงไหน แล้วเขาจะได้ผลลัพธ์อย่างที่เขาต้องการดวงหน้าหวานซึ้งก้มศีรษะลงหลุบตามองเพียงมองปากหนาตรงหน้าที่แม้อยู่ใกล้แต่ไม่ยอมขยับ หนุ่มร่างสูงรอให้เธอเป็นฝ่ายตัดสินใจว่าจะร่วมทดลองไปเขาหรือไม่พวงแก้มเธอสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นจนร้อนจัด ตัวเขามีกลิ่นไวน์แดงรสเข้มข้น กลิ่นโคโลญจน์ราคาแพง ปะปนคละเคล้ากลิ่นบุหรี่ และไม่น่าเชื่อว่าริมฝีปากของเหนือหัวกำลังเย้ายวนใจเธอด้วยสีแดงระเรื่อจากน้ำองุ่นรสแรงดูชุ่มฉ่ำ แรงเต้นของหัวใจตรงอกแกร่งใต้ฝ่ามือเธอโหมกระหน่ำขึ้นจนเธอเองรู้สึกได้ เขาตื่นเต้นไม่แพ้เธอเช่นกันใจดวงเล็กยอมรับถึงความต้องการส่วนลึกภายใน เธออยากรู้สัมผัสนุ่มของริมฝีปากหนายามบดเบียดคลึงเคล้น จะยังก่อให้เกิดประกายไฟมอดไหม้ดั่งเดิมหรือไม่ ระยะเวลายาวนานที่ห่างกันอาจทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปลมหายใจของเหนือหัวกระชั้นแรงเมื่อสาวในอ้อมแขนนิ่งอย่างยอมจำนน สัญญาณทางกายของสาวร่างเล็กทำให้เขารู้ว่าเธอยินยอมร่วมทดสอบจุมพิต อ้อมแขนกำยำกระหวัดรัดร่างอ้อนแอ้นกระชั
9 - ขอเป็นแฟนแต่โดนสาวเมินใส่ดวงฤทัยดับเครื่องรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ขับเคลื่อนสี่ล้อ สูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อมองอาคารโรงแรมขนาดใหญ่ตรงหน้า กึ่งรีสอร์ตสวยงามด้วยทรงไทยล้านนาประยุกต์หลังจากเมื่อคืนนี้ผ่านพ้นในเช้าวันนี้เธอค้นพบว่า โรงแรมแห่งนี้จะเป็นกำลังสำคัญและขุมทรัพย์ที่ช่วยต่อชีวิตหล่อเลี้ยงเธอไปได้อีกหลายปี ทำอย่างไรให้โรงแรมยอมรับฟาร์มหม่อนไหมสินธุเข้าร่วมโครงการใจคาดหวังว่าชื่อเสียงของพ่อเลี้ยงนฤนารทจะยังช่วยส่งเสริมผลักดันให้เธอทำสำเร็จด้วยชื่อ แม่เลี้ยงดวงฤทัย สินธุเจริญพาณิชย์มือเรียวเล็กงดงามตัดเป็นระเบียบไร้สีแต่งแต้มหยิบเอกสารเบาะข้างแล้วก้าวลงจากรถ ยืดร่างบอบบางในชุดผ้าซิ่นไหมยกลายดอกบัวชายผ้านุ่งสีน้ำเข้มเงินสลับลายขวางด้วยสีเทาอ่อนทั่วทั้งผืน ตัวเสื้อเชิ้ตขาวลูกไม้คอเหลี่ยมแขนตุ๊กตา มวยผมขึ้นสูงเหน็บด้วยดอกพุดซ้อนสีขาวดอกใหญ่ซึ่งปลูกอยู่ที่คุ้ม ส่งกลิ่นหอมกำจายรอบตัว“สวัสดีเจ้า ยินดีต้อนรับสู่แมนสรวงบูติกโฮเท็ลเจ้า”แม่เลี้ยงสาวยิ้มพองามให้พนักงานเปิดประตูในชุดไทยล้านนาสีม่วง แล้วพาร่างเดินผ่านตรงไปยังส่วนแผนกต้อนรับ“สวัสดีเจ้า วันนี้มีอะหยังหื้อรับใช้เจ้า”“สวัสด
10 - พี่เหนือเสียงเครื่องปรับอากาศเดินเงียบ เสียงสาบเสื้อเนื้อตัวบดเบียด เสียงทอดถอนลมหายใจ และกลิ่นดอกพุดซ้อนกำจายอบอวลอยู่รอบตัว เหนือหัวเกี่ยวกระหวัดร่างงดงามของดวงฤทัยเข้าสู่วงแขน เดินหน้าดันกระทั่งเธอเลื่อนตัวขึ้นนั่งบนโต๊ะทำงาน มืออุ่นจัดหยาบกร้านอย่างน่าประหลาดดึงรั้งชายซิ่นผ้าไหมขึ้นสูงเพื่อแทรกลำตัวแกร่งเข้ากลางหว่างขา ลูบไล้สัมผัสขาเรียวงามนิ่มนวลดั่งผ้าไหมดวงฤทัยมีรสชาตินุ่มละมุนด้วยกลีบปากกระจับที่เขาคอยเฝ้าฝันถึง อีกมือทาบแผ่นหลังอ่อนโค้งดันให้เนินทรวงสล้างแนบชิดอกแกร่ง โอบรัดแน่นด้วยไฟรักลุกโชนตรึงท้ายทอยเล็กคลึงแผ่วเบาดั่งปลอบประโลมทั้งที่ริมฝีปากกำลังเรียกร้องการสนองตอบ ไต่ระดับจนถึงขีดสุด บดบังคับเปิดปากอวบอิ่มสอดแทรกลิ้นล่วงล้ำเข้าสำรวจความอ่อนนุ่มด้านใน หวานล้ำและชุ่มชื้นจูบดุดันเร่งรัดร้อนแรงดียิ่งกว่าเมื่อคืน ภายในอกแกร่งอัดแน่นต้องการสาวในอ้อมแขนกระชับวงแขนจนร่างเล็กแนบสนิทไร้ช่องว่าง ความรู้สึกรุนแรงหนักหน่วงนี้จะสุดที่ตรงใดเขาไม่อาจคาดการณ์ได้ รับรู้เพียงเวลานี้เธอทำให้กายแกร่งขับแน่นแทบระเบิดผิวเนื้อเนียนนุ่มดั่งทารกใต้มือใหญ่อุ่นร้อน ลูบไล้แผ่วเบาเชื่องช
11 – พี่ชายคนละแม่เสียงรถยนต์เลี้ยวเข้ามาจอดในลานจอดรถแต่เช้าทำให้ดวงฤทัยเองแปลกใจ เธอเพิ่งแต่งตัวเสร็จหลังจากนอนตื่นสายในวันนี้ในรอบหลายปี พาร่างบอบบางเดินออกมาจากห้องนอนจนถึงโถงกลางก็พบกับพี่พฤกษ์เข้าพอดี“ดวง”“สวัสดีค่ะพี่พฤกษ์ นั่งก่อนสิคะ”ดวงฤทัยเดินนำพฤกษ์ถึงเก้าอี้รับแขกที่ตั้งอยู่โถงทางเดินใต้หลังคาอีกฟากของบ้าน เธอไม่เจอพี่ชายต่างมารดามานานเกือบปีหลังจากที่เขามางานศพพ่อเลี้ยง สภาพตอนนั้นกับตอนนี้ผิดกันจนลิบลับพฤกษ์ อินราชา ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองดูย่ำแย่ขนาดนี้แม้ว่าหน้าตาเขายังหล่อเหมือนเดิมก็ตาม เสื้อผ้าที่สวมใส่เลือกใส่อย่างลวกๆ ไม่เข้าชุดกันทั้งมีรอยยับ ผมที่เคยตัดสั้นเรียบร้อยยาวเลยต้นคอ แต่ที่แย่กว่านั้นคงเป็นน้ำหนักที่ดูลดลงมากอาจร่วมเกือบสิบกิโลกรัม“พี่พฤกษ์ป่วยหรือเปล่าคะ พี่พฤกษ์ดูเหมือน ...”“ผอมลงใช่ไหม พี่ไม่ได้ป่วยหรอก แต่ไม่ค่อยมีเวลากินเท่าไร พี่มานี่มีเรื่องอยากจะขอร้องดวง”“ขอร้องดวง?”“ใช่ เกี่ยวกับคุ้มเจ้าจอมอิน”“คุ้มเจ้าจอมอิน?”ดวงฤทัยยังทวนคำเหมือนตัวเองเป็นคนโง่ และการที่เธอทำเช่นนั้นคงทำให้พฤกษ์อารมณ์เสีย เพราะใบหน้าหล่อเหลาผู้ดีออกอาการฉุนเฉียว“พ
12 – เข้าถ้ำเสือดวงฤทัยมองสองข้างทางขณะที่แสงทัดกำลังนำเธอไปหาพ่อเลี้ยงหนุ่ม คิ้วคันศรขมวดเล็กน้อยด้วยความกังวลเพราะบอดี้การ์ดขับรถคันใหญ่ออกนอกตัวเมืองมาได้สักพักแล้ว“ฉันขอถามหน่อยนะคะ พ่อเลี้ยงให้พาไปพบที่ไหน”แสงทัดมองกระจกหลังแวบหนึ่งก่อนมองทางตรงหน้าต่อ ร่องรอยกังวลใจชัดเจนทำให้รู้ว่าเหนือหัวไม่ได้บอกแม่เลี้ยง“ไปที่บ้านพ่อเลี้ยงครับ”“บ้าน?”“คุณดวงไม่ต้องกังวลใจครับ บ้านอยู่ห่างจากเมืองเกือบสิบกว่ากิโลเมตรเท่านั้น”สิบกิโลเมตร!! คราวนี้เธอเริ่มเห็นสองข้างทางที่บ้านเรือนเริ่มห่างกันเป็นระยะ จากนั้นรถเลี้ยวลงจากถนนใหญ่เข้าสู่ถนนสายเล็กกว่ามุ่งตรงไปยังเชิงเขาข้างหน้า แล่นไปได้ราวห้าร้อยจึงถึงรั้วใหญ่ทึบบ้านของพ่อเลี้ยงเหนือหัวเป็นดั่งบ้านเศรษฐีคนเหนือ สร้างจากไม้สักทั้งหลัง ทรงบ้านแฝดขนาดใหญ่ เสาบ้านเป็นไม้ท่อนเดียวลำใหญ่สูง หลังคาทรงจั่วตกแต่งกาแล แต่ที่ไม่เหมือนคนทั่วไปคงเป็นขนาดของบ้าน มีลานน้ำพุตรงกลางลาน แสงทัดนำไปจอดใกล้ทางขึ้นบันไดคนร่างเล็กลงจากรถอย่างหวั่นใจ แหงนดวงหน้าหวานขึ้นชั้นบนที่เปิดไฟสว่างไสว แล้วจึงสังเกตเห็นเหนือหัวยืนอยู่ตรงระเบียงมือล้วงกระเป๋าทั้งสองข้าง
บทพิเศษสามเดือน เมื่อเจ็ดปีที่แล้วตุบ ตุบ!ดวงฤทัยสะดุ้งลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงก้อนหินปามาโดนผนังห้องนอนด้านหน้าเรือนทรงไทยล้านนาร่างเล็กสะลืมสะลือลงจากเตียงควานมือเพราะความมืด เปิดหน้าต่างห้องนอน ชะโงกหน้าออกไปแต่ยังไม่เห็นใครได้ยินแต่เสียงเรียกทุ้มต่ำแผ่วเบา“ดวง ดวง”ดวงฤทัยขมวดคิ้ว เธอจำได้ว่าเสียงนี้เป็นเสียงของใคร เพราะตั้งแต่วันนั้นที่เขาเดินลับหายไปท่ามกลางผู้คนในงานยี่เป็ง แต่กลับโผล่เข้ามาในชีวิตแทบทุกวันแอ๊ดดด!!ดวงฤทัยพยายามเปิดประตูให้เบาที่สุด ย่องปลายเท้าผ่านชานเรือน โชคดีเธอได้นอนห้องหน้าสุดทำให้ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนของคุณแม่และคุณยาย จากนั้นดวงฤทัยก็พาร่างอันบอบบางลงบันไดบ้านเดินไปยังประตูเล็กข้างรั้ว“มาทำไม มันดึกแล้ว!!”“เอาขนมมาให้”“แขวนไว้นั้นแหล่ะ แล้วก็กลับไปได้แล้ว”“เดี๋ยวก่อนสิ ขอเห็นหน้าก่อนไม่ได้เหรอ”ดวงฤทัยมองซ้ายมองขวา ดูลาดเลาก่อนแอ้มประตูรั้วยื่นมือออกไปเพื่อรับขนม แต่คนร่างสูงกลับจับข้อมือเธอไว้ดึงเธอออกไปนอกรั้วดันไปยังมุมมืดด้านข้างใช้มือยันรั้วไว้“พี่แค่อยากขอดูหน้าน้องดวง หลับไปหรือยัง”“ถ้าหลับจะได้ยินเสียงหรือไง เห็นหน้าก็กลับไปได้แล
38 – ดาวเหนือคอยนำทาง จบบริบูรณ์ ncคราวนี้ดวงฤทัยลุกขึ้นนั่งข้างกายของเหนือหัว ก้มมองดวงตาของชายแกร่งที่ปิดสนิทไม่ยอมมองเธอ“คุณนฤเบศร์ฉีกสัญญาไปทิ้งแล้วค่ะ”“แล้วยังไง? แม้ว่าไม่มีสัญญา ดวงจะยอมเล่าเรื่องนี้ให้พี่ฟังไหม ไม่เลย พี่ไม่ได้อยู่ในแผนการ อยู่ในความคิดของดวงด้วยซ้ำ!”“พี่เหนือ!”มือเล็กวางบนแผ่นอกใต้ผ้าห่ม เธอวางไว้ตรงอกข้างซ้ายตรงที่หัวใจของเหนือหัวกำลังเต้นแรง“ที่ดวงไม่บอกพี่ เพราะว่าดวงไม่อยากให้พี่เหนือมองดวงว่าเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงิน ทั้งที่ดวงเองก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ดวงต้องการหลักประกันมั่นคงให้กับตัวเอง ดวงต้องการบ้านคุ้มหัวที่ปกป้องแม่และยายไปตลอดชีวิต แต่ดวงยอมทิ้งทุกอย่างแล้ว ที่ดวงไปบ้านคุณนฤเบศร์วันนั้นก็เพราะว่าดวงต้องการยกเลิกสัญญา ดวงยอมทิ้งทุกอย่าง ไม่เอาบ้าน ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ขอแค่ได้อยู่กับพี่เหนือ”“แน่ล่ะ ก็เพราะพี่รวยใช่ไหม”“พี่เหนือ! พี่คิดว่าดวงรักพี่เหนือเพราะเงินเหรอคะ พี่คิดว่าดวง ดวงทิ้งของพวกนั้นเพราะต้องการเงินทองของพี่ใช่ไหม? ไม่เลย ดวงไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ดวงไม่ยอมให้คุณนฤเบศร์หรือเจ้ายิ่งบอกพี่เหนือก็เพราะว่า ถ้าพี่เหนือรู้ พี่เหนือต้อง
37 - คนร่างเล็กเขาง้อแล้วนะ“หนูดวง”ดวงฤทัยสะดุ้งหันกลับไปยังจันทร์มาลา เธอไม่ได้ยินเสียงเดินของหญิงวัยกลางคนเนื่องจากคิดเรื่องของเหนือหัว“คะ?”“ตั้งโต๊ะเถอะ เย็นมากแล้ว เหนือจะได้ทานยา”“ค่ะ”สองหญิงหนึ่งคนสาวหนึ่งคนแก่กว่า จัดจานใส่ถาดกว้างทยอยยกมากลางลานใกล้ระเบียงแล้ววางบนพื้นบ้านของเหนือหัวยังคงนั่งทานกับพื้นซึ่งในหมู่บ้านแห่งนี้เองก็ยังคงทำแบบนี้ ยกเว้นบางบ้านที่นั่งทานโต๊ะทานอาหารอาหารของไทใหญ่ก็คล้ายกับของทางภาคเหนือจึงทำให้ดวงฤทัยเองทานได้คล่องปาก“แล้วนี่ทำไมเหนือถึงบาดเจ็บมาล่ะลูก”ในที่สุดจันทร์มาลาก็เอ่ยถามอย่างที่ใจของดวงฤทัยเองอยากรู้เช่นกัน เธอเอี้ยวหน้าไปมองพลันสบตาของเหนือหัวที่มองมาทางเธอพอดี จึงรีบหลบก้มมองจานข้าวของตัวเอง ตักข้าวเข้าปากนิ่งเงียบ“ไปตรวจงานอยู่หลายวัน พอใกล้ ๆ วันกลับเจอพวกชนกลุ่มน้อยครับ ปะทะนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่เป็นอะไรมาก หมอผ่าเอากระสุนออกไปแล้ว”“แล้วทางนั่นลูกยังจะไปอีกเหรอ”“ก็ต้องไปครับ นั่นมันธุรกิจเรา แต่อาจจะน้อยลง ให้หุ้นส่วนที่เป็นทหารช่วยดูแล”“แล้วเราจะไว้ใจได้ยังไง คนพวกนี้ใช่ย่อย”ดวงฤทัยแม้ว่าจะก้มหน้าทานข้าวแต่หูเธอคอยฟังเสียงท
36 - สำหรับเขาต้องมากกว่า ไม่มีน้อยกว่าเหนือหัวชะโงกตัวไปยังหลังรถแต่แสงทัดปัดมือของชายหนุ่มไว้ก่อนแล้วคว้ากระเป๋าของเหนือหัวมาไว้เอง“ยังไม่รู้ ไว้หลังสงกรานต์ว่ากันอีกที”แสงทัดเดินนำยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นไปบนเรือนยกใต้ถุนไม่สูงมากนักแบบไทใหญ่ อากาศในหน้านี้ไม่ร้อนมากนักเพราะอยู่ภูเขา ทำให้มีสายลมพัดมาตลอดเวลาบอดี้การ์ดเดินขึ้นเรือนกำลังเดินตรงไปยังห้องนอนของเหนือหัว พลันเหลือบเห็นร่างเล็กของคน ๆ หนึ่งที่เพื่อนของเขาถวิลหามาตลอด ทำให้เท้าใหญ่หยุดนิ่งตาเบิกกว้างหันกลับไปมองเพื่อนที่กำลังก้าวเท้าขึ้นบันไดเรือนมาพอดี“ไอ้เหนือ!”เหนือหัวเงยหน้าขึ้นมองแสงทัดที่ทำหน้าเหมือนเห็นผี คิ้วเข้มขมวดนิ่งไม่เอ่ยตอบอะไรยังก้าวขึ้นเรือนตามปกติ“มากันแล้ว”เสียงมารดาเอ่ยลอยมาจากชานเรือนแม้ว่าเขายังไม่ทันขึ้นไปชั้นบน จวบจนกระทั่งร่างสูงสาวเท้าไปบนขั้นสุดท้ายก้มศีรษะลงเพื่อให้พ้นชายหลังคาทรงเตี้ยเพื่อมุดเข้าไปในเรือน เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งจึงเห็นแม่เลี้ยงสาวแห่งสินธุเจริญพาณิชยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง หน้าเข้มกระด้างลงทันที“ไอ้ทัด มึงรอก่อน พาแม่เลี้ยงกลับไปด้วย”“ไอ้เหนือ!!”“เหนือ!!”เสียงแสงทัดและจั
35 – รัฐฉานปีใหม่ของชาวรัฐฉานปกติจัดขึ้นในวันขึ้นหนึ่งคำเดือนอ้ายของทุกปี ซึ่งมักจะเป็นช่วงงต้นเดือนธันวาคม ทำให้ในวันปีใหม่สากลของที่นี่เงียบเหงา ไม่ได้จัดงานเหมือนที่อื่นมีเพียงตามสถานที่สำคัญร้านค้าที่ทำสัญลักษณ์ว่าป้ายสวัสดีปีใหม่บางร้านค้าเท่านั้นร่างสูงยืนนิ่งตรงชานเรือนไม้ยกพื้นสูงบนเขาดอยเย่ว[1] ดอยสูงคดเคี้ยวเข้าลำบากถิ่นเดิมของมารดา บ้านทรงธรรมดาแบบไทใหญ่เพียงแต่หลังใหญ่กว่าทุกหลังในหมู่บ้านบอกสถานะทั้งทางสังคมและฐานะเงินทองใบหน้าเข้มไม่ได้พันผ้าโผกหัวนุ่งโสร่งเหมือนกับผู้ชายคนอื่นพื้นถิ่น เขาสวมกางเกงผ้าฝ้ายสีเข้มม่อฮ่อมและเสื้อผ้าฝ้ายสีอ่อนคอจีนผ่ายาวลงมาติดกระดุมทำจากรังผ้าฝ้ายสีเดียวกันจันทร์มาลา มารดาของเหนือหัวเองเฝ้าสังเกตลูกชายมาสักระยะแล้วนับจากกลับมาบ้านในคราวนี้ร่วมสองเดือน แม้ว่าเหนือหัวยังคงพูดคุยด้วยปกติแต่สีหน้าลูกชายดั่งมีเรื่องกลุ้มใจ บางครั้งเธอได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาขณะที่เขาเผลอยามอยู่คนเดียวแสงทัดเองเมื่อกลับมายังหมู่บ้านแห่งนี้เขาเองก็กลับบ้าน ไม่ได้มาอยู่ดูแลเหมือนดั่งอยู่เมืองไทย ทำให้จันทร์มาลาไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปถามใครดี ได้แต่เฝ้ามองลูกชายคนเ
34 – รู้ความจริงร่างเล็กนั่งรอแทบไม่ติดที่นั่งเมื่อนฤเบศร์เดินเข้ามาในห้องรับแขกของบ้าน และพลันยืนขึ้นทันทีอย่างร้อนใจเมื่อเห็นเขา โดยไม่ต้องพูดนฤเบศร์ก็รู้ว่าเธอมาเพื่อสิ่งใดในบ่ายวันนี้“พ่อเลี้ยง”“นั่งก่อนสิ ค่อย ๆ พูด”มือเล็กกุมไว้ขยุกขยิกห้ามตัวเองไม่ได้ ร้อนใจต้องการพูดเรื่องที่ตนเองตัดสินใจโดยเด็ดขาดแล้ว แต่ถูกขัดจังหวะด้วยเด็กรับใช้ในบ้านกำลังนำน้ำดื่มมาต้อนรับเธอนั่งนิ่งรอจนกระทั่งเด็กคนนั้นออกจากห้องไปจึงได้เริ่มเปิดปาก“ดวงตัดสินใจแล้ว”“ผมรู้ว่าที่คุณดวงมาวันนี้ก็คงเลือกมาแล้ว คุณเลือกเหนือหัวใช่ไหม”ดวงฤทัยพยักหน้ารับทันทีไม่รอช้า“ใช่ ดวงตัดสินใจแล้วว่าจะขอละเมิดสัญญาที่ทำไว้ ไม่มีสิ่งใดแทนที่พี่เหนือได้ ดวงไม่ต้องการบ้านหรือฟาร์ม”“ดื่มน้ำก่อนสิ”นฤเบศร์เอ่ยแนะนำเมื่อเสียงของดวงฤทัยทั้งแหบแห้งและฟังเหนื่อยล้า นั่นคงเพราะเธอคงร้องไห้มาทั้งคืน ร่างเล็กหยุดไปชั่งครู่แล้วทำตามที่เขาบอก“ดวงรู้หรือเปล่าว่าในสัญญานอกจากจะสูญเสียทุกอย่างแล้ว ยังต้องชดใช้เงินสินสอดกลับคืนอีกด้วย”ดวงฤทัยหน้าซีดเผือดวางแก้วลงมือสั่นเล็กน้อยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ“ดวงจำได้ดี และสินสอดที่คุณพ่
33- เป็นของพี่เหนือ“ว่าไงนะ!”“ครับ เมื่อคืนนี้เจ้าเหนือหัวอาละวาดกลางงานแสดงสินค้าจังหวัด ลงไปต่อยจนคลุกฝุ่นตลบกับพ่อเลี้ยงนฤเบศร์เรื่องแย่งคุณดวงฤทัย เห็นว่าเจ้าเหนือหัวอาการหนักพอดูครับ”ป้าบ!!เจ้ายิ่งตีเข่าใบหน้าโกรธขึ้งขึ้นทันทีเมื่อได้ยิน“นั่นปะไร ข้าว่าแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นคนไม่ดี”“ไม่ใช่แบบนั้นทั้งหมดน่ะสิครับ คุณดวงแกไปเอาน้ำเย็นสาดไปบนหลังเจ้าเหนือด้วยครับ แล้วแสงทัดก็มาลากเจ้าเหนือออกไป”“ถึงยังไงก็ไม่ดี นี่เหนือหัวหลานชายฉันเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากหรือเปล่า”“คงไม่เท่าไรครับ นี่ผมส่งยาไปให้ที่บ้านใหญ่แล้ว แต่เห็นว่าเจ้าเหนือไม่กลับไปบ้านชานเมืองมาร่วมสองอาทิตย์ เห็นว่าโกรธกันกับคุณดวง เด็กที่เรือนยังเล่าอีกว่าครั้งล่าสุดคือวันที่เจ้าเหนือมาหาคุณท่านให้ช่วยไปสู่ขอนั่น เป็นวันเดียวกับที่เห็นคุณดวงร้องไห้ขับรถออกจากบ้านไปครับ และเธอก็ไม่มาที่เรือนอีกเลย”เจ้ายิ่งชะงักไปเมื่อได้ยิน เด็กสาวคนนั้นทะเลาะกับเหนือหัวแต่เหตุไฉนถึงเป็นฝ่ายร้องไห้ออกไป แทนที่จะเป็นเหนือหัวอกหัก“ผมว่าเจ้ายิ่งอาจเข้าใจผิดก็เป็นได้นะครับ ดูแล้วคุณดวงเป็นคนดี ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียมาก่อน ถ้าจะเ
32 - ออกอาการอยากใช้แรง“อ้าว ๆ ระวังหน่อยสิ ค่อย ๆ ยก”ดวงใจรีบร้องบอกคนงานขณะกำลังยกลังไม้บรรจุผ้าไหมเตรียมเข้าไปร่วมงานในจังหวัดช่วงเย็น แหงนหน้ามองไปทางห้องนอนของลูกสาวพลางถอนหายใจตัวเธอเองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองหนุ่มสาว สองอาทิตย์ก่อนหน้านี้ดวงฤทัยออกจากบ้านไปหลังจากนฤเบศร์มาหาด้วยใบหน้าหม่นหมองเล็กน้อย แต่พอกลับมาอีกครั้งดวงตาแดงก่ำเหมือนว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักเธอปล่อยให้ลูกสาวอยู่คนเดียวใช้เวลาทบทวนความคิดความรู้สึกอยู่สองสามวัน จึงเอ่ยปากถาม แต่ดวงฤทัยยังไม่ยอมพูด บอกเพียงแค่ว่าทะเลาะกันเรื่องเล็กน้อย“คุณด๋วงใจเจ้า หื้อเอาอันนี้ด้วยแม่นก๊ะ”เธอหันหน้ากลับไปทางคนงานหญิงในฟาร์มมองผ้าซิ่นราคาแพงทำจากไหมย้อมสีธรรมชาติทอประณีตยกลายดอกบัวริมปลาย“ใช่ ๆ ผืนนี้สำคัญมาก ระวังด้วยนะ”“เจ้า”ดวงใจมองไปข้างบนบ้านอีกครั้งขมวดคิ้วกังวลใจ จนเห็นร่างบางลงจากเรือนแม้ว่าหน้าตาหมองคล้ำแต่ดูดีกว่าหลายวันก่อน“มาแล้ว เข้าเมืองเลยหรือเปล่าลูก”“ค่ะแม่”น้ำเสียงอ่อนระโหยเดินพาร่าอ่อนแรงไปยังรถกระบะคันเดิมที่ใช้ประจำ ยืนรอกระทั่งคนงานยกของขึ้นรถจนเสร็จ“แล้วใครจะช่วยลูกขนลงจากรถ”“มีคนในง
31 – รักพี่ไหมคนดี 18+กว่าจะกลับเข้ามาอีกรอบเกือบค่ำเพราะต้องแวะเอาของที่โรงแรม พ่อเลี้ยงเหนือหัวเดินย่ำไปบนชานเรือนแอบย่องเข้าไปในห้อง มองหญิงสาวหลับสนิทด้วยความเหนื่อยอ่อนยังอยู่ในชุดเดิมเตียงยุบตัวลงเมื่อร่างใหญ่นั่งขอบเตียงขยับไปใกล้ ลมหายใจสม่ำเสมอทำให้เขารู้ว่าเธอหลับสนิทจริง ๆ จึงเอนกายลงนอนข้าง ๆ โอบแขนรอบเอวคอดกิ่วใช้หน้าซุกลงไป“อื้อ พี่เหนือกลับมาแล้ว”เสียงงัวเงียแหบนิด ๆ ฟังแล้วเหนือหัวรู้สึกจั๊กจี้ในหัวใจ เขาโน้มหน้าลงจูบปากกระจับอ่อนหวานเป็นพักกว่าจะยอมปล่อย“หิวไหมคะ”“ยัง หิวอย่างอื่นมากกว่า”“อื้อ เดี๋ยวเถอะ ไปทานข้าวกันดีกว่า ดวงหิวแล้วนะ”“เพิ่งตื่นแท้ ๆ ทำไมถึงหิวแล้ว”เหนือหัวยังไม่ยอมปล่อยมือใหญ่อุ่นล้วงเข้าไปในเสื้อกอบกุมทรวงอกอิ่มคลึงเบา ๆ จนกายสาวอ่อนระทวย“พี่เหนือ!”“ก่อนนะ แล้วค่อยกินข้าว พี่อยากแล้ว”ความเร็วในการถอดเสื้อของเหนือหัวรวดเร็วจนเธอแปลกประหลาดใจ เขาดึงเสื้อเธอออกจากตัวตามด้วยกางเกงไม่เว้นจังหวะแม้แต่น้อย“พี่เหนือ รีบเหรอคะ”“ใช่ พี่รีบ พี่รอไม่ไหวแล้วดวง อยากเข้าแย่แล้ว เห็นไหม”เหนือหัวจับมือของดวงฤทัยขึ้นมาจับกายแกร่งแข็งชัน ครางลึกในลำคอ